เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๐ อุบัติเหตุ ๒/๒

เพทายเดินผิวปากลงมาจากบันไดเวียนอย่างอารมณ์ดี สมุดปฏิทินงานที่หล่อนถือติดมือมาด้วย บ่งบอกว่าเดือนนี้เป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน เพราะคิวงานไม่แน่นเหมือนเดือนก่อนๆ เลยไปถึงเดือนหน้าซึ่งหล่อนปฏิเสธงานแต่งของลูกค้าไปเกือบสิบราย ทำงานมาก สมองไม่ได้พัก ไอเดียก็ไม่บรรเจิด ในปีหนึ่งๆหล่อนจะจัดสเปชเวลาส่วนตัวไว้สักสองสามเดือน เดินทางไปไหนต่อไหนสร้างแรงบันดาลใจเพื่อนำมาใช้ในงาน wedding planner อาชีพอิสระที่เข้ากับตัวหล่อนมากที่สุด

“ฮัลโหลสาวสวย วันนี้ลืมนัดเจ๊รึเปล่า” นักวางแผนกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ขนาดพอดีมือ ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันพักผ่อน ทว่าหล่อนก็ยังนัดรุ่นน้องคนสนิทเอาไว้ เพื่อไปช่วยกันเลือกซื้ออุปกรณ์ตกแต่ง event พร้อมๆกับช้อปปิ้งของจิปาถะส่วนตัวไปด้วยในคราวเดียว

“โทษทีนะพี่เพ..เลื่อนเป็นตอนเย็นได้มั้ย วันนี้เพื่อนหนูขอแลกเวรอะ” เปี่ยมรักบอกเสียงค่อย ซึ่งก็ได้รับรางวัลกลับมาเป็นเสียงเอะอะโวยวายยืดยาวตามประสาเพทาย ก่อนจะถามห้วนๆว่า

“อยู่เวรแล้วจะเลื่อนเป็นตอนเย็นได้ไง โดดเวรเอาเรอะ?”
“แหม..ใครจะกล้า หนูเพิ่งทำงานปีแรกไม่เปรี้ยวขนาดนั้นหรอก” เปี่ยมรักตอบกลั้วหัวเราะ เพทายยังถามต่อกวนๆ
“แปลว่าปีหน้า ปีต่อๆไปจะหัดโดดเวรกะเค้าบ้าง”

“ไม่ใช่ยังงั้นซะหน่อย คุณพี่เก๊าะ..วันนี้อยู่เวรเสริมแค่แปดชั่วโมง มีเพื่อนอีกสองคนอยู่ตรวจทั้งวัน เวรเค้าจัดแบ่งมายังงี้”

มีเสียงผ่อนลมหายใจเบาๆมาตามสาย บอกอารมณ์ไม่ได้ดังใจพอประมาณ
“ฉันอยู่คนเดียวที่บ้าน ไม่มีอะไรทำ..ขอไปนั่งเล่นรอแกที่ห้องพักแพทย์เหมือนวันนั้นได้ใช่มั้ย.. แล้วนี่จะไปกันกี่โมง” เพทายมักยิงคำถามแบบไม่มีทางเลือกให้หล่อนได้เสมอ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ขัดข้องที่จะทำตามคำขอของรุ่นพี่ ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เพทายมาช่วยอยู่คุยแก้เครียด เวลาทำงานกับคนไข้หรือมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน เพทายจะเป็นทั้งที่ปรึกษา และผู้ดับร้อนให้หล่อนได้แทบทุกครั้ง บางทีก็เคยใช้ความปากไวของตัวเองนั่นแหละ มาช่วยเป็นปากเป็นเสียงแก้ไขปัญหาให้แทน

“มาเลยพี่เพ ตอนนี้กำลังว่าง.. หนูอยู่ถึงสี่โมงเย็น เสร็จปุ๊บเราจะได้ออกเที่ยวกันปั๊ป”
“น้อยๆหน่อยย่ะ ฉันชวนแกไปช่วยเลือกของ ไม่ได้ไปเที่ยว”
“นั่นแหละ ก็คือๆกัน ผ่อนคลายๆ” จิกกัดกันพอเป็นพิธี ก่อนจะจบบทสนทนา เปี่ยมรักก็เอ่ยประเด็นสำคัญที่เพิ่งนึกขึ้นได้

“เออ เกือบลืมแน่ะ คุณเพื่อนนายหมอผีเจาะปากเค้าฝากชวนเที่ยวด้วยนะ พี่เพมาถึงรพ.แล้วจะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกที”
คราวนี้เพทายพ่นลมหายใจยาวกว่าเดิม

“นี่คุณน้อง ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเอ่ยถึงนายคนนั้นได้มั้ย จะพูดทำไมให้ยืดยาว บอกคุณเต้ก็เข้าใจแล้ว”
เปี่ยมรักพูดอะไรรัวเร็วอีกสองสามคำเป็นการตัดบท ทิ้งให้คนปลายสายนั่งอารมณ์เสียต่ออีกหลายนาที เมื่อนึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมาแบบห้ามไม่ได้

“ผมขอใช้สิทธิของผู้ชนะ สั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของไอ้ศรันย์อีก ไม่ว่ารูปแบบใด และกรณีใด”
คือคำประกาศิตที่ชัดเจนกล่าวกำชับและบังคับไว้ เมื่อหล่อนยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้เขาอ่าน น่าแปลกที่เขาไม่ได้แสดงอาการเสียหน้า ตกใจ หรือทึ่งในตัวหล่อนเลยแม้แต่น้อย

หญิงสาวขอร้องเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์เอาไว้ ว่าอย่าเปิดเผยชื่อของหล่อนให้สื่อมวลชนรับทราบ หล่อนไม่อยากให้ชีวิตตัวเองยุ่งเหยิงวุ่นวาย และเข้าไปพัวพันกับคลินิกทำแท้งนั่นอีก จะมีก็แต่คนสนิท คนใกล้ตัวเท่านั้นที่รู้ว่าหล่อนไปทำอะไรมา..แล้วก็ต่อเมื่อหล่อนไว้ใจ และต้องการจะให้รู้เท่านั้น

เรื่องนี้แม้แต่นลัศ..หล่อนยังเก็บเป็นความลับ เพราะหล่อนแคร์ความรู้สึกเขามาก กลัวเขาจะโกรธ จะไม่มองหน้าหล่อนอีก ด้วยเคยรับปากคำมั่นสัญญาไว้ดิบดีว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้

คนที่รู้มีเพียง ไพลิน กับศิษย์ของหล่อน ซึ่งเวลานี้ มยุเรศได้ยินยอมไปหลบภัย และฟื้นฟูสภาพชีวิตจิตใจเสียใหม่ที่บ้านของหล่อนเรียบร้อยแล้ว

อีกคนสำคัญคือ..เปี่ยมรัก หล่อนก็ยังไม่กล้าให้รับรู้ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ แต่ด้วยความเป็นคนฟื้นฝอยหาตะเข็บ ช่างพูดช่างเจรจา หล่อนจึงเกรงว่ารุ่นน้องจะเก็บความลับไม่อยู่ หลุดพูดอะไรออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

สำหรับชัดเจนถือเป็นกรณีพิเศษ..เขาบังเอิญเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับหล่อนและเหตุการณ์ฉุกละหุกนี้อย่างไม่มีใครห้ามได้ และก็กลายเป็นผู้มีพระคุณอันดับรองลงมาจากผู้ชนะในเกมแบดมินตันครั้งนั้น..เขากลายเป็นผู้มีพระคุณโดยบังเอิญ และไม่ได้รับเชิญไปเสียแล้ว

เวลานี้ศัลยแพทย์หนุ่มทั้งเป็นต่อ และเป็นนายหล่อนแทบทุกเรื่อง หญิงสาวแค่ต้องการแสดงความสามารถที่เหนือกว่าเขาได้สักเรื่อง ลบคำสบประมาทว่าเป็นผู้หญิงตัวกะเปี๊ยก ไม่มีน้ำยา ทว่าเขากลับมาใช้สิทธิของผู้ชนะ กล่าววาจาทำร้ายจิตใจหล่อนได้อีก ยิ่งนึกยิ่งเจ็บแค้น..แต่นั่นแหละ มันก็ดูจะเป็นความแค้นแบบหน่วงๆ เพราะมีคำว่า ‘บุญคุณ’ ต่อท้าย

มันน่าหงุดหงิดน้อยเสียเมื่อไหร่..

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เพทายแทบกระโดดร้องกรี๊ด หล่อนขับรถมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดพอดี หญิงสาวหักพวงมาลัยเข้าที่จอดใกล้ตึกอุบัติเหตุฉุกเฉิน ก่อนจะรีบกดรับ กรอกเสียงทักทายคนปลายสายด้วยความดีใจ

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ..ลูกคิดถึงที่สุดเลย”
คุณตระการตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีเหมือนเคย นานๆครั้งเขาจะติดต่อบุตรสาว นานๆครั้งจะได้พบปะเยี่ยมเยียนลูกๆในเรือนกุหลาบ บ้านเดิมของชายสูงวัย ผู้ปลดเกษียณราชการจากตำแหน่งนักบินรบกองทัพไทยอันทรงเกียรติมาเกือบห้าปี

“เป็นยังไงบ้างยายเพ..ยังแสบเหมือนเดินไหมเรา”
“แรงดีไม่มีตกหรอกค่ะ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ใครดีมาเพดีตอบ ใครร้ายมาเพจัดเละเหมือนเดิม” เพทายยืดอกตอบด้วยความภาคภูมิ เสียงกลั้วหัวเราะบอกอารมณ์สดใส และมีความสุขในตัวเองได้ไม่เคยเปลี่ยน “;วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนยังไงคะ..โทรหาหนูได้ ร้อยวันพันปี ไอ้เราก็พยายามโทรหา..คุณนาวาอากาศเอกสุดหล่อก็เล่นตัวปิดเครื่องตลอดๆ”

เพทายแกล้งแหย่บิดา ทว่าน้ำเสียงมีแววตัดพ้อเล็กๆเจืออยู่ด้วย

“หนูก็รู้..พ่อไม่ค่อยอยากติดต่อกับใคร เรื่องเยอะ คนเยอะมากความ” เสียงผู้เป็นบิดาเหนื่อยหน่าย เหมือนคนสูงอายุที่เริ่มสลดสังเวชใจในชีวิตมนุษย์ “เราสบายดี พ่อก็ดีใจแล้ว ว่าแต่วันนี้อยู่บ้านหรือเปล่าลูก พ่อนัดคุยธุระกับเพื่อนที่กรุงเทพ..ได้เอาขนมหม้อแกงเมืองเพชรไปฝาก”

“อุ๊ย น่ารักที่สุด จำได้ด้วยว่าลูกชอบหนมหม้อแกง” เพทายหนีบเสียงอ้อนบิดา “คุณพ่อแวะมารพ.จังหวัด ที่สมุทรสาครได้มั้ยคะ หนูออกมาหาเพื่อนที่นี่..กว่าจะกลับบ้านคงดึกๆสักสี่ห้าทุ่มโน่น”
หล่อนชวนไปอย่างนั้นแหละ..นึกว่าจะถูกปฏิเสธอีกตามเคย ทว่าผิดคาด คุณตระการรีบบอกเสียงกระตือรือร้นกว่าเก่า

“ได้สิ..พ่อเพิ่งออกจากประจวบฯ อีกไม่เกินสองชั่วโมงคงถึงสมุทรสาคร..ทางผ่านพอดีเลย”
“กรีดร้องไชโยโห่ฮิ้ว..จู๊กกรู้ว” เพทายแทบกระโดดออกมาหอมแก้มบิดาเป็นการตอบแทน..เสียงกรีดร้องของหล่อนทำให้คุณตระการจินตนาการภาพไปในรูปแบบนั้น

“ถึงแล้วพ่อจะโทรหานะลูก”
“รอด้วยใจจดใจจ่อค่ะพ่อ..เดินทางปลอดภัยนะคะ”

เพทายก้าวลงมาจากรถคันแดง ปิดประตูสะพายกระเป๋าออกมาหน้าตาเริงร่าที่สุดในรอบปี..เกือบปีแล้วไม่ได้พบหน้า..วันนี้หล่อนมีความสุขที่สุด

“หมอฝอยทองอยู่ในห้องพักค่ะ..เบรกทานข้าวเที่ยง”

เพทายเดินหอบถุงพลาสติกบรรจุกับข้าว อาหารรสเด็ดที่เพิ่งแวะซื้อหน้าโรงพยาบาล มุ่งตรงไปยังห้องพักแพทย์ตามคำบอกของผู้ช่วยพยาบาลที่หล่อนพบหน้าประตูห้องตรวจผู้ป่วยนอก(OPD) หญิงสาวต้องเดินทะลุห้องตรวจดังกล่าวเข้าไป เนื่องจากห้องพักแพทย์อยู่ด้านในติดกับบริเวณนั้น ดูลาดเลาแล้วเปี่ยมรักคงมีเวลานั่งเม้ากับหล่อนได้อีกไม่นาน เพราะคนไข้นั่งรอตรวจกันแน่นขนัดหนาตาเป็นพิเศษ เวลาเบรกกินข้าวก็คงน้อยลง อีกราวๆครึ่งชั่วโมงคุณหมอคงถูกเรียกให้ออกมานั่งตรวจหน้าดำคร่ำเครียดกันตามเดิม

“โหยพี่เพ..ทำไมเพิ่งมา นั่งรอจนรากงอกแล้วเนี่ย” เปี่ยมรักบ่นทันทีที่เห็นรุ่นพี่ผลักประตูเข้ามา
“ฝังไว้ตรงนั้นแหละรากของเธอ... ฉันอุตส่าห์ซื้อของอร่อยๆมาให้กินแล้วยังบ่นอีก เห็นมั้ยเนี่ยเต็มไม้เต็มมือ มาช่วยรับไปหน่อยซิ” ว่าพลางค่อยๆหย่อนสารพัดถุงเรียงรายลงบนโต๊ะยาวกลางห้อง ไม่เสียเวลารอให้คนฟังลุกขึ้นมารับ เสร็จจากภาระในมือข้างหนึ่ง ก็เดินเอาถุงบรรจุขวดเครื่องดื่มตรงไปยังตู้เย็นข้างโทรทัศน์จอใหญ่ซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้เป็นช่องรายการสารคดีอะไรสักอย่าง และเหมือนทีวีกำลังดูคนมากกว่า จะมีคนดูทีวี เพทายตาไวพอจะเห็นว่ามีหมอผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นไอโฟนตรงหลืบมุมห้องบริเวณใกล้เตียงนอนสองชั้น ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานอีกคนอย่างเปี่ยมรัก รายนั้นก็แยกตัวออกมานั่งห่างกันเหมือนไม่ถูกชะตาอย่างไรชอบกล

“เสียใจอ่ะพี่เพ..ฝอยทองกินจนอิ่มแปล้ซะแล้ว นั่นไงหลักฐาน” เปี่ยมรักทำหน้าเสียดายพลางชี้ให้ดูกองปิ่นโตวางกระจัดกระจายบนโต๊ะ เจ้าหล่อนกินเกลี้ยงไม่เหลือเศษข้าวสักเม็ด
“เออย่ะ..ฉันเชื่อว่าเธออิ่มจริง” เพทายมองของบนโต๊ะทั้งของตัวเองสลับกับปิ่นโตกองนั้น “แช่เย็นไว้กลับไปกินต่อที่บ้านละกัน เสียดายของ..”

แต่พอคิดไปคิดมา และสายตาเจ้ากรรมก็ดันสะดุดอยู่ที่คนเล่นไอโฟนอีกครั้ง หญิงสาวเลยชะงักมือซื่งกำลังเอื้อมมาหยิบถุงกับข้าวกลางครัน ตัดสินใจเดินเข้าหาเป้าหมายพร้อมคำชี้ชวน

“คุณหมอทานข้าวหรือยังคะ ดิฉันเป็นเพื่อนฝอยทอง แวะซื้อกับข้าวมื้อเที่ยงมาฝากค่ะ” เสียงหล่อนอ่อนหวานผิดปกติด้วยไม่อยากซื้อของมาทิ้งเปล่า เสียเงินฟรี เปี่ยมรักถึงกับกระแอมไอขัดจังหวะขึ้นมา ทำหน้าเหมือนคลื่นเหียนอยากอาเจียนเต็มที่

“ของเหลือไม่มีใครเอาแล้วน่ะซี..ตั้งใจซื้อมาฝากที่ไหนกัน” ประโยคค่อนแคะดังกล่าวยืนยันสันนิษฐานของเพทายได้อย่างดี ว่าคุณหมอฝึกหัดสองคนนี้ต้องมีเรื่องไม่กินเส้นกันแน่นอน

แพทย์สาวแต่งหน้าจัดคนนั้นละสายตาจากไอโฟนครู่หนึ่ง หันหน้ามามองเปี่ยมรักแบบจิกกัดเต็มที่ ก่อนจะเหลือบมามองคนหวังดี กลอกตาขึ้นลงพิจารณาคนแปลกหน้าตั้งแต่หัวจดเท้า หล่อนเหยียดยิ้ม ไม่เอ่ยอะไรกลับมาสักคำ ครู่เดียวก็ก้มลงไปมีสมาธิกับไอโฟนในมือต่อ เสมือนคนตรงหน้าเป็นอากาศธาตุ ว่างเปล่า และไร้ตัวตน

จากที่ปั้นหน้าสวย ทำเสียงหวาน เพทายถึงกับควันออกหู นับหนึ่งถึงร้อยในใจ ท่องไว้ประโยคเดียว..มันเป็นหมอ..มันเป็นหมอ!

เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น ปิดฉากสงครามย่อมๆลงเสียก่อนเพทายจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ บ่ายโมงตรงเปี่ยมรักกับหมอตาจิกคนนั้นถูกเรียกให้ออกไปตรวจคนไข้ต่อ

นักวางแผนนั่งข่มใจในห้องเดิมคนเดียว ใช้เวลาพอสมควร เมื่ออารมณ์กลับเข้าที่ เดินงุ่นง่านไม่รู้จะทำอะไรกับเวลาอีกตั้งสามชั่วโมง พอดีเหลือบไปเห็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเปิดทิ้งไว้ มีสัญญาณอินเตอร์เน็ทขึ้นตรงมุมล่างของจอ เพทายเลยยึดเอาเก้าอี้หน้าคอมพ์นั่งปักหลักลงตรงนั้น จับเม้าท์คลิกเว็บหาไอเดียจัดงานฆ่าเวลา

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปยังไม่มีใครกลับเข้ามาในห้อง เสียงประกาศดังก้องจากลำโพงด้านหน้า บ่งบอกบรรยากาศแน่นขนัดของคนไข้ประจำวันนี้ได้ดี เพทายตัดสินใจลุกจากที่เดิม เดินไปยังประตู ลองออกไปเปิดหูเปิดตาด้านหลังโรงพยาบาล ยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายความตึงเครียด หล่อนจำได้ว่าบริเวณนั้นมีแม่น้ำสายหนึ่งทอดผ่าน เป็นจุดพักสายตาได้ดีไม่น้อย

กำลังเอื้อมมือไปยังลูกบิดประตู ก็พอดีมีคนผลักเข้ามาก่อน คู่กรณีคนเดิมถือถุงอาหารสองสามอย่างติดมือเข้ามาด้วย เพทายมองตามตาค้าง เห็นเจ้าหล่อนเดินถือถุงไปวางบนโต๊ะ จัดแจงหาถ้วยชามเตรียมเทอาหารใส่ หญิงสาวมองลอดกระจกประตูออกไปยังเห็นเปี่ยมรักนั่งทำงานงกๆ กับหมอผู้ชายอีกคนซึ่งอยู่ในห้องติดกัน บริเวณด้านหลังพอผลักประตูห้องพักออกไปจะเป็นทางเดินทะลุถึงกันได้ระหว่างห้องตรวจทั้งสามห้อง..แล้วแม่นี่เข้ามาทำอะไร..มาพักกินข้าว? ทั้งที่เพื่อนร่วมงานอีกสองคนยังนั่งหน้าเครียดตรวจคนไข้กันอย่างนั้นหรือ?

ขาไวเท่าความคิด เพทายเดินออกไปหาจังหวะถามรุ่นน้องคนสนิทให้รู้แล้วรู้รอด โอกาสกำลังเหมาะ เมื่อเดินถึงห้องที่เปี่ยมรักนั่งตรวจอยู่ คนไข้รายล่าสุดเพิ่งเดินกลับออกไปพอดี เลยมีช่วงว่างให้หล่อนได้ถามไถ่ข้อสงสัย

เพทายก้มลงกระซิบข้างหูเปี่ยมรัก
“เค้าเบรกให้พักแล้วหรือ..ฉันเห็นยัยหมอคนนั้นเข้าไปนั่งกินข้าวสบายใจอยู่คนเดียว”
“ที่ไหนได้ล่ะพี่เพ..แหกตาดูโน่น ข้างหน้าคนรอกันตรึม ห้องฉุกเฉินก็มีตามไปตรวจเป็นพักๆอีก” เปี่ยมรักหน้าหงิกงอ พยักเพยิดให้พี่สาวสำรวจสภาพความเยินของเวรหล่อน เพทายเพ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่ารุ่นน้องพูดจริงทุกประการ

“แล้วแม่นั่นเข้าไปกินข้าวได้ยังไง ตอนเที่ยงเค้าพักเบรกไปทีนึงแล้วนี่ เห็นนั่งเล่นแต่ไอโฟน ข้าวปลาไม่กิน..ฉันอุตส่าห์ใจดีแบ่งให้ยังทำหยิ่ง เธอก็เห็นใช่มั้ย” เพทายถามเสียงหงุดหงิด ยังคับแค้นใจเรื่องเก่าไม่หาย
“ทำไงได้..พวกเส้นใหญ่ มีคนเกาะแข้งเกาะขา ผู้ช่วยพยาบาล พนักงานข้างหน้าก็พวกเค้าหมดนั่นแหละ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครกล้าหือ” เปี่ยมรักอธิบาย พยายามปลงแล้วปลงอีก แต่ก็อดน้อยใจความอยุติธรรมพวกนี้ไม่ได้

“เฮ้ย! อะไรวะ เส้นใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีสิทธิมาเอาเปรียบเธอยังงี้ ไม่ได้การละ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง”
น้ำเสียงจริงจังผิดปกติทำให้เปี่ยมรักหันขวับมาทันที รีบถามเชิงหวั่นวิตก

“พี่เพจะทำอะไรน่ะ”
“คอยดูฉันละกัน งานนี้แม่ขอจัดหนัก!”

ไม่ทันได้ห้ามปราม นักวางแผนตัวแสบพุ่งตรงไปข้างหน้า หยุดยืนเอามือพักอยู่ที่กรอบประตู ตะโกนถามผู้ช่วยคัดกรองคนไข้ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น

“เอ..คุณหมอสุดที่รักของพวกพี่ไปไหนเสียแล้วล่ะคะ”
พนักงานผู้ช่วยการพยาบาลคนที่พอจะคุ้นเคยกับเพทายหันมาตอบเสียงค่อย
“ไปกินข้าวค่ะ”

คราวนี้เสียงเพทายดังขึ้นกว่าเดิมสองเท่าอย่างจงใจจะให้ทั้งคนไข้ และคนที่นั่งกินข้าวในห้องพักแพทย์ได้ยินเต็มๆ

“เอ้า..ตอนพักเที่ยงเห็นหมอคนอื่นเค้ากินข้าวกัน แต่คุณหมอสุดที่รักของพี่นั่งเล่นไอโฟน ฉันชวนให้กินด้วยกันก็ไม่เอา..เอ๊ะ ตอนนี้หิวแล้วหรือไงถึงเข้าไปนั่งกินได้..คนเดียว” หล่อนเน้นคำว่า ‘คนเดียว’ เสียงดังฟังชัดเป็นพิเศษ เท่านั้นแหละ เสียงลุกฮือจากมหาชนกลุ่มใหญ่หน้าห้องตรวจก็ดังขึ้น..ครู่เดียวอีกเหมือนกัน เสียงเปิดปิดประตูห้องพักกระแทกปึงปัง ตามด้วยรองเท้าส้นเข็มกระทบพื้นกึกกัก แถมด้วยเสียงกระแทกก้นลงบนเบาะนั่งในห้องตรวจติดกันกับเปี่ยมรักตบท้าย

เพทายหันมาแสยะยิ้มกับรุ่นน้อง แววตาสะใจเป็นล้นพ้น

ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดหลุดลอดออกมาจากปากกลีบสวย..เปี่ยมรักก็อ่านใจพี่สาวได้ทะลุปรุโปร่งเพทายกำลังบอกหล่อนเป็นนัยว่า..

เจ๋งไหมล่ะ..ฝีมือชั้นนี้!


ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง ใกล้เวลาเลิกงานของเปี่ยมรัก หลังจากหมอทั้งสามสมัครสมานสามัคคีกันชั่วคราว ช่วยกันตรวจคนไข้จนบางตาลงไปมาก เพทายก็เตรียมสะพายกระเป๋าตั้งตารอ กะว่าเปี่ยมรักผลักประตูเข้ามาเมื่อไหร่ก็พร้อมพุ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อนั้น หล่อนอยู่ในนี้นานไม่ได้ รู้สึกร้อนระอุเต็มที ไม่อยากอยู่ใกล้รัศมีคนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้นนานเกินจำเป็น หญิงสาวตั้งใจว่าออกจากตรงนี้เมื่อไหร่ จะโทรหาบิดาอีกที จนป่านนี้ยังมาไม่ถึง

“เสร็จแล้วใช่มั้ย เรารีบไปกันเถอะ”
คือคำถามที่บังคับคำตอบของเพทายเมื่อเห็นประตูถูกเปิดออก เปี่ยมรักยกมือทำท่าปางห้ามญาติ ยืนหอบหายใจแรงอยู่ตรงหน้า แววตาเคร่งเครียดผิดปกติ

“พี่เพนามสกุล วิจิตร ใช่มั้ย?”
เพทายพยักหน้าแทนคำตอบ ขมวดคิ้วฉงน ก่อนความกระจ่างที่สร้างแรงสะเทือนใจครั้งใหญ่จะค่อยๆพรั่งพรูออกมาจากปากของเปี่ยมรัก

“มีคนไข้อุบัติเหตุรถชนถูกส่งมาที่ห้องฉุกเฉิน บาดเจ็บสาหัสเอาการ..นาวาอากาศเอกตระการ วิจิตร ใช่ญาติพี่เพหรือเปล่า?”

“อะไรนะ!”
ประกายตาเสมือนโลกทั้งใบถล่มทลายลงตรงหน้า ประกอบกับน้ำเสียงอุทานดังลั่นสนั่นห้อง ไม่บอกก็รู้ว่าคนไข้รายนั้นมีความสำคัญกับเพทายมากแค่ไหน เปี่ยมรักรีบบอกเสียงขึงขัง ตั้งใจจะปลอบให้พี่สาวได้สติ

“ไม่ต้องห่วงนะพี่เพ คนไข้อยู่ในมือพี่ชัดเจน..ไว้ใจเขาได้” หล่อนก้าวเข้าไปยืนประชิดรุ่นพี่ ประคองไหล่บางให้ทรงตัวอยู่ได้ไม่ล้มตึงลงไปต่อหน้าต่อตา “ถึงแม้เค้าจะเคยร้ายกับพวกเรา หรือร้ายกับใครก็ตาม แต่เค้าไม่มีวันร้ายกับคนไข้ เท่าที่ร่วมงานกันมา อาการสาหัสแค่ไหนก็รอด เชื่อหนูนะพี่”

“พี่จะไปห้องฉุกเฉิน..” เวลานี้แทบไม่มีส่ำเสียงใดๆผ่านโสตประสาทการรับรู้ของเพทาย หญิงสาวหมุนตัวทำท่าจะพุ่งออกไปยังประตู แต่เปี่ยมรักยังมีสติพอจะฉุดรั้งข้อมือพี่สาวไว้ทัน

“ไม่เจอหรอก..ตอนนี้คนไข้อยู่ในห้องผ่าตัด”
เพทายหันมาเผชิญหน้ารุ่นน้อง เบิกตากว้างกว่าเดิม
“ห้องผ่าตัด!”

เปี่ยมรักพยักหน้าช้าๆ ค่อยๆอธิบายเสียงดังฟังชัด

“คุณลุงกระดูกซี่โครงหักด้านซ้าย มีเลือดออกในช่องปอด แต่ไม่ต้องห่วง พี่ชัดใส่ ICD เองกับมือตั้งแต่อยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่จากการตรวจร่างกายเบื้องต้น..พี่เค้าสงสัยว่าจะมีเลือดออกในช่องท้องร่วมด้วย จำเป็นต้องรีบส่งเข้าห้องผ่าตัด..”










ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2556, 12:32:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2556, 12:32:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1463





<< บทที่๑๐ อุบัติเหตุ ๑/๒   บทที่๑๑ รางวัลตอบแทนยกที่ ๒ ๑/๒ >>
Auuuu 23 เม.ย. 2556, 13:03:47 น.
เครียดเลยย นางเอกเราเปรี้ยวมากกก ฮิิ้วว


ศิลาริน 23 เม.ย. 2556, 13:26:09 น.
@คุณ Auuu เปรี้ยวหรือแรงคะ 55


mhengjhy 23 เม.ย. 2556, 15:56:53 น.
สงสัยเดี๋ยวหมดชัดจะเข้ากันได้ดีกับคุณพ่อ อิอิ


ศิลาริน 23 เม.ย. 2556, 16:26:41 น.
@คุณmhengjhy ไว้ติดตามต่อแล้วกันค่ะ ว่าคุณตระการจะว่าไง จะฟื้นขึ้นมาคุยกันรู้เรื่องมั้ย:))


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account