ลูกผู้ชายหัวใจสีน้ำเงิน
เมื่อชีวิตของผู้ชายเจ้าสำราญของบูรพาต้องจบลงด้วยการ มีภาระดูแลหลานกำพร้าผู้ชายสามคนต่างวัย เขาต้องเผชิญกับสิ่งที่อ่อนไหวอย่างที่ลูกผู้ชายต้องฝ่าคลื่นนาวาชีวิตไปให้ได้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มองคนละมุม

บ้านสวนของเบญจรัตน์สาววัยสามสิบห้า ยังครองตัวเป็นโสด แต่งกายเรียบง่ายจนดูแก่เกินอายุ หญิงสาวมีอาชีพประจำเป็นนักบัญชี อยู่กับแม่บ้านตามลำพัง หล่อนดูแลสวนพี่สาวและพี่เขย โดยเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่กระเด็นไปสู่มือเจ้าของสักบาท พี่สาวพี่เขยไม่เคยต่อว่า ความย่ามใจนี้จึงลามไปถึงสวนร้างของบูรพา หญิงสาวเป็นเดือดเป็นร้อนเมื่อเห็นพวกขายของเก่าเข้าไปอาศัยอยู่ แรกๆก็มาอยู่สามคนพ่อแม่ นานวันของเก่ามากขึ้น บางครั้งมีพรรคพวกมาร่วมเลี้ยงฉลอง กินเหล้าเมายากันอย่างสนุกสนาน หลังจากคุยกับพี่สาวแล้ว รุ่งขึ้นอีกวันเบญจรัตน์จึงพายเรือข้ามคลองมาด้อมๆมองๆผ่านรั้วไม้ผุๆเข้าไป แต่มีเสียงห้าวตะโกนถามห้วนออกมา
“มามองหาอะไรวะ”
“ไอ้บ้า”เบญจรัตน์หลุดปากด่าด้วยความตกใจ ชายหน้าเสี้ยมแต่งกายมอมแมมถลึงตาใส่แทบถลนออกนอกเบ้า
“หน็อยอีนี่ ! กูถามดีๆดันมาด่ากูเสียแล้ว”
“เออ! ทำไมฉันจะด่าพวกแกไม่ได้ ก็พวกแกบุกรุกที่คนอื่นอยู่ไม่รู้ตัวอีกหรือไงว่าทำผิดกฎหมายอยู่”
“หนอย หนอย หนอยปากดี มาขอพี่ขอตบปากแดงๆให้เลือดกบปากสักทีเห่อะ”ว่าแล้วเจ้านักขายของเก่าร่างใหญ่ ก็ กระโจนถีบรั้วผุพังทั้งแถบ เบญจรัตน์กระโดดถอยหลัง หน้าซีดใจสั่นเหมือนจะเป็นลม
รถเก๋งสีขาวผ่านมา ต้องเบรกตัวโก่ง เกือบชนเบญจรัตน์ หญิงโสดเห็นผู้มาใหม่ รีบกระโดดไปเกาะประตูรถฟ้องร้องสาวสวยท่าทางเรียบร้อย ให้ช่วยเหลือ
“คุณกานช่วยด้วย ไอ้บ้านี่จะตบรัตน์”
กานดาทำท่าจะเปิดประตูลงไป หากชายขายของเก่าเดินหน้าถมึงทึงปรี่เข้ามาหา กานดารีบเปิดประตู ดึงเบญจรัตน์ให้ขึ้นรถของตน ขับหนีภัยไปด้วยกัน คนขายของเก่าเตะลมเตะแล้งอวดศักดาตามหลัง พร้อมข่มขู่อวดวางอำนาจเสียงลั่นๆ
“โธ่เอ๊ย คิดว่าแน่ หน้าอ่อนๆ ทะทึ่งมาแหลกะคนอย่างพ่อไม่เข้าท่า”
ผู้หญิงผู้เป็นภรรยาตะโกนเรียกสามีชัดถ้อยชัดคำ
“มึงจะยัดมั้ยข้าวไอ้เพียว เห่าแล้วไม่เสือกกัด”
คนเก่งคอตกเดินไปตามอำนาจคนที่เหนือกว่า
................................
ในรถเบญจรัตน์เอ่ยกับกานดา ซึ่งอีกฝ่ายเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย
“ดูมันสิคะ มันร้ายจริงๆบุกรุกที่คนอื่นแท้ๆ”
“ที่นั่นเป็นที่ของใครหรือคะ”กานดาถามอีกฝ่าย ด้วยความไม่รู้ เพราะเธอพึ่งย้ายมาอยู่กับผู้เป็นย่าได้เพียงปีเดียว ไม่เคยสนใจที่รกร้างข้างเคียง กับเบญจรัตน์ได้รู้จักกันเพราะอีกฝ่ายพายเรือไปขอมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งคุณย่าใจดีแบ่งปันให้
“เป็นที่ญาติของรัตน์เองค่ะ เอ่อคุณกานจอดรถให้รัตน์ลงตรงนี้ดีกว่าค่ะ รัตน์ผูกเรือไว้ที่นั่น”
หล่อนชี้ไปที่ท่าน้ำเก่า ซึ่งมีเรือจอดผูกโยงกับหลักไม้เก่าจริง กานดาจอดให้อีกฝ่ายลงไป แล้วจึงขับรถต่อไปตามถนนกว้างสามเมตร ตัดเลียบชายคลอง เวลามีรถอื่นสวนมา ต้องหลบชิด ดีว่าผู้ที่อยู่ละแวกเดียวกันต่างมีน้ำใจ ถนนแคบใจกว้างจึงไม่เป็นปัญหา
บ้านเรือนไทยประยุกต์ ใต้ถุนโปร่ง บรรยากาศรอบข้างค่อนข้างสะอาด กลิ่นดอกไม้ไทยที่ปลูกไว้ส่งกลิ่นหอมกรุ่นยามสายลมโชยพัด
สุนัขพันธ์ไทย หลังอาน สีดำ และสีน้ำตาลนอนสบายอยู่ใต้แคร่ไม้นั่งเล่นใต้ต้นพิกุล พอเห็นรถกานดาเข้ามาจอด พวกมันผุดลุกกระดิกหางไปหานาย ภาพของสุนัขแสนรู้ทำตัวช่างประจบ ทำให้หญิงสาววัยยี่สิบเศษ ซึ่งแต่งกายทะมัดทะแมง รูปร่างสมส่วน ต่อว่าสุนัขทั้งสอง
“โอยใครว่าคนช่างสอพลอ หมายังมากกว่าด้วยซ้ำ”
“อะไรจ๊ะกี่”กานดาเงยหน้าขึ้นถามน้องสาว ซึ่งเป็นคน ผิวขาว ใบหน้าเนียนใส แก้มแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาด จมูกโด่งอันเล็ก ดวงตากลมโตกว้างดูสุกใส ริมฝีปากแดงตามธรรมชาติ คิ้วเข้มตัดผิวหน้า เธอเดินกึ่งกระโดดลงมาจากบันได
กานดายิ้มในสีหน้า เอ่ยว่า
“กี่เห็นมันนอนสันหลังยาวตั้งแต่เที่ยงพอเห็นพี่กานเข้ามามันรีบเสนอหน้ามาทำดี กี่เลยมันเขี้ยวมันค่ะ”
“เธอนี่ชอบกล พาลกระทั่งหมา แล้วนี่จะไปไหนหรือ”
“เลี้ยงรุ่นค่ะ กลับดึกหน่อยไม่ต้องห่วง”แต่ก่อนไม่ค่อยห่วง เพราะซอยนี้ไม่มีเรื่องร้าย แต่เมื่อครู่หญิงสาวพึ่งเผชิญความกักขฬะของชายในบ้านร้าง กานดาจึงเตือนน้องด้วยความหวังดี
“ระวังตัวหน่อยนะเพราะพี่พึ่งเห็นคนที่ไม่น่าไว้ใจอยู่แถวนี้ด้วย”
“มีด้วยหรือคะพี่กาน”กิริยาถามใครรู้ เพราะเธอมาอยู่ที่บ้านนี้ไม่กี่เดือน
“เมื่อครู่พี่เจอคุณรัตน์กำลังมีเรื่องกับพวกเร่ร่อน ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย”
กิริยาเอียงคอมองพี่สาว ก่อนจะเดินตามหลังเข้าไปที่ใต้ถุงยกพื้นสูง เพื่อใช้เป็นที่นั่งพักผ่อน สำหรับบ้านชายคลองแบบโบราณ ซึ่งมีอยู่หลังเดียว นอกนั้นถัดไปก็เป็นบ้านดัดแปลงสองชั้นและมีรั้วมิดชิด ไม่เกี่ยวข้องกับเพื่อนบ้าน ตามประสาชีวิตคนสมัยใหม่
คุณยายวัยหกสิบแต่งกายด้วยผ้าจูงกระเบน เสื้อลายลูกไม้ ตัดผมทรงกระพุ่ม ใบหน้าผ่องใส บอกถึงความมีเมตตา สองสาวแยกไปนั่งข้างตียง ซึ่งเป็นโต๊ะไม้ประดู่ขัดพื้นเรียบ คุณยายถามออกด้วยความสนใจในการสนทนาของหลานทั้งสอง
“คุยเรื่องอะไรกันหรือ”
“เรื่องสวนร้างนั้นค่ะ ตอนนี้มีคนเข้าไปอยู่ แล้วพอดีกานไปเจอเขากำลังทะเลาะกับคุณรัตน์ เลยมาด้วยกัน คุณรัตน์บอกว่าที่ร้างนั้นเป็นของญาติ”
คุณยายยิ้มในสีหน้า แล้วเต็มใจเล่าให้หลานสาวฟัง
“เป็นบ้านของคุณประจิมเป็นข้าราชการตำรวจ แก่คราวเดียวกับคุณตานั่นแหละ เขามีลูกชายสองคนคนพี่อายุมากกว่าคนน้องสักรอบ ยายยังเคยล้อตาบูว่าลูกหลง ลูกเก็บมาเลี้ยงเลย”
“โถแล้วเขาไม่โกรธหรือคะ”กานดาครางออกมา เพราะเคยเห็นฤทธิ์น้องสาวที่ถูกล้อแบบนี้เช่นเดียวกันมาแล้ว กิริยามีความสวยแตกต่างจากทุกคน เลยโดนล้อมว่าหยิบผิดมาจากโรงพยาบาล ปรากฏว่ากิริยา ใช้ดินเหนียวดักขว้างหัวผู้ใหญ่ที่ล้อเด็กจนเป็นเรื่องราวกันใหญ่โต ซึ่งกานดาแอบมองน้องสาว ซึ่งยังเผลอกัดปากด้วยความแค้นฝังใจ
“ไม่โกรธหรอก พ่อคนนี้เขานักเลง เกเรเอาเรื่องเชียวล่ะคุณประจิมตายตอนตาบูอายุเข้าวัยรุ่น เขาอยู่กันสองคนพี่น้องคุณพายัพเก่งที่ปกครองกันมาได้ ตากับยายยังเคยห่วงว่าจะไปไม่รอด บูรพาเอาดีได้เหมือนกัน”
“อุ๊ยบ้านสี่ทิศเลยค่ะ”กิริยาล้อเลียนเพราะความแปลก
“คงจะครบแปดทิศ เพราะพายัพมีลูกชายสามคน ชื่อเกี่ยวกับทิศนี่แหละ ที่ผืนนี้สงสัยจะเป็นที่ดินของตาบู”
“อ้าวทำไมเขาไม่แบ่งกันคะคุณยาย คุณพายัพเป็นพี่ชายนี่คะ”
“ได้ลูก คุณพายัพได้สมบัติทางแม่ อยู่คลองฝั่งเดียวกับแม่รัตน์ และเขาแต่งงานกับระเบียบพี่สาว ทีทางเขาติดกัน”
“ที่นี้เลยเป็นของคุณรัตน์หมดเลย”กิริยาสรุปอย่างนึกขัน เพราะเห็นความเค็มของเบญจรัตน์แล้ว “เพราะมาตู่นายบูรพานั่นว่าเป็นญาติ”
“จุ !กี่”กานดาจุปากปรามน้องไม่ให้ว่าร้ายคนอื่น
“แหม กี่อดนึกไม่ได้ว่าที่คุณรัตน์ไปเอาเรื่องสงสัยจะเพราะอยากฮุบ เอ๊ยอยากครอบครอง อุ๊ยจะพูดยังไงให้ฟังดูดีน้า”หล่อนทำเกาคางตาลอย พี่สาวอดขำไม่ได้ กิริยาพลิกนาฬิกาข้องมือแล้วก้มตัวลงไปหอมแก้มคุณยาย ก่อนขอตัวไปงานเลี้ยง
“เอารถพี่ไปดีกว่ามั้งกี่ รถของกี่ไม่ค่อยดี”
“เอารถดีๆไว้บ้านนี่แหละค่ะพี่กาน คุณยายยิ่งเป็นลมบ่อยๆ”
เหตุผลที่น้องสาวหยิบยกมาทำให้กานดาไม่ขัด คุณยายยิ้มในสีหน้าด้วยความเอ็นดุหลานสาว ท่านมีหลานสามคน คนกลางเป็นผู้ชาย ลูกสาวท่านบุญน้อยที่จากไปตั้งแต่หลานยังเล็ก และลูกเขยพาหลานไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด จนกระทั่งกานดาเข้ามาเรียนต่อ มหาวิทยาลัยและอยู่มาจนทุกวันนี้ ส่วนกิริยาพึ่งมาอยู่ไม่กี่เดือน เธอได้ทำงานเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม
........................
เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน
คุณระเบียบเดินหน้าเครียดเดินกลับเข้าห้องนอน เมื่อได้รับรายงานล่าสุดมาจากน้องสาวเรื่องคนบุกรุกที่ของบูรพา และไปหาเรื่องเธอถึงบ้าน ข้อหลังนี้ในฐานะภรรยาของอัยการภาค ทำให้คุณระเบียบต้องฟังหูไว้หู ไม่ค่อยเชื่อนองสาวที่มักจะชอบต่อเติมเสรมแต่งคำพูดให้ดุเดือดกว่าความเป็นจริงเสมอ
แต่คุณระเบียบแบกความเครียดกลับเพราะเห็นว่าน่าจะต้องแก้ไขหากมีคนบุกรุกเข้าไปอย่างนี้ คุณพายัพยังไม่นอนจึงเห็นภรรยาทำสีหน้าไม่ดี เขาเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือ”
“เมื่อครู่รัตน์โทรมาอีก”ครานี้คุณระเบียบระมัดระวังคำพูด เพราะรู้ว่าคุณพายัพรักน้องชายมากแค่ไหน พูดโดยไม่ระวังไม่ได้เลย
“เรื่องที่คุณบูอีกแล้วค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“มีคนบุกรุกเข้ามาตั้งตัวเป็นเจ้าของที่ดินคุณบู รัตน์เขาว่าเป็นอันธพาลค่ะ เห็นว่ามีเรื่องต่อว่ากัน”คุณระเบียบลดคำว่าหาเรื่องมาเป็นต่อว่าแทน
“บอกรัตน์อย่าไปยุ่ง เดี๋ยวผมปรึกษากับบู มีเบอร์ส่วนตัวของเขานี่”คุณพายัพลุกขึ้นไปจากเตียงและวางหนังสือ เดินไปหยิบโทรศัพท์ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าโทรไปยามนี้ น้องชายจะว่างหรือเปล่าเพราะระหว่างทำงานบูรพาไม่เปิดเบอร์ใช้ ซึ่งก็จริงซึ่งมีแต่สัญญาณฝากข้อความ คุณพายัพปิดเครื่องแล้วเอ่ยกับภรรยา
“พรุ่งนี้ค่อยโทรหาก็แล้วกัน”
.....................................
วันจันทร์เป็นวันแห่งความสับสนในวันหนึ่งของส่วนราชการ เพราะอาจจะเป็นช่วงต้นสัปดาห์
บูรพาอยู่ที่สถานีตำรวจและกำลังนั่งถกปัญหาอยู่กับลูกน้องหน้าแหลม เคราเฟิ้ม อยู่นอกเครื่องแบบ บูรพาพับหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวอาชญากรรมอย่างลวกๆ จ่าแหลมเอ่ยทันทีเพราะเดาว่าลูกพี่อ่านข่าวเดียวกัน
“มันเขียนข่าวยังกะว่าเด็กผู้หญิงไปรนหาที่ทั้งที่โดนโทรมตั้งเจ็ดคน ป่านนี้เดินไม่เป็นแล้วมั้ง น่าสงสารแต่แม่งเขียนยังกับว่า”
“อั๊วเห็นด้วยกับคนเขียนข่าวว่ะ เพราะมันก็เป็นการเตือนภัยคนใกล้ชิดได้เหมือนกัน อายุ13 ไปหาผู้ชายถึงห้องพัก”
“ก็มันรักของมัน แต่คนเขียนมันประณามเกินไป เขียนมาได้ว่า เด็กหญิงนามสมมติวอนขอคืนดี ฝ่ายชายทนความรำคาญไม่ได้จึงเรียกเพื่อมารุมโทรม ถ้าคนเขียนข่าวเป็นผู้หญิงผมอยากให้มันโดนจนเดินถ่างขาเป็นยีราฟเลยครับ”
“มองในแง่อุทาหรณ์สิจ่า มองว่าถึงเป็นคดีน่าเห็นใจ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสมควรที่จะทำตัวไร้ค่าอย่างนี้”
“ยังกะผู้กองเป็นคนเขียนซะเอง เข้าอกเข้าใจกันเหลือเกิน”
“แล้วถ้าเด็กนี่เป็นลูกสาวจ่า แล้วไปหาผู้ชาย จ่าจะทำไง รู้ล่ะขั้นแรกกระทืบผู้ชายแล้วขั้นสองล่ะ”
จ่าแหลมอ้าปากค้างเถียงไม่ออก
“อายุ13ต้องอยู่บ้าน ไม่ใช่ไปหาผู้ชาย ไอ้ห่านั่นมันคงคิดตีจากเลยพาเพื่อนโทรม”
“ผู้กองเข้าข้างผู้ชายเกินไปหรือเปล่า”ลูกน้องแขวะ
“แน่ล่ะ หลานชายอั๊ว สามคน สาวๆโทรศัพท์มาหา พวกมันยังขี้เกียจรับโทรศัพท์ นี่อั๊วยังกลัวมันจะโดนปล้ำอย่างที่อั๊วเคยโดนเลยว่ะ”
“ฮ้า ผู้กองนี่นะ”
“เออ ตอนนั้นสิบสี่ย่างสิบห้า รุ่นพี่ม.6 หื่นมาให้จับโน่นจับนี่ มันก็ขึ้นลำ ไม่หยุดสิ ที่นี้เป็นเรื่อง พ่อเลย จับบวช พี่ชายอั๊วเอาเรื่องกลับเพราะผู้หญิงบรรลุแล้วมาหาเราที่บ้านเอง เลยเงียบกันไป นี่ถ้าวัยเดียวกันยังไม่รู้เลยว่าจะจบยังไง”
“เงินทำขวัญ ส่วนใหญ่เงินปิดปากถ้าไม่ถูกข่มขืน”
“สงสัยพ่อจะไม่ยอมเสียเงิน คงส่งไปติดคุกแหงๆเลย เพราะท่านสั่งสอนให้ได้ดีเสือกไม่จำ ว่าแต่คดีนี้”
“พื้นที่ผู้กองนี่ครับ”
“เออ อั๊วเลยสืบจับ ต้องลากแม่งเข้าตารางให้หมดแก๊ง แล้วจ่าดูรายชื่อสิ สูงสุด18 ต่ำสุด14 เยาวชนทั้งนั้น เข้าไปดัดสันดานในสถานพินิจ แล้วในนั้นก็เป็นแหล่งฝึกวิทยายุทธ์อย่างดีเลย นี่ถ้าหากพวกมันไม่คิดกลับใจ เออไปฟอร์มทีมให้เรียบร้อย เดี๋ยวสารวัตรก็เรียกแล้ว อั๊วไม่อยากรอ”
……………………



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2554, 07:26:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2554, 07:26:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1830





<< เพศศึกษา   ในวัยแตกพานของบูรพา >>
Zephyr 2 มิ.ย. 2554, 17:12:44 น.
อืม รู้สึกนางเอกจะชื่อกิริยา เหอะๆ หรือกานดาหว่า แต่นะความคิดว่าอย่างคุณบูแบบกานดานี่น่าจะเอาไม่อยู่จ้องแบบหนูกี่


ปูสีน้ำเงิน 3 มิ.ย. 2554, 18:40:54 น.
ตกรงว่าใครเป็นนางเอกอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account