นิยามรักหัวใจร็อค ภาค 2 (นิยามรักของเจ้าชายเย็นชา)
เรื่องราวของอีริค หนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ ที่แสนจะเงียบขรึม คนที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานดนตรีของ Evasion ผู้มีความหลังอันลึกลับ และขมขื่น ....
Tags: สิรินดา, นิยามรัก, หัวใจร็อค, แจ่มใส, ภาค 2,นิยาย, sirinda, jamsai, novels, love story, อีริค
ตอน: 37: ไม่อาจเปลี่ยนใจ
ปลายนิ้วแข็งแรงค่อยไล้อยางเแผ่วเบาบนลาดไหล่เนียนราวกับเจ้าตัวกำลังร่ายนิ้วอยู่บนสายกีตาร์อันคุ้นเคย เพียงเสี้ยววินาทีถัดจากนั้น อย่างอดใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่คิดว่าคนข้างกายควรจะพักผ่อนหลังจากต้องรับความรู้สึกแปลกใหม่ระหว่างกันและกันมาค่อนคืน แต่ริมฝีปากอุ่นๆ ก็ไล่ตามปลายนิ้วไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ปลุกคนที่กำลังหลับลึกเพราะความอ่อนเพลียให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด หญิงสาวเลื่อนสายตาไปยังนาฬิกาปลุกหัวเตียง แสงจันทร์ที่สาดผ่านหน้าต่างทำให้เห็นเงาสลัวของโต๊ะเล็กข้างเตียง ทำให้พอมองเห็นเข็มนาฬิกาบอกว่าก้าวเข้าสู่วันใหม่มากว่าสามชั่วโมงแล้ว
รมิดาห่อไหล่เข้าหากันอย่างอัตโนมัติ พยายามจะพลิกตัวหนี แต่ถูกรั้งไว้ด้วยฝ่ามืออุ่นๆ ที่เริ่มคุ้นเคยของอีกฝ่าย ภาพความทรงจำที่ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าทำให้เจ้าตัวอมยิ้ม สูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความเต็มตื้นของความรู้สึกบางอย่างที่แปลกใหม่
"คุณตื่นไวจัง ยังไม่สว่างเลยนะคะ"
"ใครว่า ผมยังไม่ได้นอนต่างหาก"
เสียงกระซิบนุ่มอยู่ข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ และปลายผมยาวของเขาที่ระลงมาตามข้างแก้มทำให้รมิดาขนลุกเกรียว
"ไม่ง่วงหรือคะ"
"ไม่" คำตอบสั้นๆ เพราะปากของคนพูดยังไม่ว่าง
"แต่ฉันง่วงนี่นา" คนพูดพยายามเบี่ยงตัวหลบ ดึงผ้าห่มมาพันกาย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่นัก "นอนเถอะค่ะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อพบหมอนะคะ"
ริมฝีปากอุ่นๆ หยุดนิดหนึ่ง เปิดโอกาสให้รมิดาขับตัวหนี พลิกตัวพยายามลุกจากเตียงโดยที่ดึงผ้าห่มติดกายมาด้วย แต่เจ้าตัวทำได้เพยงวางเท้าลงข้างเตียง และลุกขึ้นนั่ง เพราะปลายแขนถูกดึงเอาไว้จากคนที่สายตามองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสดีเกินปกติ
"อ้าว จะไปไหนล่ะ"
"ฉันคิดว่า...เอ่อ กลับห้องดีกว่า" คนพูดหน้าแดงเพราะเจตนาคนที่นอนไม่หลับชัดเจนเหลือเกินว่าอยากทำอะไร การอยู่ด้วยกันหลายชั่วโมงก่อนหน้า บอกได้ว่า มือกีตาร์ขาร็อคคนนี้ไม่ได้เป็นคนไร้ประสบการณ์กับเรื่องบนเตียงอย่างที่ใครๆ คิด เขาทำให้หญิงสาวที่มีความทรงจำอันเลวร้ายจากการแตะต้องเนื้อตัวของผู้ชายหื่นกระหายค่อยๆ หายไป ด้วยการทดแทนด้วยความรู้สึกอุบอุ่น อ่อนหวาน และค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นอย่างใจเย็นอย่างที่สุด
เขาอดทน รอคอย และไม่ตักตวงทุกสิ่งทุกอย่างตามความรู้สึกของตนเอง รอจนหญิงสาวเป็นฝ่ายตอบโต้ และรุกหาเขาบ้าง จึงได้ยอมปลดปล่อยความรู้สึกของตนเองออกมา ทำให้รมิดาเป็นผู้ควบคุม ตัดสินทุกความรู้สึกของการมีความสัมพันธ์ของทั้งคู่
บทรักอันยาวนาน ดูเหมือนจะลบความรุ้สึกเกลียดและกลัวผู้ชายของรมิดาได้กว่าครึ่ง จนลางเลือน หญิงสาวอ่อนเพลียและคิดว่าหากไม่ถูกปลุกขึ้นมาอีกแบบนี้ คงนอนยาวถึงแปดโมงเช้าแน่ๆ
"แล้วคุณจะปล่อยให้ผมนอนคนเดียว ในความมืดมองอะไรไม่เห็นนี่นะ"
"ก็นอนคนเดียวมาตั้งนานแล้ว จะมาบ่นอะไรตอนนี้ล่ะ" คนฟังบ่นอุบ
"เผื่อผมอยากได้อะไรตอนดึกๆ หรืออยากจะลุกไปห้องน้ำ ใครจะพาไปล่ะ" คนพูดชันตัวลุกขึ้น เสยผมยาวของตนเองที่ตกลงมาปรกหน้าผากให้พ้นทาง รมิดาเผลอหันไปมอง แล้วก็ต้องรีบหันหน้าหนีทันควัน...เธอลืมไปว่าบนเตียงของอีริคมีผ้าห่มอยู่ผืนเดียว แล้วเธอก็เอามาพันตัวเองเสียแล้ว ร่างที่ลุกขึ้นมานั่งจึงเข้าข่ายภาพหน้ากลางบนหนึงสือเปลือยผู้ชาย
ไหล่ของอีริคกว้าง และหญิงสาวรู้ดีว่าอ้อมกอดนั้นแข็งแรง ผมยาวของเขาไล่ระลงมาปรกบ่า แต่มันไม่ได้ทำให้ความเข้มแข็งอันเกิดจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอของเขาลดลง ไล่ลงไปจากอก เป็นหน้าท้องแบนเรียบ และต้นขาแข็งแรง เหมือนเทพที่่ตกลงมาจากสวรรค์ ท่ามกลางแสงจันทร์ รมิดาหายใจสะดุด เพราะภาพในจินตนาการของตนเองลึกซึ้งกว่าภาพที่มองเห็นอีกหลายเท่า
"คุณก็...ลุกไปเองได้นี่คะ"
คนที่มีผ้าพันแผลปิดตาอยู่ส่ายหน้าช้าๆ ดึงอีกฝ่ายให้นอนลง แล้วดึงผ้าห่มที่พันตัวเธอมาปิดตัวเองด้วย "บางที ผมก็อยากได้คนบริการอะไรนิดๆ หน่อยๆ เหมือนกันนี่นา"
...อ้อน...เอาเรื่องจริงๆ พ่อคนนี้ หญิงสาวคิดในใจ
"แล้วผมก็นอนไม่หลับ อยากคุยด้วย คุณเอาแต่นอนหลับปุ๋ยนิ่งน่าอิจฉาเชียว"
ปลายนิ้วเรียวเลื่อนลงไปกอดเอวบางของรมิดา แล้วก็ดึงเธอเข้าชิดกาย ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย "นอนคุยกันนะ"
"ฉันง่วงนี่นา" คนพูดยุกยิก ทั้งๆ ที่รู้ตีว่าหลบอย่างไรก็ไม่พ้น
เสียงอีกฝ่ายหัวเราะหึๆ "ผมว่าเสียงของคุณไม่ง่วงเท่าไหร่แล้วนะ"
"ก็คุณนั่นแหละ...ไม่เอาแล้ว นอนนิ่งๆ สิคะ ถ้าอยากคุยกัน ไม่อย่างนั้น ฉันกลับห้องจริง ๆ ด้วย" คราวนี้คนพูดทำเสียงจริงจัง ใครจะไปคิดว่ามือกีตาร์ขาร็อคจะกลายเป็นมือกีตาร์ขาหื่น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ดูจะนิ่งยิ่งกว่าหินผาเสียอีก
"โอเค คุย..." คนพูดดึงมือออกจากเอวของอีกฝ่าย แล้วทับลงที่เดิมแต่บนผ้าห่ม "แต่กอดคุณไว้แบบนี้ได้ไหม"
หญิงสาวพยักหน้า
"...." เงียบ ผ่านไปเกือบนาที ก็ยังไม่มีเสียงจากคนข้างกาย
"อ้าว ไหนว่าจะคุยไงคะ คุณจะคุยเรื่องอะไร"
"กำลังหาเรื่่องอยู่ แต่อยู่ข้างๆ ฝนแบบนี้ คิดอะไรไม่ออกเลย ตัวคุณหอมดี แล้วผิวก็เนียน แล้วมันก็นุ่มมากเวลาผม..." คนพูดตอบเสียงเบา
คนฟังหน้าแดงปรี๊ด
"หยุดเลย กอดฉันไว้เฉยๆ แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฉันไม่ไปไหนแล้ว" คนพูดพลิกตัวเข้าซุกในอ้อมกอดของคนร่างสูง
อีริคพยักหน้ากระชับอ้อมกอด สูดหายใจเข้าปอดลึก แล้วจรดปลายจมูกลงที่ลาดไหล่ของอีกฝ่ายอีกครั้ง
ไม่มีบทสนทนา มีเพียงเสียงหายใจ และหัวใจสองดวงที่เต้นสอดประสานกัน
.....
คณะแพทย์และพยาบาลเดินทางมาถึงบ้านพักแห่งนั้นด้วยเครื่องบินเช่าสว่นตัวของอีวาน ห้องนอนของอีริคถูกเซ็ตให้เป็นสถานพยาบาลชั่วคราว
คนที่ตามทีมแพทย์มาด้วย คือ Evasion ทั้งวง ทุกคนอยากมาให้กำลังใจเพื่อนรักของตนเองทั้งนั้น อีวานเลยตัดสินใจพักงานหนึ่งวัน
รมิดาถูกกันตัวออกจากการตรวจ เธอนั่งนิ่งๆ แต่ไม่สงบสุขนักอยู่ที่ห้องรับแขก ในขณะที่สมาชิกวง Evasion เดินไปเดินมาอยู่รอบตัว นายแพทย์เดินออกมาจากห้องหลังจากเข้าไปตรวจอาการของอีริคราวครึ่งชั่วโมง
ทุกคนหยุดนิ่งและหันไปในทิศเดียวกัน
"เป็นอย่างไรบ้างครับ" อีวานถามขึ้น
"ผมเปิดแผลแล้ว แผลผ่าตัดปกติดี แต่เราต้องเอาเขากลับกรุงเทพด่วนครับ ระบบประสาทตาของคุณอีริคมีปัญหา ผมคิดว่าต้องผ่าตัดอีกรอบ"
รมิดาอ้าปากค้าง
"เก็บของครับคุณฝน ด่วนเลย" อีริคบอก "เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะไปโรงพยาบาลกับอีริคและทีมหมอ ส่วนคุณ ช่วยเก็บของที่จำเป็นแล้วตามไปกับเจ้าพวกนี้นะครับ" คนพูดหมายถึงสมาชิกที่เหลือของวง
"แต่ว่า..."
"โอเค ทางนี้พวกฉันจัดการเอง นายรีบไปเถอะ" ฮิโรมิตัดบทสนทนา
หญิงสาวไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก เพราะอีวานยกโทรศัทพ์มือถือขึ้น เพื่อสั่งให้นักบินเตรียมเอาเครื่องบินออก
......
"ฝนว่าชุดนี้เป็นยังไง"
รมิดาสะดุ้งตัวนิดๆ จากความคิดที่เหม่อลอยไปไกล เจ้าตัวมองรอบตัว แล้วก็หันไปทางที่พี่สาวยืนอยู่ มองร่างสูงระหงแบบนางแบบที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ที่ตัดเย็บด้วยช่างฝีมือดีของเมืองไทย ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับภาพเจ้าสาวแสนสวยบนหน้าปกนิตยสาร
ถึงแม้ไม่ได้ทำผม และแต่งหน้าเพียงบางเบา แต่วันวิสาข์ดูเปล่งปลั่ง แววตาแห่งความสุขทอประกายจนคนที่นั่งอยู่สัมผัสได้
"สวยค่ะ สวยมากเลย ชุดนี้ก็สวย"
"แล้วเทียบกับชุดที่แล้วล่ะ ฝนว่ายังไง ชุดไหนดีกว่ากัน"
คนฟังกัดริมฝีปาก พยายามระลึกให้ได้ว่าชุดที่แล้วของพี่สาวเป็นยังไง "ยากจัง พี่สาใส่อะไรก็สวย ฝนว่าสวยทั้งหมดเลยที่พี่ลองมาน่ะ"
คราวนี้คนเป็นพี่สาวทำหน้านิ่ว "โหย แล้วอย่างนี้พี่จะเลือกได้ยังไงล่ะ อุตส่าห์พาเรามาด้วย จะให้ช่วยตัดสินใจนะเนี่ย"
รมิดาอมยิ้ม "บอกแล้วว่าให้พาคุณดินมาด้วย ให้เจ้าบ่าวเลือกดีกว่ามั้ง จะได้ถูกใจกันทั้งสองฝ่าย ให้ฝนเลือก ฝนก็ว่าพี่สาใส่สวยทุกชุดอยู่แล้ว"
วันวิสาข์ส่ายหน้า "รายนั้นหนักกว่า อาจจะเลือกไม่ได้เลย เพราะเป็นพวกง่ายๆ อะไรก็ได้" คนพูดมองตัวเองผ่านกระจก "พี่ว่าชุดนี้แหละสวยดี เรียบๆ หน่อย เดี๋ยวให้พี่เจี๊ยบทำผ้าคลุมไหล่เพิ่มจะได้ไม่เปลือยเกินไป"
"พี่สาไม่ตัดใหม่หรือคะ" ชุดที่พี่สาวลอง เป็นชุดที่ร้านเอาไว้ให้เช้า และมันเคยใช้มาแล้วหนึ่งครั้ง
วันวิสาข์ส่ายหน้า "เปลืองเปล่าๆ เราใส่ครั้งเดียวเอง แล้วถ้าตัดงานด่วนแบบนี้คงโดนชาร์ทแพงน่าดู" วันวิสาข์ตอบน้องสาว "ประหยัดเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่านะ"
คนฟังได้ยินมากับหูว่าปฐพียอมจ่ายไม่อั้นสำหรับชุดเจ้าสาว จะตัดใหม่ หรือสั่งพิเศษจากแฟชั่นดีไซน์เนอร์ในไทยหรือต่างประเทศที่ไหนก็ได้ ....พี่สายังจะประหยัดไปไหนอีกเนี่ย
หลังจากอีริคต้องผ่าตัดด่วน หญิงสาวก็ถูกส่งตัวกลับมาอยู่กับพี่สาว เพราะคนป่วยต้องอยู่ห้องพิเศษปลอดเชื้อที่ห้ามญาติดูแลอย่างเด็ดขาด ข้างฝ่ายพี่สาว ก็ถูกรวบรัดให้แต่งงานจากว่าที่เจ้าบ่าวใจร้อน ด้วยการดูฤกษ์และเลือกฤกษ์แบบใกล้ที่สุด ทำให้ฝ่ายเจ้าสาวมีเวลาเตรียมตัวเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
นั่นทำให้รมิดายุ่งวุ่นวายมากมายนับแต่นั้น เพราะพี่สาวเห็นว่าน้องสาวออกอาการซึมๆ จึงลากตัวมาช่วยเรื่องงานแต่งงานที่เจ้าบ่าวใจร้อนต้องการให้จัดแบบด่วนจี๋นั่นทันที
ทั้งสถานที่ ทั้งเสื้อผ้า ทั้งการ์ด ทุกอย่างรมิดาถูกดึงไปร่วมด้วยทุกเรื่อง เจ้าบ่าวเพียงแต่ตามว่าไปถึงไหนแล้ว งบประมาณพอหรือเปล่า ไม่มีขัดในทุกเรื่อง บางเรื่องก็ตัดให้เวลาสั้นลง แต่งบประมาณแพงขึ้นซะอย่างนั้น
ผู้กองสินธร ฝาแฝดของปฐพีล้อว่าที่เจ้าบ่าวเล่นๆ ว่าเป็นเสือถูกถอดเขี้ยวเล็บ เพราะรู้ดีกว่าก่อนหน้านี้น้องชายใช้ชีวิตตามสบาย กับสาวๆ มากหน้าหลายตา และไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใครเสียที พอถึงคราววันวิสาข์ กลับเป็นฝ่ายรวบรัดตัดตอนเสียเอง
วันวิสาข์อยากได้งานแต่งงานเล็กๆ ที่มีเฉพาะคนรู้จักคุ้นเคย ซึ่งเจ้าบ่าวเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนแรก ทั้งคู่ตั้งใจจัดที่บ้านสวนของปฐพี แต่คุณมณีบอกว่าอยากให้จัดงานให้สมกับชื่อเสียงของเจ้าสาวซึ่งเป็นถึงลูกสาวรัฐมนตรี
'สาอยากได้งานเงียบๆ เล็กๆ มากกว่าค่ะ ฝั่งสา ก็คงมีเพื่อนสนิทๆ ไม่กี่คนเท่านั้น' ว่าที่เจ้าสาวบอกับคุณมณี 'คุณแม่ก็ติดธุระ เดินทางมาไม่ได้ จะพบท่านก็ตอนที่สากับคุณดินไปฮันนีมูนที่โน่น'
'แต่ว่า...'
'เล็กๆ ก็ดีครับ จะได้ง่ายๆ เร็วๆ ไม่เรื่องเยอะ เอาไว้ฉลองใหญ่ตอนหลานคนแรกก็ได้แม่'
คุณมณีค้อนวงใหญ่กับลูกชายที่ทำตาเจ้าชู้ใส่ว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง แต่ในที่สุดเธอก็ไม่ยอม ขอให้จัดที่โรงแรมหรูที่มีสถานที่จัดงานเป็นเรือนไทยริมน้ำแทน คุณมณีบอกว่า จะได้ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องจัดสถานที่ และหรูหราสมกับหน้าตาเจ้าสาว เสร็จแล้วค่อยมากินเลี้ยงกันเล็กๆ ภายในกันภายหลังที่บ้านสวนก็ยังได้
วันวิสาข์ไปพบนายดิเรกและบอกข่าวการแต่งงานให้ทราบ ในฐานะที่เธอยังนับถือเขาเป็นบิดา นายดิเรกในวันนี้ดูซูบซีด และเหนื่อยหน่ายกับชีวิต คดีความของเขายังไม่สิ้นสุดอีกหลายคดี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวการฉ้อโกงในโครงการต่างๆ ของรัฐซึ่งเกิดขึ้นสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งทางการเมือง
"ฝนเป็นอย่าไรบ้าง" หลังจากจบเรื่องของวันวิสาข์ นายดิเรกถามถึงลูกสาวอีกคนที่ยังห่วงไม่แพ้กัน
"สบายดีค่ะ บอกว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมพ่อเร็วๆ นี้ คราวนี้ฝนอยากให้สาได้คุยกับพ่อสบายๆ เลยขอไม่มาด้วย"
นายดิเรกพยักหน้า
"ฝนอาการดีขึ้นมากแล้วนะคะ ไม่เครียดจัด แล้วก็หวาดผวาแบบก่อนอีกแล้ว พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ น้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สาคิดว่าน้องดูแลตัวเองได้ค่ะ แล้วสาก็จะคอยดูแลให้อย่างดีที่สุดด้วย"
นายดิเรกพยักหน้า มองบุตรสาวคนโตที่ตนเองเคยอคติมาตลอดอย่างเต็มตื้น บอกตัวเองว่าเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน ความอาฆาตของเขาทำให้เจ้าตัวทำอะไรผิดพลาดกับเด็กสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้มากมาย และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาที่จะมาแก้ตัวอะไรแล้ว
.......
รมิดาอยู่ในชุดเดรสติดกันสีครีมอมส้ม เธอแต่งตัวเสร็จตั้งแต่เช้ามืดเพราะต้องจัดการเรื่องอื่นๆ แทนเจ้าสาวซึ่งยังแต่งหน้าไม่เรียบร้อยดี หญิงสาวร่างเล็กผมซอยสั้นมองพี่สาวที่แต่งตัวในชุดไทยประยุกต์สำหร้บพิธีหมั้นในตอนเช้าใกล้เสร็จแล้วอย่างชื่นชม วันวิสาข์ดูงดงาม เปล่งปลั่ง และมีความสุขมากมาย
ความรักอบอวลไปรอบ ๆ ตัว จนหญิงสาวต้องกลั้นน้ำตา
"อ้าวฝน เป็นอะไรไปน่ะ" พี่สาวหันมาเห็นเข้า
คนฟังส่ายหน้า ยกปลายนิ้วขึ้นกรีดน้ำตาที่ปริ่มขอบตาออก "ไม่มีอะไรค่ะ ฝนแค่มีความสุข ที่เห็นพี่สาจะมีความสุข มีคนดูแลแล้ว"
วันวิสาข์ดึงมือน้องสาวไปไกล้ตัว "พี่ยังเหมือนเดิมนะฝน พี่จะดูแลฝนแทนพ่อเอง"
รมิดาพยักหน้า ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น
"เสร็จเรื่องแต่งงานแล้ว พี่จะให้คุณดินตามเรื่องคุณอีริคให้นะ เห็นบอกว่าติดต่อไปสองครั้งก็ยังติดต่อไม่ได้" พี่สาวบอกน้องสาว เพราะรู้ดีว่าอาการซึมๆ ไประยะหลังเกิดเพราะอะไร
รมิดาไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านพักตากอากาศให้พี่สาวฟังละเอียดนัก แต่คนที่มีความรักมาก่อน พอจะเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกินกว่าคนรู้จักกันปกติแน่ๆ
"ค่ะ แต่...ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าเขาอยากติดต่อมา เขาคงติดต่อมาเอง" น้องสาวตอบเสียงเบา
วันวิสาข์ดึงตัวน้องสาวออก ก้มลงมองหน้า ใบหน้านวลที่แตะแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์อย่างลงตัว ทำให้ใบหน้ารูปไข่ผมซอยสั้นนั่นดูเก๋และหวานขึ้นผิดรมิดาคนเดิมไปมาก "นี่น้อยใจเขาอยู่หรือเปล่า"
รมิดาส่ายหน้า "ฝนไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่คะ จะน้อยใจได้ยังไง" คนพูดพูดตามจริง ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนระหว่างเธอและอีริคเป็นเรื่องที่เธอสมยอมเอง ไม่ได้มีการพูดกันก่อนหน้านี้ว่ามันจะจบลงในรูปแบบไหนต่อไป
ความทรงจำเหล่านั้นยังติดตา ตรึงไว้ในความรู้สึก เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนนี้ด้วยซ้ำ แค่ความทรงจำแค่นั้น ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับรมิดา
เส้นทางข้างหน้าระหว่างอีริคและเธอบรรจบกันได้ยากยิ่งนัก เขาเป็นนักดนตรีชื่อดัง มีงานล้นมือ เธอเป็นลูกสาวของคนที่เขาเคยอาฆาตแค้น ...แค่ได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว
"ถ้าเป็นไปได้ ฝนอยากรู้ว่าเขาสบายดีก็เท่านั้นค่ะ"
เพราะประตูห้องแต่งตัวเปิดออก สินธรซึ่งแต่งตัวเสร็จชะโงกเข้ามา "คุณฝนครับ ขอความช่วยเหลือหน่อยครับ" หน้าตาคนพูดดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้คนฟังคิดเพียงเสี้ยววินาที
"ได้ค่ะ เดี๋ยวฝนมานะคะพี่สา" รมิดาละมือจากพี่สาว ก้าวตามสินธรออกไปนอกห้อง "มีอะไรคะ"
"ด่วนครับ ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนเจ้าสาวติดงานด่วน มาไม่ทัน จะรบกวนคุณฝนแต่งชุดเพื่อนเจ้าสาวแทนก่อนได้ไหมครับ คือว่า ไม่รู้จะหาใครที่ไหนได้จริงๆ"
เพื่อนเจ้าสาวที่สินธรหมายถึง คือนรินทร์ แฟนสาวของเขาซึ่งเป็นดีไซน์เนอร์เครื่องประดับอยู่ต่างประเทศ เธอจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองไทยและอเมริกาเป็นประจำ ตามกำหนด เธอต้องกลับมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่สินธรบอกว่าเกิดพายุเข้าที่อเมริกา เครื่องบินทุกสายเลยถูกระงับการออกจากท่าอากาศยานจนกว่าเหตุการณ์จะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
"คุณฝนหุ่นใกล้เคียงกับรินทร์ แถมแต่งหน้าแล้วด้วย เปลี่ยนชุดนี้อย่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว นะครับ...ช่วยหน่อย"
รมิดามองชุดไทยแขนกุดสีครึมอมส้ม โทนเดียวกับชุดของเจ้าสาว แล้วก็ต้องพยักหน้า เหลืออีกไม่ถึงชั่วโมงก็เป็นพิธีหมั้นแล้ว จะหาเพื่อนเจ้าสาวตอนนี้คงไม่ทัน
เธอรับเสื้อผ้าชุดนั้น และเดินตามช่างแต่งตัวซึ่งอยู่ด้านหลังสินธรไปแต่งตัวอีกห้องหนึ่ง ช่่างทำผมอีกชุด ซึ่งจัดไว้สำหรับเพื่อนเจ้าสาวรีบเข้ามาจัดการปรับทรงผมของเธอให้เข้ากับชุดไทยทันที
เขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ...หมอที่อังกฤษจะรักษาเขาได้หรือเปล่า ความคิดของรมิดากลับไปหาใครอีกคนที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
หรือว่าจิรงๆ เขาไม่เป็นไรแล้ว การไปอีงกฤษเพียงต้องการหลบหน้า เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่เท่านั้น
หญิงสาวปัดความคิดที่ยังวกวนถึงผู้ชายผมยาว ร่างสูง ออกไป บอกตัวเองว่ายังมีงานสำคัญต้องทำอีกหลายเรื่อง สำหรับเรืองของเธอและเขา ปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตา ก็แล้วกัน
......
รมิดาห่อไหล่เข้าหากันอย่างอัตโนมัติ พยายามจะพลิกตัวหนี แต่ถูกรั้งไว้ด้วยฝ่ามืออุ่นๆ ที่เริ่มคุ้นเคยของอีกฝ่าย ภาพความทรงจำที่ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าทำให้เจ้าตัวอมยิ้ม สูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความเต็มตื้นของความรู้สึกบางอย่างที่แปลกใหม่
"คุณตื่นไวจัง ยังไม่สว่างเลยนะคะ"
"ใครว่า ผมยังไม่ได้นอนต่างหาก"
เสียงกระซิบนุ่มอยู่ข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ และปลายผมยาวของเขาที่ระลงมาตามข้างแก้มทำให้รมิดาขนลุกเกรียว
"ไม่ง่วงหรือคะ"
"ไม่" คำตอบสั้นๆ เพราะปากของคนพูดยังไม่ว่าง
"แต่ฉันง่วงนี่นา" คนพูดพยายามเบี่ยงตัวหลบ ดึงผ้าห่มมาพันกาย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่นัก "นอนเถอะค่ะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อพบหมอนะคะ"
ริมฝีปากอุ่นๆ หยุดนิดหนึ่ง เปิดโอกาสให้รมิดาขับตัวหนี พลิกตัวพยายามลุกจากเตียงโดยที่ดึงผ้าห่มติดกายมาด้วย แต่เจ้าตัวทำได้เพยงวางเท้าลงข้างเตียง และลุกขึ้นนั่ง เพราะปลายแขนถูกดึงเอาไว้จากคนที่สายตามองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสดีเกินปกติ
"อ้าว จะไปไหนล่ะ"
"ฉันคิดว่า...เอ่อ กลับห้องดีกว่า" คนพูดหน้าแดงเพราะเจตนาคนที่นอนไม่หลับชัดเจนเหลือเกินว่าอยากทำอะไร การอยู่ด้วยกันหลายชั่วโมงก่อนหน้า บอกได้ว่า มือกีตาร์ขาร็อคคนนี้ไม่ได้เป็นคนไร้ประสบการณ์กับเรื่องบนเตียงอย่างที่ใครๆ คิด เขาทำให้หญิงสาวที่มีความทรงจำอันเลวร้ายจากการแตะต้องเนื้อตัวของผู้ชายหื่นกระหายค่อยๆ หายไป ด้วยการทดแทนด้วยความรู้สึกอุบอุ่น อ่อนหวาน และค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นอย่างใจเย็นอย่างที่สุด
เขาอดทน รอคอย และไม่ตักตวงทุกสิ่งทุกอย่างตามความรู้สึกของตนเอง รอจนหญิงสาวเป็นฝ่ายตอบโต้ และรุกหาเขาบ้าง จึงได้ยอมปลดปล่อยความรู้สึกของตนเองออกมา ทำให้รมิดาเป็นผู้ควบคุม ตัดสินทุกความรู้สึกของการมีความสัมพันธ์ของทั้งคู่
บทรักอันยาวนาน ดูเหมือนจะลบความรุ้สึกเกลียดและกลัวผู้ชายของรมิดาได้กว่าครึ่ง จนลางเลือน หญิงสาวอ่อนเพลียและคิดว่าหากไม่ถูกปลุกขึ้นมาอีกแบบนี้ คงนอนยาวถึงแปดโมงเช้าแน่ๆ
"แล้วคุณจะปล่อยให้ผมนอนคนเดียว ในความมืดมองอะไรไม่เห็นนี่นะ"
"ก็นอนคนเดียวมาตั้งนานแล้ว จะมาบ่นอะไรตอนนี้ล่ะ" คนฟังบ่นอุบ
"เผื่อผมอยากได้อะไรตอนดึกๆ หรืออยากจะลุกไปห้องน้ำ ใครจะพาไปล่ะ" คนพูดชันตัวลุกขึ้น เสยผมยาวของตนเองที่ตกลงมาปรกหน้าผากให้พ้นทาง รมิดาเผลอหันไปมอง แล้วก็ต้องรีบหันหน้าหนีทันควัน...เธอลืมไปว่าบนเตียงของอีริคมีผ้าห่มอยู่ผืนเดียว แล้วเธอก็เอามาพันตัวเองเสียแล้ว ร่างที่ลุกขึ้นมานั่งจึงเข้าข่ายภาพหน้ากลางบนหนึงสือเปลือยผู้ชาย
ไหล่ของอีริคกว้าง และหญิงสาวรู้ดีว่าอ้อมกอดนั้นแข็งแรง ผมยาวของเขาไล่ระลงมาปรกบ่า แต่มันไม่ได้ทำให้ความเข้มแข็งอันเกิดจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอของเขาลดลง ไล่ลงไปจากอก เป็นหน้าท้องแบนเรียบ และต้นขาแข็งแรง เหมือนเทพที่่ตกลงมาจากสวรรค์ ท่ามกลางแสงจันทร์ รมิดาหายใจสะดุด เพราะภาพในจินตนาการของตนเองลึกซึ้งกว่าภาพที่มองเห็นอีกหลายเท่า
"คุณก็...ลุกไปเองได้นี่คะ"
คนที่มีผ้าพันแผลปิดตาอยู่ส่ายหน้าช้าๆ ดึงอีกฝ่ายให้นอนลง แล้วดึงผ้าห่มที่พันตัวเธอมาปิดตัวเองด้วย "บางที ผมก็อยากได้คนบริการอะไรนิดๆ หน่อยๆ เหมือนกันนี่นา"
...อ้อน...เอาเรื่องจริงๆ พ่อคนนี้ หญิงสาวคิดในใจ
"แล้วผมก็นอนไม่หลับ อยากคุยด้วย คุณเอาแต่นอนหลับปุ๋ยนิ่งน่าอิจฉาเชียว"
ปลายนิ้วเรียวเลื่อนลงไปกอดเอวบางของรมิดา แล้วก็ดึงเธอเข้าชิดกาย ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย "นอนคุยกันนะ"
"ฉันง่วงนี่นา" คนพูดยุกยิก ทั้งๆ ที่รู้ตีว่าหลบอย่างไรก็ไม่พ้น
เสียงอีกฝ่ายหัวเราะหึๆ "ผมว่าเสียงของคุณไม่ง่วงเท่าไหร่แล้วนะ"
"ก็คุณนั่นแหละ...ไม่เอาแล้ว นอนนิ่งๆ สิคะ ถ้าอยากคุยกัน ไม่อย่างนั้น ฉันกลับห้องจริง ๆ ด้วย" คราวนี้คนพูดทำเสียงจริงจัง ใครจะไปคิดว่ามือกีตาร์ขาร็อคจะกลายเป็นมือกีตาร์ขาหื่น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ดูจะนิ่งยิ่งกว่าหินผาเสียอีก
"โอเค คุย..." คนพูดดึงมือออกจากเอวของอีกฝ่าย แล้วทับลงที่เดิมแต่บนผ้าห่ม "แต่กอดคุณไว้แบบนี้ได้ไหม"
หญิงสาวพยักหน้า
"...." เงียบ ผ่านไปเกือบนาที ก็ยังไม่มีเสียงจากคนข้างกาย
"อ้าว ไหนว่าจะคุยไงคะ คุณจะคุยเรื่องอะไร"
"กำลังหาเรื่่องอยู่ แต่อยู่ข้างๆ ฝนแบบนี้ คิดอะไรไม่ออกเลย ตัวคุณหอมดี แล้วผิวก็เนียน แล้วมันก็นุ่มมากเวลาผม..." คนพูดตอบเสียงเบา
คนฟังหน้าแดงปรี๊ด
"หยุดเลย กอดฉันไว้เฉยๆ แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฉันไม่ไปไหนแล้ว" คนพูดพลิกตัวเข้าซุกในอ้อมกอดของคนร่างสูง
อีริคพยักหน้ากระชับอ้อมกอด สูดหายใจเข้าปอดลึก แล้วจรดปลายจมูกลงที่ลาดไหล่ของอีกฝ่ายอีกครั้ง
ไม่มีบทสนทนา มีเพียงเสียงหายใจ และหัวใจสองดวงที่เต้นสอดประสานกัน
.....
คณะแพทย์และพยาบาลเดินทางมาถึงบ้านพักแห่งนั้นด้วยเครื่องบินเช่าสว่นตัวของอีวาน ห้องนอนของอีริคถูกเซ็ตให้เป็นสถานพยาบาลชั่วคราว
คนที่ตามทีมแพทย์มาด้วย คือ Evasion ทั้งวง ทุกคนอยากมาให้กำลังใจเพื่อนรักของตนเองทั้งนั้น อีวานเลยตัดสินใจพักงานหนึ่งวัน
รมิดาถูกกันตัวออกจากการตรวจ เธอนั่งนิ่งๆ แต่ไม่สงบสุขนักอยู่ที่ห้องรับแขก ในขณะที่สมาชิกวง Evasion เดินไปเดินมาอยู่รอบตัว นายแพทย์เดินออกมาจากห้องหลังจากเข้าไปตรวจอาการของอีริคราวครึ่งชั่วโมง
ทุกคนหยุดนิ่งและหันไปในทิศเดียวกัน
"เป็นอย่างไรบ้างครับ" อีวานถามขึ้น
"ผมเปิดแผลแล้ว แผลผ่าตัดปกติดี แต่เราต้องเอาเขากลับกรุงเทพด่วนครับ ระบบประสาทตาของคุณอีริคมีปัญหา ผมคิดว่าต้องผ่าตัดอีกรอบ"
รมิดาอ้าปากค้าง
"เก็บของครับคุณฝน ด่วนเลย" อีริคบอก "เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะไปโรงพยาบาลกับอีริคและทีมหมอ ส่วนคุณ ช่วยเก็บของที่จำเป็นแล้วตามไปกับเจ้าพวกนี้นะครับ" คนพูดหมายถึงสมาชิกที่เหลือของวง
"แต่ว่า..."
"โอเค ทางนี้พวกฉันจัดการเอง นายรีบไปเถอะ" ฮิโรมิตัดบทสนทนา
หญิงสาวไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก เพราะอีวานยกโทรศัทพ์มือถือขึ้น เพื่อสั่งให้นักบินเตรียมเอาเครื่องบินออก
......
"ฝนว่าชุดนี้เป็นยังไง"
รมิดาสะดุ้งตัวนิดๆ จากความคิดที่เหม่อลอยไปไกล เจ้าตัวมองรอบตัว แล้วก็หันไปทางที่พี่สาวยืนอยู่ มองร่างสูงระหงแบบนางแบบที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ที่ตัดเย็บด้วยช่างฝีมือดีของเมืองไทย ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับภาพเจ้าสาวแสนสวยบนหน้าปกนิตยสาร
ถึงแม้ไม่ได้ทำผม และแต่งหน้าเพียงบางเบา แต่วันวิสาข์ดูเปล่งปลั่ง แววตาแห่งความสุขทอประกายจนคนที่นั่งอยู่สัมผัสได้
"สวยค่ะ สวยมากเลย ชุดนี้ก็สวย"
"แล้วเทียบกับชุดที่แล้วล่ะ ฝนว่ายังไง ชุดไหนดีกว่ากัน"
คนฟังกัดริมฝีปาก พยายามระลึกให้ได้ว่าชุดที่แล้วของพี่สาวเป็นยังไง "ยากจัง พี่สาใส่อะไรก็สวย ฝนว่าสวยทั้งหมดเลยที่พี่ลองมาน่ะ"
คราวนี้คนเป็นพี่สาวทำหน้านิ่ว "โหย แล้วอย่างนี้พี่จะเลือกได้ยังไงล่ะ อุตส่าห์พาเรามาด้วย จะให้ช่วยตัดสินใจนะเนี่ย"
รมิดาอมยิ้ม "บอกแล้วว่าให้พาคุณดินมาด้วย ให้เจ้าบ่าวเลือกดีกว่ามั้ง จะได้ถูกใจกันทั้งสองฝ่าย ให้ฝนเลือก ฝนก็ว่าพี่สาใส่สวยทุกชุดอยู่แล้ว"
วันวิสาข์ส่ายหน้า "รายนั้นหนักกว่า อาจจะเลือกไม่ได้เลย เพราะเป็นพวกง่ายๆ อะไรก็ได้" คนพูดมองตัวเองผ่านกระจก "พี่ว่าชุดนี้แหละสวยดี เรียบๆ หน่อย เดี๋ยวให้พี่เจี๊ยบทำผ้าคลุมไหล่เพิ่มจะได้ไม่เปลือยเกินไป"
"พี่สาไม่ตัดใหม่หรือคะ" ชุดที่พี่สาวลอง เป็นชุดที่ร้านเอาไว้ให้เช้า และมันเคยใช้มาแล้วหนึ่งครั้ง
วันวิสาข์ส่ายหน้า "เปลืองเปล่าๆ เราใส่ครั้งเดียวเอง แล้วถ้าตัดงานด่วนแบบนี้คงโดนชาร์ทแพงน่าดู" วันวิสาข์ตอบน้องสาว "ประหยัดเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่านะ"
คนฟังได้ยินมากับหูว่าปฐพียอมจ่ายไม่อั้นสำหรับชุดเจ้าสาว จะตัดใหม่ หรือสั่งพิเศษจากแฟชั่นดีไซน์เนอร์ในไทยหรือต่างประเทศที่ไหนก็ได้ ....พี่สายังจะประหยัดไปไหนอีกเนี่ย
หลังจากอีริคต้องผ่าตัดด่วน หญิงสาวก็ถูกส่งตัวกลับมาอยู่กับพี่สาว เพราะคนป่วยต้องอยู่ห้องพิเศษปลอดเชื้อที่ห้ามญาติดูแลอย่างเด็ดขาด ข้างฝ่ายพี่สาว ก็ถูกรวบรัดให้แต่งงานจากว่าที่เจ้าบ่าวใจร้อน ด้วยการดูฤกษ์และเลือกฤกษ์แบบใกล้ที่สุด ทำให้ฝ่ายเจ้าสาวมีเวลาเตรียมตัวเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
นั่นทำให้รมิดายุ่งวุ่นวายมากมายนับแต่นั้น เพราะพี่สาวเห็นว่าน้องสาวออกอาการซึมๆ จึงลากตัวมาช่วยเรื่องงานแต่งงานที่เจ้าบ่าวใจร้อนต้องการให้จัดแบบด่วนจี๋นั่นทันที
ทั้งสถานที่ ทั้งเสื้อผ้า ทั้งการ์ด ทุกอย่างรมิดาถูกดึงไปร่วมด้วยทุกเรื่อง เจ้าบ่าวเพียงแต่ตามว่าไปถึงไหนแล้ว งบประมาณพอหรือเปล่า ไม่มีขัดในทุกเรื่อง บางเรื่องก็ตัดให้เวลาสั้นลง แต่งบประมาณแพงขึ้นซะอย่างนั้น
ผู้กองสินธร ฝาแฝดของปฐพีล้อว่าที่เจ้าบ่าวเล่นๆ ว่าเป็นเสือถูกถอดเขี้ยวเล็บ เพราะรู้ดีกว่าก่อนหน้านี้น้องชายใช้ชีวิตตามสบาย กับสาวๆ มากหน้าหลายตา และไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับใครเสียที พอถึงคราววันวิสาข์ กลับเป็นฝ่ายรวบรัดตัดตอนเสียเอง
วันวิสาข์อยากได้งานแต่งงานเล็กๆ ที่มีเฉพาะคนรู้จักคุ้นเคย ซึ่งเจ้าบ่าวเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนแรก ทั้งคู่ตั้งใจจัดที่บ้านสวนของปฐพี แต่คุณมณีบอกว่าอยากให้จัดงานให้สมกับชื่อเสียงของเจ้าสาวซึ่งเป็นถึงลูกสาวรัฐมนตรี
'สาอยากได้งานเงียบๆ เล็กๆ มากกว่าค่ะ ฝั่งสา ก็คงมีเพื่อนสนิทๆ ไม่กี่คนเท่านั้น' ว่าที่เจ้าสาวบอกับคุณมณี 'คุณแม่ก็ติดธุระ เดินทางมาไม่ได้ จะพบท่านก็ตอนที่สากับคุณดินไปฮันนีมูนที่โน่น'
'แต่ว่า...'
'เล็กๆ ก็ดีครับ จะได้ง่ายๆ เร็วๆ ไม่เรื่องเยอะ เอาไว้ฉลองใหญ่ตอนหลานคนแรกก็ได้แม่'
คุณมณีค้อนวงใหญ่กับลูกชายที่ทำตาเจ้าชู้ใส่ว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง แต่ในที่สุดเธอก็ไม่ยอม ขอให้จัดที่โรงแรมหรูที่มีสถานที่จัดงานเป็นเรือนไทยริมน้ำแทน คุณมณีบอกว่า จะได้ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องจัดสถานที่ และหรูหราสมกับหน้าตาเจ้าสาว เสร็จแล้วค่อยมากินเลี้ยงกันเล็กๆ ภายในกันภายหลังที่บ้านสวนก็ยังได้
วันวิสาข์ไปพบนายดิเรกและบอกข่าวการแต่งงานให้ทราบ ในฐานะที่เธอยังนับถือเขาเป็นบิดา นายดิเรกในวันนี้ดูซูบซีด และเหนื่อยหน่ายกับชีวิต คดีความของเขายังไม่สิ้นสุดอีกหลายคดี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวการฉ้อโกงในโครงการต่างๆ ของรัฐซึ่งเกิดขึ้นสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งทางการเมือง
"ฝนเป็นอย่าไรบ้าง" หลังจากจบเรื่องของวันวิสาข์ นายดิเรกถามถึงลูกสาวอีกคนที่ยังห่วงไม่แพ้กัน
"สบายดีค่ะ บอกว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมพ่อเร็วๆ นี้ คราวนี้ฝนอยากให้สาได้คุยกับพ่อสบายๆ เลยขอไม่มาด้วย"
นายดิเรกพยักหน้า
"ฝนอาการดีขึ้นมากแล้วนะคะ ไม่เครียดจัด แล้วก็หวาดผวาแบบก่อนอีกแล้ว พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ น้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สาคิดว่าน้องดูแลตัวเองได้ค่ะ แล้วสาก็จะคอยดูแลให้อย่างดีที่สุดด้วย"
นายดิเรกพยักหน้า มองบุตรสาวคนโตที่ตนเองเคยอคติมาตลอดอย่างเต็มตื้น บอกตัวเองว่าเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน ความอาฆาตของเขาทำให้เจ้าตัวทำอะไรผิดพลาดกับเด็กสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้มากมาย และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาที่จะมาแก้ตัวอะไรแล้ว
.......
รมิดาอยู่ในชุดเดรสติดกันสีครีมอมส้ม เธอแต่งตัวเสร็จตั้งแต่เช้ามืดเพราะต้องจัดการเรื่องอื่นๆ แทนเจ้าสาวซึ่งยังแต่งหน้าไม่เรียบร้อยดี หญิงสาวร่างเล็กผมซอยสั้นมองพี่สาวที่แต่งตัวในชุดไทยประยุกต์สำหร้บพิธีหมั้นในตอนเช้าใกล้เสร็จแล้วอย่างชื่นชม วันวิสาข์ดูงดงาม เปล่งปลั่ง และมีความสุขมากมาย
ความรักอบอวลไปรอบ ๆ ตัว จนหญิงสาวต้องกลั้นน้ำตา
"อ้าวฝน เป็นอะไรไปน่ะ" พี่สาวหันมาเห็นเข้า
คนฟังส่ายหน้า ยกปลายนิ้วขึ้นกรีดน้ำตาที่ปริ่มขอบตาออก "ไม่มีอะไรค่ะ ฝนแค่มีความสุข ที่เห็นพี่สาจะมีความสุข มีคนดูแลแล้ว"
วันวิสาข์ดึงมือน้องสาวไปไกล้ตัว "พี่ยังเหมือนเดิมนะฝน พี่จะดูแลฝนแทนพ่อเอง"
รมิดาพยักหน้า ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น
"เสร็จเรื่องแต่งงานแล้ว พี่จะให้คุณดินตามเรื่องคุณอีริคให้นะ เห็นบอกว่าติดต่อไปสองครั้งก็ยังติดต่อไม่ได้" พี่สาวบอกน้องสาว เพราะรู้ดีว่าอาการซึมๆ ไประยะหลังเกิดเพราะอะไร
รมิดาไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านพักตากอากาศให้พี่สาวฟังละเอียดนัก แต่คนที่มีความรักมาก่อน พอจะเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกินกว่าคนรู้จักกันปกติแน่ๆ
"ค่ะ แต่...ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าเขาอยากติดต่อมา เขาคงติดต่อมาเอง" น้องสาวตอบเสียงเบา
วันวิสาข์ดึงตัวน้องสาวออก ก้มลงมองหน้า ใบหน้านวลที่แตะแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์อย่างลงตัว ทำให้ใบหน้ารูปไข่ผมซอยสั้นนั่นดูเก๋และหวานขึ้นผิดรมิดาคนเดิมไปมาก "นี่น้อยใจเขาอยู่หรือเปล่า"
รมิดาส่ายหน้า "ฝนไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่คะ จะน้อยใจได้ยังไง" คนพูดพูดตามจริง ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนระหว่างเธอและอีริคเป็นเรื่องที่เธอสมยอมเอง ไม่ได้มีการพูดกันก่อนหน้านี้ว่ามันจะจบลงในรูปแบบไหนต่อไป
ความทรงจำเหล่านั้นยังติดตา ตรึงไว้ในความรู้สึก เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนนี้ด้วยซ้ำ แค่ความทรงจำแค่นั้น ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับรมิดา
เส้นทางข้างหน้าระหว่างอีริคและเธอบรรจบกันได้ยากยิ่งนัก เขาเป็นนักดนตรีชื่อดัง มีงานล้นมือ เธอเป็นลูกสาวของคนที่เขาเคยอาฆาตแค้น ...แค่ได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว
"ถ้าเป็นไปได้ ฝนอยากรู้ว่าเขาสบายดีก็เท่านั้นค่ะ"
เพราะประตูห้องแต่งตัวเปิดออก สินธรซึ่งแต่งตัวเสร็จชะโงกเข้ามา "คุณฝนครับ ขอความช่วยเหลือหน่อยครับ" หน้าตาคนพูดดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้คนฟังคิดเพียงเสี้ยววินาที
"ได้ค่ะ เดี๋ยวฝนมานะคะพี่สา" รมิดาละมือจากพี่สาว ก้าวตามสินธรออกไปนอกห้อง "มีอะไรคะ"
"ด่วนครับ ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนเจ้าสาวติดงานด่วน มาไม่ทัน จะรบกวนคุณฝนแต่งชุดเพื่อนเจ้าสาวแทนก่อนได้ไหมครับ คือว่า ไม่รู้จะหาใครที่ไหนได้จริงๆ"
เพื่อนเจ้าสาวที่สินธรหมายถึง คือนรินทร์ แฟนสาวของเขาซึ่งเป็นดีไซน์เนอร์เครื่องประดับอยู่ต่างประเทศ เธอจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองไทยและอเมริกาเป็นประจำ ตามกำหนด เธอต้องกลับมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่สินธรบอกว่าเกิดพายุเข้าที่อเมริกา เครื่องบินทุกสายเลยถูกระงับการออกจากท่าอากาศยานจนกว่าเหตุการณ์จะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
"คุณฝนหุ่นใกล้เคียงกับรินทร์ แถมแต่งหน้าแล้วด้วย เปลี่ยนชุดนี้อย่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว นะครับ...ช่วยหน่อย"
รมิดามองชุดไทยแขนกุดสีครึมอมส้ม โทนเดียวกับชุดของเจ้าสาว แล้วก็ต้องพยักหน้า เหลืออีกไม่ถึงชั่วโมงก็เป็นพิธีหมั้นแล้ว จะหาเพื่อนเจ้าสาวตอนนี้คงไม่ทัน
เธอรับเสื้อผ้าชุดนั้น และเดินตามช่างแต่งตัวซึ่งอยู่ด้านหลังสินธรไปแต่งตัวอีกห้องหนึ่ง ช่่างทำผมอีกชุด ซึ่งจัดไว้สำหรับเพื่อนเจ้าสาวรีบเข้ามาจัดการปรับทรงผมของเธอให้เข้ากับชุดไทยทันที
เขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ...หมอที่อังกฤษจะรักษาเขาได้หรือเปล่า ความคิดของรมิดากลับไปหาใครอีกคนที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
หรือว่าจิรงๆ เขาไม่เป็นไรแล้ว การไปอีงกฤษเพียงต้องการหลบหน้า เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่เท่านั้น
หญิงสาวปัดความคิดที่ยังวกวนถึงผู้ชายผมยาว ร่างสูง ออกไป บอกตัวเองว่ายังมีงานสำคัญต้องทำอีกหลายเรื่อง สำหรับเรืองของเธอและเขา ปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตา ก็แล้วกัน
......
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2556, 19:47:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2556, 08:47:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 4113
<< 36: มีเพียงเรา | 38 : บทสุดท้ายของเจ้าชายเย็นชา (01) >> |
kin 6 ก.ค. 2556, 20:06:00 น.
กรี๊ดดดด อิริคหื่นมากกกก จิกหมอนนนน พี่ตาทิ้งทายแบบนี้สงสัยว่าเดี๋ยวอิริคต้องมางานแต่งดินแน่ๆเลย อิๆ
กรี๊ดดดด อิริคหื่นมากกกก จิกหมอนนนน พี่ตาทิ้งทายแบบนี้สงสัยว่าเดี๋ยวอิริคต้องมางานแต่งดินแน่ๆเลย อิๆ
konhin 6 ก.ค. 2556, 21:55:45 น.
กรี๊ดๆๆ จริงๆแล้วแต่งควบใช่มั้ยล่าาาา
กรี๊ดๆๆ จริงๆแล้วแต่งควบใช่มั้ยล่าาาา
Zephyr 7 ก.ค. 2556, 01:38:53 น.
กรี๊ดทีนึงยาวๆก่อนค่า กรี๊ดดดดดดดดดดด นานมากกว่าจะมาแต่ละบทอ่า
แต่ว่า อ่านไปยิ้มไป เหมือนคนบ้าหน้าจอคอม อิอิ อ่านแล้วอ่านอีก
แน้ๆๆๆๆ หรือว่าจะเปลี่ยนตัว ฮ่าๆๆๆ แบบเปลี่ยนชุด เปลี่ยนเจ้าบ่าวเป็นอีกคน
ลุ้นๆๆๆๆๆ อ๊ายยยย ค้างๆๆๆๆๆ
กรี๊ดทีนึงยาวๆก่อนค่า กรี๊ดดดดดดดดดดด นานมากกว่าจะมาแต่ละบทอ่า
แต่ว่า อ่านไปยิ้มไป เหมือนคนบ้าหน้าจอคอม อิอิ อ่านแล้วอ่านอีก
แน้ๆๆๆๆ หรือว่าจะเปลี่ยนตัว ฮ่าๆๆๆ แบบเปลี่ยนชุด เปลี่ยนเจ้าบ่าวเป็นอีกคน
ลุ้นๆๆๆๆๆ อ๊ายยยย ค้างๆๆๆๆๆ
คิมหันตุ์ 7 ก.ค. 2556, 02:08:05 น.
เป็นเจ้าบ่าวคู่แน่ๆ....ฮ่าฮ่า
เป็นเจ้าบ่าวคู่แน่ๆ....ฮ่าฮ่า
จิงโกะ 7 ก.ค. 2556, 07:26:07 น.
อีริคมาเซอร์ไพร์ส ด้วยหรือเปล่าน้า
อีริคมาเซอร์ไพร์ส ด้วยหรือเปล่าน้า
รัชต์ 7 ก.ค. 2556, 07:43:18 น.
แต่งสองคู่แหงเลย 555
แต่งสองคู่แหงเลย 555
mhengjhy 7 ก.ค. 2556, 08:25:47 น.
แอะ เนียนๆ แน่เลย
แอะ เนียนๆ แน่เลย
ปอกะเจา 7 ก.ค. 2556, 18:55:14 น.
สะกดคำว่า "อาคาต" ผิดนะคะ จริงๆต้องเป็น "อาฆาต"
สะกดคำว่า "อาคาต" ผิดนะคะ จริงๆต้องเป็น "อาฆาต"
สิรินดา 8 ก.ค. 2556, 08:07:43 น.
แหม...เดาเก่งทุกคนเลย แล้วงี้จะมีลุ้นอะไรอีกเนี่ย 555 อยากรู้ว่าเดาผิดหรือเดาถูกรอตอนต่อไปน้าาา
ขอบคุณปอกะเจา สำหรับคำผิดค่ะ
แหม...เดาเก่งทุกคนเลย แล้วงี้จะมีลุ้นอะไรอีกเนี่ย 555 อยากรู้ว่าเดาผิดหรือเดาถูกรอตอนต่อไปน้าาา
ขอบคุณปอกะเจา สำหรับคำผิดค่ะ