รอยรักยมทูต
เขาคือเทพแห่งความตายแสนเย็นชา
ส่วนเธอคือวิญญาณดวงน้อยไร้กายา
แต่โชคชะตากลับดลสองดวงใจให้พบกัน
ท่ามกลางอนธการปาฏิหาริย์แห่งรักนิรันดร์จะเริ่มต้นขึ้น

Tags: รอยนิรันดร์ นิรันดร์แห่งรัก ดุจดั่งดวงใจ หทัยแห่งสุริยัน ตราบนิรันดร์คือเธอ ธานาทอส เฮเดส พริมา ขวัญชีวา

ตอน: บทที่ 4/1 อดีตที่เคยลืมเลือน

บทที่4

“ทำไมถึงตัดสินใจเลือกข้าแทนธานาทอสล่ะ” เทพแห่งการหลับใหลถามขวัญชีวา ขณะกำลังพาเธอข้ามผ่านอนธการขึ้นสู่โลกมนุษย์เบื้องบน

“คุณใจดี คุยด้วยแล้วสบายใจ”

ฮิปนอสเหลือบสายตามองผู้ติดตามทางด้านหลังด้วยแววตาคล้ายกำลังชั่งใจอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่หนทางเบื้องหน้าซึ่งเริ่มปรากฏแสงสีของบ้านเรือนทำให้เขาเก็บคำถามที่เหลือไว้ พาเธอมุ่งสู่ตัวเมืองอันคลาคล่ำด้วยผู้คน

แสงเรืองรองสีทองเข้มสุกปลั่งสาดไปทั่วพื้นถนนและบรรดาตึกรามบ้านช่อง เกือบย่างเข้าสู่สนธยากว่าขวัญชีวาจะหาทางกลับบ้านตนเองพบ ยามนี้เธอและเทพแห่งการหลับใหลกำลังยืนอยู่หน้าตึกแถวสูงสี่ชั้นแห่งหนึ่งภายในซอยตันของเมืองใหญ่ ห่างจากถนนหลักมาไม่ไกล

“ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ” เทพบุตรหนุ่มถามวิญญาณสาวซึ่งกำลังยืนมองประตูรั้วเหล็กสีฟ้าอ่อนอยู่ด้วยแววตาคลอหยาดน้ำตา

“ค่ะ ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็เกิดและอาศัยอยู่ที่นี่ตลอด”

เพียงไม่นาน สองร่างก็ก้าวผ่านประตูรั้วเหล็กเข้าสู่ตัวบ้าน ทั่วทุกอย่างภายในบ้านไม่แตกต่างจากความทรงจำสุดท้าย ขวัญชีวายังจำห้องรับแขกที่เคยนั่งเล่น พูดคุยกันได้ แต่ในยามเย็นของวันนี้ห้องรับแขกบริเวณชั้นสองของตึกกลับเงียบสงัด ไม่มีเสียงหัวเราะ พูดคุย หรือแม้แต่เสียงโทรทัศน์แว่วผ่านให้ได้ยิน

วิญญาณสาวลอยนำฮิปนอสขึ้นสู่ชั้นบนของบ้าน จนหยุดลงยังบริเวณชั้นสี่ของตัวตึก ตรงนั้นมีประตูไม้สองบานตั้งเฉียงห่างกันทำมุมเก้าสิบองศา กึ่งกลางบานประตูห้องทั้งสองมีป้ายตัวอักษรดินเผาเป็นรูปตุ๊กตาผู้หญิงเขียนข้อความบอกชื่อเจ้าของห้องไว้ ปานชีวัน ขวัญชีวา ชื่อสองพี่น้องของบ้านหลังนี้

หัวใจดวงน้อยกระตุกเล็กๆยามอ่านทวนป้ายชื่อทั้งสอง จริงสินะ บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่รวมกันแค่สามคนเสียหน่อย เหตุใดเธอจึงลืมพี่สาวตนเองได้

“นี่ห้องฉันค่ะ ส่วนนั่น ห้องของพี่สาว” ขวัญชีวาบอกขณะเลื่อนปลายนิ้วไปยังบานประตูซึ่งมีชื่อ ‘ปานชีวัน’ แขวนอยู่

ความทรงจำที่ผุดพรายเกี่ยวกับครอบครัวดูจะไม่ค่อยมีเรื่องราวของปานชีวันนัก แต่ไม่รู้ทำไมในความรับรู้ของเธอก็ยังย้ำชัดว่าตนเองมีพี่สาว

“จะไม่เข้าไปดูหน่อยรึ” ฮิปนอสกระตุ้นเตือน เมื่อเห็นดวงวิญาณสาวเอาแต่จ้องมองบานประตูทั้งสองบานโดยไม่ขยับกาย

“ในห้องฉันไม่น่าหลงเหลืออะไรมั้ง พ่อกับแม่น่าจะเก็บข้าวของของฉันหมดแล้ว”

“เข้าไปเถอะ เมื่อเจ้าตัดสินใจก้าวขึ้นสู่โลกมนุษย์ เจ้าก็ควรยอมรับความจริงเสีย” เทพแห่งการหลับใหลแปลท่าทีลังเลของวิญญาณสาวไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งขวัญชีวาเองก็ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดนั้น ยอมพยักหน้ารับ ก่อนจะลอยผ่าน ทะลุบานประตูเข้าสู่ด้านใน

แสงยามย่ำสนธยาส่องผ่านบานหน้าต่างซึ่งไม่ได้ถูกผ้าม่านบดบัง ทำให้ภายในห้องนอนกว้างถูกอาบด้วยแสงยามเย็นของอาทิตย์อัสดง ขวัญชีวากวาดสายตามองรอบห้อง ทุกสิ่งอย่างภายในห้องนอนของเธอยังถูกจัดวางไว้ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดขยับเขยื้อนหายจากวันสุดท้ายของการมีชีวิตอยู่เลย

ขวัญชีวาสืบเท้าเข้าใกล้โต๊ะทำงานสีขาว กระเป๋าสะพายของเธอยังวางเด่นอยู่บนโต๊ะ ณ ที่ประจำเดิมซึ่งเธอชอบวางข้าวของส่วนตัวไว้ ในขณะกำลังสำรวจรอบกาย จู่ๆเสียงบานประตูไม้ทางด้านหลังก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแสงไฟนีออนบนเพดานสว่างขึ้น หญิงสาวหันหลังกลับมองคนทางด้านหลัง หัวใจกระตุกวาบเมื่อเห็นสองร่างเดินเข้ามาภายในห้องนอน

“พ่อจ๋า แม่จ๋า”

ร่างของวิญญาณสาวถลาหาผู้เป็นบุพการีทันที ทว่าสิ่งที่สองมือสัมผัสได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า เธอลอยทะลุผ่านบุคคลทั้งสองโดยไม่อาจไขว่คว้าสิ่งใด

อีกครั้ง หัวใจดวงน้อยถูกกระตุกจนมันเสียวแปลบอยู่ภายใน ขวัญชีวาก้มหน้าลงมองมืออันว่างเปล่าและร่างไร้กายาของตน

“ลืมหรือไรว่าเจ้าตายแล้ว” ฮิปนอสเอ่ยปากเตือนยามเห็นท่าทีสับสนปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวย

นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ขวัญชีวาตระหนักถึงความไม่มีตัวตนของเธอชัดเจน ตลอดมาการใช้ชีวิตอยู่ในยมโลกกับสองเทพนักรบ ทำให้เธอยังไม่ค่อยรู้แน่ชัดนักถึงสถานภาพตัวเอง

“ฉันตายแล้วจริงๆเหรอเนี่ย” หญิงสาวครางคล้ายยังไม่อาจรับความจริงตรงหน้า

“อย่าเสียใจ เจ้าขึ้นมาบนโลกเพราะความอยากรู้ว่าบิดามารดาอยู่สุขสบายดีไหมมิใช่หรือ” ฮิปนอสพยักพเยิดไปยังร่างของมนุษย์ชายหญิงวัยกลางคนซึ่งหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานสีขาว

ฝ่ายหญิงซึ่งมีดวงหน้าละม้ายคล้ายกับขวัญชีวากำลังยกมือขึ้นลูบโต๊ะทำงานของเธอด้วยดวงตาคลอหยาดน้ำ

“ยายขวัญ เมื่อไรหนูจะกลับมาหาแม่เสียที”

ทั้งเทพบุตรหนุ่มและดวงวิญญาณสาวต่างหันมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง

“ไหนคุณบอกว่าฉันตายแล้วนี่คะ ทำไมแม่ถึงคิดว่าฉันจะกลับมาหาล่ะ”

“ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” ฮิปนอสนึกสงสัย

แต่ขณะที่ยังไม่มีใครหาคำตอบพบ เสียงของไชยภพผู้เป็นบิดาก็ดังขึ้นปลอบใจคนเป็นภรรยา

“อย่าร้องไห้เลยน่าคุณ ยายขวัญไม่เป็นอะไรหรอก เราต้องตามหาตัวแกพบแน่” สุ้มเสียงนั้นเหมือนพยายามจะปลอบโยน แต่หางเสียงของผู้พูดสั่นไหว จับได้ถึงความไม่มั่นใจในคำพูดตน

“นี่มันสามเดือนแล้วนะ ถ้าแกไม่เป็นอะไร ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลย ยายขวัญเป็นเด็กดี ไม่มีทางจะหายตัวออกจากบ้านโดยไม่บอกกล่าวและไม่ติดต่อกลับ”

ขวัญชีวามองสีหน้าทุกข์ใจของผู้เป็นแม่แล้วจุกในอก เธออยากจะร่ำร้องบอกหนักหนาว่าตนเองยืนอยู่ตรงนี้ แต่วิญญาณสาวรู้ดี ต่อให้ร้องตะโกนเสียงดังเท่าไร ก็ไม่มีใครได้ยินคำพูดของเธอ ในเมื่อร่างกายของเธอยามนี้เป็นเพียงสิ่งไร้ตัวตน



ลำแสงสีทองอ่อนของตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า ร่างโปร่งแสงหนึ่งยังนั่งเด่นอยู่บนดาดฟ้าตึกของอาคารสี่ชั้นซึ่งเคยเป็นบ้านของตนเอง

“เจ้าพบหน้าบิดามารดาแล้ว ยังมีสิ่งใดไม่สบายใจอีก”

เจ้าของร่างสูงกำยำทรุดกายลงนั่งเคียงข้างเธอ ยามนี้ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มอับแสง เมื่อนิกซ์ เทพีแห่งราตรีผู้เป็นมารดาของเขากำลังกวาดต้อนแสงสว่างเลือนหายจากท้องนภา อีกไม่นานเทพแห่งการหลับใหลเช่นเขาก็ต้องออกทำงานเพื่อกล่อมเหล่ามนุษย์ให้จมสู่ห้วงนิทรา

“ใครจะสบายใจได้ล่ะ เห็นหน้าพ่อแม่เป็นทุกข์ขนาดนั้น”

“แล้วเจ้าปรารถนาจะทำการใดต่อ”

“ฉันยังไม่รู้เลย” ขวัญชีวาถอนหายใจ “ทำไมจนกระทั่งป่านนี้ถึงไม่มีใครรู้ว่าฉันตายล่ะ”

“บางทีอาจจะยังไม่มีใครพบศพเจ้ากระมัง” ฮิปนอสคาดการณ์

“ทำไม” เธอถามซ้ำอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเต็มไปด้วยคำถามมากมายไร้ซึ่งคำตอบ

“คงเพราะเจ้าถูกฆ่าตายกระมัง ผู้ที่ทำร้ายเจ้าคงไม่ปล่อยให้ผู้ใดพบศพง่ายๆหรอก”

ใบหน้าของวิญญาณสาวสลดลงชัดเจนกับคำตอบที่ได้ฟัง นั่นสิ เธอตายแล้ว แถมยังถูกฆ่าด้วยมือของใครก็สุดรู้ เธอจะทำอย่างไรดีถึงตามหาตัวฆาตรกรได้เล่า

“ฮิปนอสคะ มันพอจะมีวิธีจะช่วยฉันตามหาตัวฆาตกรและศพของตนเองบ้างไหม”

เทพแห่งการหลับใหลจ้องหน้าวิญญาณสาวตรงหน้าอึดใจใหญ่

“วิธีน่ะมีอยู่ แต่ข้าคงต้องถามคำถามเดิมเหมือนที่องค์ราชันตรัสถามเจ้า จะไม่เสียใจใช่ไหมเมื่อบางครั้งความจริงอาจทำให้เจ็บปวด” เขาถามเธอซ้ำอีกครั้ง

“ฉันตอบไม่ได้หรอกค่ะว่าจะเสียใจหรือไม่ถ้ารู้ความจริง แต่ฉันมั่นใจ ฉันจะไม่เสียใจเมื่อตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว”

ฮิปนอสยิ้มกับคำตอบของเธอ ฝ่ามือบางวางลงบนศีรษะทุยสวย ก่อนจะโยกไปมาด้วยความเอ็นดู

“เก่ง” เขาชมเธอจากใจจริง “ถึงข้าจะรู้จักเจ้าไม่นาน แต่ข้ามั่นใจว่าหัวใจเจ้าเข้มแข็งพอจะเผชิญหน้ากับทุกความจริง”

“แปลว่าคุณจะช่วยฉันตามหาฆาตกรใช่ไหมคะ”

“เปล่าเลย แต่เป็นเจ้าเองต่างหากต้องออกค้นหาปริศนาของเรื่องราวนี้”

“ฉันเนี่ยนะคะ วิญญาณอย่างฉันจะค้นหาความจริงได้ยังไง” เธอถามอย่างฉงน

“จริงอยู่ที่สภาพวิญญาณคงสร้างความลำบากแก่เจ้าไม่น้อย ดังนั้นก่อนขึ้นมาโลกมนุษย์ เทพเฮเดสจึงประทานพรให้เจ้าข้อหนึ่ง”

ขาดคำ ฮิปนอสก็แบฝ่ามือข้างหนึ่งออก สิ่งที่ปรากฏอยู่กลางมือหนาคือดวงไฟขนาดเท่ากำปั้น มีลักษณะคล้ายลูกแก้ว ส่องแสงแวววับ

“มันคืออะไรคะ” ขวัญชีวาจ้องลูกแก้วไฟสีสวยด้วยความสนใจ

“พรจากฝ่าบาท พระองค์ทรงฝากข้าไว้ก่อนพาเจ้าขึ้นมา สิ่งนี้จะทำให้เจ้ามีร่างจำแลงดั่งมนุษย์”

“คะ? คุณจะให้ชีวิตใหม่แก่ฉันหรือ”

“ไม่ใช่” เขารีบแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอทันที “สิ่งที่เทพเฮเดสประทานให้เจ้าคือร่างกายอันเกิดจากมนตรา เจ้าจะกลับมามีร่าง มีความรู้สึกอีกครั้ง แต่นั่นหาใช่ชีวิตแท้จริง และเจ้าจะมีวันเวลาอยู่บนโลกในร่างนี้เพียงแค่เจ็ดวัน ต่อจากนั้นหากเจ้ายังไม่สามารถตามหาฆาตกรหรือศพตนเองพบ ข้าจะพาวิญญาณเจ้ากลับสู่ยมโลกตามเดิม”

คำตอบของฮิปนอสแม้จะไม่ช่วยให้เธอยินดีมากเหมือนตอนฟังครั้งแรก แต่เธอก็รู้ว่านั่นคือพระเมตตาที่ใช่วิญญาณทุกดวงจะได้รับ



รัตติกาลบนโลกมนุษย์ข้ามผ่านกว่าครึ่งราตรีแล้ว ตอนเทพแห่งการหลับใหลจัดการกับภารกิจของตนเสร็จ แรกทีเดียวเขาตั้งใจจะกลับไปหาขวัญชีวาด้วยความเป็นห่วง กายาใหม่อาจสร้างความไม่คุ้นชินแก่หญิงสาว เมื่อเธอตกอยู่ในสภาพร่างไร้กายามายาวนาน

ร่างกำยำของเทพบุตรหนุ่มในอาภรณ์สีเฉดเดียวกับบรรยากาศทะมึนโดยรอบทิ้งตัวผ่านหมู่เมฆาลงสู่บ้านเรือนเบื้องล่าง ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็มาหยุดลงหน้าตึกแถวหนึ่งซึ่งเคยเป็นตึกร้างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ด้วยอำนาจมนตรา นอกจากกายจำแลงอันเป็นพรจากราชันแห่งยมโลกแล้ว ฮิปนอสยังเสกบ้านหลังใหม่ให้เธอโดยดัดแปลงตึกร้างฝั่งตรงข้ามเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวแก่ขวัญชีวา เทพแห่งการหลับใหลร่อนกายลงมายังหน้าต่างบานหนึ่งของตัวตึก และเมื่อชะโงกหน้าเข้าไปจึงเห็นหญิงสาวนางหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องจอโทรทัศน์เบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย

ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววโศกเศร้าชัดเจนกว่าครั้งไหน จนฮิปนอสเองแทบอยากจะแล่นไปปลอบโยนเธอ ทว่าเพียงแค่ปลายเท้าแตะลงบนพื้นห้อง ความคิดหนึ่งก็วาบผ่าน

บางที นี่อาจถึงเวลาพิสูจน์อะไรบางอย่างก็เป็นได้

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดบนดวงหน้าคมคาย เทพแห่งการหลับใหลตัดสินใจหันหลังกลับ มุ่งหน้าออกจากเมืองเพื่อดำดิ่งลงสู่โลกแห่งความตาย…จุดหมายใหม่ที่เขาต้องการพิสูจน์หัวใจบางดวง

ดังนั้นในยามกลับมาถึงปราสาทสีดำ ฮิปนอสไม่เสียเวลาคิดสักนิด รีบพาตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของเทพบางองค์

“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ แล้วแม่หนูน้อยล่ะ”

ไม่ผิดจากการคาดการณ์ สีหน้าและแววตาร้อนรนของแฝดคู่หูจุดรอยยิ้มยียวนขึ้นบนดวงหน้าของผู้เพิ่งกลับมาถึง

“ก็อยู่บนโลกข้างบนสิ นางอยากตามหาศพตัวเองกับฆาตกรที่ฆ่านางให้พบ”

“หมายความอย่างไร” สุ้มเสียงของธานาทอสต่ำลงชัดเจน นัยน์ตาคมหรี่เล็ก มองอีกฝ่ายด้วยแววกรุ่นโกรธ

ฮิปนอสเล่าเรื่องราวเมื่อตอนขวัญชีวาได้พบหน้าบุพการีทั้งสองให้ธานาทอสฟัง ก่อนสำทับต่อตอนท้ายด้วยประโยคที่ทำเอาหัวใจของผู้ฟังร้อนรนดั่งมีไฟแผดเผา

“ข้ามอบพรของฝ่าบาทพร้อมที่พำนักแก่นางแล้ว นางจะมีเวลาเจ็ดวันในร่างจำแลงเพื่อทำทุกเรื่องราวค้างคาใจให้เสร็จ”

“แล้วเจ้ากลับลงมาทำไม เหตุใดจึงไม่อยู่เป็นเพื่อนนาง เกิดนางในร่างใหม่พบตัวฆาตกรแล้วถูกฆ่าตายอีกเล่า”

ฮิปนอสหัวเราะเบาๆกับจินตนาการแสนร้อนรนของแฝดคู่หู มือข้างหนึ่งตบลงบนบ่าของเทพแห่งความตาย

“นางอาจตายลงอีกครั้ง แต่มันจะเป็นอะไรไป อย่างไรนางก็ตายแล้ว”

สีหน้าบูดบึ้งถมึงทึงลงชัดเจนยามได้ยินคำตอบไม่ชวนระรื่นหู ธานาทอสปัดมือที่วางอยู่บนบ่าเขาออก

“หากเจ้าไม่ห่วงนางก็ให้ข้าดูแลแทน ข้าจะทูลเรื่องนี้กับองค์ราชันเอง” เทพแห่งความตายกล่าวด้วยสีหน้าค่อนข้างดุดัน

เขาเตรียมจะก้าวเท้าออกตามหาเทพเฮเดสอยู่แล้ว ในจังหวะเดียวกับที่ราชันแห่งยมโลกเสด็จมาถึงพร้อมพริมา

“มีอะไรกันหรือฮิปนอส ธานาทอส ทะเลาะกันเสียงดังจนถึงห้องข้า” เทพเฮเดสรับสั่งถามด้วยความแปลกพระทัย เพราะแต่ไหนแต่ไรฝาแฝดคู่นี้แทบจะมีเรื่องผิดใจกันนับครั้งได้

“ขออภัยพระเจ้าค่ะ แต่กระหม่อมกำลังมีเรื่องจะทูลขอฝ่าบาทอยู่พอดี กระหม่อมจะขอรับหน้าที่ขึ้นไปดูแลขวัญชีวาแทนฮิปนอสพระเจ้าค่ะ”

“อ้าว ทำไมกัน” พริมามองหน้าเทพแห่งความตายอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกพระเจ้าค่ะ ก็แค่พวกกระหม่อมความเห็นไม่ตรงกัน ธานาทอสค่อนข้างห่วงแม่หนูน้อยมากก็เท่านั้น ทั้งๆที่ทรงมีรับสั่งแค่ให้ขึ้นไปส่งนางเฉยๆ นางไม่ใช่เด็กจะได้ต้องนั่งเฝ้าตลอดวันตลอดคืน” ท้ายประโยค ผู้พูดเหร่ตามองฝาแฝดด้วยดวงตาพราวระยับ

“เอาละ ตามใจธานาทอสเขาเถอะ จะทำอะไรก็ทำไป” เทพเฮเดสตรัสอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญใด

เพียงเท่านั้น ธานาทอสก็รีบโค้งศีรษะรับ เร่งรุดออกจากปราสาทสีดำท่ามกลางสายตาวิบวับมองตามหลังคล้ายกำลังสะใจ ซึ่งนั่นไม่อาจพ้นจากความช่างสังเกตของพริมาได้

“ฮิปนอส นี่คุณคงไม่ได้อยากยั่วโมโหธานาทอสเฉยๆหรอกใช่ไหม”

เทพแห่งการหลับใหลหัวเราะร่ากับน้ำเสียงหวานของคนพยายามจะเค้นเสียงดุ

“ยอมรับว่ากระหม่อมอยากยั่วเขาจริงๆพระเจ้าค่ะ ธานาทอสดูท่าทางจะยั่วขึ้นเสียด้วยสิสำหรับแม่หนูนางนี้” ฮิปนอสรับสารภาพ

“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าฝาแฝดของเจ้าหลงรักนางงั้นรึ” เทพเฮเดสตรัสถาม สีพระพักตร์ฉายชัดถึงความแปลกพระทัย

“จะหลงรักรึเปล่ากระหม่อมไม่แน่ใจพระเจ้าค่ะ รู้แต่ว่าสำหรับธานาทอสแล้ว นางดูพิเศษกว่าสาวไหน เพราะแต่ไหนแต่ไร ฝาแฝดของกระหม่อมไม่เคยแสดงท่าทีห่วงใยผู้ใดมากถึงเกรี้ยวกราด อยากจะฆ่ากระหม่อมขนาดนี้” เทพบุตรหนุ่มทูล ยังขำไม่หยุดยามนึกถึงสีหน้าของผู้เป็นฝาแฝด

“พริ้งว่า คนร้ายกาจที่สุดในเรื่องนี้คือคุณนะฮิปนอส” พริมาส่ายหน้ายิ้มๆ เห็นอีกฝ่ายยอมรับอย่างหน้าชื่น

“ก็ถ้าต้องรอเทพแสนเย็นชาอย่างธานาทอสขยับตัวทำอะไรเพื่อหัวใจ กระหม่อมว่าอีกสักแสนปีคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เทพแห่งการหลับใหลซึ่งผันตัวเองกลายเป็นกามเทพให้เหตุผลในการกระทำของตนเอง






ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2556, 11:15:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2556, 11:15:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 3026





<< บทที่ 3/2 หัวใจสีเทา   บทที่ 4/2 อดีตที่เคยลืมเลือน >>
ริญจน์ธร 14 มิ.ย. 2556, 11:25:46 น.
ตอบคอมเม้นค่า
คุณ คิมหันตุ์ ตอนนี้เล่นตัวมากไม่ได้แล้วค่ะ เดี๋ยวไม่ได้เจอหนูขวัญ

คุณ nako โดนงอนแล้วก็ต้องตามไปง้อเนอะ

คุณ หมูอ้วน ฮ่า มีคนสงสารตาลุงด้วย^^ แต่งานนี้ตาลุงผิด เพราะงั้นต้องเป็นฝ่ายตามหนูขวัญขึ้นไปเนอะ

คุณ omelate ตาลุงโดนยั่วอีกรอบ คราวนี้เลยไม่กั๊กแล้วค่า

คุณ lovemuay หาทางได้แล้วเนอะ โดยมีฮิปนอสช่วย เพราะไม่งั้นอีกกี่นานตาลุงของเราก็คงไม่รู้ตัว

คุณ Zephyr 555 คราวนี้ธานาทอสต้องเป็นฝ่ายตามขึ้นไปแล้วค่ะ แต่จะง้อหนูขวัญได้รึเปล่านี่สิ

คุณ kohin โดนงอนแล้ว เพราะงั้นต้องรีบตามง้อเนอะ


หมูอ้วน 14 มิ.ย. 2556, 12:12:26 น.
เทพแห่งการหลับใหลน่ารักจังเลยค่ะ หาคู่ให้สักคนนะค่ะ


nako 14 มิ.ย. 2556, 12:59:54 น.
เป็นห่วงหนูขวัญละซิ ธานาทอส อิอิ


konhin 14 มิ.ย. 2556, 20:09:48 น.
ฮา เค้าไม่เลือกก็ยังไปหาอยู่ดี หึๆ


lovemuay 14 มิ.ย. 2556, 21:09:23 น.
โชคดีของพระเอกเรานะเนี่ย ที่ได้ฝาแฝดดี อิอิ


Zephyr 14 มิ.ย. 2556, 22:51:37 น.
ลุงนี่ ความรู้สึกช้านะ
ได้เวลาทำคะแนนแล้วค่ะลุงขาาาาา
ลุงฮิปอุตส่าห์กรุยทางให้แล้ว ลุงธอสอย่าทำเจ๊งนะ


goldensun 14 มิ.ย. 2556, 23:22:03 น.
ได้โอกาสแล้ว อย่ามัวแต่เก๊กดุจนขวัญเข้าใจผิดอีกล่ะ
ว่าแต่ชีวิตขวัญ จะลึกลับไปถึงไหน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account