ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 3

ถึงเวลาทางอาหารกลางวันตามที่นาฬิกาบนข้อมือบอกแอมป์ หากแต่พอหันไปหาทางโต๊ะของเพื่อนสาวที่กะจะชวนไปกินร้านประจำข้างๆ บริษัทกลับเห็นแต่โต๊ะว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของใดๆ วางอยู่บนโต๊ะทั้งที่เมื่อเช้าเขาเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้น

“พี่แอมป์มองหาใครเหรอคะ” เสียงเล็กของศศิเรียกความสนใจเขาแทนการมองดูโต๊ะที่ว่างเปล่า “หาพี่ขิงเหรอคะ”

“เปล่าหรอก พี่ว่าเราไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงเอง”

“จริงเหรอคะแต่ศศิกินจุนะ”

“ตัวแค่นี้จะกินได้แค่ไหนเชียว ศศิกินไม่สะเทือนกระเป๋าตังค์พี่หรอก” เขาตอบยิ้มๆ อย่างนึกเอ็นดูคนอายุน้อยกว่าตรงหน้า ความสดใสที่ศศิมีทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อที่ต้องมองหน้าเธอนานๆ ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำไป

ทั้งคู่พากันเดินมาถึงร้านประจำที่แอมป์บอกกับศศิไว้ก่อนหน้านี้ สองคนเลือกที่นั่งมุมในสุดของร้านก่อนจะเริ่มสั่งของตัวเอง ศศิมองรอบร้านเสียหนึ่งรอบ เล็งดูป้ายที่ติดตามผนังร้านก่อนจะสั่งข้าวผัดหมูพร้อมกับชาดำเย็น ส่วนแอมป์นั้นไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ามองหน้าป้าเจ้าของร้านพร้อมกับตะโกนว่า ‘เหมือนเดิมครับป้า’ จนคนมาด้วยกันต้องเผลอยิ้มออกมากับคำพูดที่แสดงถึงความถี่ในการมาร้านนี้ของชายหนุ่ม

“ดูเหมือนร้านนี้จะเป็นร้านประจำของพี่แอมป์นะคะ”

“ใช่ครับ อร่อย สะอาด แถมไม่แพง ทนร้อนหน่อยก็ตรงไม่มีแอร์เท่านั้นเอง” เขาอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างใจเย็นและเต็มใจ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ก็ไม่ร้อนนะ เพราะพัดลมนั่นตัวใหญ่พอดู หรือศศิร้อน”

“ไม่หรอกค่ะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ประหยัดเงินด้วย ศศิได้เงินมาฝึกงานแค่ห้าสิบบาทเองนะคะเนี่ย จนชะมัดเลย” ใบหน้าที่ดูไม่ชอบใจกับจำนวนเงินที่ตนเองได้ของหญิงสาวทำเอาคนเห็นถึงกับหัวเราะออกมา

“เชื่อก็บ้าแล้ว ห้าสิบบาทแค่จ่ายค่ารถไปกลับบ้านก็หมดแล้วนะ”

“ใช่มั้ยล่ะคะ ศศิถึงต้องให้พี่แอมป์เลี้ยงข้าวอย่างนี่ไง” คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ กับการตีขลุมของน้องที่อยู่ภายใต้การดูแลเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อป้าเจ้าของร้านเดินมาเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเอง

“วันนี้เสิร์ฟเองเลยเหรอป้า เด็กๆ ไปไหนหมด” คำถามนั้นทำเอาป้าเจ้าของร้านหน้าบึ้งตึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ใช่น่ะสิ ลาป่วยเสียคน มีธุระที่บ้านอีกคน เหลือป้ากับเด็กล้างจานอยู่หลังร้านแค่นั้น นึกแล้วมันน่าโมโหนะแอมป์ ลูกจ้างลาพร้อมกันสองคนแบบนี้ ทั้งทำ ทั้งเสิร์ฟ รับออเดอร์ ไหนจะคิดเงิน นี่ป้าหัวหมุนหมดแล้ว”

คนหลวมตัวกลายเป็นที่ระบายทุกข์ยิ้มขำ พอเข้าใจถึงจิตใจของคนเป็นเจ้าของร้าน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ แค่ไม่กี่คำ

“เออ แล้วนี่ขิงไปไหนเสียล่ะ ปกติถ้ามาต้องมาเป็นแพ็คคู่ ทำไมวันนี้ฉายเดี่ยวได้ล่ะ”

“ขิงติดงานน่ะป้า ไว้วันหลังผมจะบอกให้นะว่าป้าคิดถึง” ‘ป้า’ พยักหน้าก่อนจะขอตัวไปทำออเดอร์ให้ลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ จึงได้เวลาที่ทั้งสองลงมือจัดการกับข้าวตามที่สั่งไปให้เกลี้ยงจาน แต่การพูดคุยยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแอมป์เริ่มไม่มั่นใจตัวเองแล้วว่าเขายังเป็นคนเดิมหรือเปล่า จากการแสดงออกครึ่งวันที่ผ่านมาของเขา

“พี่แอมป์กับพี่ขิงมาร้านนี้บ่อยมากเหรอคะ”

“ครับ เวลาไม่รู้จะกินอะไรก็พากันมาร้านนี้แหละ ประหยัดดี” เขาตอบพลางเขี่ยข้าวในจานเข้าช้อนพร้อมส่งเข้าปาก

“ดูพี่สองคนสนิทกันจังนะคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างที่แอมป์พอจะรู้ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร

“ขิงเป็นเพื่อนตั้งแต่มหา’ลัยน่ะเลยสนิทกันกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา”

“แค่นั้นจริงเหรอคะ พี่สองคนไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอคะ”

“ไม่หรอก เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” แอมป์ตอบน้ำเสียงหนักแน่นและไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากรีบจัดการข้าวตรงหน้าให้หมดพลอยให้คนถามเมื่อหน้าเจื่อนสนิท

“ศศิขอโทษนะคะที่ไปละลาบละล้วงเรื่องของพี่แอมป์”

“ไม่เป็นไร อยากรู้ก็ถามศศิไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เพียงเท่านั้นคนที่นั่งหงอยอยู่เมื่อครู่ก็หน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันทีราวกับกดสวิตช์

“ใช่ ศศิว่าจะถาม วันนั้นที่พี่แอมป์ไปซื้อหนังสือน่ะค่ะ พี่แอมป์ซื้อหนังสืออะไรมาเหรอคะ ศศิคุ้นๆ ว่าเป็นหนังสือเขียนโปรแกรมอะไรสักอย่าง”

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“ศศิขอดูหน่อยได้มั้ยคะ อยากรู้ว่าคนเก่งๆ เค้าอ่านอะไรกัน” ฟังแล้วแอมป์ก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ

“ดูไปก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอก จะดูไปทำไม”

“พี่แอมป์น่ะ เห็นศศิแบบนี้ศศิก็พอรู้เรื่องอยู่บ้างนะคะ” ชายหนุ่มยิ้มล้อคนตรงหน้า ไม่ใช่ว่าศศิจะไม่มีทักษะในการเขียนโปรแกรมเอาเสียเลย แต่เธอแค่เพียงไม่รู้จะเอาความรู้ที่มีมาปรับใช้ได้อย่างไรมากกว่า

“อยู่กับพี่เดี๋ยวก็เก่งเอง พี่รู้อะไรเท่าไหร่เดี๋ยวพี่สอนหมดเลยดีมั้ย”

“ดีค่ะ ศศิว่าพี่แอมป์ต้องใจดีที่สุดในบริษัทแน่ๆ เลยนะคะ น่ารักที่สุดเลยค่ะ”

คนถูกชมได้แค่หัวเราะอยู่ในใจ หากคนอย่างเขาเรียกว่าใจดี ทั้งบริษัทน่าจะเป็นพ่อพระแม่พระกันหมดอย่างแน่นอน


เวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านไปสำหรับใครบางคนคงรวดเร็วเหมือนติดจรวด แต่สำหรับขิงแล้วสองอาทิตย์ที่ผ่านมาราวกับสองปีที่เธอต้องอดทนสำหรับการแสดงออกระหว่างเธอกับแอมป์ หญิงสาวต้องคอยเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ในยามที่เห็นแอมป์และน้องฝึกงานหน้าตาน่ารักอย่างศศิอยู่ด้วยกัน พูดคุยกัน หัวเราะเล่นกันเหมือนยามที่แอมป์อยู่กับเธอ การสนิทกันอย่างรวดเร็วของคนทั้งคู่ทำให้ขิงอดคิดไม่ได้เลยว่าเพื่อนหนุ่มของเธอคงรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น ขิงนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่หยิบติดมือมาจากออฟฟิศ หลังจากที่เห็นแอมป์ยกมือขึ้นลูบหัวน้องฝึกงานด้วยสายตาหวาน ส่วนอีกคนก็ได้แต่ยิ้มเขิน เธอเบือนหน้าหนีจากภาพนั้นแทบไม่ทัน ก่อนจะรีบเก็บของเดินออกจากออฟฟิศอย่างเงียบๆ ไม่มีการเดินไปขออนุญาตเจ้านายเหมือนปกติด้วยว่าเจ้านายผู้แสนใจดีของเธอเคยบอกไว้แล้วว่าถ้าจะออกไปไหนก็ไป ขอแค่โทรศัพท์บอกเขาก็พอ

กาแฟที่สั่งมาทานยังคงวางอยู่โต๊ะข้างๆ โน้ตบุ๊คตัวเก่ง ไอน้ำที่เคยเกาะอยู่รอบแก้วหายไปแล้ว น้ำแข็งที่เคยลอยอยู่ในแก้วก็ละลายหายไปด้วย แต่กระนั้นกาแฟยังคงเต็มแก้วเช่นเดิมราวกับเจ้าของยังไม่ได้แตะต้องมันสักนิด เป็นสองอาทิตย์ที่คิดงานไม่ออกเลยจริงๆ สำหรับคนอย่างเธอที่ถึงแม้ไม่ใช้อัจฉริยะด้านนี้แต่งานมันก็ควรจะมีความคืบหน้าบ้างตามระยะเวลาการส่งงานที่ร่นเข้ามาเรื่อยๆ แต่บนหน้าจอกลับไม่มีอะไรเปลี่ยน สิ่งที่มีอยู่ในสองอาทิตย์ที่แล้วมันก็ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเรียกความสนใจเธอจากหน้าจอได้เป็นอย่างดี เพลงที่ตั้งไว้ให้เฉพาะกลุ่มบุคคลทำให้เธอต้องรีบยกมันขึ้นมาดู แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ชื่อที่โชว์หราอยู่ทำให้เธอยิ้มออก

“ว่าไง” ขิงรับสายด้วยคำพูดประจำที่ใช้จนติดปากสำหรับปลายสาย

“ขิงอยู่ไหน วันนี้หายไปเงียบๆ อีกแล้วนะ” ประโยคบ่นกลายๆ ของแอมป์ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว อย่างน้อยเขาก็ยังพอสังเกตเธออยู่บ้าง “วันหลังจะไปไหนเรียกด้วยสิ เราจะได้ไปด้วย”

“ก็เห็นว่าต้องสอนศศิ เราก็เลยไม่ได้บอกแอมป์ไง คิดว่าออกมาไม่ได้”

“ได้สิ คราวหลังออกไปชวนเราด้วยนะ เราพาศศิไปด้วยได้” เป็นประโยคสุดท้ายนี่เองที่ทำให้เธอหุบยิ้มลงอย่างเงียบๆ อารมณ์สดชื่นอยู่เมื่อครู่หายวับไป ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อให้กำลังใจตัวเอง “แล้วตกลงนี่อยู่ไหน เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะไปหา”

คนหนีออกมาทำใจเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดต้องจำใจบอกคนปลายสายถึงตำแหน่งการอยู่ของตนเอง พร้อมเส้นทางการเดินทางอย่างละเอียด มีเสียงคนตามตอบรับคำบอกเล่าเป็นระยะจนวางสาย ถึงแม้จะเป็นการพูดคุยกันที่ยาวที่สุดภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่บทสนทนาเมื่อครู่กลับไม่ทำให้เธอสดชื่นขึ้นมาแต่อย่างใด งานที่ค้างยังคงค้างอยู่ที่เดิมจนเธอเกือบพับมันเก็บลงกระเป๋าไปเลยด้วยซ้ำ

แอมป์มาถึงที่ร้านภายในครึ่งชั่วโมง บรรยากาศที่เศร้าหม่นของขิงค่อยสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเพื่อนเธอมาคนเดียวไม่มี ‘ใคร’ ติดสอยห้อยตามมาด้วย หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาอย่างดีใจ ก่อนจะเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์

“สั่งอะไรก่อนมั้ย” เธอถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ก่อนจะหันไปบอกเมนูที่ชายหนุ่มเลือกกันพนักงาน “แล้วมาถึงนี่มีอะไรรึเปล่า เกิดอะไรขึ้น”

แอมป์มองหน้าคนถามอย่างชั่งใจ ก่อนจะเผยยิ้มโปรยเสน่ห์ให้คนมองได้ตาลายกันไปข้างหนึ่ง “มาเพราะคิดถึงตัวเองไงจ๊ะ เห็นบอสบอกว่าช่วงนี้ขิงจะไม่เข้าออฟฟิศ” ขิงเลิกคิ้วกับประโยคบอกเล่าของเพื่อนซึ่งจริงๆ แล้วเธออยากสนใจคำว่าคิดถึงของเขามากกว่าที่จะเป็นบอสบอกเขาว่าเธอจะไม่เข้าออฟฟิศ... เธอรู้สึกว่าช่วงนี้บอสเธอจะรู้อะไรมากไปแล้วนะ

“ก็... ไม่ใช่ว่าไม่เข้าเลย แต่อย่างที่แอมป์เห็น เราเข้าไปแป๊บๆ แล้วก็ออกมา ไม่ได้อยู่นาน ช่วงนี้เขียนงานในออฟฟิศไม่ได้” เธอตอบไปอย่างนั้น อันที่จริงถ้าใครเห็นงานเธอพร้อมกับรู้เรื่องราวที่ทำให้มีผลกระทบก็ต้องรู้กันทั้งนั้นว่าที่ไหนๆ เธอก็เขียนมันออกมาไม่ได้

“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมอยู่ๆ ถึงเขียนไม่ได้ หรือติดตรงไหนให้เราช่วยมั้ย”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร” หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงหลง “เราเขียนได้สบายมาก ถ้าติดตรงไหนเดี๋ยวเราจะให้แอมป์ช่วยแล้วกัน” รีบบอกก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาคว้างานของเธอไปดูแล้วรู้ว่าเธอไม่ได้ทำมันเลยต่างหาก

“พรุ่งนี้เราว่าจะไปทะเลเลยว่าจะชวนขิง ไปด้วยไปด้วยกันนะ”

“ไปสิ ไป” หญิงสาวตอบทันควันอย่างไม่ต้องคิดมาก หัวใจที่พักหลังนั้นเหี่ยวแห้งอย่างที่ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงให้ชุ่มฉ่ำกลับพองฟูขึ้นมาคับอก จากที่เคยคิดว่าเพื่อนไม่สนใจเธอไปแล้วกลับดีใจขึ้นมาอีกครั้งที่อย่างน้อยเพื่อนก็ยังมาชวนเธอไปที่ไหนด้วยเหมือนเมื่อก่อน “ว่าแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ”

“พรุ่งนี้วันหยุด” เขาพูดกลั้วหัวเราะ มองหน้าคนลืมวันลืมคืนอย่างแปลกใจ “ทุกวันนี้ดูปฏิทินบ้างรึเปล่าขิง ทำไมหลงวันไปหมดเลยล่ะ” ขิงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดปฏิทินดู ก่อนจะยิ้มแหยให้กับคนท้วงแล้วพูดเสียงอ่อย

“จริงด้วย ถ้าแอมป์ไม่เตือน พรุ่งนี้เราต้องเข้าออฟฟิศแต่เช้าแน่เลย”

ทั้งคู่นั่งคุยกันจนฟ้ามืดราวกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี แต่จะให้บอกว่าคุยกันทั้งคู่คงไม่ถูกเพราะคนที่ทำหน้าที่เป็นคนพูดยังคงเป็นขิงที่มีเรื่องเล่าได้ไม่หยุด ส่วนแอมป์ทำหน้าที่เพียงแค่พยักหน้าและเสริมบางช่วงเท่านั้น เป็นความสุขที่เธอไม่อยากจากไป เสียงในใจของเธอคอยกระซิบให้รั้งชายหนุ่มไว้ก่อน เผื่อจะได้คุยกันนานกว่านี้อีกสักหน่อย เธอขอแค่อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี

“ขิง ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านรึเปล่า” ประโยคคำถามของแอมป์ที่เอ่ยออกใน เป็นประโยคที่น้อยครั้งชายหนุ่มจะถามเพื่อนสาว

“ก็ไม่หรอก แม่คงกินกับลุงไปแล้ว” ‘ลุง’ ที่ขิงหมายถึงนั่นคือสามีของแม่ และมีตำแหน่งเป็นพ่อเลี้ยงเธอนั่นเอง แต่หากจะให้มาเรียกกันพ่อลูกเธอก็รู้สึกแปลกๆ เพราะครั้งที่พ่อกับแม่เธอแยกทางกันนั้นเป็นช่วงที่เธอกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยพอดี และอย่างน้อยตอนนี้เธอก็ยังคงติดต่อกับพ่อบ้างในฐานะลูก

“งั้นไปกินข้าวกับเราดีกว่า เดี๋ยวพาไปกินเจ้าอร่อย” คนถูกชวนหรี่ตามองคนชวนอย่างแปลกใจ น้อยครั้งที่เพื่อนเธอคนนี้จะเอ่ยปากชวนไปไหนมาไปแบบนี้ แต่นี่ห่างกันไม่กี่นาที แอมป์กลับชวนเธอไปนู่นไปนี้ แบบนี้มันชักผิดปกติไปจริงๆ

“มาไม้ไหนเนี่ย เหงาเหรอ หรือไม่มีเพื่อนกินข้าวด้วย”

“คิดถึงเพื่อนไง อยากกินข้าวกับเพื่อน หรือเดี๋ยวนี้เราชวนกินข้าวไม่ได้ ฮึ” พอเห็นคนกำลังตั้งท่าจะงอน ขิงก็ได้แต่หัวเราะ

“โอเค ไปสิ เนี่ยเราหิวแล้ว แต่ว่าพาเราไปกินข้าวแล้วพาไปส่งที่บ้านด้วยนะ”

“จ้าๆ สำหรับขิงได้เสมอแหละจ้า”

++++++++++++++

พรุ่งนี้ของขิงจะเกิดอะไรขึ้น มาคอยดูก่อนนะคะ

อย่าลืมให้กำลังใจมิณทิมาด้วยน้า เก๊าอยากได้กำลังใจบ้างอะไรบ้าง (อ้อนๆ)

คุณคิมหันตุ์ : กรี๊ดใหญ่เลยนะค้าาา ฮาาาาา คนอ่านชอบ มิณทิมาก็ดีใจค่าาา ^_^



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2556, 22:48:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2556, 22:48:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1214





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
คิมหันตุ์ 18 พ.ค. 2556, 00:44:02 น.
บอกกับสาวอื่นว่า เพื่อนกัน แต่ออกตัวกับเพื่อนว่าคิดถึง..นายแอมป์ ไม่ไหวจริงๆ


mhengjhy 18 พ.ค. 2556, 07:02:06 น.
ชวนกินข้าว ไปเที่ยว ต้องมีศศิไปแน่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account