นิยามรักหัวใจร็อค ภาค 2 (นิยามรักของเจ้าชายเย็นชา)
เรื่องราวของอีริค หนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ ที่แสนจะเงียบขรึม คนที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานดนตรีของ Evasion ผู้มีความหลังอันลึกลับ และขมขื่น ....
Tags: สิรินดา, นิยามรัก, หัวใจร็อค, แจ่มใส, ภาค 2,นิยาย, sirinda, jamsai, novels, love story, อีริค
ตอน: 36: มีเพียงเรา
ฝนตก....จู่ๆ ฝนก็ตก ฟ้าที่เคยสว่างเป็นสีฟ้าสดใสกลายเป็นสีเทาหม่น ครึ้มฝนอย่างรวดเร็ว สายฝนซัดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาหลังจากนั้นไม่นานนัก ทำเอาคนที่กำลังนอนเหยียดยาวฟังเพลงจากกีตาร์ของมือกีตาร์ขั้นเทพ ที่ยังคงความเทพไว้ทั้งๆ ที่สายตาไม่ดี ต้องลุกขึ้น
"เดี๋ยวมานะคะ ปิดประตูหน้าต่างก่อน ไม่งั้นเราจะเปียกกันทั้งสองคนแน่ๆ "
รมิดาวิ่งไปปิดหน้าต่างประตูให้วุ่น ในขณะที่ผู้ร่วมบ้านอีกคนได้แต่นั่งนิ่งๆ ฟังเสียงฝน
เสียงปิดหน้าต่าง รูดม่าน ปิดประตู ดังเป็นระยะๆ แต่เจ้าตัวกลับสูดหายใจลึก เอากลิ่นฝนผสมกับกลิ่นทะเลเข้าปอด ก่อนจะวางกีตาร์ไว้ข้างกาย ลุกขึ้น
"คุณจะเอาอะไรคะ" เสียงแม่บ้านถามขึ้น คงจะได้ยินเสียงฝน แล้วตั้งใจจะมาช่วยปิดหน้าต่างประตู
"อยากได้ผ้าขนหนู หยิบมาให้หน่อย เอาผืนใหญ่หน่อยนะ"
แม่บ้านกลับมาส่งผ้าขนหนูให้ชายหนุ่ม ก่อนตรงไปช่วยรมิดาปิดประตู แต่หญิงสาวจัดการเรียบร้อยแล้วจึงหลบกลับไปด้านหลัง
ส่วนรมิดาเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกด้วยอาการเปียกปอน ร่างสูงเดินตรงมาที่หญิงสาว และส่งผ้าขนหนูให้ตรงหน้าอย่างไม่พลาดราวกับตาเห็นว่าเธอยืนอยู่จุดไหน
สายตาไม่ดีแตชายหนุ่มพัฒนาประสาทสัมผัสด้านอื่นของตนเองขึ้นมาเรื่อยๆ หญิงสาวคิดว่า อาการของอีริคทางร่างกายคงไม่แย่นัก หากสายตาของเขาไม่ดีขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นในการทำอะไรทุกอย่าง จนทำให้เขาทำสำเร้จมาแล้วหลายเรื่อง แค่เรื่องการมองไม่เห็นคงไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตต่อไปแน่ๆ
เรื่องกำลังใจก็เช่นเดียวกัน เธอคิดว่า เขาคงจะฟื้นตัวในเวลาไม่นานเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยแสดงมุมที่อ่อนไหวของตนเองให้ใครเห็นมากนัก ถ้าไม่นับเมื่อเช้านี้
อีริคเป็นตันแบบของผู้ชายแบบที่เห็นไม่ง่ายนักใน พ.ศ.นี้ นับวันที่รู้จักกันมากขึ้น เธอยิ่งรู้สึกนับถือเขามากขึ้นเรื่อยๆ
"ขอบคุณค่ะ" ปลายนิ้วของรมิดาสัมผัสฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ "ไม่น่าต้องลำบากเลย เดี๋ยวฉันเดินไปหยิบเองก็ได้"
"ฝนแรง ไม่รีบเช็ดผม เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ"
หญิงสาวยิ้ม น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของเขา ทำให้หัวใจของเธอไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เจ้าตัวก็บอกไม่ถูก บอกตัวเองว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้เห็นมุมนี้ของอีกฝ่าย
เธอเอาผ้าขนหนูเช็ดผมด้วยมือหนึ่ง แล้วเอาอีกมือที่ว่างจูงพาเขากลับมานั่งที่เดิม
"ผมเดินเองได้"
"รู้ค่ะ แค่ฉันอยากดูแลคุณ" เธอตอบง่ายๆ ตรงไปตรงมา แต่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกลั้นหายใจ "แค่อยากทำให้ ไม่ได้คิดว่าคุณทำอะไรไม่ได้เสียหน่อย"
ไม่มีใครพูดกับเขาแบบนี้บ่อยนักหรอก คำพูดของรมิดาใสซื่อ จริงใจ เสียจนคนที่พยายามทำใจแข็งอย่างอดีตมือกีตาร์วง Evasion ถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่ววินาที ปล่อยให้เธอจูงเขาไปนั่งที่โซฟา โดยที่เธอนั่งลงข้างๆ และเอาผ้าขนหนูที่ได้รับจากเขาเช็ดผมของตัวเองเบาๆ
"จริงๆ นะคะ ไม่ว่าพรุ่งนี้คุณจะสายตาเป็นยังไง ฉันก็ยังอยากดูแลคุณ แล้วก็...ให้คุณดูแลฉันบ้างเป็นบางทีแบบนี้"
การที่สายตามองไม่เห็น ทำให้เขาจินตนาการของตัวเองเป็นหลัก แล้วตอนนี้จินตนาการมันก็กระเจิงไปไกลกว่าที่คิด กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ผิวกายนุ่มๆ ที่สัมผัสกันเพียงต้นแขนเพราะเธอนั่งเบียดกับเขาอยู่ มันทำให้เลือดของชายหนุ่มอุ่นขึ้นมาได้ไม่ยาก
ยิ่งเมื่อคิดถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่เขาได้สัมผัสมันก่อนหน้านี้มาครั้งสองครั้ง มันยิ่ง....
"พูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า" เขาถามเสียงเบา พยายามหาเรื่องคุย เพื่อลบภาพในจินตนาการด้านมืดของตัวเองออกไปจากหัว พักนี้ความคิดของเขามักจะวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของผู้หญิงตัวเล็กๆ ข้างตัวนี่เสมอ จนทำให้ความคิดด้านที่เป็นเหตุผล เป็นตรรกะอันควรของเขาลดหายไปเกินครึ่ง
"รู้สิคะ"
คนพูดลดมือข้างที่เช็ดผมอยู่ไว้ที่หน้าตัก เอาศีรษะพิงไหล่ของอีกฝ่าย
"รู้ว่าฉันอยากอยู่ใกล้คุณเสมอ ไม่ว่ายามที่คุณสุข หรือทุกข์ ไม่ว่าคุณจะโกรธ หรือเกลียดพ่อของฉันแค่ไหน"
"...และผมอาจจะเกลียดเขาตลอดไปก็ได้" เสียงฝนยังกระหน่ำอยู่ด้านนอกแว่วเข้าหูของคนพูด
"ค่ะ ฉันรู้ แล้วก็เข้าใจ ตราบใดที่คุณไม่รังเกียจฉัน และไม่ทำร้ายเขามากไปกว่าที่เขากำลังถูกกรรมของเขาเองตามทันอยู่"
"ฝน..."
"ฉันอยากรักคุณ แล้วก็อยากถูกคุณ...เอ่อ...รักค่ะ"
คนพูดรู้ดีว่า ความฝันแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่มากเกินไป แต่เธอก็ยังอยากจะพูด อยากจะบอกเขา อาจจะเพราะบรรยากาศที่ดีเหลือเกินระหว่างทั้งคู่ในช่วงเช้า อาจจะเพราะทุกสิ่งที่เขาทำมา อาจจะเพราะฝนตก
หรืออาจจะเพราะยังติดใจกับรสจูบแสนวาบหวามเมื่อเช้า ที่ทำให้เธอคิดอะไรแปลกๆ พูดอะไรแปลกๆ ออกไป
แค่คนพูดไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
"ไม่ได้อยากไถ่บาบนะ" ชายหนุ่มกลั้นใจถาม
"นั่นมันส่วนหนึ่ง" หญิงสาวรับตามตรง ไม่ปฏิเสธ "แต่ถ้าไถ่บาป ฉัน...คงไม่อยากทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เกลียดผู้ชาย และยังฝันร้ายถึงเรื่องที่เกาหลีหรอกค่ะ" เธอตอบ ลุกขึ้นยืน
อีริคขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่ารมิดาจะทำอะไร
"คุณจะไป....ไหน" จู่ๆ คนที่เคยเข้มแข็ง ก็ไม่อยากนั่งฟังเสียงฟ้าเสียงฝนอยู่คนเดียวซะอย่างนั้น แถม เขารู้สึกว่าพูดกับรมิดายังไม่จบ
"ฉันไม่ได้ไปไหน แค่...อยากอยู่ใกล้คุณ เอ่อ อีกนิด"
อีริครู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่าย ใกล้แค่เอื้อม รู้สึกว่าเข่าของหญิงสาวชนกับเข่าของตนเอง ถ้าจินตนาการชองชายหนุ่มไม่ผิด ตอนนี้รมิดายืนเผชิญหน้ากับเขาซึ่งนั่งอยู่ และเธอก้มหน้าลงมาชิดหน้าของเขา ทั้งๆ ที่ผมยังหมาดน้ำ
"ฝน"
"..." เธอไม่ตอบ กลับกดริมฝีปากของตัวเองลงมาเบาๆ ที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม นั่นทำให้เขาผงะออกไปด้านหลังเล็กน้อยด้วยความตกใจและแปลกใจในครั้งแรก ก่อนจะผ่อนคลาย เอามือของตนเองจับต้นแขนทั้งคู่ของหญิงสาวไว้
ตอนนี้ ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าจะรั้งร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้า ให้เข้าหาตัว หรือผลักออกดี
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง ไม่รู้จะทำอย่างไร
เหมือนรมิดาจะรู้ เธอเป็นฝ่ายทิ้งตัวลงบนตักของชายหนุ่ม ไล่ปลายนิ้วมาที่ต้นคอของเขาเพื่อจะยึดอีกฝ่ายไว้ และกดรมฝีปากไปยังปากของอีกฝ่ายอีกนิด
อีริคไม่มีโอกาสแม้แต่ถอนหายใจ เขาทำได้เพียงเลื่อนแขนของตัวเองขึ้นมาที่กลางหลังของหญิงสาว รั้งให้เธอเข้าหาตัว และตอบสนองต่อริมฝีปากช่างเรียกร้องนั้น
เธอยังฝันร้ายบ่อยๆ ...แต่เธอบอกว่าไม่กลัวเขา
เขาเองก็ฝันร้ายบ่อยๆ แต่ไม่เคยบอกใคร
การอยู่ใกล้ชิดกับเธอจนแทบจะเป็นคนๆ เดียวกันแบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน ทั้งอบอุ่น อ่อนหวาน และวาบหวามในคราวเดียวกัน
ต่างฝ่ายต่างให้ และรับความรู้สึกของกันและกัน ถ่ายทอดความผิดหวัง โหยหา ในหลายๆ เรื่องให้แก่กันละกัน
ชายหนุ่มพลิกตัวของรมิดาลงวางบนโซฟาที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะก้มตัวลงไปทาบทับ ใช้มือแทนสายตาที่มองไม่เห็นสัมผัสไปทั่วร่างอุ่นๆ ที่ลมหายใจเต้นไม่เป็นส่ำของหญิงสาว เจ้าตัวไล้นิ่วผ่านต้นคอก่อนจะกดริมฝีปากลงไป ปลายนิ้วของเขาไล้มาที่คอเสื้อยืดหมาดน้ำของหญิงสาว ดึงให้มันยืดออก เพื่อที่จะได้สัมผัสบริเวณที่ต่ำกว่านั้น
รมิดาส่ายหน้า แล้วก็เอามือผลักอกของอีกฝ่ายเบาๆ "อย่าค่ะ"
คนที่อยู่ด้านบนเหมือนจะได้ยินเสียงนั้นไกลๆ ...พระเจ้า เขาไม่อยากหยุดเลย...
"กลัวเหรอ"
"มัน..."
"ผมไม่ทำร้ายคุณ เหมือนพวกที่เกาหลีหรอก รับรองได้" อีริคกดริมฝีปากที่ขมับของอีกฝ่าย เดาใจของคนปฏิเสธ "หรือว่ากลัวผม"
คนฟังหน้าร้อน รู้สึกเขินอายที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน แต่กลับกลัวเมื่อเขาทำจริงๆ ซะอย่างนั้น
"ทั้งสองอย่างค่ะ" เธอตอบเสียงเบา
อีริคปล่อยเสียงหัวเราะก่อนจะลากจมูกลงข้างแก้มของคนในอ้อมกอดหนึ่งครั้ง และผละออก ลุกขึ้น ปล่อยให้เกิดความว่างเปล่ากับร่างเล็กๆ ที่นอนอยู่
รมิดารีบลุกขึ้นนั่ง เงยหน้ามองร่างสูง รู้สึกลึกๆ ว่ายังโหยหาอ้อมกอดอุ่นๆ ของเขาอยู่
"มานี่สิ" ชายหนุ่มแบมือออก
"คะ" รมิดาวางมือของตนเองไว้บนฝ่ามือของเขา ยังไม่ทันจะวางสนิทดี ก็ถูกรวบปลายนิ้วทังหมด และดึงให้ลุกขึ้น "คะ...คุณจะพาฉันไปไหนคะ"
ชายหนุ่มไม่ตอบ ก้าวยาวๆ ราวกับคนตาดีตรงไปยังห้องนอนของตนเอง ในขณะที่หญิงสาวเบิกตากว้าง แก้มร้อนกว่าเดิมเป็นสองเท่า
ร่างบางปลิวตามแรงของคนร่างสูงไปราวกับนุ่นเบาๆ ปล่อยให้เขาลากเข้าห้อง ปิดประตู และดึงร่างเล็กเข้าหาตัว
"ผมจะทำให้คุณเลิกกลัว...ทั้งสองอย่าง"
คนฟังอมยิ้ม เงยหน้าขึ้น และซบลงกับอกของอีกฝ่าย ได้ยินเสียงหัวใจของคนร่างสูงเต้นเป็นจังหวะ ร่างกายของเขาช่างอุ่นดีเหลือเกิน
"บอกไว้ก่อน ว่าถึงวันพรุ่งนี้ คุณอาจจะเสียใจก็ได้ ดังนั้น...ให้โอกาสตัดสินใจอีกที"
หญิงสาวหลับตา เธอเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่ คนเรามีสิทธิ์เลือกในทุกๆ เรื่องเสมอ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเมื่อเลือกแล้วต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เลือก
อีริคกำลังให้ทางเลือกกับเธอ
"คุณให้ฉันเลือก ทั้งๆ ที่ลากฉันเข้ามาในห้องน่ะเหรอคะ"
เสียงหัวเราะหึหึ มือหนาลากลงมาที่กลางหลังอุ่นจัด ถึงแม้ไม่เห็น เขาก็สัมผัสได้ว่า คนในอ้อมกอดกำลังหน้าแดง แก้มแดง ตัวเธออุ่นพอๆ กับเขาแล้วในตอนนี้
"เอาเป็นว่า ผมบังคับคุณ...ก็แล้วกัน" เขาก้มหน้าลงมาขณะที่อุ้งมือลากมาที่ข้างแก้มของรมิดา และดึงใบหน้าของเธอให้เงยขึ้น
จากที่สัมผัส เขารู้ว่ารมิดากำลังยิ้ม เธอเขย่งเท้าขึ้น และก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะหาริมฝีปากของเธอพบ เธอก็จูบเขาเสียก่อน
"บางที คุณอาจต้องใช้เวลานานหน่อยนะ กว่าที่จะทำให้ฉัน ลืมความกลัวทั้งหมดได้"
"ไม่เป็นไร...ฝนตก เราไปไหนไม่ได้แล้ว ผม...มีเวลาทั้งวัน"
"....." รมิดากลั้นใจ แล้วก็ปล่อยให้ คนที่มั่นใจนักหนานั่น ลอง "แสดงฝีมือ" ในการลบความกลัวของเธอด้วยเวลาทั้งวันอย่างที่เขากล่าวอ้าง
อยากรู้เหมือนกัน ว่ามือกีตาร์ขาร์อค ที่ไม่เคยมีข่าวคาวเรื่องสาวๆ นี่ . ... จะมีฝีมือสักแค่ไหนกัน
"เดี๋ยวมานะคะ ปิดประตูหน้าต่างก่อน ไม่งั้นเราจะเปียกกันทั้งสองคนแน่ๆ "
รมิดาวิ่งไปปิดหน้าต่างประตูให้วุ่น ในขณะที่ผู้ร่วมบ้านอีกคนได้แต่นั่งนิ่งๆ ฟังเสียงฝน
เสียงปิดหน้าต่าง รูดม่าน ปิดประตู ดังเป็นระยะๆ แต่เจ้าตัวกลับสูดหายใจลึก เอากลิ่นฝนผสมกับกลิ่นทะเลเข้าปอด ก่อนจะวางกีตาร์ไว้ข้างกาย ลุกขึ้น
"คุณจะเอาอะไรคะ" เสียงแม่บ้านถามขึ้น คงจะได้ยินเสียงฝน แล้วตั้งใจจะมาช่วยปิดหน้าต่างประตู
"อยากได้ผ้าขนหนู หยิบมาให้หน่อย เอาผืนใหญ่หน่อยนะ"
แม่บ้านกลับมาส่งผ้าขนหนูให้ชายหนุ่ม ก่อนตรงไปช่วยรมิดาปิดประตู แต่หญิงสาวจัดการเรียบร้อยแล้วจึงหลบกลับไปด้านหลัง
ส่วนรมิดาเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกด้วยอาการเปียกปอน ร่างสูงเดินตรงมาที่หญิงสาว และส่งผ้าขนหนูให้ตรงหน้าอย่างไม่พลาดราวกับตาเห็นว่าเธอยืนอยู่จุดไหน
สายตาไม่ดีแตชายหนุ่มพัฒนาประสาทสัมผัสด้านอื่นของตนเองขึ้นมาเรื่อยๆ หญิงสาวคิดว่า อาการของอีริคทางร่างกายคงไม่แย่นัก หากสายตาของเขาไม่ดีขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นในการทำอะไรทุกอย่าง จนทำให้เขาทำสำเร้จมาแล้วหลายเรื่อง แค่เรื่องการมองไม่เห็นคงไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตต่อไปแน่ๆ
เรื่องกำลังใจก็เช่นเดียวกัน เธอคิดว่า เขาคงจะฟื้นตัวในเวลาไม่นานเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยแสดงมุมที่อ่อนไหวของตนเองให้ใครเห็นมากนัก ถ้าไม่นับเมื่อเช้านี้
อีริคเป็นตันแบบของผู้ชายแบบที่เห็นไม่ง่ายนักใน พ.ศ.นี้ นับวันที่รู้จักกันมากขึ้น เธอยิ่งรู้สึกนับถือเขามากขึ้นเรื่อยๆ
"ขอบคุณค่ะ" ปลายนิ้วของรมิดาสัมผัสฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ "ไม่น่าต้องลำบากเลย เดี๋ยวฉันเดินไปหยิบเองก็ได้"
"ฝนแรง ไม่รีบเช็ดผม เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ"
หญิงสาวยิ้ม น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของเขา ทำให้หัวใจของเธอไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เจ้าตัวก็บอกไม่ถูก บอกตัวเองว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้เห็นมุมนี้ของอีกฝ่าย
เธอเอาผ้าขนหนูเช็ดผมด้วยมือหนึ่ง แล้วเอาอีกมือที่ว่างจูงพาเขากลับมานั่งที่เดิม
"ผมเดินเองได้"
"รู้ค่ะ แค่ฉันอยากดูแลคุณ" เธอตอบง่ายๆ ตรงไปตรงมา แต่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกลั้นหายใจ "แค่อยากทำให้ ไม่ได้คิดว่าคุณทำอะไรไม่ได้เสียหน่อย"
ไม่มีใครพูดกับเขาแบบนี้บ่อยนักหรอก คำพูดของรมิดาใสซื่อ จริงใจ เสียจนคนที่พยายามทำใจแข็งอย่างอดีตมือกีตาร์วง Evasion ถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่ววินาที ปล่อยให้เธอจูงเขาไปนั่งที่โซฟา โดยที่เธอนั่งลงข้างๆ และเอาผ้าขนหนูที่ได้รับจากเขาเช็ดผมของตัวเองเบาๆ
"จริงๆ นะคะ ไม่ว่าพรุ่งนี้คุณจะสายตาเป็นยังไง ฉันก็ยังอยากดูแลคุณ แล้วก็...ให้คุณดูแลฉันบ้างเป็นบางทีแบบนี้"
การที่สายตามองไม่เห็น ทำให้เขาจินตนาการของตัวเองเป็นหลัก แล้วตอนนี้จินตนาการมันก็กระเจิงไปไกลกว่าที่คิด กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ผิวกายนุ่มๆ ที่สัมผัสกันเพียงต้นแขนเพราะเธอนั่งเบียดกับเขาอยู่ มันทำให้เลือดของชายหนุ่มอุ่นขึ้นมาได้ไม่ยาก
ยิ่งเมื่อคิดถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่เขาได้สัมผัสมันก่อนหน้านี้มาครั้งสองครั้ง มันยิ่ง....
"พูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า" เขาถามเสียงเบา พยายามหาเรื่องคุย เพื่อลบภาพในจินตนาการด้านมืดของตัวเองออกไปจากหัว พักนี้ความคิดของเขามักจะวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของผู้หญิงตัวเล็กๆ ข้างตัวนี่เสมอ จนทำให้ความคิดด้านที่เป็นเหตุผล เป็นตรรกะอันควรของเขาลดหายไปเกินครึ่ง
"รู้สิคะ"
คนพูดลดมือข้างที่เช็ดผมอยู่ไว้ที่หน้าตัก เอาศีรษะพิงไหล่ของอีกฝ่าย
"รู้ว่าฉันอยากอยู่ใกล้คุณเสมอ ไม่ว่ายามที่คุณสุข หรือทุกข์ ไม่ว่าคุณจะโกรธ หรือเกลียดพ่อของฉันแค่ไหน"
"...และผมอาจจะเกลียดเขาตลอดไปก็ได้" เสียงฝนยังกระหน่ำอยู่ด้านนอกแว่วเข้าหูของคนพูด
"ค่ะ ฉันรู้ แล้วก็เข้าใจ ตราบใดที่คุณไม่รังเกียจฉัน และไม่ทำร้ายเขามากไปกว่าที่เขากำลังถูกกรรมของเขาเองตามทันอยู่"
"ฝน..."
"ฉันอยากรักคุณ แล้วก็อยากถูกคุณ...เอ่อ...รักค่ะ"
คนพูดรู้ดีว่า ความฝันแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่มากเกินไป แต่เธอก็ยังอยากจะพูด อยากจะบอกเขา อาจจะเพราะบรรยากาศที่ดีเหลือเกินระหว่างทั้งคู่ในช่วงเช้า อาจจะเพราะทุกสิ่งที่เขาทำมา อาจจะเพราะฝนตก
หรืออาจจะเพราะยังติดใจกับรสจูบแสนวาบหวามเมื่อเช้า ที่ทำให้เธอคิดอะไรแปลกๆ พูดอะไรแปลกๆ ออกไป
แค่คนพูดไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
"ไม่ได้อยากไถ่บาบนะ" ชายหนุ่มกลั้นใจถาม
"นั่นมันส่วนหนึ่ง" หญิงสาวรับตามตรง ไม่ปฏิเสธ "แต่ถ้าไถ่บาป ฉัน...คงไม่อยากทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เกลียดผู้ชาย และยังฝันร้ายถึงเรื่องที่เกาหลีหรอกค่ะ" เธอตอบ ลุกขึ้นยืน
อีริคขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่ารมิดาจะทำอะไร
"คุณจะไป....ไหน" จู่ๆ คนที่เคยเข้มแข็ง ก็ไม่อยากนั่งฟังเสียงฟ้าเสียงฝนอยู่คนเดียวซะอย่างนั้น แถม เขารู้สึกว่าพูดกับรมิดายังไม่จบ
"ฉันไม่ได้ไปไหน แค่...อยากอยู่ใกล้คุณ เอ่อ อีกนิด"
อีริครู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่าย ใกล้แค่เอื้อม รู้สึกว่าเข่าของหญิงสาวชนกับเข่าของตนเอง ถ้าจินตนาการชองชายหนุ่มไม่ผิด ตอนนี้รมิดายืนเผชิญหน้ากับเขาซึ่งนั่งอยู่ และเธอก้มหน้าลงมาชิดหน้าของเขา ทั้งๆ ที่ผมยังหมาดน้ำ
"ฝน"
"..." เธอไม่ตอบ กลับกดริมฝีปากของตัวเองลงมาเบาๆ ที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม นั่นทำให้เขาผงะออกไปด้านหลังเล็กน้อยด้วยความตกใจและแปลกใจในครั้งแรก ก่อนจะผ่อนคลาย เอามือของตนเองจับต้นแขนทั้งคู่ของหญิงสาวไว้
ตอนนี้ ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าจะรั้งร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้า ให้เข้าหาตัว หรือผลักออกดี
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง ไม่รู้จะทำอย่างไร
เหมือนรมิดาจะรู้ เธอเป็นฝ่ายทิ้งตัวลงบนตักของชายหนุ่ม ไล่ปลายนิ้วมาที่ต้นคอของเขาเพื่อจะยึดอีกฝ่ายไว้ และกดรมฝีปากไปยังปากของอีกฝ่ายอีกนิด
อีริคไม่มีโอกาสแม้แต่ถอนหายใจ เขาทำได้เพียงเลื่อนแขนของตัวเองขึ้นมาที่กลางหลังของหญิงสาว รั้งให้เธอเข้าหาตัว และตอบสนองต่อริมฝีปากช่างเรียกร้องนั้น
เธอยังฝันร้ายบ่อยๆ ...แต่เธอบอกว่าไม่กลัวเขา
เขาเองก็ฝันร้ายบ่อยๆ แต่ไม่เคยบอกใคร
การอยู่ใกล้ชิดกับเธอจนแทบจะเป็นคนๆ เดียวกันแบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน ทั้งอบอุ่น อ่อนหวาน และวาบหวามในคราวเดียวกัน
ต่างฝ่ายต่างให้ และรับความรู้สึกของกันและกัน ถ่ายทอดความผิดหวัง โหยหา ในหลายๆ เรื่องให้แก่กันละกัน
ชายหนุ่มพลิกตัวของรมิดาลงวางบนโซฟาที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะก้มตัวลงไปทาบทับ ใช้มือแทนสายตาที่มองไม่เห็นสัมผัสไปทั่วร่างอุ่นๆ ที่ลมหายใจเต้นไม่เป็นส่ำของหญิงสาว เจ้าตัวไล้นิ่วผ่านต้นคอก่อนจะกดริมฝีปากลงไป ปลายนิ้วของเขาไล้มาที่คอเสื้อยืดหมาดน้ำของหญิงสาว ดึงให้มันยืดออก เพื่อที่จะได้สัมผัสบริเวณที่ต่ำกว่านั้น
รมิดาส่ายหน้า แล้วก็เอามือผลักอกของอีกฝ่ายเบาๆ "อย่าค่ะ"
คนที่อยู่ด้านบนเหมือนจะได้ยินเสียงนั้นไกลๆ ...พระเจ้า เขาไม่อยากหยุดเลย...
"กลัวเหรอ"
"มัน..."
"ผมไม่ทำร้ายคุณ เหมือนพวกที่เกาหลีหรอก รับรองได้" อีริคกดริมฝีปากที่ขมับของอีกฝ่าย เดาใจของคนปฏิเสธ "หรือว่ากลัวผม"
คนฟังหน้าร้อน รู้สึกเขินอายที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน แต่กลับกลัวเมื่อเขาทำจริงๆ ซะอย่างนั้น
"ทั้งสองอย่างค่ะ" เธอตอบเสียงเบา
อีริคปล่อยเสียงหัวเราะก่อนจะลากจมูกลงข้างแก้มของคนในอ้อมกอดหนึ่งครั้ง และผละออก ลุกขึ้น ปล่อยให้เกิดความว่างเปล่ากับร่างเล็กๆ ที่นอนอยู่
รมิดารีบลุกขึ้นนั่ง เงยหน้ามองร่างสูง รู้สึกลึกๆ ว่ายังโหยหาอ้อมกอดอุ่นๆ ของเขาอยู่
"มานี่สิ" ชายหนุ่มแบมือออก
"คะ" รมิดาวางมือของตนเองไว้บนฝ่ามือของเขา ยังไม่ทันจะวางสนิทดี ก็ถูกรวบปลายนิ้วทังหมด และดึงให้ลุกขึ้น "คะ...คุณจะพาฉันไปไหนคะ"
ชายหนุ่มไม่ตอบ ก้าวยาวๆ ราวกับคนตาดีตรงไปยังห้องนอนของตนเอง ในขณะที่หญิงสาวเบิกตากว้าง แก้มร้อนกว่าเดิมเป็นสองเท่า
ร่างบางปลิวตามแรงของคนร่างสูงไปราวกับนุ่นเบาๆ ปล่อยให้เขาลากเข้าห้อง ปิดประตู และดึงร่างเล็กเข้าหาตัว
"ผมจะทำให้คุณเลิกกลัว...ทั้งสองอย่าง"
คนฟังอมยิ้ม เงยหน้าขึ้น และซบลงกับอกของอีกฝ่าย ได้ยินเสียงหัวใจของคนร่างสูงเต้นเป็นจังหวะ ร่างกายของเขาช่างอุ่นดีเหลือเกิน
"บอกไว้ก่อน ว่าถึงวันพรุ่งนี้ คุณอาจจะเสียใจก็ได้ ดังนั้น...ให้โอกาสตัดสินใจอีกที"
หญิงสาวหลับตา เธอเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่ คนเรามีสิทธิ์เลือกในทุกๆ เรื่องเสมอ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเมื่อเลือกแล้วต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เลือก
อีริคกำลังให้ทางเลือกกับเธอ
"คุณให้ฉันเลือก ทั้งๆ ที่ลากฉันเข้ามาในห้องน่ะเหรอคะ"
เสียงหัวเราะหึหึ มือหนาลากลงมาที่กลางหลังอุ่นจัด ถึงแม้ไม่เห็น เขาก็สัมผัสได้ว่า คนในอ้อมกอดกำลังหน้าแดง แก้มแดง ตัวเธออุ่นพอๆ กับเขาแล้วในตอนนี้
"เอาเป็นว่า ผมบังคับคุณ...ก็แล้วกัน" เขาก้มหน้าลงมาขณะที่อุ้งมือลากมาที่ข้างแก้มของรมิดา และดึงใบหน้าของเธอให้เงยขึ้น
จากที่สัมผัส เขารู้ว่ารมิดากำลังยิ้ม เธอเขย่งเท้าขึ้น และก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะหาริมฝีปากของเธอพบ เธอก็จูบเขาเสียก่อน
"บางที คุณอาจต้องใช้เวลานานหน่อยนะ กว่าที่จะทำให้ฉัน ลืมความกลัวทั้งหมดได้"
"ไม่เป็นไร...ฝนตก เราไปไหนไม่ได้แล้ว ผม...มีเวลาทั้งวัน"
"....." รมิดากลั้นใจ แล้วก็ปล่อยให้ คนที่มั่นใจนักหนานั่น ลอง "แสดงฝีมือ" ในการลบความกลัวของเธอด้วยเวลาทั้งวันอย่างที่เขากล่าวอ้าง
อยากรู้เหมือนกัน ว่ามือกีตาร์ขาร์อค ที่ไม่เคยมีข่าวคาวเรื่องสาวๆ นี่ . ... จะมีฝีมือสักแค่ไหนกัน
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2556, 13:13:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2556, 16:36:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 4077
<< 35 : หัวใจ...สับสน | 37: ไม่อาจเปลี่ยนใจ >> |
Siang 17 มิ.ย. 2556, 13:42:20 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อ่านแล้วได้แต่นั่งยิ้มอยู่หน้าจอเหมือนคนบ้าเลย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อ่านแล้วได้แต่นั่งยิ้มอยู่หน้าจอเหมือนคนบ้าเลย
kaelek 17 มิ.ย. 2556, 13:47:21 น.
อัยย่ะ!!!
อัยย่ะ!!!
คิมหันตุ์ 17 มิ.ย. 2556, 14:02:05 น.
อ๊าย ขนาดปิดตายังเขินจะแย่ ถ้าเปิดตาแล้ว จะเป็นยังไงน้อ?
อ๊าย ขนาดปิดตายังเขินจะแย่ ถ้าเปิดตาแล้ว จะเป็นยังไงน้อ?
namon 17 มิ.ย. 2556, 17:00:01 น.
สวัสดีค่าพี่ตา ขอบคุณมากๆเลยค่ะแวะไปทักน้องด้วย
สวัสดีค่าพี่ตา ขอบคุณมากๆเลยค่ะแวะไปทักน้องด้วย
pattisa 17 มิ.ย. 2556, 17:14:54 น.
กรี๊ดๆ อ่านเเล้วเขินอ่ะ
กรี๊ดๆ อ่านเเล้วเขินอ่ะ
จุฬามณีเฟื่องนคร 17 มิ.ย. 2556, 17:29:04 น.
ผ่านมาทักทายค่ะ
ผ่านมาทักทายค่ะ
pkka 17 มิ.ย. 2556, 18:56:58 น.
ปิดตาๆ
ปิดตาๆ
Zephyr 17 มิ.ย. 2556, 19:48:39 น.
บ๊ะ กลับมาก็ร้อนแรงเลย
ฮ่าๆๆๆ แค่เห็นก็ดีใจละค่า
แถมมาด้วยเลิฟซีน ฮ่าๆๆ ซึ่งก็ไม่ได้บรรยายละเอียด แต่เค้าจิ้นบรรเจิดไปแล้วววว
บ๊ะ กลับมาก็ร้อนแรงเลย
ฮ่าๆๆๆ แค่เห็นก็ดีใจละค่า
แถมมาด้วยเลิฟซีน ฮ่าๆๆ ซึ่งก็ไม่ได้บรรยายละเอียด แต่เค้าจิ้นบรรเจิดไปแล้วววว
konhin 17 มิ.ย. 2556, 19:51:18 น.
นางเอกท้าทายยย ฮ่าๆๆ หวานจัง
นางเอกท้าทายยย ฮ่าๆๆ หวานจัง
mhengjhy 17 มิ.ย. 2556, 20:42:21 น.
แหม่ ลอง "ฝีมือ" กรี้ดดดดดด
แหม่ ลอง "ฝีมือ" กรี้ดดดดดด
kin 17 มิ.ย. 2556, 22:03:25 น.
กรี๊ดดดดดดดดดด จิกหมอนค่าจิกหมอน
กรี๊ดดดดดดดดดด จิกหมอนค่าจิกหมอน
Hibara 17 มิ.ย. 2556, 22:07:40 น.
อุ๊ยยย ไม่ค่อยเห็น (หรือไม่เคยเห็นเลยไม่รู้) พี่ตาเขียนฉากแบบนี้ อ่านแล้วเขินเลย >..<
อุ๊ยยย ไม่ค่อยเห็น (หรือไม่เคยเห็นเลยไม่รู้) พี่ตาเขียนฉากแบบนี้ อ่านแล้วเขินเลย >..<
ชนาพัทธ์ 17 มิ.ย. 2556, 23:21:07 น.
กรี๊ดดดดด เขินมากค่ะ น่ารักมากมาย ><
กรี๊ดดดดด เขินมากค่ะ น่ารักมากมาย ><
ree 17 มิ.ย. 2556, 23:25:41 น.
ซะงั้น
ซะงั้น
ของขวัญ 18 มิ.ย. 2556, 00:50:37 น.
ค้างคาใจค่ะ อยากอ่านต่อๆ อยากรู้ว่าอีริคจะกลับมาเห็นอีกหรือเปล่า
ค้างคาใจค่ะ อยากอ่านต่อๆ อยากรู้ว่าอีริคจะกลับมาเห็นอีกหรือเปล่า
รัชต์ 18 มิ.ย. 2556, 07:13:12 น.
พี่บอดเราบึ้มซะแล้ว
พี่บอดเราบึ้มซะแล้ว
เด็กหญิงม่อน 18 มิ.ย. 2556, 17:19:35 น.
ไม่ใช่รมิตาคนเดียวที่หน้าแดง คนอ่านก็หน้าแดงไปด้วยเลย
ไม่ใช่รมิตาคนเดียวที่หน้าแดง คนอ่านก็หน้าแดงไปด้วยเลย
yayee62 20 มิ.ย. 2556, 13:52:32 น.
น่าน ลองของ
น่าน ลองของ
ผักหวาน 1 ก.ค. 2556, 10:40:18 น.
555 เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ไม่ไหวๆ กลับใจไม่กล้าพอ
แต่ดีแล้วล่ะจ๊ะ ดีกว่า เสียใจทีหลังมั้ย
เอ๊ะๆๆ มันจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้รึเปล่าคะเนี่ย
555 เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ไม่ไหวๆ กลับใจไม่กล้าพอ
แต่ดีแล้วล่ะจ๊ะ ดีกว่า เสียใจทีหลังมั้ย
เอ๊ะๆๆ มันจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้รึเปล่าคะเนี่ย