Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เสียงฟ้ากับเสียงปืน

เสียงฟ้าร้องดังขึ้นกลางดึก ไฟในร้านเปิดสว่างเพื่อให้พนักงานเก็บโต๊ะเก้าอี้ก่อนปิดร้าน มีเหล้าเหลืออยู่เกือบครึ่งของขวดที่สั่งมาในรอบที่สาม พีรพงษ์ตกลงกับคนเป็นน้องว่ายกให้เด็กเสิร์ฟมันไป

ชายสองคนออกมายืนที่ริมถนนหน้าร้าน ฟ้ายังคงคำรามอยู่ข้างบนพร้อมวี่แววว่าฝนคงตกลงมาในไม่ช้า

“ไปไหนต่อวะ?” เขาเริ่มตั้งคำถาม
“ไม่รู้สิพี่... ขับรถกลับเลยดีไหม?” อีกฝ่ายตั้งข้อเสนอ
“กลับตอนนี้เหรอวะไอ้เอ็ม? มึงจะขับไหวเหรอ?”
“กลับเหอะพี่ ขับช้าๆ หน่อยก็ได้” อีกฝ่ายรบเร้า
“แต่ว่าพี่ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหม? ผมอยากไปบอกฝ้ายเรื่องผมจะบวชว่ะพี่”
“โทร.ไปบอกฝ้ายเอาก็ได้นี่หว่า” พีรพงษ์ท้วง
“น่า...นะพี่ไนท์นะ”
“เออๆ”
.........................................

ชายหนุ่มรุ่นน้องขับรถไปเรื่อยๆ เพลงของนักร้องหนุ่มอเมริกันคนดังถูกเปิดจากแฮนดี้ไดร์ฟ เสียงนุ่มสวยของเขาดังตัดกับเสียงลมที่พัดสวนทางอยู่นอกหน้าต่าง เม็ดฝนน้อยๆ โปรยปรายลงมาเมื่อรถญี่ปุ่นของเอ็มขับเข้าเขตตัวเมืองเพชรบุรีพอดี กระจกด้านนอกถูกก้านปัดน้ำฝนกวาดกลับไปกลับมาด้วยจังหวะช้าแต่สม่ำเสมอ

“หากเวลาไม่ตอบคำถามในใจ
แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันเสียใจมากน้อยกว่าเธอหรือเปล่า?
หากว่าฟ้าที่มันมีแต่สีเทาไม่เปลี่ยนเป็นแสงทองสักครา
ฉันจะผ่านเวลาปวดร้าวนี้ได้ไหม?”

พีรพงษ์กดตัวอักษรเหล่านี้ลงบนแอพลิเคชั่นบันทึกที่อยู่ในมือถือ ชายหนุ่มเริ่มต้นเขียนอะไรมากมายไว้ตั้งแต่วันที่ “เกม” ไม่อยู่ นั่นคือสิ่งที่ไม่มีใครเคยรู้

“ทำไรอะพี่?” คนขับถามโดยไม่ได้หันมอง
“อ๋อ... พอดีนึกอะไรขึ้นมาได้เลยจดไว้หน่อย”
“พี่ว่าฝ้ายจะรู้สึกไงบ้าง ถ้าจู่ๆ คนที่เลิกกันแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่มาเจอหน้าแบบที่เรากำลังจะทำเนี่ย”
“อืม.... ก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ด้วยมั้ง”

กว่าที่จะเข้าเขตพุทธมณฑลฝนก็หยุดตกไปก่อนแล้ว ถนนเปียกชื้นฟุ้งละอองลอยขึ้นมาในอากาศด้วยแรงหมุนของล้อ รถญี่ปุ่นคันงามวิ่งขึ้นไปบนทางด่วนลอยฟ้าบรมราชชนนีเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว อาศัยเวลาไม่นานก็เลี้ยวลงตรงสะพานพระราม 8

แย่หน่อยที่เช้าวันอาทิตย์นี้มีกิจกรรมทางการเมืองบนถนนราชดำเนิน รถเลยติดกันเป็นแพยาว กว่าจะทะลุออกมาทางถนนสามเสนได้ก็ใช้เวลานานพอดู

เอ็มขับรถของเขามุ่งหน้าไปยังบ้านของอดีตแฟนสาว หมู่บ้านนั้นอยู่ข้ามฟากไปแถวติวานนท์ แสงแดดของยามเช้าจับขอบกระจกฝั่งคนขับ พีรพงษ์มองแสงแดดจับผิวตึกเปียกน้ำ มันสวยดีเหมือนกัน แต่ความรู้สึกสวยนั้นอยู่เพียงชั่วคราว ราวกับความสุขมีหน้าที่วิ่งหนีไปจากชีวิตของเขา

ในขณะที่คิดว่าน้องชายกำลังจะได้เจอคนที่มันเคยรักอีกครั้ง เขากลับคาดหวังว่ามันจะพลาดโอกาสนี้ เขากับหวังว่าฝ้ายจะไม่อยู่บ้าน เขาหวังว่ามันต้องมีเหตุให้ไม่เกิดขึ้น นี่คงเป็นเพราะเขาอิจฉารุ่นน้องคนนี้ใช่ไหม?

“พี่ไนท์...สัญญาก่อนนะว่าถ้าผมเปลี่ยนใจขึ้นมา พี่จะต้องช่วยให้ผมไปต่อให้ได้”
“มันจะดีเหรอวะ” เขาลังเลใจ
“ดีสิวะพี่”
“เออๆ ช่วยก็ช่วย” เขาบอก

โชคร้ายที่ฝ้ายอยู่ที่บ้าน เอ็มลงไปกดกริ่งที่หน้าบ้านเหมือนเป็นเรื่องปกติ พีรพงษ์ยืนเยื้องมาด้านหลังน้องนิดหน่อยพอเห็นเด็กสาวออกมาเขาก็ถอยหลังมารออยู่ห่างๆ กะว่าห่างพอที่สองคนจะได้คุยกันตามลำพัง

ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบทั้งที่ลืมไปแล้วว่าตัวเองเลิกสูบมาพักใหญ่ หันไปมองเห็นทั้งคู่ยังคงคุยกันอยู่ เขาเลยเดินหลบไปหาร้านค้า ในอารมณ์แบบนี้จู่ๆ เขาก็อยากสูบบุหรี่ขึ้นมาใจจะขาด

ร้านค้าอยู่ไกลนัก เดินไปสักสามสิบเมตรเท่านั้นเอง แต่ยังไม่ทันจะถึง

“ปัง!!”

เสียงดังลั่นเกิดขึ้นทางเบื้องหลัง พีรพงษ์หันขวับกลับไปมอง เขาเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องเปิดประตูและพุ่งเข้าไปในรถ เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทอย่างรีบเร่ง ชายหนุ่มวิ่งกลับไปที่บ้านของเด็กสาวเร็วเท่าที่ใจคิด เสียงกรีดร้องดังออกมาจากในบ้าน เขาเหลือบมองเอ็มที่เหยียบคันเร่งอย่างแรงพารถวิ่งสวนทางเขาไป

พีรพงษ์ถึงประตูบ้านแล้ว ภาพของฝ้ายที่ล้มอยู่ตรงหน้า ใต้ตัวเด็กสาวมีเลือดไหลนอง มันค่อยๆ แผ่ลามไปบนพื้น ใจของเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขณะที่คนในบ้านถลาออกมา

“ฝ้ายๆ” พีรพงษ์พุ่งเข้าไปจับตัวน้องพลิกขึ้นมา ภาวนาในใจว่าเด็กสาวต้องโชคดี
“กรี๊ดดดดดด” น่าจะเป็นเสียงคนเป็นแม่ดังขึ้น
“ฝ้าย... เฮ้ย! อย่าเป็นอะไรไปนะ” เขาส่งเสียงและเขย่าตัวร่างบางในวงแขนแรงๆ
“อืออออออ โอ๊ยยยย เจ็บๆ ฝ้ายเจ็บ!” เสียงเด็กสาวครางด้วยความเจ็บปวด
“น้าแป้งๆ... ไอ้ฝ้ายยังอยู่ รีบพาส่งโรงพยาบาลเร็ว”

ชายหนุ่มร้องบอกผู้เป็นแม่ของเด็กสาวในอ้อมกอด ก่อนหันไปบอกชายสูงวัยคนหนึ่งที่ยืนล้อมอยู่ใกล้ๆ ให้ช่วยเอารถออก พร้อมกับอุ้มร่างเด็กสาวขึ้นอย่างเร็ว คนที่รุมเข้ามาดูแน่นหนาบ้านรีบแหวกทางให้ทันที

“ลุงเอมๆ ช่วยฉันหน่อย พาไอ้ฝ้ายไปโรงบาลหน่อย” เสียงแม่ฝ้ายตะโกนขอความช่วยเหลือดังคู่ไปกับเสียงร้องไห้ ชายสูงอายุที่ชื่อเอมรีบแหวกคนที่ยืนล้อมอยู่ในทันที
“เออๆๆ ไอ้หนุ่ม ทางนี้ๆ” พีรพงษ์รีบพุ่งตามไป เลือดจากอกของเด็กสาวเริ่มนองเปื้อนมาบนอกเสื้อของเขา แผลบเดียวมันก็ชุ่ม
“เร็วหน่อยลุง ไอ้ฝ้ายเสียเลือดเยอะแล้ว” ชายหนุ่มเร่งเร้าพร้อมวิ่งตามไป ขณะที่เด็กสาวหมดสติไปอีกรอบเพราะความเจ็บปวด
...................

การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี เด็กสาวยังไม่โชคร้ายเกินไป กระสุนนั้นกระทบกระดูกไหปลาร้าจนแตกละเอียด โชคดีกระสุนไม่ฝังในเพราะมันทะลุออกไปด้านหลัง ถึงอย่างนั้นฝ้ายก็จำเป็นต้องเข้าห้องไอซียูดูอาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหมอเกรงว่าการที่เด็กสาวหมดสติไปถึงสองครั้งสองคราอาจจะมีผลต่อการระบบความจำได้

พีรพงษ์นั่งลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด น้าแป้ง—แม่ของฝ้ายนั่งร้องไห้อยู่ไม่ห่างโดยมีญาติและเพื่อนบ้านรุมล้อมอยู่เป็นเพื่อน

ความไม่เข้าใจวิ่งเข้ามาครอบงำความนึกคิดของชายหนุ่ม เกิดเป็นคำถามว่าทำไม ทำไม ทำไม ชั่วเวลาแค่นิดเดียวตรงนั้นมีอะไรเกิดขึ้นที่เขาไม่รู้ หรือว่าระหว่างสองคนนั้นมีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ เช่นเดียวกับความรู้สึกมีส่วนร่วมในความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น พีรพงษ์นึกโทษตัวเอง เขาอยู่ตรงนั้น เขาอยู่ในเหตุการณ์นั่น ถ้าเพียงแต่เขาไม่เดินออกมาเพียงเพราะอยากจะมาซื้อสูบบุหรี่ ถ้าเพียงแต่เขาจะอยู่กับทั้งคู่อีกแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นเอง

เกือบครึ่งชั่วโมงที่พีรพงษ์นั่งอยู่ตรงนั้น เลือดของเด็กสาวแห้งเลอะอยู่บนเสื้อของเขา จวบจนหมอกับนางพยาบาลเดินผ่านมาหลายรอบแล้วยังเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้น ถึงได้แนะนำให้เขากลับไปพักผ่อนจะดีกว่า
....................

หมายเลขโทรศัพท์ของเอ็มที่พีรพงษ์โทรหาครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่พาฝ้ายมาส่งที่โรงพยาบาลไม่เคยมีสัญญาณตอบรับ พีรพงษ์คิดว่าเครื่องคงถูกปิดไว้ นั่นทำให้เขาสบถอย่างหัวเสีย

ตอนออกจากโรงพยาบาลเขาพยายามโทรศัพท์หาอีกหลายรอบ เครื่องก็ยังไม่ถูกเปิด

บนรถแท็กซี่กลับห้องพัก ชายหนุ่มนั่งเงียบพิงเบาะหลัง คนขับเอ่ยปากถามเพราะเห็นเสื้อเปื้อนเลือดแต่เขาไม่ตอบ ขณะที่อีกฝ่ายลองเอ่ยปากคุยอีกหลายคำถามก่อนจะหยุดถามไปเองเมื่อเห็นว่าผู้โดยสารคนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์จะคุยด้วย

สัญญาณโทรศํพท์ดัง พีรพงษ์รีบคว้าโทรศัพท์มารับสาย ใจหวังว่าจะมีข่าวของน้องชายคนก่อเหตุบ้าง แต่ใครจะไปนึกถึงข่าวร้ายที่จะได้ยิน

“พี่ไนท์ ไอ้เอ็มมันยิงตัวตายแล้วพี่”

ข่าวสุดท้ายที่ได้ยินแทบทำลายสติสัมปชัญญะของชายหนุ่มจนสิ้น โทรศัพท์แนบหูไม่มีข้อความจากปลายสายดังเข้าไปถึงสมองอีกเลย พอคืนสติกลับมาได้เขาโทรศัพท์กลับไปถามเรื่องราวจนได้รู้ว่าเอ็มขับรถหนีไปถึงบางปู มันเลี้ยวเข้าไปในเขตสถานพักตากอากาศบางปู จอดรถตรงมุมลานที่ไกลผู้คน และยิงตัวตายด้วยปืนกระบอกนั้นโดยไม่มีคำสั่งเสียอะไรกับใครไว้เลย เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเป็นคนไปพบศพเพราะได้ยินเสียงเหมือนประทัดดังปังหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาชันสูตรศพของเอ็ม ก่อนส่งไปเก็บที่โรงพยาบาลเพื่อตามหาญาติ แล้วข่าวการตายของเอ็มก็ค่อยๆ ส่งต่อผ่านคนรู้จักและเพื่อนๆ จนมาถึงเขา

วันรุ่งขึ้นศพของเอ็มถูกนำออกจากโรงพยาบาลมาที่วัดเพื่อจัดงานอย่างเงียบๆ



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2556, 01:23:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2556, 01:23:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 878





<< เสียงคลื่นกับควันบุหรี่   งานศพกับมื้อค่ำ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account