เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๕ พายุหมุน ๑/๒

รถยุโรปคันดำเคลื่อนตัวมาถึงหน้าปากซอย ทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งนั้น ศิระชะลอรถให้แล่นไปบนคอนกรีตด้วยอัตราที่ช้าลง เหลือบมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวข้างกายด้วยความรู้สึกอธิบายยาก

“ที่จริงคุณเพไม่เห็นต้องซีเรียสขนาดนี้เลยครับ” เขาเอ่ยอย่างไม่เข้าใจเพทายเลยสักนิด อยากจะเชื่อว่าเสียงของตัวเองเครืออยู่ด้วยอารามตัดพ้อ..ซึ่งชายหนุ่มก็อธิบายไม่ได้อีกเช่นกัน ว่าเพราะเหตุใด “นายชัดมันก็แค่หาเรื่องแกล้งคุณเล่นเท่านั้นเอง..ไม่ได้โกรธอะไรจริงจังนักหรอก”

“แต่เขาก็โกรธ..คุณไม่ปฏิเสธใช่ไหม” เจ้าของนัยน์ตากลมโตหันขวับมาบอกเขาเสียงเครียด

“คุณแคร์เพื่อนผมมากนะ..รู้ตัวหรือเปล่า”
หลุดปากไปแล้ว..ศิระถึงได้รู้ตัวในภายหลังว่าเขาควรจะคิดก่อนพูดให้มากกว่านี้ นัยน์ตาดุกรอบสวยของเพทายมองสบเขานิ่ง..มีประกายบอกความผิดหวังฉายชัด

“คุณชัดเจนอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่คะ..” จู่ๆหญิงสาวก็โพล่งถาม หน้าตาเครียดขรึม
ศิระชะงัก รู้สึกเหมือนได้รับสัญญาณอันตรายบางอย่างก่อนพายุร้าย เขาอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ตอบคำถามหล่อนโดยดี

“41/1 ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ..สำหรับที่คุณยอมช่วยเหลือฉัน พามาส่งถึงนี่” แม้จะเป็นคำกล่าวขอบคุณที่ฟังดูห้วนไปสักหน่อย แต่หล่อนก็ตั้งใจขอบคุณเขาในกรณีนี้จริงๆ
เพทายขอร้องศิระให้ช่วยบอกที่อยู่ของชัดเจนเมื่อเช้านี้เอง หล่อนรู้สึกยังมีหลายอย่างติดค้างกับเขา แต่ท่าทีที่เขาแสดงกับหล่อนวันนั้นบอกให้สำเหนียกได้ว่า..หล่อนจะไม่มีทางได้พูดคุย..กล่าวคำขอโทษใดๆทั้งสิ้น หากมัวแต่รอคุยกับเขาในโรงพยาบาลแห่งนั้น

เปี่ยมรักเพิ่งโทรมาชวนหล่อนไปเที่ยวน้ำตกที่กาญจนบุรีอีกสองสัปดาห์เมื่อคืนนี้ รุ่นน้องคนสนิทบอกว่าเป็นไอเดียของศิระที่อยากนำเสนอรีสอร์ทภูฟ้า ให้พวกหล่อนได้ลองสัมผัสบรรยากาศแพริมน้ำ จะได้ถือโอกาสผ่อนคลายความตึงเครียดจากเรื่องหนักหนาในชีวิตที่ผ่านมาไม่นาน ซึ่งหล่อนยังไม่ได้ตอบปฏิเสธหรือตกลง ขอใช้เวลาตัดสินใจและดูตารางงานของตัวเองให้แน่ใจก่อน

เช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็หมายถึงวันนี้ เพทายมาเยี่ยมพ่อของหล่อนแต่เช้า และบังเอิญพบศิระยืนตรวจอาการคุณตระการอยู่พอดี หญิงสาวบอกเขาว่าดีใจมากที่ได้พบ มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย

ศิระมีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที..ซึ่งหล่อนก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เขาคงคิดว่าหล่อนจะคุยตอบรับเรื่องทริปเมืองกาญจน์ที่เปี่ยมรักเป็นหน้าม้าไปเชิญชวนไว้ แต่พอประเด็นกลับตาลปัตร กลายเป็นว่าหล่อนถามถึงที่อยู่ บ้านพักส่วนตัวของชัดเจน บอกเขาว่าเพื่อนตัวร้ายของเขาพยายามหลบหน้าหล่อนอย่างสุดความสามารถ หาตัวลำบาก แถมพอเจอตัวแล้วก็ยังไม่เปิดโอกาส..ไม่ยอมรับฟังคำขอโทษใดๆจากหล่อนอีก

เพทายจำได้แม่น..ศิระถึงกับหน้าถอดสี น้ำเสียงดีใจทีแรก กลับกลายเป็นผิดหวัง เจืออยู่ด้วยความน้อยใจ ไม่เข้าใจ..และน่าจะขัดใจเขายิ่งกว่าครั้งไหน

ทำไมหล่อนจะดูไม่ออกว่าศัลยแพทย์หนุ่มผู้นี้คิดยังไงกับหล่อน...แต่หหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบให้ความหวังผู้ชายไปทั่วเพื่อหลอกใช้หรือจ้องหาผลประโยชน์ เพทายคิดว่าตัวเองวางตัวอยู่ในระยะที่พอเหมาะพอควรไม่ให้เขาก้าวล่วงไมตรีไปมากกว่าคำว่าเพื่อน..ใช่! หล่อนประทับใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ถูกชะตา..ชื่นชมในอัธยาศัย แต่นั่นไม่ใช่ความรู้สึกพิเศษที่หล่อนเคยมี..เหมือนประสบการณ์ความรักหลบเร้นที่หล่อนมีต่อนลัศ..มันไม่ใช่ความรู้สึกนั้นเด็ดขาด

หญิงสาวให้เหตุผลจากก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยหน้าตา ท่าทาง และน้ำเสียงที่จริงใจที่สุดแล้ว ว่าหล่อนเป็นคนไม่ชอบมีอะไรติดค้าง โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกผิดกับใครรุนแรงเหมือนเช่นครั้งนี้ หากไม่ได้ปรับความเข้าใจ ไม่ได้อธิบายความไม่เจตนาของหล่อนให้ชัดเจนฟัง และแสดงการยอมรับผิด หล่อนคงอยู่ไม่สุข..พยายามบอกตัวเองซ้ำๆ สะกดจิตตัวเองให้เชื่อทุกวินาที

มันคงไม่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนั้น..อย่างน้อยก็ไม่ใช่เหตุผลที่หล่อนเคยมีให้กับนลัศ

ศิระนิ่งอึ้งไปพักใหญ่..สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายอาสาพาหล่อนมาส่งที่หมู่บ้านจัดสรร..สถานที่พักส่วนตัวของเพื่อนสนิท ถึงแม้วันนี้เขาจะอยู่เวรก็ตาม ให้เหตุผลว่าเช้านี้ยังไม่มีเคสผ่าตัด เหตุการณ์ในหอผู้ป่วยแลดูสงบดี ไม่มีโทรศัพท์รายงานปัญหาใดๆจากพยาบาลในเวร..เขาตั้งใจจะมาอยู่ร่วมฟังการขอโทษกับหล่อนด้วย ซึ่งเพทายค่อนข้างมั่นใจ ว่าแท้จริงเขาต้องการแทรกตัวมาเป็นกันชนระหว่างหล่อนกับชัดเจนต่างหาก

“คุณส่งฉันแค่นี้ก็พอค่ะ ธุระจุกจิกของฉัน..ไม่อยากให้คุณต้องมาเสียเวลาด้วย” เพทายพยายามควบคุมโทนเสียงให้เรียบนิ่งที่สุด ก่อนจะตัดบทด้วยการขอให้เขาปลดล็อกประตูรถฝั่งที่หล่อนนั่ง

ศิระสบตาหญิงสาวนิ่ง กระแสบางอย่างส่งผ่านมาพร้อมกับแววตาคู่นั้น..เพทายแน่ใจว่ามันคือกระแสความโกรธกรุ่น ซึ่งหล่อนไม่เคยสัมผัสได้จากตัวผู้ชายคนนี้มาก่อน

“คุณกำลังโกรธ..อย่าประชดผมด้วยวิธีนี้เลย”
ศิระเอ่ยเสียงเครียด และนั่นก็ทำให้ความอดทนของเพทายหมดลงทันที

“ถามตัวเองดีกว่าค่ะ..ใครกันแน่ที่โกรธ..ฉันบอกเหตุผลคุณไปแล้วไม่ใช่หรือว่ามาที่นี่เพราะอะไร ขอยืนยันด้วยเกียรติของผู้หญิงเลย...ฉันไม่ได้มาเพื่อจะอ่อยผู้ชาย หรือสร้างสัมพันธไมตรีลึกซึ้งอะไรกับเพื่อนของคุณ อย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ” เพทายหยุดหายใจหอบแรง พวงแก้มทั้งสองข้างแดงซ่าน หล่อนไม่หลบสายตาเขาแม้แต่วินาทีเดียว “ปลดล็อกให้ฉันเถอะค่ะ..อย่าเสียเวลาอีกเลย”

จะด้วยกระแสเสียง นัยน์ตาดุเกรี้ยวกราด น้ำคำหนักแน่นของผู้หญิงตรงหน้า หรือเสียงกรีดร้องขัดจังหวะของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตก็ตาม..สุดท้ายศิระก็ยอมเอื้อมมือลงไปปลดล็อกให้หล่อน

เพทายไม่ได้กระแทกประตูรถใส่หน้าเขาก็จริง แต่ท่าทีเร่งร้อน หุนหัน รีบเดินกึ่งวิ่งห่างออกไปทันทีที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ..มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าหล่อนจะเลือกเสียมารยาทด้วยการทำอย่างแรกเสียอีก

“ว่าไง..อืม ตามเลือดมาให้ก่อนสองถุง..ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ปัญหาเร่งด่วนจากเสียงของพยาบาลปลายสาย ทำให้เขาได้แต่มองดูหญิงสาวผู้เดินลิ่วๆจากไปอย่างมีความรู้สึกมากมายติดค้าง ทว่าจำต้องตัดใจ หักพวงมาลัยเลี้ยวกลับออกไปยังเส้นทางเดิม..คนไข้รายใหม่ที่ห้องฉุกเฉิน อย่างไรก็สำคัญกว่า..และอาการสาหัสของเพื่อนมนุษย์รายนั้น ทำให้เขาต้องรีบขับรถกลับโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด


เพทายมองหน้าบ้านหลังคาสีน้ำตาลแก่ กินเนื้อที่หกสิบตารางวา มีหมายเลข 41/1 กำกับด้วยสายตาตื่นตะลึง หล่อนไม่ได้ดีใจที่เดินหาบ้านหลังนี้เจอ และพบว่ามันตั้งอยู่เกือบสุดซอย ทว่าบุคคลที่วิ่งออกมาจากช่องแคบ ประตูแง้มนั่นต่างหาก เรียกความสนใจของเพทายให้ตรึงเอาไว้ตรงนั้นแน่นิ่งเป็นเวลาพอสมควร

“ฟังผมก่อนนะณี..นายชัดมันไม่ได้ตั้งใจหรอกน่า”

ชายสูงวัยผมสีดอกเลา รูปร่างท้วมใหญ่วิ่งปราดออกมา เฉียดร่างหล่อนไปนิดเดียว เพทายเพิ่งเห็นหลังไวๆของหญิงสาวหน้าตาสวยจัด ผิวขาวเหลือง รูปร่างแบบบางวิ่งปลิวลมไปก่อนแล้วไม่กี่วินาทีนี้เอง

นักวางแผนสาวยังได้ยินประโยคที่เอ่ยในเชิงรั้งแม่สาววัยละอ่อนคนนั้นซ้ำๆ ดังติดกันอย่างต่อเนื่อง เพทายเพ่งสายตาประเมินคนทั้งคู่แล้ว..อายุอานามสาวสะคราญน่าจะห่างกับชายผิวคร้ามแดดซึ่งโผล่เขตประตูบ้านออกมาหลังสุดมากพอดู อย่างน้อยก็หนึ่งรอบขึ้นไป

แม้เหตุการณ์ทุกอย่างจะเกิดขึ้นรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ทว่าก็ไม่ช้าเกินกว่าที่คนตาไวอย่างเพทายจะสังเกตลักษณะสำคัญกระทบใจบางประการไว้ได้

นับตั้งแต่แม่สาวผิวขาวเหลืองคนนั้นวิ่งเอาฝ่ามือทั้งสองปิดหน้าร้องไห้โฮออกมา รถแท๊กซี่คันเขียวเหลืองที่แล่นเข้ามาจอดเทียบยกพื้นสูงในเวลาอันรวดเร็วราวกับมีการนัดหมายไว้แล้วล่วงหน้า เจ้าหล่อนเปิดประตูรถ กระโดดขึ้นนั่งเบาะหลังอย่างไม่รีรอ ทว่าไม่เร็วเกินกว่าชายสูงวัยคนนั้นจะปราดฝีเท้าเข้าไปดึงประตูไว้ทัน ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้าง..ประตูตอนหลังปิดสนิท รถแท็กซี่คันเดิมเคลื่อนตัวจากไปแล้ว

ทำไมหล่อนจะจำรายละเอียดบนใบหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ได้..เครื่องหน้า โดยเฉพาะนัยน์ตากรอบใหญ่ ริมฝีปากหยักสวย..มันช่างละม้ายคล้ายกับเจ้าของบ้าน บุคคลที่หล่อนต้องการพบอย่างยิ่งในเวลานี้

ประตูเหล็กดัดถูกเปิดแง้มเอาไว้ ช่องว่างของมันกว้างพอจะให้คนร่างเล็กอย่างหล่อนแทรกกายเข้าไปได้โดยไม่ต้องออกแรงดันให้ล้อเลื่อนเสียดสีกับพื้น..เกิดเสียงน่ารำคาญรบกวนเจ้าของบ้านโดยไม่จำเป็น

เพทายกระชับกระเป๋าสะพายแนบเข้าลำตัว สูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาวอีกครั้ง หล่อนพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้กำลังบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของใคร ในเมื่อทำตามมารยาทด้วยการกดกริ่งเรียกหน้าบ้านถึงห้าครั้ง แต่กลับไม่มีวี่แววของเงาเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับ

หญิงสาวถือว่าประตูนั่นเปิดโอกาสให้หล่อนเดินเข้ามาได้เอง จะด้วยความสะเพร่า หรือขาดการเอาใจใส่ของบุคคลปริศนาที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่ก็ตาม ทว่ามันคือผลพลอยได้ที่ทำให้ผู้มาเยือนตัดสินใจสาวเท้าดุ่มๆเข้าไป
ประหลาดใจหนักกว่าเก่า เมื่อย่างก้าวขึ้นมาถึงพื้นไม้ปาร์เก้เหนือเชิงบันไดขั้นบนสุด พบว่าประตูไม้สลักลายสวยงามกำลังเปิดอ้ารอต้อนรับหล่อนอยู่เช่นกัน

“คนบ้านนี้นี่ยังไงนะ..ไม่กลัวขโมยขโจรกันบ้างรึไง”เพทายบ่นพึมพำขณะสืบเท้าเลยเขตธรณีประตูเข้าไป สายตาแลเรื่อยยังไม่ทันพ้นชุดโซฟารับรองแขกเบื้องหน้า แขกไม่ได้รับเชิญอย่างหล่อนก็ต้องสะดุ้ง หดฝีเท้าถอยมาหนึ่งก้าวแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆเสียงห้าวคุ้นหูก็ดังสนั่น เขย่าโสตประสาทหล่อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“หยุดอยู่ตรงนั้น..”

ทีแรก หลังจากสบตาคู่คร้ามคมที่จ้องมองมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ปลายนิ้วชี้ของเขาสั่นระริกพุ่งตรงมายังหล่อน เพทายไม่ทันได้สังเกตรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับตัวชัดเจน หล่อนมีชนักปักหลังอยู่จังเบ้อเริ่ม เลยรีบระล่ำระลักแก้ตัว

“ปะ..เปล่านะ ฉันไม่ได้จะบุกรุกบ้านคุณซะหน่อย ก็กดออดเรียกตั้งนานไม่เห็นมีคนมาเปิดนี่นา ประตูเหล็กมันเปิดอยู่เลยเดินเข้ามา”

เพทายยกฝ่ามือขึ้นตั้งฉากทั้งสองข้าง สั่นศรีษะระรัว ชัดเจนสืบเท้าเข้ามาใกล้หล่อนทุกขณะ นัยน์ตาแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตอนนี้เองที่หล่อนรู้สึกเอะใจพอจะมีสติสังเกตรายละเอียดบนตัวเขา

เริ่มจากแววตาดุดันพุ่งตรงเข้ามาอย่างอาฆาต ริมฝีปากหยักใต้ไรหนวดเขียวครึ้ม เรื่อยลามลงมาถึงสองข้างแก้ม บ่งบอกความปล่อยปละละเลยการดูแลตัวเองในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เสื้อยืดโปโลแขนสั้นมีรอยด่างดวงเปรอะเปื้อน กางเกงผ้าสีทึมพอๆกับเสื้อ สะบัดไหวตามจังหวะก้าวย่างเลยพ้นเข่ามานิดเดียว มือข้างหนึ่งถือขวดสุรายี่ห้อดัง น้ำเมรัยในนั้นกระฉอกออกมาเป็นระยะตามการทิ้งน้ำหนักตัวลงไปที่เท้าขณะเดินใกล้เข้ามา

“นี่คุณ..เมารึเปล่า”

ถามออกไป จุดประสงค์หลักคือปลอบใจตัวเอง ชัดเจนคงกำลังขาดสติ อากัปกิริยาที่เห็นคงไม่ได้ตั้งใจทำร้าย หรือด่าทอหล่อน

หญิงสาวลืมสนิท..คนขาดสตินั่นแหละตัวอันตราย แม้ไม่ได้จงใจทำร้าย แต่อาการเลื่อนลอยขาดหัวหน้าควบคุมจากสมอง อาจส่งผลให้เขาทำอะไรก็ได้ที่ไม่มีใครคาดคิด

ชัดเจนไม่ตอบคำถามนั้น เขาพุ่งตรงเข้ามา กระทั่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด ห่างกันแค่ลมหายใจรินรดปลายจมูก เพทายยังถูกตรึงไว้ด้วยฝ่าเท้าของตัวเอง ร่างเล็กบางนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นรัวแรง ไอร้อนผะผ่าวจากลมหายใจของเขารินรดใบหน้าจนทำให้หล่อนชาวาบไปทั้งตัว เพทายหลับตาปี๋

วินาทีนั้นเอง..ร่างสูงถาโถมทิ้งน้ำหนักลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ หญิงสาวไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วง และร่างอันหนาหนักของชัดเจนไว้ได้ หล่อนหงายหลังลงไปกองอยู่กับพื้น..โชคยังดีที่ตำแหน่งนั้นปูด้วยผืนพรม ไม่เช่นนั้นกระดูกสันหลังหล่อนคงแตกหักเป็นเสี่ยงๆ ถึงกระนั้นความรู้สึกปวดแปลบ หนักอึ้งก็แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย

กระไออุ่นจากแผงอกล่ำสันกำจายผ่านทั่วทุกอณู ทั้งเรือนร่างเล็กเพรียวซึ่งสัดส่วนต่างกันเกือบเท่าตัว..รวมถึงหัวใจดวงหนึ่งกำลังเต้นถี่แรงมากขึ้นทุกขณะ ความรู้สึกปั่นป่วนอธิบายได้ยากผุดขึ้นกลางอก หญิงสาวเคยถูกชายหนุ่มสัมผัสเนื้อตัวโดยไม่ได้ตั้งใจมาก่อนหน้านี้..วันที่หล่อนข้อเท้าหักแล้วเขาอาสาใส่เฝือกให้เองนั่นแหละ

วันนั้น..หล่อนไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด สัมผัสเพียงว่ากายต่อกายกระทบกัน ไม่แล่นผ่านลงสู่ใจอย่างรวดเร็วเช่นนี้

ชัดเจนหมดสติไปแล้ว เขาอาศัยร่างของหล่อนเป็นที่รองรับอยู่เบื้องล่างโดยไม่ได้ถามความสมัครใจ เพทายระบายลมออกทางปากยาวเหยียด หล่อนพยายามขับไล่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งกายและใจ นัยน์ตากรอบสวยแลเลยไปยังทิศทางที่เจ้าของบ้านเคยยืนชี้หน้าด่าหล่อนเมื่อครู่

เศษแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อยแตกกระจายอยู่ท่ามกลางน้ำเมรัยที่เจิ่งนองเต็มพื้น ขวดบรรจุน้ำสีเดียวกันกลิ้งหลุดจากมือหนา..พร้อมกับเรี่ยวแรงทั้งหมดที่สูญหายไปจากเจ้าของฝ่ามือนั้น





ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2556, 06:38:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2556, 06:38:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1571





<< บทที่๑๔ การกลับมาของเปรมฤดี ๒/๒   บทที่๑๕ พายุหมุน ๒/๒ >>
mhengjhy 12 พ.ค. 2556, 08:54:22 น.
พยาบาลจำเป็น 555 รักษานายชัดเสียหน่อย


ศิลาริน 12 พ.ค. 2556, 09:07:38 น.
@mhengjhy ; สงสัยงานหนักค่ะ ต้องรักษาทั้งกายทั้งจิต 55


กานต์นวีร์ 12 พ.ค. 2556, 11:47:42 น.
อ้าว! หมอเมาซะงั้น


ศิลาริน 13 พ.ค. 2556, 16:51:29 น.
@กานต์นวีร์ : เครียดจัดเลยซัดหนัก 55


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account