นิยามรักหัวใจร็อค ภาค 2 (นิยามรักของเจ้าชายเย็นชา)
เรื่องราวของอีริค หนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ ที่แสนจะเงียบขรึม คนที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานดนตรีของ Evasion ผู้มีความหลังอันลึกลับ และขมขื่น ....
Tags: สิรินดา, นิยามรัก, หัวใจร็อค, แจ่มใส, ภาค 2,นิยาย, sirinda, jamsai, novels, love story, อีริค

ตอน: 34 : Sweet Child O' Mine

ค่ำแล้วแต่รมิดานอนไม่หลับ สารคดีเกี่ยวกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มผู้ชายใจร้ายที่มีเจตนาจะข่มขืนซึ่งเธอบังเอิญกดรีโมทไปพบเข้ากระตุ้นเตือนความทรงจำบางอย่างของเธอเข้า ถึงแม้จะได้รับการบำบัดมาระยะหนึ่ง แต่บางครั้งความรู้สึกเลวร้ายเหล่านั้นยังตามมาหลอกหลอนอยู่ดี

และครั้งนี้ มันชัดเจนกว่าทุกครั้ง

เธอผู้ทำตัวเข้มแข็ง ให้กำลังใจคนสายตาไม่ดีตลอดหลายวันที่ผานมา พยายามสลัดความทรงจำเหล่านั้นออกไปด้วยการขอตัวอยู่คนเดียว และไปเดินเล่นริมทะเลจนดึก เพื่อให้การออกกำลังกายเบาๆ และการได้อยู่คนเดียวนั่นทำให้เธอสงบมากขึ้น…แต่มันก็ดูเหมือนไม่ดีขึ้นมากนัก

บางทีพรุ่งนี้เช้า เธออาจจะต้องโทรไปหาคุณหมอด้านจิตวิทยาซึ่งกลายมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในหลายๆ เรื่องเสียแล้ว หญิงสาวบอกตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้านพัก และพบว่าบ้านทั้งหลังปิดไฟมืดสนิท เหลือเพียงแสงสลัวของดวงไฟขนาดเล็กหน้าบ้านเท่านั้น

อีริคคงนอนแล้ว หญิงสาวคิดจะเดินตรงไปห้องนอน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ นอนตอนนี้ ก็คงไม่หลับ ไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่มดีกว่า ไวเท่าความคิด เธอเปลี่ยนทิศทางไปยังห้องครัวซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน ครัวแห่งนี้มีอาหารตุนไว้ราวกับผู้พักอาศัยจะต้องติดเกาะสักสองปี หญิงสาวเปิดสวิทไฟ ตอนแรกคิดว่าจะเอานมจากตู้เย็นมาอุ่น แต่สายตาไปพบกับเครื่องดื่มอีกชนิดที่วางอยู่ที่ล่างสุดเสียก่อน

ไวน์แดง….

เธอเคยได้ยินว่าไวน์จะช่วยให้นอนหลับ ไวน์แดงขวดนั้นเหลือประมาณครึ่งขวด เมื่อตอนเย็นพ่อครัวเอาไวน์ขวดนี้มาเสิร์ฟให้พร้อมอาหารเย็น ตอนนั้นเธอปฏิเสธที่จะดื่ม ส่วนอีริคก็ดื่มไปเพียงแก้วเดียว

หญิงสาวเปิดตู้เก็บเครื่องครัว เธอพบแก้วไวน์ที่ชั้นเก็บจานชั้นบนสุด จึงถือมันและแก้วทรงสูงกลับมาที่ห้องรับแขก ทรุดนั่งที่โซฟา และเริ่มดื่ม

รสชาติของไวน์เฝื่อนนิดๆ แต่ก็นุ่มลิ้นไม่ถึงกับบาดคอ ขวดนี้คงราคาสูงไม่น้อย หญิงสาวจิบอีกอึก และอีกอึก พบว่ารสชาติของมันมันก็อร่อยดีเหมือนกัน

บางทีอีกแก้ว อาจจะดี หญิงสาวรินไวน์เติมลงไป….แด่ความทรงจำแย่ๆ ขอให้ลืมๆ มันไปเสียที…

....

อีริคคิดว่าตัวเองฝันไปเมื่อได้ยินเสียงกุกกักด้านนอกห้อง เขาลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ การมองไม่เห็นทำให้ประสาทสัมผัสอื่นๆ ของเขาดีขึ้น และสำหรับบ้านหลังนี้ บ้านซึ่งเขามีส่วนในการออกแบบเกือบทั้งหมด ชายหนุ่มจึงไม่ลำบากนักในการเดินออกมาจากห้อง ตรงไปยังต้นเสียง

หวังว่าคงไม่ใช่ขโมย…เขาคิด

“ใคร…มาทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

“อ้าว…อีริค ขอโทษที ฉันทำเสียงดังไปหน่อย” เสียงตอบเบาๆ มาจากมุมส่วนที่เป็นที่ตั้งของโซฟารับแขก

“ทำอะไรอยู่ นี่มันดึกแล้วไม่ใช่เหรอ ผมนอนไปพักใหญ่แล้ว”

กลิ่นบางอย่างลอยมาเตะจมูก กลิ่นเหมือนแอลกอฮอล์อ่อนๆ …ไวน์

“มา มา มาดื่มกัน ฉันนอนไม่หลับน่ะ เลยไปหาอะไรดื่ม เจอไวน์ขวดหนึ่ง อร่อยชะมัด”

คนฟังขมวดคิ้ว เดินช้าๆ ไปยังส่วนที่หญิงสาวนั่งอยู่ น้ำเสียงของคนพูดดูแปร่งๆ ยังไงก็ไม่รู้

“อร่อยก็ดื่มไปเถอะ มีอีกหลายขวดในตู้เก็บไวน์ เจ้าอีวานมันชอบ มาคราวที่แล้วหอบมาเสียหลายขวด”

“ฉันเห็นแล้วล่ะ ก็กำลังจะไปหยิบขวดที่สามนี่เแหละ สะดุดล้มเสียก่อน ไวน์หกไปหน่อย เสียดายจัง…”

เขาพบเก้าอี้โซฟาในที่สุด และทรุดตัวลงนั่ง ไวน์...สามขวด...ให้ตายเถอะ

“สามขวด...จะบ้าหรือไง ดื่มเข้าไปได้ยังไง” บางอย่างในน้ำเสียง และกลิ่นที่คละคลุ้งของไวน์ บอกว่า ผู้พักอาศัยร่วมบ้านของเขาอาจกำลังเมา

“หวงด้วยเหรอ” คนพูดเอามือแตะแขนของชายหนุ่ม พร้อมยื่นหน้ามาเกือบชิดเมื่อถามประโยคนั้น “ราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันชดใช้ให้ทีหลังน่า…ยังพอมีตังค์เหลืออยู่บ้างหรอก”

“ฝน คุณเมาใช่ไหม”

“เปล่านะคะ ม่ายยยย ได้เมา” อีกฝ่ายตอบ แต่คนไม่ได้เมา กลับพาตัวเองมานั่งโซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่ม “แค่เหงานิดหน่อย คิดถึงบ้าน คิดถึงพี่สา คิดถึงพ่อ…เฮ้ออออ” คนที่ไม่เมาเลื่อนตัวลงมานอนเหยียดยาวตามความยาวของโซฟา เอาหัวหนุนตักของอีริคซะอย่างนั้น “แต่ฉันก็ต้องอยู่ อยู่ที่นี่ อยู่กับคุณ ดีที่ซู๊ดดดดด แล้ว”

“เมาจริงๆ ด้วยนะเนี่ย…ถ้าคิดถึงบ้าน พรุ่งนี้ผมให้คนเอาเรือมารับกลับก็ได้ ไป ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”

“ม่ายกลับ ม่ายกลับ กลับไม่ได้ อย่ามาไล่กันแบบนี้นะ”

“เอ๊า อะไรกัน ไหนบอกว่าคิดถึงบ้าน” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเอ็นดู การได้อยู่ด้วยกันหลายวัน และละวางอะไรหลายๆ เรื่องทำให้เขาเปิดใจรับหญิงสาวคนนี้ในฐานะเพื่อนร่วมโลกที่เผชิญทุกข์ที่หนักหนาไม่แตกต่างจากเขานัก

รมิดายังมีความเป็นเด็กในหลายๆ เรื่อง เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วก็ต้องมาเจอเรื่องราวร้ายๆ เข้ากับตัวเองหลายเรื่องในเวลาอันรวดเร็ว

“กลับไม่ได้ เพราะฉัน…เป็นของคุณแล้ว” ร่างบางพลิกตัวกลับ เอาคางเกยกับหน้าตักของเขา คราวนี้คนเมา ที่ท่าทางจะเมามากเอามือกอดเอวของเขาไว้ด้วย “ฉันมันของไม่มีค่า กลับไปก็รังจะทำให้พี่สาเป็นห่วง สู้อยู่ชดใช้หนี้กรรมให้หมดๆ ไปเลยดีกว่า คุณว่ามั้ยยยย” น้ำเสียงสุดท้ายออกแนวทั้งเมาทั้งเศร้า

หนี้กรรม…ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นี่ตลอดเวลาคนตัวเล็กคิดแบบนี้น่ะเหรอ

“บ้าสิ หนี้กรรมอะไรกันเล่า ผมบอกแล้วว่าเรา…”

“ก็…หนี้ที่พ่อฉันทำไว้กับคุณไงเล่า ตอนแรกคุณเอาฉันไปเกาหลี เพราะอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ให้ฉันใช้หนี้แทนพ่อ แบบนี้หรือเปล่าที่คุณคิดจะทำ” คนพูดลุกขึ้น กอดอีกฝ่ายที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด และหนีไปไหนไม่ได้เพราะหลังชนพนักเก้าอี้

...แถมจินตนาการไปไกล ร่างนุ่มนิ่มที่มีกลิ่นไวน์ซ้อนทับอยู่บนตัก พร้อมกับกอดคอเขาไว้ ชายหนุ่มเกรงว่าคนเมาจะตก จึงต้องเอามือโอบด้านหลังของเธอกันไว้ ….แล้วหล่อนก็ใส่เสื้อซะบางขนาดนี้

…เฮ้อ เมา เศร้า ความรู้สึกแบบนี้เขาเคยผ่านมาครั้งหนึ่งเมื่อนานมากแล้ว และคนที่ฉุดเขาขึ้นมาก็คืออีวาน และดนตรี เขา ซึ่งเป็นผู้ชายอกสามศอกยังผ่านมันมาโดยแทบจะเอาตัวไม่รอด

“ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว คุณจะทรมานฉันไปถึงไหน อยากทำอะไรฉัน ก็ทำซะสิ ฉันจะได้หมดเวรหมดกรรมกันเสียที”

ชายหนุ่มเอนหลังพิงโซฟา พยายามบ่ายหน้าหนีหน้าของอีกฝ่ายที่รุกเข้ามาไกล้ แต่ก็ดูเหมือนไม่สำเร็จเอาเสียเลย

“ฝน เมาก็ไปนอน…”

“ม่ายนอน นอนไม่หลับ ไม่หลับมาหลายคืนแล้ว”

“จะให้ผมช่วยยังไง ก็ว่ามา อย่ามารุ่มร่ามกันแบบนี้สิ ไม่ดีนะ”

“ใช่สิ ไม่ดี ฉันมันไม่ดี ไม่มีอะไรดีสักอย่าง แถมเป็นลูกสาวคนที่คุณเกลียดด้วยใช่ไหม ก็บอกแล้วไง ช่วยปลดปล่อยฉันที ทำให้ฉันพ้นจากไอ้นรกของความทุกข์ใจ นรกของความรู้สึกผิดนี่เสียที...ได้ไหม ฉันไม่อยากเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ฉันเกลียดๆๆๆๆ เกลียดตัวเองเหลือเกิน” คราวนี้คนพูดปล่อยเสียงสะอื้น ไหล่สั่น ราวกับว่าสิ่งที่เก็บกดไว้พังทลายมาในครั้งเดียว

ถ้าไม่เมา เธอคงไม่เป็นแบบนี้ ที่ฝันร้ายอยู่บ่อยๆ ก็คงเพราะเก็บกดเรื่องพวกนี้ไว้

“....” อีริคดึงร่างบางเข้าหาตัว กอดไว้ เพราะไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น

“ช่วยฉันด้วย....”

มือหนาเรียวยาวกดศรีษะเล็กได้รูปไว้กับอก ก่อนจะเลื่อนลงมารัดร่างบางกระชับแน่นกับร่างของตนเอง

...ความรู้สึกบางอย่างท่วมท้นขึ้นมาจนเจ้าตัวเองแทบจะทนไม่ได้

ปวดร้าว หมดหวัง และไร้หนทางไปข้างหน้า นี่เขาจะทำอย่างไรต่อไปดีนะ ตอนนี้เขาทั้งตาบอด ช่วยตัวเองก็ยังไม่ค่อยได้ แล้วเขาจะช่วยแม่ตัวเล็กนี่ได้อย่างไร

จะบอกว่า เขายกโทษให้เธอทั้งหมด ไม่อาฆาตแค้นแล้ว เจ้าตัวก็คงไม่เชื่อ แล้วมันก็คงไม่ทำให้ความรู้สึกด้านลบของหล่อนหายไปเท่าไหร่ เพราะความทุกข์ ความเศร้ามันกัดกร่อนลงไปในหัวใจเล็กๆ นี่แล้ว

เขาไม่อยากจะยอมรับ...แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าตนเองมีส่วนเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้
อ้อมกอดของชายหนุ่มกระชับอีกนิด “โอเค ผมจะช่วยคุณ ช่วยปลดปล่อยคุณจากความทุกข์นี่เสียที” เขาตอบ

“จริงๆ นะ ฉันไม่อยากทุกข์ใจต่อไปอีกแล้ว”

“จริงสิ แต่ตอนนี้ เลิกร้องให้ก่อน แล้วก็พาผมไปห้องนอนได้แล้ว”

“ห้อง...” เสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นแรง

อีริคอมยิ้ม “ก็งั้นสิ หรือจะชดใช้หนี้กันตรงนี้เลย...”

.....

รมิดาค่อยๆ ลืมตา ความรู้สึกแรกคือปวดหัวอย่างแรง หญิงสาวมองไปรอบห้อง ก่อนจะทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง
ถัดไปจากเตียงไม่ไกลนัก ผู้ชายผมยาว ไม่สวมเสื้อ เผยให้เห็นไหล่กว้างพยายามไล้นิ้วบนสายกีตาร์ จากเสียงที่ไม่เป็นเพลงอะไรเลย เพียงครู่เดียวนิ้วเรียวยาวที่ไล่ผิดๆ ถูกๆ กลับกลายเป็นการไล่เสียงดนตรีท่วงทำนองที่เธอรู้สึกคุ้นหู แต่ไม่รู้จักชื่อเพลง

ทำนองเพลงไม่ช้า ไม่เร็ว ท้ายที่สุดคนเล่นกีตาร์เริ่มมั่นใจจนสามารถร้องคลอไปด้วยเบาๆ

…She's got a smile that it seems to me Reminds me of childhood memories

Where everything was as fresh as the bright blue sky…*

เสียงของอีริคไม่ได้โดดเด่นเหมือนเสียงของเตโช หรือฟาน แต่ก็มีเอกลักษณ์ของตนเอง คนเล่นกีตาร์เหมือนยังไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องตื่นแล้ว เขายังร้องและเล่นดนตรีจนจบเพลง

ระหว่างนั้น หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัว ที่นอนยับเยินยุ่งเหยิง ข้างๆ หมอนที่เธอเพิ่งผละจากมา หมอนอีกใบมีรอยของศรีษะของใครสักคน...หมายความว่าเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องนี้ กับ...เขางั้นเหรอ

“...ตายแล้ว” หญิงสาวอุทานเบาๆ มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไม … ทำไมเธอมานอนอยู่ห้องนี้

“ตื่นแล้วรึ” อีริคเงยหน้าจากกีตาร์ หันมายังทิศที่เป็นเตียง “ปวดหัวไหมล่ะ”

“ปวดมาก แล้วนี่...ฉัน ฉันมานอนห้องนี้ได้ยังไง”

เจ้าของห้องยิ้มเรียบๆ ตามสไตล์ นึกแล้วว่าหล่อนคงจำอะไรไม่ได้มาก

“เมื่อคืนคุณกินไวน์ไปสามขวด”

“คะ...อะไรนะคะ”

“แล้วก็เมา”

“...ตายละ ฉันกินไวน์ทีไร เมาอะละวาดทุกที”

รมิดาหน้าแดง ก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเอง ที่ตอนนี้ชั้นในถูกถอดทิ้งไว้ที่ปลายเตียงทั้งสองชิ้น

คงไม่ได้หมายความว่า....เมื่อคืนนี้

ความเงียบงันเกิดขึ้น หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเอง ภาวนาขอให้ตนเองอย่าทำอะไรอย่างที่คิดลงไปเลย

“เป็นอะไร ทำไมเงียบไป”

“ก็...ฉัน มัน มันเกิดอะไรขึ้น”

“จำไม่ได้เลยหรือไง”

“เมื่อคืน...ฉัน เอ่อ เรา คือ....” สมองของคนพูดว้าวุ่น ทั้งมึนงงเพราะฤทธิ์ตกค้างของแอลกอฮอล์ และมึนงงในความรู้สึก

ก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าของห้องที่วางอยู่หัวเตียงก็ดังขึ้น รมิดาเอาผ้าห่มพันตัวเองทั้งๆ ที่มั่นใจว่าผู้ร่วมห้องมองไม่เห็น หยิบโทรศัพท์เดินไปส่งให้

“คุณอีวานโทรมาค่ะ”

“ขอบใจ” แต่แทนที่อีริคจะรับไว้ เขากลับดึงมือของคนที่เอาโทรศัพท์ไปให้ถึงที่ไว้ด้วย แถมรั้งร่างบางให้นั่งลงบนตักซะหน้าตาเฉย

“ว่าไง”

เสียงอีวานแว่วๆ มาตามสาย แต่รมิดาจับประโยคสนทนานั้นไม่ชัดเจนนัก ดูเหมือนเขาจะสอบถามความเป็นไปของเพื่อนร่วมวง เพราะอีริครับคำว่าสบายดีไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง พร้อมกันตัดบทสนทนาวางสายอย่างรวดเร็ว

“เจ้าอีวาน คิดว่าผมเป็นเด็กเล็กๆ อยู่เรื่อย”

“....” รมิดาขยับตัวยุกยิกบนตักของคนพูดในที่สุดก็หลุดรอดเป็นอิสระ

“กี่โมงแล้วนี่”

“ก็...”

“ผมหิวแล้ว ไม่รู้เขาแม่บ้านยกอาหารมาหรือยัง คุณล่ะหิวไหม ไปหาอะไรกินกันดีกว่า มา ช่วยพยุงผมไปกินข้าวกันดีกว่า

“คือ...ฉัน ฉันขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวมาค่ะ” คนพูดถอยหลังกรูด แล้วก็วิ่งสามก้าวถึงประตูห้อง เปิดออกและวิ่งกลับห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว

อีกคนที่ยังอยู่ในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงแตะกีตาร์ หยิบมันขึ้นมา และเริ่มไล้นิ้วไปบนสายอีกครั้ง คราวนี้ เจ้าตัวถึงกับร้องเพลงนี้พร้อมกับรอยยิ้ม

She's got a smile it seems to me
Reminds me of childhood memories
Where everything
Was as fresh as the bright blue sky
Now and then when I see her face
She takes me away to that special place
And if I'd stare too long
I'd probably break down and cry

Oh, oh, oh
Sweet child o' mine
Oh, oh, oh, oh*

*Sweet Child O' Mine ของ Guns N' Roses



สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2556, 15:49:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2556, 16:06:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 3743





<< 33 : ก็แค่พระอาทิตย์ตกดิน   35 : หัวใจ...สับสน >>
สิรินดา 14 พ.ค. 2556, 15:51:52 น.
คือว่า อีริคเป็นขาร๊อค ก็เลยของนำเสนอร็อคเก่าๆ หน่อยนะคะ


kin 14 พ.ค. 2556, 16:05:19 น.
พี่คะ มันค้างมันคาว่าเรียบร้อยโรงเรียนอิริคไปรึยัง อร๊ายยยยย


สิรินดา 14 พ.ค. 2556, 16:07:58 น.
เหอๆๆๆ ไม่ตอบเจ้า kin ดีกว่า
แล้วก็เหมือนเดิม เจ้คงพิมพ์ผิดเพียบ ใครเจอ ช่วยบอกด้วยเด้ออออ


คิมหันตุ์ 14 พ.ค. 2556, 16:25:54 น.
คาใจ อิอิ


ตุ๊งแช่ 14 พ.ค. 2556, 16:41:38 น.
สั้นไค่ะ เอาอีกกกกกกกก


supayalak 14 พ.ค. 2556, 17:47:17 น.
ตกลงว่า ............. เรียบร้อย แป่่ววววววววว


จิงโกะ 14 พ.ค. 2556, 19:51:20 น.
จู่ๆ ก็มา มาแบบสั้นๆ แล้วจากไป ค้างอ่า


ใบบัวน่ารัก 14 พ.ค. 2556, 20:05:48 น.
มีอะไรแน่ๆ แล้วจะมองหน้ามองตากันอย่างไร


mhengjhy 14 พ.ค. 2556, 20:17:03 น.
หืออ ยังไง ยังง้ายยยย

มันค้างคาอ่ะค่ะ 5555


Zephyr 14 พ.ค. 2556, 22:03:48 น.
ไม่มีอะไรแน่ๆ ชัวร์ 555
อีริคทำให้ฝนเข้าใจไปยังงั้นป่ะคะ
เหม่ แต่มันค้างงงงงงงง
ปล.เชื่อว่าต้องมีคนอ่านส่วนนึงต้องไปเปิดเพลงฟัง ใช่มะ >_< เค้าคนนึงละ หุหุ


Hibara 14 พ.ค. 2556, 23:00:02 น.
โอ๊ยยย อยากจะกดไลค์ให้พี่คินจัง อะไรยังไง แอร๊ยยยย >.<


konhin 15 พ.ค. 2556, 03:43:16 น.
ยังไงเนี่ย ยังไง รักไม่รักค้าาาา


เด็กหญิงม่อน 15 พ.ค. 2556, 18:13:28 น.
อะไร ยังไง ทำไมจบค้างคาแบบนี้ล่ะคะ อีริคดูน่ารักขึ้นนะคะตอนนี้ ^^


ของขวัญ 15 พ.ค. 2556, 23:52:58 น.
คาใจสุดๆค่ะตอนนี้ พี่ตารีบมาลงต่อนะคะ ^^


yayee62 21 พ.ค. 2556, 15:12:09 น.
คือ ตกลงยังงัยช่วยบอกที


ชนาพัทธ์ 22 พ.ค. 2556, 22:09:33 น.
คาใจค่าาา รอตอนต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account