โองการแช่งรัก
เกิดมาตั้ง 29 ปีอยากมีแฟนกับเขาสักทีทำไมมันยากยิ่งกว่าตามหามักกะลีผล ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเริ่ด! แต่ทำไมไม่มีใครตกหลุมเลยสักคน มันต้องมีใครแอบมาแช่งชักหักกระดูกเอาไว้ให้อกหักรักคุดตลอดชาติแน่ๆ!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 8. นางฟ้าเสียงสวรรค์


สถานที่ที่คีตะเลือกวันนี้คือป่าที่เดิมของอิชยา ทว่ากว่าจะสามารถพาตัวนางแบบทั้งสองในชุดไทยรัดกุมขึ้นไปยืนบนต้นไม้ได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะไม่มีทางใหญ่พอให้รถเครนเข้ามาได้ คีตะจึงต้องปรับแผนใหม่ โดยใช้รอกดึงตัวสองสาวขึ้นไป พร้อมทีมงานที่คอยดูแลอยู่ข้างบน

“ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นหมายเลขสิบสาม จูนไม่มีวันทำหรอกนะพี่บี” เมถุนหน้าบูดบึ้ง ขณะยืนกอดอกมองทีมงานกำลังตรวจเช็กรอกอยู่ไกลๆ

“พี่เข้าใจค่ะน้องจูน แต่ก็ทำไปเถอะเผื่อว่าคุณคีตะจะชอบผู้หญิงที่เอาการเอางาน” บีพูดปลอบใจ นึกเป็นห่วงเด็กในสังกัดอยู่เช่นกัน กลัวว่าหากเกิดอุบัติเหตุไปแล้วมันจะได้ไม่คุ้มเสีย แต่พอมาเห็นทีมงานเตรียมอุปกรณ์ก็พอจะคลายความกังวลออกไปได้ เนื่องจากดูแล้วก็ปลอดภัยพอสมควร

“แถมยังต้องใส่ชุดไทยเดินยากเดินเย็นอย่างนี้อีก ไม่รู้คุณคีคิดอะไรอยู่ I don’t understand”

ได้ยินคนร่างสูงเพรียวค่อนแคะออกมาเป็นภาษาอังกฤษก็อดกลอกตาเซ็งไม่ได้ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ เดินเข้าไปหาทีมงานเพื่อยืนยันเวลาอีกครั้ง ปล่อยให้คนบ้ายืนรออยู่ข้างหลังเพียงลำพัง

เมื่อเห็นผู้จัดการส่วนตัวเดินจากไป เมถุนก็ไม่รู้ทำอะไร เลยหันซ้ายแลขวามองหาเก้าอี้สนามที่ให้พนักงานโรงแรมเอามาให้พร้อมร่มคันใหญ่เมื่อหลายนาทีก่อน แต่ทว่าจนป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา นางแบบสาวเริ่มหงุดหงิดใจจนต้องเดินดุ่มๆ เข้าไปถามพนักงานที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งทันที

“ขอโทษนะ เก้าอี้กับร่มที่ฉันให้เอามาให้อยู่ไหน” เพียงแค่ได้ยินเสียงแหลมๆ ของนางมารร้าย พนักงานก็อยากจะเดินหนี แต่ด้วยหน้าที่จริงต้องส่งยิ้มพร้อมตอบไปอย่างมีมารยาท

“รอสักครู่นะคะคุณจูน คาดว่าเดี๋ยวก็คงมาค่ะ พอดีช่วงนี้คนขาดเลยทำให้อาจจะช้าบ้าง ยังไงทางเราก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ”

“มันไม่ใช่ข้ออ้างหรอกนะ ที่ทำให้แขกวีไอพีอย่างฉันต้องรอ ทำงานอย่างนี้น่ะสิถึงได้เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ” สิ้นเสียงของเมถุน พนักงานสาวก็กำมือแน่น ห้ามความโกรธที่มันแล่นขึ้นมาเอาไว้อย่างอดทนและอดกลั้น

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวดิฉันจะรีบไปตามให้นะคะ คุณจูนรอสักครู่”

“ก็ดี” พูดจบก็มองดูร่างอวบๆ ของพนักงานสาวคนนั้นเดินหายลับไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องทำท่าโกรธขึ้นมา ก็ในเมื่อเธอพูดความจริง ซึ่งพนักงานก็มีหน้าที่ที่จะต้องรับฟังและนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป

แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งหย่อนก้นที่เก้าอี้ที่เพิ่งมาถึง เสียงเรียกของทีมงานถ่ายแบบก็ดังขึ้นมาก่อน พร้อมร่างอวบอัดของบีที่วิ่งเหยาะๆ เข้ามา บอกว่าได้เวลาทำงานแล้ว เมถุนจึงต้องผละจากมุมพักผ่อน กลับไปสู่การทำงานที่ทุลักทุเลที่สุดเท่าที่เคยทำมา

แม้หลายคนจะหวั่นใจกลัวว่าสองนางแบบจะวีนแตกระหว่างถ่ายแบบ แต่ทว่าเธอทั้งสองก็ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง โดยเฉพาะเจ้าของนิตยสารรูปหล่อที่ยืนมองอยู่พร้อมรอยยิ้ม

แล้วงานถ่ายแบบของวันนี้ก็เสร็จสิ้นลงไปด้วยดี เหลืออีกเพียงแค่สองฉากกับอีกสองวัน ก็จะสามารถเก็บกระเป๋ากลับบ้านกันได้แล้ว เลยทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ เพราะงานที่ยากที่สุดก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

“ทุกคนครับ วันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวก่อนก็แล้วกัน เพราะผมต้องรีบไปธุระด่วน อาจจะไม่ได้อยู่ดูจนถึงวันสุดท้าย” เสียงของคีตะดังขึ้น ขณะทุกคนกำลังเก็บข้าวของเพื่อเลิกกอง พอได้ยินดังนั้นทีมงานก็เฮลั่นที่ลาภปากมาเยือน ต่างกุลีลุกจอช่วยกันเก็บของด้วยความดีใจ

“ไม่ทราบว่าคุณจูนกับคุณเพลินว่างไปด้วยกันไหมครับ” คีตะเดินเข้าไปถามสองสาวที่กำลังถอดชฎาบนหัวออก ด้วยความช่วยเหลือของทีมงานสองสามคน

“เพลินไม่พลาดหรอกค่ะ นานๆ ได้มาเที่ยวอยุธยาที คงจะสนุกน่าดู” เพลินตาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้คนตัวสูงที่ยืนรอฟังคำตอบอยู่

“จูนก็ว่างแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถึงแม้คิวงานจะเยอะ แต่ถ้าคุณคีเอ่ยปากชวน จูนจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง”

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเคครับ รถออกหกโมงเย็น มีเวลาให้สาวๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าชั่วโมงครึ่ง”

“รับรองไม่เลตแน่นอนค่ะ” เมถุนรับคำ ยิ้มแก้มปริ ก่อนจะหันไปเหล่ตามองคู่แข่งอย่างเยาะเย้ย พอคีตะคล้อยหลังไปได้ไม่นาน ฝ่ายนางแบบผิวสีน้ำผึ้งก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ฉันได้คุยกับคุณคีเยอะกว่าเธอหนึ่งประโยค”

“แค่นี้ทำเป็นคุย แม่เด็กอนุบาล” เพลินตาพูดเยาะๆ ก่อนจะเดินจากไป พร้อมกับส่ายหัวด้วยความระอา

“เมื่อกี้พี่บีได้ยินไหม” เมถุนถามผู้จัดการส่วนตัวเสียงขุ่น ที่ถูกตอกหน้าว่าเป็นเพียงแค่เด็กอนุบาล

“ได้ยินค่ะ แต่น้องจูนอย่าใส่ใจเลย รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า ถ้าเกิดสายไปคุณคีไม่รอ พี่ไม่รู้ด้วยนะ” พี่บีรีบตัดบท เพื่อตัดรำคาญ

“โอเคค่ะ จูนไม่มีทางแพ้ยัยเพลินแน่ รับรอง” ว่าแล้วก็เดินฉับๆ กลับไปยังบ้านพักของตนเอง ท่ามกลางสายตาระอาแกมเหนื่อยใจของทุกคน



ทว่างานเลี้ยงซึ่งจัดที่ร้านอาหารในตัวเมืองที่เมถุนวาดฝันไว้ กลับน่าอึดอัดจนอยากจะหนีออกไปไกลๆ เมื่อทีมงานทุกคนทิ้งเธอให้กลายเป็นหมาหัวเน่า เข้าไปรุมล้อมเพลินตากันเสียหมด ฝ่ายนั้นก็น่าหมั่นไส้น้อยเสียเมื่อไหร่ หัวเราะระริกระรี้มีความสุข จนเธอนึกอยากจะลุกขึ้นมาถล่มงานเสียให้รู้แล้วรอด เพราะขนาดคีตะที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ คั่นกลางระหว่างพวกเธอทั้งคู่ที่หันหน้ามาประจันกัน ยังหัวเราะไปกับมุกตลกของเพลินตา จนลืมเธอไปเสียสนิทใจ

ฉันเกลียดเธอยัยเพลินตาย!

“เป็นอะไรไปคะน้องจูน บีบแขนพี่จนแทบจะหักแล้วเนี่ย” พี่บีหน้าเหยเก ขณะแกะมือของหญิงสาวที่เกาะอยู่บนแขนตัวเองออกอย่างยากลำบาก

“ขอโทษค่ะพี่บี จูนอารมณ์เสียมาก อยากฆ่าคน” เพียงเท่านี้บีก็รู้ทันทีว่าคนที่นั่งข้างกันหมายถึงใคร แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปลอบอะไร เสียงของเพลินตาก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาร้องคาราโอเกะกันเถอะค่ะ เปิดงานด้วยเสียงร้องของนางแบบค่าตัวแพงคงจะดีไม่น้อย” สิ้นเสียงของเพลินตา ทุกคนก็เฮลั่น ไม่เว้นแม้กระทั่งคีตะที่นั่งติดกับเธอ

“อะไรนะ ฉันไม่ร้องเด็ดขาด!” เมถุนปฏิเสธลั่น แน่ละ...เธอจะร้องเพลงไปเพื่ออะไร ในเมื่อเสียงของเธอนั้นดีจนสามารถไล่แขกกลับได้ทั้งร้าน

“ร้องหน่อยเถอะครับคุณจูน ถือว่าให้เกียรตินิตยสารของเรา” คีตะคะยั้นคะยออีกแรง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ผล เพราะต่อให้เอาเงินร้อยล้านมาตั้งไว้ตรงหน้า เธอก็ไม่ยอมร้องเด็ดขาด!

“นั่นสิครับน้องจูน พวกเราอยากฟัง” ทีมงานตะโกนขึ้นสำทับ

“เราด้วยค่ะ” เสียงจากน้องๆ พนักงานในร้าน

“ป้าก็อยากฟัง” เสียงจากแม่ครัวที่เดินออกมาเชียร์นางแบบในดวงใจ

“หนูด้วย” แล้วปิดท้ายด้วยเสียงใสๆ ของลูกสาวเจ้าของร้านที่ยืนตาแป๋วมองเธออยู่ทางหน้าเวที ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะยาวที่พวกเธอนั่งอยู่

“เธอก็ด้วยเหรอ?!?” เมถุนอยากจะบ้า เมื่อถูกทุกคนกดดันมาเช่นนี้

“อย่าไปกดดันคุณจูนอย่างนั้นสิคะทุกคน ถ้าเธอไม่อยากร้องก็ปล่อยเธอไป ถือเสียว่าคุณจูนคงไม่สะดวกที่จะให้เกียรติขึ้นไปร้องเปิดงาน” เพลินตาพูดเสียงหวาน ทว่าเจือไปด้วยยาพิษที่ทำให้คนฟังเลือดขึ้นหน้าได้ง่ายๆ

“พูดมาขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องให้เกียรติกันบ้างแล้วละค่ะ ขอไมค์ด้วย” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน ท่ามกลางความตกใจของพี่บีที่รู้ถึงพลังเสียงเขย่าประสาทของเมถุน ผู้จัดการสาวหน้าซีดเผือด รีบกระตุกชายชุดเดรสยาวเกาะอกที่เธอใส่มาอย่างรวดเร็ว

“น้องจูนจะร้องจริงๆ เหรอ พี่ว่าไม่ดีหรอก”

“ต้องดีสิคะ เชื่อมือจูน”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ค่ะ คราวนี้จูนจะพยายามทำให้ดีที่สุด” ว่าแล้วเมถุนก็เดินออกไปรับไมโครโฟนที่พนักงานในร้านยื่นมาให้ พร้อมเดินตรงไปยังเวทีที่อยู่ด้านหน้าอย่างมาดมั่น

เพลินตามองคนที่กำลังยืนรอเพลงอยู่บนเวทีด้วยความขบขัน เธอรู้ว่าเมถุนร้องเพลงได้แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีคนร้องแย่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะใจกล้ารับคำท้าของเธอโดยไม่ไตร่ตรองอะไร

เพียงสิ้นทำนองของเพลงที่หญิงสาวเลือก แล้วต่อด้วยเนื้อร้อง คนทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างคนก็ต่างกลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างยากลำบาก เมื่อเห็นนักร้องกิตติมศักดิ์แผดเสียงร้องได้น่าสยองขวัญสั่นประสาทเช่นนี้ โชคดีที่วันนี้แขกค่อนข้างบางตา เพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล แถมยังไม่ติดกับเสาร์อาทิตย์ ไม่เช่นนั้นคงมีคนลุกหนีกันเป็นพรวน

ทางด้านคนที่เพิ่งจะก้าวขาเข้าไปในร้านอาหารตามคำชวนของเพื่อนชายก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงนักร้องที่เหมาะสมใช้เป็นเพลงช่วงฮาโลวีนดังแว่วอยู่ไม่ไกล อิชยาถึงกับขนลุกซู่ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาได้เจอกับผีกระสือที่แปลงผักไฮโดรโปรนิกส์ทันที

“เฮ้ยน้อง ร้านนี้เขาเปลี่ยนนักร้อง หรือว่าแขกขอขึ้นไปร้องกันแน่ ไม่ไหว...เสียงสยองขวัญมาก” อิชยาเอ่ยถามเด็กเสิร์ฟที่วิ่งเข้ามาต้อนรับสีหน้าขบขัน

“ไม่ใช่นักร้องหรอกครับพี่ แต่เป็นคุณจูน นางแบบที่มาถ่ายแบบกับกอง ขึ้นไปร้องอยู่ข้างบน ไม่น่าเชื่อนะพี่...หน้าตาก็ดี๊ดี แต่เสียงร้องนี่เหมือนคนถูกทรมาน”

ได้ยินเพียงเท่านั้นอิชยาก็ปล่อยก๊าก นึกแล้วว่าจะต้องเป็นเสียงของเมถุน เพียงแต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่านั้น จึงเดินตรงไปยังโต๊ะหน้าเวที ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปหา ก็ต้องวนกลับมา เพราะเกิดเหตุไฟฟ้าที่รีสอร์ตดับ เนื่องจากมีรถชนเสาไฟจนต้องรีบแก้ไข โชคยังดีที่รีสอร์ตของเขามีเครื่องปั่นไฟสำรองอยู่ ไม่เช่นนั้นก็คงกลายเป็นคราวซวยของเขาไปโดยปริยาย



หลังจากเพลงรักที่ถูกขับกล่อมด้วยน้ำเสียงประดุจผุดขึ้นมาจากนรกของเมถุนจบลง เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของคนทั้งร้านก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงปรบมือเปาะแปะ ทว่าหญิงสาวไม่สนใจ เดินยิ่มกริ่มลงมา แล้วหันไปสบสายตากับคู่อริทันที เป็นเชิงว่าถึงท้ามาก็ไม่กลัว

ทางฝ่ายเพลินตาที่สู้อุตส่าห์ไม่หลุดขำออกมาจนน่าเกลียด ก็ยิ้มตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินขึ้นไปบนเวทีบ้าง เพื่อร้องเพลงต่อจากนางแบบดัง

“เต็มที่เลยนะครับคุณเพลิน” เห็นคีตะอวยพรพร้อมส่งยิ้มให้คู่อริ เมถุนก็เริ่มฉุน รีบเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“ขอโทษนะคะคุณคีที่ทำงานเลี้ยงกร่อย เพราะเสียงง่อยๆ ของจูน”

“ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นนี่ครับ อย่างน้อยคุณจูนก็มีสปีริตพอกล้าขึ้นไปร้อง แค่นี้พวกผมก็ดีใจแล้ว” สิ้นเสียงนุ่มๆ ของคีตะ คนทั้งโต๊ะก็ทำหน้าปูเลี่ยน ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้นางแบบสาวเพื่อยืนยันคำพูดของเจ้านาย

“จูนรู้ค่ะว่าเสียงจูนแย่มาก แต่จูนก็ทำเพื่อให้เกียรติทุกคนในงา...” ยังพูดไม่ทันจบ เสียงปรบมือก็ดังกลบเสียงเมถุนไปเสียก่อน เมื่อเสียงร้องดั่งเสียงสวรรค์ของเพลินตาดังขึ้น คนที่ถูกลืมเลือนไปชั่วขณะกัดฟันกรอด เหลือบตาขึ้นไปมองบนเวทีอย่างอาฆาต ทว่าฝ่ายคนที่ถูกมองกลับยักคิ้วมาให้ อารมณ์โกรธของเมถุนเลยพุ่งปรอทแตกทันที

ฉันเกลียดเธอยัยเพลินตาย ฉันเกลียดเธอ!

ในเมื่อเธอกลายเป็นคนที่ถูกลืมอย่างถาวรในชั่วพริบตา เมถุนก็รู้สึกไร้ค่าขึ้นมาทันที หันไปพูดกับพี่บีเสียงแข็งว่าจะกลับท่าเดียว

“เสียมารยาทน่าน้องจูน คุณคีเขาอุตส่าห์เลี้ยง แถมเรายังเป็นตัวหลักในการถ่ายแบบครั้งนี้ จะกลับก่อนได้ยังไง” พี่บีกระซิบกระซาบเพื่อห้ามปราม

“หลักอะไรกันพี่บี ตอนนี้จูนกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วพี่บีไม่เห็นเหรอ ก็ได้...ถ้าพี่บีไม่ไปส่งจูน จูนไปหารถกลับเองก็ได้” ว่าแล้วก็คว้ากระเป๋าถือของตัวเองที่วางบนตักขึ้นมาถือไว้ พอเห็นดังนั้นบีก็ถอนหายใจยกธงขาวยอมแพ้

มีปัญหาเหลือเกินนะ แม่นางสิบสอง

“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่จะไปบอกคุณคีให้” พี่บีพูดอย่างอิดหนาระอาใจ ก่อนจะเดินอ้อมหลังนางแบบสาวไปบอกเจ้ามือในวันนี้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“คุณคีคะ เดี๋ยวยังไงบีกับน้องจูนคงต้องขอตัวก่อน เผอิญน้องจูนรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”

“อ้าวเหรอครับ มีไข้รึเปล่าครับคุณจูน” คีตะทำหน้าตกใจ เมื่อละสายตาจากเวทีหันไปมองนางแบบสาวที่ทำหน้าเหยเกอยู่ข้างกัน

“ไม่มีค่ะ แต่จูนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อยากจะขอกลับไปนอนพักก่อน หวังว่าคงจะไม่เสียมารยาทจนเกินไปนะคะ” เมถุนพูดเสียงเบา ก่อนจะสำทับด้วยการไอโขลกๆ อีกทีสองทีเพื่อยืนยัน

“ไม่แน่นอนครับ เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวผมจะให้รถตู้ไปส่ง คุณไปรอที่รถได้เลยครับ” ว่าแล้วก็โบกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามากระซิบกระซาบกันครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือหาคนขับรถตู้ของกองถ่ายที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดให้เดินมาเพื่อสั่งงาน จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปส่งนางแบบสาวกับผู้จัดการส่วนตัวพร้อมคนขับรถ

“แล้วเรารออะไรกันอยู่เหรอคะ” เมถุนที่ต้องมานั่งรออยู่ในรถเอ่ยถามคีตะด้วยความไม่เข้าใจ เพราะคิดว่ามาถึงแล้วจะสามารถกลับได้เลย

“ผมสั่งอาหารให้คุณจูนเอากลับไปด้วย เผื่อหิว เมื่อกี้ผมเห็นคุณกินอะไรไปไม่กี่คำเอง กลัวจะไม่มีแรง แล้วเป็นหนักกว่าเดิม ช่วงนี้อย่าเพิ่งคุมอาหารเลยครับ ผมเป็นห่วง”

“คุณคีเป็นห่วงจูนด้วยเหรอคะ” พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำเสียงฟังดูกระโตกกระตากจนเกินงาม

“ครับ เป็นห่วง” คีตะตอบพลางส่งยิ้มน้อยๆ ให้ เพียงแค่นี้เมถุนก็แทบจะละลายลงไปกองที่พื้น กับความน่ารักระดับสิบบวกของผู้ชายคนนี้

โถ...คุณคี น่ารักอย่างนี้ แล้วจูนจะปล่อยคุณไปเป็นของคนอื่นได้ยังไงกันคะ

“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วงจูน” นางแบบสาวยิ้มกว้าง ทว่าคนที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับต้องเบือนหน้าหนีความเลี่ยนชวนอ้วกของหนุ่มสาวคู่นี้ ในใจก็ภาวนาขอให้อาหารที่สั่งมาเร็วๆ ไม่อยากจะต้องมาทนนั่งฟังคำออดอ้อนออเซาะที่เธอรู้เต็มอกว่าเสแสร้ง

ไม่นานนักหลังจากที่คุยกันไปได้สักพัก อาหารที่สั่งก็มาถึง ทั้งหมดจึงได้แยกย้ายกันไปคนละทาง ใช้เวลาไม่นานรถตู้กองถ่ายก็พาสองสาวมาถึงที่รีสอร์ต ก่อนจะขอตัวกลับทันที เพราะงานเลี้ยงที่ร้านอาหารยังไม่เลิกรา

“เอาอาหารไปสิพี่บี จูนไม่กินหรอกนะ อ้วนจะตาย” พอมีเวลาเป็นส่วนตัว เมถุนก็กลับคืนสู่ร่างเดิมทันที ยื่นถุงอาหารใบใหญ่ไปให้ผู้จัดการสาว ขณะเดินกลับบ้านพักของใครของมัน

“ไม่ได้หรอกค่ะน้องจูน เดี๋ยวคุณคีรู้จะเสียใจได้นะ น้องจูนก็เก็บเอาไว้เถอะ ไว้กินวันพรุ่งนี้ก็ได้ อาหารที่คุณคีสั่งให้ดูแล้วก็ไม่ได้ทำให้อ้วนสักเท่าไรเลยนี่คะ”

“ไม่เอาหรอก จูนไม่ชอบ พี่บีรับไปเถอะนะ จูนเห็นมีของที่พี่ชอบด้วย” นางแบบสาวเริ่มตะล่อมด้วยน้ำเสียงรื่นหู

“พี่กลัวคุณคีเขาจะรู้สิ เผื่อมีเด็กมาทำความสะอาดห้องแล้วเอาไปบอกคุณอิช แล้วคุณอิชเอาไปบอกคุณคี อย่างนี้คะแนนของน้องจูนตกเลยนะคะ”

“คิดมากจังพี่บี ไม่เอาก็ไม่เอา เดี๋ยวจูนเก็บไว้ก็ได้”

“ดีแล้วละค่ะ เก็บไว้เถอะ” บีแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อจบเรื่องได้ เหตุผลจริงๆ ที่เธอไม่อยากรับอาหารของคีตะ ก็เพื่อความสบายใจของตนเอง

“แต่จูนเกลียดยัยเพลินตาย! พี่บี จูนจะทำยังไงกับมันดี มันทำให้จูนกลายเป็นหมาหัวเน่าที่งานเลี้ยงนั่นน่ะ!” พอคิดถึงเรื่องนี้ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้

“เอาเถอะค่ะน้องจูน อย่างน้อยคุณคีก็มีท่าทางสนใจเรามากกว่าเพลินตานะ ไม่เห็นเหรอว่าน้องจูนได้ออกไปเที่ยวกับคุณคี แต่เพลินตาได้อะไรบ้าง นอกจากขึ้นไปร้องเพลงเกทับหนูอยู่บนเวทีน่ะ”

“พี่บีคะ” เมถุนเหล่ตามองคนที่ตัวเล็กกว่า ก่อนจะพูดต่อ “เราจบเรื่องร้องเพลงเถอะค่ะ จูนรู้ดีว่าเสียงจูนแย่ แต่มันก็คงพอฟังได้อยู่แหละค่ะ”

“อะ..อ้อ อย่างนั้นก็ได้จ้ะ” บียิ้มแหยงๆ ก่อนจะไล่ให้นางแบบสาวเข้าห้องพักไปเสีย เพื่อเธอจะได้พักผ่อน ไม่ต้องทนรับฟังเรื่องราวไร้สาระอีกต่อไป

ทว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองพร้อมถุงอาหารก็คิดอะไรดีๆ ออก ร่างเพรียวระหงหมุนตัวกลับเดินออกไปด้านนอก เพื่อมองหาใครบางคนที่น่าทำประโยชน์ให้เธอในตอนนี้ได้

เมถุนเดินถือถุงอาหารไปตามทางเดินรอบๆ รีสอร์ต แต่ก็ไม่พบกับเป้าหมาย จึงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงป่าทึบด้านหลังอันมีบ้านไม้ของอิชยาซ่อนตัวอยู่ ทว่าคนที่เธอตามหาไม่ใช่เจ้าของรีสอร์ตนิสัยกวนประสาทผู้นั้น แต่ทว่าเป็นคนที่เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาเดินตามหาอยู่เช่นนี้

“ไมเคิล อยู่ไหนนะ อยู่แถวนี้รึเปล่า” เมถุนร้องเรียกเสียงดังลั่น ไม่นานนักหนุ่มร่างเตี้ยหัวล้านก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหน้าตาตื่น

“มีอะไรเหรอครับคุณจูน”

“เย็นนี้กินอะไรรึยัง”

“กินแล้วครับ หรือว่าคุณจูนหิวอีก จะให้ไมเคิลไปเก็บผักให้เหรอครับ แต่เดี๋ยวไมเคิลต้องไปขออนุญาตคุณอิชก่อน”

“ไม่ใช่ย่ะ” เมถุนแวดเสียงแหลม ก่อนจะยื่นถุงอาหารที่ถือมาด้วยให้ไป “ฉันเอาของกินมาฝาก ไม่ใช่ของเหลือนะ แต่ฉันกินไม่ได้ เดี๋ยวอ้วน นายเอาไปกินก็แล้วกัน”

“คุณจูนให้ไมเคิลจริงๆ เหรอครับ” ไมเคิลถามเสียงตื่นเต้น ไม่เคยนึกมาก่อนว่าเมถุนจะใจดีถึงเพียงนี้

“ก็จริงสิ ฉันรู้จักแต่นายนี่ จะเอาไปให้ใครก็ไม่ได้ รับไว้แล้วกัน” อันที่จริงไม่อยากทิ้งลงถังขยะต่างหาก กลัวว่าจะมีทีมงานมาเห็น แล้วเอาไปฟ้องคีตะให้เธอเสียคะแนน

“ขอบคุณครับคุณจูน ไมเคิลรักคุณจูนที่สุดเลย” ว่าแล้วก็จะโผเข้ามากอด แต่หญิงสาวกลับร้องเสียงแหลม กระโดดถอยออกทันที

“ว้าย! ไม่ต้องมากอดฉันเลยนะ แค่ขอบคุณก็พอ แล้วกินให้หมดอย่าให้เหลือก็แล้วกัน”

“ครับ ไมเคิลจะกินให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่น้ำจิ้มเลย” ชายหนุ่มฟันหลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมถุงอาหารที่มีค่าราวกับทองคำ กลับไปยังบ้านพักหลังน้อยๆ ของตนเองที่อิชยาปลูกให้อยู่ติดกับเรือนใหญ่ ในใจก็คิดไปว่านางแบบคนสวยนอกจากหน้าตาจะงามแล้ว จิตใจก็งามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เกิดมาไม่เคยมีใครใจดีกับเขาขนาดนี้มาก่อน นอกจากหลวงพ่อและอิชยา

ทว่าเมถุนไม่ได้รับรู้เลยว่าการปรากฏตัวของเธอนั้น ไม่ได้เล็ดลอดสายตาเจ้าของรีสอร์ตไปไหน อิชยาที่นุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เปลือยอกแข็งแกร่งอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กำลังอมยิ้มอยู่กับการกระทำของเจ้าหล่อน เขาได้ยินเสียงเธอขณะกำลังจะไปอาบน้ำชำระร่างกาย จึงชะโงกหน้าผ่านหน้าต่างห้องนอนออกไปดู ก็พบว่าเธอกำลังยื่นห่ออาหารไปให้ลูกน้องคนสนิทของเขาเอง แถมยังได้ยินบทสนทนาของนางมารร้ายชัดเจน เพราะความเงียบสงบในยามค่ำคืน เลยพอจะเดาออกว่าเธอไม่อยากกินอาหารที่ห่อมา แต่ก็ไม่อยากทิ้งเพราะเสียดาย จึงหาตัวช่วยกำจัดให้พ้นตา แม้เจตนารมณ์ของเมถุนจะไม่ได้จริงใจเท่าไร ทว่าอย่างน้อยเธอก็ไม่ทิ้งขว้างข้าวปลาอาหารอย่างคนไม่รู้ค่า เพียงแค่นี้อิชยาก็เริ่มเห็นมุมดีๆ ของนักร้องเสียงสยองขึ้นมาบ้าง แม้จะมีเพียงมุมเดียวในชีวิตก็ตาม



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ในที่สุดก็ได้กลับมาอัพสักทีนะคะ หลังจากหายไปนานมาก
เดี๋ยวแปะลิงค์ตอนเก่าเอาไว้ให้เลยดีกว่าค่ะ เผื่อใครที่ลืมไปแล้ว แหะๆๆๆ

ดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้งค่ะ ฝากเกมแจกหนังสือในหน้าบอร์ดหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

บทนำ - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/10970

1 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11097

2 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11117

3 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11136

4 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11230

5 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11313

6 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11324

7 - http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/11922


ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะคะ ^^
ดารานิล
www.facebook.com/daranilday

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ต.ค. 2556, 13:53:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2556, 13:53:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1346





<< 7. งานงอกเมื่อออกเดต   9. คุณยายปริศนากับสายน้ำแห่งความหวัง >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ต.ค. 2556, 16:00:23 น.
รอเรื่องนี้จนลืมไปแล้วค่า ไรเตอร์ 555


sumitt 15 ต.ค. 2556, 16:13:08 น.
miss u นึกว่าลืมกันไปแล้ว


ดารานิล 15 ต.ค. 2556, 16:16:46 น.
โอ๊ยยยย ดีใจจุงเบย มีคนจำกันได้ด้วย ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกค่ะ จุ๊บๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 15 ต.ค. 2556, 18:43:52 น.
ยายจูนกลับมาแร้วววว^^ ดีใจจังเลย


kaelek 15 ต.ค. 2556, 22:07:16 น.
ในที่สุดนางก็มีมุมดีๆ ตั้งมุมนึงแน่ะ


Zephyr 16 ต.ค. 2556, 00:06:48 น.
ยังควานหาความดีอื่นๆในตัวจูนอยู่นะ 5555
จะมีมั้ยเนี่ย นอกจากความติ้วต้อง อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account