Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เสียงคลื่นกับควันบุหรี่

ทะเลชะอำอยู่ไกลแค่บึ่งรถชั่วไม่นาน ต่อให้ออกจากกรุงเทพฯตอนบ่ายแก่ๆ คนขับรถเร็วอย่างเอ็มก็สามารถขับไปถึงก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อย

พีรพงษ์กับเอ็มจอดรถไว้เกือบถึงส่วนสุดท้ายของหาดชะอำเหนือ หาดส่วนนี้ผู้คนบางตาเพราะส่วนใหญ่ไปกระจุกอยู่ที่หาดชะอำได้ซึ่งมีหาดทรายที่เรียบกว่า อีกทั้งร้านรวงแถวนั้นก็มากกว่าด้วย

ลมทะเลก่อนค่ำพัดเข้าฝั่งรุนแรง คงเป็นผลจากการที่อยู่ในฤดูกาลฝน ยังมีคนเล่นน้ำทะเลอยู่ค่อนข้างหนาตา เด็กๆหนุ่มสาวกระโจนน้ำเล่นพลางส่งเสียงเฮฮา คู่รักหลายคู่เดินหยอกล้อกันไปตามขอบแนวคลื่นสาดหาด

ทั้งสองคนถือเบียร์คนละกระป๋องจากร้านค้าริมถนนก่อนเดินลงไปที่หาด ลมทะเลปะทะผิวหน้า มันทำให้หน้าชาและรู้สึกเหนียวเหนอะอยู่บนแก้มและคอ ชายหนุ่มรุ่นน้องนั่งหย่อนก้นบนผืนทราย น้ำทะเลที่คลื่นซัดลู่ไถลมาบนหาดห่างปลายเท้าไปแค่ไม่กี่วา

“พี่ไนท์ พี่ว่าสวรรค์มันจะรู้ไหมวะพี่ ว่าคนผิดหวังแม่งเป็นทุกข์ชิบหาย” เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งอยู่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ พีรพงษ์ไม่ได้ก้มลงไปมองเขา แต่รู้ว่าตอนนี้ไอ้เอ็มมันคงกำลังมองเหม่อไปในท้องทะเลเบื้องหน้าเช่นเดียวกันกับที่เขายืนมองอยู่
“ถ้ามันรู้มันคงไม่ทำปล่อยให้มีใครอกหักหรอกว่ะเอ็ม” เขาตอบ
“พี่ว่าไอ้นุ่นมันจะรู้ไหมวะพี่ ว่าความรักแม่งสุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างอยู่ต่อกันด้วยดี”
“มันคงรู้แหละมั้ง มันไม่ใช่เรื่องแปลกนี่หว่า”

ระหว่างเอ็มกับนุ่น รุ่นน้องสองคนที่สนิทกับพีรพงษ์มากๆ มันสองคนกับอีกหนึ่งเด็กสาวที่มีเรื่องราวเหมือนหนังรักสามเส้า เอ็มเอาชนะใจนุ่นในการแย่งชิงตำแหน่งคนรักของเธอได้ก่อน นุ่นกลายเป็นได้แค่เพื่อนสนิทของคนสองคนที่เป็นแฟนกัน มันรับมือกับเรื่องนี้ได้ดีจนเหมือนไม่เป็นอะไร จนวันที่มันเลือกไปเรียนต่อที่อเมริกา อีเมล์ฉบับแรกที่มันส่งมาถึงเขา เป็นคำสารภาพที่เหมือนระเบิดเวลาในใจมันทำงาน พีรพงษ์ยอมรับว่าเขาตกใจกับสิ่งที่รุ่นน้องเป็น มันคงทรมานกับการพยายามเป็นปกติในสิ่งที่พวกเขาเห็นตราบจนวันสุดท้าย

“ถ้าตอนนั้นคนที่ได้เป็นแฟนฝ้ายคือไอ้นุ่นก็ดีนะพี่ ผมว่ามันคงสามารถดูแลฝ้ายได้ดีกว่าผมเป็นไหนๆ”

พีรพงษ์ฟังคำของเอ็มแล้วคิดถึงน้องอีกคนคนนั้นขึ้นมาจับใจ นึกถึงความเจ็บปวดของการอยู่กับสิ่งที่รู้ว่าทิ่มแทงความรู้สึกตลอดเวลาของคนคนหนึ่งแล้ว มันทำให้ผมแทบอยากหลุดบางคำออกไป แต่เขารับปากกับคำขอร้องเรื่องหนึ่งเอาไว้ทำให้เขาเก็บความคิดนั้นกลับมา

“แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ล่ะวะ?” ผมถาม
“ไม่รู้ดิพี่ มันก็คงแปลกๆ ที่เห็นเพื่อนสนิทอยู่กับคนที่ตัวเองรัก”

ในความลับที่ชายหนุ่มรู้อยู่คนเดียว ทำให้เขานึกทึ่งที่นุ่นสามารถรับมือได้ เป็นเขาคงทำแบบมันไม่ได้แน่

พีรพงษ์พยายามจินตนาการภาพตาม โดยการแทนตัวเองเข้าไปในนั้น ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่ยอมอยู่แบบนั้นและคงหาทางหนีไปให้ไกลที่สุด แต่คำตอบของนุ่นที่เคยให้ไว้คือ

“ผมรักฝ้ายเค้าว่ะพี่ รักจนไม่อยากมีวันที่ไม่เห็นเค้าอีก ผมดีใจนะที่คนที่เป็นแฟนฝ้ายคือไอ้เอ็ม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีพื้นที่ให้ผมได้อยู่ ได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้”

ใช่--ถ้าไม่มีพื้นที่เหลือให้เราได้อยู่ในที่ที่อยากอยู่ มันคงทรมานพอกัน พีรพงษ์คิดเช่นนั้นแต่มันก็ไม่สามารถเป็นคำตอบที่ถูกหรือผิดว่าอย่างไหนจะดีกว่า เพราะที่เขามีคำตอบสำหรับตัวเองที่ได้รับคือเขาไม่เหลือที่ว่างข้างๆ เกมอีกแล้ว

“ป่ะพี่ กินเหล้ากันดีกว่า” ฝ่ายรุ่นน้องเอ่ยขึ้น
“เฮ้ย...เอาตอนนี้เลยเหรอ? นี่มันเพิ่งสี่โมงเย็นเองนะ” เขาท้วง
“เหอะน่าพี่ ตอนนี้หรือตอนดึกมันก็ลงท้ายที่เมาเหมือนกันอยู่ดีแหละ”
“เออๆ จริงของมึง” เขาเห็นด้วยพร้อมกับหัวเราะออกมา
....................

ร้านอาหารกึ่งผับติดถนนเลียบหาด ทั้งสองคนสั่งเหล้าชุดใหญ่มาบนโต๊ะ เสียงเพลงจากเครื่องเล่นดังเบาๆ เป็นการวอร์มเครื่อง ตอนนี้ทั้งร้านไม่มีคนเลย พีรพงษ์รินเหล้าใส่แก้วก่อนเทน้ำเปล่าตามจนมันสูงครึ่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็เติมโซดาลงไป

“อ้าวๆๆๆๆ จะแดกเพียวๆ เลยเหรอไอ้เอ็ม?” เขาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะดื่มเหล้าเปล่าๆ
“อย่างนี้สิอร่อย” มันบอก
“มึงรีบอย่างนี้เดี๋ยวก็เมาเร็วหรอก”
“ค่อยๆ ดิวะ คืนนี้แม่งยาวนะเว้ย” เขาพูด
“ก็ได้พี่”

เหล้าพร่องลงไปครึ่งขวดเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ผืนทะเลมองออกไปเริ่มมืดตัวลงอย่างรวดเร็ว แสงไฟแขวนบนเสาโยงเรือหาปลาส่องประกายระยับอยู่ไกลออกไป
เอ็มยกบุหรี่ขึ้นสูบ ชายหนุ่มก็ยกของตัวเองขึ้นสูบเช่นกัน บุหรี่ที่เอ็มเอามาให้เขารู้ทันทีที่เริ่มสูบว่ามันยัดไส้กัญชาไว้ แต่แม้จะรู้ว่ามันมีอะไรอยู่เขาก็ยังคงสูบต่อไป ด้วยความคิดแค่ว่าก็แค่วันนี้และคืนนี้ สิ่งนี้จะช่วยให้สมองโปร่งและทุกอย่างจะหายไป อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งคืน

ควันปลายบุหรี่ลอยอ้อยสร้อย พีรพงษ์ปล่อยสติลอยไปในสายควัน ฉับพลันมันก็ฟุ้งหายไปกับแรงพัดลมที่ตัวเครื่องหมุนส่ายกลับมา แต่ความนึกคิดของเขายังคงเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ

“ตกลงเอ็งจะบวชนานขนาดไหนวะ?” พีรพงษ์ถามเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ก็ไม่รู้ว่ะพี่ ตอนนี้มีเรื่องอยากทิ้ง กะว่าบวชๆ ให้สบายใจนิดนึงแหละ แต่ก็คงไม่นานนักหรอก จะรีบสึกเหมือนกัน”
“แม่งเพลงเพราะว่ะ” พีรพงษ์สบถ
“เพราะเหี้ยอะไรล่ะพี่ เศร้าชิบหาย” อีกฝ่ายเถียง
“ไม่รู้สิ เพราะเพราะกัญชาในนี้มั้ง?” เขาอ้างไปเรื่อย
“แม่งเพลงเพราะว่ะพี่” เอ็มพูดลอยๆ ขณะที่หมุนคอตามจังหวะเพลงไปด้วย
“เพลงแม่งฟุ้งๆดีเน๊อะพี่ เพราะชิบหายเลย”
“อ้าว... ไอ้เอ็ม อะไรของมึง เมื่อกี้มึงเพิ่งเถียงกูอยู่หยกๆ”
“อ้าวเหรอ? ฮ่าๆๆๆ”

พูดเสร็จต่างคนต่างก็หัวเราะเสียงดัง ถึงตอนที่เกือบไม่รู้สติกันแล้ว เหล้าในขวดที่สามก็หมดไปเกินกว่าครึ่ง ลูกค้าหลายโต๊ะเริ่มคุยกันเสียงดังราวกับจะแข่งกันว่าใครจะดังที่สุด

“พี่ว่าตอนนี้นุ่นเค้าจะมีความสุขอยู่หรือเปล่า?” เอ็มถามเศร้าๆ
“จะรู้ได้ไงวะ มึงก็ไม่โทรไปคุยกับเค้าล่ะ?” เขาเสนอ
“ถ้ามันทำได้ง่ายๆ ผมคงทำไปแล้วล่ะพี่”

ใช่สินะ—ก็ไม่ต่างจากเขาที่อยากได้ข่าวของเกมใจจะขาด แต่การหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่ยังจำได้ขึ้นใจก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง

“แล้วพี่ล่ะ เคยโทรไปหาพี่เกมไหม?”
“.........” ชายหนุ่มสายหน้า
“คงเหตุผลเดียวกันกับผมล่ะมั้ง? ผมว่าคงใช่” เอ็มอนุมาน
“ก็คงอย่างนั้น”
“เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ กินเหล้าส่งท้ายให้เมาไปข้างดีกว่า” พีรพงษ์เสนอ
“โอเช... จัดไปพี่ไนท์”



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2556, 01:16:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2556, 01:16:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 853





<< คืนฝนตกกับคนแปลกหน้า   เสียงฟ้ากับเสียงปืน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account