ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 10

เช้าในวันที่แม่ไม่อยู่บ้าน ขิงลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องท่ามกลางความเงียบของบ้าน ไม่มีเสียงทำกับข้าวที่ห้องครัวข้างล่าง ไม่มีเสียงเรียกปลุกให้ตื่น เธอกระพริบตาปริบๆ แล้วยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจกับนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงเช้าเวลาตื่นปกติในทุกๆ วัน แต่เช้านี้กลับไม่เหมือนเคย เพราะพอมีแรงลุกไปจะไปอาบน้ำเสียงโทรศัพท์ก็มารั้งไว้เสียก่อน บอส...

“ค่ะบอส”

“ตื่นได้แล้วครับ” เสียงทุ้มจากปลายสายทำเอาคนอีกฝั่งตาโต นี่ถึงขนาดโทรศัพท์มาปลุกกันขนาดนี้จะไม่ตื่นยังไงไหว

“บอส เอ่อ... ตะ ตื่นแล้วค่ะ บอสมีอะไรแต่เช้าคะ”

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าจะมารับ”

“มารับ” ขิงทวนคำบอสหนุ่มอย่างลอยๆ “นี่บอสอย่าบอกนะคะว่าบอสอยู่หน้าบ้านแล้ว” เธอว่าพลางก้าวเท้าเร็วไปยังหน้าต่างบานหนึ่งในห้องตนที่สามารถมองเห็นประตูรั้วบ้าน เธอเห็นร่างสูงของกฤษณ์ยืนอยู่จริงๆ ชายหนุ่มที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วพร้อมไปทำงาน แต่เธอล่ะ เจ้าของบ้านก้มลงมองสภาพตัวเองที่ยังคงอยู่ในชุดนอน

“เอ่อ... บอสคะ”

“ครับ”

“คือตอนนี้ขิงลงไปเปิดประตูบ้านให้ไม่ได้ ยังไงบอสนั่งรอในรถก่อนนะคะ ขอครึ่งชั่วโมงค่ะ นะคะ” ปลายสายตอบตกลงพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ลอยมาด้วย ทำเอาเธอค้อนโทรศัพท์ไปหนึ่งทีก่อนวางสายแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเคาะกระจกรถแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่ง “รอนานมั้ยคะ” เธอเอ่ยทักคำแรกด้วยใบหน้าไร้เครื่องสำอางค์ มีเพียงแป้งทาไว้บางๆ บนหน้า แจกรอยยิ้มสดใสยามเช้าให้กับเจ้านายหนุ่มทำเอากฤษณ์หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย

“รอไม่นานครับ แต่ขิงอย่ายิ้มแบบนี้บ่อยๆ นะ”

“คะ? ยิ้มแบบไหนคะ” ขิงถามรอยยิ้มที่มีอยู่เมื่อครู่หายไป กลายเป็นใบหน้าขมวดคิ้วแทน

“ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่ยังไม่ได้ทานอะไรรองท้องมาใช่มั้ย” พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า มือใหญ่จึงเอื้อมไปเบาะหลังหยิบกล่องพลาสติกกล่องหนึ่งติดมือมายื่นให้ร่างบางที่นั่งอยู่ “แซนวิชครับ ผมให้แม่บ้านทำไว้ให้ เผื่อขิงหิวระหว่างทาง”

มือเล็กรับมาแล้วขอบคุณเบาๆ แต่ไม่ยอมเปิดกิน “แล้วบอสทานอะไรมารึยังคะ”

“ทานมานิดหน่อยครับ ขิงทานเถอะถึงบริษัทจะได้ไม่หิวกว่าจะเที่ยงก็อีกนาน”

มือบางแกะฝากล่องพลาสติกออกมาเห็นแซนวิชเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบหลายชิ้น ขิงมองเสร็จเงยหน้าขึ้นมองคนขับรถกิตติมศักดิ์ที่ขับรถอยู่เงียบๆ แล้วยื่นแซนวิชสีขาวไส้ทูน่าไปที่หน้าคนขับช่วงรถกำลังติดไฟแดง

“ช่วยกินหน่อยสิคะ ขิงกินไม่หมด”

“มือไม่ว่างครับ ต้องขับรถ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ ไม่ยอมรับแซนวิชจากมือเล็ก

“แต่นี่มันไฟแดงนะคะบอส”

“นี่ไงครับเขียวแล้ว” เขาว่าอย่างนั้นเมื่อเห็นสัญญาณไฟข้างหน้าเปลี่ยนสี กฤษณ์รีบขยับมือจับพวงมาลัยแน่นแต่ยังไม่วายหันมาพูดกับคนข้างๆ อย่างที่ขิงคิดว่าน่าหมั่นไส้ที่สุด “อยากให้กินก็ป้อนหน่อยสิครับ”

ขิงกัดแซนวิชในมือเข้าไปคำโต ก่อนจะหยิบอีกชิ้นที่อยู่ในกล่องขึ้นมายื่นไปหน้าชายหนุ่มใกล้ๆ ริมฝีปาก ทำเอาคนขับรถอยู่ขยับรอยยิ้มอย่างห้ามไม่ได้

“ใจดีจัง” เขาเอ่ยพร้อมกับกัดขนมปังคำโต แม้จะต้องเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากหากก็ยังคงมีรอยยิ้มเจืออยู่บนใบหน้า กฤษณ์เหล่มองหญิงสาวนั่งข้างๆ ที่อีกมือยังคงหยิบขนมปังเข้าปากตนเอง ส่วนมือที่ค้างอยู่นี่ก็ยังคงทำหน้าทีอย่างดี มือเล็กพยายามขยับแซนวิชเข้าใกล้หน้าชายหนุ่มเรื่อยๆ ราวกับจะเร่งให้เขาเคี้ยวให้เร็วขึ้น

“รีบเคี้ยวสิคะบอส ขิงเมื่อยมือ”

“อะไร ขิงยื่นมาให้ผมเองนะ อย่าบ่นสิ” กฤษณ์พูดกลั้วหัวเราะ หันมองหน้าหญิงสาวที่ชักนั่งทำหน้ามุ่ยขึ้นเรื่อยๆ

“แต่ขิงเมื่อย” เธอแย้งเสียงสะบัด ร่ำๆ จะหดแขนกลับ แต่คนขับรถซึ่งไวกว่าผละมือจากพวงมาลัยรถข้างหนึ่งมาจับแขนเล็กไว้ไม่ให้หดหนี

“เดี๋ยวสิ ผมยังกินไม่หมดเลยเห็นมั้ย”

“บอส ปล่อยก่อนสิขิงถือเองได้” ขิงชักไม่แน่ใจว่าเสียงที่พูดไปนั้นเป็นเสียงตนเองรึเปล่า หญิงสาวพยายามจะชักมือกลับถึงแม้ตอนนี้แซนวิชในมือจะหมดแล้วแต่เธอก็ยังชักมือออกจากมือใหญ่ไม่ได้ จนคนตัวเล็กเริ่มถลึงตาใส่ “บอสคะ”

แต่เสียงนั้นดูเหมือนส่งไปไม่ถึงเจ้าของมือ กฤษณ์ทำเพียงแค่ขยับยิ้มพร้อมกับจับแขนเล็กแน่นขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือนิ่มที่ยังคงพยายามขืนมือออกจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งจากชายหนุ่ม

“ขอผมทำตามใจสักนิดได้มั้ย”

“ไหนบอสบอกว่าต้องใช้มือขับรถไงคะ” คนโดนจับมือแน่นบ่นอุบอิบเสียงเล็ก ทำเอาคนได้ยินถึงกับยิ้มกว้างแต่ก็ยังคงขับมืออยู่แบบเดิมไม่ยอมปล่อยแม้เจ้าของมือจะพยายามใช้แรงดึงมากแค่ไหน

“อย่าดึงสิ เดี๋ยวผมเสียสมาธิขับรถนะครับ” ดึงบ่อยๆ เข้าเลยพาลโดนคนตัวใหญ่ดุเสียหนึ่งยก หญิงสาวเลยทำได้แค่หยุดดึงมือออกจากมือใหญ่แต่แอบทำปากยื่นไม่พอใจแทน หลังจากนั้นก็ทำได้แค่นั่งนิ่งๆ มีบ้างที่กฤษณ์ปล่อยมือเธอไปจับพวงมาลัย แต่เดียวครู่เดียวก็กลับมาจับมือนิ่มเหมือนเดิม หญิงสาวค้อนแล้วค้อนอีกจนเหนื่อยเลยเลิกยอมนั่งนิ่งๆ ให้ชายหนุ่มจับมืออยู่อย่างนั้นจนถึงบริษัท


“อ้าวขิง” ภพตะโกนทักทายหญิงสาวเจ้าของร่างบางที่กำลังเดินเข้ามาในบริษัท ก่อนจะสังเกตเห็นร่างสูงที่เดินนิ่งๆ อยู่ข้างๆ “อ้าวบอส สวัสดีครับ”

แม้อายุจะห่างกันไม่มาก แต่อย่างไรเสียกฤษณ์ก็มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าของบริษัท ส่วนเขาเป็นเพียงแค่ลูกน้องในบริษัท แล้วยิ่งต่อหน้ารุ่นน้องแบบนี้ก็ควรให้เกียรติเจ้าของหน่อย

“มาทำงานเช้าจังนะพี่ภพ” ขิงทักทายรุ่นพี่อย่างสดใส หญิงสาวเดินไปจับแขนภพอย่างเป็นกันเองไม่สนใจสายตาคมของอีกหนึ่งหนุ่มที่มองอยู่

“อ้าว ของมันแน่อยู่แล้ว คนอย่างพี่มันคนขยันมากนะน้อง อย่าได้ดูถูกกันเชียวล่ะ” คนกำลังให้เครดิตตัวเองอย่างยืดๆ หดคอแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเข้มของเจ้านาย

“ถ้าทักทายกันเรียบร้อยแล้ว... ช่วยเข้าไปพบผมด้วยนะภพ” สายตาตอนพูดที่มองไปยังหญิงสาว ทำให้ลูกน้องสองคนถึงกับร้องอ้าวดังๆ พร้อมกัน เพราะนึกว่าชายหนุ่มจะเรียกตัวขิงเข้าไปพบอีกครั้ง แต่หากคราวนี้กลับเป็นรุ่นพี่ของหญิงสาวแทน กฤษณ์ตวัดตาคมไปที่ร่างเล็กอีกครั้ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องของตนเองปล่อยให้ลูกน้องสาวหายใจหายคอไม่ทั่วท้องอยู่อย่างนั้น

“บอสเค้าเป็นอะไรรึเปล่าวะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายพี่ล่ะตามไม่ทัน” ภพหันไปถามรุ่นน้องสาวที่ยังคนยืนอยู่ตรงนั้น เธอทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าตอบรุ่นพี่หนุ่มไป ก่อนจะขอตัวไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง โดยไม่ลืมเตือนสติภพว่าให้รีบเข้าไปหาบอสก่อนระเบิดลูกใหญ่จะลง


ขิงมีสมาธิอยู่กับงานตรงหน้าและทำได้ดีกว่าทุกวันที่ผ่านมา งานที่ค้างอยู่เกือบครึ่งตอนนี้เหลือส่วนที่ต้องทำอีกเพียงแค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น หญิงสาวยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจหันหน้าไปทางโต๊ะทำงานของแอมป์ที่ยังว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม และไม่มีแม้กระทั่งคำทักทายทางโทรศัพท์หรือโปรแกรมสนทนาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำ เธอถอนหายใจแล้วเริ่มต้นนั่งทำงานเงียบๆ เช่นเดิม พยายามปัดเรื่องเศร้าและมีความสุขทุกอย่างในชีวิตออกจากความคิด ไม่ให้เหลือแม้กระทั่งเรื่องเมื่อเช้า... แซนวิชทูน่าที่ดูหวานกว่าปกตินั่น

หญิงสาวยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้าพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาราวกับต้องการสลัดความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว แต่ทำยังไงเธอก็ยังรู้สึกเหมือนกฤษณ์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่าภาพนั้นไม่ใช่แค่ภาพที่เธอคิดขึ้นเอง แต่เจ้านายตัวเป็นๆ มายืนอยู่ตรงหน้าต่างหาก

“บอส” คนสะดุ้งดันตัวเองไปข้างหลังไปชนเข้ากับโต๊ะอีกตัวจนร้องโอ๊ย เล่นเอาคนยืนยิ้มเงียบๆ อยู่ตกใจก้าวขายาวๆ เข้าถึงตัวคนเจ็บอย่างรวดเร็ว

กฤษณ์นั่งคุกเข่าจับร่างบางเบามือ “มีได้รึเปล่าครับ เจ็บมากมั้ย ไหนให้ผมดูซิ” ชายหนุ่มจับคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้หันไปมาจุดชนโต๊ะ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่มีร่องรอยอะไรบนตัวหญิงสาว

“แค่ชนโต๊ะเองค่ะบอส ไม่มีอะไรร้ายแรงนะคะ”

“เอ่อ... ก็ผมเห็นขิงร้องเสียงดัง”

“ขิงตกใจบอสนั่นแหละค่ะ” เธอตอบกลับทันควัน “คนอะไรไม่รู้มายืนอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จาซักคำ”

คนกลายเป็นผู้ต้องหาหัวเราะกับคำกล่าวหาของลูกน้องสาว ก่อนจะกระแอมเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าลูกน้องคนอื่นเริ่มมองด้วยสายตาสงสัย

“ผมจะมาชวนไปทานข้าวกลางวัน ขิงหิวรึยัง” คนถูกชวนชักทำหน้าตาไม่ถูก เมื่อเห็นภพรุ่นพี่ตัวเองเริ่มเมียงมองมาทางเธออีกครั้ง “ว่ายังไงครับ หิวรึยัง”

“เอ่อ... บอสจะไปทานที่ไหนคะ”

“ถามแบบนี้ผมคิดว่าขิงตกลงไปกับผมนะ” คนชวนตีขลุมคำตอบหน้าตาเฉย ไม่เกรงใจสายตาที่เหวี่ยงค้อนมาสักนิด

“ขิงขัดเจ้านายได้ด้วยเหรอคะ” หญิงสาวตอบหน้ามุ่ย แต่คนเป็นเจ้านายยังคงยิ้มแล้วมองหน้าเธอไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร

“ไปเถอะครับ ผมหิวแล้ว” เขาว่าพลางดึงคนตัวเล็กที่นั่งเงยหน้ามองเขาอยู่ให้เดินไปในทิศทางตามที่เขาต้องการ ไม่สนใจสายตาของลูกน้องบางคนที่ยังไม่ยอมพักลงไปทานข้าวกลางวัน


อาหารตามสั่งง่ายๆ ถูกวางไว้ตรงหน้าขิงและเจ้านายหนุ่ม หญิงสาวรีบหยิบช้อนส้อมตัวเองแล้วตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ว่าจะมีสายตาคมของเจ้านายนั่งมองเธออยู่แบบไม่ยอมเริ่มต้นทางข้าวเสียที เธอก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งชายหนุ่มขยับตัวตั้งใจจะพูดบางอย่าง

“ขิง...” กฤษณ์ไม่ได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน หญิงสาวจึงทำได้แค่ผงกศีรษะเป็นเชิงขอโทษเพื่อรับสาย

“ว่าไง” เสียงเล็กที่กรอกลงไปในโทรศัพท์ทำให้กฤษณ์ต้องชะงักกับการทานอาหาร แล้วขมวดคิ้วกับจานข้าวตนเองเพื่อตั้งใจฟังบทสนทนา

“อื้อ ก็กินข้าวอยู่ งานก็ดี เรื่อยๆ วันนี้เขียนใกล้เสร็จแล้ว” ประโยคที่ได้ยินทำให้กฤษณ์ต้องขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม เขาเริ่มเดาได้แล้วว่าปลายสายที่ขิงกำลังคุยด้วยเป็นใคร คงไม่พ้นคนที่หญิงสาวยังไม่สามารถลบออกจากใจได้... นายแอมป์

ความอยากอาหารตรงหน้าหมดไปทันควันเมื่อเห็นสีหน้าหญิงสาวตรงหน้า กฤษณ์สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ตนเองไม่ให้แสดงออกมากนัก อย่างน้อยเขากับขิงก็ยังคงมีสถานะเจ้านายกับลูกน้อย อย่างที่ไม่สามารถก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวได้มากนัก คนแอบฟังอย่างเงียบๆ พยายามเก็บรายละเอียดทุกคำพูด ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวตรงหน้าบอกลาแล้ววางสายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขิงยังคงทานข้าวในจานเช่นเดิม มือบางตักข้าวเข้าปากด้วยท่าทางปกติ แต่กลับต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่ยอมหยิบช้อนส้อม

“บอสอิ่มแล้วเหรอคะ”

“ครับ ตอนนี้ผมจุกไปหมด” คำตอบนั้นทำเอาขิงขมวดคิ้วอย่างแปลกใจและไม่เข้าใจในคำตอบนั้น “ผมหมายถึงตอนนี้ผมรู้นึกอิ่มจนจุกแล้วครับ ทานต่อไม่ไหว”

“แต่บอสเพิ่งทานไปนิดเดียวเองนะคะ บอสไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” คำถามที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้น ทำให้คนรู้สึกจุกอกอยู่ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยหญิงสาวก็ไม่ถึงกับละความสนใจจากเขาไปอย่างใจดำ

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ คงเป็นเพราะทานอาหารไม่ตรงเวลา”

“อ้าว บอสเป็นโรคกระเพาะเหรอคะ” น้ำเสียงตกใจของขิงเริ่มทำให้คนโกหกชักรู้สึกผิด หญิงสาวเริ่มดูเป็นห่วงเขาจริงๆ เสียแล้ว หากยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวคงได้มีบังคับให้กินยากันบ้างล่ะ “ทำไมบอสไม่บอกล่ะค่ะว่าเป็นโรคกระเพาะจะได้ทานข้าวให้ตรงเวลา”

“เอ่อ... ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกขิง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็คงหาย”

“ถ้าอย่างนั้นบอสทานเยอะๆ เลยนะคะ น้ำย่อยจะได้ไม่กัดกระเพาะอีก” สิ่งที่ขิงแสดงออกเริ่มทำให้ความขุ่นข้องในใจหายไปทีละนิด ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับสายตาที่สื่อความหมายได้ดี

“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

“ขิงก็แค่เป็นห่วงตามประสาลูกน้อง” เธอว่าด้วยเสียงอุบอิบแล้วเสตักข้าวในจานเข้าปากอีกคำแก้เก้อ เธออ่านสายตาคนตรงหน้าออกอย่างชัดเจน แต่ยังไม่อยากยอมรับความรู้สึกที่มีนัก ในเมื่อใจของเธอยังคงเต้นแรงทุกครั้งที่รับโทรศัพท์ของแอมป์

“วันนี้ขิงกลับบ้านกับผมนะ เดี๋ยวผมไปส่ง” เจ้านายหนุ่มเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง ขณะเดินเข้าบริษัทมาด้วยกัน ชายหนุ่มมัดมือชกลูกน้องสาวอย่างที่เธอคิดว่าเป็นการออกคำสั่งมากกว่าคำขอร้องหรือชักชวนจนขิงต้องถอนหายใจ

“จะลำบากบอสมากไปรึเปล่าคะ ขิงเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรื่องแบบนี้ผมทำด้วยใจล้วนๆ” น้ำตาลที่หยอดมาอีกครั้งทำเอาขิงชักเริ่มไปไม่เป็น มือของเธอไม่เคยทำให้รู้สึกเกะกะได้เท่านี้มาก่อน เธอมองหน้าเจ้านายที่ยืนยิ้มอยู่แล้วพูดอะไรไม่ออกนอกจากยอมรับคำชักชวนคล้ายคำสั่งนั้นอย่างไม่มีข้อโต้เถียง

“ก็ได้ค่ะ ขิงยอมให้บอสไปส่งที่บ้านแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ขิงขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“เชิญครับ ตั้งใจทำงานหน่อยนะ อย่ามัวแต่นั่งคิดถึงผมล่ะ” หญิงสาวได้แต่ค้อนให้คนพูดเงียบๆ แล้วเดินก้มหน้าก้มตาไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ระยะเวลาแค่เพียงไม่นาน แต่เจ้านายของเธอกลับทำให้เธอเขินแล้วเขินอีก หนำซ้ำยังเขินจนพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น ผู้ชายคนนี้ช่างอันตรายกับหัวใจเธอจริงๆ เลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แฮ่ๆ เก๊ามาแล้ว ถึงจะมาสั้นหน่อยแต่อย่าเพิ่งงอนเค้าเลยนะ โอ๋ๆๆ

ตอนนี้พิมพ์ไปเขินไปเลยนะคะ ยิ่งช่วงป้อนแซนวิชยิ่งฟินค่ะ ถูกใจจริงๆ อิอิอิ ถูกใจมิณทิมาแล้วถูกใจคนอ่านรึเปล่าเอ่ยยยยย หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ

ปล. ตอนนี้ไม่ได้รีไรท์เหมือนเดิมนะคะ ถ้ามีคำผิดช่วยบอกเค้าด้วย ^^; นั่งพิมพ์ไปง่วงไปนะจ๊ะ

เอาล่ะยิ่งดึกยิ่งไม่รู้จะคุยอะไรยังไง สมองตื้อเลยแฮะ เอาเป็นว่ามาตอบเม้นท์กันดีกว่าเน้ออออออ

===================================

คุณ mhengjhy : นายแอมป์โผล่มานิดหน่อย พอให้เลือดลมสูบฉีดนะคะ ^^

คุณ คิมหันตุ์ : ตอนนี้ถูกใจเหมือนตอนที่แล้วรึเปล่าคะ ให้รุกหนักกว่านี้อีกมั้ยคะ ฮาาาาาาาา

คุณ Furzan : ขอบคุณแทนบอสด้วยนะคะ ฮี่ๆๆ ความน่ารักของตาคนนี้ยังไม่หมดค่ะ อย่าลืมติดตามต่อนะคะ >_<

คุณ pseudolife : นอกจากบอสจะเร่งปฏิกิริยาเองแล้ว เดี๋ยวมีตามมาเป็นพรวนแน่ใจ ฮาาาาาาา ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เนอะ

-----------------------------------------------------------------

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ (เอ๊ะ หรือนอนกันหมดแล้วน้าาาาาา zzZ)



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2556, 01:39:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2556, 01:39:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1307





<< ตอนที่ 9   ตอนที่ 11 >>
mhengjhy 30 พ.ค. 2556, 06:27:13 น.
ถูกจายยยยย


คิมหันตุ์ 30 พ.ค. 2556, 09:21:07 น.
ท่าทางบอสจะมาแรง. เค้าเชียร์อยู่นะ


pseudolife 30 พ.ค. 2556, 22:12:27 น.
แฮ่ ตามมาเชียร์คุณบอสอีกเสียงค่า


pattisa 2 มิ.ย. 2556, 01:15:28 น.
กรี๊ดกร๊าดด บอสน่ารักอบอุ่นมว้ากกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account