ทะเลรัก สีเพลิง
ความเจ็บปวดในอดีต ทำให้เขากลับมาทวงคืนเอากับเธออย่างสาสม ทว่าเมื่อได้อยู่ใกล้กัน หัวใจเขากลับยังไหวหวั่นอยู่เช่นเดิม...แล้วเขาจะทำเช่นไร เมื่อมั่นใจว่ายัง 'รัก' อยู่ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเกลียดเขาเสียเอง...^^


Tags: Romance ^O^

ตอน: บทที่ 6



เขมินทร์นั่งมองการทำงานของเชลยสาวตลอดเวลาจนไม่ทันสังเกตเห็นว่า การกระทำของตนนั้นได้ตกอยู่ในสายตาของเกศินีแทบตลอดเวลาเช่นกัน หญิงสาวกำมือแน่น นัยน์ตาแฝงไปด้วยความริษยาสะบัดมองไปยังร่างบางที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำความสะอาดห้องอยู่อย่างอาฆาต แม้ในตอนแรกนั้นจะไม่แน่ใจตัวเองนักว่า เธอคนนั้นมีความหมายอะไรกับชายหนุ่มหรือเปล่า ทว่าช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมาทำให้เธอมั่นใจว่าระหว่างทั้งสองคนจะต้องมีอะไรที่มากกว่า การเป็นเจ้านายและลูกน้องอย่างที่ชายหนุ่มพูดเป็นแน่

“พี่เขมคะ”เกศินีลุกเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม หย่อนก้นลงนั่งไปบนที่วางแขนของเก้าอี้ เรียวแขนตวัดโอบคอชายหนุ่มเอาไว้พร้อมกับหยอดคำหวาน

“พี่เขมขา เกตุอยากไปซื้อของบนเกาะจังค่ะ พี่เขมพาเกตุไปหน่อยได้หรือเปล่าคะ”

เขมินทร์ยังคงนิ่งเฉย สายตาของเขาเหลือบมองไปที่หญิงสาวอีกคนซึ่งทำเป็นเมินมองไม่เห็นว่าเขาและเกศินีทำอะไรกันอยู่แบบไม่ค่อยเนียนนัก มุมปากยกยิ้มกับอากัปกิริยาเช่นนั้นของเธอ ก่อนที่เขาจะจัดการกับมือของคนที่กอดรัดตนอออกและเปลี่ยนมาเป็นคนกุมมือเธอไว้แทน

“น้องเกตุอยากไปหรือครับ เบื่ออยู่เกาะแล้วหรือไง”

เกศินีทำเป็นตวัดสายตาอย่างแง่งอนใส่ชายหนุ่ม ใส่จริตเข้าไปให้ดูน่าหลงใหล มือบางทาบลงไปบนอกกว้าง กรีดนิ้วเวียนวนอยู่ที่อกขณะบอกเขาด้วยน้ำเสียงเย้ายวน

“พี่เขมก็รู้ เกตุไม่มีทางเบื่อเกาะนี้อยู่แล้ว แต่ที่เกตุอยากไปก็เพราะเกตุอยากใช้เวลาอยู่กับพี่เขมตามลำพังบ้าง เราไปเที่ยวที่ฝั่งโน่น หาอาหารค่ำพิเศษ ๆ ทานกันสองต่อสองบ้างก็ดีนะคะ นะคะพี่เขม...”

เขมินทร์เหลือบตามองอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ภายในห้องทำงานของตน มือใหญ่ยกขึ้นเชยคางหญิงสาว ส่งยิ้มให้

“ได้สิครับ สำหรับน้องเกตุพี่ทำให้ได้อยู่แล้ว”

เกศินียิ้มกว้างพอใจกับคำตอบที่ตนได้รับ เรียวปากสีแดงฉ่ำก้มลงประกบปากชายหนุ่มอย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก่อนยอมปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำตามใจอย่างดูดดื่ม ต่อหน้าต่อตาหญิงสาวอีกคน สายลมมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจระคนเจ็บร้าวลึก ๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่ได้เห็น น้ำตาที่จู่ ๆ ก็เอ่อคลอขึ้นมาทำให้เธอต้องรีบก้าวออกจากห้องไปโดยไม่เอ่ยขออนุญาต นัยน์ตาคมมองตามร่างบางที่เดินลับหายไปอย่างสาใจในสิ่งที่ตนได้เห็นผ่านแววตาคู่นั้นของเธอ

คล้อยหลังหญิงสาวไปได้เพียงไม่กี่อึดใจ เขมินทร์ก็หันมาจัดการกับร่างสะโอดสะองที่เขยิบกายขึ้นมานั่งอยู่บนตักของตนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ทันที

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะเกตุ พี่ไม่ชอบ”ชายหนุ่ม แกะมือที่คล้องคอตนอยู่ออกอย่างนุ่มนวล ดวงตาเข้มมองจ้องหน้าหญิงสาวอย่างต้องการปราม

“เกตุขอโทษค่ะ”แม้จะรู้สึกไม่พอใจมากเท่าไหร่ แต่เกศินีก็เก็บกดมันเอาไว้ ด้วยรู้ดีว่า หากชายหนุ่มทำน้ำเสียงจริงจัง และใบหน้าเรียบขรึมเช่นนี้ หมายความว่าเขามีความรู้สึกดั่งที่พูดจริง ๆ และหากว่าเธอยังดื้อรั้นอยู่ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

“ถ้าจะไปก็ไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปจัดการให้คนเตรียมเรือ แล้วไปเจอกันที่ท่าเรือนะ”เขมินทร์บอกกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม


แววตาเศร้าสร้อยทอดมองเรือยนต์ซึ่งกำลังแล่นไกลออกไปด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น เธอบอกไม่ได้บอกว่ามันเป็นเพราะอะไรถึงทำให้เธอมีความรู้สึกเช่นนี้ได้ ทำไมตัวเองถึงต้องเจ็บปวดกับสายตาหวานฉ่ำที่เขามองเธอคนนั้น

“เป็นอะไรไปสายลม”ป้าชื่นถามออกไปขณะที่สายตาของตนก็เฝ้ามองปฏิกิริยาของหญิงสาวไปด้วย

“ไม่มีอะไรจ้ะ ไหนป้ามีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหม”หญิงสาวกลบเกลื่อนบางสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอยู่ด้วยการส่งยิ้มให้อีกฝ่าย และหันไปหยิบจับงานตรงหน้าทำโดยที่ไม่รอฟังคำตอบจากคนที่ตนถาม

คนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนมองหญิงสาวอย่างเข้าใจและอดที่จะสงสารเธอไม่ได้ แต่ทว่าเพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย ทำให้ตนเข้าไปก้าวก่ายได้ยากนัก จึงทำได้เพียงคอยให้กำลังใจ และดูแลเธออยู่ห่าง ๆ เช่นเดิม


ท่ามกลางแสงสีอันศิวิไลที่อยู่รายล้อมรอบตัวของเขมินทร์ รวมทั้งสาวสวยในชุดสวยเฉี่ยวที่อยู่ข้างกายตลอดเวลา ไม่ได้ทำให้เขามีความสุข รื่นรมย์กับสิ่งเหล่านี้เลย ดวงตาคมเข้มเหม่อมองไปโดยไร้จุดหมาย

“พี่เขม...เป็นอะไรไปคะ ที่นี่ไม่สนุกหรือคะ”เสียงหวานถามชิดใบหู ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของชายหนุ่มไม่ห่าง เขมินทร์หันกลับมาให้ความสนใจเธออีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเธอ

“เกตุเมาแล้วนะ พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า”เขมินทร์เบี่ยงตัวหลบริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างไม่ให้น่าเกลียดนัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสิ่งที่เธอปฏิบัติต่อเขาเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยที่เขาจะเข้าใจว่า เธอปรารถนาสิ่งใดจากเขา ทว่าสิ่งที่เธอต้องการนั้นแม้ชั่วขณะหนึ่งเขาเคยคิดอยากมอบให้ แต่ในที่สุดแล้วมันก็ไม่เคยเป็นไปได้เลย แม้ว่าเธอจะมีเพียบพร้อมทุกอย่างก็ตาม

“เกตุกลับไม่ไหว เราค้างที่นี่เถอะนะคะ กลับกลางคืนมันอันตรายออกนะคะพี่เขม”ร่างอวบอิ่มเอนซบไปที่อกกว้างของชายหนุ่ม

“แต่...”

“นะคะพี่เขม…ค้างที่นี่สักคืน”

“อืม...ถ้างั้นก็กลับกันเลย เกตุเมามากแล้ว ควรจะไปพักได้แล้ว”เขมินทร์รับคำ ลุกยืนโดยไม่ลืมพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวติดมือมาด้วย เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย คฤหาสน์หลังใหญ่กินพื้นที่กว่า 3 ไร่ บ่งบอกเป็นอย่างดีว่า เจ้าของสถานที่แห่งนี้มีฐานะเป็นเช่นไร รถยนต์ราคาแพงลิบลิ่วค่อย ๆ แล่นเข้ามาจอดเทียบบริเวณด้านหน้ามุกของบ้าน ร่างสูงเหลียวไปมองดูร่างอวบอิ่มที่หลับไม่ได้สติตั้งแต่ที่เขาพาออกมาจากสถานบันเทิงอย่างอ่อนใจ

“เกตุ...เกตุครับ ถึงบ้านแล้ว ตื่นเถอะ เดี๋ยวขึ้นไปนอนต่อบนห้องนะ”ชายหนุ่มปลุกอีกฝ่าย ก่อนหันกลับไปมองเงาที่พาดทับลงมา เมื่อเห็นว่าเงานั้นคืออะไรเขาก็รีบก้าวลงจากรถในทันที

ชายวัยกลางคนร่างท้วมยืนอยู่มองอยู่ทางด้านนอกตัวรถ มือใหญ่กวักเรียกชายหนุ่มพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

“ไปไง มาไงล่ะเรา”เจ้าของร่างท้วมถามด้วยน้ำเสียงแสดงออกถึงความสนิทสนมใกล้ชิดกัน

“สวัสดีครับพ่อ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ มาเสียดึกเลย”

“อืม...รายนั้นเมาล่ะสิท่า”ดวงตาของคนสูงวัยกว่าชำเลืองมองเข้าไปในตัวรถ ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอา

“นิดหน่อยครับ”

“อืม...เดี๋ยวเรียกเด็กให้มาพาไปขึ้นนอน ส่วนเรามาคุยกับพ่อหน่อยดีมั้ย หรือจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นผมก็อาบน้ำก่อนดีกว่าครับ แล้วจะรีบมาหาพ่อนะครับ”

“ได้สิ...”ชายสูงวัยตอบ และหันไปตะโกนเรียกเด็กในบ้านให้มาช่วยกันพาลูกสาวตนเองขึ้นห้องพัก


เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เรียกให้คนที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับหนังสือเล่มหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มออกมาเล็กน้อย

“เข้ามาสิเขม”เขมินทร์เดินเข้ามาภายในห้องตามคำเชิญ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ซึ่งห่างจากโต๊ะหนังสือของเจ้าของห้องไม่มากนัก

เกษมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาจ้องมองชายหนุ่มไม่วางตา ยิ่งได้เห็นเขาในสภาพหนวดเครารกครึ้มก็ยิ่งให้หวนนึกถึงอดีต เมื่อครั้งที่ตนได้พบกับเขาครั้งแรก สภาพมอซอดูไม่ได้ที่กำลังล้มลุกคลุกคลานอยู่ในซอกตึกเล็ก ๆ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล หากตนไม่ได้บังเอิญมาเจอ ป่านนี้คนตรงหน้าก็อาจไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็เป็นได้

เกษมยกยิ้มมุมปากเล็กเมื่อนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ระหว่างตนและชายหนุ่มตรงหน้านี้ เขาคิดเสมอมาว่านั่นอาจเป็นโชคชะตาของตนและชายหนุ่มก็เป็นได้ ที่ทำให้ได้พบและรู้จักกัน เพราะมีชายหนุ่มอยู่เคียงข้างเสมอมา เขาถึงได้มีวันนี้ แม้ว่าทุกอย่างที่มีจะเป็นของตน แต่หากไม่มีชายหนุ่มคอยดูแลให้ กิจการก็ไม่อาจก้าวหน้ามาจนถึงขั้นนี้ และอาจถึงขั้นล้มละลายไปแล้วก็เป็นได้

“ได้ข่าวว่าที่เกาะรับคนงานผู้หญิงมาใหม่ ไปหามาจากไหนล่ะ ลูกชาวบ้านแถวนั้นรึ”เกษมหยุดรำลึกถึงความหลังครั้งเก่า และเริ่มต้นถามคำถามออกไป

เขมินทร์ลอบผ่อนลมหายใจ รู้ดีว่าสักวันเรื่องของเธอคนนั้นจะต้องถึงหู ‘พ่อ’ แต่ก็ไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้

“ว่าไง”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่คนงาน”

“พ่อเคยบอกเราหลายครั้งแล้วนะเขม อะไรที่เราปล่อยวางได้ก็ควรปล่อยซะ อย่าไปยึดติดกับเรื่องในอดีต อย่าเอาอดีตของเรามาทำร้ายตัวเองและคนอื่น ๆ....”

“ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับพ่อ”เขมินทร์พูดขัดขึ้น

“เอาเถอะ จะทำอะไรก็เรื่องของเราพ่อจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่จำเอาไว้อย่างนะเขม บนโลกนี้ ไม่มีความสุขใดที่ได้มาจากการทำร้ายคนอื่นหรอก มันมีแต่จะยิ่งทำให้เราทุกข์มากขึ้น เหมือนสุภาษิตที่ว่า ‘ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว’ไง จำไว้ให้ดีนะ”

เขมินทร์เดินออกจากห้องนั้นมาเงียบ ๆ เขาเข้าใจดีทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ยังค้าน เขาผิดด้วยหรือที่อยากทำให้เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหมือนกับที่เขาเคยได้รับมันจากการกระทำของเธอ

เสียงโวยวายกรีดร้องที่ดังลั่นไปทั้งบ้าน เรียกให้เกษมถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหู เงยหน้ามองไปยังลูกสาวที่ยืนเต้นเร่า ๆ อยู่ไม่ไกล

“จะพอได้หรือยังเกตุ”เสียงทรงอำนาจถามออกไป ทว่าคนเป็นลูกก็ยังไม่วายส่งเสียงโวยวายต่อว่าไม่หยุด

“คุณพ่อให้พี่เขมกลับไปก่อนได้ยังไงคะ ทำไมไม่ให้พี่เขมรอเกตุ ทำไมไม่ให้ใครขึ้นไปปลุกเกตุคะ”

“แล้วทำไมพ่อต้องทำอย่างนั้น โตแล้วนะเกตุ ทำอะไรหัดคิดซะบ้าง”

“คุณพ่อ!!”

“อย่ามาขึ้นเสียงใส่พ่อนะ”คุณเกษมลุกยืน ใบหน้าเครียดขมึงมองจ้องหน้าลูกสาว และนั่นเองทำให้คนที่กำลังหัวเสียค่อย ๆ เบาลง หญิงสาวเดินเข้ามากอดเอวคนเป็นพ่อ อ้อนเสียงหวานออกไป

“เกตุขอโทษค่ะพ่อ เกตุแค่ยังไม่อยากให้พี่เขมกลับไป....”

“พี่เขาก็ต้องกลับไปดูแลงานของเขา จะให้เขามาอยู่กับเราได้ยังไงกันล่ะ”

“กลับไปทำงาน หรือกลับไปหานังนั่นกันแน่”เกศินีพึมพำกับตัวเอง

“เกตุ!!!”

“คุณพ่อก็อย่างนี้ คุณพ่อก็รู้นี่คะว่าเกตุคิดยังไงกับพี่เขม ทำไมคุณพ่อไม่ช่วยเกตุเลย ถ้าคุณพ่อพูดพี่เขมไม่มีทางปฏิเสธแน่ ๆ ...นะคะคุณพ่อ”

เกษมส่ายหน้าให้ทันที แม้จะรู้ดีว่างลูกสาวตัวเองคิดเช่นไรกับชายหนุ่ม แต่เขาก็รู้ดีอีกเช่นกันว่าชายหนุ่มไม่เคยคิดอะไรกับลูกสาวตนเองเลย นั่นเองทำให้ตนต้องทำเป็นนิ่งเฉย ไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องนี้

“คุณพ่อ!”

“พอเถอะเกตุ ถ้าว่างงานมากนัก ก็เข้าไปดูงานที่โรงแรมซะบ้าง หัดทำงานทำการบ้าง ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเตร่ โตแล้วนะเราน่ะ”

“คุณพ่อไม่เคยเข้าใจเกตุเลย เกตุรักพี่เขม รักพี่เขมคนเดียวคุณพ่อได้ยินหรือเปล่าคะ”หญิงสาวบอกเสียงสั่น

“พ่อรู้ แต่เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้หรอกนะลูก”เกษมเดินเข้ามาหาลูกสาว กอดปลอบเธอไว้อย่างอ่อนโยน สงสารลูกสาวจับใจ

“วันนี้เข้าไปดูงานที่โรงแรมกับพ่อนะ มีประชุมผู้ถือหุ้นพอดีด้วย”

“เกตุจำเป็นต้องไปด้วยหรือคะ”หญิงสาวเช็ดน้ำตาตัวเอง เงยหน้าขึ้นถามคนเป็นพ่อเสียงแปร่ง ก่อนตีหน้ายุ่งเมื่อคนเป็นพ่อพยักหน้าให้เป็นคำตอบ


เขมินทร์ยืนมองหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำบางสิ่งอยู่อย่างใจจดจ่อ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา เขาพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองว่า ทำไมต้องรีบกลับมาที่นี่ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เขายิ่งหัวเสียและหงุดหงิดมากขึ้น

“สายลม...สายลม พอก่อนเถอะ มากินข้าวก่อนเร็ว….”เสียงแม่บ้านใหญ่ที่ดังขึ้นและเงียบหายไปทำให้ชายหนุ่มต้องหันหลังกลับไปดู พอดีกับที่หญิงสาวที่ถูกเรียกก็หันไปมองเช่นกัน สายลมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตายืนอยู่ห่างจากตนไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก แปลกที่เธอไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย

“นาย...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันจ๊ะ”ป้าชื่นถาม

“ผมเพิ่งมาถึงนี่แหละ”

“ป้าไม่รู้ว่านายจะมาวันนี้ ก็เลยไม่ได้เตรียมทำอะไรไว้ให้ทานเลย”ป้าชื่นบอกอีกครั้ง เหลือบตามองหญิงสาวที่ยืนละล้าละลังอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม

“อืม ป้าทำอะไรกินกันบ้างล่ะ”เขมินทร์ถามขึ้นบ้าง ก่อนก้าวเดินนำออกไป และรู้ดีว่า สองสาวต่างวัยจะต้องเดินตามตนมาด้วยอย่างแน่นอน

“อาหารพื้น ๆ เองจ้ะ พอดีสายลมเขาอยากกิน ป้าก็เลยทำให้”

เขมินทร์หยุดเดินไปนิด เหล่ตามองสาวอีกคนที่ถูกพาดพิงถึง ก่อนก้าวเดินต่อพร้อมกับตั้งคำถาม

“อะไรบ้างล่ะ”

“ไข่เจียวหมูสับ ผัดกระเพราไก่ แล้วก็ต้มจืดฟักจ้ะ”คำตอบที่ได้รับ ทำให้ชายหนุ่มถึงกับมุ่นคิ้ว นึกแย้งอยู่ในใจว่า คนที่บอกว่าอยากกินจะกินของพวกนี้ได้

“มีอะไรกิน ผมก็กินนั่นแหละ”ชายหนุ่มบอกสั้น ๆ ก่อนเดินหายเข้าบ้านไป ปล่อยให้สองสาวต่างวัยหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง ไม่มั่นใจว่าพวกตนแปลความคำพูดของชายหนุ่มถูกหรือเปล่า

“เขาจะกินกับเราหรือป้า”สายลมกระซิบถาม เพราะเกรงว่าคนที่ตนพูดถึงจะได้ยิน

“ไม่รู้สิ” คำตอบที่ได้ยินทำเอาคนถามได้แต่ตีหน้ายุ่ง นึกภาวนาอยู่ในใจว่า สิ่งที่ตนคิดจะไม่เป็นความจริง

ในที่สุดคำภาวนาของเธอก็ไม่มีความหมาย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่นั่งลงตรงข้ามตนด้วยสายตาละเหี่ย อาหารมื้ออร่อยที่เคยหมายมั่นเอาไว้ ถึงกับกร่อยขึ้นมาในบัดดล หญิงสาวนั่งเขี่ยข้าวไปมาอยู่อย่างนั้น รู้สึกจุกแน่นจนกินอะไรไม่ลงเสียดื้อ ๆ

“ทำไมไม่กิน”เสียงทุ้มถามห้วน ๆ ขณะที่มือก็ตักอาหารใส่จานข้าวตน

“ไม่หิว”

“กิน...”เขมินทร์บอกออกไปเพียงคำเดียวสั้น ๆ ปรายตามองไปทางแม่บ้านใหญ่ของตนที่ทำเสียงกึก ๆ กัก ๆ

“เอ่อ...ป้าว่า ป้าออกไปกินข้างนอกดีกว่า นายคงไม่ว่าอะไร...”

เขมินทร์พยักหน้าให้ และเพียงไม่ถึงนาที ป้าชื่นก็ตักอาหารใส่จานข้าวตนอย่างเร่งรีบก่อนเดินออกไป โดยไม่สนใจอาการเรียกรั้งของหญิงสาวแม้แต่น้อย สายลมมองตามร่างอวบที่เดินหายออกไปจากห้องครัวด้วยสายตาละห้อย เธออยากจะเดินตามออกไปด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงขยับตัวไม่ได้เลย

“จะกินได้หรือยัง”เขมินทร์ถามอีกครั้ง นัยน์ตาดุดันมองหญิงสาวเขม็ง สายลมค่อย ๆ ยื่นมือออกไปตักอาหารใส่จานข้าวตนอย่างยากลำบาก ขนาดจะตักใส่ปากเธอก็ยังแทบทำไม่ได้ เพราะสายตาคู่คมที่จ้องมองมาไม่วางตาของเขานั่นเอง

“กินเข้าไปเยอะ ๆ กับข้าวมีเต็มโต๊ะ”เสียงดุเข้มสั่งออกมาอีกครั้ง ก่อนลงมือทานอาหารของตนเองต่อ เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที เสียงรวบช้อนที่ดังขึ้นก็เรียกสายตาคมของเขาอีกจนได้

“ฉัน...อิ่มแล้ว”สายลมบอกแผ่วเบา ไม่กล้าสู้สายตาที่จ้องมองมา ทำได้แต่เสมองไปทางอื่นแทน

“กินให้หมด ถ้าข้าวไม่หมดจาน ไม่ต้องลุกไปไหนทั้งนั้น”

คำสั่งเด็ดขาดดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่ความกลัวของหญิงสาวจางหายไป สายลมลุกพรวดขึ้นยืน จ้องหน้าเขาเขม็ง ก่อนโพล่งออกไปเสียงเขียว

“ฉันไม่กิน นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ ปากของฉัน ท้องของฉัน ฉันจะกินหรือจะอิ่มมันก็เรื่องของฉัน”

เขมินทร์วางช้อนในมือลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ก่อนยกมือขึ้นกอดอกมองตอบหญิงสาวอย่างไม่เกรงกลัวกับอาการของขึ้นของเธอ มิหนำซ้ำมุมปากยังยกยิ้มหยัน อยากรู้นักว่าเธอจะทำอะไรเขาได้

“อย่ามามองฉันแบบนี้นะ!”ไม่รู้ว่าเพราะโมโหจนลืมตัว หรือเธอต้องการท้าทายเขากันแน่ หญิงสาวชี้นิ้วใส่หน้าพร้อมทั้งตวาดเสียงใส่เขาด้วยน้ำเสียงรุนแรงและแข็งขืน

“ทำไม เธอจะทำอะไรฉัน?”น้ำเสียงสบาย ๆ ถามออกไป ไม่ใส่ใจว่าทั้งหน้าตาและน้ำเสียงของตนจะยิ่งเพิ่มความโกรธเกรี้ยวให้อีกฝ่ายหรือไม่

สายลมได้แต่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ รู้ดีว่าตนไม่สามารถทำอะไรคนตรงหน้าได้ เพราะถ้าทำได้เธอคงไม่รอมาจนถึงวันนี้อย่างแน่นอน

“จะนั่งลงได้หรือยัง”เขมินทร์มองหน้าหญิงสาวพร้อมกับถามเธอเสียงเรียบ แต่หญิงสาวก็ยังดื้อแพ่งด้วยการพูดไปอีกเรื่อง

“ฉันอิ่มแล้ว”

“ฉันถามหรือไงว่า ‘อิ่มหรือยัง’”เขมินทร์เริ่มมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป น้ำเสียงที่ใช้ก็เริ่มเข้มขึ้นตามอารมณ์และสีหน้า สายลมยืนกระอึกกระอักอยู่ครู่หนึ่งก็กระแทกตัวลงนั่งอย่างคนหมดทางสู้

“อิ่มแล้วก็ไม่ต้องกิน แต่เธอต้องรออยู่อย่างนี้จนกว่าฉันจะกินอิ่ม”เขมินทร์บอกอีกครั้ง ก่อนจะตักอาหารใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้หญิงสาวนั่งค้อนลม ค้อนแล้งและรอคอยเวลาที่ตนจะได้ไปพ้น ๆ จากที่ตรงนี้ได้เสียที

เสียงถอนใจดังเฮือก ๆ มาเป็นระยะ เรียกให้แม่บ้านสาวใหญ่ต้องเดินเข้ามาดู มืออวบวางลงบนไหล่บางของหญิงสาว บีบกระชับเบา ๆ พลางถามด้วยความเป็นห่วง

“เป็นอะไรไปสายลม”

หญิงสาวยังคงเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย มีเพียงเสียงแผ่วเบาที่ตอบคำถามกลับมาให้คนถามได้ยิน

“ฉันคิดถึงบ้าน ป้าฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต”

คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังได้แต่ทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าจะช่วยเธอเช่นไร แม้จะสงสารและเห็นใจเธอมากแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยเธอได้ ที่ทำได้ดีที่สุดก็คงมีเพียงแค่ให้กำลังใจ และภาวนาว่าสักวัน เจ้านายของตนจะยอมลบความโกรธแค้นในใจของตนทิ้งไปและปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ


--------------------------------------

6.


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สายลมต้องเข้ามาทำความสะอาดภายในห้องทำงานของเจ้าของบ้านหลังนี้ หญิงสาวก้ม ๆ เงย ๆ ปัดกวาดเช็ดถูไปตามเรื่องตามราว แบบไม่ค่อยจริงจังนัก เสียงฮัมเพลงเบา ๆ เพื่อหวังให้ตัวเองคลายความเบื่อหน่ายดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนที่เสียงหนึ่งจะแทรกเข้ามา หญิงสาวหันมองไปโดยรอบเพื่อมองหาที่มาของเสียงนั้น พร้อมกับเสียงหัวใจของเธอที่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เธอก้าวเข้าไปหาที่มาของเสียงอย่างเร่งรีบ มือบางกระชากผ้าม่านผืนใหญ่นั้นออกก่อนเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวังเมื่อเห็นของสิ่งนั้น เธอค่อย ๆ ยื่นมืออันสั่นเทาเข้าหามันและจัดการกดปุ่มเพื่อให้เสียงดังนั้นหยุดลง

ร่างเล็ก ๆ ทรุดลงนั่งกับพื้นคล้ายกับคนไม่มีแรง รอยยิ้มแย้มกว้างขึ้นทีละน้อยพร้อมกับความหวังที่เจิดจรัสขึ้นมาในความรู้สึกของเธอ นิ้วเรียวไม่ลังเลที่จะกดปุ่มตัวเลขที่ตนเองจำได้ขึ้นใจลงไป ก่อนยกมันขึ้นแนบหูตัวเองเพื่อรอฟังเสียงสัญญาณด้วยหัวใจระทึก

“ทำอะไร!!!”

หญิงสาวสะดุ้งเฮือกสุดตัว รีบซ่อนสิ่งที่อยู่ในมือตนไว้เบื้องหลังทันที แต่ก็หาได้หลุดรอดสายตาของเขมินทร์ไปได้ ชายหนุ่มสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวเธอ และกระชากของในมือหญิงสาวมาไว้ที่ตัว

“คิดจะทำอะไรฮะ!...เธออยากตายนักใช่ไหมพิชชายา”น้อยครั้งนักที่ชายหนุ่มจะเรียกเธอด้วยชื่อเต็มเช่นนี้ หญิงสาวรับรู้ในทันทีว่า เขากำลังโกรธมากแค่ไหน ดวงตาคมดุคล้ายกับมีเพลิงอยู่ด้านในจ้องมองที่เธอเขม็งจนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ไปทั้งร่าง

“ฉัน....ฉัน...”

“ฉันอะไร เธอจะแก้ตัวอะไรอีก”เขมินทร์ตะคอกใส่ กระชากร่างบางเข้าหาตัวเองเต็มแรง แต่เธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากร้องออกมาทั้งที่รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งแขน

“ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันรอบจัดนัก เผลอเป็นไม่ได้เลยนะ อยากได้นักใช่ไหม ไอ้นี่น่ะ....”พูดจบเขมินทร์ก็จัดการเขวี้ยงสิ่งที่อยู่ในมือตนเข้าหาผนังห้องอย่างแรง

“ไอ้บ้า...แกมันบ้าไปแล้ว ไอ้บ้า...ไอ้บ้า”สายลมตวาดเสียงใส่ชายหนุ่ม น้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นความหวังของตนพังลงตรงหน้า ร่างเล็ก ๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ ปากก็พร่ำด่าทอชายหนุ่ม

“ฉันบ้าได้มากกว่านี้อีก อยากจะไปจากที่นี่อย่างนั้นเหรอ เธอฝันไปเถอะ ตราบใดที่ฉันยังแก้แค้นเธอไม่สาสม เธอจะไม่มีวันได้ไปจากที่นี่แน่!”

“ไอ้บ้า...ฉันไปทำอะไรให้แก ฉันไปฆ่าพ่อแม่แกตายหรือไง หรือว่าฉันไปฆ่าญาติโก โหติกาของแกมาฮะ แกถึงได้ทำกับฉันแบบนี้ ไอ้ชั่ว...ไอ้คนชั่ว”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“หุบปากไปเลยนะ”

“ฉันไม่หยุด ฉันไปทำอะไรแกไว้ แกก็บอกฉันมาสิ ฉันพร้อมจะรับผิดและขอโทษ แต่ทำไมแกไม่บอกฉัน ทำไมต้องทำร้ายฉันแบบนี้ด้วย ทำไม?...”

“คนอย่างเธอนี่นะ...พร้อมจะรับผิด ผู้หญิงอย่างเธอมันไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วพิชชายา เธอมันดีแต่จะกดคนอื่นให้ต่ำกว่าตัวเอง มองคนอื่นอย่างเหยียดหยาม ไม่เคยเห็นใครดีไปกว่าตัวเอง ผู้หญิงอย่างเธอมันก็ดีแต่ใช้เสน่ห์ตัวเองหลอกล่อผู้ชาย ให้เขาหลง เทิดทูน แล้วก็เฉดหัวเขาทิ้งเหมือน ‘หมาตัวหนึ่ง’”ชายหนุ่มผลักร่างในมือตนออกไปเต็มแรง จนเธอร่างนั้นถลาลงไปทรุดอยู่บนพื้น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนกระทำถามออกไปเสียงสั่น

“นายพูดเรื่องบ้าอะไร ฉันเคยไปทำแบบนั้นกับใครที่ไหน...”

เขมินทร์ตวัดสายตามองหญิงสาวด้วยสายตาร้อนแรงดั่งมีไฟสุมอยูด้านใน ‘เคยไปทำแบบนั้นกับใครที่ไหน’ คำพูดของเธอช่างร้ายกาจนัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคงไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ ถึงได้ไม่มีความทรงจำนั้นอยู่เลย!!


กี่ชั่วโมงผ่านมาแล้วสายลมก็ไม่รู้ตัวที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้ และได้แต่เฝ้าเวียนถามตัวเองว่า เคยไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำจนถึงกับต้องทำร้ายกันขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่เธอก็จำไม่ได้เลยว่า ตัวเองได้เคยเจอกับเขามาก่อน

“สายลม...มานั่งตากลมอะไรอยู่ตรงนี้”ป้าชื่นยืนมองอยู่นาน จนอดรนทนไม่ไหวต้องเดินเข้ามาถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

“ป้า ฉันกับนายของป้า เราเคยเจอกันมาก่อนอย่างนั้นหรือป้า ทำไมเขาถึงชอบพูดเหมือนฉันกับเขาเคยเจอกันมาก่อน”

ป้าชื่นได้แต่มองหน้าคนถาม ส่ายหน้าไปมาด้วยให้คำตอบอะไรกับเธอไม่ได้ หากอีกใจหนึ่งก็ตั้งถามคำถามกับตัวเองว่าเพราะเหตุใดหญิงสาวถึงได้จำนายของตนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ฉันอยากขอโทษเขานะป้า แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันทำผิดอะไร ฉันอยากให้เขาปล่อยฉันไปเสียที...”พูดยังไม่ทันขาดคำ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อย และอ่อนล้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ใจเย็น ๆ สักวัน...ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น”สาวร่างท้วมโอบหญิงสาวเบา ๆ ปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อน

“มันจะมีวันนั้นใช่ไหมป้า มันจะมีวันที่ฉันได้กลับบ้าน กลับไปหาพ่อฉันใช่ไหม”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามทั้งน้ำตา

คำตอบที่ได้รับคือความเงียบงัน มีเพียงอ้อมแขนที่กระชับแน่นแทนคำตอบทั้งหมดจากแม่บ้านสาวใหญ่

“ทำอะไรกัน!”เสียงเข้มดังมาจากทางด้านหลัง เรียกให้ทั้งสองสาวต่างวัยสะดุ้ง หันมองไปทางต้นเสียง

"ป้าชื่น จะไปทำอะไรก็ไป...”เขมินทร์บอกเสียงกร้าว นัยน์ตาคมจ้องมองคนใต้บังคับบัญชาของตนเขม็ง ส่งให้สาวใหญ่ไม่คิดสาวความใด ๆ รีบเดินออกจากที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวต้องเผชิญหน้ากับเจ้านายของตนตามลำพังอีกครั้ง

สายลมตั้งท่าจะเดินตามไปด้วยอีกคน ทว่าน้ำเสียงดุเข้มก็ดังรั้งเธอไว้เสียงก่อน หญิงสาวหยุดหันกลับมาหาเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว แม้ใบหน้าจะยังคงมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ แต่เธอก็ไม่คิดจะอ่อนให้กับอีกฝ่าย

“อย่าคิดว่าจะหลอกล่อให้คนของฉันเชื่อในสิ่งที่เธอพูด และเสแสร้งแกล้งทำนั่นนะ”เขมินทร์เริ่มหาเรื่องขึ้นก่อนอย่างหัวเสีย เมื่อได้เห็นอาการแข็งข้อของหญิงสาวที่มีต่อตน

“ฉันไม่เคยเสแสร้ง คนอย่างฉันต่อหน้าเป็นยังไง ลับหลังฉันก็เป็นอย่างนั้น”หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ไม่สนใจว่าท่าทีของตนจะยิ่งสุมไฟในใจให้ชายหนุ่มให้มันลุกฮือขึ้นอีกครั้ง

“ปากดี!”

“จะหาเรื่องอะไรฉันอีก ฉันอยู่ของฉันดี ๆ ทำไมต้องมาหาเรื่องกันด้วย”หญิงสาวตวาดถามเสียงดัง หากแต่ดวงตาที่จ้องมองเขากลับเป็นไปด้วยแววตาตัดพ้อ ที่ทำให้ชายหนุ่มใจกระตุกวูบโดยไม่รู้สาเหตุ เขมินทร์พยายามสลัดความรู้สึกเหล่านั้นของตนทิ้งไป และเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ต่อไปนี้เธอจะต้องขึ้นไปนอนที่เรือนใหญ่”

“ฉันอยู่ที่นี่ได้”

“ไม่!....ต่อแต่นี้ไป เธอจะต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลา ถ้าคิดจะหนีหรือคิดจะขอความช่วยเหลือจากใครอีกล่ะก็ เธอได้โดนดีแน่”

“แต่ฉันจะอยู่ที่นี่”สายลมเถียงออกไปเสียงดัง

“อย่าทำให้ฉันโมโหตอนนี้ เพราะฉันไม่รับประกันว่าจะไม่ทำอะไรเธอ”เขมินทร์บอกพร้อมกับย่างสามขุมเข้าหาหญิงสาวอย่างหมายมาด เป็นเหตุให้เธอต้องถอยหลังกรูดหนีเขาโดยอัตโนมัติ

“จำไว้ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก อย่าคิดต่อกรกับคนอย่างฉัน เพราะคนอย่างฉันไม่เคยปล่อยให้คนที่คิดจะมาต่อกรกับฉัน ได้ลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อหน้าฉันแน่”

“ไปเก็บของ”ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้มออกไปอีกครั้ง พร้อมกับเดินเข้าไปคว้าแขนหญิงสาวเดินนำไปยังกระท่อมที่พักของหญิงสาว ยืนคุมจนกระทั่งเธอเก็บข้าวของที่มีอยู่น้อยชิ้นของตนจนหมด ก่อนจะลากแกมดึงพาเธอออกจากกระท่อมตรงไปยังเรือนใหญ่

ป้าชื่นยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง และแปลกใจที่เห็นนายของตนลากคนตัวเล็กที่ถือของพะรุงพะรังตรงมายังเรือนใหญ่ แต่ยังไม่ได้ถามอะไรออกไป เสียงคนเป็นนายก็สั่งขึ้นมาเสียก่อน

“ป้าชื่น จัดห้องข้างห้องพักของผมให้ด้วย ต่อไปนี้ สายลมจะต้องอยู่ที่ห้องนั้น”
คนรับคำสั่งได้แต่ยืนงง จนเสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นเป็นคำรบที่สองนั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้รีบรับคำและเดินขึ้นชั้นบนไปเพื่อจัดเตรียมห้องพักอย่างเร่งรีบ
เขมินทร์หันมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังตนอีกครั้ง ก่อนออกคำสั่งเสียงเฉียบกับเธอ

“ขึ้นห้องเธอไปซะ”

สายลมไม่คิดจะอยู่ต่อกรอะไรกับชายหนุ่มอีก เธอรีบเดินตามแม่บ้านสาวใหญ่ไปอย่างรวดเร็วทันทีที่จบประโยคคำสั่งนั้น ทิ้งให้คนสั่งได้แต่ยืนมองด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย ซึ่งหากเจ้าตัวรู้ว่าตนเองแสดงความรู้สึกใดออกไป คงไม่แคล้วได้โกรธและโมโหตัวเองอีกครั้งแน่ ๆ


หลังจากยืนดูแม่บ้านสาวใหญ่จัดการกับห้องพักให้กับตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็เดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนนุ่มนิ่ม ที่เธอห่างเหินจากเครื่องนอนเช่นนี้มาหลายเดือน ก่อนกระเด้งตัวไปมาบนเตียงนอนนุ่มนิ่มอย่างสนุกสนาน พลางหันไปพูดคุยกับคนที่ยืนยิ้มมองดูเธออยู่

“ป้ามานั่งด้วยกันสิ”

“ไม่ล่ะ ที่ห้องป้าก็มี...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ นายก็ให้เรามาอยู่บนเรือนใหญ่”ป้าชื่นถามออกไปด้วยความสงสัย

“ฉันไม่รู้หรอกป้า ถ้าป้าอยากรู้ป้าต้องไปถามเจ้านายป้าเองแล้วล่ะ”

“คืนนี้ป้ามานอนกับฉันนะ”หญิงสาวอ้อนเสียงหวาน

“ไม่ได้หรอก นายเขมไม่เคยให้คนงานขึ้นมานอนบนนี้”ป้าชื่นตอบ แอบนึกเป็นห่วงหญิงสาวเกรงจะเกิดเรื่องเช่นวันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เจ้านายของตนขึ้นคร่อมร่างเล็กในวันนั้นยังคงติดตาตนมาจนถึงวันนี้ จนอดคิดไม่ได้ว่า ระหว่างทั้งสองคนนี้อาจมีอะไรที่มากไปกว่าสิ่งที่ตนเห็นก็เป็นได้

“หมายความว่ายังไงกันป้า ป้าอย่าบอกฉันนะว่า ฉันจะต้องอยู่ที่นี่กับนายของป้าแค่สองคนเท่านั้น”สายลมลุกพรวดขึ้นยืน ถามแม่บ้านสาวใหญ่ด้วยน้ำเสียงตระหนก

“งั้นป้าก็บอกไม่ได้น่ะสิ”

“ป้าชื่น!”สายลมเขม่นตาใส่อีกฝ่าย ก่อนเดินเข้าไปใกล้ และถามย้ำกับอีกฝ่ายน้ำเสียงแผ่ว

“ฉันต้องอยู่ที่นี่กับเขาสองคนหรือป้า”

ป้าชื่นได้แต่พยักหน้าให้แทนคำตอบทั้งหมด อดเห็นใจหญิงสาวไม่ได้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกเช่นกัน ก่อนจะบอกลาหญิงสาวกลับห้องพักของตัวเองไป


สายลมนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องตามลำพัง ในใจอดที่จะหวั่นเกรงไม่ได้ว่า หากชายหนุ่มเกิดทำเรื่องร้าย ๆ เช่นครั้งนั้นกับตัวเองอีกจะทำเช่นไร ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เสียงทุบประตูห้องก็ดังโครมครามขึ้นมา ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนลุกเดินไปยังประตูห้องอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตะโกนถามออกไปเสียงดัง

“ใครน่ะ”

“เปิดประตูซิ”เขมินทร์ออกคำสั่งแทนคำตอบ และรอคอยให้ประตูห้องนั้นเปิดออก ทว่าทุกอย่างก็ยังคงเงียบงัน ไร้เสียงตอบรับและไร้ซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ

“พิชชายา ฉันบอกให้เปิดประตู!”ชายหนุ่มได้แต่สะกดความโกรธที่เริ่มพุ่งพล่านนั้นไว้ และสั่งเสียงเข้มอีกครั้ง

“มีอะไร ฉันนอนแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันได้ไหม”

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”เขมินทร์ตะคอกใส่ประตูห้องเสียงดังลั่น พร้อมกับทุบปังไปบนประตูบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่ใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว

ประตูห้องนอนแง้มออกช้า ๆ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะค่อย ๆ ยื่นหน้าออกมา

“มีอะไร”

เขมินทร์ไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย ชายหนุ่มผลักประตูทีเดียว ร่างเล็ก ๆ ก็เซถลาออกไป พร้อมกับที่ประตูห้องนอนเปิดกว้างออก ชายหนุ่มก้าวเข้ามาด้านในก่อนหันไปปิดประตูห้องลง

“จะทำอะไร”ร่างเล็กพอทรงตัวได้ก็รีบถอยหนีอีกฝ่ายไปทันที เหลียวซ้าย แลขวาหวังหาสิ่งของมาป้องกันตัวเอง

“ทำไม คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ สำหรับเธอแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วล่ะมั๊ง”

“ไอ้บ้า!...นึกว่าคนอย่างฉันพิศวาสตัวนายนักหรือไง จะบอกไว้ให้ว่า แม้แต่ครั้งเดียวฉันก็ไม่อยากมีอะไรกับคนอย่างนาย”สายลมเต้นเร้าด้วยความโมโหเดือดดาล

“แต่ขอโทษนะ เผอิญมันมีไปแล้ว”ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มยังอาศัยช่วงที่หญิงสาวเผลอตัว สาวเท้าเข้าประชิด ดึงตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

“จะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“เงียบ! แล้วก็หุบปากให้สนิท ก่อนที่ฉันจะใช้ปากของฉันปิดปากเธอเอง”เขมินทร์กระซิบบอกแทบชิดริมฝีปากของอีกฝ่าย ทำเอาหญิงสาวตัวแข็งทื่อ ยอมเงียบกริบทันควันโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องออกคำสั่งเป็นครั้งที่สอง

“ฉันเงียบแล้ว ทำไมไม่ปล่อยฉันสักที”หญิงสาวอุบอิบบอกเสียงเบา ไม่กล้าตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างใจต้องการ ก่อนหลบตาคนที่เอาแต่จ้องมองตนด้วยไม่กล้าสู้สายตาเขา

ใบหน้าภายใต้หนวดเครารกครึ้มยกยิ้มมุมปาก แกล้งใช้จมูกคลอเคลียไปตามใบหน้าของหญิงสาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวส่งให้ชายหนุ่มเริ่มหลงใหล จากที่ต้องการแค่แกล้งเล่นกลับกลายเป็นเริ่มรุกหนักมากขึ้น ปลายจมูกที่ครั้งแรกแค่คลอเคลีย เริ่มรุกรานหนักข้อ ริมฝีปากหนาไล้ไปมาอยู่บริเวณเรียวปากนุ่มละมุนของหญิงสาว

“นาย...จะ...จะทำ..อะไร”น้ำเสียงเริ่มขาดหายพูดไม่เป็นคำจากสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำ แต่เพียงเท่านี้ก็เรียกสติให้กับชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี เขมินทร์ผลักร่างเล็กที่อ่อนแรงออกห่างตัว สะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติของตนเองกลับมาพร้อมกับสาดคำพูดเจ็บแสบเข้าใส่หญิงสาวก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหนีไป

“เธอนี่ร้ายจริง ๆ ร้ายไม่เคยเปลี่ยน”

คำพูดที่หญิงสาวได้ยินซ้ำไป ซ้ำมาไม่รู้กี่ร้อยพันครั้ง ยิ่งทำให้เธอต้องหาคำตอบให้ได้ว่าอะไรทำให้ผู้ชายคนนั้นเกลียดชังตนเองมากถึงเพียงนี้

“ฉันจะต้องรู้ให้ได้ ฉันไม่มีทางยอมเป็นอย่างนี้ไปตลอดแน่ คอยดู”


เสียงทุบประตูปึงปังส่งให้ร่างบางที่นอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ งัวเงียปรือตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้ มือเรียวเอื้อมไปคว้านาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงมาดูเวลา พร้อมกับบ่นพึมพำเมื่อมองเห็นเข็มนาฬิกาที่ชี้บอกว่า เวลานี้เป็นเวลาอะไร เสียงปึงปังยังคงดังอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากเจ้าของห้อง

“รู้แล้ว ๆ อะไรกันนักกันหนาเนี่ย นี่มันกี่โมง กี่ยามแล้วไม่รู้หรือไง”หญิงสาวตะโกนออกไปสุดเสียง ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูห้องก่อนเปิดมันออกช้า ๆ

“ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่ยอมมาเปิดประตู”เสียงทุ้มตวาดก้องทันทีที่ประตูห้องเปิดออก

“อะไรของนายอีกเนี่ย”หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ

“ไปเตรียมชุดนอนให้ฉันหน่อยซิ”ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงฟังแทบไม่รู้เรื่อง กลิ่นเหล้าที่ลอยคละคลุ้งมาแตะจมูกทำให้หญิงสาวต้องย่นจมูก บ่ายหน้าหนี

“ไปตกบ่อเหล้าที่ไหนมาเนี่ย เหม็นหึ่ง”

“เธอไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ไปทำ เร็วๆ ด้วย”สั่งเสร็จก็หันหลังเดินโซเซกลับห้องตัวเอง แต่ก็ยังไม่วายหันมาตะคอกเสียงใส่คนที่ยังยืนนิ่งไม่กระดิกตัวเสียอีกรอบ

“เอ้า...เร็ว ๆ เข้าสิ ฉันจะนอน!”

สายลมย่นจมูกใส่แผ่นหลังของอีกฝ่ายก่อนเดินตามไปยังห้องนอนของเขา หญิงสาวหยุดนิ่งอยู่ด้านหน้าห้อง ไม่กล้าก้าวเท้าเข้าไปด้านในด้วยหวาดระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อหัวค่ำอีก เจ้าของห้องหนุ่มมองหญิงสาวที่ยืนละล้าละลังอยู่อย่างนั้นเป็นนานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้ามาเสียที จนเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง

“จะเปิดประตูห้องเอาไว้ให้ยุงเข้ามาหามฉันหรือไง เธอนี่มันร้ายกาจนักนะสายลม”

“ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ยุงที่ไหนจะมาหามไว้”หญิงสาวทำปากขมุบขมิบ ๆ เถียงอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะก้าวเท้าเข้าห้องไป

“จะเข้ามาดี ๆ หรือว่าจะให้ฉันลากเธอเข้ามาฮะ”

“เออ ๆ รู้แล้วน่า นายก็ไปเข้าห้องน้ำซะสิ จะยืนทำบื้ออะไรอยู่ล่ะ”หญิงสาวแว๊ดใส่ เดินกระแทกเท้าเข้ามาภายในห้องนอนของชายหนุ่มอย่างหัวเสีย

“หน้าอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”เขมินทร์ยังไม่วายโต้เถียงกลับ

“แล้วจะให้หาให้ใส่มั้ย เสื้อผ้าอ่ะ ฉันง่วงนอนแล้วนะ”

เขมินทร์มองหน้าอีกฝ่ายนึกอยากตรงเข้าไปบีบคอระหงส์ที่เชิดขึ้นท้าทายเขานัก หรือไม่ก็ปิดปากช่างเถียงนั้นให้สนิทด้วยปากของตัวเองให้หนำใจ แต่ที่เขาทำกลับเป็นเพียงหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป

สายลมรอจนกระทั่งมั่นใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ในห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วแน่ ๆ เธอจึงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของเขา จัดแจงหาชุดนอนให้อย่างเร่งรีบเพื่อที่ตนจะได้รีบออกไปจากสถานที่อันแสนไว้ใจไม่ได้แห่งนี้เสียที ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าออกไปจากห้อง เสียงบางสิ่งบางอย่างก็ดังสนั่นออกมาจากห้องน้ำเสียก่อน

“เฮ้ย!....”หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ ตาโตจ้องมองไปยังประตูห้องน้ำแห่งนั้น สองเท้าค่อยก้าวเข้าไปทีละนิด ๆ อย่างหวาดระแวง ส่งเสียงเรียกออกไปเบา ๆ

“นาย...นาย...”

หญิงสาวนิ่งฟังเสียงตอบรับแต่ก็ไม่มีอะไรตอบสนองกลับมา มือบางยื่นไปจับลูกบิดประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมกับส่งเสียงเรียกออกไปอีกครั้ง ครานี้เรียกออกไปเต็มเสียง

“นายเขมินทร์...เป็นอะไรหรือเปล่า”

แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นความเงียบเช่นเดิม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บอกตัวเองในใจว่า ‘เอาวะ’ ก่อนที่มือจะบิดลูกบิดประตูเบา ๆ หวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าให้ประตูมันล็อคเธอจะได้ไม่ต้องเปิดมันเข้าไป และปล่อยให้อีกฝ่ายนอนตายอนาถอยู่ในห้องน้ำนั้นไปเลย แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น

“คนบ้าอะไร เข้าห้องน้ำก็ไม่ยอมล็อคประตู”

เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่เจ้าของร่างบางจะแง้มประตูเข้ามา ‘คนบ้า’ ของหญิงสาวจึงรีบหลับตาประหนึ่งว่าเป็นคนหมดสติล้มอยู่ข้าง ๆ อ่างน้ำในทันที

“เฮ้ย!...”สภาพไม่น่าดูของชายหนุ่ม ส่งให้สายลมอุทานลั่นด้วยความตกใจ หลับตาปี๋ไม่กล้ามอง ก่อนยื่นเท้าตัวเองออกไปสะกิดร่างใหญ่ที่นอนราบอยู่กับพื้นเบาๆ

“นาย...นาย...ตายยังเนี่ย”

ยังคงไม่มีการตอบรับใด ๆ จากร่างไร้สตินั้น ในที่สุดเธอก็ทำใจกล้า เดินเข้าไปหายื่นมือสะกิดอีกฝ่ายพร้อมกับร้องเรียก

“นี่...นายเป็นอะไรหรือเปล่า ลื่นล้มหัวฟาดพื้น หรือว่าเมาหลับเนี่ย...ลุกขึ้น ๆ ไปนอนที่เตียงโน่น”

คราวนี้มีเสียงตอบรับกลับมาให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ร่างหนาสูงใหญ่เริ่มส่งเสียงครางฮือออกมาให้ได้ยิน มือปัดป่ายมือบางที่พยายามจะฉุดดึงตนเองให้ลุกขึ้น

“เฮ้ย...ตกลงจะให้ช่วยมั้ย หรืออยากจะนอนในห้องน้ำ”

แน่นอนว่ามือใหญ่นั้นตกลงกับพื้นทันที อย่างเชื่อฟังจนผิดสังเกต ทว่าหญิงสาวกลับไม่ทันได้รู้สึกผิดปกติใด ๆ เธอพยายามจะฉุดดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นช้า ๆ

“โอ๊ย...คนบ้าอะไรเนี่ย ตัวหนักเป็นบ้า”

คนแกล้งไร้สติยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ พยายามทำตัวเองให้เบาเพื่อช่วยให้เธอพยุงร่างตัวเองขึ้นได้ ใช้เวลานานเกือบห้านาที กว่าที่เธอจะพาร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มมาถึงเตียงนอน สายลมตั้งใจจะปล่อยร่างนั้นทิ้งทันทีที่ถึงปลายเตียง ทว่าจู่ ๆ ร่างที่เธอรู้สึกว่าไม่หนักเท่าไหร่ก็หนักอึ้งและถาโถมตัวลงมา จนตัวเธอเอนเอียงและล้มบงไปบนเตียงนอนกว้างโดยมีร่างหนาหนักนั้นทับอยู่

“เฮ้ย!...”สายลมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พยายามผลักร่างที่ทับตนอยู่ออก แต่ผลักเท่าไหร่ร่างนั้นก็ไม่สะทกสะท้าน อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนจะหนักเพิ่มขึ้น ๆ

“ไอ้บ้า...ลุกออกไปนะ ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะ คนหวังดีช่วยเหลือ ยังจะมาทำแบบนี้อีกหรือไงเนี่ย”หญิงสาวบ่นขรม พร้อมกับออกแรงผลักอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่งเมื่อเสียงทุ้มต่ำของคนที่เธอคิดว่าไม่ได้สติพูดตอบกลับมา

“ฉันไม่ได้บอกให้ช่วยนี่”

“นาย!!!”

เขมินทร์เปิดตาขึ้น ยิ้มอย่างผู้ชนะให้กับร่างบางที่นอนตกตะลึงพึงเพริดอยู่ใต้ร่างตน




***************************************************



ภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2556, 14:53:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2556, 14:53:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2008





<< ทะเลรักสีเพลิง บทที่ 5.1   บทที่ 7 >>
mhengjhy 14 มิ.ย. 2556, 17:25:15 น.
ตกเป็นเหยื่อแล้วววว


violette 14 มิ.ย. 2556, 23:14:11 น.
ทำไมนางเอกจำไม่ได้หว่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account