ป่าหนาวในเงารัก
หญิงสาวผู้ชอบหว่านเสน่ห์ ทั้งยังไม่เคยศรัทธาต่อคำว่ารักแท้ เมื่อมาพบกับหนุ่มที่ปราศจากความสนใจในตัวเธอ...อะไรจะเกิดขึ้น

Tags: กรยุพา , ยุพากร รักโรแมนติก

ตอน: 17 มุกดารา . ยุพากร

17

เป็นค่ำคืนที่ร้อนระอุ ไม่ใช่จากสภาพอากาศแต่เป็นเพราะภาพในมือที่ได้เห็นนี่ต่างหาก พิรัชถึงกับนั่งไม่ติด เพราะสิ่งที่เห็นเท่ากับงานที่เขาทุ่มทุนสร้างปราศจากผลตอบแทนใดๆ อย่างสิ้นเชิง ภาพถ่ายคู่ในชุดวิวาห์ของบ่าวสาวชาวม้ง!!


“พ่อดูให้เต็มตาว่ายัยคุณหนูนั่นแสบมากขนาดไหน แอบขึ้นไปแต่งงานบนดอยแต่กลับหลอกพวกเราว่าไปติดอยู่ในป่า หลงให้ใครต่อใครเป็นห่วงแทบแย่” พาครเอ่ยพร้อมเหยียดยิ้ม


“ทีนี้พ่อก็คิดดูก็แล้วกัน ว่าจะทำยังไงกันต่อ แต่ผมว่าที่พ่อเสียไป มันไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เผลอๆ ยัยนั่นท้องแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะขึ้นไปงุบงิบแต่งถึงโน่นทำไมกัน” ที่พูดออกมานั้นไม่ได้คิดเองแม้แต่น้อย


“เอาเป็นว่าส่วนที่พ่อลงทุนกับสูญสินค้านั่นไปก็ถือเสียว่าได้บุญก็แล้วกัน”
“แกเอารูปพวกนี้มาจากไหน” ในที่สุดพิรัชก็เอ่ยออกมาจนได้
“จากไหนไม่สำคัญหรอกพ่อ มันสำคัญที่ว่าเราโดนทั้งนายภู และยัยคุณหนูคนหลอกกันทั้งเมืองต่างหาก”


พิรัชดูเหมือนไม่ได้รับฟังในสิ่งที่บุตรชายเอ่ยมาแม้แต่น้อย ยามนี้อะไรก็ไม่เป็นไปอย่างใจคิด เพราะกระทั่งบุคคลที่เขาคิดว่าลูกไก่ในกำมือแต่ยังมีทีท่าจะแปรพักตร์ ทำไม่เขาจะไม่รู้เรื่องที่เจียระไนไปทานข้าวกับนายอำเภอและมารดา แต่เรื่องนั้นยังเป็นรองเพราะสิ่งที่กลัวในยามนี้คือผู้ที่จะชี้เป็นชี้ตายให้กับเขาต่างหาก

เพราะหากเรื่องนี้รู้ถึงหูของคนคนนั้นเขาจะทำเช่นใด งานที่หมายมั่นไม่สำเร็จซ้ำยังอาจต้องชวด ‘ของ’ ที่ต้องการ วูบหนึ่งที่คิดถึงบุตรสาว บางที...ทางออกอาจอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็เป็นได้


ห้องอาหารใหญ่ปราศจากผู้คน มีเพียงโต๊ะของยองฮวาและพชรที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ แต่ที่น่าประหลาดใจเห็นจะเป็นนายแม่แห่งไร่ภูมิรพีที่มาปรากฏตัวแต่เช้าต่างหาก


“เอ่อ…ขอโทษนะคะ” แสงดาวดูเหมือนจะไม่มั่นใจเสียเฉยๆ กับสิ่งที่กำลังจะเอ่ยออกมา
“เห็นเด็กว่า คุณเป็นเพื่อนกับหนูตา เอ่อ…ดิฉันแสงดาวเป็นคุณแม่ของภูมิรพีน่ะค่ะ”
ทั้งสีหน้าและแววตาทำให้พชรรู้สึกทันทีว่าสิ่งที่เธอกำลังจะเอ่ยต่อย่อมไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย


“เอ่อ…ครับ มีอะไรให้เรารับใช้หรือเปล่าครับ”
“ขอโทษนะคะ ที่รบกวนเวลา แต่คุณพอจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ”
แล้วภาพถ่ายขยายใหญ่ในซองเอกสารสีน้ำตาลก็มาปรากฏตรงหน้าของสองหนุ่มจนได้ ภาพของภูมิรพีบุตรชายของเธอกุมมือของหญิงสาวที่ดูอย่างไรก็คือฐิตารีย์แห่งฟาร์มเทพทัต


“คือ…จดหมายที่แนบมาด้วยนั่น…บอกว่าทั้งคู่แต่งงานกันแล้วระหว่างที่อยู่บนดอยนั่น แล้วรูปเหล่านี้ก็เป็นสิ่งยืนยัน”
“ไม่จริง…ไม่จริงใช่มั้ยคะคุณแม่ ภูจะทำอย่างนั้นกับนิต้าได้ยังไง”
เสียงร้องที่แผดก้องทำให้พชรและยองฮวาต้องหันมามองอย่างตกใจ แท้จริงสริตาแอบตามแสงดาวมาตั้งแต่เธอออกจากที่พัก


“ยังไงซะเรื่องนี้นิต้าก็ไม่ยอมแน่ๆ”
นาทีนั้นแสงดาวถึงกับพูดไม่ออก แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อผู้หมวดไกลเลิศเพิ่งมาส่งข่าวว่าบุตรชายจำต้องเก็บตัวอยู่สักพักเพื่อป้องกันคนร้ายที่ไล่ล่า


“หนูนิต้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะจ๊ะ เรื่องของภูแม่จะจัดการเอง” ครั้งนี้แสงดาวบอกเสียงเข้ม
“แต่...แต่ว่า…” มีหรือที่เธอจะยอมง่ายๆ
“แม่ขอร้อง”
ครั้งนี้เหมือนจะได้ผลเพราะอีกฝ่ายสะบัดหน้าจากไปด้วยมีที่หมายใหม่


“อาได้ข่าวว่าหนูตาเธอกลับมาแล้ว” แสงดาวกลับมาเข้าเรื่อง
“ครับ เธอเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง” พชรตอบก่อนอ่านข้อความในจดหมาย
“ผมเองยังไม่ได้คุยอะไรกับตา” กล่าวเมื่ออ่านข้อความนั้นจบลง
เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะไปถามเธอให้ ว่าแท้จริงแล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ บางทีอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้”


ถึงพชรจะพูดเช่นนั้นทว่าใจกลับคิดต่างอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อทั้งภาพนั้นภูมิรพีโอบไหล่อย่างทะนุถนอมราวกลัวเธอหาย ก็ยากนักที่จะปฏิเสธเป็นอื่นได้ลง
ยองฮวาได้แต่มองตาปริบๆ มานานแล้ว เมื่อแสงดาวจากไปแต่ทิ้งภาพถ่ายและจดหมายเจ้าปัญหาไว้ทำให้พชรต้องตอบคำถามที่คิดว่ายากเย็นที่สุดในชีวิต

การถูกเรียกตัวโดยด่วนจากบิดาทำให้สริตาจำต้องมายังจวนผู้ว่าอย่างจำใจ และเรื่องที่ได้รับฟังก็ทำให้สริตาของขึ้นแทบจะทันที
“หากพ่อจะตัดสินอะไร ก็ควรรอให้เขากลับมาก่อน” ยังกล่าวอย่างดื้อดึง
“แกจะบ้าหรือไง เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ คนเขาลือกันให้แซดว่านายภูนั่นแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว”


“พ่อจะย้ำทำไม ก็หนูบอกแล้วว่ารอให้เขากลับมาก่อน”
“แกก็ยอมรับเสียเถอะ ว่าเขากับแกมันเป็นไปไม่ได้ กลับไปทำงานทำการ แล้วก็...ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่เสีย”
“พ่อพูดง่ายเกินไปหรือเปล่า”
“ตกลงแกต้องเห็นศพมันก่อนสินะถึงจะยอมถอดใจ” บอกน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม


“พ่อ...พ่อพูดอย่างนี้ได้ยังไง ความสุขของหนู พ่อไม่เข้าใจเลยงั้นหรือ อย่าให้หนูรู้สึกกับพ่อแย่ไปกว่านี้เลย แค่เรื่องแม่คนเดียวหนูก็เกินจะทนอยู่แล้ว”
เสียงปิดประตูที่ดังสนั่นหวั่นไหว และเสียงของรถที่บึ่งออกจากจวนที่ตามมาทำให้กฤษดาอดไม่ได้ที่จะหวลนึกถึงเรื่องราวในอดีต...


ชีวิตข้าราชการที่ถึงแม้ฐานะเก่าทางบ้านจะมั่งคั่งสักเพียงใดแต่นั่นก็ย่อมมีคำว่าหมด หากไม่มีการเก็บหอมหรืออดออมเพื่อครอบครัว ภรรยาที่เขาคิดว่าแสนดี เพราะการศึกษาระดับปริญญาตรี ทั้งยังเป็นลูกคหบดีที่มีหน้าตาในวงสังคม การที่เธอยอมรับรักจึงถือเป็นโชคครั้งยิ่งใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่าเธอยังมีเบื้องลึกในด้านมืดที่เขาคาดคิดไม่ถึง

แล้วจู่ๆ เหยื่อก็มาปรากฏกายให้ชิดชไมได้บริหารสมอง.... สปาสุดหรูที่สริตาเหยียบย่างเข้ามาทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ถึงภูมิรพี ชาเล่ต์ฮิล จะมีบ่อน้ำแร่ไว้ให้แช่ฟรีๆ เช่นเดียวกับสปาไว้คอยบริการ แต่ที่นี่ก็น่าพิศมัยอยู่ไม่น้อย ที่สำคัญคือการจัดแต่งหรูหราอย่างที่เธอต้องการ กลิ่นมินท์ที่อวลในอากาศกับเสียงของสายน้ำจากบ่อน้ำพุด้านข้างที่สายน้ำกำลังไหลรินเอื่อยๆ ก็พาให้สดชื่น


เหนือสิ่งอื่นใดคำถามที่ยังค้างคาใจจนบัดนี้ ว่าชิดชไมและภูมิรพีมีความสัมพันธ์กันเช่นใด ยังคงติดอยู่ในใจเธอและวันนี้ก็ตั้งใจจะมาคำตอบ แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองมาผิดที่ผิดเวลาอย่างที่สุด
“วันนี้จะทำอะไรดีคะ” ชิดชไมเอ่ยด้วยดวงตาที่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ภาพนี่…” เพราะสายตาของสริตาไปหยุดอยู่ยังภาพในกรอบหน้าเคาท์เตอร์ซึ่งปรากฏหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นเธอจำได้แม่ยำว่าคือภูมิรพี


“อ๋อ…ภาพสมัยเด็กๆ น่ะค่ะ” เจ้าหล่อนบอกพร้อมรอยยิ้ม
“คนนี้คุณภู เจ้าของไร่ภูมิรพีใช่มั้ยคะ”
“คุณตาดีจริงๆ ค่ะ ใช่ค่ะ ไหมกับภูเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกได้ว่าอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด”
สริตาเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
“สมัยก่อนเห็นไหมที่ไหนก็ต้องเห็นภูที่นั่น เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันเลยล่ะค่ะ” ชิดชไมไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่น้อย


“จริงสิคะ คุณคงทราบเรื่องที่ภูเพิ่งแต่งงานกับฐิตารีย์เจ้าของไร่เทพทัตแล้ว น่าเสียดายที่ไม่ยอมบอกเพื่อนๆ ไม่อย่างนั้นจะขึ้นไปแสดงความยินดีด้วยแน่ๆ”
สริตาถึงกับกำหมัดแน่นเจ็บแปลบที่หัวใจ
“สรุปก็คือทั้งสองที่ใครๆ พากันตามหา ที่แท้ก็แอบขึ้นไปแต่งงานกันบนดอยเรียบร้อยไปแล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่หัวเราะอย่างเย้ยหยันอีกด้วย


“นี่ยังดีนะคะ ไม่รอให้ลูกโตก่อนแล้วเราค่อยรู้ เอ๊ะ! หรือว่าเจ้าสาวท้องก่อนแต่ง อุ๊ย! ก็น่าเป็นไปได้เหมือนกันนะคะ”
ร่างที่ออกมาจากสปาใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั้งที่ตั้งใจมาด้วยเรื่องอื่นแท้ๆ แต่เพราะเหตุใดกลับเหมือนกำลังโดนตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ได้ ผิดกับชิดชไมที่สะใจกับการกระทำของตัวเองจนต้องหัวเราะออกมาอย่างขบขั


อีกด้านหนึ่งของอำเภอแสนดาว สองหนุ่มที่มาถึงไร่เทพทัตพร้อมกับคำถามต่างฝ่ายก็ต่างต้องการคำตอบอย่างที่สุด
“ตกลงเป็นเพราะอย่างนี้ใช่มั้ยที่ทำให้คุณเปลี่ยนไป” ลึกๆ แล้วยองฮวายังอุตส่าห์หวังว่าเธอจะปฏิเสธ


ซองสีน้ำตาลที่ด้านในปรากฏภาพขยายใหญ่ในงานแต่งทำให้ฐิตารีย์ถึงกับอ้าปากค้าง ซ้ำเมื่อได้อ่านข้อความในจดหมายก็ยิ่งต้องตกใจยิ่งกว่าหลายเท่า


ความเงียบเพียงชั่วอึดใจ แต่ยามนี้ยองฮวา กลับรู้สึกเหมือนนานแรมปี
“ขอโทษนะคะ ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้ ตาไม่มีอะไรดีควรค่ากับการที่คุณอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อตามหาฝันแม้แต่น้อย เราจบกันเพียงนี้เถอะนะคะ”


ยองฮวาถึงกับทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง คำพูดที่เธอเปล่งออกมาฟังดูแสนง่าย แต่สำหรับเขาถึงกับพูดไม่ออก เขาน่าจะรู้ตั้งแต่วันนั้นที่มาถึง ว่าพื้นที่ในหัวใจของเธอไม่เหลือเขาอีกต่อแล้ว


ฐิตารีย์เหมือนนึกบางอย่างอย่างได้เพราะกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาอีกครั้งก่อนจะยื่นสร้อยจี้อเมทิสต์เส้นนั้นคืนให้กับเขา
น่าแปลกนักที่ยามนี้ภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับเพิ่งผ่านตาเขามาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ในความฝันนั่นกับเวลานี้ราวภาพเดียวกันไม่มีผิด


“ผมคงไม่ขอรับเอาไว้ ในเมื่อผมตั้งใจให้กับคุณแล้ว เมื่อคุณไม่ต้องการ จะให้ใครต่อนั่นก็เป็นสิทธิของคุณ”
ฐิตารีย์ถึงกับไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้


“หากนั่นคือความประสงค์ของคุณ ผมก็ยินดีที่จะทำตามนั้น ผมไม่เคยเสียใจเลยจริงๆ ที่เราได้รู้จักกัน อีกทั้งผมยังได้รับบทเรียนหลายอย่าง ผมคงต้องยินดีกับคุณสินะ”
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวได้แต่เงียบงัน
“น่าเสียดายที่ผมไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณภู แต่ผมก็เชื่อว่าเขาต้องให้ความสุขคุณได้แน่ๆ ผมฝากลาเขาด้วยก็แล้วกัน”


ทั้งที่ในใจนึกสงสารชายหนุ่มตรงหน้าเพราะครั้งนี้แตกต่างกับที่ผ่านๆ มาอย่างลิบลับ เพราะปกติถึงแม้เธอจะเป็นฝ่ายตัดสัมพันธ์ก่อน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะยากเย็นเท่าครั้งนี้


“ถึงเราจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้จริงมั้ยครับ”
นั่นนับเป็นเรื่องที่เธอคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย
“และหากเพื่อนคนนี้ต้องการช่วยเรื่องหนี้ธนาคารนั่น...ผมก็ยังยินดีที่จะยืนยันในคำเดิม”


ไม่น่าเชื่อที่บัดนี้น้ำตารื้นๆ ของหญิงสาวจะเอ่อขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“คุณอย่าให้ตารู้สึกผิดไปมากกว่านี้อีกเลยนะคะ ขอให้คุณโชคดีนะคะ ยองฮวา”
“ฝากลาทุกๆ คนที่นี่ด้วย...บอกด้วยว่าผมมีความสุขมากๆ กับหลายวันที่ผ่านมา ผมจะไม่มีวันลืมฟาร์มนี้...และลืมคุณเลยจริงๆ”
“ลืมตาเสียเถอะค่ะ คิดเสียว่าตาไม่ดีพอสำหรับคุณ คิดเสียว่าคุณไม่เคยมาที่นี่ แล้ววันหนึ่งคุณก็จะลืมตาไปได้เอง”


ฐิตารีย์ที่มองชายหนุ่มที่เดินจากไปรู้สึกสงสารจับใจ แท้จริงแล้วนี่เธอได้ทำสิ่งที่ถูกต้องหรือผิดอย่างมหันต์กันแน่ที่ปฏิเสธรักของเขาอย่างไม่มีเยื่อใย ที่สำคัญเธอยังไม่คิดปฏิเสธกับเรื่องที่ยองฮวาเข้าใจผิดนั่นอีกด้วย
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน...เทพทัตก็เรียกหลานสาวมาพบ เพราะภาพเจ้ากรรมก็ตกอยู่ในมือเขาเช่นกัน


“จะว่ายังไง กับรูปพวกนี้” เทพทัตถามน้ำเสียงเข้มเมื่อเรียกตัว
“เอ่อ…มันไม่ใช่อย่างที่ปู่คิดเลยนะคะ คือวันนั้นมีงานแต่งพอดี แล้วเราก็สวมรอยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเพราะคนร้ายขึ้นไปตามจนถึงที่นั่น ไม่เชื่อตาคุณปู่จะถามกับผู้หมวดไกลเลิศก็ได้นะคะ เพราะเขานั่นแหละที่เป็นคนออกอุบาย” อธิบายอย่างอ่อนใจ


“ว่าแต่คุณปู่เอารูปพวกนี้มาจากไหนกันคะ”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่มันอยู่ที่คนปล่อยข่าวไปจนทั่วแล้วต่างหาก” เทพทัตพูดเช่นนั้น เพราะเจียระไนเพิ่งตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกที่กำนันโทร.เข้ามาต่อว่าเธอ เจียระไนจึงนำข่าวร้อนนี้มาบอกบิดาตั้งแต่เมื่อคืนทั้งที่ยังไม่เห็นภาพเลยด้วยซ้ำ
“ต้องที่ร้านอัดภาพนั่นแน่ๆ ตาจะไปเอาเรื่อง” บอกแล้วลุกขึ้นทันที


“อย่าหาเรื่องหน่อยเลย เราเองต่างหากที่หละหลวม”
“คุณปู่จะปล่อยให้คนร้ายลอยนวลอย่างนั้นคะ” ยังบอกอย่างดื้อดึง
“คุณปู่อย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อนะคะ” เธอยังโล่งใจไปเปราะหนึ่งเพราะบิดาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตรวจสุขภาพ และพบปะเพื่อนฝูงเก่าๆ ตั้งแต่ก่อนเธอกลับมาจากบ้านม่อนละอองเมฆ จึงได้เพียงติดต่อกันทางโทรศัพท์


นาทีนั้นสายตาเทพทัตมองหลานสาวอยู่ก็จริง แต่จิตกลับมุ่งไปยังบางสิ่งที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลังเธออีกที เด็กชายผมจุกนุ่งโจงแดง ไม่สวมเสื้อแต่ใส่กำไลทองทั้งข้อมือและข้อเท้าทั้งสอง รวมทั้งสร้อยเส้นใหญ่ที่สวมซึ่งใครๆ ต่างเรียกก็ขานกันว่ากุมารทอง


“เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เด็กชายหน้าตาสะอาดสะอ้านอ้วนท้วนส่งข้อความมายังเทพทัต
“แม่ตะเคียนให้มาเรียนท่านเจ้าคุณว่ามีคนส่ง…มาด้อมๆ มองๆ ที่ ‘กรุเก่า’ เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปบอกว่าให้นางจัดการตามที่เห็นสมควร อีกเดี๋ยวจะตามไป” เทพทัตส่งพลังจิตโต้ตอบ
ฉับพลันที่ร่างเด็กน้อยหัวจุกนั่นหายวับ


“เราไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปู่ให้ชยุตไปเอาภาพถ่ายที่ร้านนั่นแล้ว” เทพทัตเปลี่ยนอิริยาบทเป็นนั่งขัดสมาธิ ก่อนหลับตาลงบ่งบอกให้รู้ว่าหมดเวลาสำหรับเธอแล้ว
กลุ่มหมอกควันรวมตัวกันหนาแน่นประดุจป้อมปราการสูงตระหง่านจึงยากนักที่ใครจะฝ่าเข้ามาถึง

แต่หากทะลุทะลวงเข้ามาแล้วจะเสมือนคนละโลกกับภายนอก เพราะตะเคียนคู่ที่สูงเสียดฟ้าแตกกิ่งก้านสาขาจนร่มคลึ้ม ปกคลุมเรือนไทยหลังมหึมาที่พำนักของนางตะเคียนคู่พี่น้องที่ใบหน้าราวกับพิมพ์เดียวกัน เรือนผมยาวจนถึงบั้นเอว ผิวขาวราวหยวกกล้วย และงดงามอย่างที่ต้องตกตะลึง ที่เคียงข้างคือคมแก้วที่อยู่ในชุดตะเบงมานมือในมือถือดาบเล่มยาวเฟื้อย


ถัดไปคือพูนดินที่ลึกลงไปคือกรุเก่า กรุสมบัติที่ใครๆ ต่างหมายปอง หากแต่ถูกตรึงไว้ด้วย ‘จักรพยนต์’ อาคมชั้นสูง จักรที่ทำจากเหล็กกล้าอันคมกริบ เคลื่อนไหวด้วยกลไกที่ผลักดันจากแสงและอากาศ โดยการตั้งธาตุไว้ที่ซี่จักรทั้งแปด แล้วจึงบริกรรมคาถาวาโยกสิณ หรือกสิณลม ต่อด้วยการเข้าสมาธิระดับอุปจารณสมาธิ ตามด้วยอัปนาสมาธิ

แล้วจึงถอยมาที่อุปจารสมาธิอีกที เมื่อเข้าไปถึง ‘ณาน’ จะทำให้เกิดวาโยกสิณสามารถพัดจักรให้หมุนได้ เมื่ออธิฐานจิตรทับไปอีกครั้งว่าหากจักรอยู่ในที่ปิดไม่มีอากาศไม่ต้องหมุน แต่หากอยู่ที่เปิดหมายถึงหากมีผู้มาล่วงล้ำเข้ามาอากาศใหม่ย่อมตามมาด้วย จักรก็จะหมุนไล่ออกไปเป็นทรงกรวยสูงทันที โดยจะหมุนจนกว่าจะปิดลงเหมือนเดิมโดยคำอธิฐานนั้นจะอยู่ชั่วนิดนิรันด์


นาทีนั้นโดยรอบเสมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ความเงียบงันที่ปรากฏจึงไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงใบไม้ไหว
และหากสถานที่แห่งนี้ได้ประจักกับสายตาของผู้ใด คงอกสั่นขวัญแขวนตามๆ กัน ทว่า…เทพทัตกลับลวงตาใครๆ ไว้ด้วยแนวไม้หนาทึบพร้อมร่ายคาถากำบังเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกได้พบเห็น


“มีเรื่องอะไรกันแน่แม่ทองทิพย์” เทพทัตถอดจิตมาถามนางตะเคียนผู้พี่ที่บัดนี้ออกมารับหน้า
“มีผู้แก่กล้าอาคมส่งอีกาเสกบุกเข้ามาดูลาดเลาเจ้าค่ะ ลองมันรู้ว่าสมุนของมันโดนจับได้ มันต้องล้างแค้นแน่ๆ” พุดผู้พี่ไม่พูดเปล่า แต่ชูชะลอมไม้ไผ่ที่ด้านในปรากฏอีกาสีดำสนิท ในตาสีแดงเพลิงที่ยังดิ้นขลุกขลักเพราะไร้อิสระภาพ


“เราจะทำยังไงกันดีเจ้าคะ หากจะย้ายกรุตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วแน่ๆ” พิกุลผู้น้องเอ่ยอย่างตื่นตระหนก
“คงถึงเวลาแล้วที่เราจะเลิกวิธีเก่าๆ ในเมื่อมันอยากลองดี ก็คงต้องสั่งสอนกันบ้าง” น้ำเสียงกร้าวของเทพทัตประกาศก้องก่อนลงนั่งขัดสมาธิยังโคนตะเคียนใหญ่


ฆราวาสผู้มีอาคมขลังเพ่งกสิณไปยังอีกาที่นางตะเคียนวางชะลอมไว้บนดิน พลางว่าคาถาและแล้วเชือกกล้วยที่สามารถเปล่งแสงเหลืองอมเขียวที่ล้วงจากย่ามก็สำแดงฤทธิ์ แล่นเข้าพันธนาการนกนั่นไว้ฉับพลันที่มันกลับเป็นนกไม้ในทันใด


สองชั่วโมงก่อนหน้านั้น…รถตู้ปิดฟิล์มกรองแสงจนดำสนิทที่เข้ามาจอดในคฤหาสน์ของกำนันพิรัชได้นำพาคนหนึ่งเข้ามาด้วย…บุเรมังปรึย หมอเขมรร่างกำยำที่ใครได้เห็นย่อมต้องขนหัวลุก!!


ชุดเสื้อม่อฮ่อมสีดำสนิท ลูกประคำเต็มคอ แขนขาลายพร้อยด้วยรอยสักยันต์สีเขียวหม่นจนไม่ปรากฏสีเนื้อจริงให้ได้เห็น โดยไม่เว้นแม้กระทั่งศีรษะที่เตียนโล่ง เด็กรับใช้ร่างผอมเกร็งที่ตามติดในมือถือกระด้งที่ด้านในปรากฏกระทงใบตองที่บรรจุเครื่องเซ่นนานาชนิด


“คืนนี้ข้าจะเปิดศึกกับไอ้เฒ่านั่น” บุเรมังปรึยประกาศศักดาดังกึกก้อง
“มันหาญกล้ามาจับลูกข้า คืนนี้เราจะได้เห็นดีกันแน่ๆ”
ดวงตาที่ลุกโพลงกับริมฝีปากที่สะแหยะยิ้มของหมอเขมรทำให้กำนันต้องถามตัวเองว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่รับชายผู้นี้เข้ามาในบ้าน


คืนเดือนดับ...ที่ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน กระทั่งหรีดหริ่งเรไรยังไม่กล้าขยับปีก ภายในห้องที่ปิดมิดชิดจึงคละคลุ้งด้วยกลิ่นธูปและควันเทียน โดยมีเพียงกำนันพร้อมคนสนิทต้นคิดเรื่องนำหมอเขมรผู้นี้เข้ามาทำพิธี อีกหนึ่งคือบุตรชายที่เขากำชับให้มาให้ได้

ทั้งเจ้าบ้านยังออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดไม่ให้ผู้ใดกล้ำกรายรบกวน แต่ยามนี้พิรัชกลับหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหตุเพราะบุคคลตรงหน้าดูแล้วน่ากลัวอย่างไรชอบกล แต่ในเมื่อเขาลงทุนลงแรงมาจนถึงขั้นนี้แล้วจะให้ถอยตอนนี้จึงทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกลและมนต์คาถา...


“พ่อว่ามันจะได้เรื่องหรือครับ” พาครกระซิบกับบิดา สำหรับเขาแล้วมันช่างไร้สาระสิ้นดี ก็นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว
“แกเฉยไว้เถอะน่า ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ขืนรอต่อไปดีไม่ดี ไอ้แก่นั่นมันยกของให้ไอ้ภูมิรพี ทีนี้จะทำยังไง”


บุตรชายยังไม่ทันได้ตอบโต้ บางสิ่งก็เกิดขึ้นเสียก่อน เพราะจู่ๆ เทียนที่จุดเป็นวงกลมรายรอบจองขมังเวทย์ก็ดับพรึบพร้อมๆ กัน นาทีนั้นไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทั้งกำนัน พาคร และคนสนิมกำนันต่างพากันขนลุกเกรียว กลิ่นที่ลอยอวลในความมืด ไม่ใช่กลิ่นธูปหรือควันเทียน แต่เป็นกลิ่นสาปสางที่พาให้คลื่นเหียนอย่างบอกไม่ถู


ท่ามกลางความมืดนั้นดวงตาคู่หนึ่งเปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้าก่อนหายวับไปกับตา
ในเวลาเดียวกัน ณ ฟาร์มเทพทัต...เสียงเจ้าคุกกี้ส่งเสียงหอนเย็นยเยือก ทำให้สองอาหลานที่กำลังมือเป็นระวิงอยู่ในครัวต้องสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ รวมทั้งเด็กหนุ่มช้างที่กรอกตาไปมาหวาดหวั่น


“คืนนี้ผมขอนอนที่นี่นะครับ” เด็กหนุ่มรีบขออณุญาตมองนายหญิงของบ้านตาปริบๆ เพราะรู้สึกหวาดๆ จนไม่กล้ากลับไปบ้านพักที่ท้ายฟาร์ม
“อยากนอนพื้นก็ตามใจ” ถึงเจียระไนพูดเช่นนั้นแต่ในใจกลับคิดว่ามีเพื่อนอยู่กันหลายๆ คนก็ดีเช่นกัน
“คืนนี้หนูนอนกับอามั้ยล่ะตา”


“ไม่ล่ะค่ะ เดี๋ยวหนูจะกลับไปนอนที่บ้าน” เพราะในใจเหน็ดเหนื่อยจนอยากพักเงียบๆ เพียงลำพัง
“จริงสิคะ ใครเห็นลุงจ่าบ้างคะ ตาว่าไม่เห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้
“ยังไงก็ไม่ทราบสิฮะ แต่เมื่อเย็นเห็นว่านายใหญ่ใช้ให้เข้าไปในเมือง” ช้างตอบทั้งที่มือยังนวดแป้งสำหรับทำพิชช่า


ณ ห้องพระใหญ่ของฟาร์มเทพทัต ร่างที่นั่งบริกรรมคาถาสงบนิ่งราวรูปสลักไม่ใช่ใครแต่เป็นเทพทัต ที่ร่ายคาถาสะกดสัตว์น้อยใหญ่ในไร่ไม่ให้ตื่นตระหนก ก่อนจะแยกจิตออกจากร่าง


ลมกระโชกแรง เสียงคล้ายฟ้าร้องและตามมาด้วยลำแสงแปรบปราบเหนือฟาร์มเทพทัต ไม่ได้เกิดเพราะธรรมชาติแต่อย่างใด หากแต่เป็นการชิงไหวชิงพริบทางวิชาอาคมเพิ่งเริ่มต้นขึ้นต่างหาก


เทพทัตที่ปรากฏร่างยังหน้าต้นตะเคียนใหญ่ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเพรียงพร้ำ เพราะปัวะฮ แวก หรืองูเห่าตัวใหญ่ยักษ์ที่บุเรมังปรึยส่งมาเป็นทัพหน้า เขี้ยวขาวยาวโง้งออกมานอกริมฝีปาก ดวงตาสีมรกตปราศจากตาดำ ลิ้นสีแดงน้ำมันแลบสลับเสียงขู่จึงไม่ต่างกับอสูรกายกระหายเหยื่อ เพียงมันแผ่แม่เบี้ยฝุ่นละอองขนาดมหึมาก็ถาโถมเข้าซัดราวพายุ

เทพทัตที่ลอยตัวจากพื้นดินจึงตอบโต้ด้วยไม้เท้าคู่ใจ เพียงจรดปลายลงบนพื้นพร้อมท่องคาถาก็บังเกิดลมระลอกใหญ่พัดเข้าปะทะจนฝุ่นละอองมลายสิ้น


เจ้างูเห่ายังไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ เพราะกลับเปลี่ยนเป้าหมายโดยโจนใส่นางตะเคียนสองศรีพี่น้องราวพายุพร้อมสลัดเกร็ดแข็งทิ่มแทงไปห่าใหญ่ เสียงร้องโหยหวนของทั้งคู่ดังเสียดแทงหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะร้อนราวถูกไฟประลัยกัลป์


เทพทัตต้องเปลี่ยนแผนอย่างฉับพลันเมื่อนั่งลงแล้วบริกรรมคาถาบทใหม่ จู่ๆ เมฆดำทมึนก็เข้ามารายล้อม ตามด้วยสายฟ้าแลบแปรบปราบพร้อมสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทว่าที่เทพทัตนั่งอยู่กลับแห้งสนิท นาทีนั้นเจ้างูยักษ์ยังไม่สะดุ้งสะเทือนใดๆ มันคงปักหลักจ้องเขม็งมายังผู้ร่ายคาถาและเพียงชั่วหนึ่งลมหายใจมันก็โจนใส่อีกฝ่ายอย่างทันท่วงที


เพราะจิตที่ตั้งมั่นจึงเร็วเกินคาดเพราะท่ามกลางแรงลมที่หอบใบไม้ให้ลอยละลิ่ว เขาเพียงกวัดแก่วงไม้เท้าคู่กายยังเบื้องบนก็บังเกิดเกราะกำบังดังครอบแก้วอันแข็งแกร่ง แรงปะทะทำให้เจ้างูกระเด็นกระดอนไปไกลก็จริง

แต่มันยังลุกขึ้นมาเพื่อฮึดสู้รอบใหม่ แต่จู่ๆ คมแก้วก็ได้จังหวะเมื่อเงื้อดาบสุดแรงก่อนฟันฉับจนลำตัวขาดเป็นสองท่อนเลือดสีดำสนิทไหลทะลักนองดิน ทว่ามันกลับไม่รู้สึกรู้สาใดๆ เพราะส่วนหัวยังตั้งตัวขึ้นใหม่หมายสังหารเหยื่อตรงหน้า แต่เพียงชั่วพริบตาเหตุการณ์กก็พลิกผัน เพราะเสือลายพาดกลอนได้ทยานเข้ามาปิดฉากการต่อสู้อันน่าสะพึงกลัวนั่น มันกระชากวิญญาณเจ้าจงอางชะตาขาดด้วยคมเขี้ยว ก่อนจะคาบติดปากหายไปในความมืด


ร่างของบุเรมังปรึยที่ขัดสมาธิหลับตานิ่ง แต่จู่ๆ กลับลืมตาโพลง ก่อนกระอักออกมาเป็นเลือดสดๆ ก่อนจะล้มตึงราวใบไม้ร่วง
เสียงนกแสกที่แผดก้องทำให้กำนันทะลึ่งตัวพรวดขึ้นในทันใด เช่นเดียวกับบุตรชายที่คิดว่างานนี้บิดาคิดผิดอย่างที่สุด


“หมอตายหรือเปล่า” กำนันละลั่มละลักถาม เพราะหากเกิดเรื่องเช่นนั้นในบ้านเขาย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ไม่ตายหรอกนาย แค่ช้ำในเท่าเอง” คนสนิทกำนันที่เข้าตรวจสอบบอกมาให้ได้ยิน
“ผมว่าเอาไปส่งที่ที่พักเลยจะดีกว่า ปะเหมาะเคราะห์ร้าย มาตายในบ้านเราจะยิ่งยุ่งกันใหญ่” พาคร


กระซิบผู้เป็นพ่อทั้งที่ใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ
กำนันยังเหมือนตกอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างที่สุด บุตรชายจึงเป็นคนออกคำสั่งเสียเอง
บุเรมังปรึยจึงถูกหามออกไปอย่างหมดสภาพ ไม่เหลือเค้าจอมขมังเวทย์ที่ฮึกเหิมเหมือนขามาแม้แต่น้อย


ภายในห้องพระใหญ่...เทพทัตยังคงเดินลมปราณอย่างสงบนิ่ง เพื่อให้ร่างคืนสู่ภาวะปกติ ที่เคียงข้างคือชยุตที่ท่อนบนเปลือยเปล่า แต่หากใครได้เห็นจะแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เพราะเนื้อหนังแทบไม่ต่างกับเด็กหนุ่มช้างที่อายุต่างกันกว่าสี่สิบปี!

แล้วข่าวการจากไปของยองฮวาอย่างเงียบเชียบโดยมีพชรตามไปส่ง ทำให้ฐิตารีย์รู้สึกโล่งใจไปได้บ้าง ถึงกระนั้นเธอยังอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำถามของพชรที่เอ่ยกับเธอทางโทรศัพท์หลังจากยองฮวากลับออกจากฟาร์ม


“ถามจริงๆ เถอะ ตาแต่งงานกับคุณภูจริงๆ น่ะหรือ”
“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ นาทีนี้ เหตุผลนี้ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ อย่าหาว่าเราใจดำเลยนะ แต่หากยองฮวาเข้าใจอย่างนั้น ก็ทำให้เขาตัดใจได้ง่ายขึ้นไม่ใช่หรือ”
ไม่น่าเชื่อว่าจากวันนั้นที่ไปพบเขาที่เกาหลีใต้ จนถึงวันนี้เวลาได้ล่วงมาถึงหกเดือนเข้าให้แล้ว

คงเหนื่อยกับเรื่องราวมากมายที่ทยอยกันเข้ามาจนแทบไม่ได้มีเวลาจะพักผ่อน ที่สำคัญเธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นเพราะภูมิรพีนั่นต่างหากที่อดีตไม่สำคัญกับความรู้สึกของเธออีกต่อไป


แล้วอีกเรื่องก็ตามมาติดๆ หลังยองฮวากลับไปเพียงสองวัน ไฟป่าที่เริ่มก่อตัวหลังฝนแล้ง ก็แสดงพลังและอำนาจของมัน แม้ข่าวจากกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชจะประกาศเตือนเรื่องไฟป่ามานับครั้งไม่ท่วน แต่ไม่มีครั้งใดที่ทำให้ฐิตารีย์อกสั่นขวัญผวาได้เท่าเวลานี้

เพราะไฟปะทุขึ้นที่สันเขาหลังฟาร์มของเธอเอง ที่ซ้ำร้ายคือกินบริเวณกว้างจนไม่สามารถจะดับได้ สุดท้ายมันจึงลุกลามมาชนแนวกันไฟด้านหลังฟาร์มอย่างไม่อาจควบคุม ที่น่าหวาดหวั่นกว่านั้นคือชยุตที่เทพทัตใช้ให้ไปทำธุระสำคัญก็ยังไม่มีท่าทีจะกลับมา ยามนี้เธอจึงต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพัง


“คุณหนู”
น้ำเสียงที่ดังข้างตัวทำให้ความคิดกระเจิดกระเจิงของเธอหยุดลงอย่างฉับพลัน
“ลุงจ่า...” ไม่ทันที่เธอจะพูดสิ่งใด ชยุตก็พาคนงานไปผจญเพลิงยังด่านหน้าอย่างกล้าหาญที่สุด


ทว่าไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ถึงชยุตจะกลับมาแล้ว แต่หัวใจของของเธอยามนี้กลับยังรู้สึกริบหรี่อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอ่อนล้าและหมดกำลังใจอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน รอบข้างแม้โกลาหลแต่กลับรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว มันช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้...


แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น จู่ๆ บุรุษหนึ่งก็ฝ่ากลุ่มควันเข้ามาจนได้ เธอแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เขาช่างไม่ต่างกับแสงของดวงตะวันที่ส่องผ่านมาถึงหัวใจอันหนาวเหน็บ และนั่นก็ทำให้ฐิตารีย์ตื้นตันใจจนถึงกับต้องหลั่งน้ำตา เป็นไปได้อย่างไรกันที่เขาจะกลับมาช่วยในวินาทีที่เธอต้องการใครสักคนอย่างที่สุดอย่างเช่นเวลานี้ ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ
ป่าหนาวในเงารัก มาพบกับเพื่อนๆ แล้วนะคะ อาจช้าไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ยังติดตามกันอยู่ด้วยค่ะ

ด้วยรักจากใจค่ะ
ยุพากร



ยุพากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2556, 14:45:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2556, 22:03:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1454





<< 16 ยุพากร . กรยุพา   18 มุกดารา . กรยุพา >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 5 มิ.ย. 2556, 20:17:48 น.
อ่านมาเรื่อยๆ เนื้อเรื่องน่าติดตามดี แต่ขัดใจ ตรงคำว่า"ิอณุลักษณ์" ซึ่งผิดอย่างมหันต์เลยนะคะ เขียนว่า "ิิอนุรักษ์" ค่ะ อยากบอกว่าขัดใจจริงๆ กับภาษาไทย ลองพยายามอีกนะคะ


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 5 มิ.ย. 2556, 20:19:05 น.
"แม้ข่าวจากกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช"


อัปสรา 6 มิ.ย. 2556, 16:31:57 น.
มารอตอนต่อไปนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account