รักวุ่นวายของยัยตัวแสบ (Green Rose 1#)
"มารุ" ฉันกับเค้า คงเป็นแค่เส้นขนานที่บังเอิญมาเจอกันอีกครั้งแค่นั้นเอง
"ยูกิ" ผมเคยทำร้ายเทอด้วยวิธีที่เลวที่สุด จนเสียเธอไป แต่ต่อจากนี้ เธอคือคนเดียวที่ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา ต่อให้แลกด้วยความตาย ผมก็ยอม
"คิมหันต์" ความสุขของผมคือเธอ เธอคือคนที่ฉุดผมขึ้นมาจากอดีตที่เลวร้ายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมพร้อมที่จะปกป้องเธอทั้งตัวและหัวใจ
"ยูกิ" ผมเคยทำร้ายเทอด้วยวิธีที่เลวที่สุด จนเสียเธอไป แต่ต่อจากนี้ เธอคือคนเดียวที่ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา ต่อให้แลกด้วยความตาย ผมก็ยอม
"คิมหันต์" ความสุขของผมคือเธอ เธอคือคนที่ฉุดผมขึ้นมาจากอดีตที่เลวร้ายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมพร้อมที่จะปกป้องเธอทั้งตัวและหัวใจ
Tags: Green Rose
ตอน: 3: ข่าวดีหรือข่าวร้าย
วันนี้ฉันกับเพื่อนกลับมาถึงบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อย บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านสองชั้น ที่ดูไม่เก่าและไม่ใหม่มากจนเกินไปแต่ก็ดูออกว่าผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว
ภายในบ้านมีห้องนอนอยู่ชั้นสองทั้งหมดสองห้อง ฉัน ยัยปอยและยัยเหมยซานนอนอยู่ห้องเดียวกันทางซ้าย ส่วนห้องทางขวาคือห้องของยัยอึนเฮกับยัยแอน ส่วนชั้นล่างมีห้องครัวและห้องรับแขก ที่ถูกออกแบบไว้เป็นสัดส่วนพอดีกับบ้าน
ภายในบ้านถูกจัดอย่างสะอาดหูสะอาดตาจากฝีมือยัยแอน ภายนอกบ้านบริเวณหน้าบ้านมีโต๊ะม้าหินเล็กๆตั้งอยู่ ส่วนบริเวณรอบๆบ้านถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด ที่พวกฉันช่วยกันปลูกตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ ทำให้บ้านดูมีสีสันน่าอยู่มาก ฉันกับเพื่อนตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ก็เพราะเหตุผลที่บอกไปนั้นแหละ และอีกอย่างมันอยู่ใกล้มหาลัยที่พวกฉันเรียนอยู่ ทำให้สะดวกต่อการเดินทาง ในเมื่อทุกอย่างดีและเอื้ออำนวยขนาดนี้ คิดว่าฉันจะเช่าบ้านหลังนี้และได้มันมาง่ายๆหรอ เราต้องยอมจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าเป็นเงินก้อนไปจำนวนหนึ่งซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เราใช้ชีวิตต่ออยู่ได้หลายเดือน แต่พอต้องจ่ายมันไปแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้อยู่ใช้กินล่ะค่ะ พวกฉันเลยตัดสินใจที่จะหางานทำเวลาว่างหลังเลิกเรียน และวันเสาร์อาทิตย์จะได้ไม่รบกวนครอบครัวมากเกินไป
ก่อนหน้านี้พวกฉันได้ตะเวนหางานตามที่ติดป้ายรับสมัครไว้ และ ได้แต่รอการติดต่อกลับมาของสถานที่นั้นๆ ฉันก็เพิ่งเข้าใจว่างานมันหายากขนาดไหน ก็ตอนนี้แหละ เรานั่งเฝ้ารอโทรศัพท์ติดต่อกลับมาอยู่หลายวัน จนถึงวันนี้ ยัยเหมยซานบอกว่าเป็นร้าน เบเกอรี่ ที่ชื่อว่าร้านรักดี ติดต่อกลับมาให้พวกฉันไปเข้าพบในวันพรุ่งนี้
หลังเลิกเรียนในวันนี้ ฉันกับเพื่อนนั่งรถไปที่ร้านรักดีเบเกอรี่ตามนัด
เราทุกคนดูตื่นเต้นมากเลยล่ะ ยัยเหมยซานบอกว่าคนที่ติดต่อกลับมาชื่อว่าพี่เค้ก ร้านรักดีเบเกอรี่ร้านนี้เป็นร้านกระจกทั้งร้าน แค่เห็นจากนอกร้าน ก็รู้แล้วว่าในร้านสวยแค่ไหน พวกฉันเดินเข้ามาในร้านเพื่อไปหาพี่เค้ก บรรยากาศในร้านดูน่ารักมากเลยล่ะออกแนวอาร์ตๆไปอีกแบบ ภายในร้านถูกจัดตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบ ประดับประดาด้วยของตกแต่งน่ารัก ก็แหงล่ะนี่มันร้านเบเกอรี่นี่นา ก็คงต้องมีแต่พวกวัยรุ่นเข้ามาแน่นอน บรรยากาศร้านถึงตกแต่งเอาใจวันรุ่นด้วยโทนสีฟ้า กับสีชมพู แบบนี้
ฉันกับเพื่อนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่าๆซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของนักเรียนและนักศึกษาแถบนี้ทำให้คนในร้านเยอะมากเลยล่ะ และได้ยินมาว่าร้านรักดีเบเกอรี่มีหลายสาขาด้วยนะคงมีชื่อเสียงน่าดูเลย
“นี่ใช่น้องที่พี่โทรไปนัดเมื่อวานใช่ รึป่าวจ๊ะ”
ผู้หญิงที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นพี่เค้กเดินมาหาพวกฉันพร้อมกับรอยยิ้มหวานเพื่อเป็นการต้อนรับ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมร้านนี้คนเยอะ แค่พี่เค้กคนเดียว เอาความสวยของพวกฉันห้าคนมารวมกันยังไม่เท่าพี่เค้าคนเดียวเลย
“ใช่ค่ะ” ยัยปอยตอบกลับไปพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ฉันมั่นใจที่มันทำแบบนั้นเพราะวินาทีนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งานมาครอบครอง
“มากันห้าคนหรอจ๊ะ”
“ค่ะ” ฉันตอบ
พี่เค้กมีรอยยิ้มจางลง เล่นซะพวกฉันใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย
“มีอะไรรึป่าวค่ะ”พวกฉันพร้อมใจประสานเสียงออกไป ก็มันดูเป็นรางไม่ดีเลยนิ
“คือ...พี่มีข่าวดีและก็ข่าวร้ายจะบอกจ๊ะ”นั่นไงงงงง ฉันว่าแล้ว
“ข่าวดีก่อนดีกว่าค่ะ”ยัยเหมยซานบอกออกไปอย่างลังเลนิดหน่อย
“ข่าวดีก็คือว่า....พี่รับพวกเธอเข้าทำงาน”
“เย้ๆๆๆๆๆๆๆ”พวกเราร้องเสียงดังโวยวายออกมาด้วยความดีใจ
“แต่.......”
“แต่อะไรหรอค่ะพี่เค้ก”ยัยอึนเฮถามด้วยความสงสัย
“พี่รับได้แค่สี่คน” 0_0/////เหวอ
ฉันกับเพื่อนมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี เพราะจะต้องมีหนึ่งคนที่ไม่ได้งานแน่ๆ แล้วใครจะเสียสละฟ่ะ มีแต่คนอยากได้งานทั้งนั้นแหละ
“นี่แหละจ๊ะคือข่าวร้ายที่พี่จะบอก”
ฮู่ว~ฉันถอนหายใจออกมาเฮืยกใหญ่ จะทำยังไงดีล่ะงานนี้ จะโอน้อยออกดีไหมเนี้ย
“แต่”พวกเราหันพรึ่บไปมองหน้าพี่เค้ก นี่พี่จะมา แต่ หลายรอบให้หัวใจวายรึไงนะ “พวกเราห้าคนใครพอจะเป็นติวเตอร์ได้จ๊ะ”พี่เค้กร้องถามออกมา
ทำไมยัยพวกนั้นต้องมองมาที่ฉันด้วนนะ โฮะๆๆๆฉันเรียนดีหรอเนี้ย
รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงย้ำว่าหมายถึงฉัน
“เธอสนใจจะไปสอนพิเศษไหม”พี่เค้กเบี่ยงสายตามาที่ฉัน
“สนใจค่ะ!!!”
ฉันมั่นใจว่าประโยคข้างบนไม่ใช่เสียงฉันแน่นอน ยัยพวกนั้นเองแหละที่ตอบแทนฉัน
“นี่พวกแก!!”
“ยัยมารุเนี้ยแหละค่ะเรียนดีสุด อีกอย่างมันรักเด็กด้วยนะค่ะ ”ฉันยังพูดไม่จบประโยค ยัยปอยก็พูดตัดบทฉันขึ้นมา ฉันได้แต่นั่งกัดฟันเพราะถูกมันจิกแขนไว้ เจ็บชะมัดเลย แกนะแกจะไม่ถามฉันสักคำเลยรึไงว่าฉันอยากทำไหม ไอ้เพื่อนบ้าเอ้ยยย
“มารุสนใจไหมเงินเดือนเยอะน่าดูเลยนะ คุณริกะเค้าใจดีคุยง่าย”
“โอเคค่ะมารุตกลงทำงานนี้…..ก็ได้ ”
มีทางเลือกให้ฉันที่ไหนล่ะ ไม่ว่าจะเงินเดือนเท่าไหร่ คุยยากคุยง่ายยังไง ฉันก็เลือกไม่ได้อยู่ดี
“เดี๋ยวพี่จะให้คุณริกะติดต่อไปอีกทีนะ”
“ค่ะ”
“ส่วนพวกเธอสี่คนเอาเป็นว่า เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ เหลือพี่คนเดียวเหนื่อยจะแย่แล้ว”
“แล้วคนอื่นไปไหนหมดล่ะค่ะ”อึนเฮถาม
“ไปดูแลร้านที่เปิดใหม่จ๊ะ ร้านนี้เลยเหลือพี่แค่คนเดียว”
ติ๊งต่อง/////มีคนเข้าร้านนี่เอง ฉันก็นึกว่าเสียงอะไร
“เอาเป็นว่าตามที่ตกลงนะจ๊ะ”
แล้วพี่เค้กก็เดินตรงไปต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง นึกแล้วมันก็ใจหาย นึกว่าจะได้ทำงานที่เดียวกันกับพวกมัน ไอ่พวกเพื่อนใจร้ายยังแกล้งให้ฉันไปทำงานที่อื่นอีก ไอ้งานสอนพิเศษนี่ก็ยังไงอยู่ จะให้ฉันจะสอนวิชาอะไรก็ไม่รู้ แล้วยิ่งเป็นเด็กผู้ชายนะมันต้องดื้อชัวร์ๆ และฉันก็ต้องประสาทกินกับมันแน่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง โอ้ยยยยยยย แค่นี้ก็ประสาทจะกินแล้วววววว
ภายในบ้านมีห้องนอนอยู่ชั้นสองทั้งหมดสองห้อง ฉัน ยัยปอยและยัยเหมยซานนอนอยู่ห้องเดียวกันทางซ้าย ส่วนห้องทางขวาคือห้องของยัยอึนเฮกับยัยแอน ส่วนชั้นล่างมีห้องครัวและห้องรับแขก ที่ถูกออกแบบไว้เป็นสัดส่วนพอดีกับบ้าน
ภายในบ้านถูกจัดอย่างสะอาดหูสะอาดตาจากฝีมือยัยแอน ภายนอกบ้านบริเวณหน้าบ้านมีโต๊ะม้าหินเล็กๆตั้งอยู่ ส่วนบริเวณรอบๆบ้านถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด ที่พวกฉันช่วยกันปลูกตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ ทำให้บ้านดูมีสีสันน่าอยู่มาก ฉันกับเพื่อนตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ก็เพราะเหตุผลที่บอกไปนั้นแหละ และอีกอย่างมันอยู่ใกล้มหาลัยที่พวกฉันเรียนอยู่ ทำให้สะดวกต่อการเดินทาง ในเมื่อทุกอย่างดีและเอื้ออำนวยขนาดนี้ คิดว่าฉันจะเช่าบ้านหลังนี้และได้มันมาง่ายๆหรอ เราต้องยอมจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าเป็นเงินก้อนไปจำนวนหนึ่งซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เราใช้ชีวิตต่ออยู่ได้หลายเดือน แต่พอต้องจ่ายมันไปแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้อยู่ใช้กินล่ะค่ะ พวกฉันเลยตัดสินใจที่จะหางานทำเวลาว่างหลังเลิกเรียน และวันเสาร์อาทิตย์จะได้ไม่รบกวนครอบครัวมากเกินไป
ก่อนหน้านี้พวกฉันได้ตะเวนหางานตามที่ติดป้ายรับสมัครไว้ และ ได้แต่รอการติดต่อกลับมาของสถานที่นั้นๆ ฉันก็เพิ่งเข้าใจว่างานมันหายากขนาดไหน ก็ตอนนี้แหละ เรานั่งเฝ้ารอโทรศัพท์ติดต่อกลับมาอยู่หลายวัน จนถึงวันนี้ ยัยเหมยซานบอกว่าเป็นร้าน เบเกอรี่ ที่ชื่อว่าร้านรักดี ติดต่อกลับมาให้พวกฉันไปเข้าพบในวันพรุ่งนี้
หลังเลิกเรียนในวันนี้ ฉันกับเพื่อนนั่งรถไปที่ร้านรักดีเบเกอรี่ตามนัด
เราทุกคนดูตื่นเต้นมากเลยล่ะ ยัยเหมยซานบอกว่าคนที่ติดต่อกลับมาชื่อว่าพี่เค้ก ร้านรักดีเบเกอรี่ร้านนี้เป็นร้านกระจกทั้งร้าน แค่เห็นจากนอกร้าน ก็รู้แล้วว่าในร้านสวยแค่ไหน พวกฉันเดินเข้ามาในร้านเพื่อไปหาพี่เค้ก บรรยากาศในร้านดูน่ารักมากเลยล่ะออกแนวอาร์ตๆไปอีกแบบ ภายในร้านถูกจัดตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบ ประดับประดาด้วยของตกแต่งน่ารัก ก็แหงล่ะนี่มันร้านเบเกอรี่นี่นา ก็คงต้องมีแต่พวกวัยรุ่นเข้ามาแน่นอน บรรยากาศร้านถึงตกแต่งเอาใจวันรุ่นด้วยโทนสีฟ้า กับสีชมพู แบบนี้
ฉันกับเพื่อนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่าๆซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของนักเรียนและนักศึกษาแถบนี้ทำให้คนในร้านเยอะมากเลยล่ะ และได้ยินมาว่าร้านรักดีเบเกอรี่มีหลายสาขาด้วยนะคงมีชื่อเสียงน่าดูเลย
“นี่ใช่น้องที่พี่โทรไปนัดเมื่อวานใช่ รึป่าวจ๊ะ”
ผู้หญิงที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นพี่เค้กเดินมาหาพวกฉันพร้อมกับรอยยิ้มหวานเพื่อเป็นการต้อนรับ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมร้านนี้คนเยอะ แค่พี่เค้กคนเดียว เอาความสวยของพวกฉันห้าคนมารวมกันยังไม่เท่าพี่เค้าคนเดียวเลย
“ใช่ค่ะ” ยัยปอยตอบกลับไปพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ฉันมั่นใจที่มันทำแบบนั้นเพราะวินาทีนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งานมาครอบครอง
“มากันห้าคนหรอจ๊ะ”
“ค่ะ” ฉันตอบ
พี่เค้กมีรอยยิ้มจางลง เล่นซะพวกฉันใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย
“มีอะไรรึป่าวค่ะ”พวกฉันพร้อมใจประสานเสียงออกไป ก็มันดูเป็นรางไม่ดีเลยนิ
“คือ...พี่มีข่าวดีและก็ข่าวร้ายจะบอกจ๊ะ”นั่นไงงงงง ฉันว่าแล้ว
“ข่าวดีก่อนดีกว่าค่ะ”ยัยเหมยซานบอกออกไปอย่างลังเลนิดหน่อย
“ข่าวดีก็คือว่า....พี่รับพวกเธอเข้าทำงาน”
“เย้ๆๆๆๆๆๆๆ”พวกเราร้องเสียงดังโวยวายออกมาด้วยความดีใจ
“แต่.......”
“แต่อะไรหรอค่ะพี่เค้ก”ยัยอึนเฮถามด้วยความสงสัย
“พี่รับได้แค่สี่คน” 0_0/////เหวอ
ฉันกับเพื่อนมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี เพราะจะต้องมีหนึ่งคนที่ไม่ได้งานแน่ๆ แล้วใครจะเสียสละฟ่ะ มีแต่คนอยากได้งานทั้งนั้นแหละ
“นี่แหละจ๊ะคือข่าวร้ายที่พี่จะบอก”
ฮู่ว~ฉันถอนหายใจออกมาเฮืยกใหญ่ จะทำยังไงดีล่ะงานนี้ จะโอน้อยออกดีไหมเนี้ย
“แต่”พวกเราหันพรึ่บไปมองหน้าพี่เค้ก นี่พี่จะมา แต่ หลายรอบให้หัวใจวายรึไงนะ “พวกเราห้าคนใครพอจะเป็นติวเตอร์ได้จ๊ะ”พี่เค้กร้องถามออกมา
ทำไมยัยพวกนั้นต้องมองมาที่ฉันด้วนนะ โฮะๆๆๆฉันเรียนดีหรอเนี้ย
รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงย้ำว่าหมายถึงฉัน
“เธอสนใจจะไปสอนพิเศษไหม”พี่เค้กเบี่ยงสายตามาที่ฉัน
“สนใจค่ะ!!!”
ฉันมั่นใจว่าประโยคข้างบนไม่ใช่เสียงฉันแน่นอน ยัยพวกนั้นเองแหละที่ตอบแทนฉัน
“นี่พวกแก!!”
“ยัยมารุเนี้ยแหละค่ะเรียนดีสุด อีกอย่างมันรักเด็กด้วยนะค่ะ ”ฉันยังพูดไม่จบประโยค ยัยปอยก็พูดตัดบทฉันขึ้นมา ฉันได้แต่นั่งกัดฟันเพราะถูกมันจิกแขนไว้ เจ็บชะมัดเลย แกนะแกจะไม่ถามฉันสักคำเลยรึไงว่าฉันอยากทำไหม ไอ้เพื่อนบ้าเอ้ยยย
“มารุสนใจไหมเงินเดือนเยอะน่าดูเลยนะ คุณริกะเค้าใจดีคุยง่าย”
“โอเคค่ะมารุตกลงทำงานนี้…..ก็ได้ ”
มีทางเลือกให้ฉันที่ไหนล่ะ ไม่ว่าจะเงินเดือนเท่าไหร่ คุยยากคุยง่ายยังไง ฉันก็เลือกไม่ได้อยู่ดี
“เดี๋ยวพี่จะให้คุณริกะติดต่อไปอีกทีนะ”
“ค่ะ”
“ส่วนพวกเธอสี่คนเอาเป็นว่า เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ เหลือพี่คนเดียวเหนื่อยจะแย่แล้ว”
“แล้วคนอื่นไปไหนหมดล่ะค่ะ”อึนเฮถาม
“ไปดูแลร้านที่เปิดใหม่จ๊ะ ร้านนี้เลยเหลือพี่แค่คนเดียว”
ติ๊งต่อง/////มีคนเข้าร้านนี่เอง ฉันก็นึกว่าเสียงอะไร
“เอาเป็นว่าตามที่ตกลงนะจ๊ะ”
แล้วพี่เค้กก็เดินตรงไปต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง นึกแล้วมันก็ใจหาย นึกว่าจะได้ทำงานที่เดียวกันกับพวกมัน ไอ่พวกเพื่อนใจร้ายยังแกล้งให้ฉันไปทำงานที่อื่นอีก ไอ้งานสอนพิเศษนี่ก็ยังไงอยู่ จะให้ฉันจะสอนวิชาอะไรก็ไม่รู้ แล้วยิ่งเป็นเด็กผู้ชายนะมันต้องดื้อชัวร์ๆ และฉันก็ต้องประสาทกินกับมันแน่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง โอ้ยยยยยยย แค่นี้ก็ประสาทจะกินแล้วววววว
อีฟู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2556, 14:36:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2556, 13:38:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 929
<< 2: เขาคือใคร | 4: เปิดตัวคู่ติว >> |