เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๑ รางวัลตอบแทนยกที่ ๒ ๑/๒

สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วเสียงร่ำไห้ฟูมฟายจากเตียงผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤต(ICU)มุมใกล้เคาน์เตอร์พยาบาลยังไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ นางฟ้าชุดขาวทั้งหัวหงอกหัวดำได้แต่มองหน้ากันแบบไม่รู้จะปลอบอย่างไรให้ดีกว่านี้ รู้สึกสงสารแม่สาวร่างเล็กหน้าละอ่อนคนนั้นจับใจ

พ่อใคร..ใครก็รัก แล้วยิ่งผู้บังเกิดเกล้ามาเจ็บหนัก ประสบอุบัติเหตุกะทันหัน ต้องเข้ารับการผ่าตัด ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วยหนักๆมาก่อน แถมหลังผ่ายังมีปัญหาความดันโลหิตต่ำ จากภาวะเสียเลือดมากอีก เป็นใครก็ต้องเศร้าโศก ทำใจยอมรับได้ยากเป็นธรรมดา

สำคัญเหนืออื่นใดคือ..คนไข้รายนี้ยังต้องใส่ท่อช่วยหายใจ มีสายน้ำเกลือ สายให้ยาระโยงระยางเต็มตัวไปหมด เกือบห้าชั่วโมงหลังการผ่าตัดยังไม่มีทีท่าจะลืมตา หรือแสดงอากัปกิริยาของผู้มีพลังชีวิตพร้อมจะรู้สึกตัวเต็มตื่นเลยสักนิด

“ใจเย็นๆนะคะ เดี๋ยวคุณพ่อก็ฟื้น รอให้ความดันดีกว่านี้อีกหน่อย” พยาบาลสาวคนหนึ่งที่ยังไม่มีภาระงานติดพันมากนัก ตัดสินใจลุกไปปลอบบุตรสาวผู้ป่วยรายนั้นเป็นรอบที่สิบ คนถูกปลอบเงยหน้าขึ้นมา หลังจากที่ฟุบลงโอดครวญจนผ้าห่มสีขาวบนตัวผู้ป่วยชุ่มฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตา รอบตาหล่อนบวมช้ำแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด

“เมื่อไหร่หมอจะมาซะทีคะ ตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่เห็นเลย” เพทายถามเสียงหงุดหงิด มีอย่างที่ไหน คนไข้อาการไม่คงที่ แต่หลังผ่าตัดยังไม่มีแพทย์โผล่หน้ามาดูอาการสักคน หล่อนเป็นห่วงบิดามากเสียจนพาลเอาได้กับทุกสิ่งรอบตัวในขณะนี้

“เอ่อ..คุณหมอ” พยาบาลคนนั้นอึกอัก ไม่ได้เตรียมตอบคำถามนี้มาก่อน และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า..เวลานี้ นายแพทย์ชัดเจน เจ้าของไข้ กำลังติดภารกิจใด อยู่ที่ไหน หล่อนเลือกคำพูดที่จะทำให้คนฟังสบายใจมากที่สุดไว้ก่อน “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ น่าจะติดผ่าตัดคนไข้รายอื่นต่อเนื่อง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณหมอเขียนสั่งให้ยา ให้เลือด สำหรับหลังผ่าตัดไว้แล้ว ทีมพยาบาลเราดูแลอยู่ค่ะ”

“จะอีกซักกี่เดี๋ยวล่ะคะ รอให้พ่อฉันตายก่อนหรือไงถึงจะเสด็จมา!”
เพทายโวยลั่น ลุกขึ้นยืนเอามือตบเบาะเตียงเต็มแรง ลืมสนิทว่าพ่อตัวเองนอนเจ็บอยู่บนนั้น ญาติคนไข้เตียงอื่น รวมถึงพยาบาลทุกคนในห้องไอซียู หันมามองหล่อนเป็นตาเดียว อึ้ง ทึ่ง เงียบกันไปพักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงห้าวทว่าแฝงความกังวาลสนั่นไม่แพ้กันดังแทรกขึ้นมา

“เดี๋ยวนี้แหละครับ..เสด็จมาแล้ว”
ชัดเจนเดินเข้ามาจากมุมไหนไม่มีใครทันสังเกต เขาอ้อมไปยืนเอามือเกาะขอบเตียงฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว ก้มลงทำปากขมุบขมิบสั่งอะไรพยาบาลสองสามประโยค สักพักก็ได้รับกระดานบันทึกสัญญาณชีพของคนไข้มาพิจารณา ครู่เดียวก็เลื่อนสายตาขึ้นมองหล่อนช้าๆ สีหน้าเรียบตึง ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก แววตาที่ส่งมา ทำให้คนถูกมองรู้สึกเหมือนเด็กไม่ประสีประสาคนหนึ่ง กำลังถูกผู้ใหญ่เอ็ดปราม

“สะกดเป็นไหม..คำว่า ‘อดทน’ “ ชัดเจนบอกเสียงลอดไรฟัน เน้นหนักคำว่า ‘อดทน’ เป็นพิเศษ “คนอื่นเขาก็มีงานมีการต้องทำ จะโวยวายรบกวนชาวบ้านเขาทำไม”

ทั้งที่ยังเลอะคราบน้ำตาเต็มสองพวงแก้ม เพทายก็ยังมีอารมณ์สวนกลับ ชนิดแรงดีไม่มีตก

“ว่าแต่คนอื่น คุณล่ะ..สะกดคำว่า ‘เห็นใจ’ เป็นไหม” สาวร่างเล็กยืดตัวตรง เชิดหน้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว แม้ยังสั่นเครือในหางเสียงจากความโศกสลดตกค้าง ทว่าเต็มไปด้วยแรงกราดเกรี้ยวในน้ำคำ

พยาบาลสามสี่คนที่มายืนคอยรับออเดอร์เริ่มทยอยแยกตัวออกไป ด้วยรู้สึกถึงความคุกกรุ่นจากพื้นที่ส่วนตัวของคนทั้งสอง เพทายพอได้เริ่ม หล่อนก็มักจะหยุดปาก หยุดอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ประโยคถัดๆมาเลยสาดใส่คนฟังถี่ยิบ แทบไม่เว้นจังหวะหายใจ

“เป็นหมอประสาอะไร ไม่รู้จักเห็นใจญาติคนป่วย..”
“หมออย่างคุณมันไร้ความรับผิดชอบ ผ่าเสร็จก็ทิ้งส่ง อาการหนักขนาดนี้ปล่อยไว้ตั้งนาน ไม่ยอมมาดูดำดูดี”


“เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรือไง เห็นแก่ตัวที่สุด”
“คอยดูนะ..ถ้าพ่อฉันเป็นอะไรไป ฉันจะโทษคุณคนเดียว!”

ไม่มีการโต้ตอบใดๆจากชัดเจน มีเพียงความเงียบ..ทว่าเป็นความเงียบที่ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย เพทายยืนหายใจถี่แรงด้วยอารามโมโหอยู่ตรงนั้น นึกหาคำพูดมาก่นด่าเขาไม่ออก ศัลยแพทย์หนุ่มทำท่าเฉยเมยเสมือนคำปรามาสเหล่านั้นไม่ได้ผ่านเข้าโสตประสาทเลยแม้แต่น้อย

ชัดเจนเอามือเลื่อนผ้าห่มสีขาวผืนนั้นลงมาไว้ตรงระดับสะโพกของคนไข้ ทีแรกเพทายยังไม่ทันสังเกตเห็นร่องรอยผิดปกติบนเรือนกายผู้เป็นบิดา แต่พอเห็นชายหนุ่มยืนพินิจพิเคราะห์ ใช้สายตาเพ่งจับอยู่ที่จุดเดิมนิ่งนาน เหมือนต้องการเรียกความสนใจของหล่อนให้มารวมอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเขา หญิงสาวจึงค่อยๆก้มลงมองไปยังจุดนั้น แล้วหล่อนก็พบรอยปื้นแดง ลักษณะเหมือนรอยถลอกจากการกดทับของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง


รอยนั้นเป็นแนวยาวพาดผ่านกระดูกเชิงกรานทั้งสองข้าง มีร่องรอยแบบเดียวกันเชื่อมต่อจากมุมหนึ่งของปุ่มกระดูกสะโพกพาดเฉียงขึ้นไปเกือบถึงใต้ชายโครงขวา ก่อนจะค่อยๆเลือนหาย เปลี่ยนเป็นรอยฟกช้ำ จ้ำเลือด กระจัดกระจายบนทรวงอก บริเวณใต้ราวนมขวามีท่อยางระบายโลหิตออกมาจากโพรงปอด ต่อไปยังขวดแก้วสองขวดซึ่งวางในภาชนะรองรับทำจากโลหะใต้เตียง

“รอยแดงที่คุณเห็นคือรอย seat belt...เข็มขัดนิรภัยที่พ่อคุณคาดมาตลอดการเดินทาง” ศัลยแพทย์เจ้าของไข้ค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น “ระหว่างขับรถพ่อคุณคงกลั้นปัสสาวะเอาไว้มาก..มันก็เลยส่งผล”

ชัดเจนเหลือบตาขึ้นมามองคนฟังครู่หนึ่ง เพทายกำลังทำหน้างุนงง หล่อนด่าเขาไปตั้งหลายยก แทนที่จะตอกกลับเผ็ดร้อนเหมือนทุกครั้ง ทว่าคราวนี้มาแปลก เหตุใดจึงมีแก่ใจอธิบายอาการพ่อหล่อนเสียงเรียบเรื่อย..หล่อนกำลังจับตามองเขาอย่างระแวดระวังว่าจะมาไม้ไหน

“เปี่ยมรักคงบอกคุณไปแล้ว..ตรวจร่างกายเบื้องต้นเราสงสัยมีเลือดออกในช่องท้อง ส่วนท่อระบายจากราวนมใกล้รักแร้ข้างขวาที่เห็นนี่ก็เป็นท่อระบายเลือดออกจากช่องปอด พ่อคุณกระดูกซี่โครงขวาหักสองซี่ มีเลือดออกในปอด” นัยน์ตาคร้ามคมคู่นั้นอ่อนแสงลง มีประกายอ่อนโยนเจืออยู่แวบหนึ่ง ขณะมองตามอุปกรณ์ที่ตนกำลังอธิบาย “ส่วนเรื่องเลือดออกในช่องท้อง ผมเปิดเข้าไปดูแล้วพบกระเพาะปัสสาวะมีรอยปริแตก เกิดรูรั่ว มีทั้งของเสียและเลือดไหลมากองรวมกันในช่องท้อง ซึ่งผมจัดกันเย็บซ่อมให้เรียบร้อยแล้วคุณไม่ต้องห่วง และ นั่นคือสาเหตุที่ผมอธิบายถึงรอยแดงเหนือเนินหัวเหน่า กระเพาะปัสสาวะที่ตึงเต่งเกินไปจากการกลั้นปัสสาวะไว้นาน เวลาเกิดแรงกระเทือน หรือบีบอัดจากอุบัติเหตุจราจร เข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่ระดับเดียวกับตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะพอดีจะบีบรัด มีแรงดันสูงจนทำให้กระเพาะปัสสาวะแตก บาดเจ็บในช่องท้องได้”

เว้นจังหวะขึ้นมามองอากัปกิริยาคนฟังอีกครั้ง เห็นเพทายสงบลงบ้างแล้ว สีหน้าหล่อนเจื่อนลงถนัดตา ไม่รู้ว่าเพราะละอายใจที่ด่าเขาแล้วเขาอธิบายตอบอย่างดี หรือกำลังตกใจอาการสาหัสของผู้เป็นพ่อกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหน ชัดเจนก็มีแก่ใจเอ่ยต่อเสียงปราณี

“ผมพูดอย่างนี้ ไม่ได้สนับสนุนให้คนเลิกคาดเข็มขัดนิรภัยหรอกนะ เพราะถ้าทำแบบนั้น กระเพาะปัสสาวะอาจไม่แตก แต่จะบาดเจ็บรุนแรงที่กะโหลกศีรษะจากการกระแทกโดยตรงแทน ตายเร็วกว่าเดิมเสียอีก” เขาตั้งใจบอกด้วยความปรารถนาดี “เพียงแต่ไม่ควรกลั้นปัสสาวะจนกระเพาะโป่งตึงแล้วมาคาดเข็มขัด..มันทำให้เกิดอันตรายได้อย่างที่บอก”

“พ่อฉันจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่?” เพทายถามเขาเสียงเลื่อนลอย มีรอยสะอื้นเจือเข้ามาอีกครั้งอย่างไม่สามารถควบคุมได้

ชัดเจนมองหญิงสาว นิ่งงันไปครู่ใหญ่ พยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่ซุกซ่อนภายใต้ดวงตาคู่นั้น เขาเบี่ยงตอบไปคนละประเด็น

“ผมยังไม่ถอดท่อช่วยหายใจหลังผ่าตัดเสร็จ..เพราะระดับความรู้สึกตัวของพ่อคุณยังอยู่ในขั้นโคม่า ต้องใส่เอาไว้ป้องกันทางเดินหายใจอุดกั้น อาจมีลิ้นตก ไม่สามารถขับเสมหะ หรือไอออกมาด้วยตัวเอง
เพทายสูดลมหายใจลึกยาว เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า..แล้วไงต่อ

“ช่วงผ่าตัดเสียเลือดไปมาก หลังผ่าเลยมีปัญหาเรื่องความดันตก แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว ความดันเริ่มเป็นปกติ เดี๋ยวผมจะค่อยๆถอนยากระตุ้นความดันออก ให้น้ำเกลืออัตราเร็วหน่อย แล้วจะตามเลือดมาให้อีกสองถุง ถ้าพรุ่งนี้เอายากระตุ้นออกได้โดยที่ความดันไม่ตก..ความเข้มข้นเลือดขึ้นมาในระดับพ้นขีดอันตราย ไม่เกินสองวันจะค่อยๆลดเครื่องช่วยหายใจ จนถอดท่อช่วยหายใจออกได้”

เพทายจ้องเขาชนิดที่ว่ารอคอยเพียงคำตอบจากคำถามแรก ชัดเจนจึงสรุปให้ในตอนท้าย

“ถ้าเหตุการณ์เป็นไปตามนั้น..ก็หมายความว่าพ่อคุณจะค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาเอง สมองของท่านไม่ได้รับบาดเจ็บ ยังปลอดภัยครบบริบูรณ์ ที่เห็นซึมอยู่เพราะชีพจร และการไหลเวียนโลหิตยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ”

เพทายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โล่งอกจนมีอารมณ์จะเอ่ยปากขอบคุณชายหนุ่ม กำลังจะได้คุยกันแบบดีๆอยู่แล้ว ชัดเจนก็ทำลายบรรยากาศขึ้นมากลางครัน เขาบอกหล่อนเสียงเครียด

“ผมเกลียดผู้หญิงอ่อนแอ เสียใจก็เอาแต่ร้องไห้ไร้สติ”

แววตาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยประกายกร้าวแข็ง เสมือนมีลูกไฟดวงน้อยใหญ่สว่างโพลนอยู่ในนั้น ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก แต่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเพทายแน่นอน ใบหน้าหล่อนแดงก่ำ คราวนี้พายุทอร์นาโดยังเรียกพี่

“มนุษย์ไม่มีหัวใจ!”
ชัดเจนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนออกคำสั่ง

“ผมขอใช้สิทธิของผู้ชนะ..ห้ามไม่ให้คุณร้องไห้ต่อหน้าคนป่วย ไม่ว่าจะพ่อคุณหรือใครก็ตาม..อย่าให้ผมเห็นน้ำตาไร้สาระพวกนี้อีก”
“นี่คุณจะบ้ารึไง..เรื่องวันนั้นมันจบไปตั้งนานแล้ว ยังมีหน้ามาเรียกร้องเอาสิทธิอะไรกับฉันอีก คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ!”

ศัลยแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับหน้าตาเฉย
“เข้าใจถูกนี่..ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ และคุณก็เป็นคนยื่นข้อเสนอให้เอง แถมยังไม่มีกำหนดหมดอายุความอีกต่างหาก”
เขาแสยะยิ้มเห็นไรฟัน หน้าตาเปี่ยมสุขขึ้นมาฉับพลัน

“เฮ้อ..ไม่ต้องทำตามก็ได้นะ ผมจะได้จำไว้ว่าคุณเป็นพวกปากพล่อย พูดเอามัน..แต่ทำไม่ได้อย่างที่พูด”

“เขาไม่ใช่พ่อคุณนี่..ถึงพูดง่ายๆ” พออับจนด้วยเหตุผล เพทายเลยเปลี่ยนประเด็นเล่นงานเขา “ลองมาเป็นพ่อ เป็นญาติคุณบ้างสิ คงจะหัวเราะออกอยู่หรอก”

ชัดเจนยังยืนนิ่ง รอชมอาการกระฟัดกระเฟียดของหล่อนต่ออย่างมีความสุข เห็นแบบนี้ค่อยสดชื่นหน่อย ดีกว่าเห็นน้ำตาเปรอะหน้า ส่ำเสียงฟูมฟายจากหล่อนเป็นไหนๆ

“อ้อ..หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไร เพราะพ่อไม่รัก แม่ไม่แล เป็นพวกไม่มีใครเอา” อารมณ์รุนแรงดุจพายุหมุนทำให้เพทายเผลอหลุดวาจาสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างหนักให้กับชายหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ หล่อนกระแทกเสียงด่าต่อ ไม่ทันคาดคิดว่าพายุลูกหน้าของเขาจะซัดกระหน่ำรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยเจอมา “พวกเด็กขาดความอบอุ่น ไร้หัวใจ ร้องไห้ไม่เป็น..เก่งที่สุดในสามโลก!”

“หุบปากได้รึยัง!” เสียงของชายหนุ่ม ฟังดูน่ากลัวราวกับสิงห์คำรามเตรียมตะครุบเหยื่อ “สนุกใช่ไหม..เอาเรื่องพ่อแม่เขามาล้อเล่น”

เสียงเขาไม่ดังขนาดได้ยินลั่นทั่วหอวิกฤติ ทว่าเล็ดลอดไรฟันออกมาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน สันกรามขบนูน สองมือกำเกร็ง ต่อให้เก่งกล้าแค่ไหน เพทายยังถึงกับสะดุด หยุดชะงักไปชั่วขณะ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยกระแสแห่งความเจ็บร้าว หดหู่และกราดเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน

หากไม่มีพระเอกแสนสุภาพ อ่อนโยนอย่างศิระเข้ามาช่วย หล่อนคงนึกหาคำพูดต่อจากนั้นไม่ได้อีก
“คุยอะไรกันอยู่ครับ..ท่าทางเครียดเชียว”
น้ำเสียงทุ้มนุ่ม ฟังแล้วอบอุ่น ผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปได้เยอะ สติสัมปัชชัญะของเพทายเริ่มกลับเข้ารูปเข้ารอย

“ถ้าเพื่อนของคุณ เป็นได้อย่างคุณสักครึ่งหนึ่ง..ฉันว่าโลกคงน่าอยู่ขึ้นเยอะ”
ศิระเลิกคิ้ว นัยน์ตามีเครื่องหมายคำถามทอดมองมา เขาเลือกที่จะก้าวเข้ามายืนเคียงข้างหล่อน แทนที่จะเดินไปหาเพื่อนสนิท เพทายยิ้มหวานอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน อย่างน้อยก็กับชัดเจน

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณเต้ ฉันก็แค่เห็นว่า..” นักวางแผนปรายหางตามามองคนที่ยืนฝั่งตรงข้าม ก่อนเหลียวกลับไปทอดตาหวานให้กับศิระอย่างจงใจ หล่อนคลี่กลีบริมฝีปากกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม “คุณเป็นผู้ชายที่น่าคบ..สุภาพ..มีมารยาทดี ตรงข้ามกับใครบางคน ..ไม่รู้เป็นเพื่อนกันได้ยังไง”

ศัลยแพทย์ผู้มาใหม่รู้สึกดีกับคำชมนั้นไม่น้อย แต่เขาก็ไม่โง่ถึงขนาดดูไม่ออก ว่าหล่อนกำลังตั้งใจกระทบกระเทียบใคร ศิระขยับปากจะทักทาย โยนหินถามทางเอากับเพื่อนซี้ ก็พอดีรายนั้นปาอิฐก้อนใหญ่ใส่หน้าเขาเสียก่อน
“เป็นพระเอกนักก็รับไปดูแลเองแล้วกัน ฉันยกคนไข้รายนี้ให้แก!”

ชัดเจนสืบเท้ายาว หมุนตัวกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ศิระยกมือเกาท้ายทอยด้วยความงุนงง ขยับจะหันมาขอคำปรึกษากับหญิงสาวก็เห็นเจ้าหล่อนกำลังเพ่งมองหลังไวๆของเพื่อนสนิท ท่าทางเข่นเขี้ยว ดวงหน้าขึ้นสีเลือด..ประเมินแล้วไม่น่าจะพร้อมคุยกับใครตอนนี้

ศัลยแพทย์หนุ่มได้แต่ยืนพึมพำคนเดียวในใจ...ตูทำอะไรผิดวะ!



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2556, 16:49:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2556, 16:49:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1683





<< บทที่ ๑๐ อุบัติเหตุ ๒/๒   บทที่ ๑๑ รางวัลตอบแทนยกที่ ๒ ๒/๒ >>
mhengjhy 25 เม.ย. 2556, 17:34:53 น.
เอ่อ เพทายเกลียดหมอชัดเจนจริงจังมากเลยอ่ะ


ศิลาริน 25 เม.ย. 2556, 17:53:34 น.
@คุณmhengjhy : สงสัยเคมีจะไม่เข้ากัน 55


sai 25 เม.ย. 2556, 19:39:10 น.
ตอนนี้เพทายไม่น่ารักอย่างแรงงงง


wii 25 เม.ย. 2556, 19:49:00 น.
อ้าวพ่อเค้าเจ็บเจียนตายเเต่ดันมาสั่งไม่ให้ร้องไห้ ก็น่าโดนด่าอยู่ร๊อกกกก เพราะคนเราก็ต้องหาทางระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองในวิธีที่เเตกต่างกันไป


ศิลาริน 25 เม.ย. 2556, 19:50:25 น.
@คุณsai : ต้องให้มีคนเกลียดบ้างอะไรบ้าง เดี๋ยวชัดเจนจะเป็นผีเน่าอยู่คนเดียว หุหุ


ศิลาริน 25 เม.ย. 2556, 19:54:09 น.
@คุณwii : ชัดเจนเค้าบ้าบอเสมอต้นเสมอปลายดีมั้ยคะ ตามสไตล์เด็กมีปัญหา ทำตัวเข้าใจยาก ปล.แต่บางทีเค้ามีความหลัังฝังใจเกี่ยวกับคนร้องไห้ก็ได้นะ อิอิ


กานต์นวีร์ 26 เม.ย. 2556, 00:12:43 น.
ปิดตรงที่มาไม่ถูกเวลาไงหมอเต้ ดันมาตอนที่พายุลูกใหญ่กำลังซัดใส่กันซะงั้น


ศิลาริน 26 เม.ย. 2556, 05:03:14 น.
@คุณกานต์นวีร์ ; สงสารหมอเต้สุดๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account