รอยรักยมทูต
เขาคือเทพแห่งความตายแสนเย็นชา
ส่วนเธอคือวิญญาณดวงน้อยไร้กายา
แต่โชคชะตากลับดลสองดวงใจให้พบกัน
ท่ามกลางอนธการปาฏิหาริย์แห่งรักนิรันดร์จะเริ่มต้นขึ้น

Tags: รอยนิรันดร์ นิรันดร์แห่งรัก ดุจดั่งดวงใจ หทัยแห่งสุริยัน ตราบนิรันดร์คือเธอ ธานาทอส เฮเดส พริมา ขวัญชีวา

ตอน: บทที่ 3/1 หัวใจสีเทา

บทที่3

คำปรามาสว่าเธอไม่พร้อมจุดแรงฮึดขึ้นแก่ขวัญชีวา ดังนั้นในเช้าวันต่อมา หญิงสาวจึงออกตามหาธานาทอสทั่วทั้งปราสาทด้วยหมายใจจะให้เขาช่วยสอนเธออีกครั้ง ทว่าวิญญาณสาวกลับต้องพบความผิดหวัง เมื่อเทพแห่งความตายออกไปทำธุระนอกปราสาทเสียแล้ว

“เจ้าตามหาธานาทอสทำไมกัน” ฮิปนอสถามไถ่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้

“ฉันอยากให้เขาช่วยสอนฉันลอยตัวค่ะ เมื่อวานเขาพาฉันไปฝึกลอยตัวนอกปราสาทแต่ก็เกิดลมพายุพัดจนฉันปลิวเสียก่อน”

“เรื่องแค่นี้เอง ข้าสอนเจ้าได้นะ”

ขวัญชีวามองเทพบุตรตรงหน้าด้วยความยินดี จากนั้นตลอดสองวันหญิงสาวก็คลุกตัวอยู่แต่กับเทพแห่งการหลับใหล ให้เขาสอนผีมือใหม่อย่างเธอล่องลอยขึ้นจากพื้นดินได้เหมือนเช่นผีอื่น สำหรับฮิปนอส เขาแทบไม่มีอะไรเหมือนกับผู้เป็นฝาแฝดเลย เนื่องจากเทพบุตรองค์นี้ออกจะขี้เล่นและเป็นกันเองกับเธอ ยามอยู่ใกล้จึงรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องเป็นกังวลกับสีหน้าเครียดๆหรือเกร็งตัวตลอดเวลาด้วยกลัวจะทำอะไรไม่ถูกใจ

“นั่นแหละ ลอยเข้าใกล้ข้าอีกหน่อย เก่งมาก” ฮิปนอสชมเปราะเมื่อร่างอรชรของวิญญาณสาวหยุดลงตรงหน้าเขาได้อย่างไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไปนัก

“ฉันทำได้แล้ว” ขวัญชีวาบอกด้วยสีหน้าดีใจสุดขีด สองมือจับฝ่ามือหนาเขย่า

“เจ้าเก่งมาก”

ฮิปนอสลองฝึกหญิงสาวลอยตัวบนท้องฟ้าอยู่อีกหลายรอบ และเมื่อเห็นเธอค่อยข้างจะคุ้นชินกับร่างไร้กายาขึ้น เขาจึงชวนเธอกลับสู่ปราสาทซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับธานาทอสเดินทางกลับ หลังจากเทพแห่งความตายหายหน้าหายตาไปถึงสองวันเต็ม

“ธานาทอส...” ขวัญชีวาตะโกนเรียกเทพบุตรหนุ่มเสียงดัง

ร่างอรชรรีบถลาร่อนลงหาจนผู้ยืนอยู่เบื้องล่างชะงักฝีเท้า เตรียมอ้าแขนออกรับ ด้วยเกรงหญิงสาวจะเบรกไม่ทันเหมือนเช่นเคย ทว่าขวัญชีวาไม่ได้หล่นใส่เขาเหมือนอย่างที่คาดการณ์ เธอลงมาหยุดยืนส่งยิ้มให้เขาห่างประมาณสุดปลายแขน

“เจ้าทำได้อย่างไร” เทพบุตรหนุ่มประหลาดใจกับพัฒนาการของผีมือใหม่

“ฮิปนอสสอนให้ค่ะ ก็สองวันมานี้...” วิญญาณสาวกำลังจะเอ่ยปากเล่าต่อ.. เธอตามหาเขาไม่พบเลยได้ขอความช่วยเหลือจากเทพแห่งการหลับใหลแทน

ทว่าเพียงแค่เกริ่นยังไม่ทันจบประโยคดี สีหน้าคมคายเรียบเฉยก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงฉับพลัน

“ลอยได้ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระใครอื่น”

เป็นครั้งแรกที่ขวัญชีวารู้ว่าอาการยิ้มค้างเป็นอย่างไร เธอมองเทพบุตรตรงหน้าอย่างอึ้งๆ สายตาคมสีนิลไม่ได้เหลือบมองเธอเลยสักนิด เขา...ทำราวกับเธอนั้นแสนไร้ค่า ไม่คู่ควรจะพูดคุยด้วย

“ค่ะ ดีก็ดี” เธอพยายามจะเออออตาม เห็นเขาขยับกายเบี่ยงไปทางซ้าย หญิงสาวเริ่มเกิดอาการละล้าละลัง ในที่สุดก็ตัดสินใจตรงเข้าคว้าข้อมือข้างหนึ่งของธานาทอสไว้ “เดี๋ยวสิคะ คุณโกรธเหรอ” วิญญาณสาวไม่เข้าใจในอากัปกิริยาของอีกฝ่ายเลยสักนิด

“ไม่ ทำไมข้าต้องโกรธเจ้าด้วยล่ะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับช่างตรงกันข้ามกับท่าทีนัก เขาตัดสินใจแกะมือบางออกจากข้อมือตน เลือกไม่มองหน้าละห้อยและดวงตาออดอ้อน “เจ้าลอยได้ก็ดีแล้ว ข้าเองก็จะได้หมดธุระกับเจ้าเสียที”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเทพแห่งความตาย ก่อนจะลับหายไปตามโถงของทางเดิน

ขวัญชีวามองตามแผ่นหลังกำยำจนลับสายตา กว่าจะรู้ตัวอีกทีหนึ่งก็ตอนได้ยินเสียงทุ้มของผู้ที่เพิ่งตามลงมาเอ่ยทัก

“เจ้าคุยอะไรกับธานาทอสหรือ ถึงได้มีสีหน้าเศร้าหมองนัก”

หญิงสาวเบนสายตามองผู้อยู่ทางด้านหลัง หันมาส่งยิ้มหมองๆแก่ฮิปนอส ไม่รู้ทำไม เธอจึงรู้สึกเศร้านัก

“ธานาทอสโกรธฉันค่ะ”

“เขาจะโกรธเจ้าด้วยเรื่องอันใด”

ขวัญชีวาส่ายหน้า หยาดน้ำตาคลอสองจักษุ เธอเองก็สุดรู้ตนทำอะไรให้เทพบุตรหนุ่มโกรธหนักหนาจนถึงกับไม่ยอมมองหน้ากัน

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่อยากบอกให้เขาว่าฉันลอยได้แล้ว...” ขวัญชีวาบอกพร้อมกับเล่าบทสนทนาให้ฮิปนอสฟัง

เทพแห่งการหลับใหลถอนหายใจ ความตงิดซึ่งฝังแน่นอยู่ข้างในนับตั้งแต่แรกพบวิญญาณสาว ดูจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในแต่ละวัน

แต่อีกนิดเถอะ ให้เขามั่นใจมากกว่านี้เสียก่อน... ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะทุย โยกน้อยๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มพรายปลอบโยน

“อย่าคิดมาก ธานาทอสก็เป็นอย่างนี้แหละ เขาเป็นเทพแห่งความตายมานานเสียจนหัวใจด้านชา”

เธอยิ้มกับคำปลอบโยนตามแบบฉบับของหนุ่มขี้เล่นอย่างฮิปนอส

“ขอบคุณค่ะ”

“เจ้ายิ้มแล้ว” เขาบอก รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดกับรอยยิ้มของสาวตรงหน้า หวนนึกถึงรอยยิ้มหนึ่งซึ่งถูกกาลเวลากลืนหายมาแสนนาน

เป็นไปไม่ได้หรอก... เทพบุตรหนุ่มย้ำกับตนเองอีกครั้ง จากนั้นจึงชักชวนเธอออกเที่ยวเล่นยังทุ่งดอกแอสโฟเดลด้วยความหวังว่า กลิ่นหอมหวานและความงดงามของดอกไม้ในยมโลกจะช่วยเรียกรอยยิ้มกลับคืนสู่หัวใจดวงน้อย



ดอกไม้สีขาวสะอาดตา กลีบมันวาวพราวระยับจากเกสรด้านใน ส่องประกายเรืองรองให้ช่อแอสโฟเดลในมือของเทพบุตรหนุ่มดูไม่ต่างจากโคมไฟน้อยๆ ห้อยลงมาตรงหน้าของเทพแห่งความตาย

“ให้ข้าทำไมกัน” ธานาทอสถามคู่หูขณะรับดอกไม้ช่อน้อยมาถือในมือ

“เผื่อเจ้าจะอารมณ์ดีไง เขากล่าวกันว่ากลิ่นของดอกแอสโฟเดลจะช่วยให้จิตใจของผู้สูดดมสงบลง ข้าเลยลองดู เพื่อจะใช้ได้กับพวกเทพหัวใจด้านชา”

ดวงตาสีนิลลักษณะคล้ายคลึงกันตวัดมองสีหน้าทะเล้นของฮิปนอสอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“หัวใจข้าไม่ได้ด้านชา”

เหมือนจะพยายามยืนยันคำพูดของตนเอง เทพบุตรหนุ่มยกดอกไม้ช่อน้อยขึ้นจรดปลายจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆของมันพัดพาความหงุดหงิดในหัวใจให้เบาบางลง

“นี่ขนาดไม่ด้านชานะ ยังทำแม่หนูน้อยของข้าร้องไห้”

คำประชดของฮิปนอสเรียกสายตาขุ่นมัวตวัดมองแฝดคู่หูทันใด

“นางร้องไห้หรือ” คำถามนั้นถูกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ใครเลยจะรู้หัวใจผู้พูดรู้สึกเช่นไร

“ใช่สิ เจ้าโกรธเกลียดอะไรนางหนักหนา นางก็แค่วิญญาณหลงทางดวงหนึ่ง ออกจะไร้เดียงสา ไม่ได้ร้ายหรือสกปรกโสมมเหมือนพวกมนุษย์ที่เจ้าเคยพบเจอเสียหน่อย”

“ข้า...ไม่ได้เกลียดนาง” ธานาทอสพยายามอธิบาย อยากจะเอ่ยปากบอกถึงสาเหตุของความหงุดหงิดนัก มันเป็นเพราะฮิปนอสเองนั่นแหละ

เขารึอุตส่าห์เร่งทำงานรีบกลับยมโลก หวังจะมาสอนวิญญาณมือใหม่บางดวงให้ลอยได้ แต่กลับถูกแฝดคู่หูชิงตัดหน้าเสียก่อน

“ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดนางก็ควรหัดคุยกับนางดีๆบ้าง ขึ้นชื่อผู้หญิง ไม่ว่ามนุษย์ ปีศาจหรือแม้แต่เหล่าเทวีล้วนแต่ต้องการความอ่อนหวานทั้งนั้น”

“ดูท่าทางเจ้าจะชอบนางนะ” ธานาทอสค่อนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุต่ำ

ทว่าเทพแห่งการหลับใหลกลับยิ้มร่ารับ ดวงตาคมระริกไหวด้วยแววขัน

“ข้ายอมรับ” เขาบอกอย่างหน้าชื่น “นางน่ารัก ไร้เดียงสา แต่บางครั้งอากัปกิริยานางก็ทำให้ข้าคิดถึงนางปีศาจน้อย”

“ฟีเลียน่ะรึ” เทพแห่งความตายเอ่ยชื่อนางปีศาจตนหนึ่งซึ่งหายสาบสูญไปเนิ่นนาน

“ใช่”

คำตอบคราวนี้ส่งผลให้ดวงหน้าดุดันเริ่มคลายความบึ้งตึงลง รอยยิ้มอ่อนๆประดับขึ้นบนริมฝีปากบางยามนึกถึงนางปีศาจน้อยตัวจ้อยในกาลก่อน

“น่าเสียดาย ฟีเลียเกิดมาอาภัพนัก ตายเสียตั้งแต่อายุยังไม่ถึงร้อยปีเลยกระมัง”

“เก้าสิบเจ็ดปี นางหายตัวไปก่อนวันเกิดครบรอบปีที่เก้าสิบเจ็ด” ฮิปนอสกล่าว

ธานาทอสพยักหน้ารับรู้ เรื่องราวของปีศาจน้อยนางนี้ยังติดตรึงอยู่ในซอกหลืบหัวใจของเทพแห่งความตาย นานๆครั้งเขาก็อดคิดถึงนางไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามนี้เมื่อมีวิญญาณมนุษย์สาวนางแสนไร้เดียงสานางหนึ่งมาพำนักอยู่ในปราสาทด้วย ไม่รู้ทำไม ทั้งเขาและฮิปนอสต่างให้ฉายาวิญญาณสาวดวงนี้ ‘แม่หนูน้อย’ เช่นเดียวกับฟีเลีย

“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วตนเองอาจแข็งกระด้างกับนางเกินไป ไว้ข้าจะหาโอกาสขอโทษนาง หวังว่าเจ้าคงพอใจ” ประโยคหลังเทพแห่งความตายยังอดประชดฝาแฝดของตนไม่ได้

“ดี เกิดเป็นชาย จะมนุษย์หรือเทพก็ต้องหัดรู้จักยอมรับผิดเสียบ้าง มันไม่เสียเชิงหรอก”



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2556, 10:31:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2556, 10:31:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 3010





<< บทที่ 2/2 ตัวปัญหา   บทที่ 3/2 หัวใจสีเทา >>
ริญจน์ธร 10 มิ.ย. 2556, 10:37:21 น.
ตอบคอมเม้นค่า
คุณ คิมหันตุ์ 55 ไม่ได้คิดเผื่อของหนูขวัญไว้เลยค่า เดี๋ยวของคิดก่อนน้า

คุณ หมูอ้วน อาการเริ่มออกแล้วค่ะ มาดูสิว่าธานาทอสจะง้อหนูขวัญยังไง

คุณ goldensun แหะๆ เดี๋ยวขอกลับไปอ่านประโยคนั้นใหม่นะคะ ท่าทางจะเขียนสับสนน่าดู > /\ <

คุณ konhin เรื่องนี้นางเอกเด็กหน่อยค่ะ จริงๆอยากจะให้ไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ แต่ฉากหวานมันเยอะอยู่หลังๆ เลยกลัวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เลยเอาเลขสองขึ้นหน้าดีกว่า

คุณ lovemuay ยังไม่บอกค่า เอาไว้ตามลุ้นกันก่อนเน้อ

คุณ Zephyr ฝึกลอยแล้ว เดี๋ยวมาตามง้อกันต่อนะคะ


หมูอ้วน 10 มิ.ย. 2556, 11:41:01 น.
ท่านธานาทอส ปากแข็งมาก ๆ เลยค่าา


คิมหันตุ์ 10 มิ.ย. 2556, 12:18:10 น.
เย็นชาเกินไปแล้วนะ......ฮิปนอส ท่าทางจะเป็น ที่ปรึกษาที่ดี..อิอิ


nako 10 มิ.ย. 2556, 12:51:08 น.
รีบไปง้อเลย ธานาทอส


lovemuay 10 มิ.ย. 2556, 20:11:33 น.
+55 หึงอ่ะจิ ช่วยไม่ได้อยากกลับมาช้าเอง กร๊าก...


Zephyr 10 มิ.ย. 2556, 23:42:16 น.
ชิชะ อยากสอนเค้า แต่ตัวเองหนีไปทำงานนี่
แถมเจอหน้าแต่ละครั้งยังหน้าบูดเป็นตูด
แม่หนูน้อย ช่างซึนไปเรื่องจนลุงเริ่มหงุดหงิดล่ะน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account