รอยรักยมทูต
เขาคือเทพแห่งความตายแสนเย็นชา
ส่วนเธอคือวิญญาณดวงน้อยไร้กายา
แต่โชคชะตากลับดลสองดวงใจให้พบกัน
ท่ามกลางอนธการปาฏิหาริย์แห่งรักนิรันดร์จะเริ่มต้นขึ้น
ส่วนเธอคือวิญญาณดวงน้อยไร้กายา
แต่โชคชะตากลับดลสองดวงใจให้พบกัน
ท่ามกลางอนธการปาฏิหาริย์แห่งรักนิรันดร์จะเริ่มต้นขึ้น
Tags: รอยนิรันดร์ นิรันดร์แห่งรัก ดุจดั่งดวงใจ หทัยแห่งสุริยัน ตราบนิรันดร์คือเธอ ธานาทอส เฮเดส พริมา ขวัญชีวา
ตอน: บทที่ 3/1 หัวใจสีเทา
บทที่3
คำปรามาสว่าเธอไม่พร้อมจุดแรงฮึดขึ้นแก่ขวัญชีวา ดังนั้นในเช้าวันต่อมา หญิงสาวจึงออกตามหาธานาทอสทั่วทั้งปราสาทด้วยหมายใจจะให้เขาช่วยสอนเธออีกครั้ง ทว่าวิญญาณสาวกลับต้องพบความผิดหวัง เมื่อเทพแห่งความตายออกไปทำธุระนอกปราสาทเสียแล้ว
“เจ้าตามหาธานาทอสทำไมกัน” ฮิปนอสถามไถ่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้
“ฉันอยากให้เขาช่วยสอนฉันลอยตัวค่ะ เมื่อวานเขาพาฉันไปฝึกลอยตัวนอกปราสาทแต่ก็เกิดลมพายุพัดจนฉันปลิวเสียก่อน”
“เรื่องแค่นี้เอง ข้าสอนเจ้าได้นะ”
ขวัญชีวามองเทพบุตรตรงหน้าด้วยความยินดี จากนั้นตลอดสองวันหญิงสาวก็คลุกตัวอยู่แต่กับเทพแห่งการหลับใหล ให้เขาสอนผีมือใหม่อย่างเธอล่องลอยขึ้นจากพื้นดินได้เหมือนเช่นผีอื่น สำหรับฮิปนอส เขาแทบไม่มีอะไรเหมือนกับผู้เป็นฝาแฝดเลย เนื่องจากเทพบุตรองค์นี้ออกจะขี้เล่นและเป็นกันเองกับเธอ ยามอยู่ใกล้จึงรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องเป็นกังวลกับสีหน้าเครียดๆหรือเกร็งตัวตลอดเวลาด้วยกลัวจะทำอะไรไม่ถูกใจ
“นั่นแหละ ลอยเข้าใกล้ข้าอีกหน่อย เก่งมาก” ฮิปนอสชมเปราะเมื่อร่างอรชรของวิญญาณสาวหยุดลงตรงหน้าเขาได้อย่างไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไปนัก
“ฉันทำได้แล้ว” ขวัญชีวาบอกด้วยสีหน้าดีใจสุดขีด สองมือจับฝ่ามือหนาเขย่า
“เจ้าเก่งมาก”
ฮิปนอสลองฝึกหญิงสาวลอยตัวบนท้องฟ้าอยู่อีกหลายรอบ และเมื่อเห็นเธอค่อยข้างจะคุ้นชินกับร่างไร้กายาขึ้น เขาจึงชวนเธอกลับสู่ปราสาทซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับธานาทอสเดินทางกลับ หลังจากเทพแห่งความตายหายหน้าหายตาไปถึงสองวันเต็ม
“ธานาทอส...” ขวัญชีวาตะโกนเรียกเทพบุตรหนุ่มเสียงดัง
ร่างอรชรรีบถลาร่อนลงหาจนผู้ยืนอยู่เบื้องล่างชะงักฝีเท้า เตรียมอ้าแขนออกรับ ด้วยเกรงหญิงสาวจะเบรกไม่ทันเหมือนเช่นเคย ทว่าขวัญชีวาไม่ได้หล่นใส่เขาเหมือนอย่างที่คาดการณ์ เธอลงมาหยุดยืนส่งยิ้มให้เขาห่างประมาณสุดปลายแขน
“เจ้าทำได้อย่างไร” เทพบุตรหนุ่มประหลาดใจกับพัฒนาการของผีมือใหม่
“ฮิปนอสสอนให้ค่ะ ก็สองวันมานี้...” วิญญาณสาวกำลังจะเอ่ยปากเล่าต่อ.. เธอตามหาเขาไม่พบเลยได้ขอความช่วยเหลือจากเทพแห่งการหลับใหลแทน
ทว่าเพียงแค่เกริ่นยังไม่ทันจบประโยคดี สีหน้าคมคายเรียบเฉยก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงฉับพลัน
“ลอยได้ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระใครอื่น”
เป็นครั้งแรกที่ขวัญชีวารู้ว่าอาการยิ้มค้างเป็นอย่างไร เธอมองเทพบุตรตรงหน้าอย่างอึ้งๆ สายตาคมสีนิลไม่ได้เหลือบมองเธอเลยสักนิด เขา...ทำราวกับเธอนั้นแสนไร้ค่า ไม่คู่ควรจะพูดคุยด้วย
“ค่ะ ดีก็ดี” เธอพยายามจะเออออตาม เห็นเขาขยับกายเบี่ยงไปทางซ้าย หญิงสาวเริ่มเกิดอาการละล้าละลัง ในที่สุดก็ตัดสินใจตรงเข้าคว้าข้อมือข้างหนึ่งของธานาทอสไว้ “เดี๋ยวสิคะ คุณโกรธเหรอ” วิญญาณสาวไม่เข้าใจในอากัปกิริยาของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“ไม่ ทำไมข้าต้องโกรธเจ้าด้วยล่ะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับช่างตรงกันข้ามกับท่าทีนัก เขาตัดสินใจแกะมือบางออกจากข้อมือตน เลือกไม่มองหน้าละห้อยและดวงตาออดอ้อน “เจ้าลอยได้ก็ดีแล้ว ข้าเองก็จะได้หมดธุระกับเจ้าเสียที”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเทพแห่งความตาย ก่อนจะลับหายไปตามโถงของทางเดิน
ขวัญชีวามองตามแผ่นหลังกำยำจนลับสายตา กว่าจะรู้ตัวอีกทีหนึ่งก็ตอนได้ยินเสียงทุ้มของผู้ที่เพิ่งตามลงมาเอ่ยทัก
“เจ้าคุยอะไรกับธานาทอสหรือ ถึงได้มีสีหน้าเศร้าหมองนัก”
หญิงสาวเบนสายตามองผู้อยู่ทางด้านหลัง หันมาส่งยิ้มหมองๆแก่ฮิปนอส ไม่รู้ทำไม เธอจึงรู้สึกเศร้านัก
“ธานาทอสโกรธฉันค่ะ”
“เขาจะโกรธเจ้าด้วยเรื่องอันใด”
ขวัญชีวาส่ายหน้า หยาดน้ำตาคลอสองจักษุ เธอเองก็สุดรู้ตนทำอะไรให้เทพบุตรหนุ่มโกรธหนักหนาจนถึงกับไม่ยอมมองหน้ากัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่อยากบอกให้เขาว่าฉันลอยได้แล้ว...” ขวัญชีวาบอกพร้อมกับเล่าบทสนทนาให้ฮิปนอสฟัง
เทพแห่งการหลับใหลถอนหายใจ ความตงิดซึ่งฝังแน่นอยู่ข้างในนับตั้งแต่แรกพบวิญญาณสาว ดูจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในแต่ละวัน
แต่อีกนิดเถอะ ให้เขามั่นใจมากกว่านี้เสียก่อน... ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะทุย โยกน้อยๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มพรายปลอบโยน
“อย่าคิดมาก ธานาทอสก็เป็นอย่างนี้แหละ เขาเป็นเทพแห่งความตายมานานเสียจนหัวใจด้านชา”
เธอยิ้มกับคำปลอบโยนตามแบบฉบับของหนุ่มขี้เล่นอย่างฮิปนอส
“ขอบคุณค่ะ”
“เจ้ายิ้มแล้ว” เขาบอก รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดกับรอยยิ้มของสาวตรงหน้า หวนนึกถึงรอยยิ้มหนึ่งซึ่งถูกกาลเวลากลืนหายมาแสนนาน
เป็นไปไม่ได้หรอก... เทพบุตรหนุ่มย้ำกับตนเองอีกครั้ง จากนั้นจึงชักชวนเธอออกเที่ยวเล่นยังทุ่งดอกแอสโฟเดลด้วยความหวังว่า กลิ่นหอมหวานและความงดงามของดอกไม้ในยมโลกจะช่วยเรียกรอยยิ้มกลับคืนสู่หัวใจดวงน้อย
ดอกไม้สีขาวสะอาดตา กลีบมันวาวพราวระยับจากเกสรด้านใน ส่องประกายเรืองรองให้ช่อแอสโฟเดลในมือของเทพบุตรหนุ่มดูไม่ต่างจากโคมไฟน้อยๆ ห้อยลงมาตรงหน้าของเทพแห่งความตาย
“ให้ข้าทำไมกัน” ธานาทอสถามคู่หูขณะรับดอกไม้ช่อน้อยมาถือในมือ
“เผื่อเจ้าจะอารมณ์ดีไง เขากล่าวกันว่ากลิ่นของดอกแอสโฟเดลจะช่วยให้จิตใจของผู้สูดดมสงบลง ข้าเลยลองดู เพื่อจะใช้ได้กับพวกเทพหัวใจด้านชา”
ดวงตาสีนิลลักษณะคล้ายคลึงกันตวัดมองสีหน้าทะเล้นของฮิปนอสอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“หัวใจข้าไม่ได้ด้านชา”
เหมือนจะพยายามยืนยันคำพูดของตนเอง เทพบุตรหนุ่มยกดอกไม้ช่อน้อยขึ้นจรดปลายจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆของมันพัดพาความหงุดหงิดในหัวใจให้เบาบางลง
“นี่ขนาดไม่ด้านชานะ ยังทำแม่หนูน้อยของข้าร้องไห้”
คำประชดของฮิปนอสเรียกสายตาขุ่นมัวตวัดมองแฝดคู่หูทันใด
“นางร้องไห้หรือ” คำถามนั้นถูกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ใครเลยจะรู้หัวใจผู้พูดรู้สึกเช่นไร
“ใช่สิ เจ้าโกรธเกลียดอะไรนางหนักหนา นางก็แค่วิญญาณหลงทางดวงหนึ่ง ออกจะไร้เดียงสา ไม่ได้ร้ายหรือสกปรกโสมมเหมือนพวกมนุษย์ที่เจ้าเคยพบเจอเสียหน่อย”
“ข้า...ไม่ได้เกลียดนาง” ธานาทอสพยายามอธิบาย อยากจะเอ่ยปากบอกถึงสาเหตุของความหงุดหงิดนัก มันเป็นเพราะฮิปนอสเองนั่นแหละ
เขารึอุตส่าห์เร่งทำงานรีบกลับยมโลก หวังจะมาสอนวิญญาณมือใหม่บางดวงให้ลอยได้ แต่กลับถูกแฝดคู่หูชิงตัดหน้าเสียก่อน
“ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดนางก็ควรหัดคุยกับนางดีๆบ้าง ขึ้นชื่อผู้หญิง ไม่ว่ามนุษย์ ปีศาจหรือแม้แต่เหล่าเทวีล้วนแต่ต้องการความอ่อนหวานทั้งนั้น”
“ดูท่าทางเจ้าจะชอบนางนะ” ธานาทอสค่อนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุต่ำ
ทว่าเทพแห่งการหลับใหลกลับยิ้มร่ารับ ดวงตาคมระริกไหวด้วยแววขัน
“ข้ายอมรับ” เขาบอกอย่างหน้าชื่น “นางน่ารัก ไร้เดียงสา แต่บางครั้งอากัปกิริยานางก็ทำให้ข้าคิดถึงนางปีศาจน้อย”
“ฟีเลียน่ะรึ” เทพแห่งความตายเอ่ยชื่อนางปีศาจตนหนึ่งซึ่งหายสาบสูญไปเนิ่นนาน
“ใช่”
คำตอบคราวนี้ส่งผลให้ดวงหน้าดุดันเริ่มคลายความบึ้งตึงลง รอยยิ้มอ่อนๆประดับขึ้นบนริมฝีปากบางยามนึกถึงนางปีศาจน้อยตัวจ้อยในกาลก่อน
“น่าเสียดาย ฟีเลียเกิดมาอาภัพนัก ตายเสียตั้งแต่อายุยังไม่ถึงร้อยปีเลยกระมัง”
“เก้าสิบเจ็ดปี นางหายตัวไปก่อนวันเกิดครบรอบปีที่เก้าสิบเจ็ด” ฮิปนอสกล่าว
ธานาทอสพยักหน้ารับรู้ เรื่องราวของปีศาจน้อยนางนี้ยังติดตรึงอยู่ในซอกหลืบหัวใจของเทพแห่งความตาย นานๆครั้งเขาก็อดคิดถึงนางไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามนี้เมื่อมีวิญญาณมนุษย์สาวนางแสนไร้เดียงสานางหนึ่งมาพำนักอยู่ในปราสาทด้วย ไม่รู้ทำไม ทั้งเขาและฮิปนอสต่างให้ฉายาวิญญาณสาวดวงนี้ ‘แม่หนูน้อย’ เช่นเดียวกับฟีเลีย
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วตนเองอาจแข็งกระด้างกับนางเกินไป ไว้ข้าจะหาโอกาสขอโทษนาง หวังว่าเจ้าคงพอใจ” ประโยคหลังเทพแห่งความตายยังอดประชดฝาแฝดของตนไม่ได้
“ดี เกิดเป็นชาย จะมนุษย์หรือเทพก็ต้องหัดรู้จักยอมรับผิดเสียบ้าง มันไม่เสียเชิงหรอก”
คำปรามาสว่าเธอไม่พร้อมจุดแรงฮึดขึ้นแก่ขวัญชีวา ดังนั้นในเช้าวันต่อมา หญิงสาวจึงออกตามหาธานาทอสทั่วทั้งปราสาทด้วยหมายใจจะให้เขาช่วยสอนเธออีกครั้ง ทว่าวิญญาณสาวกลับต้องพบความผิดหวัง เมื่อเทพแห่งความตายออกไปทำธุระนอกปราสาทเสียแล้ว
“เจ้าตามหาธานาทอสทำไมกัน” ฮิปนอสถามไถ่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้
“ฉันอยากให้เขาช่วยสอนฉันลอยตัวค่ะ เมื่อวานเขาพาฉันไปฝึกลอยตัวนอกปราสาทแต่ก็เกิดลมพายุพัดจนฉันปลิวเสียก่อน”
“เรื่องแค่นี้เอง ข้าสอนเจ้าได้นะ”
ขวัญชีวามองเทพบุตรตรงหน้าด้วยความยินดี จากนั้นตลอดสองวันหญิงสาวก็คลุกตัวอยู่แต่กับเทพแห่งการหลับใหล ให้เขาสอนผีมือใหม่อย่างเธอล่องลอยขึ้นจากพื้นดินได้เหมือนเช่นผีอื่น สำหรับฮิปนอส เขาแทบไม่มีอะไรเหมือนกับผู้เป็นฝาแฝดเลย เนื่องจากเทพบุตรองค์นี้ออกจะขี้เล่นและเป็นกันเองกับเธอ ยามอยู่ใกล้จึงรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องเป็นกังวลกับสีหน้าเครียดๆหรือเกร็งตัวตลอดเวลาด้วยกลัวจะทำอะไรไม่ถูกใจ
“นั่นแหละ ลอยเข้าใกล้ข้าอีกหน่อย เก่งมาก” ฮิปนอสชมเปราะเมื่อร่างอรชรของวิญญาณสาวหยุดลงตรงหน้าเขาได้อย่างไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไปนัก
“ฉันทำได้แล้ว” ขวัญชีวาบอกด้วยสีหน้าดีใจสุดขีด สองมือจับฝ่ามือหนาเขย่า
“เจ้าเก่งมาก”
ฮิปนอสลองฝึกหญิงสาวลอยตัวบนท้องฟ้าอยู่อีกหลายรอบ และเมื่อเห็นเธอค่อยข้างจะคุ้นชินกับร่างไร้กายาขึ้น เขาจึงชวนเธอกลับสู่ปราสาทซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับธานาทอสเดินทางกลับ หลังจากเทพแห่งความตายหายหน้าหายตาไปถึงสองวันเต็ม
“ธานาทอส...” ขวัญชีวาตะโกนเรียกเทพบุตรหนุ่มเสียงดัง
ร่างอรชรรีบถลาร่อนลงหาจนผู้ยืนอยู่เบื้องล่างชะงักฝีเท้า เตรียมอ้าแขนออกรับ ด้วยเกรงหญิงสาวจะเบรกไม่ทันเหมือนเช่นเคย ทว่าขวัญชีวาไม่ได้หล่นใส่เขาเหมือนอย่างที่คาดการณ์ เธอลงมาหยุดยืนส่งยิ้มให้เขาห่างประมาณสุดปลายแขน
“เจ้าทำได้อย่างไร” เทพบุตรหนุ่มประหลาดใจกับพัฒนาการของผีมือใหม่
“ฮิปนอสสอนให้ค่ะ ก็สองวันมานี้...” วิญญาณสาวกำลังจะเอ่ยปากเล่าต่อ.. เธอตามหาเขาไม่พบเลยได้ขอความช่วยเหลือจากเทพแห่งการหลับใหลแทน
ทว่าเพียงแค่เกริ่นยังไม่ทันจบประโยคดี สีหน้าคมคายเรียบเฉยก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงฉับพลัน
“ลอยได้ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระใครอื่น”
เป็นครั้งแรกที่ขวัญชีวารู้ว่าอาการยิ้มค้างเป็นอย่างไร เธอมองเทพบุตรตรงหน้าอย่างอึ้งๆ สายตาคมสีนิลไม่ได้เหลือบมองเธอเลยสักนิด เขา...ทำราวกับเธอนั้นแสนไร้ค่า ไม่คู่ควรจะพูดคุยด้วย
“ค่ะ ดีก็ดี” เธอพยายามจะเออออตาม เห็นเขาขยับกายเบี่ยงไปทางซ้าย หญิงสาวเริ่มเกิดอาการละล้าละลัง ในที่สุดก็ตัดสินใจตรงเข้าคว้าข้อมือข้างหนึ่งของธานาทอสไว้ “เดี๋ยวสิคะ คุณโกรธเหรอ” วิญญาณสาวไม่เข้าใจในอากัปกิริยาของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“ไม่ ทำไมข้าต้องโกรธเจ้าด้วยล่ะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับช่างตรงกันข้ามกับท่าทีนัก เขาตัดสินใจแกะมือบางออกจากข้อมือตน เลือกไม่มองหน้าละห้อยและดวงตาออดอ้อน “เจ้าลอยได้ก็ดีแล้ว ข้าเองก็จะได้หมดธุระกับเจ้าเสียที”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเทพแห่งความตาย ก่อนจะลับหายไปตามโถงของทางเดิน
ขวัญชีวามองตามแผ่นหลังกำยำจนลับสายตา กว่าจะรู้ตัวอีกทีหนึ่งก็ตอนได้ยินเสียงทุ้มของผู้ที่เพิ่งตามลงมาเอ่ยทัก
“เจ้าคุยอะไรกับธานาทอสหรือ ถึงได้มีสีหน้าเศร้าหมองนัก”
หญิงสาวเบนสายตามองผู้อยู่ทางด้านหลัง หันมาส่งยิ้มหมองๆแก่ฮิปนอส ไม่รู้ทำไม เธอจึงรู้สึกเศร้านัก
“ธานาทอสโกรธฉันค่ะ”
“เขาจะโกรธเจ้าด้วยเรื่องอันใด”
ขวัญชีวาส่ายหน้า หยาดน้ำตาคลอสองจักษุ เธอเองก็สุดรู้ตนทำอะไรให้เทพบุตรหนุ่มโกรธหนักหนาจนถึงกับไม่ยอมมองหน้ากัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่อยากบอกให้เขาว่าฉันลอยได้แล้ว...” ขวัญชีวาบอกพร้อมกับเล่าบทสนทนาให้ฮิปนอสฟัง
เทพแห่งการหลับใหลถอนหายใจ ความตงิดซึ่งฝังแน่นอยู่ข้างในนับตั้งแต่แรกพบวิญญาณสาว ดูจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในแต่ละวัน
แต่อีกนิดเถอะ ให้เขามั่นใจมากกว่านี้เสียก่อน... ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะทุย โยกน้อยๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มพรายปลอบโยน
“อย่าคิดมาก ธานาทอสก็เป็นอย่างนี้แหละ เขาเป็นเทพแห่งความตายมานานเสียจนหัวใจด้านชา”
เธอยิ้มกับคำปลอบโยนตามแบบฉบับของหนุ่มขี้เล่นอย่างฮิปนอส
“ขอบคุณค่ะ”
“เจ้ายิ้มแล้ว” เขาบอก รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดกับรอยยิ้มของสาวตรงหน้า หวนนึกถึงรอยยิ้มหนึ่งซึ่งถูกกาลเวลากลืนหายมาแสนนาน
เป็นไปไม่ได้หรอก... เทพบุตรหนุ่มย้ำกับตนเองอีกครั้ง จากนั้นจึงชักชวนเธอออกเที่ยวเล่นยังทุ่งดอกแอสโฟเดลด้วยความหวังว่า กลิ่นหอมหวานและความงดงามของดอกไม้ในยมโลกจะช่วยเรียกรอยยิ้มกลับคืนสู่หัวใจดวงน้อย
ดอกไม้สีขาวสะอาดตา กลีบมันวาวพราวระยับจากเกสรด้านใน ส่องประกายเรืองรองให้ช่อแอสโฟเดลในมือของเทพบุตรหนุ่มดูไม่ต่างจากโคมไฟน้อยๆ ห้อยลงมาตรงหน้าของเทพแห่งความตาย
“ให้ข้าทำไมกัน” ธานาทอสถามคู่หูขณะรับดอกไม้ช่อน้อยมาถือในมือ
“เผื่อเจ้าจะอารมณ์ดีไง เขากล่าวกันว่ากลิ่นของดอกแอสโฟเดลจะช่วยให้จิตใจของผู้สูดดมสงบลง ข้าเลยลองดู เพื่อจะใช้ได้กับพวกเทพหัวใจด้านชา”
ดวงตาสีนิลลักษณะคล้ายคลึงกันตวัดมองสีหน้าทะเล้นของฮิปนอสอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“หัวใจข้าไม่ได้ด้านชา”
เหมือนจะพยายามยืนยันคำพูดของตนเอง เทพบุตรหนุ่มยกดอกไม้ช่อน้อยขึ้นจรดปลายจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆของมันพัดพาความหงุดหงิดในหัวใจให้เบาบางลง
“นี่ขนาดไม่ด้านชานะ ยังทำแม่หนูน้อยของข้าร้องไห้”
คำประชดของฮิปนอสเรียกสายตาขุ่นมัวตวัดมองแฝดคู่หูทันใด
“นางร้องไห้หรือ” คำถามนั้นถูกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ใครเลยจะรู้หัวใจผู้พูดรู้สึกเช่นไร
“ใช่สิ เจ้าโกรธเกลียดอะไรนางหนักหนา นางก็แค่วิญญาณหลงทางดวงหนึ่ง ออกจะไร้เดียงสา ไม่ได้ร้ายหรือสกปรกโสมมเหมือนพวกมนุษย์ที่เจ้าเคยพบเจอเสียหน่อย”
“ข้า...ไม่ได้เกลียดนาง” ธานาทอสพยายามอธิบาย อยากจะเอ่ยปากบอกถึงสาเหตุของความหงุดหงิดนัก มันเป็นเพราะฮิปนอสเองนั่นแหละ
เขารึอุตส่าห์เร่งทำงานรีบกลับยมโลก หวังจะมาสอนวิญญาณมือใหม่บางดวงให้ลอยได้ แต่กลับถูกแฝดคู่หูชิงตัดหน้าเสียก่อน
“ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดนางก็ควรหัดคุยกับนางดีๆบ้าง ขึ้นชื่อผู้หญิง ไม่ว่ามนุษย์ ปีศาจหรือแม้แต่เหล่าเทวีล้วนแต่ต้องการความอ่อนหวานทั้งนั้น”
“ดูท่าทางเจ้าจะชอบนางนะ” ธานาทอสค่อนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุต่ำ
ทว่าเทพแห่งการหลับใหลกลับยิ้มร่ารับ ดวงตาคมระริกไหวด้วยแววขัน
“ข้ายอมรับ” เขาบอกอย่างหน้าชื่น “นางน่ารัก ไร้เดียงสา แต่บางครั้งอากัปกิริยานางก็ทำให้ข้าคิดถึงนางปีศาจน้อย”
“ฟีเลียน่ะรึ” เทพแห่งความตายเอ่ยชื่อนางปีศาจตนหนึ่งซึ่งหายสาบสูญไปเนิ่นนาน
“ใช่”
คำตอบคราวนี้ส่งผลให้ดวงหน้าดุดันเริ่มคลายความบึ้งตึงลง รอยยิ้มอ่อนๆประดับขึ้นบนริมฝีปากบางยามนึกถึงนางปีศาจน้อยตัวจ้อยในกาลก่อน
“น่าเสียดาย ฟีเลียเกิดมาอาภัพนัก ตายเสียตั้งแต่อายุยังไม่ถึงร้อยปีเลยกระมัง”
“เก้าสิบเจ็ดปี นางหายตัวไปก่อนวันเกิดครบรอบปีที่เก้าสิบเจ็ด” ฮิปนอสกล่าว
ธานาทอสพยักหน้ารับรู้ เรื่องราวของปีศาจน้อยนางนี้ยังติดตรึงอยู่ในซอกหลืบหัวใจของเทพแห่งความตาย นานๆครั้งเขาก็อดคิดถึงนางไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามนี้เมื่อมีวิญญาณมนุษย์สาวนางแสนไร้เดียงสานางหนึ่งมาพำนักอยู่ในปราสาทด้วย ไม่รู้ทำไม ทั้งเขาและฮิปนอสต่างให้ฉายาวิญญาณสาวดวงนี้ ‘แม่หนูน้อย’ เช่นเดียวกับฟีเลีย
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วตนเองอาจแข็งกระด้างกับนางเกินไป ไว้ข้าจะหาโอกาสขอโทษนาง หวังว่าเจ้าคงพอใจ” ประโยคหลังเทพแห่งความตายยังอดประชดฝาแฝดของตนไม่ได้
“ดี เกิดเป็นชาย จะมนุษย์หรือเทพก็ต้องหัดรู้จักยอมรับผิดเสียบ้าง มันไม่เสียเชิงหรอก”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2556, 10:31:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2556, 10:31:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 3101
<< บทที่ 2/2 ตัวปัญหา | บทที่ 3/2 หัวใจสีเทา >> |

ริญจน์ธร 10 มิ.ย. 2556, 10:37:21 น.
ตอบคอมเม้นค่า
คุณ คิมหันตุ์ 55 ไม่ได้คิดเผื่อของหนูขวัญไว้เลยค่า เดี๋ยวของคิดก่อนน้า
คุณ หมูอ้วน อาการเริ่มออกแล้วค่ะ มาดูสิว่าธานาทอสจะง้อหนูขวัญยังไง
คุณ goldensun แหะๆ เดี๋ยวขอกลับไปอ่านประโยคนั้นใหม่นะคะ ท่าทางจะเขียนสับสนน่าดู > /\ <
คุณ konhin เรื่องนี้นางเอกเด็กหน่อยค่ะ จริงๆอยากจะให้ไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ แต่ฉากหวานมันเยอะอยู่หลังๆ เลยกลัวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เลยเอาเลขสองขึ้นหน้าดีกว่า
คุณ lovemuay

ยังไม่บอกค่า เอาไว้ตามลุ้นกันก่อนเน้อ
คุณ Zephyr ฝึกลอยแล้ว เดี๋ยวมาตามง้อกันต่อนะคะ
ตอบคอมเม้นค่า
คุณ คิมหันตุ์ 55 ไม่ได้คิดเผื่อของหนูขวัญไว้เลยค่า เดี๋ยวของคิดก่อนน้า

คุณ หมูอ้วน อาการเริ่มออกแล้วค่ะ มาดูสิว่าธานาทอสจะง้อหนูขวัญยังไง
คุณ goldensun แหะๆ เดี๋ยวขอกลับไปอ่านประโยคนั้นใหม่นะคะ ท่าทางจะเขียนสับสนน่าดู > /\ <
คุณ konhin เรื่องนี้นางเอกเด็กหน่อยค่ะ จริงๆอยากจะให้ไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ แต่ฉากหวานมันเยอะอยู่หลังๆ เลยกลัวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เลยเอาเลขสองขึ้นหน้าดีกว่า

คุณ lovemuay



คุณ Zephyr ฝึกลอยแล้ว เดี๋ยวมาตามง้อกันต่อนะคะ


หมูอ้วน 10 มิ.ย. 2556, 11:41:01 น.
ท่านธานาทอส ปากแข็งมาก ๆ เลยค่าา
ท่านธานาทอส ปากแข็งมาก ๆ เลยค่าา

คิมหันตุ์ 10 มิ.ย. 2556, 12:18:10 น.
เย็นชาเกินไปแล้วนะ......ฮิปนอส ท่าทางจะเป็น ที่ปรึกษาที่ดี..อิอิ
เย็นชาเกินไปแล้วนะ......ฮิปนอส ท่าทางจะเป็น ที่ปรึกษาที่ดี..อิอิ

nako 10 มิ.ย. 2556, 12:51:08 น.
รีบไปง้อเลย ธานาทอส
รีบไปง้อเลย ธานาทอส

lovemuay 10 มิ.ย. 2556, 20:11:33 น.
+55 หึงอ่ะจิ ช่วยไม่ได้อยากกลับมาช้าเอง กร๊าก...
+55 หึงอ่ะจิ ช่วยไม่ได้อยากกลับมาช้าเอง กร๊าก...

Zephyr 10 มิ.ย. 2556, 23:42:16 น.
ชิชะ อยากสอนเค้า แต่ตัวเองหนีไปทำงานนี่
แถมเจอหน้าแต่ละครั้งยังหน้าบูดเป็นตูด
แม่หนูน้อย ช่างซึนไปเรื่องจนลุงเริ่มหงุดหงิดล่ะน้า
ชิชะ อยากสอนเค้า แต่ตัวเองหนีไปทำงานนี่
แถมเจอหน้าแต่ละครั้งยังหน้าบูดเป็นตูด
แม่หนูน้อย ช่างซึนไปเรื่องจนลุงเริ่มหงุดหงิดล่ะน้า