เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม
..........
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 : ความสดใสไร้เดียงสามันมีจุดเริ่มและมีจุดจบ


พ่อแม่ของฉันเป็นบุปผาชนรุ่นสุดท้ายก่อนที่อิสรภาพจะสูญหายไปจากโลก แม่พูดเสมอว่าโซ่ตรวนที่แท้จริงใช้ล่ามหัวใจไม่ใช่ร่างกายและความเป็นทาสอยู่ในจิตวิญญาณไม่ใช่สถานะ ในโลกนี้ไม่มีพันธนาการเบ็ดเสร็จอันไร้ซึ่งเสรีภาพอย่างสิ้นเชิง ทว่าเสรีภาพที่แท้จริงกลับคือพันธนาการชนิดหนึ่ง ส่วนพ่อก็มักจะพูดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาเสมอภาคกัน พวกเราต่างเกิดมาพร้อมสิทธิอันชอบธรรมที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจพรากเอาไปได้ สิทธิที่ว่านั้นคือ สิทธิแห่งชีวิต สิทธิแห่งเสรีภาพและสิทธิแห่งการแสวงหาความสุข
















ตอนที่ 1 : ความสดใสไร้เดียงสามันมีจุดเริ่มและมีจุดจบ


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..มีมนุษย์อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ หรืออันที่จริงอาจจะมีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้เป็นก่อนกาลที่เทพนิยายหรือตำนานปรัมปราเรื่องใดจะถือกำเนิดเสียอีก ทั้งที่อยู่ในคราบของความจริงและความฝัน ทั้งที่อยู่ในฐานะมนุษย์ผู้อ่อนแอโง่เขลาและเทพเจ้าผู้เก่งกาจสูงส่ง ทั้งงดงามและน่าเกลียดชัง ทั้งบ้าคลั่งและสงบโศกซึ้ง ในโลกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว น่าเกลียดและน่าทึ่งเหมือนมนุษย์อีกแล้ว นอกจากมนุษย์ด้วยกันเอง

โฮโม อีเรคตัสเป็นผู้ริเริ่มรวมกลุ่ม ส่วนนีแอนเทอนัลเป็นผู้ค้นพบระบบปกครองกลุ่มที่มอบอำนาจให้ขึ้นตรงต่อบุรุษเพียงผู้เดียวซึ่งโฮโม เซเปียนนำมาพัฒนาจนกลายเป็นการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช และอีกหลายพันปีต่อมาลูกหลานของพวกเขาโค่นล้มมันลงเพื่อคำว่าสิทธิมนุษยชน

ศาสนาคริสต์สอนให้มนุษย์เอาชนะความเย้อหยิ่งด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน ในขณะที่มาคิอาเวลลีประกาศว่าหากมนุษย์ปราศจากความอหังการในตน เท่ากับเป็นคนอ่อนแอที่มิตรไม่เชื่อถือและศัตรูจะเหยียบย่ำ

ไม่มีความผิดถูกที่คงอยู่ตลอดกาล โลกเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดนิ่ง
ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือได้สักอย่าง

“เพชรลดา งานหนังสือที่มหาวิทยาลัยปีนี้จะมีงานสัมมนานักเขียน แกมาด้วย”

เมื่อสองวันที่แล้ว ฉันถูกปลุกให้ตื่นจากโลกของตัวเองด้วยคำสั่งแบบเพื่อนสนิทแต่พูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ใช้สำเนียงของคนชั้นสูง น่าหงุดหงิดเพราะคนที่โทร.มามันก็รู้แก่ใจว่าฉันไม่ชอบโผล่หัวไปอวดตัวอยู่กลางฝูงชน แม้ว่าพฤติกรรมประจำตัวแบบนี้ที่ส่งผลกวนใจฉันอยู่พักหนึ่ง นั่นคือเมื่อนามปากกาของฉันเป็นที่รู้จักในสังคมคนเขียน คนอ่านและคนทำหนังสือ ดูเหมือนว่าใครๆก็พยายามจะพูดว่ารู้จักฉัน ‘เป็นการส่วนตัว’ไปเสียหมด แถมยังมีร้านค้าหนังสือบางร้านแอบปลอมลายเซ็นของฉันเพื่อโก่งราคาหนังสือขึ้นไปอีกอย่างต่ำหนึ่งเท่าตัว..สารพัดสารเพ

ฉันรักความโดดเดี่ยว และนั่นคือเหตุผลที่ฉันเลือกการเขียนหนังสือเป็นอาชีพ ฉันรักความเงียบ เพราะความเงียบทำให้ฉันได้ยินเสียงของตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมากระตุ้นเร้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงในฐานะคนเขียนหนังสือหรือหรือศาสดาของคนอ่านหนังสือบางกลุ่ม ฉันก็ยังไม่อยากออกไปให้พ้นจากห้องแคบๆและไปอยู่ในที่ที่ฉันไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง

“ฟัง นี่ไม่ใช่ไอเดียของฉัน นักศึกษาวิชาวรรณกรรมรวมหัวกันเสนอชื่อแกและฉันอยากให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์จริงๆ อีกอย่าง ตอนที่เขาคัดเลือกนักเขียนที่มาจะเป็นวิทยากร ฉันก็เสนอเข้าที่ประชุมคณาจารย์ว่าพวกนิยายโรมานซ์ติกาน่ะ มันมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากนวนิยายแนวอื่นและมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆคิด”

“นวนิยายรัก เขียนให้ง่ายก็ง่าย เขียนให้ยากก็ยาก แต่ไม่ว่าจะยากหรือง่าย สุดท้ายมันก็คือหนังสือไร้สาระ”
มันถอนหายใจเฮือก ฉันหัวเราะและหยุดหัวเราะเมื่อมันพูดต่อ

“เอาเถอะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดของแก แต่จงมา อย่างน้อยแกก็ควรออกมาสู่สังคมภายนอกบ้าง แกควรออกมาแหกตาดูว่าตอนนี้สังคมจินตนาการสร้างภาพของแกเละเทะไปถึงไหน ดีกว่าวันๆเอาแต่มุดหัวนั่งเขียนหนังสืออยู่ในห้องนอนขนาดเท่าแมวดิ้นตาย”

“ฉันไม่สนใจคนอื่น”

“บอกให้มาก็มา จะบอกอะไรให้ ไอ้พวกทำตัวติสต์แบบไม่รู้กาลเทศะในวงการศิลปะน่ะระวังมันจะล่มจมเอา”

ฉันไม่ใช่อาร์ทติสต์หรือศิลปิน (ถึงแม้ว่าจะมีคนคิดอย่างนั้นมากมายมหาศาลก็เถอะ) ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยจินตนาการว่าวันหนึ่งมือของฉันจะจับปากกาขึ้นมาหากิน และยิ่งไม่รู้ว่าเพราะสิ่งใดดลใจ ฉันจึงเลือกเขียนนวนิยายโรมานซ์ติกาแบบสายเลือดแท้แทนที่จะเขียนนิยายประเภทอื่นที่สามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้เป็นกอบเป็นกำดีกว่า เร็วกว่า ทั้งที่การเขียนนวนิยายแนวนี้ นอกจากจะอ่านเข้าใจยากและหาคนอ่านได้ยากกว่าประเภทอื่นแล้ว ยังทำให้ภาพพจน์ของฉันถูกเหยียบย่ำมาเนิ่นนานจนป่านนี้ไม่รู้ว่าเละเทะไปแค่ไหน

ในวงการนักอ่าน ชื่อของฉันได้รับการยอมรับแค่คำชมที่ว่า ‘สนุก’ ‘น่าติดตาม’ ในวงการนักวิจารณ์ ฉันถูกเรียกว่า..ผู้ทำลายขนบ! ธรรมเนียม! ประเพณี! จารีต! บรรทัดฐาน!และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย!
ส่วนในสายตาผู้ชาย..ฉันสุดแสนจะเซ็กซี่ มีนักเขียนคนไหนที่บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมายรักให้อ่านเกือบทุกสัปดาห์ ได้รูปถ่ายวาบหวิวของผู้ชายมาดูเล่นและได้รับรูปถ่ายผู้ชายกับรถยนต์หรูๆของตัวเองพร้อมกับคำชวนประเภทที่ว่า “มานั่งเฟอร์รารี่กับผมไหมครับ”

จะมีผู้รู้บางคนเท่านั้นแหละที่พูดออกมาให้ดีใจได้บางครั้ง

“นวนิยายของคุณวิพากษ์มนุษย์และสังคม ทำให้คนรู้จักคนมากขึ้น”

อย่างที่ฉันว่าไว้ นิยายรักทำให้ง่ายก็ง่าย ทำให้ยากก็ยาก ความลึกซึ้งและแง่มุมของความรักมีอะไรให้ค้นหามากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคนเขียนคนไหนทุ่มตัวลงไปค้นหาปริศนาที่ยังไม่มีใครค้นพบแล้วนำออกมาตีแผ่หรือเลือกที่จะทำให้คนอ่านเคลิ้มฝันด้วยการรังสรรค์นิยายตามแบบพิมพ์นิยม

แอร์โฮสเตสโน้มกายลงมาถามฉันว่าต้องการเครื่องดื่มอะไร ฉันตอบไปว่าน้ำส้ม เธอเสิร์ฟให้แล้วดันรถเข็นคันเล็กเดินไปข้างหน้า ฉันมองเบื้องหลังของเรือนร่างสวยระหงไม่ขาดส่วนโค้งส่วนเว้าในเครื่องแบบพนักงานสายการบิน นึกขึ้นมาได้ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยคิดอยากเป็นแอร์โฮสเตสและคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติมากพอ ทั้งความสูง รูปร่างหน้าตา ความสามารถในการแต่งตัวแต่งหน้าทำผมและความสามารถทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาสเปน ตอนนี้ฉันน่าจะได้ใส่เครื่องแบบหรูๆ แต่งหน้าทำผมสวยๆแล้วเดินกรีดกรายทำงานในสายการบินใดสายการบินหนึ่ง ถ้าก่อนหน้านี้ ฉันคิดจะสมัครน่ะนะ

ฉันคงเป็นแอร์โฮสเตสแทนที่จะเป็นนักเขียน ถ้าตอนนัดบอดในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ฉันไม่ได้เจอกับพ่อนักบินหนุ่มรูปงาม

นักบิน..หนึ่งในอาชีพของหนุ่มในฝันของสาวๆ แต่วันนั้นหนุ่มในฝันของทุกคนเดินตรงมาหาฉันอย่างสง่างาม ด้วยบุคลิกท่าทางของเจ้าชายผู้ซึ่งทอดพระเนตรเห็นซินเดอเรลล่าปรากฏตัวในงานเต้นรำ ด้วยบุคลิกของผู้นำและความมั่นใจในตัวเองที่ได้มาเพราะความหล่อเหลา เขาจึงเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้สอนให้ฉันรู้จักความหวั่นไหว รู้จักคำว่ารักหมดใจ รู้จักความเขินอายจนหน้าแดงก่ำและต่อมาไม่นาน เขาก็สอนให้ฉันได้จูบครั้งแรก

หลังจากนั้นเขาก็จากไป

ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งฉันไปกับผู้หญิงที่สวยกว่า ฉันคิดว่าความสวยของตัวเองรั้งท้ายผู้หญิงทั้งโลก แต่หลังจากที่ฉันพบผู้ชายอีกสองสามคนจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันเริ่มคิดว่าความสวยไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่นำความสุขมาให้ฉัน ฉันเลิกที่จะสนใจเปรียบเทียบความสวยของตัวเองกับใคร เลิกที่จะยึดติดกับมันและเริ่มออกเดินทางตามหาสิ่งที่ฉันต้องการอย่างแท้จริง

ฉันต้องการศึกษาคน และศึกษาโลกของคน

เมื่อมีโอกาส ฉันออกไปผับ ออกไปบาร์ สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้าหรือแม้แต่สนามกีฬาเพื่อไปสังเกตและพบปะผู้คน ฉันชอบฟังมากกว่าพูด อันที่จริงเป็นประสาทสัมผัสของฉันด้านชาและเชื่องช้าลงมากเพราะมัวแต่ใช้สมองครุ่นคิด สังเกตและจดจำอย่างหนักจนกลายเป็นนิสัย ถ้ามีผู้ชายมาจีบ ฉันจะฟังเขา สังเกตและวิเคราะห์พฤติกรรมของเขาราวกับผู้ชายคนนั้นเป็นหนูขาวในห้องทดลองจนเขาสะเทิ้นเขินอายและลงท้ายด้วยการเดินจากไปเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องประหยัดเสียงของตัวเองขนาดนั้น

จนกระทั่งผู้ชายใส่แว่นผิวขาวแต่งตัวสะอาดสะอ้านปรากฏตัวตรงหน้าฉัน และถามฉันว่า

“คุณมีใครอยู่ในใจไหม”

ผู้ชายคนนั้นคือแฟนคนที่สองของฉันที่เพิ่งเลิกรากันไป ฉันพบเขาในห้องสมุดประชาชนใกล้บ้าน เขาเป็นนักวิชาการอิสระซึ่งต่อมาได้เป็นอาจารย์ในคณะสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอกชน เขาหลงรักฉันเพราะฉัน ‘เป็นนักสังเกตการณ์สังคมชั้นเยี่ยม’ เขาเป็นผู้ชายสุขุมและนุ่มนวลตามประสาคนที่มีความรู้มาก มีทัศนคติที่เปิดกว้างและไม่เป็นปฏิปักษ์กับความคิดของใครเนื่องจากเขาก็คิดเหมือนฉัน ‘ความรู้ถูกล้มล้างในทุกยุคทุกสมัยด้วยความสามารถของมนุษย์รุ่นหลัง แล้วมีประโยชน์อะไรที่ปัจจุบันเราจะต้องขัดแย้งกันเพราะความทะนงตนในความรู้ที่ตนมี’

เขามีเสน่ห์มากที่สุดเมื่อเขาอยู่ท่ามกลางนักศึกษาและประชาชนที่เคารพนับถือ คำพูดและน้ำเสียงอันนุ่มนวลชวนฝันสามารถสะกดผู้คนหลากหลายไว้ด้วยความรู้หลากหลายและข้อวินิจฉัยอันน่าทึ่ง ฉันหลงเสน่ห์เขาประหนึ่งชีโมน เดอ โบวัวร์ตกหลุมรักฌอง ปอล ซาตร์ต และเมื่อความรักเริ่มสุกงอม ฉันถึงกับเคยใฝ่ฝันว่าทั้งฉันและเขาจะเป็นพลังชีวิตของกันและกัน เป็นความรู้ที่หลอมรวมกันและท้ายที่สุดจะเป็นคู่รักที่ถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์แก่มวลชนเช่นเดียวกับปิแอร์และแมรี คูรี

มันเป็นแค่ความฝันเพราะฉันไม่มีวาสนา เนื่องจากนักศึกษาสาวที่เขาลักลอบมีเพศสัมพันธ์ด้วยตั้งท้อง และพ่อแม่ของเด็กคนนั้นจะรายงานเรื่องให้ทางมหาวิทยาลัยรับทราบ แต่หากเขารับผิดชอบการกระทำของตนเองโดยการแต่งงานกับเธอ นักศึกษาคนนั้นจะลาออกอย่างเงียบๆ เรื่องจะถูกเก็บเป็นความลับระหว่างครอบครัวและเขาก็เลือกอย่างนั้น

ฉันไม่มีความทรงจำในวันจากลากับผู้ชายคนแรก แต่เมื่อมามีกับผู้ชายคนที่สอง มันก็ไม่ได้โกรธเกรี้ยวหรือเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนอย่างที่เห็นในละครหลังข่าวหรือในมิวสิควีดีโอเพลงเศร้า มีเพียงแต่ความชืดชาไร้ความรู้สึกเมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากปากของเขา ไม่โศกเศร้า ไม่มีน้ำตา อาจเป็นเพราะสองสิ่งนั้นฉันใช้มันไปอย่างไม่บันยะบันยังกับผู้ชายคนแรกและฉันคิดว่าน้ำตาของฉันมันคงจะหมดไปตั้งแต่วันนั้น

ฉันกลับไปสู่ภาวะแห่งความเงียบงันเหมือนเดิม โลกทั้งโลกที่เคยสว่างสดใสกังวานไปด้วยสรรพเสียงกลับมามืดครึ้มและเงียบเชียบ ไม่มีอะไรแตกต่างอย่างที่เป็น แม้ว่าเขาจะกุมมือฉันและพูดออกมาว่า “ผมรักคุณ ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้น เพชรลดา”

แอร์โฮสเตสคนนั้นหันกลับมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน ฉันยิ้มให้เธอแบบไม่เปิดปาก ฉันชอบยิ้มโดยไม่ให้ใครเห็นฟันอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ หลายคนเปรียบว่าเหมือนรอยยิ้มของโมนาลิซา ยิ้มลึกลับแบบผู้ชายทั้งโลกคิดให้ตายก็ไม่รู้ว่าเธอยิ้มเพราะอะไร

ทิวทัศน์บนพื้นโลกที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากริมหน้าต่าง จากฟ้าสีฟ้า เมฆสีขาวก็มาเป็นตึกสีขาวและภูเขาสีเขียว ถึงแม้เวลาแค่ยี่สิบกว่าปีของฉันไม่ได้ยาวนานพอที่จะเห็นโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โลกยังสดใสและดอกไม้ก็ยังเบ่งบานสวยงามในทุกฤดู แต่ฉันไม่สามารถเบิกบานไปมากกว่าที่เป็นอยู่

อาจเป็นเพราะความสดใสไร้เดียงสามันมีจุดเริ่มและมีจุดจบ เหมือนชีวิตที่มีเกิดและมีตาย แต่ผู้คนไขว่คว้าหนทางที่จะมีชีวิตฉันใด พวกเขาก็พยายามจะดำรงความสดใสและไร้เดียงสาเอาไว้ฉันนั้น ..ด้วยวิธีมองโลกในแง่บวก มองโลกให้สวยงาม ด้วยความพยายามที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างชั่วขณะและกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง

ฉันนั่งแช่อยู่บนที่นั่งริมหน้าต่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น ก้าวลงจากเครื่องบินของการบินไทยเป็นคนสุดท้ายและลงมายืนบนพื้นที่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าเดินทาง เดินอ่านเอกสารของโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิงไปหาคนขับรถแท็กซี่ บอกที่หมายก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดโทรศัพท์ โทร.หาแม่และรอคอยอย่างอดทน เพราะแม่ของฉันอาจจะกำลังวุ่นวายกับลูกค้าในร้านอาหารซึ่งกว่าจะปลีกตัวมารับโทรศัพท์ได้ ฉันอาจต้องโทร.เป็นครั้งที่สี่ที่ห้า

ไม่ใช่เรื่องลำบากเท่าไร แม้ว่าหลายครั้งจะโทร.ไม่ติดเพราะมีลูกค้าโทร.มาสั่งอาหาร

“สวัสดีค่า ร้านพิมพาค่า”

“หนูเองแม่ ถึงเชียงใหม่แล้ว”

“อืม จะกลับเมื่อไรล่ะ”

ฉันรู้ว่าถ้าไม่กลับบ้าน ที่ร้านจะขาดคนงานที่ไม่ต้องจ่ายเงินจ้างไปคนหนึ่ง แต่ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่เชียงใหม่สักสามเดือน อยากใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆสักพัก เพื่อคิดอะไรไปเรื่อยๆ เพื่อฟังเสียงหัวใจของเชียงใหม่ บ้านอีกหลังหนึ่งของฉันและเพื่อฟังเสียงหัวใจของตัวเองโดยไม่ต้องฟังเสียงของใครพูดจา

ฉันบอกแม่อย่างนั้นแล้ววางโทรศัพท์ จ่ายเงินให้คนขับรถแท็กซี่เมื่อเขาพาฉันมาถึงอิมพีเรียล แม่ปิง โฮเทล ฉันจองห้องสแตนดาร์ดไว้ และคิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักสามคืน ระหว่างนั้นจะออกไปหาอพาร์ตเมนต์เช่าเพราะการอยู่โรงแรมระดับนี้สักสามเดือนจะสิ้นเปลืองงบประมาณที่จะใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องในปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว

บ.ก.โทร.มาคุยเรื่องความก้าวหน้าในการตีพิมพ์นวนิยายเรื่องล่าสุดของฉัน ฉันเปิดโน้ตบุ๊คเครื่องเล็ก เปิดกล่องอีเมลอินบ็อก และใช้เวลาเกือบหนึ่งวันสำหรับตรวจสอบภาพปกและรายละเอียดในแต่ละหน้าของหนังสือก่อนจะพิมพ์อีเมลบอกส่วนที่ต้องการให้แก้ไขกลับไป จากนั้นจึงค่อยเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแขวน แต่เพราะว่าฉันเอาชุดชั้นในมาชุดเดียวและลิปสติกกับน้ำหอมใกล้จะหมด ฉันเลยได้ความคิดใหม่ว่าควรจะออกไปซื้อของและอาจถือโอกาสแวะทานอาหารเย็น

ฉันอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวใส่คู่กับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมรองเท้าส้นสูงสีดำคู่โปรดของ
ฉันก่อนจะลงไป



สร้อยดอกหมาก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2554, 00:54:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 19:45:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 4371





   ตอนที่ 2 : เขามองฉันเหมือนพระราชากำลังมองผู้หญิงที่ถูกนำมาถวายตัวให้เป็นนางสนม >>
ปลากัด 4 เม.ย. 2554, 09:41:35 น.
แวะมาทักทายค่ะ ^______^


daffodil120 4 เม.ย. 2554, 15:12:04 น.
ดีใจที่จะได้อ่านเรื่องนี้อีกครั้งค่ะ คราวนี้ขอจนจบได้มั้ยคะ


สร้อยดอกหมาก 4 เม.ย. 2554, 19:09:57 น.
ได้ค่า ถ้าไม่แก้อีกนะคะ (ฮา)


ณิณ 4 เม.ย. 2554, 19:20:08 น.
ดีใจจังค่ะ ที่ได้เจอสร้อยดอกหมากอีกครั้ง^^


จุฬามณีเฟื่องนคร 5 เม.ย. 2554, 19:35:11 น.
สุดยอดครับ..


Setia 5 เม.ย. 2554, 22:57:23 น.
ชอบจริงๆเลยค่ะ อ่านทุกครั้ง ได้อะไรกลับไปทุกครั้ง


หมี่เย็น 6 เม.ย. 2554, 21:10:59 น.
เพิ่งได้อ่านเป็นครั้งแรก ติดตามตอนต่อไป หุหุ


ออโรร่า 7 เม.ย. 2554, 02:45:39 น.
แหะๆ คิดเหมือนกับ คุณ daffodil120 เคยค่ะ


pinkpenguin 11 เม.ย. 2554, 20:45:19 น.
เจ้าสร้อยยยยยยยยยยยย
คิดถึงมากกก ^^


องุ่น 11 พ.ค. 2555, 03:10:17 น.
มาเริ่มอ่านค่าาาา


gammyzaza 1 ธ.ค. 2555, 17:56:50 น.
มาแล้ว แฟนพันธุ์แท้มาแล้วจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account