ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 6

งานเลี้ยงในลักษณะสบายๆ เพราะทุกคนต่างก็ตรงมากจากที่ออฟฟิศ ดังนั้นร้านอาหารกึ่งผับจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทุกคน เพลงเบาๆ ที่เปิดคลอในเวลารับประทานอาหารทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้นจากเมื่อครู่ที่ขิงและศศิเจอกันที่หน้าร้าน ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยใบหน้าถมึงทึงจนกฤษณ์ต้องกระซิบเตือนคนที่มาด้วยให้เบาๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นไม่ใครก็ใครคงต้องเป็นคนเปิดสงคราม

ระหว่างที่ต่างคนต่างทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ขิงเหลือบไปเห็นแอมป์กำลังเอื้อมมือตักอาหารที่อยู่ไกลให้แฟนสาวเป็นการเอาใจ ภาพที่เห็นไม่ทำให้เธอเศร้ามากมายไปกว่าการเจ็บใจที่เป็นคนเป็นเจ้าของเพื่อนเธอหันมามองเธอแล้วยักคิ้วให้อย่างไม่เกรงกลัว จนหญิงสาวต้องกรี๊ดในลำคอพยายามไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา แต่ถึงเก็บแค่ไหนคนนั่งอยู่ข้างเธอก็สังเกตเห็นอยู่ดี

“เป็นอะไรขิง”

“มันเยาะเย้ยขิงบอส มันยักคิ้วเยาะเย้ยขิง มันกำลังจะทำให้ขิงกลายเป็นนางมารร้าย” คนเป็นบอสหัวเราะเบาๆ ยกแก้วขึ้นจิบน้ำเป็นการปิดอาการไปในตัว คนที่เคยทำตัวเรียบๆ นิ่มๆ กลับกลายเป็นนางมารร้ายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงเพียงเพราะโดนยั่วโมโห

“ใจเย็นๆ โมโหไปก็มีแต่ผลเสีย กินข้าวดีกว่า” กฤษณ์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจคนโมโหให้มาที่กับข้าวตรงหน้าแทน แต่กว่าจะได้ผลก็ต้องคะยั้นคะยอกันอยู่นานสองนาน


ร้านอาหารกึ่งผับแบบนี้ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะและยิ่งสนุก ขิงถือแก้วที่มีสีเหลืองอำพันเดินชนเพื่อนร่วมงานไปทั่ว แม้จะบอกกับใครๆ ว่าไม่ได้เมา แต่ทุกคนค่อนข้างรู้จักขิงพอสมควร หญิงสาวไม่ใช่คนที่แอลกอฮอล์สามารถอยู่เหนือกว่าได้ เพราะปกติถ้าเมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าเริ่มมึนหญิงสาวจะหยุดและเปลี่ยนเครื่องดื่มตัวเองเป็นน้ำเปล่าทันที

“เรานึกว่าขิงจะไม่มาแล้วนะ” คนถูกเรียกมองคนพูดตาค่อนข้างเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

“ต้องมาสิ เลี้ยงน้องศศิทั้งที” พูดไปพูดมาลิ้นชักพันกันอย่างไรไม่รู้ แอมป์มองหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศของเพื่อนแล้วต้องส่ายหน้า

“ขิง ขิงเมาแล้วเหรอ”

“ป๊าวววววววววว” คนไม่เมาปฏิเสธเสียงยานคาง ทำเอาคนถามกลั้นหัวเราะไม่อยู่

“ไม่เมายังไง เสียงเมาขนาดนี้ กลับบ้านมั้ย”

“ทำไม แอมป์จาไปส่งเราเหรอ” เสียงยานคางยังไม่หายไปไหน แถมตอนนี้หญิงสาวชักจะนั่งโงนเงนแทบหงายหลังแล้วด้วย

“ไปส่งได้ จะกลับรึเปล่าล่ะ”

“แอมป์ว่ายังไงเราก็ว่าอย่างนั้นแหละ ถ้าแอมป์ไปส่งเราก็กลับ” ว่าจะไม่ขำแล้วเชียว แต่แอมป์อดไม่ได้จริงๆ ยิ่งตอนเพื่อนพูดเสร็จแล้วมีพยักหน้าหงึกๆ รับอีกที ดูยังไงก็อดขำไม่ไหว

“โอเค งั้นกลับเลยนะเราไปส่งเอง” ชายหนุ่มชะเง้อมองบอสตัวเองพอเห็นตำแหน่งแล้วจึงหันมาบอกเพื่อนอีกที “นั่งตรงนี้ อย่าไปไหน เดี๋ยวเรามา”

แอมป์เดินไปบอกกฤษณ์ที่นั่งคุยอยู่กับพนักงานรุ่นพี่ในบริษัทเขาอย่างเป็นการเป็นงาน ไม่มีทีท่าจะเข้าไปร่วมสนุกกับพนักงานที่เต้นกันอยู่

“บอสครับ ผมไปส่งขิงที่บ้านก่อนนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”

“ขิงจะกลับแล้วเหรอ” คนเป็นหัวหน้าเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ความจริงขิงมากับเขา เขาก็ควรเป็นคนพาเธอไปส่งที่บ้าน

“ครับ ขิงเมานิดหน่อย เดี๋ยวผมไปส่งขิงแล้วจะกลับมา พอดีบ้านขิงอยู่แถวนี้”

“อ้าว เมาเลยเหรอแล้วยังรู้เรื่องมั้ยล่ะนั่น”

“ยังคุยรู้เรื่องครับ แต่ถ้ามากกว่านี้พรุ่งนี้คงไปทำงานไม่ไหว” กฤษณ์พยักหน้ารับ หากแต่ยังไม่คลายกังวล ยิ่งเรื่องที่เพิ่งได้ยินก่อนออกมาจากออฟฟิศแล้วด้วย ตอนนี้เรียกได้ว่าอันตรายเลยล่ะ

“ผมไปส่งให้มั้ย แอมป์จะได้อยู่สนุกต่อ”

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงขิงก็เป็นเพื่อนผม รบกวนบอสเปล่าๆ” คนหาว่าถูกรบกวนกำลังจะท้วงติงแต่คิดได้ว่าหากรั้งไว้นานกว่านี้เดี๋ยวลูกน้องหญิงเขาคงอาการแย่

“ถ้างั้นก็ไปเถอะ ขับรถระวังๆ ด้วยล่ะ แอมป์ไม่ได้เมาใช่มั้ย”

“ไม่ครับ ผมกินไปไม่มาก”

แอมป์ผละจากหัวหน้าเรียบร้อยกำลังจะพยุงเพื่อนไปที่รถแต่กลับทำอย่างนั้นไม่ได้เมื่อจู่ๆ ก็มีมือเล็กมาคว้าแขนรั้งเขาไว้

“พี่แอมป์จะไปไหนคะ” ศศิเรียกแฟนหนุ่มพลางมองคนที่เขากำลังพยุง... พี่ขิง

“ขิงเมาน่ะ พี่จะไปส่งขิงกลับบ้าน ศศิรอพี่ที่นี่นะ เดี๋ยวพี่กลับมา”

“ให้ศศิไปด้วยมั้ยคะ” หญิงสาวเสนอตัวอย่างคนขี้ระแวง กลัวไปหมดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง แต่กลับถูกปฏิเสธราวกับถูกฉีกหน้ายิ่งต่อหน้าผู้หญิงคนที่เป็นสาเหตุให้เธอระแวงด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เธอโกรธเพิ่มเป็นเท่าตัว

“จะไปส่งหรือทำอะไรกันแน่คะถึงให้ศศิไปด้วยไม่ได้”

“ศศิ พูดจาอะไรน่าเกลียด นี่เพื่อนพี่นะศศิน่าจะให้เกียรติเพื่อนพี่บ้าง” แอมป์ปรามคนรักเสียงเข้ม ไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เธอพูดจาดูถูกและทำเหมือนไม่ไหวใจเขา

“ถ้าพี่แอมป์บริสุทธิ์ใจก็ให้ศศิไปด้วยสิ ศศิจะได้ช่วยดูแลพี่ขิงด้วย” มือเล็กยังคงดึงรั้งร่างสูงไว้อย่างนั้น ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้แบบนี้ และยิ่งพูดจาไม่รู้เรื่องและไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้เขายิ่งไม่อยากพูดด้วย

“พี่จะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ศศิรอพี่อยู่ที่นี่ พี่ไปส่งขิงกลับบ้านแป๊บเดียวแล้วพี่จะวนรถมารับ”

“แต่พี่แอมป์...”

“ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องมาพูดกัน แล้วพี่จะทำอะไรกับขิงมันก็เรื่องของพี่อย่ามาเซ้าซี้ พี่ไม่ชอบ” น้ำเสียงกดต่ำที่ดูอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ออกจากปากของแอมป์ทำเอาศศิที่ไม่เคยเจอลักษณะนี้ถึงกลับต้องรีบปล่อยแขนคนรักก่อนที่เขาจะโกรธเธอจริงๆ หญิงสาวมองผู้หญิงที่แอมป์กำลังประคองอย่างโกรธๆ ดวงตาของเธอหากเผาใครได้ป่านนี้ขิงคงไม่เหลือแม้แต่ซาก

“ไปเถอะขิง กลับบ้านกัน” แอมป์กระซิบบอกเพื่อนแล้วประคองขิงออกไปขึ้นรถ ปล่อยให้แฟนสาวมองตามอย่างเคืองๆ


แอมป์อยู่ทักทายและขอโทษขอโพยมารดาเพื่อนที่มาส่งเธอในสภาพที่ดูแย่ขนาดนั้นเล็กน้อย แล้วจึงขับรถกลับมาที่ร้าน พอเข้าไปถึงภาพที่เห็นทำให้เขาถึงกับต้องกำหมัดแน่นเตือนให้ตนเองเป็นคนมีเหตุผล ชายหนุ่มยังคงยืนมองอยู่ห่างๆ ไม่เดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้ ภาพที่แฟนสาวของเขากำลังขยับกายเข้าแนบชิดรุ่นพี่ที่บริษัทเขาคนหนึ่ง พร้อมกันนั้นฝ่ายรุ่นพี่ก็กำลังโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันเสียจนแทบชิด และเป็นแอมป์เองที่ทนไม่ไหว ชายหนุ่มเดินเข้าไปกระชากแขนศศิ

“ศศิกลับบ้าน” เสียงที่เคยอ่อนหวานหากคราวนี้กลับเข้มเสียงจนคนฟังชักกลัว แต่ด้วยความโกรธเมื่อครู่ยังมีอยู่ทำให้เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วบอกอย่างดื้อดึง

“ไม่กลับค่ะ ศศิยังสนุกอยู่เลย จริงมั้ยคะพี่ภพ” ‘พี่ภพ’ พยักหน้าตอบรับตาปรือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ มือข้างที่ไม่ได้ถือแก้วทำท่าจะโอบหญิงสาวที่ยังคงเบียดอยู่อย่างนั้น แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิดเพราะเจ้าของตัวจริงตอนนี้กำลังยืนมองหน้าเขาด้วยสายตาที่แทบเผาเขาให้กลายเป็นจุล เห็นอย่างนั้นแล้วภพค่อยๆ สร่างเมาทีละน้อยแล้วถอยฉากออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คู่รักเคลียร์กันเอง ทางฝ่ายแอมป์เมื่อเห็นอีกฝ่ายล่าถอยไปแล้วจึงหันกลับมาสนใจแฟนสาวอีกครั้ง

“ไปเถอะศศิกลับบ้านกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“พี่แอมป์ไปส่งเพื่อนพี่เถอะค่ะ ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงศศิหรอกค่ะ ศศิกลับเองได้” ประโยคนี้ทำเอาแอมป์ต้องถอนหายใจ เหนื่อยใจกับการอธิบายสถานะต่างๆ ให้หญิงสาวฟัง

“พี่ไปส่ง ‘เพื่อน’ มาแล้ว และตอนนี้ ‘แฟน’ พี่จะกลับบ้านได้รึยังครับ” น้ำเสียงง้องอนจากคนห่วงเพื่อนเริ่มทำให้คนงอนคลายอาการ แต่ก็ยังไม่หมดเสียทีเดียว ศศิยอมลุกขึ้นเป็นสัญญาณที่ดีให้กับคนง้อ เดินไปลาเจ้าของลายเซ็นต์ผ่านการฝึกงานก่อนจะเดินตามแฟนหนุ่มไปที่รถ

ภายในรถที่ยังคงเงียบสนิทไม่มีการหยอกล้อพูดเล่นกันเหมือนเคยเริ่มทำให้แอมป์อึดอัด หญิงสาวที่เขากำลังจะพาไปส่งบ้านยังคงนั่งหน้ามุ่ยกอดอกปิดปากเงียบสนิท ไม่ยินดียินร้ายเมื่อเขายื่นนิ้วชี้ไปสะกิดเบาๆ ที่ต้นแขนสองสามที มีเพียงส่งสายตาที่ยังคงมีไฟกรุ่นๆ อยู่ข้างในมาแทน

“โกรธอะไรพี่นักหนาหืมศศิ” คนโกรธเม้มปากแน่น ทำราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่แฟนหนุ่มถาม “แน่ะ ถามไม่ตอบ บอกพี่มาเถอะไม่งั้นวันนี้พี่นอนไม่หลับนะ” คราวนี้ชายหนุ่มได้ยินเสียง ‘ฮึ’ เล็กน้อย เริ่มยิ้มออก อย่างน้อยคนงอนก็ยังมีปฏิกิริยาโต้ตอบอยู่บ้าง

“ศศิโกรธ เมื่อกี้เพราะพี่แอมป์ตะคอกใส่ศศิ”

“ตอนไหนครับ” คนโดนกล่าวหาว่าตะคอกงงเป็นไก่ตา เขาจำได้ว่าวันนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรที่ทำร้ายเธอเลยแม้แต่น้อย

“ก็ตอนที่พี่แอมป์จะไปส่งพี่ขิง พอศศิไม่ให้ไปพี่แอมป์ก็ตะคอกใส่ศศิ” ในเมื่อจำเลยไม่ยอมรับ คนเป็นเจ้าทุกข์เลยยอมขยับตัวหันหน้ามองคนขับอย่างจับผิดพร้อมทั้งตะโกนเสียงดังลั่นรถ

“ก็พี่ไปส่งเพื่อน ศศิจะให้พี่ทำยังไงครับ”

“ก็แล้วทำไมไม่ให้ศศิไปด้วยล่ะ”

“ศศิเป็นเจ้าของงาน อยู่ๆ จะเดินออกจากร้านแล้วหายตัวไปได้ยังไง แล้วแค่ขิงคนเดียวแถมยังพอมีสติอยู่ด้วย จะขนไปกันทำไมเยอะแยะ” ชายหนุ่มอธิบายแฟนสาวช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้เข้าใจในรอบเดียว ความจริงแล้วเขาเป็นคนไม่ชอบอธิบายเอาซะเลย แต่คราวนี้หากไม่ทำอะไรเลย เขากลัวว่าทุกอย่างมันจะจบเหมือนที่แล้วๆ มา เหมือนโอกาสอยู่ข้างหน้าแต่เขากลับไม่ทำอะไรเพื่อให้มันมาอยู่ในมือได้เลย “คราวนี้เข้าใจพี่รึยังครับ หายงอนพี่เถอะนะ”

ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มเอื้อมมือข้างที่ว่างจากการจับพวงมาลัยรถมาจับที่มือนุ่มแทน “พี่แอมป์”

“ครับ?”

“พี่แอมป์ไม่ได้คิดอะไรกับพี่ขิงใช่มั้ยคะ” ศศิถามเสียงเบาไม่แน่ใจในคำถามตนเอง เพราะเกรงว่าจะทำให้ชายหนุ่มโกรธที่ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว

“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ ขิงน่ะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพี่เลยนะ พี่จะคิดแบบนั้นกับขิงได้ยังไง”

“แต่ว่าเมื่อกี้...” หญิงสาวทำท่าจะท้วงอีกครั้งในเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่

“ที่พี่ทำแบบนั้นเพราะคำว่าเพื่อนไงครับ เพื่อนกันก็ต้องดูแลกันเป็นธรรมดา ตอนพี่มีเรื่องไม่สบายใจขิงก็เป็นคนดูแลพี่ รับฟังปัญหาพี่บ้าง กับแค่ไปส่งเพื่อนที่บ้านพี่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะ ศศิเข้าใจพี่นะครับ ยังไงศศิก็ต้องสำคัญที่สุดสำหรับพี่อยู่แล้ว”

พูดเสร็จมือใหญ่ก็กระชับเข้ากับมือเล็กเป็นการยืนยันอีกครั้ง ทำเอาคนที่ระแวงอยู่เมื่อครู่นั่งยิ้มมองมือที่จับกันอยู่ตลอดทาง ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงการสื่อทางสายตาบ้างเล็กน้อยเวลาคนขับละสายตาจากบนถนนจนเธอต้องเอ่ยปรามให้ระวังรถบนถนนดีกว่าทำอะไรเสี่ยงอันตรายเช่นนี้


อาการปวดศีรษะที่เป็นผลข้างเคียงจากเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงอยู่ ขิงนั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเอง มีคอมพิวเตอร์เปิดค้างไว้อยู่ที่หน้าเขียนโปรแกรมแต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้าตั้งแต่เธอมีถึง หญิงสาวนิ่วหน้าครางเบาๆ เมื่ออาการบีบขมับเริ่มจู่โจมอีกครั้ง เธอหลับตาเพื่ออดกลั้นอาการแต่แล้วก็ทนไม่ไหวจนต้องฝุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างไม่สนใจว่าใครจะมองเธออยู่ ขิงหลับตาอยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงหัวเราะดังเบาๆ อยู่ข้างหลังเธอ หญิงสาวลืมตาแล้วหันหลังมองทันควัน นึกกลัวว่าจะเป็นเจ้านายที่มายืนมองเธออยู่ แต่ยังดีที่ใจเธอชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อหันไปเจอเพื่อนสนิทยืนส่งยิ้มน้อยๆ ให้

“เมาไม่มากทำไมแฮงค์ขนาดนี้ล่ะ” เสียงทุ้มถามกลั้วหัวเราะแล้วลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงหน้าคนกำลังทำหน้าป่วย

“นั่นสิ เมื่อคืนเรายังรู้สึกตัวทุกอย่างอยู่เลย จำได้ทุกอย่างด้วย แต่ทำไมมันปวดหัวแบบนี้ก็ไม่รู้” คนปวดหัวชักเริ่มงอแง มือสองข้างถูกยกขึ้นทึ้งผมตัวเองอย่างขัดใจ ก่อนจะหันเหล่มองเพื่อน “เราจำได้ด้วยว่าแอมป์ทะเลาะกับน้องศศิเมื่อวาน”

แอมป์ยิ้ม “ทะเลาะเพราะขิงนั่นแหละ”

“อ้าว”

“ไม่อ้าวล่ะ ก็เราจะไปส่งขิง แต่น้องงอแงอะไรก็ไม่รู้ เราเลยบอกว่าเราจะทำอะไรมันก็เรื่องเขาเรา เท่านั้นแหละเป็นเรื่องเลย” ชายหนุ่มเล่าอย่างที่ไม่เห็นว่าทุกอย่างเป็นปัญหา ขิงเห็นเพื่อนยิ้มมุมปากด้วยซ้ำ ภาพที่เห็นทำให้เธอตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงแปลกใจอย่างมาก

“ยิ้มแบบนี้แสดงว่าดีกันแล้วเหรอ แอมป์ดูไม่ทุกข์ร้อนเลยนะ”

“ก็ใช่ เคลียร์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เราไม่อยากให้ทะเลาะกันนาน นี่ขิงรู้มั้ย” แอมป์พูดพลางขยับเก้าอี้เข้าใกล้เพื่อนอีกหน่อย “เราว่าน้องเค้าน่ารักมากเลย ถ้าให้เปรียบนะน้องเค้าเหมือนไข่แดงเลยเป็นส่วนสำคัญที่ต้องปกป้อง ส่วนเราเป็นไข่ขาว”

“ไข่ขาวเนี่ยนะ”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ ไข่ขาวที่ต้องคอยโอบล้อมไข่แดงไว้ไม่ให้แตกไง แต่ขิงไม่ต้องเสียใจนะ ขิงเป็นเพื่อนเราขิงเป็นเปลือกไข่ที่แข็งแรง คอยปกป้องเราไม่ให้เกิดอันตราย”

แววตาของขิงค่อยๆ หม่นแสงลงเมื่อตนเองเป็นได้เพียงแค่ ‘เปลือกไข่’ เธอไม่ดีใจเลยสักนิด หญิงสาวที่คอยดูแลเขามานานกลับได้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่ไม่มีทางได้ขยับเข้าใกล้มากกว่านั้น เปลือกไข่ที่ไม่สามารถถูกปกป้องได้จากไข่ขาว เปลือกไข่ที่ต้องทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลาเพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างใน เปลือกไข่ที่ไม่สามารถกลายเป็นไข่แดงได้ไม่ว่านานแค่ไหน...

“ขิง ขิง” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย เธอกระพริบตาสองสามครั้งเรียกสติก่อนจะหันไปหาคนเรียกแล้วยิ้มบาง

“มีอะไรแอมป์ เรียกเราทำไม”

“ก็เห็นเงียบไป นึกว่าเป็นอะไร”

“อ๋อ เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ เดี๋ยวเราขอตัวทำงานก่อนนะ คิดงานออกพอดี” ขิงส่งยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะหันมามองหน้าจอแล้วพิมพ์บางอย่างลงไปอย่างรวดเร็วเป็นการตัดบท

ขิงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จนถึงเวลาเลิกงาน หญิงสาวพยายามไม่สนใจเพื่อนชายที่คอยเข้ามาพูดด้วยอย่างที่เคยทำเวลาเขานั่งทำงานในออฟฟิศช่วงเวลาก่อนที่เขาจะต้องดูแลน้องฝึกงาน แต่คนที่แปลกไปคงจะเป็นขิงเองที่คอยหลบหน้าหลบตาเขาตลอดเวลา

“ขิง กลับบ้านกัน” นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ยังคงเหมือนเดิม หญิงสาวแอบถอนหายใจเงียบๆ แอมป์ยังคงเป็นแอมป์คนเดิมแต่ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เหมือนเดิมนั่นคือสถานะของเพื่อนที่ทำให้เธอทำตัวไม่ค่อยถูก

“ที่ชวนนี่จะไปส่งเราที่บ้านเหรอไง”

“จะไปมั้ยล่ะ ถ้าท่านหญิงต้องการข้าน้อยก็มิขัดข้องขอรับ” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ หลังจากที่วันนี้รู้สึกโลกหม่นมาทั้งวัน มองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย

“ไม่ต้องไปรับน้องเหรอ”

“ไม่ล่ะ วันนี้ศศิมีนัดเที่ยวกับเพื่อน บอกเราว่าเดี๋ยวกลับบ้านเอง” ขิงพยักหน้ารับรู้ ในเมื่อแฟนเพื่อนไม่อยู่ ถ้าเธอจะไปกับเพื่อนของเธอก็คงไม่มีอะไรเสียหาย

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ จะหาอะไรกินด้วยมั้ยเราจะได้โทรบอกแม่”

“ก็ดีนะ ไม่ได้กินข้าวกับขิงนานแล้ว ไปกันเถอะจ้ะที่รัก” คนร่างสูงว่าพลางวาดแขนขึ้นมากอดคอเพื่อนสาวอย่างไม่คิดอะไร แต่ชายหนุ่มคงไม่รู้ว่าคนที่โดนกอดคออยู่หัวใจแทบจะทะลุออกมาเต้นข้างนอก พยายามควบคุมอาการไม่ให้ออกนอกหน้าเกินไป


คืนนั้นขิงเข้านอนด้วยรอยยิ้มแต้มริมฝีปากจางๆ หญิงสาวล้มตัวลงนอนพร้อมกับกอดตุ๊กตาตัวโปรดแน่น พลิกไปพลิกมาบนเตียงพร้อมกับฮัมเพลง เวลานี้ดึกจนเวลาเลยเข้าช่วงวันใหม่มาเกือบสามชั่วโมงแล้ว แต่คนมีความสุขกับยังไม่ยอมหลับยอมนอน มัวแต่นั่งดูโทรทัศน์จนดึกแล้วยังดูซีรี่ย์เกาหลียาวจนถึงป่านนี้ถึงตัดสินใจล้มตัวลงนอน แต่กระนั้นก็มีเสียงกดกริ่งจากหน้าบ้านรั้งเธอไว้ไม่ให้นอน ขิงขมวดคิ้วเล็กน้อยนึกแปลกใจว่าเวลาขนาดนี้แล้วยังมีใครที่ไหนมากดกริ่งหน้าบ้านชาวบ้านกันบ้าง เธอรีบเดินไปยังหน้าต่างของห้องโชคดีที่ห้องของเธออยู่ฝั่งประตูรั้วพอดี ดังนั้นจึงเห็นได้ง่ายว่าใครมาหา

“เฮ้ย!” ขิงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าใครยืนนิ่งอยู่ที่ประตูรั้ว หญิงสาวเดินออกจากห้องไปปรากฎตัวให้แขกเห็นก่อนที่เพื่อนตัวดีจะกดกริ่งปลุกแม่เธอตื่น แต่ไม่ทันพอเธอเดินออกมาจากห้องนอน กลับกลายเป็นว่าแม่เธอก็เดินออกจากห้องพร้อมกัน

“ใครมาล่ะลูก”

“แอมป์มาค่ะ แม่นอนต่อเถอะเดี๋ยวขิงดูแอมป์เอง” คนเป็นแม่พยักหน้ารับแล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องอีกครั้ง ในเมื่อแอมป์เป็นเพื่อนกับลูกสาวมานานคงไม่มีอะไรอันตราย

“ว่ายังไง มากดกริ่งบ้านคนอื่นดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้เกิดอะไรขึ้นคะ” เสียงเล็กทักเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าประตู ความมืดไม่สามารถทำให้เธอเห็นสีหน้าของคนที่มารบกวนเธอตอนดึกได้

“ขอเข้าไปในบ้านหน่อยได้มั้ย” ขิงยืนนิ่งคล้ายใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้านให้ชายหนุ่มเดินเข้ามา ทั้งคู่เข้ามาในจุดที่มีแสงไฟขิงถึงได้เห็นรอยย้ำบนใบหน้าของเพื่อนถึงไม่มากแต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าก่อนมาหาเธอคงมีเรื่องกับคนอื่นมา

“หน้าช้ำขนาดนี้ไปมีเรื่องกับใครมาล่ะ” หญิงสาวเสียงเอื่อยราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ก่อนจะบอกให้เพื่อนนั่งลงที่โซฟาส่วนตัวเองเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล แล้วกลับมานั่งข้างๆ มองใบหน้าช้ำของเพื่อน “ว่ายังไงล่ะ แอมป์ไปมีเรื่องกับใครมา”

“เพื่อนศศิน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยเบา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเพื่อนลงน้ำหนักที่แผลมุมปาก

“แล้วทำไมถึงไปมีเรื่องกับเด็กฮึ” คนเจ็บหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงปฐมพยาบาลให้เขาอย่างตั้งใจ

“ก็ไม่พอใจ ไอ้เด็กนั่นมันมายุ่งกับแฟนเรานี่นา” เสียงแอมป์ค่อยๆ ดังขึ้นจนเจ้าของบ้านต้องปรามให้เบาลงเพราะเกรงใจมารดาที่นอนอยู่ข้างบน

“มายุ่งแต่ไม่เห็นต้องมีเรื่องเลย”

เขาถอนหายใจก่อนบอกปัด “ช่างเถอะ เราคงผิดเองแหละมั้งนี่ ศศิก็โกรธเราไปแล้วด้วย” เธอยิ้มกับน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่ความจริงแล้วเธอรู้ดี เพื่อนเธอใส่ใจคนรักยิ่งกว่าใครทั้งหมด

“ยิ้มอะไรขิง”

“เปล่า” เธอปฏิเสธเสียงกลั้วหัวเราะ มือก็พลางเช็ดแผลช้ำของเพื่อนทั่วหน้า

“เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม” คนถูกจับได้ว่ายิ้ม หลบสายตาเสก้มลงไปหยิบยาใส่แผลขึ้นมาตั้งใจจะใส่ให้คนตรงหน้าแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือแข็งจับมือสองข้างของเธอไว้แล้วกดแน่น เป็นผลให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง “นี่ไง จะเปล่าได้ยังไง ขิงยังยิ้มอยู่เลย”

เถียงไปแล้วก็ต้องชะงักนิ่ง ถึงเขาและเธอจะเป็นเพื่อนกันมานานแต่การที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ไม่มีโอกาสมากนัก ชายหนุ่มเห็นสายตาของเพื่อนแล้วหลุบตามองลงต่ำ ปล่อยมือที่จับไว้ให้เพื่อนได้ทำหน้าที่เป็นพยาบาลจำเป็นต่อไปอย่างเงียบๆ พอเรียบร้อยแล้วแอมป์ก็ถือโอกาสเล่าให้เพื่อนฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะขอนอนบนโซฟานั้นเพราะยังไงวันนี้ก็ขับรถกลับบ้านไม่ไหว และโชคดีหน่อยตรงที่เป็นวันหยุดพอดี ดังนั้นทั้งคู่จะนอนดึกหรือคืนนี้ไม่นอนเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


ขิงตื่นมาอีกทีในตอนเช้าทั้งที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นาน แต่เพราะแอมป์นอนอยู่ข้างล่างเธอเลยจำเป็นต้องตื่นเช้าเผื่อเพื่อนต้องการอะไร แต่ผิดคาดเมื่อแอมป์ยังคงนอนหลับสนิทไม่ยอมตื่นบนใบหน้ายังเต็มไปด้วยแผล หญิงสาวเลยเดินเลยเข้าไปในครัวเพื่อไปหามารดายืนทำอาหารเช้าอยู่หน้าเตา

“ทำอะไรกินคะแม่”

“อ้าวตื่นแล้วเหรอ แม่นึกว่าขิงยังนอนอยู่ซะอีก”

“ก็อยากนอนอยู่หรอกค่ะ แต่เห็นว่าแอมป์นอนอยู่ข้างล่าง กลัวแม่ตื่นมาเห็นแล้วตกใจ แต่ขิงก็ตื่นไม่ทันแม่อยู่ดี” คนเป็นแม่หัวเราะ ยิ่งเห็นหน้าลูกสาวแล้วยิ่งนึกเอ็นดู

“ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่เห็นขิงบอกว่าเมื่อคืนแอมป์มาที่บ้านแม่ก็เลยคิดว่าแอมป์คงไม่มีแรงกลับไปนอนที่บ้าน”

“แม่ไม่ว่าใช่มั้ยคะ...” เธอเอ่ยอย่างลังเล “ที่ขิงให้แอมป์นอนที่บ้านเราแบบนี้” คนเป็นแม่วางตะหลิวที่ถืออยู่ ก่อนจะหมุนตัวมองหน้าลูกสาว

“พูดตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมาล่ะจ๊ะ โชคดีที่เป็นแอมป์น่ะสิแม่ถึงไม่ว่าอะไร เห็นเราสนิทกันมานานแล้วแต่ถ้าเป็นคนอื่นอย่าทำแบบนี้เชียวนะ แม่ตีตายเลย”

คนเป็นลูกสาวหัวเราะคิกพลางวาดแขนโอบรอบเอวผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ แม่ของเธอใจดีเช่นนี้เสมอ ถึงแม่จะหัวโบราณไปบ้างแต่อย่างน้อยก็ยังปล่อยให้เธอได้มีอิสระในการใช้ชีวิต เพียงแต่ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางมากไปเท่านั้น

“แล้วหน้าแอมป์ไปโดนอะไรมาล่ะลูก แม่เห็นม่วงๆ เขียวๆ”

“มีเรื่องเมื่อคืนนิดหน่อยค่ะ แต่เดี๋ยวแอมป์คงจัดการได้เอง”

“สวัสดีครับแม่” ก่อนสองแม่ลูกจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น เสียงทุ้มจากบุคคลที่สามที่ทั้งคู่คิดว่ายังนอนอยู่ก็ดังขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างมือไม้อ่อน

“สวัสดีจ้ะ หิวหรือยังแอมป์”

“ทีแรกก็ไม่หิวหรอกครับ แต่พอได้กลิ่นกับข้าวแม่ท้องผมก็ร้องไม่หยุดเลย” ชายหนุ่มทำหน้าประจบ ทำเอาคนทำยิ้มหน้าบานขึ้นไปอีกเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้เพื่อนลูกสาวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน

++++++++++++++++++++

ตอนที่ 6 ตามมาอย่างรวดเร็ว และยาวเป็นพิเศษ
ใครรอบอสของเราอยู่ อดใจไว้ตอนหน้านะคะ ตอนนี้ของนายแอมป์เขาค่ะ คิคิคิ

ตอนนี้สถานะการณ์ในสต็อกของมิณทิมาใกล้หมดแล้วนะคะ แต่ยังไงจะพยายามแต่งหนีสต็อกให้มากที่สุดนะเจ้าคะ

<3 เจอกันตอนต่อไปค่ะทุกท่าน จุ๊บๆ <3
==================

คุณ mhengjhy : แต่ขิงรักแอมป์มากเลยนะคะ ทำยังไงดีล่ะเนี่ยยยย :P

คุณ คิมหันตุ์ : บอสของเรามาแบบเงียบๆ เจ้าค่ะ เก็บแต้มที่ละน้อย ฮี่ๆๆ



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2556, 09:53:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2556, 09:53:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1368





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
mhengjhy 23 พ.ค. 2556, 11:41:48 น.
มีคนใหม่มา เดี๋ยวขิงก็ทำใจได้ค่ะ 55 ไม่ชอบแอมป์จริงๆ นะเนี่ย
อินมากจริงๆ


คิมหันตุ์ 23 พ.ค. 2556, 13:25:40 น.
เห้อออออ. สงสารขิงเนาะ


pseudolife 24 พ.ค. 2556, 06:13:36 น.
เพิ่งเข้ามาอ่าน และอ่านถึงตอนนี้
ยืนยันว่าไม่เชียร์นายแอมป์จริงๆ ค่ะ
ไม่รักไม่ว่า แต่มาโมเมให้เป็นเปลือกไข่หนูไม่ย้อม


Amarilys 18 มิ.ย. 2556, 20:22:04 น.
ตามเข้ามาอ่านแล้วก็อยากได้ใครสักคนมาให้ขิงจริงๆ พูดมาได้ว่าตัวเองดูแลแฟน แล้วให้เพื่อนคอยดูแลอีกที ไม่ปลื้มแอมป์อย่างแรก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account