Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตั๋วเดินทางกับการรอคอย

บทที่ 1 : ตั๋วเดินทางกับการรอคอย

ความเย็นเยียบเดินทางผ่านอากาศจากระบบปรับอากาศกำลังสูง เปลี่ยนอุณหภูมิของอากาศในอาคารผู้โดยสารจากเย็นมากเป็นรู้สึกหนาว นาทีนี้เจ้าหน้าที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์มันจะรู้ไหมนะว่ามีเพื่อนบ้านชาวไทยคนหนึ่งนั่งสั่นเป็นลิงหิมะ(คิดว่าคงเหมือนกัน)อยู่ในบ้านของพวกเขา-ชายหนุ่มคิดสงสัย

พีรพงษ์ชักนึกเสียดายที่ดันเอาเสื้อสเวตเตอร์ตัวเก่งออกจากกระเป๋าเพราะเห็นว่ามันกินเนื้อที่เกินไป แล้วคิดว่าลำพังเสื้อแขนยาวผ้าหนาที่เอามาก็น่าจะพอ แต่ปรากฏความจริงว่ามันเอาไม่อยู่เลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร พอควานหาเสื้อที่พอจะใช้เพิ่มความอุ่นได้อีกสักนิดหน่อยเจอ มันก็ถูกสวมทับลงไปบนตัวทันที จากนั้นเขาก็ห่อตัวเองไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวอีกชั้นหนึ่ง

เสียงคุยโทรศัพท์ที่ดังอยู่ไม่ห่าง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองดู แบ็กแพ็กเกอร์ผมทองสามหนุ่มห่อตัวเองไว้ในถุงนอนดูแล้วท่าทางจะอุ่นเอาการ เห็นแล้วก็ให้นึกเสียดายหนักขึ้นไปอีกที่ทิ้งถุงนอนไว้ที่ห้อง ก็อย่างว่าล่ะ... ใครจะไปรู้ว่ามันจะได้ใช้ในกรณีแบบนี้

เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็เลยนั่งกอดเข้าตัวเองให้ร่างกายอยู่ในผ้าให้มากที่สุด จะว่าไปนี่เขาก็ทนอยู่ในพื้นที่นั่งพักในสนามบินมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว เพราะเลือกเดินทางด้วยการเดินทางราคาถูกที่สุดทำให้ต้องยอมมาเสียเวลาต่อเครื่องนานหน่อย เพื่อนที่รู้ข่าวยังถามว่าจะไหวเหรอ? เขาก็คิดเองว่านี่เป็นเวลาเดินทางที่ลงตัวที่สุด ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก ความพร้อมและการตัดสินใจ แต่หลังจากนั่งรอเวลาเรียกขึ้นเครื่องอีกครั้งหลังออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มาเปลี่ยนเครื่องเป็นเครื่องของอีกสายการบินที่นี่ตั้งแต่เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา ตอนนี้เขาชักอยากย้อนกลับไปตัดสินใจใหม่

ในเป้เดินทางใบไม่ใหญ่นัก ขนาดมันพอที่จะใส่เสื้อผ้าได้ห้าถึงหกชุดแต่ไม่พะรุงพะรังที่จะแบกเดินทาง ชายหนุ่มรูดซิปกระเป๋าข้างแล้วหยิบซองพลาสติกที่ภายในเก็บตั๋วเครื่องบินและตารางเดินทางออกมาดูเพราะไม่รู้จะทำอะไรเป็นการฆ่าเวลา

ความจริงเขาเองก็อยากจะบินตรงรวดเดียวจากกรุงเทพฯไปซิดนี่ย์ แต่ไม่สามารถทำได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างที่กำหนดให้เป็นแบบนั้น เรื่องเงิน เรื่องเวลา เรื่องความต้องการในใจ

หลังเช็คตารางเวลาบนหน้าตั๋วอีกครั้งทั้งที่ก็รู้ว่าเวลามันคงไม่เปลี่ยนไปจากที่ดูไปแล้วหลายครั้งก่อนหน้าก็ตามเถอะ ยังเหลือเวลาที่ต้องรออีกราวสามชั่วโมงครึ่งเครื่องถึงจะขึ้นบิน มันจะออกบินจากสนามบินตอนเที่ยงคืนครึ่งตามเวลาที่เมืองไทย แล้วก็เดินทางถึงซิดนีย์ในตอนเช้าตรู่ของวันใหม่

“ตารางเดินทางมึงเป็นอย่างนี้นะเว้ย” เขานึกถึงตอนที่ไอ้จิ๊บลากเขาออกมาอธิบายรายละเอียดทั้งหมดที่ร้านอาหารของรุ่นน้องคนหนึ่งแถวท่าพระอาทิตย์
“ก่อนอื่นมึงก็ต้องขึ้นเครื่องแอร์เอเชียตอนหกโมงเย็นไปเปลี่ยนเครื่องที่มาเลเซีย แต่มึงต้องรอเกือบห้าหรือหกชั่วโมงนู่นแหละ”
“แล้วไงต่อ?” เขาถาม
“จากนั้นมึงก็รอเค้าเรียกขึ้นเครื่องสายการบินเจ็ท ที่จะมาจากดูไบ เครื่องจะไปถึงซิดนี่ย์ตอนหกโมงเช้า แล้วมึงก็ต่อเครื่องแควนตัสไปอลิซสปริงส์ โอเคป่ะ”

พีรพงษ์หยิบตั๋วอีกใบที่เป็นตั๋วเที่ยวบินภายในประเทศออสเตรเลียของสายการบินแควนตัสมาดู ตั๋วใบนี้เพื่อนก็ช่วยสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตให้ หลังมันเห็นโปรโมชั่นลดราคาจากราคาปกติที่แพงพอดู และเมื่อสัปดาห์ก่อนทางตัวแทนสายการบินก็ติดต่อให้มันไปรับตั๋วที่ออฟฟิศของสายการบินในกรุงเทพฯ

“ยากดีว่ะ” เขาพูดลอยๆ
“อ้าว...เชี่ยนี่ กูก็บอกแล้วว่ามันลำบาก ยอมจ่ายแพงหน่อยก็สิ้นเรื่อง” อีกฝ่ายบ่น
“ฮ่าๆๆ โทษที ขอบใจเว้ยที่จัดการให้ แล้วยังไงกูเลี้ยงเหล้าตอบแทนแล้วกัน”
“วันนี้เลยใช่มั้ย?” มันถาม
“เหี้ย... กูจะจ่ายค่าตั๋วคืนมึงยังแทบกระเป๋าแบน จะให้กูเลี้ยงวันนี้อีก” เขาโวยวาย

เขาหยิบมันมาเทียบเวลา อย่างจำเพาะที่สุดแบบผิดพลาดไม่ได้คือ พรุ่งนี้เช้าเขาจะไปถึงที่ซิดนี่ย์ก่อนเวลาเครื่องบินที่จองตั๋วไว้จะขึ้นราวหนึ่งชั่วโมงไม่เกินนั้น สรุปว่าหลังจากลงเครื่องที่ซิดนี่ย์ก็ต้องขึ้นเครื่องบินไปเมืองอลิซสปริงส์ แล้วก็ต่อเครื่องบินเล็กไปลงที่สนามบินคอนแนลล์ซึ่งเป็นสนามบินที่อยู่ใกล้ปลายทางที่สุด จากนั้นก็ต่อรถบัสโดยสารท้องถิ่นจากสนามบินไปยังแหล่งชุมชนใกล้อุทยานนั่น แน่นอนว่าทุกอย่างควรต้องเป็นไปตามนั้น ไม่อย่างนั้นนักเดินทางไปนอกชั้นไร้ประสบการณ์แบบเขาคงต้องเจอเรื่องที่ไม่อยากเจอ นั่นก็คือแผนสอง แผนสามหรือแผนสี่ในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ที่มีตั้งแต่หากเกิดผิดพลาดที่อลิซสปริงส์หรือที่คอนแนลล์จนถึงความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นที่ซิดนี่ย์ ก็ได้แต่หวังว่ารายละเอียดที่ตกลงกันไว้กับทางสายการบินเรื่องเวลาจะลงตัวพอดี

ในสนามบินเมื่อมองออกไปรอบๆ ถึงจะดึกนิดหน่อยแล้วแต่ก็เห็นผู้คนดูคึกคักและค่อนข้างพลุกพล่าน บางคนก็รอคอยเวลาด้วยการนั่งอยู่ในร้านอาหารฟาสฟู้ดต์บ้าง ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันนั่นบ้าง ที่อยู่บนม้านั่งเหมือนหมาเฝ้าสัมภาระก็เยอะ บ้างจับกลุ่มคุยกัน บ้างก็อยู่เงียบๆ กับหนังสือในมือ ไม่ก็เครื่องเล่นเพลงที่โยงสายเสียบไว้กับหู

ชายหนุ่มหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิด เมื่อเครื่องเชื่อมต่อสัญญาณ wifi โดยการเข้ารหัสที่ขอจากเจ้าหน้าที่สายการบินไว้ก่อนหน้านี้ได้ หลายข้อความแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้น โลกใบนี้แคบลงทุกวันๆ แต่เขาสิเหมือนเป็นคนนอกคอกของโลก ในมุมหนึ่งคือเขาไม่เอาอ่าวกับเทคโนโลยีเอาเสียเลย เรื่องขอรหัสเข้าอินเตอร์เน็ตนี้ก็เพราะได้เพื่อนฝูงบางคนแนะนำไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้อะไรเลย

“ถึงไหนแล้ว?” หญิงสาวถามไถ่มาในเฟซบุ๊คแทบจะในทันที เขานึกถึงตอนที่เธอมาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อตอนบ่าย เธอขอกอดเขาไว้ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดคำว่า “ไปก่อนนะ” จูน-ผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในชีวิตส่วนตัวที่แทบไม่เหลือช่องว่างไว้ให้ใครเข้ามาข้องเกี่ยว
“สนามบินสิงคโปร์ รอเปลี่ยนเครื่องอยู่” เขาพิมพ์ข้อความตอบ

ภาพหญิงสาวที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นใครคนใหม่ของชายหนุ่มผุดขึ้นมา ที่จริงจูนไม่มีที่ติสักนิดในการที่จะเป็นคนรักของใครสักคน เธอสวยแบบไม่ต้องอายใคร ดวงหน้ากลม ตาเรียวยาวปลายหางปัดเฉียงขึ้น ผิวขาวเนียนออกชมพูตามประสาคนมีเชื้อจีน แต่พีรพงษ์บอกตัวเองว่าเขารู้ตัวตลอดว่าคงไม่สามารถให้ใครเข้ามาแทนที่ “เกม” ได้ และถึงแม้จูนจะก้าวข้ามเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถทดแทนหรือแทนที่ของคนที่เคยอยู่

ในขณะที่รู้จักกันมากขึ้นทีละนิด ชายหนุ่มเองก็ยิ่งไม่อยากให้เธอเดินลึกเข้ามาในโลกของเขามากขึ้นทุกวันเช่นกัน ทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะต้องการเข้ามาในโลกของเขาหรืออยากให้เขาเข้าไปอยู่ในชีวิตของเธอมากแค่ไหนด้วย

ชีวิตของเธอยังมีให้ใช้ แต่ชีวิตของเขามันไม่ใช่ ก็ในเมื่อหัวใจเขาเหมือนไม่มีอะไรอีกแล้ว เขาหมายถึง—บางครั้งก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรเมื่อไม่แน่ใจว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ทำไม

“จูนไม่เข้าใจไนท์จริงๆ เลยนะว่าทำไมจะต้องไปที่นั่นด้วย”
“แถมยังไปแบบปุบปับแบบนี้อีก”
“ไหนจะอาการป่วยก็ยังไม่หายดีสักหน่อยนั่นด้วย”

ชายหนุ่มตอบกลับข้อความหญิงสาวไปนิดๆ หน่อยๆ แต่โดยหลักๆ ก็เลี่ยงที่จะบอกสาเหตุในการเดินทางครั้งนี้ เขารู้ว่าเธอเป็นห่วง ห่วงทั้งเรื่องที่เขานึกคิดอยู่และห่วงในเรื่องสุขภาพด้วย ก่อนหน้านี้เธอเกือบจะโทร.บอกเพื่อนสมัยเรียนของเธอที่กำลังเรียนต่อปริญญาโทที่ซิดนี่ย์ให้มารับที่สนามบิน แถมยังจะให้เดินทางเป็นเพื่อนไปถึงปลายทางด้วย ดีแต่ว่าเขายืนกรานว่าห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด

“แล้วนี่จะกลับเมื่อไหร่?” เธอถาม
“น่าจะอีกราวสิบวัน”
“เอาเป็นว่ายังไงไนท์พยายามออนไลน์ทุกวันแล้วกัน จูนจะได้รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนยังไง อ้อ...เดี๋ยวจูนจะทิ้งชื่อกับเบอร์ติดต่อเพื่อนจูนที่ซิดนี่ย์ให้ เผื่อมีอะไรไนท์จะได้โทร.ขอความช่วยเหลือนะ”
“ขอบใจนะ”
“เดี๋ยวต้องปิดคอมก่อนแล้วล่ะ ไว้คุยกันใหม่นะจูน” เขาบอก
“อืม... แล้วยังไงก็เดินทางโดยสวัสดิภาพแล้วกัน ดูแลตัวเองด้วย” อีกฝ่ายพิมพ์กลับมา
“จูนด้วย ดูแลตัวเองเช่นกัน” ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับเป็นประโยคสุดท้าย

เมื่อล็อกเอ้าท์ออกจากเฟซบุ๊คแล้ว พีรพงษ์ยังไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ตามที่บอก ที่จริงเขาเพียงแต่ไม่พร้อมจะคุยกับจูนต่อเท่านั้น มันไม่ใช่ว่ารังเกียจที่จะคุยกับเธอ แต่เขารู้สึกว่าการจะพูดคุยกันไม่ใช่ตอนนี้ ส่วนเหตุผลเพราะอะไรนั้นเขาก็ตอบไม่ได้

หลังเข้าไปเช็คอีเมล์ ตามอ่านข้อความและความเคลื่อนไหวอื่นๆ ชายหนุ่มตอบกลับบางอีเมล์เรื่องการเดินทาง ไปอ่านกระทู้และคอนเท้นต์ใหม่ๆ ของเว็บไซต์ที่ติดตามเพื่อรอเวลาที่เหลืออีกเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับเวลาที่รอคอยการตัดสินใจเดินทางครั้งนี้ มันช่างสั้นเสียเหลือเกิน

นั่นเพราะเขาใช้เวลานานหลายปีเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะพิสูจน์ว่านี่จะใช้คำตอบของตัวเองหรือไม่ ถ้าใช่ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่...คำตอบรูปแบบนี้คือสิ่งที่เขาไม่ต้องการได้รับ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาเลือกรอคอยเวลาที่ตัวเองจะยอมรับได้ ตอนนี้ต่อให้มันไม่ใช่ เขาก็เชื่อว่าจะไม่เป็นอะไร เพราะมั่นใจที่ยอมรับในคำตอบทุกอย่างตั้งแต่ตอนตัดสินใจว่าตกลงซื้อตั๋วเดินทางแล้ว

ชายหนุ่มเก็บคอมพิวเตอร์เข้ากระเป๋าสะพายใบเล็กเมื่อเปิดดูทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย เอนตัวเองบนพนักเก้าอี้ ในท่านี้ทำให้ศีรษะแหงนหน้าขึ้นข้างบนโดยอัตโนมัติ ไฟแขวนที่เพดานอยู่สูงขึ้นไปเหมือนอยู่ไกลจนลิบตา ขณะที่ความรู้สึกของเขาจมลงราวกับจะทะลุร่างกายนี้ลงไปบนพื้นดิน หรือราวกับจะจมหายลงไปในพื้นโลก

“จูนหวังว่าการไปออสเตรเลียของไนท์ครั้งนี้ จะทำให้ไนท์ข้ามผ่านอะไรสักอย่างที่มันทำให้ไนท์เป็นแบบนี้ได้นะ”

นั่นเป็นคำอวยพรก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องที่เมืองไทย บางครั้งเขาก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ติดอยู่แต่ในโลกใบอื่นที่คนเคยใส่ใจไม่อยู่แล้ว และทั้งที่โลกใบที่มีคนรอบข้างใส่ใจก็มีอยู่ แต่ทำไมเขาถึงอยู่ได้โลกอีกใบใบนั้น

ไม่ใช่แค่จูนเท่านั้น เขาเชื่อว่าทั้งไอ้จิ๊บ ชิน กอล์ฟกับน้องมนต์แฟนมัน นุ่น อาจจะรวมเอ็มด้วย และอีกไม่กี่คนที่รู้ตื้นลึกหนาบางในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ก็คงหวังว่าจะข้ามผ่านบางอย่างนั้นได้ในการเดินทางครั้งนี้

และบางทีถ้าหาก “เกม” ได้รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรและกำลังทำสิ่งใดอยู่ เธอก็คงเป็นอีกคนหนึ่งที่อวยพรให้เขาโชคดีกับการเดินทางครั้งนี้-ใช่ เธอคงอวยพรให้เขาโชคดี

กระเป๋าเดินทางถูกดึงขึ้นบ่า พีรพงษ์ออกเดินตามเสียงขานเรียกของสนามบินเพื่อรายงานตัวเตรียมขึ้นเครื่อง ยังมีระยะทางอีกยาวไกลที่ต้องไปต่อ ถ้ารวมระยะเวลาเดินทางทั้งหมดนับจากกรุงเทพฯถึงปลายทาง มันคือเวลาสิบเก้าชั่วโมงที่ยาวนาน แต่เทียบไปแล้วเขาว่ามันช่างเป็นเวลาที่สั้นนัก โดยเฉพาะการที่ถูกเทียบกับการใช้เวลาสำหรับการเดินทางเพื่อข้ามผ่านบางอย่างในความรู้สึก เวลากว่าหกปีนั้นเหมือนความเลื่อนลอยที่ไม่สามารถหาจุดสิ้นสุด ชายหนุ่มหวังอย่างยิ่งว่ามันจะจบลงในครั้งนี้

อยากให้มันสิ้นสุดจริงๆ – ชายหนุ่มร้องขอกับตัวเอง



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2556, 19:09:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2556, 19:09:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 882





<< บทนำ : ซาคุทาโร่กับอากิ   ฝันร้ายกับไม่เป็นไร >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account