ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 8

วันอาทิตย์แสนสงบสุขของขิงผ่านมาถึง หญิงสาวใช้ชีวิตปกติอย่างที่ผ่านมากับการนอนตื่นสายและหาอะไรรองท้องตอนสายๆ ด้วยตัวเองเพราะมารดาออกไปเดทกับคุณลุงที่พ่วงด้วยฐานะแฟนใหม่ของแม่เรียบร้อยแล้ว นมแก้วโตถูกวางไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาและโทรทัศน์เครื่องใหญ่พร้อมกับแซนวิชทูน่าที่ทำเองภายในห้านาทีด้วยการเปิดตู้เย็นหยิบทูน่ากระป๋องออกมาทาที่ขนมปังแล้วประกบกันเป็นรูปร่างของแซนวิชทั่วไป หญิงสาวเคี้ยวแซนวิชฝีมือตนเองอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับดื่มนมไปด้วย ส่วนสายตาก็จ้องโทรทัศน์อย่างผ่อนคลายวันหยุดที่ไม่ต้องเร่งรีบ และชีวิตวันนี้ของเธอคงไม่มีอะไรแปลกๆ อีกจนกว่าจะถึงเวลานัดของเจ้านาย หากไม่มีโทรศัพท์สายสำคัญเข้ามา

หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยกับชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอ นึกแปลกใจไม่น้อยที่ช่วงนี้ดูเหมือนแอมป์จะรักเธอเป็นพิเศษ

“ว่าไงแอมป์” เสียงหวานกรอกไปถึงปลายสายด้วยความเคยชิน มือยังคงถือแซนวิชอยู่แน่นก็ไม่ได้เอาเข้าปากด้วยต้องรักษาภาพเล็กน้อย

“อยู่บ้านรึเปล่าขิง” เสียงทุ้มตอบกลับทำเอาใจของขิงเป๋ไปเล็กน้อย ยังหวั่นไหวกับเพื่อนคนนี้ไม่หาย

“อยู่สิ มีอะไรเหรอ”

“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ เราไม่อยากกินคนเดียว”

“อ้าว” เธอร้องแปลกใจ นึกไปถึงแฟนสาวของเพื่อนที่ปกติทำตัวติดกันอย่างกับอะไรดี คาดว่าความสงสัยที่มีมากไปนั้น ทำให้ต้องถามออกไปอย่างที่สงสัยทันควัน “แล้วแฟนแอมป์ล่ะ ไม่ว่างเหรอ”

“อือ ศศิออกไปกับเพื่อน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ แต่งตัวให้เรียบร้อยเลย ตอนนี้เราจะถึงบ้านขิงแล้ว” เจ้าของบ้านร้อง ‘หา’ ลั่น ก่อนจะรีบวางสายแล้ววิ่งขึ้นไปแต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอก เธอก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนจะยอมมาส่งเธอที่บ้านก่อนถึงเวลานัดที่จะต้องไปงานวันเกิดหลานสาวเจ้านาย


แอมป์พาขิงออกมาที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก บรรยากาศเก่าๆ ระหว่างเพื่อนเริ่มกลับมาทำเอาหญิงสาวหัวใจพองโต นึกว่าเพื่อนจะไม่สนใจความรู้สึกเธอไปเสียแล้ว อาหารกลางวันมื้อนี้เลยถือว่าเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในรอบหนึ่งเดือนเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่แอมป์เปิดตัวคนรักต่อทุกคน เธอก็กลายเป็นคนที่ต้องห่างออกมา ถึงแม้จะพูดยั่วโมโหศศิไว้อย่างไรแต่ยังไงเธอก็ยังเป็นเธอที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้... ไม่มีวัน

เพื่อนหนุ่มที่เหมือนกลับมาคบกันใหม่อีกครั้งไม่ได้หยุดเพียงแค่ชวนเธอไปทานข้าวเที่ยงแล้วพากลับบ้าน แต่แอมป์กลับชวนขิงไปเติมความหวานที่ร้านขนมหวานของโปรดของเพื่อนสาวต่อโดยไม่มีทีท่าว่าจะชวนกลับบ้าน ส่วนหญิงสาวที่เพิ่งได้เพื่อนกลับมาก็สนใจเพียงแค่คนตรงหน้าจนลืมคนที่นัดกับเธอไว้ในช่วงบ่าย โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็โดนมือบางกดปิดเสียงไว้อย่างเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดที่ทำเช่นนี้ แต่นานๆ ครั้งที่เธอจะได้อยู่ตามลำพังกับเพื่อนโดยไม่มีคนอื่นขัดจังหวะยังไงเธอก็ยังคงเลือกเพื่อนคนนี้มากกว่าใครทั้งหมด

โทรศัพท์ที่ยังคงทำหน้าที่เตือนเจ้าของว่ามีคนโทรฯ เข้ายังคงทำหน้าที่ต่อไปจนเจ้าของกลายเป็นผู้แพ้ทนไม่ไหว ขิงแสร้งทำเป็นบอกเพื่อนว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะรีบยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูตัวเลขที่โชว์อยู่บนหน้าจอ

... 20 สายที่ไม่ได้รับ...

ตาของหญิงสาวเบิกกว้าง ไม่คิดว่ากฤษณ์จะมีความอดทนโทรฯ หาเธอถึงขนาดนี้ มือบางจับโทรศัพท์แน่นอย่างตัดสินใจ ก่อนจะกดโทรฯ กลับไปยังเบอร์ที่โทรฯ มาหาเธอเยอะจนน่าตกใจ ขิงรอไม่นานก็มีเสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างร้อนรนและหากฟังดูดีๆ ขิงรู้... กฤษณ์กำลังเป็นห่วงเธอ

“ขิงอยู่ที่ไหนครับ ผมอยู่หน้าบ้านแต่เห็นบ้านคุณปิดเงียบ”

“ขอโทษค่ะบอส พอดีขิงอยู่ข้างนอก พอดียุ่งๆ เลยลืมโทรบอกบอสไปเลย” กฤษณ์เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ปกติ

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่รบกวนแล้วดีกว่า สวัสดีครับ”

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอาการใจหายที่เกิดขึ้นอยู่นี้เกิดจากอะไร ขิงมองโทรศัพท์อย่างลำบากใจนึกโหวงในอกพร้อมทั้งรู้สึกผิดที่โกหกเจ้านายแบบนั้น ทั้งที่รับปากเสียดิบดีว่าเธอจะไปงานวันเกิดหลานเขา แต่กลับเบี้ยวไม่เป็นท่าเพราะออกมากับคนที่ทำร้ายจิตใจเธอสารพัด คิดมาถึงตรงนี้ขิงรีบปัดความรู้สึกทั้งหมดออกไปด้วยการสูดลมหายใจลึกๆ

ขอโทษนะคะบอส แต่ขิงยังตัดใจจากแอมป์ไม่ได้จริงๆ


“เป็นอะไรรึเปล่าแอมป์ เราว่าหน้าแอมป์ดูไม่สบายใจเลย” หญิงสาวถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ว่าเพื่อนจะมีอะไรผิดปกติเล็กน้อย เธอเป็นต้องดูออกไปเสียหมด

“เปล่า” เขาปฏิเสธ เสมองอาหารในจานมากกว่าจะมองหน้าเพื่อนที่จ้องมาเขม็ง “แค่เบื่อๆ”

คำตอบทำเอาเธอเหนื่อยใจ ทุกครั้งหากแอมป์บอกว่าไม่มีอะไร เธอก็จะพยายามไม่เซ้าซี้และคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเพื่อนจริงๆ ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่ก็ตาม หญิงสาวแอบถอนหายใจแล้วลอบมองคนเป็นเพื่อนที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้าแล้วนึกอึดอัด

“แล้วนี่ศศิไปไหนล่ะ ช่วงนี้ได้เจอกันบ้างรึเปล่า” พูดจบประโยค ทำให้คนถามได้รู้ว่าตนพลาดไปถนัด ดูเหมือนคำถามของเธอจะไปสะกิดเรื่องในใจของเพื่อนเข้า คนดูมีปัญหากับแฟนสาวเลยถอนหายใจออกมาเสียงดังพร้อมกับมือที่จับหลอดคนน้ำในแก้วตรงหน้าตนเองไม่หยุด

“ก็ได้เจอบ้างนิดหน่อย”

“เจอกันบ้างแล้วทำไมแอมป์ต้องถอนหายใจด้วยล่ะ มีอะไรลำบากใจให้เราช่วยรึเปล่า” พูดออกไปแล้ว ขิงนึกอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาดไปเลย นิสัยเดิมๆ ที่เลิกไม่ได้สักทีกับคำพูดที่ว่า ‘มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า’ ‘เราช่วยมั้ย’ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้แสดงถึงน้ำใจอันประเสริฐระหว่างมิตรภาพของเพื่อนที่บางครั้งเธอก็ไม่อยากหยิบยื่นให้

“ไม่เป็นไรหรอก” คนยื่นความช่วยเหลืออย่างมีน้ำใจแอบโล่งอก ยังดีที่เพื่อนปฏิเสธน้ำใจที่ว่า “ช่วยนี้คงเพราะใกล้จบ ศศิเลยติดเพื่อนมากไปหน่อย จนเรากับน้องแทบไม่ได้เจอกันเลย”

“ติดเพื่อนกลุ่มที่มีเรื่องกับแอมป์วันก่อนน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้า ทำเอาคนเป็นเพื่อนถึงกับนิ่วหน้าด้วยความสงสัย “ทั้งๆ ที่เพื่อนน้องเค้าต่อยแอมป์เนี่ยนะ แล้วศศิดันเลือกไปกับเพื่อนมากกว่าจะอยู่กับแอมป์ ไม่ใช่แล้วมั้ง”

“ศศิคงแค่ติดเพื่อนน่ะ” ชายหนุ่มแย้งเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน ขิงรู้ดีเพื่อนไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกมาสักนิด แต่การที่พูดออกมาแบบนี้ก็เพื่อย้ำความคิดตัวเองไม่ให้ระแวงเสียมากกว่า

“ก็แล้วแต่แอมป์จะคิดแล้วกัน เราคงห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่จำไว้นะแอมป์” หญิงสาวหยุดพูดแล้วมองหน้าเพื่อนเต็มตาด้วยแววตาจริงใจ “ถ้ามีอะไรไม่สบายขิงยังยืนอยู่ข้างๆ แอมป์นะ เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอ”

“ขอบใจนะ” เสียงทุ้มเอ่ยเสียงเบาแต่มั่นคงให้กับเพื่อน ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนสาวแล้วบีบแน่นพอให้เป็นกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนชักชวนกันกลับเมื่อเห็นว่าเย็นพอสมควรแล้วเขาจะได้ไปส่งเธอที่บ้าน


เช้าวันทำงานขิงเดินเข้าบริษัทด้วยท่าทีไม่มั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนรุ่นพี่ที่เห็นทักกันอย่างแปลกใจ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งรอยยิ้มแหยๆ กลับไปแทนคำตอบ หญิงสาวชะเง้อคอยืดมองไปที่ห้องของหัวหน้าตัวเอง พอเห็นห้องยังไม่มีวี่แววของเจ้าของห้องก็ต้องหดคอกลับมานั่งคอตกอยู่ที่โต๊ะทำงานตนเอง พลางเปิดงานขึ้นมาดูฆ่าเวลารอเจ้านายมาทำงาน

หลังจากที่รอคอยมาครึ่งวันจนคอของเธอแทบเคล็ดไปแล้ว ในที่สุดช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง ขิงยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นตาของหัวหน้าเดินผ่านหน้าโต๊ะเธอแต่ไม่ได้หยุดทักทายอย่างทุกครั้ง... คนทำความผิดใจหายวาบ นึกกลัวว่าหัวหน้าจะว่าอะไรเธอหรือเปล่าที่เธอผิดนัดเขาเมื่อวาน สมองอันน้อยนิดเริ่มคิดแผนการแก้ไขความสัมพันธ์กับหัวหน้า เพราะนึกกลัวว่าวันดีคืนดีเกิดเขาโกรธเธอจริงจังขึ้นมาแล้วจะไล่เธอออกให้ไปหางานทำที่อื่น

ภาพความคิด (ไปเอง) ทั้งหมดหยุดลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้านายของเธอชอบดื่มกาแฟร้านที่อยู่ใต้ตึกที่ทำงานที่สุด เธอไม่รอช้ารีบเดินลงไปจัดการของกำนัลที่น่าจะพอให้เจ้านายคลายความโกรธลงได้บ้าง

“เอสเพรสโซเย็นแล้วก็มอคค่าเย็นอย่างละแก้วค่ะ” เสียงใส่สั่งกาแฟที่จะนำไปเป็นของกำนัลเจ้านายพร้อมกับของตนอีกแก้ว นั่งรออยู่ที่โต๊ะเล็กๆ สักพัก พนักงานก็นำมาส่งให้พร้อมกับคิดเงินเรียบร้อย แต่ก่อนที่เธอจะได้นำกาแฟเย็นๆ ขึ้นไปให้เจ้านายกลับต้องมีเหตุให้เธอหยุดเดินอยู่แค่หน้าร้านกาแฟเท่านั้น

“บอส” เสียงใสติดจะตกใจเล็กน้อยเอ่ยขึ้น ขิงทำหน้าไม่ถูกไปพักใหญ่ ในเมื่อขณะนี้ยังคงเป็นเวลางานและเธอควรจะนั่งทำงานอยู่ข้างบน แต่นี่... ดันเจอเจ้านายจังๆ ที่ร้านกาแฟ ความคิดแก้สถานการณ์เร็วจี๋โดยมือเล็กยื่นแก้วที่ตั้งใจซื้อไปง้อคนที่เธอผิดนัดให้อย่างทื่อๆ “กาแฟค่ะ”

“ของผมเหรอ” กฤษณ์ทำมองหน้าคนที่ยื่นให้แล้วขมวดคิ้ว “ให้ผมทำไม”

“เอ่อ... ก็ซื้อมาฝากค่ะ เห็นบอสทำงานหนัก” คนเป็นบอสขยับยิ้มที่ขิงลงความเห็นได้เลยว่ามันเป็นยิ้มที่อบอุ่นที่สุด ทำให้เธอหน้าร้อนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

“แน่ใจนะว่าซื้อฝากเพราะผมทำงานหนัก”

“ค่ะ แต่ก็ต้องถือว่าเป็นตัวแทนคำขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยแล้วกันนะคะ” คราวนี้คนเป็นเจ้านายขยับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเมื่อครู่อีกนิด ก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วกาแฟ ‘แทนคำขอโทษ’ นั้นมาถือเอง

“ความจริงแค่กาแฟแก้วเดียวก็ไม่พอหรอกนะ” คนเป็นลูกน้องหรี่ตามองเจ้านายจนคนถูกมองเกือบนึกหมั่นไส้เผลอทำอะไรบางอย่างที่จะทำให้ท่าทีนั้นหายไป “อยากให้ผมหายโกรธจริงๆ รึเปล่า”

คนโดนโกรธได้แต่พยักหน้างึกๆ ทำหน้าตาตั้งใจฟังว่าเจ้านายจะบอกอะไรต่อ “เย็นนี้ไปทานข้าวกับผมสิ ผมจะหายโกรธ”

คนมีคดีติดตัวเรื่องผิดนัดถึงกับมองภาพตรงหน้าตาถลน ก่อนจะหันไปมองคนข้างตัวที่เลี้ยวรถเข้ามาภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง โดยเฉพาะสนามหญ้าเขียวสดที่อยู่หน้าบ้าน ทั้งหมดทำให้ขิงตาค้างและพูดไม่ออก เกิดมาถ้าไม่ใช่ในละครยังไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้จริงๆ สักที

“เอ่อ บ้านใครคะบอส บอสพาขิงมาทำอะไร”

“บ้านผมเอง มาทานข้าวไง ก็ผมชวนคุณมาทานข้าวเย็น” คำตอบง่ายๆ ของเจ้านายทำเอาลูกน้องแทบยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความวิตก บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เจ้านายเธอไม่มีทางอยู่คนเดียวได้อย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้น...ผู้หลักผู้ใหญ่เยอะแยะ เธอจะทำยังไงดีล่ะยัยขิงเอ๊ย

“แต่บอสไม่เห็นบอกเลยนี่คะว่าจะพาขิงมาทานที่บ้าน”

“อ้าว นี่ผมไม่ได้บอกขิงเหรอ” กฤษณ์หันถามหญิงสาวหน้าตายอย่างที่มองยังไงก็รู้ว่ากำลังพยายามกลั้นยิ้มอยู่ “ไม่เป็นไรหรอก ไหนๆ ก็มาแล้ว ทานที่นี่แหละจะได้ไม่เสียเวลา”

คำพูดของชายหนุ่มทำเอาเธอส่งสายตาค้อนอย่างลืมตัว แบบนี้เขาเรียกว่ามันมือชกกันชัดๆ ขิงนั่งมองหน้าเจ้าอย่างที่พูดอะไรไม่ออก ภาพข้างหน้าประตูรั้วไม่สามารถบอกอะไรเธอได้เลยนอกจากบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ ที่เงียบสงบ... ยากต่อการหาทางกลับเองเป็นอย่างยิ่ง ขิงได้แต่ปัดความลังเลในใจทิ้งแล้วเดินตามหลังเจ้านายไปอย่างเก้ๆ กังๆ


“อากฤษณ์” เสียงใสแหลมเล็กเรียกชื่อคนที่เพิ่งเดินเข้าบ้านลั่น พร้อมกับกระโดดโถมร่างเล็กๆ นั้นใส่เจ้าของชื่ออย่างคุ้นเคย โดยไม่กลัวว่าคนเป็นอาจะรับไว้ไม่ทัน

“ว่าไงคะคนเก่ง” เสียงอ่อนโยนที่ถามหลานสาว ทำเอาคนที่เดินตามหลังมาใจกระตุกไปด้วย ขิงมองอากับหลานคุยกันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเผยยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคนตัวเล็กหันหน้ามาเห็นเธอแล้วเงียบเสียงไป เด็กหญิงดึงคนเป็นอาให้ก้มลงมาอยู่ในระดับเธอใช้มือป้องเหมือนไม่อยากให้เสียงลอดออกไปข้างนอกคล้ายอยากกระซิบกับคนเป็นอาแค่สองคน

“ใครเหรอคะอากฤษณ์” จบประโยคทำเอาบุคคลที่สามหลุดยิ้มไปด้วย เมื่อคนที่ต้องการกระซิบกลับถามด้วยเสียงระดับปกติอย่างที่เธอได้ยินชัดแจ๋วโดยไม่ต้องพยายามฟัง

“เพื่อนอาเองค่ะ น้องเคทต้องเรียกว่าอาขิงนะคะ” ‘อาขิง’ หันไปเลิกคิ้วกับคนที่บอกหลานสาวด้วยเสียงนุ่มนวลนั้น เธออายุน้อยกว่าเขาตั้งเท่าไหร่ ทำไมถึงไม่ใช่พี่แต่กลับกลายเป็นคุณอาไปเสียได้ “สวัสดีคุณอาขิงก่อนนะน้องเคท”

ร่างเล็กยกมือขึ้นไหว้อย่างที่ดูแล้วรู้เลยว่าถูกสอนมาอย่างดี รอยยิ้มน้อยๆ นั้นทำเอาขิงนึกเอ็นดูตั้งแต่เห็นหน้า “สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะน้องเคท ลองเล่นอูคูเลเล่รึยังเอ่ย”

“เล่นแล้วค่ะ น้องเคทลองเปิดหนังสือที่อากฤษณ์ซื้อมาให้แล้วลองเล่นดู สนุกมากเลยค่ะ” หญิงสาวมองเด็กสิบขวบตรงหน้าที่ตอบพร้อมรอยยิ้มตาหยี ทำเอาเธอต้องพลอยยิ้มตามไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่ เด็กๆ อะไรก็ดูสนุกไปเสียหมด...

“คุณพ่อเราไปไหนแล้วน้องเคท”

“คุณพ่ออยู่ในครัวกับคุณแม่ค่ะ กำลังสอนคุณแม่ทำอาหารไทย” เด็กหญิงตอบคนเป็นอาไปพร้อมกับหัวเราะคิกๆ ไปด้วย ทำเอาผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ กฤษณ์เอ่ยบอกหลานสาวให้ไปที่ห้องนั่งเล่นรอทานอาหารเย็นก่อน ส่วนเขาจะพาแขกสาวไปสวัสดีพี่ชายและพี่สะใภ้ในครัว

อันที่จริงแล้วบ้านหลังนี้มีแม่บ้านกับเด็กรับใช้อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งนั้นหมายถึงไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของบ้านสองคนเข้าครัวเลยสักนิด แต่พอพี่ชายเขานึกจะเข้าครัวทำเอาแม่บ้านเกิดว่างงานขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ระหว่างทางเดินไปห้องครัว กฤษณ์เอ่ยเล่าชีวิตครอบครัวเขาออกมาอย่างไม่มีปิดบัง โดยมีแขกสาวคอยพยักหน้าตามและถามบ้างเล็กน้อย อย่างเรื่องพี่ชายกับพี่สะใภ้เขาที่ตอนนี้เปิดร้านอาหารอยู่ต่างประเทศ ส่วนพ่อกับแม่ก็จากโลกนี้ไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วทั้งคู่ ดังนั้นครอบครัวเขาจึงเหลือเพียงแค่เขาและพี่ชาย

“ถ้างั้นปกติบอสก็อยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเหรอคะ” เขาพยักหน้าไม่ได้ขยายความใดๆ ต่อ แต่กลับหันมายังเธอยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากเป็นนัยให้เธอเงียบเสียงลงก่อน ชายหนุ่มค่อยๆ โผล่เข้าไปในครัวราวกับตนเองเป็นสายลับ ก่อนจะเรียกให้เธอไปดูด้วย

ภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนซ้อนหลังของหญิงสาวตัวเล็กอยู่หน้าเตา มีมือเกี่ยวอยู่ที่เอวบางพร้อมกับพูดถึงวิธีการทำอาหารไปด้วยทำเอาขิงหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นการแสดงความรักแบบนี้สักเท่าไหร่ ขิงค่อยๆ ดึงตัวเองกลับมาจากที่เคยแอบดูตอนนี้เธอถึงกับต้องหันหลังให้ภาพที่เห็น เพราะคนที่แสดงความรักกันอยู่ในครัวยังไม่มีทีท่ารู้ว่าตนถูกแอบมองอยู่ จนเจ้านายเธอต้องรีบส่งเสียงกระแอมเพื่อเป็นสัญญาณ เธอไม่เห็นหรอกว่าสองคนทำยังไงต่อ แต่พอหันมาอีกที ร่างสูงใหญ่ที่เธอเดาว่าคงเป็นพี่ชายของเจ้านายเธอก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วทิ้งภรรยาร่างเล็กอยู่หน้าเตาลำพัง

“ทำอะไรกันในครัวน่ะพี่”

“อะไรวะข้าทำอะไร เอ็งนั่นแหละมาเงียบๆ เกิดเมียข้าตกใจทิ้งตะหลิวขึ้นมาจะทำยังไง อ้าวแล้วนี่...” คนเป็นพี่ชายหันหน้ามาทางหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าเงียบๆ “แฟนเอ็งรึไง”

คำถามตรงๆ ทำเอาขิงสะดุ้งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไกรศรยืนมองเอามือลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด พร้อมกับยืนพิจารณาคนที่ตนเองคิดว่ากำลังจะมาเป็นน้องสะใภ้อย่างละเอียด

“ไม่ใช่หรอกน่า” คนเป็นน้องปฏิเสธพี่ชายด้วยเสียงไม่มั่นคงนัก จนคนเป็นพี่ชายที่โตมาด้วยกันจับความรู้สึกได้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “นี่ขิง โปรแกรมเมอร์ที่บริษัท วันนี้จะมาขอกินข้าวที่บ้านด้วย”

“โปรแกรมเมอร์ที่บริษัท” คนเป็นพี่ทวนคำพูดน้องชายพร้อมกับหรี่ตามองน้อง ก่อนจะรับไหว้ ‘โปรแกรมเมอร์สาว’ อย่างเป็นมิตร “ทำตัวตามสบายเลยนะน้องขิง คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”

คนถูกชวนชักทำตัวไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มแหยให้ผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองคนพามาอย่างหาทางออกไม่เจอ “ไปอยู่กับน้องเคทก็ได้ เดี๋ยวผมไปเรียก”

ไม่มีขัดความต้องการเลยสักนิด ขิงรับคำคนบอกก่อนจะขอตัวกับอีกคนที่ยังคงยืนมองเธอพร้อมรอยยิ้มอย่างที่ทำให้เธอหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พี่น้องสองคนนิสัยไม่คล้ายกันเลยสักนิด ไม่แน่ใจว่าเวลาเจ้านายเธออยู่กับพี่ชายเคยประสาทเสียบ้างหรือเปล่า เพราะดูเหมือนไกรศรช่างยั่วและขี้เล่นไปเสียหมด

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ยืนหนูน้อยกำลังพยายามเล่นอุปกรณ์ดนตรีที่เพิ่งได้มาอย่างตั้งใจ เด็กหญิงดูมีความสุขจนทำให้คนมองเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไปด้วย รู้สึกดีใจเล็กๆ ที่เลือกของขวัญให้หลานเจ้านายไม่ผิด ขิงรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังอยู่ข้างหู ทำเอาคนกำลังแอบมองตกใจเล็กๆ หันขวับไปทางต้นเสียงแล้วต้องหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอห่างกับเจ้านายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ทานข้าวได้แล้วครับ” เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้งเรียกสติเธอกลับมา หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเซถอยหลังไปหลายก้าวแทบล้มอยู่ตรงนั้นหากไม่มีแขนแกร่งเข้ามารับไว้ “เป็นอะไรรึเปล่าขิง”

“เอ่อ... ปละ เปล่าค่ะ”

“อากฤษณ์กับอาขิงทำอะไรคะ” เสียงเล็กดังขึ้นทำเอาผู้ใหญ่สองคนทำตัวไม่ถูก ขิงผลักคนที่ช่วยรับเธอไว้ออกทันควัน ส่วนอีกคนก็ได้แต่มองตาปริบๆ ก่อนจะส่งรอยยิ้มให้หลานสาว

“ไม่มีอะไรค่ะน้องเคท ไปทานข้าวกันนะคะ คุณแม่น้องเคททำของโปรดหนูไว้เยอะเลย” ใจของขิงที่ยังเต้นโครมครามอยู่เมื่อครู่เริ่มลดจังหวะลงเพราะคำพูดและน้ำเสียงที่กฤษณ์ใช้พูดกับหลานสาว หญิงสาวไม่เคยเห็นเจ้านายใช้น้ำเสียงแบบนี้ที่ไหนและไม่เคยใช้กับใคร ความอ่อนโยนที่เขาแสดงออกมาทำให้เธอมองชายหนุ่มอีกมุมอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ชายที่ดูนิ่งๆ กลับมีมุมอ่อนโยนกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ขนาดนี้

“ขิงครับ ขิง” เสียงทุ้มปลุกเธอจากภวังค์ หญิงสาวถึงได้เห็นเจ้าของบ้านหนุ่มยืนมองหน้าเธออยู่มีรอยยิ้มแต้มบนริมฝีปากจางๆ “ไปทานข้าวกันได้แล้วครับ น้องเคทวิ่งไปนู่นแล้ว”

บรรยากาศบนโต๊ะรับประทานอาหารเป็นไปอย่างเป็นกันเอง อาจมีบางครั้งที่เขินกับคู่สามีภรรยาพี่ชายและพี่สะใภ้ของเจ้านายอยู่บ้าง แต่นั่นก็มีส่วนทำให้เธอเจริญอาหารในวันนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งความน่ารักของดวงใจของบ้านอย่างน้องเคทด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม เธอใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะมีครอบครัวแบบนี้

หลังอาหารมื้อเย็น ขิงนั่งพูดคุยกับเจ้าของบ้านพักใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับเพราะเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด เกรงว่ามารดาจะเป็นห่วง ทีแรกเธอคิดว่าจะขอกลับเองด้วยรถแท็กซี่แถวนั้น แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่ากฤษณ์ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปส่งเธอโดยไม่ฟังคำปฏิเสธจากเธอเลยสักนิด

“ตกลงบอสหายโกรธขิงแล้วใช่มั้ยคะ” เธอถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทางข้างหน้าใกล้ถึงบ้านเธอเต็มที ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธขนาดนี้... อาจเพราะเธอผิดจริงๆ คำตอบที่ลอยเข้ามาในความคิดอย่างตอกย้ำเธอให้เจ็บหนัก ในเมื่อเขาต้องการช่วยพาเธอออกจากความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ แต่เป็นเธอเองที่กระโจนลงไปในหลุมนั้น แล้วทำให้เธอเจ็บอีกครั้งเมื่อรู้ว่าคนที่เธอหลงรักยังคงมีความรักให้กับอดีตเด็กฝึกงานอย่างที่ไม่สนใจมองมาที่เธอ

“ความจริงผมหายตั้งแต่กาแฟแก้วนั้นแล้วครับ” กฤษณ์เอ่ยกลั้วหัวเราะ หันมองคนนั่งข้างๆ ด้วยแววตาพราวระยับที่บ่งบอกถึงความสนุกและสุขที่ได้แกล้งเธอ ก่อนจะกลับเข้าสู่ความนิ่งอย่างปกติ “ตกลงขิงจะบอกผมได้มั้ยครับว่าวันนั้นติดธุระอะไร”

“ขิง...เอ่อ... วันนั้นขิงออกไปกับแอมป์ค่ะ” หากเป็นช่วงกลางวันขิงอาจเห็นแววตากฤษณ์เศร้าลงไปถนัดตา ชายหนุ่มหันมองคนพูดก่อนจะกลับไปมองถนนอีกครั้งอย่างเงียบๆ “แต่คือขิงไม่ได้ตั้งใจนะคะ คือวันนั้นแอมป์ให้ขิงออกไปกินข้าวเป็นเพื่อน แต่พอดี...”

“พอดีแอมป์ชวนไปที่อื่นต่อ” เขาเอ่ยต่อราวกับรู้เรื่องราว ใครจะรู้ว่าเขาใช้ความสามารถข่มใจมากแค่ไหน

“ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา “แต่ว่า...”

“ถึงบ้านแล้วครับ” กฤษณ์เอ่ยตัดบทสนทนาอย่างตั้งใจ แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยังคงไม่ละความพยายาม

“คือบอสคะ”

“เชิญครับ ผมนึกได้ว่ามีธุระต้องไปทำต่อ” คนโดนไล่ก้าวลงรถอย่างจำใจ เขาจะมีธุระต่อได้อย่างไรในเมื่อก่อนหน้านี้เขาบอกไม่มีอะไรทำเลยแวะมาส่งเธอ

“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เธอเอ่ยเบาก่อนหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป ไม่มองด้วยซ้ำว่าคนบนรถกำลังนั่งมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวดแค่ไหน กฤษณ์รีบออกรถไปจากบริเวณนั้นอย่างเงียบๆ แต่ไม่ได้กลับบ้านอย่างที่ควรทำ

+++++++++++++++++++++++

มิณทิมามารายงานตัวแล้วคร้าบบบบ แฮ่ๆๆ
วันนี้ไปสอบมา ทำไม่ได้เลย กระซิกๆ (ซับผ้าเช็ดหน้าที่หัวตาซ้ายขวา)
ยังไงขอกำลังใจด้วยนะคะ อ่ะฮืออออ เรียนป.โทแสนยากเย็น

ตอนนี้ดูเหมือนบอสจะงอนจริงๆ แล้วนะ แง่มๆๆ ยัยขิงทำยังไงดีล่ะทีนี้...
เพิ่งง้อเสร็จ งอนอีกแล้ว ตาบอสนี่ก็ขี้งอนไม่เลิกแฮะ ฮาาาา

เอามาส่งแบบยาวๆ ยังไม่ได้รีไรท์เลยนะคะ ผิดพลาดประการใด ต้องขอโทษไว้ที่นี้ด้วย

มีข่าวร้ายมาบอกด้วยเล็กน้อยนะจ๊ะ ครือออออว่าตอนนี้ในสต็อกมันหมดแล้ว แอร่ะ อย่าเพิ่งปาอะไรมาน้าาาาา เก๊ากะลังพยายามปั่นอยู่เน้ออออ ถ้างานไม่เยอะ หรือไม่ติดขัดอะไรจะพยามมาตลอดๆ นะจ๊ะ

เอาเป็นว่าตอบเมนท์กันดีก่า ( ">3< )/

========================

คุณ pseudolife : อ่านตอนนี้แล้ว บอสขี้งอนยังน่ารักอยู่มั้ยเอ่ยยยยย ฮาาาา

คุณ mhengjhy : เอ่อ เหล่ตามองแบบนั้น กำลังค้อนใครรึเปล่าคะ คิคิคิ

คุณ คิมหันตุ์ : ตกลงคิดว่าคุณบอสยังไงดีคะ อิอิ

---------------------------------------------

ขอตัวไปนั่งรอดูคุณชายรัชชานนท์ก่อนนะคะ ฮี่ๆๆๆ <3 จุ๊บๆ




มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2556, 19:47:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2556, 19:47:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1307





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
คิมหันตุ์ 25 พ.ค. 2556, 22:52:18 น.
เชียร์คุณบอส........ไม่เชียร์นายแอม...ห้าห้า โสดไร้พันธะไม่โลเล

แต่ก็เข้าใจว่า...เมื่อความรักมาทักทายมันก็เลือกไม่ค่อยได้เท่าไร..เห้อ!!


mhengjhy 25 พ.ค. 2556, 23:07:08 น.
555 ค้อนนายแอมป์

สู้ๆ นะคะ เพื่อนเราก็เรียนโท สภาพแย่มาก


pseudolife 26 พ.ค. 2556, 23:59:31 น.
คุณบอสยังน่ารักนะคะ น่าสงสารด้วย
จะงอนต่อก็ไม่แปลกน้า หนูขิงมาโอ๋บอสเลย


posty 27 พ.ค. 2556, 15:11:15 น.
พี่รอลุ้นตอนต่อไปนะ มาต่อเร็วนะ


Amarilys 18 มิ.ย. 2556, 20:33:17 น.
เชียร์บอสค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account