น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 7.‘นางงามเดินสายล่ารางวัล’

7.

ด้วยมีเวลาเหลือเพียงสามวันเท่านั้น ทำให้คชาพัฒน์รู้สึกกังวลใจว่าน้ำผึ้งจะไปสร้างความขายขี้หน้าเสียมากกว่าคว้าตำแหน่งธิดากระท้อนหวานมาให้ได้ชื่นใจ แต่ว่าเมื่อมันไม่มีทางเลือกที่จะเปลี่ยนตัวใช้คนที่มีประสบการณ์ คชาพัฒน์ก็ต้องรีบจัดการเปลี่ยนน้ำผึ้งบ้านไพรคนนี้ให้เป็นน้ำผึ้งเดือนห้าให้รวดเร็วที่สุด

ดังนั้นหลังเลิกเรียนวันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ ก่อนที่น้ำผึ้งจะขึ้นเวทีในเย็นและวันเสาร์ สำลีจึงถูกย้ายตำแหน่งงานให้ไปช่วยน้ำหวานขายลูกชิ้นแทนน้ำผึ้งที่ต้องมาเข้าคอร์สแปลงโฉมและอบรมกิริยาท่าทางบนเวทีกับซักซ้อมการตอบคำถามที่ถือว่าเป็นเรื่องยากที่สุดของงาน ‘นางงามเดินสายล่ารางวัล’

และวันพุธนี้ เป็นวันแรกน้ำผึ้งที่เดินทางไปโรงเรียนโดยจักรยานคันเก่าก็รีบขอตัวเพื่อน ๆ ออกมาจากโรงเรียนพร้อมน้อง ๆ ถึงบ้านแล้วน้ำผึ้งก็รีบอาบน้ำกินข้าวและเตรียมรถเข็นไว้ให้สำลีออกเข็นออกไปหน้าตลาดแล้วรับลูกชิ้นจากแม่ที่อยู่ร้านขายผักมาปิ้งขายกับน้ำหวาน และยังไม่ทันที่น้ำผึ้งจะเตรียมของเสร็จ สำลีก็ขี่รอมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน...

“ผึ้ง รีบไปร้านเถอะ ตรงนี้เดี๋ยวพี่จัดการเองไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จัดการให้ น้ำหวานมันก็รู้งานแล้วด้วย” สำลีนั้นพอรู้ว่าน้ำผึ้งตกปากรับคำที่จะขึ้นเวทีให้คชาพัฒน์ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเกือบขวบปีที่ผ่านมานั้น สำลีพอรู้เห็นอยู่บ้างว่า บนเส้นทางความสวยความงามนั้นมันสามารถพาเด็กสาวคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนดินให้ไปเป็นดวงดาวได้อย่างไร...

มิสไชน่าที่ได้ตำแหน่งไปเมื่อตอนตรุษจีนปีก่อนนั้นเป็นเด็กสาวบ้านนอกความรู้เพียงแค่ม.6 แล้วไปทำงานในโรงงาน แต่พอได้ตำแหน่งแล้วก็มีแมวมองมาเห็นและชัดนำเข้าสู่วงการบันเทิง ปัจจุบันนี้กลายเป็นดารามีสังกัดดูแล มีเงินมีหนทางเดินที่สว่างไสวขึ้นกว่าเดิม และสำลีก็หวังใจว่า น้ำผึ้งจะมีโอกาสดี ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต เหมือนนางงามอีกหลาย ๆ คนที่สำลีรู้ประวัติจากการอ่านหนังสือและจากการบอกเล่าพูดคุยของคชาพัฒน์กับนัยนิต และน้ำผึ้งนั้นแม้จะไม่ได้สวยชนิดเป็นนางเอกละครได้แต่หุ่นของน้ำผึ้งก็น่าจะพาให้น้ำผึ้งกรุยกรายไปบนถนนสายนางแบบ...แต่ว่ามันจะต้องหาโอกาสให้กับอนาคต

“ขอบคุณพี่สำลีมาก ๆ เลยจ้ะ”

“ทำให้เต็มที่นะ เอาตำแหน่งมาให้ได้”

“ผึ้ง ก็แค่ขึ้นเวทีขัดตาทัพเท่านั้น แค่นางงามรับจ้าง อย่ามาหวังอะไรกับผึ้งเลย”
“โอกาสมาแล้วก็ทำให้เต็มที่ ถ้าพี่สวยอย่างผึ้ง พี่จะไม่ให้พี่หน่องมาง้อผึ้งหรอก...”

“ผึ้งสวยจริง ๆ หรือพี่”

“ตอนนี้ยังไม่สวยเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ผ่านคอร์สเสริมความงามแล้วพี่ผึ้งไม่เป็นสองรองใครหรอก”

ใจฟูฟ่องตามแรงเชียร์แล้วน้ำผึ้งก็ขี่มอเตอร์ไซค์ของสำลีมาที่ร้านหนิงหน่องแฮร์คัทพอจอดรถที่หน้าร้าน น้ำผึ้งก็เห็นวรรณศุกร์ยืนอยู่กับลูกน้องของเขาที่หน้าร้าน น้ำผึ้งยิ้มให้วรรณศุกร์เพียงนิด เขายิ้มตอบมาหน่อย แล้วน้ำผึ้งก็ลงจากรถเดินเข้าไปในร้าน...

“มาแล้ว ๆ ช้าจังเลยผึ้ง”

“รีบเต็มที่แล้วพี่”

ตอนนั้นที่เก้าอี้หน้ากระจกนัยนิตกำลังซอยผมให้ลูกค้าคนหนึ่ง และลูกค้าคนนั้นก็มองเงาของน้ำผึ้งที่กระจกเงา

“คนนี้เหรอน้ำผึ้ง”

“ค่ะพี่อี๊ด”

น้ำผึ้งไม่รู้หรอกว่า คนชื่ออี๊ดเป็นใคร แต่ด้วยคิดว่าก่อนหน้านั้น ผู้ใหญ่ในร้านคงพูดถึงตนประกอบกับคนชื่ออี๊ดนั้นเหมือนจะทักทายตนโดยการเอ่ยชื่อ ...น้ำผึ้งจึงยกมือสวัสดี และผู้หญิงที่ชื่ออี๊ดก็พยักหน้าเบา ๆ

“สวยแปลกตาดีนะ”

“หน่องชอบตรงที่เขาสูง...แล้วก็ดูเป็นธรรมชาติ”

“ผิวคล้ำไปหน่อยนะ แต่ว่าผิวแบบนี้เขาเรียกผิวสีน้ำผึ้ง น้ำผึ้งสมชื่อ”

“เดี๋ยวก็ขัดได้จ้าพี่...ลงแป้งลงครีมเดี๋ยวก็ขาวโบ๊ะ”

น้ำผึ้งยังยืนเป็นเป้านิ่งให้คชาพัฒน์ที่ง่วนอยู่กับชุดสำหรับใส่ประกวดที่ยังติดอยู่กับหุ่นตรงมุมห้องพูดคุยกับผู้หญิงชื่ออี๊ด กระทั่งนัยนิตเอ่ยช่วยเหลือว่า

“นั่งก่อนซิผึ้ง”

น้ำผึ้งทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาสีแดง โดยรู้สึกว่า สายตาของคนชื่ออี๊ดนั้นมองมาที่ตน น้ำผึ้งรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากจึงได้คว้าหนังสือพิมพ์มาพลิกอ่านบังหน้าตนเองไว้ กระทั่งอึดใจใหญ่ๆ คชาพัฒน์ที่บัดนี้กลายเป็นนายเงินน้ำผึ้งไปแล้วเพราะเขาได้จ่ายเงินให้แม่ของน้ำผึ้งถึงห้าพันบาทเพื่อเป็นค่าตัวที่พาน้ำผึ้งไปประกวดในครั้งนี้ ก็เรียกให้น้ำผึ้งเดินตามตนเองไปยังชั้นลอยที่เป็นห้องโล่ง ๆ มีกระจกเงาบานใหญ่เห็นตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้าหนึ่งบาน มีตู้ใส่ของใบใหญ่อยู่มุมห้อง มีพัดลมติดตั้งพื้นตัวใหญ่สองตัวและมีเก้าอี้พลาสติกอีกสามสี่ตัว

“พี่หน่อง คนชื่ออี๊ดนี่ใครเหรอ ผึ้งไม่เคยเห็นหน้าเลย” ลับหูลับตาคนข้างล่างแล้วน้ำผึ้งก็เอ่ยปากถามทันที

“เจ้าของรีสอร์ทที่จะเปิดใหม่ ตรงทางเข้าน้ำตก เขามาทำผมกับพี่หลายครั้งแล้ว...คุยกันถูกคอ”

“สายตาของเขาแปลก ๆ”

“แปลกอย่างไง”

“มองผึ้งจังเลย พี่คุยถึงผึ้งให้เขารู้อย่างไรบ้าง”

“ก็พูดจาเรื่อยเปื่อยไปตามประสาพี่แหละ...” ปากชวนน้ำผึ้งคุยแต่ว่าสายตาของคชาพัฒน์ก็มองไปยังตู้เก็บของมุมห้องก่อนจะเดินเข้าไปเปิดประตู...

ในนั้นมีสิ่งของประดามีที่น้ำผึ้งไม่เห็นหรอกว่ามีอะไรบ้าง แล้วคชาพัฒน์ก็ถามน้ำผึ้งว่า

“ใส่รองเท้าเบอร์อะไร”

“เบอร์ 42”

“ชิบหายแล้ว” คชาพัฒน์นั้นอุทานเสียงดัง

“อะไรพี่”

“เท้าคนหรืออะไรล่ะนั่น รองเท้าในสต็อกพี่ไม่มีเบอร์นี้เลย ยุ่งแล้วซิ” แล้วคชาพัฒน์ก็ถอนหายใจอย่าง
แรง ก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสามส่วนแล้วก็โทรไปร้านขายรองเท้าที่อยู่ในเมือง...

“มีรองเท้าสีขาวเบอร์ 42 ไหม มีหรือฮะ หน่องจองไว้คู่หนึ่งนะเดี๋ยวจะเข้าไปดู...” วางโทรศัพท์ลงแล้ว คชาพัฒน์ก็หันมาหาน้ำผึ้งที่ยืนนิ่งอยู่

“เคยใส่รองเท้าส้นสูงไหม”

“ไม่เคยค่ะ”

คชาพัฒน์พ่นลมหายใจออกจากปากอย่างแรง...แล้วก็สูดเข้าไปใหม่

“ผึ้งถอนตัวไม่ได้แล้วใช่ไหมพี่”

“มาถึงขั้นนี้แล้ว เงินพี่ก็จ่ายแม่ผึ้งไปแล้วด้วย ถอนไม่ได้เด็ดขาดและผึ้งจะต้องทำหน้าที่ให้สุดความสามารถด้วย อย่าให้พี่ต้องขายหน้า เพราะถ้าผึ้งทำได้นอกจากผึ้งจะได้เงินเพิ่มแล้วผึ้งก็จะได้ชื่อเสียงด้วย” น้ำเสียงของคชาพัฒน์จริงจัง...เพราะว่าจวงจันทร์นั้น เอาไปพูดในเชิงขบขันว่าสามารถทำให้ คชาพัฒน์เสียเงินห้าพันบาทเพื่อเป็นค่าตัวน้ำผึ้งได้ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้อยากได้น้ำผึ้งไปขึ้นเวทีด้วยเลยสักนิด เพราะตนเองนั้นมีเด็กที่จะส่งแล้วนั่นเอง

“ค่ะ”

“ก่อนอื่นพี่ต้องมาปรับทัศนคติของผึ้งก่อนแล้วกันนะ...ผึ้งมีความรู้เรื่องการประกวดนางงามแค่ไหน”

“ไม่มีเลยพี่ ผึ้งไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย”

“นางงามต้องสวย ต้องขยันยิ้ม ใบหน้าต้องเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ต้องเดินสวยสง่างามดุจนางพญา เยื้องย่าง เวลายืนก็ต้องยืนอย่างนางหงส์”

“นางหงส์ ยืนอย่างไรหรือพี่”

“ดูพี่เป็นตัวอย่าง” แล้วคชาพัฒน์ก็ขยับขา แขน ไหล่ คอ และใบหน้าของตนเองให้เป็นนางหงส์ซึ่งน้ำผึ้งก็ขำกรากในทันที...

“ขำอะไร...”

“ก็มันขำอ่ะพี่...ผึ้งจะทำได้ไหมเนี่ย”

“ทำได้ ไม่ได้ ก็ต้องทำ ไหน ๆ ลองทำเลย ขาตรง ไหล่อย่าให้งุ้ม งอศอกหน่อย มือยังไม่ต้องจับกัน และคอต้องตั้ง ใบหน้า อย่าเชิดมาก ทำให้เป็นธรรมชาติ ทำเหมือนไม่ได้เก็กสวย แต่ว่าสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกอย่างต้องดูดัดจริตอย่างเป็นธรรมชาติ เน้นว่าต้องดัดจริตอย่างเป็นธรรมชาติ”

“ทำอย่างไรละพี่”

“อ้าว ไม่เคยดูนางงามประกวดหรืออย่างไร ประเทศไทยมีเป็นร้อยเป็นพันเวที”

“ผึ้งไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพวกนี้จริง ๆ พี่ ดูแต่กีฬา แล้วตอนหลัง ผึ้งก็มาสนใจเรื่องอาหารซะมากกว่า”

“จ๊ะ...รับทราบ ตอนนี้ ผึ้งลองหันไปหากระจกแล้วเดินเข้าไปหยุดยืนอย่างที่พี่สอน เริ่ม”น้ำเสียงของคชาพัฒน์จริงจัง
น้ำผึ้งที่อยู่ในชุดกางเกงวอร์มของโรงเรียนเสื้อยืดคอปกสีเขียวปฏิบัติตามในทันที เพราะพื้นเดิมของน้ำผึ้งนั้นเป็นนักกีฬา คำสั่งของโค้ชจึงเป็นเรื่องสำคัญ...

“มองตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าซิว่า เป็นนางหงส์หรือยัง ตรงไหนที่คิดว่าเป็นจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง”

“ผึ้งไม่สวยเลยนะพี่ หน้าด้ำดำ”

“พี่ถามเรื่องการยืน”

น้ำผึ้งขยับ ขา แขน ศอก ไหล่ คอ และใบหน้าอีกครั้ง ใบหน้านั้นเรียบเฉย มุ่งมั่น...เพราะถ้าถอยไม่ได้แล้ว น้ำผึ้งก็ต้องสู้...เหมือนกับเวลาที่ลงแข่งขันวอลเลย์บอล แม้จะรู้ว่าแพ้แต่จะออมแรงไว้ไม่ได้ ถ้ายังไม่หมดเกมการแข่งขัน

“ยังไม่ใช่”

น้ำผึ้งขยับตัวอีกครั้ง...อีกครั้ง และอีกครั้ง กระทั่ง

“อืม...เริ่มเป็นหงส์แล้ว...ทีนี้หงส์ก็ต้องเป็นหงส์ที่ยิ้มสวยด้วย...เพราะเรื่องยิ้มเป็นสิ่งสำคัญมากมายมหาศาลของการเป็นนางงาม” คชาพัฒน์พยายามพูดให้ตลกแต่ว่าน้ำผึ้งไม่ได้ขำกรากออกมามีเพียงรู้สึกว่ามันยากที่จะต้องยิ้มอย่างไม่มีเหตุผล...

“ยิ้ม” คชาพัฒน์สั่งสั้น ๆ ห้วน ๆ น้ำผึ้งก็แสยะยิ้มมาได้หน่อยก่อนจะหลุดขำ...

“ยิ้มอย่างไรพี่ ผึ้งยิ้มไม่ออก”

“ผึ้ง จำวันที่พี่เห็นผึ้งวันนั้นได้ไหม วันที่ผึ้งยิ้มให้พี่น่ะ...วันนั้นผึ้งเห็นอะไร ผึ้งถึงยิ้มได้หวานขนาดนั้น”

“ก็เห็นพี่เดินมา รู้ว่าพี่ต้องมาซื้อลูกชิ้นผึ้งแน่ ๆ”

“นั่นแหละ ยิ้มเหมือนยิ้มให้คนที่มั่นใจว่าเขาจะช่วยซื้อลูกชิ้น...ยิ้มให้เป็นธรรมชาติอย่างวันนั้น รับรอง กรรมการสิบคน เทคะแนนให้ผึ้งหมดแหละ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“อืม...แน่นอน ลองอีกที ยิ้ม...”

น้ำผึ้งลองยิ้มกับกระจกแต่ว่ามันก็ยังไม่ใช่สำหรับคชาพัฒน์...

“เอาใหม่ พี่จะถามผึ้งใหม่ ผึ้งมีคนที่ผึ้งแอบชอบบ้างไหม”

“แอบชอบ” ใบหน้าของวรรณศุกร์ลอยเข้ามาพร้อมกับที่น้ำผึ้งทวนคำเบา ๆ...

“คนที่ผึ้งอยากเอาชนะใจเขาน่ะ อยากได้เขามาเป็นแฟน เป็นคู่ควง เป็นคนรัก เป็นสามี เป็นพ่อของลูก เป็นหัวหน้าครอบครัว เขาเรียกว่าคนที่แอบชอบ มีไหม?”

น้ำผึ้งกรอกตาไปมา อมยิ้มนิด ๆ เพราะถ้าบอกความจริงออกไป มีหวังเรื่องใหญ่แน่ ๆ

“ไม่มี”

“แล้วกับภานุวัฒน์”

คราวนี้น้ำผึ้งส่ายหน้าในทันที เพราะเธอไม่เคยรู้สึกพิเศษอะไรกับภานุวัฒน์

“แสดงว่าผึ้งมีคนที่ผึ้งแอบชอบอยู่ พี่จะไม่ถามนะว่าเป็นใคร”

“พี่รู้ได้อย่างไร”

“อ้าว ตอนที่เธอตอบว่าไม่มีนั่นแหละ พี่รู้แล้วว่ามันมี แต่เธอไม่ยอมบอกว่าคือใคร พี่โดนน้ำร้อนลวกมาก่อนนะ พี่ดูออกหรอกน่า”
ใบหน้าของน้ำผึ้งแดงซ่านขึ้นมา...

“คนที่บ้านไพรนี่หรือเปล่า”

“แล้วผึ้งจะไปเจอใครที่ไหนได้ละพี่”

“เพื่อนที่โรงเรียนเหรอ”

“ไม่มีเลยค่ะ...ผึ้งไม่สวย”

“หยุดคิดว่าตัวเองไม่สวยได้แล้ว ถ้าไม่สวย ไอ้วัฒน์มันจะจีบเหรอ”

“พี่วัฒน์ก็ทำไปอย่างนั้นแหละพี่ กลับมาคราวหน้าก็คงจะมาบอกผึ้งว่า มีแฟนใหม่แล้ว อย่าไปสนใจเขาเลย”

“อนาคตคุณนายเลยนะ...ถึงแม้ว่าเรียนจบมาแล้วจะมียศแค่นายสิบแต่ว่ามันก็ไต่เต้ากันได้ เผลอเดี๋ยวเดียวก็เป็นนายร้อยนายพันมีเงินเดือนหลายหมื่น แถมบ้านมันก็มีเงินอยู่แล้ว”

น้ำผึ้งถอนหายใจเบาๆ

“ตกลงพี่จะให้ผึ้งหัดยิ้มหวานหรือจะมาพูดเรื่องความรัก”

“ความรักกับรอยยิ้มเป็นของคู่กันจ้ะ คนมีความรักจะยิ้มได้ทั้งวัน...”

“แล้วพี่ล่ะ มีความรักหรือเปล่า”

“ยิ้มหวานได้ทั้งวันขนาดนี้จะไม่มีได้อย่างไร...แต่อย่ารู้เลยว่าเป็นใคร...” ยังไม่ทันที่จะชวนน้ำผึ้งคุยต่อเพื่อลดความตึงเครียดกับต้องการสร้างความเป็นกันเองโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของคชาพัฒน์ก็ดังขึ้น คราวนี้เป็นเบอร์จากป้าสมาน...

“มีอะไรหรือป้า”

“ป้าทำแกงเปอะน่ะมาเอาไปกินนะ กำลังร้อน ๆ เลย ว่างหรือเปล่าล่ะ”

“ว่างครับ”

“งั้นรีบมานะ ป้าตักใส่ถุงไว้เลย แล้วจะออกมานั่งรอตรงโต๊ะใกล้ ๆ ประตูบ้านนะ”

“เดี๋ยวให้น้ำผึ้งไปเอานะป้า ผึ้งขี่มอเตอร์ไซค์เร็วดี”

วางสายจากป้าสมานแล้ว คชาพัฒน์ก็บอกให้น้ำผึ้งรีบไปที่บ้านของคุณนายวรรณี



คณะที่วรรณศุกร์เลี้ยวรถเข้าประตูรั้วบ้าน น้ำผึ้งก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงพอดี วรรณศุกร์ไม่ได้เอารถเข้าไปยังโรงจอดแสดงว่าเขาจะต้องออกไปข้างนอกอีก ป้าสมานที่นั่งรอน้ำผึ้งอยู่ก็ลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ และด้วยลุกเร็วจึงทำให้รู้สึกยอกที่หลังจนต้องร้องโอดโอย...ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวด...

“เป็นอะไรไปป้า” วรรณศุกร์ที่เปิดประตูรถลงมาพอดีร้องถาม...พอดีกับที่น้ำผึ้งขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดตรงรั้วแล้วลงจากรถเดินมา คราวนี้น้ำผึ้งยิ้มให้เขา...เขาก็ยิ้มให้น้ำผึ้งเพราะอยู่ในระยะที่ประเชิญหน้ากัน

“หลังยอกน่ะ เผลอยกของหนักผิดท่า มาผึ้งมา แกงนี่ตักไว้แล้ว” นางสมานที่ทรุดตัวลงไปนั่งตามเดิมเรียกน้ำผึ้งให้เดินเข้าไปเอาของ...

“เป็นอะไรหรือป้า” นางผึ้งเอ่ยปากถามเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของนางสมาน

“ปวดหลัง รีบลุกไปหน่อย”

“ว่าง ๆ ไปเช็คร่างกายบ้างก็ดีนะป้า...” วรรณศุกร์แสดงความห่วงใย

“ไม่เอาหรอก คนแก่น่ะ เส้นมันยึด...”

“ให้ผึ้งนวดให้ไหม”

“นวดเป็นเหรอ”

“ป้าสำรวยยังจ้างผึ้งนวดเลยป้า...”

“จ้างเลยเหรอ”

“ชั่วโมงละ 50 บาทเอง” น้ำผึ้งรีบบอกราคาค่าแรงของตัวเอง

“นวดหรือจับ ๆ บีบ ๆ” ป้าสมานซักไซ้

“นวดซิป้า ตอนปิดเทอมใหญ่เมื่อปีก่อน ๆ ยายผึ้งที่อยู่บ้านน้ำซึม สอนผึ้งไว้”

“เพิ่งรู้ว่าเก่งหลายทางเป็นหมอนวดก็ได้” วรรณศุกร์แซวยิ้ม ๆ

“แต่ผึ้งจะนวดให้เฉพาะผู้หญิงนะ ผู้ชายผึ้งไม่นวด...”

“อ้าว ทำไมล่ะ ผู้ชายก็ปวดเมื่อยเป็น”

“ก็ครูของยาย ผึ้งครอบครูกับยายน่ะ เขาไม่ให้นวดผู้ชาย ให้นวดแต่ผู้หญิง”

“ตกลงชั่วโมงละ 50 บาทเหรอ...เดี๋ยวจะถามคุณนายให้นะ ขานั้นชอบนวดเหมือนกัน ยายพร้อมแกก็ไม่ค่อยจะมีแรงแล้ว เดี๋ยววันหลังจะเรียกมาใช้บริการ...แล้ววันนี้ไปอยู่กับหน่องเขาได้อย่างไรล่ะ ถึงได้มาเอาแกงให้เขา” นางสมานนั้นยังไม่รู้ว่าน้ำผึ้งนั้นกลายเป็นเด็กในสังกัดของคชาพัฒน์ไปแล้ว

“ผึ้งเขาไปเตรียมตัวขึ้นเวทีนะป้า” วรรณศุกร์บอกเสียเอง

“จะขึ้นประกวดเหรอ” นางสมานตาเหลือกทีเดียว...

“จ้ะ ผึ้งจะขึ้นประกวดวันเสาร์นี้ที่ปราจีนบุรี เวทีธิดากระท้อนหวาน”

“แล้วจะได้ไหมเนี่ย มันสวยตรงไหนกัน...” นางสมานพยายามเพ่งพิศ มองน้ำผึ้งตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช้สายตามองขึ้นลง ๆ จนวรรณศุกร์ยิ้มขำ ส่วนน้ำผึ้งนั้นได้แต่ทำหน้าเหรอหราเพราะสูญเสียความมั่นใจ

“ป้าอยากไปลุ้นชนิดชอบเวทีไหมล่ะ...”

“อยากซิ”

“เดี๋ยวผมจะพาไป คืนวันเสาร์นี้”

“จะทิ้งบ้านได้อย่างไร” วันศุกร์ตอนเย็นนางวรรณี มีโปรแกรมไปเที่ยวสัมมนาที่ประจวบคีรีขันธ์กับสโมสร จะกลับมาถึงบ้านก็คืนวันอาทิตย์

“กล้องวงจรปิดมี จะไปกลัวอะไร...”

“ถ้าขโมยขึ้นบ้าน คุณนายเอาเราตายเลย”

“แล้วป้าเคยได้ยินข่าวขโมยขึ้นบ้านใครแถวนี้บ้างล่ะ บ้านเรารั้วรอบขอบชิดซะขนาดนี้ หรือป้าจะเฝ้าบ้าน”

“คุณศุกร์จะไปดูจริง ๆ เหรอ”

“ถ้าป้าอยากไป ผมก็จะขับรถให้...รีบไปรีบกลับ” ใจจริงวรรณศุกร์อยากไปเห็นเหมือนกันว่า น้ำผึ้งจากตำบลบ้านไพรคนนี้ ขึ้นเวทีครั้งแรกจะเป็นอย่างไร ฝ่ายน้ำผึ้งเองแม้จะดีใจที่รู้ว่าวรรณศุกร์อยากไปดู...แต่อีกใจ...น้ำผึ้งก็กลัวว่าจะทำขายหน้าให้เขาเอามาล้อได้ในวันหลัง

“จะไปจริง ๆ เหรอคะ”

“หรือไม่อยากให้ไปดู”

“ผึ้งจะไปห้ามอะไรได้ล่ะ”

“ตกลงไปนะป้า แต่เก็บไว้เป็นความลับนะ อย่าให้คุณแม่รู้เด็ดขาด”

“ค่ะ ๆ ๆ ได้...แต่ทำไมคุณแม่จะรู้ไม่ได้ละ”

“ป้าก็รู้ว่าคุณแม่ห่วงบ้านอย่างกับอะไร ถ้ารู้ว่าไม่มีใครอยู่ เดี๋ยวแกก็เครียดขึ้นมาอีก”

“ไปว่าแม่ว่าเชื้อ”

“ไป ๆ น้ำผึ้ง รีบเอาแกงไปให้หน่องเขาเถอะ...มานานแล้ว”

“ค่ะ ๆ ขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วน้ำผึ้งก็ผละไปยังรถมอเตอร์ไซค์ แต่เมื่อสตาร์ทรถติดแล้ว หูของน้ำผึ้งก็ได้ยิน ป้าสมานตะโกนถามมาว่า

“นี่ถ้าได้ตำแหน่งธิดากระท้อนหวานแล้วยังจะรับจ้างนวดอยู่หรือเปล่า”

“รับจ้ะ...แต่ค่าตัวคงไม่ใช่ชั่วโมงละ 50 บาทแล้วนะป้า...ขอขึ้นอีก 3 เท่าแล้วกัน...”

“ไอ้เด็กขี้งก”...

“ผึ้งก็อยากรวยเหมือนคนอื่น ๆ เขาเหมือนกันนี่...ไปแล้ว ๆ”









จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2556, 08:56:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2556, 22:04:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1930





<< 6.ศึกศักดิ์ศรี   8. “ไอ้การเป็นพี่เลี้ยงนางงามนี่มันได้เงินดีหรือไงวะศุกร์ >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 17 มิ.ย. 2556, 08:57:29 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจครับ...//ขอกำลังใจให้น้ำผึ้งบ้านไพรคนนี้ด้วยนะฮะ...จุ๊บ ๆ


mottanoy 17 มิ.ย. 2556, 10:19:06 น.
มาเป็นกำลังใจค่า เชียร์สุดแรง


เดิมเดิม 17 มิ.ย. 2556, 11:15:59 น.
เฮ น้ำผึ้งธิดากระท้อนหวาน สู้ๆ


คิมหันตุ์ 17 มิ.ย. 2556, 11:29:44 น.
ฮ่าฮ่า คุณศุกร์ นี่หาเรื่องไปเชียร์ได้แนบเนียนมาก


สิรินดา 17 มิ.ย. 2556, 14:16:15 น.
ผ่านมาทักทายคับผม


nateetip 17 มิ.ย. 2556, 19:34:46 น.
น้ำผึ้งน่ารัก


Zephyr 17 มิ.ย. 2556, 20:45:55 น.
มาเกาะขอบเชียร์ผึ้งไปเป็นนางงาม


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:28:40 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account