น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 5. “มันจะยากตรงไหน แต่งตัวสวยเดินไปบนเวทีแล้วก็ตอบคำถาม"

5.

ด้วยเห็นว่าลูกสาวยังเรียนหนังสือระดับมัธยมจึงไม่ควรพกโทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะเป็นราคาเครื่องละเท่าไหร่ น้ำผึ้งจึงไม่มีโทรศัพท์ติดตัวเหมือนเพื่อนๆ บางคนที่พ่อแม่ยอมให้ใช้โทรศัพท์เพราะเห็นของประโยชน์มากกว่าโทษ ดังนั้นภานุวัฒน์จึงไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของน้ำผึ้ง และด้วยอยากจะรีบจีบน้ำผึ้งให้ ‘ติด’ ก่อนกลับเข้าศูนย์ฝึกฯหลังจากที่กลับไปบ้านให้เตี่ยกับแม่ได้เห็นหน้าแล้ว เขาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวขับมอเตอร์ไซค์ออกมาหาน้ำผึ้งที่บ้านในทันที

น้ำผึ้งที่เข็นรถมาถึงบ้านแล้วไม่ทันได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนั่งกินข้าวอยู่กับแม่และน้อง ๆ ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์มาหยุดที่หน้าบ้าน น้ำต้อยลุกจากวงข้าวโผไปดูที่หน้าต่างว่าใครมาหายามวิกาล...และพอเห็นว่าเป็นภานุวัฒน์ น้ำต้อยก็ร้องทักไปตามประสาเด็กว่า “พี่วัฒน์มาทำไม”

“มาหาพี่ผึ้งน่ะ มีเรื่องคุยด้วยหน่อย พี่ผึ้งทำอะไรอยู่รึตัวเล็ก” ภานุวัฒน์ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อ กล้ามสีขาวรองเท้าแตะพอสบาย ๆ ยังคงคร่อมรถอยู่

“พี่ผึ้งกินข้าวอยู่”

น้ำผึ้งที่รู้ว่าภานุวัฒน์มาหาตนมองหน้าแม่น้ำอ้อยที่ยกขันน้ำขึ้นดื่มก่อนจะวางลง

“มาทำไมกัน” หัวคิ้วของแม่ขมวดเข้าหากัน

“ผึ้งก็ไม่รู้เหมือนกัน”

นางน้ำอ้อยถอนหายใจเบา ๆ เพราะคำว่า ‘ไม่รู้’ ของลูกสาวนั้นใช่ว่าตนไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน แต่เมื่อเห็นว่า ลูกสาวไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจที่มีชายหนุ่มแวะเวียนมาหาที่บ้านในยามค่ำคืน น้ำอ้อยก็รู้สึกคลายความกังวลไปได้บ้าง...เพราะมีลูกผู้หญิงหากประพฤติตนส่อไปทาง ‘ไวไฟ’ เสียแล้วก็จะเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ แต่ว่าน้ำผึ้งนั้นดูจะยังไม่ประสีประสา กับความรักและผู้ชายที่ดาหน้าฉกฉวยโอกาสเข้ามาทำคะแนนด้วยน้ำผึ้งเป็นแม่ค้าแม่ขายที่ใคร ๆ ก็ย่อมมีโอกาสเข้ามาขายขนมจีบ

และยังไม่ทันที่น้ำผึ้งจะลุกไปหา ที่ท้ายรถของภานุวัฒน์ก็มีรถยนต์ของคชาพัฒน์ขับมาต่อท้าย..น้ำต้อยที่เดินกลับมาหาวงข้าวยังไม่ทันจะนั่งก็รีบเดินกลับไปดูอีกรอบก่อนจะบอกหันมาบอกคนในวงข้าวว่า

“รถพี่หนิงหน่อง”

คชาพัฒน์นั้นมาบ้านของสำลีเป็นประจำ การที่เขาขับรถมาจอดตรงหน้าบ้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันแปลกตรงที่ครั้งนี้ เขาลงจากรถแล้วเขาไม่ได้เดินไปบ้านสำลีในทันที เขาเดินมายังหน้าบ้านน้ำผึ้งที่มีภานุวัฒน์นั่งอยู่บนเบาะรถหลังจากที่ปล่อยขาตั้งรถลงแล้ว...

คชาพัฒน์กับภานุวัฒน์นั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะถือว่าเป็นคนในตลาดเหมือนกันและภานุวัฒน์เองก็เคยเป็นลูกค้าของคชาพัฒน์มาก่อน หน้าตาของภานุวัฒน์นั้นตี๋ ๆ ขาว ๆ ร่างสูงสมส่วน แต่ว่าสเป็คของคชาพัฒน์นั้นเขาไม่ชอบผู้ชายที่อายุน้อยแบบที่เห็นกันมาตั้งแต่รุ่น ๆ แบบนี้ ภานุวัฒน์จึงเป็นเสมือนน้องนุ่ง
ของเขาตลอดมา

“มาทำอะไรที่นี่ละวัฒน์”

“มาหาผึ้งครับ”

“แล้วทำไมไม่เข้าไปในบ้านล่ะ”

“ผึ้งเขายังกินข้าวอยู่...เดี๋ยวคงออกมาหาผมครับ ผมเพิ่งมาถึงด้วย แล้วพี่ละ มาทำอะไร”

“มาธุระนิดหน่อยนะ...ไปเข้าบ้านไปด้วยกัน”

เมื่อมีคนชักนำ ภานุวัฒน์จึงรีบลงจากรถเดินตามคชาพัฒน์เข้าไปในบ้านของน้ำผึ้งที่ตอนนี้ต่างพากันเก็บสำรับเตรียมตัวต้อนรับแขกที่ยังไม่รู้ว่าจะมาด้วยเรื่องอะไร

...แต่น้ำผึ้งที่เดินถือถาดใส่อาหารเข้าไปในครัวนั้นพอรู้อยู่บ้างว่าคชาพัฒน์จะมาด้วยเรื่องอะไร ใจของน้ำผึ้งจึงเต้นไม่เป็นส่ำเพราะไม่คิดว่าคชาพัฒน์นั้นจะพูดจริงทำจริง

“มีอะไรกับพี่หรือหน่อง” น้ำอ้อยนั้นมีอายุห่างจากคชาพัฒน์เพียงสิบกว่าปีจึงยังเป็นพี่ของเขาได้ ส่วนภานุวัฒน์นั้นน้ำอ้อยเพียงยกมือรับไหว้เฉย ๆ และภานุวัฒน์ก็ดูจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียจนน้ำต้อยไม่รู้สึกขวางหูขวางตานัก และเมื่อทั้งคู่นั่งลงบนตั่งตัวติดข้างฝาที่มีอยู่ตัวเดียว คชาพัฒน์ก็เอ่ยปากอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “จะมาทาบทามน้ำผึ้งน่ะ”

คำว่าทาบทาม สร้างความประหลาดใจให้กับภานุวัฒน์อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ด้วยเขาจากบ้านไพรไปนานเขาจึงไม่รู้ว่า บัดนี้คชาพัฒน์นั้นมีอาชีพเสริมเป็นแมวมองเฟ้นหาสาวงามส่งเข้าประกวดนางงาม...

“ทาบทามไปทำอะไร” น้ำอ้อยนั้นพอรู้อยู่บ้างว่าคชาพัฒน์นั้นทำอะไรอยู่ แต่น้ำอ้อยไม่คิดว่า คชาพัฒน์นั้นจะมาสนใจลูกสาวของตน

“ส่งประกวดนางงามจ๊ะพี่อ้อย”

“เรื่องจริงเหรอฮะ” ภานุวัฒน์ขัดขึ้นมา

“จริงซิ น้ำผึ้งเขาสูงยาวเข่าดี ซ่อนรูปอยู่นะ แต่งองค์ทรงเครื่องสักนิดขึ้นเวทีได้สบายมากเลย แล้วก็ไม่ได้ขึ้นเปล่า ๆ ปรี้ ๆ นะ มีเงินค่าเหนื่อยให้ด้วย” คชาพัฒน์รีบพูดถึงผลประโยชน์ที่จะตามมา

“เวทีอะไรเหรอพี่” ภานุวัฒน์ยังคงซักเอาความเพราะไม่คิดว่าน้ำผึ้งสวยจนไปสะดุดตาคชาพัฒน์ได้

“วัฒน์คงไม่รู้ว่าตอนนี้นะพี่ทำค่ายนางงามเป็นอาชีพเสริม...ส่งสาว ๆ สวย ๆ เข้าประกวดตามเวที ต่าง ๆ น่ะ....ทำมานานแล้วด้วย พี่จะมาทาบทามผึ้งไปขึ้นเวทีธิดากระท้อนหวานที่ปราจีนบุรีน่ะ”

“อ๋อ”

“น้ำผึ้งคงไปทำไม่ได้หรอก” น้ำอ้อยรีบออกตัวแทนลูกสาวเพราะไม่อยากให้ลูกสาวไปตากหน้าให้คนเขาซุบซิบนินทา เพราะเมื่อยืนอยู่บนเวทีแล้ว ย่อมมีทั้งเสียงชมและเสียงติฉินลอยเข้ามาเข้าหู...

เพราะมีบางปีที่เวทีนางนพมาศบ้านไพร มีคนเอามาพูดว่านางงามเบอร์นั้นเบอร์นี้ ‘สวยแต่โง่’ เพราะตอบคำถามได้อย่างไม่ควรจะตอบ อยู่บนเวทีก็ทำท่าเด๋อ ๆ ด๋า ๆ เพราะความประหม่าตื่นเต้น

“ทำไมรีบคิดว่าน้ำผึ้งจะทำไม่ได้ละพี่”

“ก็ผึ้งมันยังเด็ก แค่ 17 18 เอง ยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลย”

“นางงามเวทีภูธรบางทีเขาก็ไม่ได้เอาความรู้หรอก เอาแค่สวย ๆ สนุก ๆ เท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ไปประกวดทุกวันหรอกพี่ นาน ๆ จะ มีงานให้ออกเดินสายสักทีหนึ่ง เพียงแต่ว่า ช่วงนี้ ต้องเก็บตัว ฝึกปรือท่วงท่านางงามไว้สักหน่อย...น้ำผึ้งมันสูง มันไปได้นะ”

“อย่าเลย ผึ้งมันคงไม่เอาหรอก”

“ถามมันก่อนไหม เผื่อมันจะสนใจ แต่พี่อ้อยอย่าขัดนะถ้าผึ้งมันชอบ”
น้ำผึ้งที่ยืนฟังอยู่ในครัวใจเต้นแรง หากถามเธอในตอนนี้ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้อย่างที่ คชาพัฒน์ต้องการหรือเปล่า...

‘นางงาม’ เธอสวยพอจะเป็นนางงามได้อย่างนั้นหรือ

ในครัวไม่มีกระจกเงาแต่ว่าในห้องน้ำหลังบ้านมี...น้ำผึ้งรีบกรากไปเข้าห้องน้ำ ดูใบหน้ามันย่องเพราะยังไม่ได้อาบน้ำล้างคราบไคลของตัวเองกับกระจก...ก่อนจะส่ายหน้าอย่างแรง มองอย่างไรก็ไม่เห็นว่า ศีรษะของเธอจะมีมงกุฎเทินอยู่ไปได้...
“พี่ผึ้ง พี่ผึ้งแม่เรียกให้ออกมาคุย” น้ำหวานมายืนเกาะประตูหลังบ้านตะโกนบอกน้ำผึ้งเมื่อแม่น้ำอ้อยได้ข้อสรุปว่า ควรจะถามเจ้าตัวก่อน ซึ่งน้ำอ้อยก็เชื่อมั่นว่า ลูกสาวจะต้องปฏิเสธงานนี้อย่างแน่นอน

น้ำผึ้งที่ล้างหน้าแล้วยกแขนเสื้อที่ใส่อยู่ซับน้ำที่หน้าเดินเข้ามาหาแม่และแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย...

“มีอะไรหรือแม่”

“คืองี้นะผึ้ง นางงามที่พี่ปั้นไว้น่ะ หนีตามผู้ชายไป พี่ก็เลยขาดคนกะทันหัน พี่อยากให้ผึ้งไปขึ้นเวทีแทนสักหน่อย ขัดตาทัพไปก่อนเท่านั้น แล้วแม่ของผึ้งก็ให้ถามความสมัครใจของผึ้งดูเอง ตกลงผึ้งไปกับพี่นะ”

น้ำผึ้งส่ายหน้าในทันที ซึ่งแม่น้ำอ้อยก็รีบบอกว่า

“เห็นไหมว่า ผึ้งมันไม่เอาหรอก มันไม่ชอบหรอกเรื่องประกวดประขันประชันความสวย แล้วมันสวยซะที่ไหน”

“ใช่เลย ผึ้ง ไม่สวยหรอก เป็นนางงามอะไรไม่ได้หรอกพี่หนิงหน่อง หาคนอื่นเถอะ”

“ใครว่าผึ้งไม่สวย” ภานุวัฒน์สวนเข้ามา

“ใช่ใครว่าผึ้งไม่สวย สวยมากด้วย เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ขัดสีฉวีวรรณเท่านั้นเอง ถ้าขัดแล้วรับรองเลยเลยว่า สวย ที่สุดในสามโลกเลย” คชาพัฒน์รีบเชียร์สมทบ

“นะผึ้งนะ ช่วยพี่หน่อยนะ พี่อ้อย หน่องกราบละ ให้ผึ้งไปช่วยหน่องหน่อยนะ งานนี้ถ้าไม่มีนางงามไปขึ้นเวที หน่องกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ ๆ”
น้ำอ้อยมองหน้าลูกสาวยิ้มให้อย่างรู้กัน น้ำผึ้งยิ้มแหย ๆ ให้แม่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง

“ช่วยพี่หน่อยนะผึ้ง นะ นะนะ” คชาพัฒน์กรากจากตั่งลงไปหาน้ำผึ้งพร้อมกับจับมือน้ำผึ้งมากุมไว้พร้อมกับกะพริบเปลือกตาถี่ ๆ

“ที่โรงเรียนมีคนสวยกว่าผึ้งเยอะแยะ พี่ก็รองไปทาบทามซิ”

“สวย แต่มันไม่ได้น่ะผึ้ง”

“อะไรไม่ได้”

“ส่วนสูงไง ผึ้งได้ส่วนสูง นางงามต้องสูงไว้ก่อน หน้าสวย เตี้ยหม้อต้อ กลมเป็นโอ่งราชบุรีได้ที่ไหนกัน”

“แต่ผึ้งไม่สวยเลยนะพี่ พี่ดูอย่างไรว่าผึ้งสวย”

“ผึ้งสวยนะ พี่ว่าผึ้งสวย” ภานุวัฒน์ได้ทีรีบกระทุ้ง เพราะเขาก็อยากให้น้ำผึ้งนั้นแปลงร่างจากแม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้งไปเป็นนางงามดูบ้าง มันคงจะน่าดูชมอยู่ไม่น้อย และแรงเชียร์จากเขาในครั้งนี้ ในภายหน้า คชาพัฒน์ก็คงจะช่วยเขาถ้าเขาคิดจะจีบน้ำผึ้งอย่างจริง ๆ จัง ๆ

“นงลักษณ์ไงพี่ สวยกว่าอีก สูงพอ ๆกับผึ้งเลย”

“อาจารย์นวลอนงค์เขาไม่ให้ไปหรอก...แล้วอีกอย่างเขาก็พวกเดียวกับอาจารย์สุรีย์ พวกจวงจันทร์ เขาไม่ไปกับพี่แน่นอน”

“พี่ก็ไม่ให้ผึ้งไปหรอก...หน่องกลับไปเถอะ” น้ำอ้อยรีบตัดบทช่วยลูกสาว

“พี่อ้อย ไหนบอกว่าจะให้ผึ้งตัดสินใจเองไง ผึ้งมันจะใจอ่อนแล้วเนี่ย แล้วไปขึ้นเวทีก็ใช่ว่าไม่ได้ค่าอะไรนะ ได้หรือไม่ได้ตำแหน่ง หน่องก็ยินดีจ่ายค่าตัวเบื้องต้นให้เลย สองพัน สองพันเชียวนะ เยอะมาก” กรณีไม่ได้ตำแหน่งใด ๆ กลับมา ปกติแล้วคนอื่น ๆ คชาพัฒน์จะให้แค่หนึ่งพันบาทเป็นค่าเสียเวลา และหากได้ตำแหน่ง ของรางวัลนั้นเด็กจะเอาไป ส่วนเงินรางวัลนั้นหารสอง เพราะว่าคชาพัฒน์เป็นฝ่ายลงทุนเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งหน้าทำผม ซึ่งสองข้อหลังนี้คชาพัฒน์ถือว่าตนเองมีฝีมืออยู่แล้วไม่ได้จ้างร้านไหนจัดการแปลงโฉมให้เด็กในสังกัดเหมือนกับพี่เลี้ยงนางงามบางคน

“แต่ผึ้งต้องขายลูกชิ้นปิ้งนะพี่”

“แหม ไปแค่วันเดียว คนทั้งตลาดไม่อดตายหรอก ทำอย่างกับไม่เคยหยุดขาย นะ ไปช่วยพี่หน่อย งานธิดากระท้อนหวานมันจะถึงแล้วด้วย พี่หาคนไม่ทันจริง ๆ”

“ผึ้ง ผึ้ง ทำไม่ได้หรอกพี่ ผึ้งไม่รู้จะทำตัวอย่างไร”

“แหม ของแบบนี้มันเทรนกันได้ พรุ่งนี้ตอนเช้าผึ้งไปร้านพี่แต่เช้าเลยนะ พี่จะตื่นมาเทรนเอง ตอนเย็นก็ขายลูกชิ้นเหมือนเดิมเหมือนวันที่ไปโรงเรียน วันธรรมดาก็ไปเรียนหนังสือกลับมาก็ขายลูกชิ้น หยุดแค่วันไปประกวดแค่วันเดียวเท่านั้น เพราะปราจีนบุรีมันก็ไม่ได้ไกลเลย แต่งตัวเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว เพราะชุด ธิดากระท้อนหวานนะมันเป็นเพียงเสื้อแขนกระบอกผ้าซิ่นผืนเดียว..”

คชาพัฒน์พยายามหว่านล้อมเต็มกำลัง ฝ่ายสำลีนั้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนขับรถมาจอดที่หน้าบ้านน้ำผึ้ง หญิงสาวกับนางสำรวยเห็นว่าผิดปกติก็เลยพากันเดินมาดู และนางสำรวยก็ได้ยินตอนที่คชาพัฒน์หว่านล้อมพอดี และด้วยอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนึ่งในตัวน้ำผึ้งที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยนางสำรวยจึงสอดเข้ามา

“ไปเถอะผึ้ง...โอกาสมาถึงแล้ว ทำไมไม่ลองดู ถ้าป้ายังสาวและอายุเท่าผึ้ง ป้าจะรีบไปเลยแหละ”

“ใช่ พี่อ้อยให้ผึ้งไปเถอะนะ” สำลีรีบสนับสนุนเจ้านาย...เพราะถ้าไม่ได้นางงามไปขึ้นเวที เจ้านายของเธอก็จะเต้นแร้งเต้นกาควานหาตัวสาวงามไม่จบไม่สิ้นแล้วสำลีก็ต้องรำคาญหูรำคาญใจไม่ได้หยุดพักเช่นกัน

“แล้วแต่ผึ้งมัน ให้มันตัดสินใจเอง”

น้ำผึ้งมองหน้าคนนั้นทีคนนี้แล้วหญิงสาวก็ส่ายหัวตามเดิม...



ปฏิเสธคชาพัฒน์ไปแล้วน้ำผึ้งก็นอนไม่หลับ หญิงสาวพลิกตัวไปมาครุ่นคิดไปต่าง ๆ นา ๆ กระทั่งได้ยินเสียงไก่ขัน และแม่น้ำอ้อยก็รีบตื่นตั้งแต่ที่พระจันทร์ยังไม่หายไปจากท้องฟ้า เพราะต้องออกไปรับผักที่มีรถมาส่งหน้าตลาดไปเรียงไว้รอลูกค้าให้มาจับจ่ายและผักบางชนิดน้ำอ้อยก็ต้องหั่นไว้รอแม่ค้าที่ซื้อไปทำอาหารสำเร็จรูปจำหน่าย ส่วนน้ำผึ้งก็จะต้องตื่นมาหุงหาข้าวปลาอาหารไว้ให้น้อง ๆ ดีแต่ว่าช่วงหลัง ๆ น้ำหวานโตขึ้นมาก บางวันน้ำหวานก็ตื่นมาทำงานแทนน้ำผึ้งที่อ้างว่าน้ำหวานจะต้องแบ่งเบาภาระของตนไปบ้าง...

“นอนไม่หลับหรือผึ้ง” น้ำอ้อยออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าน้ำผึ้งลงจากข้างบนมานั่งอยู่ที่ตีนบันได

“ถ้าผึ้งจะเปลี่ยนใจละแม่”

“อยากไปขายหน้าชาวบ้านเขาก็เอา”

“แม่อ่ะ”

“สนุกสนานประเดี๋ยวประด๋าว สุดท้ายมันจะเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านเอาไปพูดกันให้สนุกปากนานเท่านาน แม่บอกได้แค่นี้แหละ”

น้ำผึ้งชักสีหน้าครุ่นคิด มันก็จริงอย่างที่แม่น้ำอ้อยว่า ขึ้นเวทีไปแล้ว หากไปทำขายหน้า รังแต่จะถูกนินทากาเล น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอด สลัดโอกาสที่ผ่านเข้ามานั้นไปจากใจ...ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ

และขณะที่กำลังนั่งเสียบลูกชิ้นอยู่กับน้องสาวและน้องชายพลางดูรายการโทรทัศน์ไปพลาง หูของน้ำผึ้งก็ได้ยินน้ำหวานบอกว่า

“ดาราคนนี้เขาเคยเป็นนางงามมาก่อนใช่ไหมพี่”

น้ำผึ้งเงยหน้าขึ้นดูหน้าจอโทรทัศน์ ภาพของ นักแสดงรุ่นใหญ่คนหนึ่ง กำลังนั่งให้สัมภาษณ์ถึงประวัติชีวิตของตน ซึ่งก็เริ่มต้นจากลูกชาวไร่ชาวนา แล้วไปเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางอยู่ในห้างสรรพสินค้า กระทั่ง ตัดสินใจเข้าประกวดนางงามเวทีระดับประเทศแล้วก็ได้ตำแหน่ง ชีวิตผลิกผลันไปจนได้เป็นดาราและได้แต่งงานกับคนรวยในภายหลัง

“พี่ผึ้งน่าจะลองไปประกวดดูบ้างนะ เผื่อมีโอกาสแบบเค้าบ้าง” น้ำหวานแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ส่วนน้ำต้อยนั้นบอกว่า

“พี่ผึ้งเขาไม่อยากเป็นหรอก นางงงนางงาม พี่ผึ้งเขาอยากเป็นแม่ค้าขายขนม” น้ำต้อยนั้นเห็นว่าน้ำผึ้งลองทำขนมไทย ๆ ให้ชิมหลายครั้งแล้ว เริ่มตั้งแต่ขนมต้ม ขนมถั่วแปบ ที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก ซึ่งน้ำผึ้งเห็นว่าไม่มีขายในตลาดบ้านไพร แล้วน้ำต้อยก็ชมน้ำผึ้งว่าฝีมือใช้ได้ทีเดียว

“เป็นนางงามก็เป็นแม่ค้าขายขนมได้นี่” น้ำหวานเถียงน้อง

“เป็นนางงามหาเงินมาเปิดร้านขายขนม ถ้าไม่เป็นนางงามแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเปิดร้านล่ะ”

น้ำผึ้งครุ่นคิดไปตามที่น้องหญิงชายถกเถียงกัน...แล้วน้ำผึ้งก็ถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะชวนน้อง ๆ เปลี่ยนเรื่องคุยพลางทำงาน กระทั่งงานเสร็จ น้ำผึ้งก็เดินออกมาที่หน้าบ้าน ป้าสำรวยที่ตากผ้าอยู่ก็บอกว่า

“คิดดูให้ดีนะผึ้ง คนเราโอกาสไม่ได้มีมาบ่อยนักหรอก ยังสาว ยังสวย มีโอกาสก็คว้าเถอะ แล้วหนิงหน่องก็ใช่ใครที่ไหน ไว้ใจได้ว่าไม่เอาเราไปขายกินแน่ ๆ”

“ผึ้งคิดว่าผึ้งทำไม่ได้หรอกป้า”

“มันจะยากกันตรงไหนล่ะ แต่งตัวสวย ๆ เดินไปบนเวทีแล้วก็ตอบคำถามกรรมการแค่นี้เอง เล่นวอลเลย์บอล ขายลูกชิ้นปิ้ง ไปเรียนหนังสือไม่ยากกว่าอีกรึ แล้วก็ใช่ว่าไม่เคยขึ้นเวทีทำอะไรซะหน่อย...รำเริมบนเวทีนางนพมาศอะไรเมื่อปีก่อนๆ ก็เคยมาแล้ว”

น้ำผึ้งถอนหายใจเบา ๆ ไม่ทันจะตอบป้าสำรวย ที่หน้าบ้าน ภานุวัฒน์ก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด เขาลงจากรถทันทีที่เห็นว่าน้ำผึ้งอยู่หน้าบ้าน “มาทำไมหรือพี่วัฒน์”

“คิดถึงก็เลยต้องมา”

น้ำผึ้งเบ้หน้าทันทีพยายามซ่อนความเขินอายตามประสาสาวน้อย แต่ว่าสติน้ำผึ้งก็เร็วพอที่จะเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติ

“คารมเนอะ”

“แล้วผึ้งล่ะหวั่นไหวบ้างหรือเปล่า”

น้ำผึ้งส่ายหน้าเบา ๆ เพราะ รู้ใจตัวเองว่า ในใจของเธอนั้นมีใครซุกซ่อนอยู่ แม้มันจะเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่น้ำผึ้งก็รู้สึกมีความสุขที่ได้คิดถึงเขา ‘วรรณศุกร์’ ผู้ชายชื่อแปลก ๆ บุคลิกอบอุ่น ชวนให้ฝากหัวใจไว้

“ผึ้งกินข้าวกลางวันหรือยัง พี่จะมารับไปกินก๋วยเตี๋ยว”

“ผึ้งไปกับพี่ไม่ได้หรอก แม่รู้ด่าตายเลย”

“แต่ผึ้งโตแล้วนะ แล้ววันนี้มันก็เป็นวันหยุดด้วย”

“เพราะเป็นวันหยุด ผึ้งจะต้องดูแลน้อง ๆ แทนแม่”

“ช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกิน พี่ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่คิดจะฝากหัวใจไว้ที่ผึ้ง”

“ถ้าพี่วัฒน์ยังจีบผึ้งไม่เลิก ผึ้งจะเลิกคุยกับพี่วัฒน์” ใบหน้าของน้ำผึ้งบึ้งตึงเมื่อภานุวัฒน์ขายขนมจีบไม่ยอมเลิกรา “พี่ชอบผึ้งจริง ๆ นะ”

“เร็วไปพี่”

“โอเค เราเป็นพี่น้องกันไปก่อนก็ได้ แต่พี่อยากบอกให้ผึ้งรู้ว่าพี่ชอบผึ้งจริง ๆ”

“ขอบคุณ”

“ถ้าผึ้งออกไปข้างนอกไม่ได้ งั้นพี่ออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมากินที่นี่นะ ผึ้งจะกินอะไร น้อง ๆ ของผึ้งจะกินอะไรพี่จะได้ซื้อมาให้”

“ทำกับข้าวไว้เยอะแยะ อย่าซื้อมาให้เปลืองเงินเปลืองทองเลย” อันที่จริงน้ำผึ้งก็อยากกินก๋วยเตี๋ยวและอยากให้น้อง ๆ ได้กินด้วย แต่ว่าน้ำผึ้งจะแสดงอาการอยากได้ของเขาฟรีไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“มันไม่เหมือนกันหรอก...ต้อย หวาน จะเอาก๋วยเตี๋ยวอะไรพี่จะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้” ภานุวัฒน์ตะโกนเข้าไปในบ้าน โดยไม่ได้สนใจว่าน้ำผึ้งจะอนุญาตหรือยัง และเด็ก ๆ เมื่อมีโอกาสเปลี่ยนอาหารพวกเขาก็รีบบอกความต้องการของตน



ขณะที่นั่งรอก๋วยเตี๋ยวร้านที่อร่อยที่สุดในตลาดบ้านไพร ภานุวัฒน์ก็หันไปหารถของอาจารย์นวลอนงค์ที่แล่นมาจอดที่หน้าร้าน แล้วภานุวัฒน์ก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่า คนขับรถเก๋งคันใหญ่มานั้นคือนงลักษณ์ผู้เป็นเพื่อนสนิทกับน้ำผึ้ง

“อ้าว พี่วัฒน์” นงลักษณ์ยิ้มกว้างพลางร้องทักชายหนุ่มที่นั่งรออยู่หน้าร้าน

“ขับรถเป็นด้วยเหรอ” เขาไม่เก็บความสงสัยเอาไว้ ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่านงลักษณ์ขับรถมาคนเดียว

“พ่อเพิ่งหัดให้ พี่มากินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันเหรอ”

“อืม แต่ไม่ได้กินที่นี่หรอก จะซื้อไปกินบ้านน้ำผึ้งน่ะ”

“บ้านน้ำผึ้ง” นงลักษณ์ชักสีหน้าแปลกใจ

“พี่จะกำลังจีบน้ำผึ้ง แต่ดูเหมือนว่า น้ำผึ้งจะใจแข็งเกินกว่าที่พี่คิดไว้ ลักษณ์รู้หรือเปล่าว่า ผึ้งเขาชอบใครอยู่”

“ไม่มีนะพี่ ไม่เห็นผึ้งมันสนใจใครเลย”

“อย่างไรลักษณ์ต้องช่วยพี่นะ ช่วยเป่าหูผึ้งให้หน่อย พี่เองอยู่ไกล โอกาสทำคะแนนน้อยเหลือเกิน แล้วอีกอย่างน้ำผึ้งเขาก็ไม่ใช้โทรศัพท์ด้วย ติดต่อลำบาก”

“เรื่องจริงใช่ไหม”

“ใช่ เรื่องจริง และถ้าพี่จีบผึ้งติดโดยมีลักษณ์ช่วยเหลือ พี่สัญญาว่าถึงวันนั้นพี่จะสมนาคุณลักษณ์อย่างงามเลยทีเดียว”

“งั้นวันนี้พี่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวน้องก่อนเลยแล้วกัน ...โอเคป่ะ”

“ได้ ๆ จะกินสักกี่ชามล่ะ”

“สองชามแล้วกัน”

“ได้ ๆ แต่พี่ไม่ได้อยู่กินด้วย จ่ายเงินให้แล้วกัน...เพราะจะรีบเอาก๋วยเตี๋ยวไปให้ผึ้งเขานะ...”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“อ้อ ขอเบอร์ลักษณ์หน่อยได้ไหม เผื่อจังหวะดี ๆ พี่จะโทรมาถามเรื่องผึ้งเขานะ...”

นงลักษณ์หยิบกระดาษในกระป๋องบนโต๊ะจดเบอร์โทรศัพท์ของตนให้กับภานุวัฒน์ เขารับมาดู ก่อนจะยิ้มให้พลางกล่าวคำขอบอกขอบใจ แล้วก็รับถุงก๋วยเตี๋ยวจากแม่ค้าพร้อมกับจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวของนงลักษณ์สองชามไว้ด้วย และเมื่อภานุวัฒน์ขี่รถออกจากหน้าร้านไปแล้ว แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวที่เข้าใจว่าภานุวัฒน์นั้นจีบ
นงลักษณ์เพราะเห็นคุยกันแล้วให้เบอร์โทรศัพท์กัน ก็พูดว่า

“ได้เป็นคุณนายแล้วก็อย่าลืมร้านก๋วยเตี๋ยวของป้าล่ะ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2556, 11:28:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2556, 12:24:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1856





<< 4. “ฉันก็ไม่ได้จะเอาเธอไปเป็นนางงามวันสองวันนี้ซะเมื่อไหร่”   6.ศึกศักดิ์ศรี >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 13 มิ.ย. 2556, 11:30:09 น.
เรื่องนี้ส่วนใหญ่นางเอกจะเป็นตัวเดินเรื่องนะครับเพราะว่าชื่อเรื่อง น้ำผึ้งบ้านไพร...ขอเสียงคนเอาใจช่วยน้ำผึ้งหน่อยครับ...ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ


เดิมเดิม 13 มิ.ย. 2556, 12:21:22 น.
นงลักษณ์กับวัฒน์ จะจีบกันเองป่าวเนี่ย แม่สื่อแม่ชัก


คิมหันตุ์ 13 มิ.ย. 2556, 13:33:55 น.
นายวัฒน์ ออกตัวแรงมากกกกกก


Zephyr 13 มิ.ย. 2556, 22:55:53 น.
อืม จะเป็นยังไงต่อไป
ผึ้งต้องไปประกวดแหงแซะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:29:00 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account