โองการแช่งรัก
เกิดมาตั้ง 29 ปีอยากมีแฟนกับเขาสักทีทำไมมันยากยิ่งกว่าตามหามักกะลีผล ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเริ่ด! แต่ทำไมไม่มีใครตกหลุมเลยสักคน มันต้องมีใครแอบมาแช่งชักหักกระดูกเอาไว้ให้อกหักรักคุดตลอดชาติแน่ๆ!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 7. งานงอกเมื่อออกเดต

อยุธยายามนี้มันทั้งร้อน อบอ้าว วุ่นวาย และเต็มไปด้วยผู้คนที่เหลือบมองมายังหญิงสาวร่างสูงซึ่งเดินเคียงกันอยู่กับชายหนุ่มหุ่นสูงโปร่งดูสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แม้ว่าสาวผิวสีน้ำผึ้งจะไม่ชอบบรรยากาศรอบกายสักเท่าไร ทว่าเธอก็อดพอใจกับสายตาอิจฉา ชื่นชม ของผู้คนที่ส่งมาไม่ได้ ก็ในเมื่อคีตะช่างดูเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไปทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้

เมถุนยกมือขึ้นมาขยับแว่นตากันแดดเล็กน้อย แม้ว่าในยามผืนฟ้ามืดสลัว แสงอาทิตย์ราโรยเช่นนี้ เธอก็ยังยืนยันจะไม่ถอดมันออกเพื่อตอกย้ำความเป็น ‘Celebrity’ อันดับหนึ่งของเมืองไทย เพื่อให้ผู้คนที่อยู่ในชนชั้นของคนธรรมดาได้เห็นรัศมีอันเจิดจ้าที่แผ่ออกมาจากตัวเอง อีกอย่างก็เพื่ออำพรางใบหน้าไม่ให้ผู้คนจดจำได้ว่านางแบบคนดังอย่างเธอต้องมาเดินต๊อกต๋อยข้างถนน ให้รู้ว่าเป็นคนดังมาเยือนแถวนี้ก็พอ ก่อนจะแสร้งทำเป็นชื่นชมซากปรักหักพังของวัดวาอารามที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“น่าเสียดายวัดพวกนี้จังค่ะ ถ้าหากว่ายังอยู่ คงจะได้เห็นอะไรยิ่งใหญ่กว่านี้อีกเยอะเชียว” เมถุนตีหน้าเศร้า ขณะทอดสายตามองวัดมหาธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าด้วยไฟสปอร์ตไลต์ส่องสว่างไสวน่าดูในยามพลบค่ำเช่นนี้

แม้อิชยาจะบอกว่าคีตะชอบผู้หญิงเปิ๊ดสะก๊าด แต่ความรู้สึกในจิตใจก็ค้านอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวจึงทำตัวเป็นปกติ หยั่งเชิงฝ่ายตรงข้ามดูท่าทีไปสักพักก่อน

“ครับ...ถ้ายังอยู่ ไทยอาจจะรุ่งเรืองยิ่งกว่านี้ก็ได้ เสียดายศิลปวัฒนธรรมดีๆ พอมีการรุกรานก็ต้องถูกทำลายเป็นของคู่กัน” คีตะบอกพลางทอดสายตาชมความงดงามของโบราณสถานที่ไม่สามารถเข้าไปยลใกล้ๆ ได้ เนื่องจากหมดเวลาเยี่ยมชม จึงทำได้แต่เพียงยืนมองมันอยู่บนฟุตบาทเพื่อเก็บภาพในมุมมองที่ต่างกับตอนกลางวันเอาไว้อย่างสนใจ

“อันที่จริงคุณคีน่าจะไปเรียนประวัติศาสตร์นะคะ จูนว่าเหมาะมากเลย” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้ม แม้ว่าเริ่มอยากกลับห้องไปเจอแอร์เย็นฉ่ำใจจะขาด เพราะเหงื่อเม็ดโตที่ซึมออกมาตามไรผม ทำเอาเจ้าตัวต้องยกกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเป็นระยะ

“เคยคิดเหมือนกันครับ แต่ผมว่าเรื่องพวกนี้มันศึกษาเองได้ อีกอย่าง ผมก็ยังอยากจะทำนิตยสารให้มันโตกว่านี้ มั่นคงกว่านี้เผื่อไว้ในอนาคต” ได้ยินดังนั้นคนฟังก็ยิ่งหลงใหลได้ปลื้มชายหนุ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

พ่อของลูกจูนชัดๆ

“คุณคีสุดยอดเลยค่ะ Super guy”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” คีตะยิ้มเขิน ก่อนจะนึกอะไรดีๆ ออก ฉุดข้อมือน้อยๆ ของหญิงสาวร่างเพรียวระหงเดินอ้อมวัดมหาธาตุไปด้วยกัน “คุณจูนตามผมมานี่เร็ว”

“อะไรคะ เราจะไปไหนกัน?” เมถุนเบิกตาโพลง หัวใจวูบไหวสะท้อนไปมา

ตายแล้ว...คุณคีคิดจะทำมิดีมิร้ายเรารึเปล่านะ ต้องเก๊กหน้าเอาไว้ก่อน ห้ามเผลอยิ้มเด็ดขาด!

“อยากให้คุณมาลองยืนตรงนี้ดูหน่อย เผื่อบางทีเราอาจจะได้ภาพถ่ายตอนกลางคืนเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” ชายหนุ่มพูดพลาง ดึงตัวหญิงสาวมายืนหันหลังให้วัดที่ส่องแสงมลังเมลืองอยู่ด้านหลังอย่างกระตือรือร้น

เมถุนยิ้มแห้งๆ นึกอายผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเสียเต็มประดา แต่ไม่สามารถขัดใจเจ้าของนิตยสารได้ จึงทำได้แต่ยืนนิ่งๆ เหมือนถ่ายรูปติดบัตร จนคีตะต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“ขอโทษจริงๆ ครับที่ผมสร้างความลำบากให้คุณจูน” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงอึดอัดใจที่เขายัดเยียดให้ทำตามความต้องการ

“อันที่จริงก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอกค่ะ จูนแค่เป็นคนขี้อายเท่านั้นเอง” พูดพลางแสร้งยิ้มเขิน แล้วไปยืนโพสท่าให้เจ้าของนิตยสารรูปหล่อตามที่ต้องการ ด้วยท่าทีประดักประเดิด

เห็นดังนั้นคีตะก็พยักหน้าออกมาอย่างถูกใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใบหน้าคมเข้มของเมถุน หรือบรรยากาศรอบกายที่ทำให้เธอดูลึกลับน่าค้นหาเหมาะสมกับการถ่ายแบบยามค่ำนี้มาก แต่ถึงจะอย่างนั้นชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างน่าเสียดาย เมื่อนึกถึงความเหมาะสมในสถานที่แห่งนี้

“ผมชอบช็อตนี้มาก แต่ไม่ว่ายังไงก็คงไม่เหมาะที่จะใช้พระปรางค์เป็นฉากหลังในตอนกลางคืน เอาเป็นว่าผมจะเก็บภาพนี้เอาไว้ในความทรงจำแทนก็แล้วกันนะครับ” สิ้นเสียงนุ่มๆ คนฟังก็แทบจะละลายลงไปกองกับพื้นเสียให้ได้

“โถ...คุณคี ทำไมคุณถึงเป็นคนดีอย่างนี้คะ จูนชอ...”

“เอาหวยสักใบไหมพี่” ทว่าเสียงเด็กผู้ชายอายุราวสิบสองสิบสามก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน พร้อมลอตเตอรี่ในมือ ทำเอานางแบบสาวถึงกับฉุนกึก ตวัดสายตาไปมองจนคอแทบเคล็ด

“พี่ไม่เล่นหวยจ้ะ” เมถุนฉีกยิ้มเย็น พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่เผลอกระชากผมสั้นๆ ของพ่อหนุ่มน้อยมาโขกกับรั้วเหล็กเตี้ยๆ ที่กั้นเอาไว้ด้วยความแค้นเคือง ที่บังอาจมาขัดคอคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

“โห...พี่ออกจะรวย ไม่ช่วยซื้อของผมสักใบเหรอ” เด็กหนุ่มที่ถือลอตเตอรี่ในมือยังยียวนต่อ โดยหารู้ไม่ว่า ชะตาเอ็งน่ะ...ใกล้ขาดเต็มทนแล้ว

“คนรวยก็ต้องเล่นหุ้นสิจ๊ะ ไม่เคยได้ยินเหรอว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” พูดพลางหันไปแสยะยิ้มให้เด็กหนุ่ม โดยมีคีตะยืนฟังอยู่ด้านหลัง

“ขี้เหนียว” เด็กหนุ่มสวนทันควัน เล่นเอาหัวโขนนางงามของเมถุนแทบจะหลุดออกมาเสียเดี๋ยวนั้น

“เมื่อ...กี้...ว่า...ยัง...ไง...นะ” เมถุนส่งเสียงลอดไรฟันออกมา จนหนุ่มร่างสูงที่ยืนเงียบอยู่นานต้องออกโรงแทน เพราะรู้ฤทธิ์แม่สาวผู้นี้ดี

“งั้นพี่ขอใบนึง” คีตะสวนขึ้น เพื่อยุติปัญหาที่เริ่มจะส่อเค้าลางมาแต่ไกล

“แค่ใบเดียวเองเหรอพี่ ซื้อหมดสามใบเลยดีไหม ผมเหลือแค่นี้แหละ จะได้กลับบ้านเสียที”

“นี่อย่ามามุกนะ ฉันเห็นหลายรายแล้วว่าเหลือใบเดียว แต่พอคลาดสายตาไปเท่านั้นแหละ ควักออกมาขายอีกเป็นฟ่อน ยังกับมีกระเป๋าวิเศษ” เมถุนยังไม่ยอมแพ้ ยกมือกอดอก เชิดมองคู่กรณีราวกับนางพญา(มาร)

“หน้าตาก็ดีแต่ทำไมถึงได้ใจดำอย่างนี้เนี่ยพี่สาว”

“หน้าตาดี ไม่ได้หมายความว่าใจจะดีด้วยนี่ยะ”

“โคตรงก!”

“เด็กเปรต!”

“เอาละครับ...พอเถอะ พี่ซื้อทั้งหมดสามใบนี่เลยก็ได้” คีตะรีบห้ามทัพก่อนจะมีการตะลุมบอนเกิดขึ้นกลางฟุตบาท ได้ยินดังนั้นเด็กชายจอมยียวนก็ยื่นลอตเตอรี่ให้ชายหนุ่มรูปหล่ออย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้อีกหนึ่งสาวยังคงทำหน้าบูดบึ้งอยู่ด้านหลัง

“คุณคีใจดีเกินไปแล้วค่ะ เด็กพวกนี้กำลังหลอกขายของให้คุณอยู่นะ”

“แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนี่ครับ ผมไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง จนคนที่กำลังอารมณ์บูดต้องถอนใจยาว

“เอางี้ก็ได้ค่ะ แต่อย่าให้จูนเจอเด็กบ้านี่ไปขายลอตเตอรี่ให้ใครแถวนี้อีก ไม่งั้นจะตามไปแหกอกให้ดูโทษฐานหลอกลวง เพราะคนพวกนี้จูนเกลียดเข้ากระดูกดำ” เมถุนบอกพลางใช้นิ้วขยับแว่นกันแดดที่เลื่อนลงมาให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ลืมตัวไปชั่วขณะ หลังเผลอตัวเผยร่างสองออกมาเสียอย่างนั้น

“ดุจัง” คีตะที่หน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยอดแซวไม่ได้ จึงทำให้คนฟังเริ่มรู้สึกตัว

“แหม...คุณคีก็ จูนแค่ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบเท่านั้นเองค่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว เมื่อรู้ตัวว่าเผลอหลุดตัวตนที่แท้จริงออกไป

“ถ้างั้นเรากลับกันก่อนไหมครับ กลัวคุณจะเสียเวลาพักผ่อน”

“ไม่เลยค่ะ นานๆ ทีออกมาเดินดูท้องฟ้ายามค่ำบ้าง สนุกดีออกค่ะ” อันที่จริงต่อให้ไปเปลี่ยนบรรยากาศที่ทะเลทราย เธอก็จะไป ถ้ามีผู้ชายหมายเลยสิบสามไปด้วย

ขอจูนเป็นแฟนสิคะคุณคีขา เวลาไม่คอยท่า เดี๋ยวมะหมาจะคาบไปรับประทานซะก่อนนะ

“เอ่อ...คุณจูนครับ ผมขออะไรอย่างได้ไหม” นั่นไงมาแล้ว!

“อะไรเหรอคะ” แม้จะพยายามไม่แสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงที่ฟังดูรื่นเริงขึ้นมาได้เลย

“วันพรุ่งนี้ช่วยปีนขึ้นต้นไม้หน่อยได้ไหมครับ”

“คุณคีว่าอะไรนะคะ” ทว่าน้ำเสียงที่เพิ่งเจือไปด้วยความสุขก็ต้องดิ่งลงเหว เมื่อได้ยินประโยคขอเป็นแฟนของอีกฝ่าย

มันฟังดูแปลกๆ ว่าไหม?

“คือพรุ่งนี้จะมีเซตถ่ายในป่าอีกเซตนึง แต่ผมเพิ่งคิดออกตอนนี้ว่ามันคงจะดีกว่าไปยืนคู่กับต้นไม้ ถ้าคุณจูนจะปีนขึ้นไปถ่ายบนนั้นแทน”

“ยังไงนะคะ ให้จูนปีนต้นไม้งั้นเหรอ?” คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม

“ก็ไม่เชิงให้ปีนขึ้นไปเอง แต่เดี๋ยวผมจะจ้างรถเครนมายกพวกคุณขึ้นไป ผมว่ามันต้องออกมาดีแน่ๆ เลย” คีตะยิ้มร่า วาดฝันภาพนั้นเอาไว้ในใจ จึงไม่ทันได้สังเกตสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของอีกฝ่ายเมื่อสิ้นประโยค

เมถุนทำได้แค่ส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้ ไม่รู้ว่าหมายเลขสิบสามจะมาไม้ไหนอีก เพราะเท่าที่ฟังความคิดของเขานั้นมันออกจะ...ไม่เหมือนคนธรรมดาไปสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ...เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเส้นทางความรักเธอเลยแม้แต้น้อย ต่อให้เขาสั่งไปห้อยหัวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์เธอก็จะทำ!

ทว่ายังไม่ทันที่จะตอบตกลง เสียงโทรศัพท์มือถือของคีตะก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มจึงขอปลีกตัวออกไปรับ โดยปล่อยให้นางแบบสาวยืนรออยู่บริเวณนั้นอย่างช่วยไม่ได้

ในระหว่างที่กำลังรอเจ้าของนิตยสารรูปหล่อคุยเรื่องงานอยู่นั้น สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มขายลอตเตอรี่ กำลังพยายามขายลอตเตอรี่ชุดใหม่ในมือให้กับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งไม่ไกลจากที่เธออยู่ เห็นดังนั้นอารมณ์ที่สงบไปแล้วของเมถุนก็เดือดปุด เมื่อถูกหลอกให้ซื้อกันซึ่งหน้า ร่างระหงจึงเดินปรี่เข้าไปหา โดยไม่สนใจหน้าไหนทั้งสิ้น

กล้ามาก ขอบอก!

“ไหนบอกว่าใบที่ขายให้แฟนพี่เป็นใบสุดท้าย กระเป๋ากางเกงมันเป็นกระเป๋าโดเรมอนรึไง ถึงเสกหวยได้ตลอดเวลา”

เมถุนยกมือเท้าสะเอว เค้นเสียงต่ำ เพื่อไม่ให้เสียงดังจนเรียกความสนใจจากทุกคน แม้จะอดกระหยิ่มใจน้อยๆ ไม่ได้ ที่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าคีตะคือ ‘แฟน’

“มันเป็นวิธีทำมาหากินของผมพี่อย่ายุ่งดีกว่า คนอื่นก็ซื้อไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย” เด็กชายไหวไหล่ท่าทางยียวน ทำปากยื่นปากยาวอย่างรำคาญเต็มทน

“ช่างหัวคนอื่นสิยะ ฉันไม่แคร์ แต่นี่เธอไปหลอกแฟนฉันให้ซื้อ จุดนี้ฉันรับไม่ได้”

“อย่าเรียกว่าหลอกเลยพี่ เรียกว่าหมูไปไก่มาดีกว่า เกิดแฟนพี่ถูกรางวัลที่หนึ่งขึ้นมา ขี้คร้านจะต้องขอบคุณผม จริงป่าว”

“เงินขี้ปะติ๋วพวกนั้น แฟนฉันจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ย่ะ”

“ก็นั่นไง แล้วพี่จะมาอะไรกับผม แค่เงินไม่กี่ร้อย หรือเขาแบ่งค่าตัวพี่มาให้ผมงั้นเหรอ เลยเต้นเป็นเจ้าเข้าอย่างนี้น่ะ” สิ้นเสียงยียวนของเด็กชาย เมถุนก็ถึงขีดสุด ด่าอะไรก็ด่าไปแต่ถ้ามาด่าเธอว่าเป็นเมียเช่า นางแบบเบอร์หนึ่งของเมือไทยรับไม่ได้จริงๆ!

“You is idiot!”

“You are an idiot. Your english sucks. Please go back to study more and more” เด็กชายสวนทันควัน เล่นเอาคนฟังหน้าม้าน เมื่อโดนด่าเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่เธอแปลออกบ้างไม่ออกบ้าง แถมไม่เข้าใจด้วยว่าไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกนี่ไปหัดเรียนจากที่ไหน

“ไอ้...ไอ้เด็กบ้า!” พูดแล้วก็เดินกระทืบเท้าออกมา เมื่อพ่ายแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างสิ้นรูป ปล่อยให้เจ้าเด็กขายลอตเตอรี่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่เบื้องหลัง อันที่จริงเขาไม่รู้หรอกว่าที่พูดออกไปจะถูกหลักแค่ไหน ก็แค่ครูพักลักจำเอาจากนักท่องเที่ยว และเรียนตามโบสถ์คริสต์บ้างเท่านั้นเอง

“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณจูน” คีตะถามขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของหญิงสาวที่เดินตรงเข้ามาทางเขา หลังจากคุยธุระกับทีมงานเรียบร้อยแล้ว

“จูนอยากกลับรีสอร์ตเดี๋ยวนี้ค่ะ จูนไม่อยากเดินเที่ยวแล้ว”

“มีอะไรกันรึเปล่าครับ” ถามพลางเบนสายตาไปมองยังเด็กขายลอตเตอรี่ที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะจัดการแม่สาวผิวน้ำผึ้งจนหน้าหงิกกลับมา ด้วยความอยากรู้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ จูนแค่อารมณ์เสีย”

“เด็กคนนั้นเป็นต้นเหตุใช่ไหมครับ เอาอย่างนี้...เดี๋ยวผมไปเคลียร์ให้ดีกว่า คุณจูนจะได้สบายใจขึ้น”

“อย่าค่ะคุณคี!” เมถุนหน้าเหวอ รีบโบกมือไปมาเป็นพัลวัน

“อ้าว...ทำไมล่ะครับ ถ้าเด็กมันทำไม่ดี ก็ต้องได้รับการอบรมบ้างสิ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยกับอาการผีเข้าผีออกของหญิงสาวตรงหน้า

“ปล่อยเด็กไปเถอะค่ะ สงสารเขา เด็กพวกนี้การศึกษาน้อย คงเพราะต้องออกมาทำงานแต่เด็ก เลยอาจจะทำอะไรที่ไม่ยั้งคิดไปบ้าง แต่เมื่อกี้จูนเคลียร์กับเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ” พูดพลางรีบตีหน้าเป็นนางฟ้า น้ำเสียงเจือไปด้วยความสงสารเสียเต็มประดา ต่างจากเมื่อสามสิบวินาทีที่แล้วราวอวกาศกับแกนโลก

“เอางั้นเหรอครับ”

“อย่างนั้นแหละค่ะ เรากลับกันเถอะ”

“โอเคครับ ถ้างั้นเรากลับกันก่อนดีกว่า คุณจูนจะได้พักด้วยท่าทางจะเหนื่อยเต็มที”

“ขอบคุณค่ะ” เมถุนยิ้มกว้าง ทว่าในใจใครเล่าจะรู้ว่ามันกำลังปะทุราวกับลาวาเดือด ที่ถูกเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าตอกจนหน้าหงายกลับมาเช่นนี้

กลับไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ฉันจะจ้างครูฝรั่งมาสอน แล้วกลับมายืนด่าแกไฟแลบให้ได้ ไอ้เด็กเหลือขอ!



ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2556, 11:38:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2556, 13:48:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1522





<< 6. เรือลำเดียวกัน   8. นางฟ้าเสียงสวรรค์ >>
พันธุ์แตงกวา 10 พ.ค. 2556, 16:58:48 น.
เป็นกำลังใจให้จ้า คุ้มค่าการรอคอยจริงๆเรื่องนีิ้ ยังสนุกเหมือนเดิม ยายจูนโดนเด็กขายล็อตเตอรี่ด่าเป็นภาษาอังกฤษ สุดยอด!


goldensun 10 พ.ค. 2556, 19:03:05 น.
เวลาไม่คอยท่า ค่ะ
จูนทะเลาะกับเด็กก็ดีนะคะ อย่างน้อยก็ทำให้ฮึดเรียนภาษา หวังว่าลุกฮึดคงอยู่ตลอดนะคะ
สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ ขอให้เรื่องไม่ดีที่เข้ามา คลี่คลายไปเร็วๆ ค่ะ


Zephyr 10 พ.ค. 2556, 22:50:04 น.
555 โดนตอกกลับเลยยายจูน
เด็กขายลอตเตอรี่ก็แน่มาก คริคริ
คีตะ จะดูบื้อๆไปอีกนานมั้ย เอ นี่ตัวจริง รึมันเป็นแผนหว่า ดูแล้วนายคีนี่ ไม่น่าจะเป็นยังงี้นะ
ระแวงๆๆๆ จริงจัง จับตาดูต่อไป


ลูกกวาดสีส้ม 21 พ.ค. 2556, 17:40:23 น.
ค่ะ เห็นด้วยว่าคุณคีดูเป็นคนดีกว่าคำบอกเล่านะนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account