Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: อารมณ์ร้อนกับผลร้าย

บทที่ 3 : อารมณ์ร้อนกับผลร้าย

สวนสาธารณะกลางเมืองไม่ห่างจากออฟฟิศนัก ในวันที่เลิกงานเร็วพีรพงษ์มักจะไปฝังตัวเองที่นั่น เขามักเดินเข้าไปตรงที่คนน้อยๆ นั่งลงแล้วก็อยู่เงียบๆ

ความเงียบมีพลังกล่อมใจคนแบบเขา เมื่อความเงียบเข้ามาใกล้ สมองเขาจะว่างพอที่จะพิจารณาเรื่องที่ครุ่นคิดได้เป็นเรื่องๆ ไป บางทีเขาก็มานั่งคิดเรื่องงาน บางทีเขาก็มานั่งคิดเรื่องอนาคต บางทีก็เรื่องที่ผ่านๆ มา และบางทีความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงร้องไห้ในใจของเขาเอง
....................

“ถ้าเป็นแบบนี้ เราเลิกกันเถอะ”

พีรพงษ์หลุดประโยคที่มันมาจากอารมณ์ร้อนคิด ไม่ใช่จากสมองตรึกตรองแล้ว น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องมาเสียใจกับคำพูดนี้อีกนาน หากรู้...คงไม่พูดออกไป ใช่! หากรู้คงไม่ทำอะไรแบบนั้น และหากรู้มันเสียทุกเรื่อง เขาคงมีชีวิตที่มันดีกว่านี้ แต่ก็เพราะทุกชีวิตไม่เคยจะรู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้จนกว่าที่วันนี้จะต้องอยู่กับมัน

ระยะทางระหว่างคนสองคนมันไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ลดลงเท่านั้น แต่ระยะทางที่ว่าทำให้ระยะใกล้ชิดของใจค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วย

“พี่ไนท์ใจร้าย”

ใช่สิ--มาถึงตอนนี้เขากลายเป็นคนใจร้ายที่สุดในโลก ใจร้ายกับคนคนเดียวบนโลกที่เขาควรจะดีด้วยมากที่สุด แต่ทุกอย่างผ่านพ้นไป เหมือนจังหวะก้าวเดินของมนุษย์เงินเดือนบนฟุตบาทตอนเช้า รีบร้อนและไม่รีรอ มุ่งไปทางใครทางมัน กระแสมนุษย์พัดพาผมไปตามทิศทางเหมือนวัตถุเบาๆ ในร่องระบายน้ำ เธอก็คงไม่ต่างกัน ชีวิตคนเราส่วนใหญ่เบาบาง อ่อนไหวและลอยล่อง น้อยคนที่จะหนักแน่นพอพ้นผ่านทุกเรื่อง

พีรพงษ์นึกถึงตอนที่เธอเพิ่งเดินทางกลับจากไปเที่ยวอิตาลี มันเป็นวันร้ายๆ ที่เขาเพิ่งหัวเสียกับความไม่ได้ดั่งใจของคนอีกหลายๆ คนที่รายรอบอยู่ โชคร้ายที่มันไปลงกับเธอ เหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นหลายๆ ครั้งก่อนนี้ อารมณ์โมโหร้ายของเขาเหมือนฝายน้ำเล็กๆ ที่รองรับน้ำป่าหลาก มันเก็บกักไว้ได้น้อย ล้นท่วมและพังทลายทุกสิ่ง ชายหนุ่มรู้ตัว แต่ทำไมเขาแก้ไขมันไม่ได้ เขาเองก็ไม่แน่ใจ
บางเวลาที่ชายหนุ่มต้องการเธออยู่ข้างๆ จากที่เคยได้ที่ต้องการทุกครั้ง หลังๆ ของช่วงเวลาที่คบกันมันเริ่มลดลง ซึ่งสวนทางกับความต้องการ เธอเองก็คงต้องการตอบสนองความต้องการของตัวเองมากขึ้น ในขณะที่เขาเคยชินกับการเรียกร้องได้เสมอจนไม่มีสติตั้งตัว พอไม่ได้ดั่งใจในอารมณ์ที่ผิดหวัง ความรุนแรงของใจและกายก็ทำงานของมันแบบหยุดไม่อยู่

“มันอะไรกันนักกันหนา เอะอะก็เพื่อนนัดสังสรรค์บ้างล่ะ เอะอะก็ที่บ้านบ้างล่ะ เอะอะก็สัมนาบริษัทด้วยเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มขึ้นเสียง
“แล้วพี่จะให้มันมีแต่เราสองคนบนโลกหรือไง!!?” อีกข้างพูดเหมือนประชดประชัน
“ก็มันจำเป็นต้องไปนี่นา... ก็ชอบพูดแต่แบบเนี่ย อ้างนู่นอ้างนี่ จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” เขาแรงกลับ
“แล้วเคยซักครั้งไหมที่ขอไปแล้วพี่ไม่ยอมให้ไป”
“อ้างเหรอ? จริงหรือเปล่าเหรอ? มันเรื่องจริงหมดทุกครั้งแหละ พี่เห็น “เกม” เป็นคนชอบโกหกหรือไง?” เธอถามกลับแบบเคืองๆ
“แล้วครั้งหลังสุดที่พี่แวะไปหาที่ออฟฟิศ เห็นนะว่าออกไปกินข้าวกับใคร สนุกใหญ่เลยสิ” เขาเปลี่ยนคำถามและเปลี่ยนเรื่อง
“วันไหน?” เกมตอบ
“วันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว วันนั้นพี่ไปคุยงานกับลูกค้าแถวนั้นเลยว่าจะแวะไปรับมากินข้าวเที่ยงกัน แล้วมันก็เห็นอยู่เต็มตา”
“......”
“ไม่เถียงเพราะเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ?”
“ถึงอธิบายไปพี่ไนท์ก็ไม่ยอมฟังเหตุผลหรอก ไม่ต้องพูดกันดีกว่า เรื่องจริง-ไม่จริงจะมีค่าอะไรเมื่อพูดไปพี่ก็ไม่มีวันเชื่อ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ เราเลิกกันเถอะ” ความโมโหปล่อยให้เขาหลุดประโยคนี้ออกไปก่อนหันหลังเดินจากมาอย่างไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร
“พี่ไนท์ใจร้าย” หูของเขาได้ยินเธอพูดประโยคนั้นไล่หลังมา
....................

ฝนหล่นเม็ดลงมาทำให้พีรพงษ์สะดุ้งตื่น สติกลับมาอยู่ที่ปัจจุบันหลังจากมันย้อนเวลากลับไปเมื่อห้าปีก่อน นานมากแล้วในตอนที่เลิกกัน และก็สายมากเกินไปที่จะย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยเกิด

ชายหนุ่มลุกอย่างรวดเร็วเพราะเห็นท่าว่าฝนจะตกลงมาแน่ๆ

“ติ๊ดๆๆ” สัญญาณมือถือดังขึ้น
“มึงตามมาแดกเหล้ากับพวกกูที่ร้านเดิมด่วน” ข้อความถูกส่งเข้า ขณะที่เขาเร่งฝีเท้าออกไปที่ถนนและเตรียมเรียกแท็กซี่กลับห้อง

หลายปีหลังมานี้ที่เขาเองไม่ใช่คนกลายเป็นคนใช้ชีวิตกับการอยู่ข้างนอกในเวลากลางคืน แม้จะรู้ว่าการเมาไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้น เพราะเวลาที่เมาหนักๆ เขามักเพ้อถึงคืนวันเก่าๆ เพ้อหนักแต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางแก้ไข เพ้อมากเท่าไหร่ สุดท้ายก็ไม่มีใครคอยดูแลเหมือนเดิม

“เฮ้ย... ฝนทำท่าจะตกว่ะ” เขาชิงพูดหลังจากกดโทรศัพท์กลับไป
“ตกก็ตกสิวะ มึงจะมาหรือเปล่า” ปลายสายถาม
“ไปแต่คงไปถึงช้าหน่อย กินก่อนเลยไม่ต้องรอนะ”
“โอเค แล้วเจอกัน”
“ไปแยกไฟฉายครับพี่” ชายหนุ่มบอกคนขับแท็กซี่

ตอนนี้แค่ฝนตกนิดเดียวรถก็เริ่มติดเป็นแพเสียแล้ว คนขับแท็กซี่เพิ่มเสียงข่าวในวิทยุให้ดังขึ้นเมื่อเหลือบมองกระจกหลังเห็นเขาเก็บโทรศัพท์แล้ว

ชายหนุ่มเอนตัวลงไปบนเบาะ มองผ่านกระจกที่กำลังขึ้นฝ้าจับให้เลือนราง ตึกสูงลิบกลางกรุงเทพถูกดูดหายไปในบรรยากาศขมุกขมัว สูงขึ้นไปเป็นผืนฟ้าสีเทาเข้ม เม็ดฝนใสดั่งแก้วโปรยปรายลงมาไม่ขาด แสงไฟวาบสว่างของหลอดเตือนภัยบนตึกแดงวาบเป็นจังหวะ ใจเขาทะยานตัวสูงขึ้นไปกว่านั้นอีก มันอาจจะหลุดไปจากโลกนี้ก็เป็นได้

“เอาเถอะ มันจบแล้ว เดี๋ยวมันก็จะพ้นไป” เขาปลอบใจตัวเองในวันที่แก้ไขใดใดไม่ได้อีก ถ้าเขารู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ เขาคงตั้งสติตัวเองมากกว่านี้
....................

เช้าวันต่อมา อีเมล์ถูกส่งต่อๆ กันมาจากหนึ่งสู่หนึ่ง จนที่สุดก็ถูกส่งมาถึงเขา
ฟอร์เวิร์ดเมล์ส่งมาเพื่อชวนไปงานพบปะสังสรรค์ประจำปีกันในหมู่เพื่อนเก่าจากสถาบันการศึกษาที่จบออกมา กำหนดการไม่รู้ว่างตรงกับวันว่างหรือเปล่า แต่เขาก็ตัดสินใจจะไป โดยไม่ต้องพิจารณาถึงข้อความปิดท้ายที่ว่า “ถ้าครั้งนี้มึงไม่มาอีก ไม่ต้องนับเพื่อนกับพวกกู” ใช่--เขาตั้งใจจะไป

มันมีหลายเหตุผลที่พีรพงษ์เลือกจะเอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ซึ่งจะมีคนคุ้นเคยกันมารายล้อมในครั้งนี้ แม้จะไม่แน่ใจว่าความเปลี่ยนแปลงที่เดินทางตามเวลามาด้วยนั้นจะทำให้เขาต้องเป็นอย่างไรบ้างก็ตาม พวกเพื่อนๆ อาจจะเหมือนเก่า หรือเปล่า? เขาก็ไม่รู้ แต่เขารู้ในความเปลี่ยนแปลงไปของตัวเอง

ชายหนุ่มกดโทรศัพท์เพื่อจะโทรไปยืนยันกับเพื่อนสนิทที่สุดในสมัยเรียนว่าคงสามารถไปร่วมงานครั้งนี้ได้

“ว่าไงว่ะไนท์? ตกลงมึงจะมาเลี้ยงรุ่นเปล่าวะ?”
“ก็จะโทรมาบอกว่าจะไปด้วยนี่แหละ” พีรพงษ์ตอบ
“เฮ้ย... แล้วไม่ใช่บอกว่าจะมาแล้วหายตัวไปเฉยๆ แบบคราวที่แล้วนะ” อีกฝ่ายดักคอ
“ครั้งนี้กูไปแน่กอล์ฟ”
“โอเค กว่าจะยอมมาเจอเพื่อนฝูงสักทีนะมึง” อีกฝ่ายตอบกลับมา หลังจากวางหูไปก็มีข้อความเป็นสัญลักษณ์รูปยิ้มหลายรูปส่งเข้ามาจากเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย

สาเหตุเพราะเขาปฏิเสธทุกครั้งที่มีนัดหมายพบปะเพื่อนเก่า นั่นเพราะเขาไม่สามารถทำใจได้ในการเอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางคนรู้จักที่รู้เรื่องราวครั้งเก่า รู้จักเขา รู้จักเธอ รู้จักความสัมพันธ์ของเรา

สองครั้งสองหนมาแล้วที่ชายหนุ่มเคยเปลี่ยนใจกะทันหัน จากที่กำลังนั่งรถแท็กซี่ตรงไปยังที่นัดพบ เขาทิ้งตัวเองลงกลางทางแล้วไปนั่งดื่มเหล้าคนเดียวที่บาร์ริมน้ำ ปล่อยให้เพลงจากนักร้องกล่อมหัวสมองที่คิดถึง “เกม” มากๆ ให้ผ่อนคลายลง
ทั้งสองคืนนั้นเขาเอาตัวเองกลับมาถึงห้องได้อย่างทุลักทุเล ภาพความทรงจำเลือนรางเหมือนเป็นเงาเหมือนหมอกในความมืด ชายหนุ่มคิดถึงคนรัก คิดถึงเธอ คิดถึงมาก คิดถึงจริงๆ

หนหนึ่งพอถึงตอนเช้า เขาก็ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างแรงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ อาการแฮ้งค์หนักหน่วงจนต้องขาดงาน ต่อด้วยโดนหวัดเล่นอีกหนึ่งวันเต็มๆ หนหลังเขาลากตัวเองไปทำงานแบบหมดสภาพ จนชายหนุ่มต้องส่งคำขอโทษกลับไปทางข้อความ
....................

พักเที่ยงทีไรพีรพงษ์มักจะหลบไปกินที่ร้านข้าวแกงท้ายซอย มันเดินไกลหน่อยแต่การเดินคนเดียวทำให้เขาได้ใช้จังหวะฝีเท้าของตัวเองตามถนัด ชายหนุ่มเป็นคนเดินเร็วกว่าคนทั่วไปโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่คนอื่นใช้เวลาเดินสักสิบนาที เขาใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวหรือน้อยกว่านั้น แล้วการกินข้าวคนเดียวก็ทำให้เขากินได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องมีบทสนทนาบนโต๊ะกินข้าวมาคั่น ดังนั้นแม้จะต้องเดินไกลกว่าคนอื่น เขาก็ยังมีเวลาเหลือเฟือ

โทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างกลับเข้าออฟฟิศ

“พี่ไนท์ ผมเอ็มนะพี่”
“เออ... ว่าไง?”
“ผมจะบวชเดือนหน้าครับ แต่ว่าจะไปชะอำซักวันสองวันสุดสัปดาห์นี้ มีเรื่องอยากคุยกับพี่หลายเรื่องเลย ไปชะอำกันพี่ เดี๋ยวผมเลี้ยงเหล้า” จังหวะมันพอดีเหมือนถูกกำหนดไว้ เขาเพิ่งวางแผนไปชะอำช่วงสุดสัปดาห์นี้ไว้ในหัว เลยคิดว่ามีคนไปด้วยพอได้พูดคุยกันก็ดีกว่าไปคนเดียวแบบทุกที
“เอาดิ กำลังตั้งใจจะไปอยู่พอดี” ชายหนุ่มตอบอย่างรวดเร็ว
“จริงอ่ะ” อีกฝ่ายประหลาดใจ
“ก็ว่าจะไปอยู่พอดีเลยสุดสัปดาห์นี้”
“เฮ้ย... เจ๋งไปเลยพี่”
“งั้นเดี๋ยววันเสาร์ ผมไปรับพี่ที่อพาร์ทเม้นท์แต่เช้าแล้วกัน” คนเยาว์วัยกว่าบอก
“เออ ได้ๆ” เขาตกลง

ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นหลังจากนัดหมายเสร็จ ไม่รู้ว่าเพราะแดดร้อนหรืออะไร จู่ๆ ตาก็พร่าขึ้นมากะทันหัน เขาหยุดเดิน โลกหมุนติ้ว เขารู้สึกตัวเอียงๆ เหมือนจะล้มจนต้องเอามือยันไว้กับกำแพงบ้าน ครู่ใหญ่อาการก็ดีขึ้น

ปกติพีรพงษ์ไม่ใช่คนป่วยไข้อะไรง่ายๆ โรงพยาบาลก็แทบจะนับครั้งได้ว่าเคยเข้า ในการตรวจสุขภาพทุกปีก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขาเองยังนึกแปลกใจว่าทำไม? เขาไม่เคยเป็นมาก่อน พอตั้งข้อสงสัยดูก็คิดว่าคงเป้นผลจากการพักผ่อนไม่พอในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้นเอง

ในตอนนั้นชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าร่างกายของเขา กำลังสื่อสารอะไรบางอย่างออกมา



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2556, 22:46:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2556, 22:46:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1024





<< ฝันร้ายกับไม่เป็นไร   คืนฝนตกกับคนแปลกหน้า >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account