เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๔ การกลับมาของเปรมฤดี ๒/๒

ราตรีเงียบเหงาท่ามกลางแสงสีเงินยวงแห่งดวงจันทราสาดส่อง เปี่ยมรักสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงสีหวานของหล่อน พลิกตัวไปมาอยู่อย่างนั้นทว่าข่มตาให้หลับไม่ได้เสียที ความรู้สึกว่างโหวงประหลาดยังวนเวียนอยู่ในหัวอก

ทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับศิระมากยิ่งกว่าเก่า ทั้งที่ได้อยู่เป็นที่ปรึกษาให้เขาในยามต้องการ มีโอกาสร่วมงาน..สร้างปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกเหงามากขึ้นไปอีก ดวงหน้าคุ้นเคยกับนัยน์ตารีสวยแบบผู้ชายปรากฏเด่นชัดในครรลองสายตาแม้ในเวลานี้ เปี่ยมรักกะพริบตาถี่ๆ สะบัดศีรษะเพื่อขับไล่ภาพเขาซึ่งลอยวนอยู่ตรงเพดานระดับสายตาพอดิบพอดี รอยยิ้มกระจ่างทรงเสน่ห์นั่นอีก..

หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาวเหยียดเป็นครั้งสุดท้าย เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงทันสมัยก็ดังขึ้นบนโต๊ะโคมไฟข้างเตียง ยามนี้หล่อนไม่มีอารมณ์เสวนากับใครนักหรอก
เปี่ยมรักเอื้อมมือไปควานหยิบต้นกำเนิดเสียงรบกวนจิตใจชิ้นนั้นขึ้นมา กรอกคำทักทายอย่างซังกะตายลงไปโดยไม่ได้สังเกตแม้แต่ชื่อของคนปลายสายที่ปรากฏในจอ

“ฮัลโหล..”
เสียงนุ่มลึกของชายที่ตอบกลับมาส่งผลให้เปี่ยมรักแทบกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงทันที หูตาสว่างเจิดจ้าพอๆกับใจดวงน้อยค่อยๆเบ่งบาน

“นอนยังฝอยทอง..”
“พี่เต้!”

คำอุทานของเปี่ยมรักราวกับการโทรหาในยามดึกจากศิระเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่น่าตกใจเสียเต็มประดา ชายหนุ่มเลยรีบขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกเกรงใจ

“ขอโทษนะที่ต้องโทรมาตอนนี้..พี่รบกวนเวลานอนเราหรือเปล่า”
เปี่ยมรักสั่นศีรษะรัวเร็วใส่โทรศัพท์ ทั้งที่ก็รู้ว่าคนฟังไม่มีทางได้เห็น
“ไม่เป็นไรค่ะ..คุยได้ พี่เต้มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ”
หล่อนถามด้วยความเป็นห่วง..แม้จะรู้อยู่เต็มอก ว่ารุ่นพี่ของหล่อนมีหญิงสาวอีกคนเข้าไปนั่งอยู่เต็มสี่ห้องหัวใจ แต่หล่อนก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการได้ยินเสียงของเขา ได้แสดงความเอื้ออาทรเป็นห่วงเขา มันทำให้หล่อนมีความสุข แม้จะเป็นความสุขเสมือนคนป่วยได้กินของแสลงก็เถอะ..หล่อนยอมรับว่าขาดมันไม่ได้

“จะพูดยังไงดีล่ะ..ไม่เชิงยังงั้น แต่ก็ใกล้เคียง”
“เรื่องพี่เพ?”

หลุดปากออกไปก็แทบอยากจิกหัวตัวเอง คำยืนยันจากคนปลายสายว่าสันนิษฐานของหล่อนถูกต้อง ยิ่งทำให้หญิงสาวเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่ว่าเรานัดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวจะดีกว่า..เรื่องมันยาว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุยตอนนี้ก็ได้..ฝอยทองยังไม่ง่วง”
หล่อนเสนอน้ำเสียงจริงใจ อีกนัยหนึ่งคืออยากจะยืดเวลาในค่ำคืนนี้ให้ยาวนานขึ้นอีก..เพียงเพื่อให้ได้ยินเสียงเขา..ได้คุยกันต่อ

“ไม่ดีกว่าฝอยทอง..พรุ่งนี้เถอะนะ ตอนเที่ยง..ร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาล”
ศิระตัดบท ไม่ใช่ว่ารังเกียจการสนทนากับรุ่นน้องคนสนิท แต่เรื่องที่ต้องคุยจำเป็นต้องเห็นหน้าของคนฟังจึงจะได้อรรถรสมากกว่า

“งั้นก็ได้ค่ะ..พักเที่ยงแล้วหนูจะรอพี่ที่นั่นนะคะ”
ศิระกำลังจะวางสายอยู่แล้ว แต่เปี่ยมรักยังอยากหาเรื่องคุย..แล้วหล่อนก็นึก ‘เรื่อง’ มาคุยกับเขาได้ทันเวลา

“พี่เต้คะ..วันนี้ฝอยทองเจอคนไข้เก่าของพี่ด้วยล่ะ”
ชายหนุ่มทำเสียงเป็นเชิงแปลกใจในลำคอ
“คนไหนเหรอ?”

“เคสกระเพาะทะลุวันนั้นไงคะ ที่คนไข้เกือบตาย”
“อ้อ..นึกออกละ แล้วเป็นไงล่ะ..คุณลุงมาตรวจตามนัดใช่ไหม..มีปัญหาแทรกซ้อนอะไรรึเปล่า”
“หายดี น่าตาสดใสเชียวค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก..คุณลุงยังชมพี่เต้ให้หนูฟังเสียหูชา ความจริงต้องตรวจกับพี่เต้ แต่ตอนนั้นพี่ติดผ่าตัดนี่คะ...”

เปี่ยมรักหา ‘เรื่อง’ คุยกับเขาได้สำเร็จ เรื่องคนไข้..เป็นเรื่องที่ชายหนุ่มมักติดกับดัก หลงคุยกับหล่อนเสียยืดยาวไม่รู้จักเบื่อ..ทว่านั่นแหละ..คือสิ่งที่หล่อนต้องการ ความสุขเล็กๆได้เบ่งบานในหัวใจ..แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่แอบรัก


ในร้านกาแฟ..จุดนัดพบยามเที่ยงวัน เปี่ยมรักนับคำว่า ‘คุณเพ’ ยังงั้น ‘คุณเพ’ ยังงี้ ได้ครั้งไม่ถ้วน หล่อนเตรียมใจมากแล้วว่า ‘เรื่องไม่สบายใจ’ ของศิระต้องมีเพทาย รุ่นพี่คนสวยคนเก่งของหล่อนอยู่ในนั้นล้วนๆ ถึงตอนนี้หล่อนคงชินเสียแล้ว..ความรู้สึกแปร่งปราภายในจิตใจบรรเทาลงมาก เหลือแต่ความปรารถนาจะเห็นรอยยิ้ม และประกายตาสดใจของศิระเท่านั้น

“นายชัดมันชักแปลกๆ..ฝอยทองว่าไหม”
ชายหนุ่มเปรยขึ้น เอามือลูบคางสากๆนัยน์ตามีแวววิตกฉายชัด

“คนเกลียดผู้หญิงปานนั้น..แถมยังเอาชนะ..ได้สิทธิกลั่นแกล้งเขาเต็มที่ ทำไมถึงกลับตาลปัตร อาสาทำอะไรเว่อๆ ทำไมมันต้องทำเอง ทั้งที่หมอกระดูกเก่งๆรพ.เรามีออกถมไป”

“มันต้องแอบชอบคุณเพแหงๆ..ทำไงดีล่ะฝอยทอง พี่ชักไม่ไว้ใจเพื่อนตัวเองซะแล้วสิ”
เปี่ยมรักสบตารุ่นพี่หนุ่มนิ่งนาน ประสานมือไว้บนโต๊ะ หล่อนเป็นฝ่ายฟังเขามาตลอดโดยไม่ออกความเห็นขัดจังหวะแม้แต่ครั้งเดียว หล่อนเชื่อว่าความคิด หรือข้อเสนอแนะไม่ได้มีผล หรือมีอิทธิพลกับเขาเท่าไหร่หรอก..จริงๆแล้วคนเรามีปัญหา กลุ้มใจ ก็แค่ต้องการคนรับฟัง ต้องการที่ระบายเท่านั้นเอง

“ฝอยทองคิดว่า..พี่เต้น่าจะรอดูไปก่อนนะคะ อย่าเพิ่งรีบตัดสิน”
เปี่ยมรักเสนอ..โดยไม่ให้ความหวัง หรือปลอบใจเขาจนเกินงาม เรื่อง’ปรับทุกข์’ที่ชายหนุ่มเพิ่งเล่าให้หล่อนฟัง..มีความเป็นไปได้..และน่าขบคิดอยู่ไม่น้อย

“แปลว่าฝอยทองก็คิดแบบเดียวกับพี่ใช่ไหม..มีแนวโน้ม”
เปี่ยมรักทำหน้าลำบากใจ หล่อนเอ่ยเสียงเบา

“ไม่เชิงหรอกค่ะ..พี่อยากฟังคำปลอบ หรือความคิดเห็นจริงๆล่ะคะ หนูไม่อยากให้พี่คาดหวัง..จนเกินไป..เหมือน” ที่หนูเคยหวังกับพี่มาแล้ว..เปี่ยมรักกลืนประโยคนี้ลงคอด้วยความยากเย็น

“จริงสินะ..พี่ไม่ควรคาดหวังมากเกินไป..ขอบคุณนะฝอยทอง” ศิระคลี่ยิ้มออกมาได้ เขาเอนหลังพิงพนักท่าทางผ่อนคลายลงบ้าง “เออ..พี่ว่าจะถามฝอยทองอยู่เหมือนกัน พอดีเมื่อวานพี่แอบได้ยินคุณเพเธอคุยกับคุณพ่อ อีกสองสามวันก็จะได้กลับบ้านแล้ว แต่เหมือนว่าคุณลุงตระการจะขอกลับไปอยู่บ้านปราณคนเดียว..มีคนสนิทที่นั่นคอยดูแลช่วงพักฟื้นในหนึ่งเดือน”

แม้เปี่ยมรักจะค่อนข้างงุนงงที่ศิระเปลี่ยนประเด็นสนทนาขึ้นมากะทันหัน แต่หล่อนก็ยังมีไหวพริบพอรู้ว่าเขาสงสัยเรื่องอะไร

“อ๋อ..ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะพี่เต้ คุณพ่อคุณแม่พี่เพเขาแยกทางกัน คุณลุงตระการพักอยู่ที่ปราณบุรี จังหวัดประจวบฯมาหลายสิบปีแล้ว..เรื่องนี้พี่เพเพิ่งเล่าให้ฝอยทองฟังเมื่ออาทิตย์ก่อน”
ศิระพยักหน้ารับรู้ มีรอยยิ้มจุดตรงมุมปากก่อนเอ่ย

“อืม..ถ้ายังงั้นน่าจะสะดวก..อีกสองอาทิตย์ก็เป็นวันหยุดยาว”
เวลานั้นประตูกระจกของร้านถูกเปิดออก มีสตรีสาวร่างระหงสวมแว่นกันแดดก้าวเข้ามาอย่างเฉิดฉาย ดึงความสนใจจากแขกทุกโต๊ะไปรวมไว้ที่หล่อนอย่างง่ายดาย..เว้นแต่ศิระกับรุ่นน้องของเขาเท่านั้น ที่มีสมาธิจดจ่อกับเรื่องที่คุย กระทั่งไม่ได้สังเกตว่าจุดศูนย์รวมสายตานางนั้นได้สาวเท้าเข้ามาใกล้ทางเบื้องหลัง

“ภูฟ้ารีสอร์ทไงล่ะฝอยทอง..ยังจำได้ไหม”
“อุ้ย..เกือบลืมแน่ะค่ะ” เปี่ยมรักยกมือแตะริมฝีปาก หล่อนลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆนั่นแหละ “ขอโทษค่ะพี่เต้..ฝอยทองยังไม่ได้บอกพี่เพเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก..พี่เข้าใจ ช่วงนั้นคุณลุงตระการประสบอุบัติเหตุพอดี คุณเพคงไม่มีอารมณ์อยากฟังใครชวนเที่ยวหรอก” ศิระบอกพลางยิ้มน้อยๆ “แต่คราวนี้ทางสะดวกแล้ว พี่ฝากฝอยทองด้วยละกัน”
เปี่ยมรักรีบพยักหน้ายืนยันเป็นการขอโอกาสแก้ตัว
“ได้เลยค่ะ เจอพี่เพเมื่อไหร่จะรีบบอกทันที..ว่าแต่งานนี้ไปกันกี่คนคะ แล้ว..พี่ชัด เอ่อ..ไปด้วยรึเปล่า”
ศิระหลุดขำออกมาพรืดใหญ่เมื่อได้ยินประโยคท้าย พร้อมกับแววตาหวั่นวิตกของรุ่นน้อง

“แน่นอนทีเดียวล่ะ..ขานั้นน่ะ เรื่องท่องเที่ยวดื่มด่ำธรรมชาติ เขาไม่มีพลาด..พี่กะจะให้มันเป็น
navigator นำทางพวกเราอยู่แล้ว ส่วนคนอื่นพี่ไม่ได้ชวนหรอก ไปคนกันน้อยๆจะได้ไม่มากเรื่อง ฝอยทองก็ต้องไปเป็นเพื่อนคุณเพด้วยนะ..”

“ว้าว!..ภูฟ้ารีสอร์ท ที่เมืองกาญจน์น่ะหรือคะ มีแพริมน้ำด้วยนี่นา..ทริปนี้น่าสนใจจริงๆ”
เสียงหวานใสของแขกไม่ได้รับเชิญดังแทรกเข้ามา ทันทีที่ศิระหันไปเห็นว่าใครเป็นเจ้าของเสียง ชายหนุ่มก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“คุณเปรม!”





ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2556, 08:19:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2556, 08:22:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1586





<< บทที่๑๔ การกลับมาของ 'เปรมฤดี' ๑/๒   บทที่๑๕ พายุหมุน ๑/๒ >>
Auuuu 9 พ.ค. 2556, 12:12:14 น.
แขกไม่ได้รับเชิญจะร่วมไปด้วยซะงั้น


ศิลาริน 9 พ.ค. 2556, 12:17:07 น.
@Auuuu: เรื่องจะสนุกไม่สนุก she มีเอี่ยวด้วยแน่นอน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account