เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๔ การกลับมาของ 'เปรมฤดี' ๑/๒

เครื่องดนตรีล้านนาชิ้นนั้นถูกวางลงในหีบใบเก่าคร่ำคร่าอย่างทะนุถนอม ชัดเจนมอง’พิณเปี๊ยะ’อุปกรณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดคู่ใจ ตรวจสอบความเรียบร้อยของตำแหน่งและชิ้นส่วนเครื่องดนตรีลักษณะคล้ายพิณน้ำเต้าชนิดนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดฝาหีบลง ลุกขึ้นเหยียดกายตรงขับไล่ความเมื่อยขบ ก้าวมายืนตรงกรอบหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง

ครรลองสายตาแลเลยสุดชอบฟ้าครามนิ่งนาน ดวงตะวันค่อยๆลอยเด่นส่องประกายรัศมีสีส้มอ่อนทางทิศตะวันออกเหมือนเช่นทุกวัน ริมฝีปากหยักสวยภายใต้ไรหนวดเขียวจางแตะแต้มรอยยิ้ม นิลเนตรมืดสนิทราวท้องนภายามคืนเดือนแรมมีประกายบางอย่างผิดแผกออกไป

น่าแปลก..วันนี้ชัดเจนมีแก่ใจตื่นเช้ามืดขึ้นมาบรรเลงพิณเปี๊ยะยาวนานถึงสองชั่วโมง เขาเพิ่งเล่นเพลงโปรดเพลงสุดท้ายจบไปไม่กี่นาทีนี้เอง..มันจะไม่แปลก หากเขานึกดีดพิณคู่ใจด้วยเหตุที่ว่าคิดถึงคนรักผู้จากไปเหมือนเช่นทุกครั้ง ทว่าคราวนี้แปลก..เขาไม่ได้นึกถึงปางทิพย์ จู่ๆก็อยากเสนาะโสตขับกล่อมจิตใจขึ้นมาเฉยๆ ไม่ทราบสาเหตุ..ซึ่งเขาภาวนาไม่ให้ต้นเหตุเกิดจากดวงหน้ากับท่าทางสำนึกผิดของใครบางคนที่ปรากฏเด่นขึ้นมาเป็นระยะขณะดีดพิณ..ไม่มีทาง..มันเป็นไปไม่ได้!

มีเงาบ่งบอกความตึงเครียดซ่อนอยู่ในประกายตาคู่นั้น..เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาหวั่นวิตกไม่น้อย อิตถีเพศมักมาพร้อมกับภัยเงียบที่คาดไม่ถึง..เขาควรจะเข็ดหลาบ กดข่มอารมณ์ความรู้สึกไม่ให้ไหวเอนเหมือนเช่นอดีตที่แล้วมา

ชัดเจนระบายลมหายใจยาว เลื่อนสายตากลับเข้ามาชื่นชม ‘เหลืองกาญจน์’ พันธ์กล้วยไม้ในกระถางกระจิริดซึ่งห้อยแขวนไว้ตรงราวระเบียง เขาเพาะพันธุ์ขึ้นเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ กลีบใบเหลืองอ่อนกระจุ๋มกระจิ๋มกระดิกไหวน้อยๆ..ผ่อนคลายความกังวลและเรื่องรบกวนจิตใจนานาประการลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
ชัดเจนใช้เวลาดื่มด่ำธรรมชาติในขอบเขตห้องนอนต่อจากนั้นไม่นานนัก ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดลำลองสบายตัว เตรียมลงไปหาอะไรทำในวันหยุดสุดสัปดาห์

เจ้าของบ้านเดินทอดน่องพลางผิวปากลงมาตามขั้นบันได เมื่อฝ่าเท้าเหยียบถึงพื้นไม้ปาร์เก้ชั้นล่างสุด ‘สไบ’ แม่บ้านวัยเลยห้าสิบที่พ่อของเขาส่งให้มาช่วยดูแลความสะดวกสบายของลูกชายคนเดียว ก็เดินถือหนังสือพิมพ์พร้อมถ้วยกาแฟมาวางบนโต๊ะเตี้ย ในส่วนซึ่งจัดเป็นพื้นที่รับรองแขก

บิดาของชัดเจนโทรศัพท์มาบอกเมื่อประมาณสามเดือนก่อน..ว่าจะส่งคนเก่าคนแก่ซึ่งเคยติดสอยห้อยตาม ทำงานรับใช้ญาติพี่น้องทางเหนือมาช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน อีกนัยหนึ่งคือส่งมาอยู่เป็นเพื่อนชายหนุ่ม เนื่องด้วยตนเองต้องทำงานไม่ติดที่ โยกย้ายไปหลายจังหวัดตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไม่สามารถระบุแน่นอนได้ว่าจะปักหลักที่ใดเป็นแหล่งประจำ

ผู้เป็นพ่ออ้างว่าไม่สามารถกลับมาเยี่ยมเยือนเขาได้บ่อยนัก..ซึ่งความเป็นจริงชัดเจนเชื่ออย่างยิ่ง ‘พรรณี’ แม่เลี้ยง..หญ้าอ่อนผู้นั้นต่างหากเล่า คือโซ่ทองชั้นดี ตรึงบิดาเอาไว้ ไม่ให้กลับมาหาเขาที่กรุงเทพฯแม้เมื่อโอกาสจะอำนวยเพียงไรก็ตาม

‘สไบ’ แม่บ้านวัยเลยครึ่งศตวรรษ หน้าตาใจดีผู้นี้ ย้ายจากบ้านเกิดคือ จังหวัดเชียงใหม่ ลงมาพำนักในบ้านจัดสรรซึ่งประเมินเนื้อที่ได้ราวๆหกสิบตารางวาแห่งนี้ได้เดือนกว่าแล้ว หญิงสูงวัยทำงานคล่องแคล่ว คอยทำความสะอาดเช็ดถูบ้านในยามที่ชายหนุ่มต้องออกไปทำงาน คอยหุงหาอาหาร จัดสำรับซึ่งชัดเจนต้องยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้ว่าถูกปาก ‘ชาวล้านนา’ เก่าโดยกำเนิดมาก

ความเป็นอยู่ของชายหนุ่มสบายขึ้นก่ว่าเดิมโข บ้านเรือนที่เคยรกรุงรังตามประสาบ้านผู้ชายไม่ค่อยจุกจิก มีรายละเอียดแบบเขา กลับกลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ สะอาดสะอ้าน สไบรู้หน้าที่และชำนาญการดูแลเหย้าเรือนหลายอย่าง พ่อไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวแม่บ้านคนนี้มากนัก แต่เขาประเมินเอาเองว่าสไบน่าจะเคยเป็นคนเก่าคนแก่ซึ่งเคยดูแลตระกูลของเขามาก่อน

และอาจจะรู้อะไรดีๆ..ความลับบางประการที่เขาต้องการรู้มาเนิ่นนาน เช่นเรื่อง..มารดาผู้ให้กำเนิดชีวิตเขา
ชัดเจนเชื่อว่า..สไบ..รู้อะไรมากกว่าการสั่นศีรษะและหุบปากเงียบเชียบยามเขาถามถึงมารดา ชายหนุ่มได้แต่รอเวลาให้ความสนิทชิดเชื้อ และความจริงใจของเขาแทรกซึมผ่านจิตใจคุณแม่บ้านอีกสักหน่อย..แล้วเขาจะต้องล้วงเอาความลับจากปากสไบให้ได้แน่นอนทีเดียว

“ข่าวพาดหัวเช้านี้น่าสนใจมากทีเดียว..คุณหมอลองอ่านดูซีคะ” เสียงทุ้มลึกที่เอ่ยเป็นเชิงชี้ชวนแกมคะยั้นคะยอให้เจ้าของบ้านสนใจหมึกพิมพ์บนโต๊ะทรงเตี้ยทำให้ชัดเจนย่นคิ้ว เขาค่อยๆวางถ้วยกาแฟลงบนจานรองใบจิ๋วใกล้หนังสือพิมพ์ และเมื่อเขาเอื้อมมือไปหยิบปึกกระดาษชุดนั้นขึ้นมากาง สไบก็หลบหายเข้าครัวไปเสียแล้ว

ทีแรกชัดเจนกวาดสายตาพิจารณาทั่วๆในหน้ากระดาษแผ่นแรกเพื่อสกรีนข่าวที่น่าสนใจ ทว่าหมึกพิมพ์สีสดตัวเบ้อเร่อตรงมุมซ้ายด้านบนทำให้เขาต้องหยุดกวาดตาลงกะทันหัน ข่าวนั้นเรียกความสนใจได้ชะงัดสมคำชี้ชวนของคุณแม่บ้าน

‘”เตียงหักสะเทือนวงการ..พิธีกรสาวดาวรุ่งจบชีวิตรักกับทายาทร้อยล้านลงแล้ว มูลเหตุจากเด็กบาร์เบียร์เป็นมือที่สาม”

ชัดเจนอ่านทวนประโยคโดดเด่นในหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ภาพสีสดของหญิงสาวแววตามาดมั่นกับผมทรงบ๊อบเทอิงแอบอดีตชายคนรักหน้าตาภูมิฐานในกรอบสี่เหลี่ยมใต้คำบรรยายยืนยันความเข้าใจของเขาได้ดี..เปรมฤดี ผู้หญิงตัวร้ายที่ชายหนุ่มไม่มีวันลืมได้ลง!

ชัดเจนตอบตัวเองไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับข่าวนี้..สะใจ สมเพช ขบขัน หรือนึกอนาถใจที่ตนเคยเป็นหนึ่งในชายผู้โง่เขลา หลงรักภาพมายาตรงหน้าอย่างหัวปักหัวปำมาก่อน มุมปากข้างหนึ่งเหยียดยกเป็นเชิงหยามหยัน

ก่อนความคิดใดจะหวนกลับไปไกลกว่านี้ เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ตั้งโต๊ะติดผนังวอลเปเปอรืลายกล้วยไม้ก็ระงับชนวนระเบิดลูกนั้นลงชั่วคราว ชัดเจนเหลียวหาแม่บ้านคนเดิมเมื่อเสียงนั้นยังดังซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวี่แววของผู้รับสาย สไบหายเงียบ ชัดเจนเกรงใจคุณแม่บ้านเกินกว่าจะตะโกนเรียกรบกวนภารกิจในครัว เขาลุกจากเบาะเก้าอีหวายตัวเดิม กรอกเสียงทักทายสั้นๆเมื่อยกหูโทรศัพท์เข้าใกล้ริมฝีปาก

“สวัสดีครับ..”
“นั่นหนูชัดใช่ไหมลูก..แม่ณีเองนะจ๊ะ”
เสียงคนปลายสายตอบรับกลับมาอย่างตื่นเต้นยินดี ดูเหมือนจะเกินเหตุเสียด้วยซ้ำ ชัดเจนเหยียดริมฝีปาก ขยะแขยงน้ำเสียงชนิดนั้น รวมถึงสรรพนามที่ใช้เรียกเขาตั้งแต่ครั้งวัยรุ่น กระทั่งตอนนี้ ‘พรรณี’ ก็ไม่เคยเปลี่ยนคำเรียกเป็นอย่างอื่น..หล่อนคิดว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มผู้โง่เง่านักหรือไง

“ใครเป็นลูกคุณ..ผมไม่เคยมีแม่“ ชัดเจนสวนกลับเสียงเครียด
“ไม่เอาน่าหนูชัด..แม่ว่าเรื่องนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ” พรรณีไม่รอให้คนฟังมีโอกาสเถียงกลับ หล่อนรีบเข้าประเด็นที่ต้องการทันที “พรุ่งนี้คุณพ่อจะกลับกรุงเทพ..เราจะไปฉลองด้วยกันที่บ้านของหนู เรื่องอาหาร ของสด ผลไม้ เดี๋ยวแม่จัดการเองไม่ต้องรบกวนป้าสไบ”

“ฉลอง..” ชัดเจนกลืนคำถามที่ว่า..ฉลองเนื่องในโอกาสอันใดลงในลำคอ เขาหัวเราะเสียงหยันมาตามสาย “คุณคิดว่าพ่อผมจะทำตามที่บอกหรือ..เดี๋ยวก็มีข้ออ้างธุระนู่นนี่..พรุ่งนี้ผมจะนอนกระดิกเท้ารอคำยกเลิกจากคุณอีกทีละกัน”

“ฝากบอกพ่อด้วยนะคุณ..เลิกให้ความหวังลมแล้งเสียที ผมเบื่อ ครึ่งปีที่ผ่านมาพ่อก็ดีแต่พูด แต่เขาไม่เคยทำได้”
ชัดเจนได้ยินเสียงลมหายใจรวยรินเหมือนเหนื่อยหน่ายเต็มที ก่อนพรรณีจะส่งคำยืนยันมาในประโยคสุดท้าย

“คราวนี้คุณพ่อของหนูต้องไปแน่ๆ..เพราะมันเป็นความต้องการของแม่เอง..เขาไม่มีวันขัดใจแม่เด็ดขาด”
“งั้นหรือ..หึหึ” ชัดเจนหัวเราะในลำคอเคล้าความเคียดแค้น เขากำหมัดแน่น..กระแทกหูโทรศัพท์ลงแป้นดังปัง..เหตุผลของพรรณีมันช่างเชือดใจเขาได้ยิ่งกว่ามีดผ่าตัดเล่มไหน..

‘เพราะมันเป็นความต้องการของแม่เอง..เขาไม่มีวันขัดใจแม่เด้ดขาด’ ประโยคเดิมๆยังสะท้อนก้องในหัวกลับไปกลับมา นัยน์ตาเจ้ากรรมก็ดันเลื่อนมาปะทะกรอบรูปขนาดเท่าคนจริงประดับเด่นกลางผนังวอลเปเปอร์ผืนนั้น

รูปในชุดแต่งงานของคู่บ่าวสาว..ใบหน้าบอกริ้วรอยแห่งวัยที่แตกต่างกันตามตำรา ‘โคแก่กินหญ้าอ่อน’ ไม่ผิดเพี้ยน พรรณีอยู่ในชุดเกาะอกประดับมุกแนบเอวคอดกิ่วลู่ลงไป ก่อนจะบานออกเป็นทรงสุ่มยาวกรอมเท้า เนื้อผ้างามละเอียดสีงาช้าง ช่วงเนินอกจนถึงลาดบ่าเปิดเปลือย วงแขนเรียวยาว ผิวพรรณนวลเนียนลออตาสีขาวเหลืองฉบับสาวชาวเหนือโดยแท้

ดวงหน้ารูปไข่ประดับยิ้มอ่อนหวานแต้มสองมุมปาก เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น เคียงคู่กับชายวัยกลางสูงใหญ่ร่างท้วม ใบหน้ารียาวแม้จะมีร่องรอยบอกว่าอดีตเคยหล่อเหลาสักปานใด ทว่ายามนี้ริ้วรอยเหี่ยวย่นเริ่มรุกรานวัยหนุ่มฉกรรจ์ให้พาลหมดสิ้น

กำหมัดลุ่นๆกระแทกลงกลางกรอบรูปแผ่นนั้นสั่นสะเทือนถึงผนังกำแพงเบื้องหลัง บอกความคับแค้นในใจชายหนุ่มได้ดี ไฟในดวงตาของเขาลุกโชนพร้อมจะเผาผลาญทุกสรรพสิ่งยามนี้ กรอบรูปแผ่นนี้คงถูกทำลาย หรือไม่ก็เผาทิ้งไปเสียนานแล้ว หากไม่มีผู้บังเกิดเกล้าอย่างพ่อเขายืนเคียงอยู่ด้วยในรูป

เขาเกลียดพรรณี..เกลียดแม่เลี้ยงคนนี้เข้าไส้ เข้ากระดูกดำ ยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหน ถึงแม้พรรณีจะไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้เขาโดยตรง ตรงกันข้ามหล่อนพยายามทำดีกับเขามาตลอด ทว่าชัดเจนไม่เคยยอมรับน้ำใจแม้สักน้อยจากผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ และมันคงเป็นเช่นนั้นไปตราบจนชีวิตของเขาจะหาไม่..

ชัดเจนก้าวเท้าย่ำเดินเลียบผนังออกไปอีกสามสี่ก้าว หัวใจของเขารุ่มร้อนยิ่งกว่าถูกไฟเผา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูไม่ไกลกันนั้น เสียงเอี๊ยดอ๊าดของไม้ฝาที่เสียดสีกันเมื่อยามเปิดออก บ่งบอกถึงความผุพัง และขาดการดูแลเอาใจใส่มานานแสนนาน ส่วนที่ถูกจัดแบ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสรูปทรงกระทัดรัดในบ้านจัดสรรเนื้อที่หกสิบตารางวาแห่งนี้..คือห้องสมุดขนาดย่อม..ห้องสมุดที่พรรณีออดอ้อนผู้เป็นประมุขของครอบครัวให้จัดสร้างขึ้นมาเพื่อหล่อน..เป็นการเฉพาะ!

ชัดเจนเป็นคนสั่งห้ามเสียงแข็งขัน ไม่ให้สไบ คุณแม่บ้านของพ่อเขาเข้ามาทำความสะอาด ปัดกวาดหยากไย่ ไรฝุ่นที่เกรอะกรังรกหูรกตาในห้องแห่งนี้ ถึงแม้สไบจะขอร้องเขาหลายครั้งด้วยทนเห็นสภาพสกปรก ไร้ระเบียบของมันไม่ได้ ทว่าเจ้าของบ้านก็ยังยืนยันคำเดิม

‘ถือว่าผมขอร้องคุณป้าแล้วกัน..ถ้ายังอยากอยู่บ้านนี้ กรุณอย่าแตะต้อง เคลื่อนย้าย หรือทำอะไรก็ตามให้สภาพมันเปลี่ยนไปจากเดิม’

ชั้นวางหนังสือสูงชะลูดเกือบติดเพดานตั้งเรียงอยู่สามแถว เว้นช่องไฟแค่พอให้คนเบียดตัวเข้าไปเลือกหนังสือมาอ่านได้ เวลานี้กองหนังสือบนชั้นวางล้มระเนระนาด ขาดระเบียบจริงดังคำกล่าวของคุณแม่บ้าน เสียงจามติดกันเป็นระยะของผู้ที่เพิ่งก้าวเข้าไป บอกให้รู้ว่าฝุ่นไรลอยฟ่องมากมายเพียงไหน ชัดเจนไม่อยากเชื่อ..อดีตโสเภณีอย่าง ‘พรรณี’ จะรักการอ่านราวกับคนมีการศึกษา ถึงขนาดต้องให้พ่อของเขาจัดสร้างห้องสมุดนี้ขึ้นมา

ชัดเจนเหยียดริมฝีปาก เห็นมโนภาพ หญิงสาวร่างบางผิวพรรณผุดผาดยืนเลือกหนังสือด้วยความสบายใจอยู่ตรงหน้า ก่อนเจ้าตัวจะมาถึงจริงพรุ่งนี้ตามคำบอกกล่าวเสียอีก อารมณ์เคียดแค้น โกรธกรุ่นลอยอบอวลอยู่รอบตัว ความรู้สึกฝ่ายต่ำมันครอบงำเขาให้เห็นภาพ..ส่ำเสียงของพรรณีหลอกหลอนอยู่ตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่งที่ความแค้นปะทุกถึงขีดสุด ชัดเจนฝังกำปั้นของเขาลงแผงไม้ผุเก่าเบื้องหน้า ไม่สนใจว่าโลหิดแดงข้นจะซึมไหลออกมาซิบๆ ชายหนุ่มหมุนตัวกลับออกมา อย่างต้องการจะลบเลือนภาพหลอนของตนให้หมดไปโดยเร็วที่สุด ประตูบานเก่าถูกกระแทกปิดดังปัง..

หากเขาจะเฉลียวใจ ย้อนกลับมายังจุดเดิมที่เคยยืนสักนิด คงได้เห็นสมุดไดอารีเก่าขาดเล่มหนึ่งลอยตกลงมาจากชั้นวางหนังสือแผงนั้น เศษกระดาษปลิดปลิวออกมาแผ่นหนึ่งเมื่อลมจากบานเกล็ดด้านข้างพัดโชยเข้ามาจนหน้าปกสีดำเปิดแล้วปิดเองโดยอัตโนมัติ

เศษกระดาษชิ้นนั้นมีรอยฉีกขาดเหมือนรอยหนูแทะ ตัวหนังสือหวัดบรรจงของหมึกจางๆมีให้เห็นแค่เพียงลางเลือน รอยด่างดวงเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งแผ่นจนสามารถมองเห็นข้อความได้เพียงประโยคเดียว

“อย่าบอกให้ลูกรู้ว่าฉันเป็นใคร..อย่าให้เขารู้ว่าเคยมีแม่”


หนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดถูกเขวี้ยงทิ้งโดยแรงลงกระทบพื้นพรมสีแดงเลือดหมู เจ้าของร่างระหง ทรวดทรงเพรียวลมกำลังนั่งไขว้ห้างบนโซฟาขนแกะ หล่อนเหลือบปลายตาซึ่งมีแพขนงอนงามทาบเงาลงบนแก้มนวล หญิงสาวมองผลงานของตัวเองที่นอนแผ่หลาอยู่เบื้องล่างด้วยประกายตาเสมือนเห็นของแสลง

“ทุเรศที่สุด..เขียนข่าวมั่วซั่ว” เปรมฤดีสบถก่อนส่งสายตาขอความเชื่อถือจากเพื่อนรักผู้นั่งปิดปากหัวเราะอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม กั้นกลางด้วยโต๊ะกระจกประดับอัญมณีหลากสี “เธอก็รู้ใช่ไหมว่ามันไม่จริง..ฉันกับเขา เราเข้ากันไม่ได้..ฉันต้องการเป็นอิสระ..ฉันต้องการชีวิตสาวโสด”

อุสาห์ปล่อยกิ๊กออกมา พอดีกับที่สาวใช้นางหนึ่งถือถาดน้ำส้มคลานเข้ามาประเคน ก่อนจะถอนกลับไปปักหลักนั่งพับเพียบรอรับคำสั่งเจ้านายห่างจากชุดรับรองแขกเพียงไม่กี่ก้าว

“ใจเย็นน่าเปรม..เธอจะถือสาทำไมกับเรื่องพรรค์นี้ นักข่าวมันก็ขายข่าวให้ได้ราคาไปงั้นแหละ”
เปรมฤดียักไหล่ เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละเรื่องเมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสของเพื่อนสาวมาดเฉี่ยวพอๆกับหล่อน จุดยิ้มเก๋ตรงมุมปาก กอดอกเชิดหน้า ก่อนเอ่ยในเรื่องที่อุสาห์แทบสำลักน้ำส้มทันทีที่ได้ยิน

“นั่นสินะ..ทำไมต้องแคร์..ในเมื่อมีผู้ชายที่ดีกว่าตั้งตารอฉันอยู่”
“ไหนว่าต้องการอิสระ..ต้องการชีวิตโสดยังไง แล้วผู้ชายที่เธอพูดถึงนั่นมันใครกันยะ” อุสาห์นิ่วหน้า เป็นครั้งแรกที่หล่อนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มตามเพื่อนไม่ทัน

“หมอชัดไงล่ะสา..เธอคงไม่ลืมหรอกนะ”
เปรมฤดีบอกพลางคลี่ยิ้มผ่อนคลาย แววตาหล่อนมีประกายความมั่นใจเปี่ยมล้น

“จ้า..ฉันไม่ลืมหรอกว่านายนั่นเคยหลงเธอแค่ไหน สมัยโน้นเพื่อนฉันเสน่ห์น้อยๆเสียเมื่อไหร่”
อุสาห์บอกเสียงหมั่นไส้ ก่อนทลายต่อมเซลฟ์จัดของเพื่อนซี้ให้พังลงฉับพลัน

“แต่เธอแน่ใจได้ยังไง..ของมันผ่านการใช้งานมาแล้ว ย่อมสึกกร่อนเป็นธรรมดา ผู้ชายทั้งร้อยใครเขาจะอยากรับซื้อของเก่า ฉันเชื่อว่าหมอชัดคนนึงล่ะ..เลือกรับประทานของสด”
เปรมฤดีข่มเสียงกรีดร้องไว้เพียงในลำคอ อย่างน้อยเธอก็ยังหวงมาดผู้ดี ลูกสาวนักการทูตอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะต่อหน้าเพื่อนสนิทอย่างอุสาห์ก็เถิด

“ถ้าชัดเจนยังนิยมผู้หญิงที่ความสามารถอยุ่ล่ะก็..เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก”
พิธีกรสาวผู้เพียบพร้อมว่าพลางยืดอก ทำท่าสะบัดบ๊อบ กรอบตาเรียวเฉี่ยว กับริมฝีปากอิ่มเต็มตรงส่วนล่างช่วยเสริมภาพลักษณ์ของหญิงสาวให้ดูมาดมั่นเคล้าเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอยู่ในตัวคนเดียว

“อย่างน้อยฉันก็โชคดีที่ยังไม่มีลูกกับเขา”
อุสาห์พยักหน้าเนิบๆทำท่าเหมือนคล้อยตามขณะเอนหลังพิงพนักโซฟา ทว่าแฝงรอยยิ้มแปลกๆไว้ในดวงตาคมเข้ม

“และฉันก็เชื่อทีเดียว..” เปรมฤดีเหยียดยิ้ม สุ้มเสียงมั่นใจเกินร้อย “เขาไม่มีทางปฏิเสธฉัน!”

“แล้วคุณพ่อคุณ..” อุสาห์หาข้อแย้งไม่ทันได้จบประโยค คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็รีบเอานิ้วชี้แตะปากบอกความนัย ก่อนจะรีบลุกขึ้นก้าวเร็วๆอ้อมมากระซิบข้างหูเพื่อนสนิทเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน

“เธออย่าเพิ่งบอกท่านแล้วกัน..รอให้แผนของฉันสำเร็จเสียก่อน”



















ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2556, 11:26:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2556, 11:26:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1560





<< บทที่ ๑๓ ง้อ   บทที่๑๔ การกลับมาของเปรมฤดี ๒/๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account