น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 9. “พี่ลางสังหรณ์ว่าน้ำผึ้งจะไม่ได้หยุดแค่ธิดากระท้อนหวานหรอก"
9.
“นึกอย่างไรถึงเอาน้ำผึ้งไปประกวด” คุณนายวรรณีเอ่ยปากถามคชาพัฒน์ขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ให้ นัยนิตม้วนผมเพื่อเตรียมตัวไปงานกินเลี้ยงกับพวกหมู่ในค่ำคืนนี้
“หน่องก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ ยังแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น หน่องก็ไม่เห็นว่าผึ้งเค้าสวย”
“แล้วทำไมเห็นว่าเขาสวย”
“เขายิ้มให้หน่องวันนั้นฮะ บอกไม่ถูก รู้สึกแปลบปลาบใจขึ้นมาเลย รู้สึกว่ามันใช่เลย...แต่ว่าไปเขาก็ยิ้มให้หน่องมาตลอดนะ"
“ถึงเวลาของเขามั้ง ถึงได้มองเห็น...แต่จริง ๆ น้ำผึ้งเขาซ่อนความสวยไว้นะ...ตาถึงมากทีเดียว”
“คุณนายเห็นเหมือนกันหรือฮะ”
“เห็น ชอบหุ่นเขา ชอบคอเขา คนแบบน้ำผึ้งเขาเรียกว่าคอระหง เหมาะที่จะเป็นนางแบบใส่เสื้อผ้าเดินบนเวที...แต่ลองขึ้นเวทีนางงามดู ดีไม่ดีอาจจะได้ทั้งสองอย่างเลยก็ได้”
“นางงาม นางแบบ”
“ก็ช่วยดันไปให้ถึงที่สุดแล้วกัน เห็นทำงานงก ๆ ช่วยแม่เลี้ยงน้องแล้วก็สงสาร มีอะไรให้ช่วยก็บอก...”
“บอกเลยได้ไหมละฮะ”
“อะไรล่ะ”
“อยากได้ผ้านุ่งสักผืน ขอสีแจ่ม ๆ ให้น้ำผึ้งใส่ขึ้นเวทีธิดากระท้อนหวานนี้เลยฮะ”
“ได้ เดี๋ยวกลับไปจะไปค้นให้...”
“ขอบคุณมาก ๆ ครับ...”
กลับจากโรงเรียนแล้วน้ำผึ้งก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าขี่จักรยานมาที่ร้านของคชาพัฒน์เพราะว่าวันนี้คชาพัฒน์จะสอนให้น้ำผึ้งฝึกเดินโดยสวมโรงเท้าส้นสูง ฝึกยืนอยู่บนเวที ฝึกยิ้มโปรยปรายเรียกคะแนนและฝึกตอบคำถามหากว่าน้ำผึ้งเข้ารอบสุดท้าย...ซึ่งข้อหลังสุดนี้น้ำผึ้งคิดว่าเป็นเรื่องยากที่สุดของการเป็นนางงาม
แต่ด้วยเสียงเยาะเย้ยถากถางสบประมาทจากเพื่อนบางคน และเงินรางวัลที่คชาพัฒน์บอกว่า จะต้องถูกหารสองหลังจากได้มาแล้ว ทำให้ใจของน้ำผึ้งรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา เมื่อถอยไม่ได้แล้วเธอก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
“ผ้านุ่งผืนนี้สวยจังเลย” ผ้าไหมทอมือเนื้อละเอียดสีเขียวปีกแมลงทับมันวาวมีลวดลายไทยเล็ก ๆ ที่ คชาพัฒน์นำออกมาให้น้ำผึ้งดู ทำให้น้ำผึ้งต้องเอ่ยชมออกมา
“ของคุณนายวรรณีเขาน่ะ เขาบอกว่าผืนนี้เป็นผ้าเก่า เขาตัดไว้ตั้งยี่สิบปีที่แล้วเลยนะ แต่เขาเก็บรักษาไว้อย่างดีมันเลยเหมือนผ้าใหม่”
“แล้วพี่หน่องเอามาได้อย่างไรล่ะ”
“ต่อไปผึ้งจะต้องหัดพูดให้ลงท้ายคะ ๆ ขา ๆ นะ จะได้ติดเป็นนิสัย...”
“ค่ะ”
“ก็วันนี้คุณนายวรรณีมาทำผม คุยกันไปคุยกันมา...เขาว่าเขาอยากช่วยผึ้งอยู่เหมือนกัน พี่ก็เลยได้ทียืมผ้านุ่งมาให้ผึ้งใส่ขึ้นเวทีซะเลย เพราะผืนที่มีอยู่มันผ้าทอธรรมดาราคาถูก ๆ...”
น้ำผึ้งนิ่งฟัง
“ลองนุ่งดูซิ ถ้ามันใส่ไม่ได้จะได้รีบขยับตะขอซะก่อนวันไปงาน”
หลังจากนุ่งผ้าผืนนั้นทับเสื้อยืดคอกลมสีดำของตนแล้ว น้ำผึ้งก็เดินออกมาจากบังตา...
“พอดีเป๊ะเลยใช่ไหม ไม่คับไม่หลวมใช่ไหม”
ตอนแรกน้ำผึ้งจะพยักหน้า แต่เมื่อนึกได้ว่า ควรจะฝึก คะ ขา ให้ติดปากน้ำผึ้งจะบอกว่า
“ค่ะ”
“งั้นก็มาใส่รองเท้าแล้วก็ลองเดินดู”
น้ำผึ้งเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะก้มใส่รองเท้าส้นสูงสีงาช้างแล้วก็ยืนขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ...
“สวยมากเลยผึ้ง หุ่นผึ้งดีมากเลย”
น้ำผึ้งมองตัวเองกับกระจกเงาบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทันที...แล้วใจที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีพอที่จะไปอวดโฉมใครเขาได้ ก็เริ่มเปลี่ยนไป...
“ต่อไปผึ้งลองหัดเดินนะ...เดินแบบนางงาม”
“เดินอย่างไรพี่”
“ดูพี่เป็นตัวอย่าง...” ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็เดินออกไปนอกห้อง แล้วก็ทำเสียงเหมือนพิธีกรประกาศเรียกชื่อนางงามที่จะขึ้นเวทีลำดับถัดไป...
“หมายเลข 5 นางสาวน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ อายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านไพรวิทยา สูง 172 เซนติเมตร สัดส่วน 33 23 36 น้ำหนัก 51 กิโลกรัม ร้านรัตนะไพรวัลย์จักรยานยนต์ส่งเข้าประกวด”
แล้วคชาพัฒน์ก็เดินนวยนาดยิ้มหวานเข้ามาหยุดโพสต์ท่า...ยิ้มกวาดตาไปรอบทิศทางแล้วก็เดินอย่างนางหงส์ไปรอบ ๆ ห้อง มีหยุดเป็นช่วง ๆ ยิ้มโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา...
“ทำแบบนี้แหละ...ลองดู”
น้ำผึ้งที่สวมรองเท้าส้นสูงครั้งแรก ค่อย ๆ เตาะแตะพาตัวเองออกไปจากห้อง แล้วพอคชาพัฒน์เลียนเสียงพิธีกรบนเวที...น้ำผึ้งก็ค่อย ๆ เดินยิ้มออกมา เก้ ๆ กัง ๆ กระโดกกระเดก ขัดใจคชาพัฒน์เป็นอย่างมาก...
“ท่าเดินยังไม่ผ่านอ่ะผึ้ง มันดูเกร็ง ๆ มันดูไม่เป็นธรรมชาติ มันยังไม่ใช่ท่าเดินของนางงาม”
“ผึ้งกลัวล้มค่ะพี่”
“งั้นก็ฝึกเดินไปเดินมาอย่างเดียวก่อน...”
น้ำผึ้งใช้เวลากับการเดินบนรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่เอี่ยมราว ๆ หนึ่งชั่วโมงโดยมีคชาพัฒน์นั่งดูแล้วเป็นเทรนเนอร์คอยปรับท่วงท่าระหว่างที่ย่างกราย กระทั่งเป็นที่พอตาพอใจ...
“พอได้แล้วแหละ...แล้วอีกเรื่อง พี่ว่า ชื่อน้ำผึ้งมันเชยไปว่ะ...”
“แล้วจะให้ทำอย่างไรละพี่”
“คิดว่าต้องเปลี่ยน”
“ไม่เอานะ ผึ้งไม่เปลี่ยนชื่อหรอก” น้ำผึ้งนั้นคิดว่าต้องไปเปลี่ยนชื่อเป็นเรื่องเป็นราวที่อำเภอ เปลี่ยนทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนใหม่
“แค่นามแฝงใช้ในตอนประกวดเท่านั้น ในบัตรประชาชนก็ยังเป็นชื่อน้ำผึ้ง ไพรวัลย์เหมือนเดิมนี่แหละ”
“งั้นก็ได้...”
“เอาเป็นอะไรดี...เคยคิดจะมีชื่ออะไรบ้างไหม”
“ผึ้งว่า ชื่อน้ำผึ้งก็เพราะและหวานอยู่แล้วพี่...คือมันดูเชย ๆ แต่มันก็ไม่เหมือนใครใน พ.ศ.นี้นะ”
“แต่ถ้าขึ้นเวทีไปแล้ว ใช้ชื่อน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ มันเชยมากมายมหาศาลมันไม่ใช่ชื่อของนางงาม”
“แล้วนางงามควรจะมีชื่ออย่างไร”
“อุษามณี อรพรรณศรี มณีรัตนา ดารากระจ่าง สว่างจิต เทือก ๆ นี้แหละ”
น้ำผึ้งย่นจมูกก่อนจะบอกว่า “งั้นพี่ก็หาชื่อมาให้ผึ้งเลือกแล้วกันค่ะ”
“ห้ามย่นจมูกมันไม่งาม” คชาพัมฒ์รีบห้ามทันที...และหลังน้ำผึ้งตอบรับว่า ‘ค่ะ’ คชาพัฒน์ที่ดูจะพอใจกับนิสัยว่าง่ายสอนง่ายของน้ำผึ้งก็บอกว่า
“เดี๋ยวพี่โทรหาเพื่อนพี่ก่อน นังนี่ มันเก่งเรื่องเปลี่ยนชื่อนางงาม ชื่อเดิม เฉลียว มันยังเปลี่ยน แสงระวี จนได้ตำแหน่งนางงามกะท้อนหวานมาแล้ว” ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็ดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาต่อสายหาปัญจพล หรือ ต้นอ้อ ที่อยู่นครนายก ต่อปากต่อคำกันพอหอมปากหอมคอ...คชาพัฒน์ก็ได้ชื่อใหม่ของน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ ว่า นางสาวกัญชพร ที่แปลว่า น้ำผึ้ง ส่วนนามสกุลนั้นก็คงใช้นามสกุล ไพรวัลย์ ตามเดิมเพราะกรรมการและประชาชนจะได้เห็นว่า นางงามคนนี้มีรากเหง้าเป็นมาอย่างไร
...และอีกไม่นานต่อมา ชื่อ ‘กัญชพร ไพรวัลย์’ นี้ก็โด่งดังไปทั่วสยามประเทศเลยทีเดียว...
เย็นวันศุกร์ก่อนวันเดินทางไปประกวดหนึ่งวัน คชาพัฒน์ก็พาน้ำผึ้งไปบนบานกับหลวงพ่อหิน แล้วก็พากลับมาที่ร้าน เข้าสู่โปรแกรม ‘ขัดสีฉวีวรรณ’ โดยครั้งนี้คนที่เข้ามาวุ่นวายกับน้ำผึ้งคือนัยนิตที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันแทนคชาพัฒน์...แต่ด้วยนัยนิตเป็นคนมีบุคลิคเหมือนผู้ชาย...น้ำผึ้งจึงรู้สึกขัดเขินอยู่ดี...
“ผึ้งว่าผึ้งขอขัดตัวผึ้งเองดีกว่านะ” เมื่อน้ำผึ้งนุ่งกระโจมอกแล้ว นัยนิตก็ถือถ้วยใส่ โยเกิร์ต มะขามเปียก น้ำผึ้ง น้ำมันมะพร้าว ที่ถูกคนให้เข้ากันทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงเข้ามาหา
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขัดให้ได้ มันต้องขัดทั้งตัวหลังเหลิงขัดหมด...”
“แต่งานนี้ใส่เสื้อแขนกระบอกไม่ใช่เหรอ” ...คชาพัฒน์ได้บอกกับน้ำผึ้งแล้วว่าเสื้อผ้าของนางงามแต่ละเวทีนั้นแตกต่างกัน ถ้าเป็นพวกงาน บรรดา ‘ธิดา’ ทั้งหลาย ก็จะเป็นนุ่งผ้าถุงใส่เสื้อแขนกระบอก แต่ถ้าเป็น เทพีหรือนางนพมาศ ก็จะเป็นชุดไทยสไบเฉียง ถ้าเป็นนางสงกรานต์อาจจะต้องได้นุ่งโจงกระเบนเสื้อผ้าลูกไม้แขนตุ๊กตา
นอกจากเสื้อผ้าแล้วทรงผมของบรรดานางงามแต่ละเวทีก็แตกต่างกันด้วย...
ธิดากระท้อนหวานนี้ ทรงผมของน้ำผึ้งจะเป็นทรงเกล้าข้างหน้าแล้วด้านหลังใช้วิกผมยาวช่วยแล้วทัดดอกไม้และเมื่อได้ลองเสื้อกับผ้านุ่งและลองทำผมไปแล้วน้ำผึ้งก็เปลี่ยนจากน้ำผึ้งคนเดิมไปอย่างสิ้นเชิง...และ คชาพัฒน์กับนัยนิตก็ช่วยกันเก็บภาพเอาไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ด้วย...เพราะเมื่อถ่ายรูปแล้วก็จะเห็นว่า หน้าตาในกล้องของนางงามเป็นอย่างไรและน้ำผึ้งนั้นก็ขึ้นกล้องเป็นอย่างมาก
...มากจนคชาพัฒน์รู้สึกมีความหวังขึ้นมา
“อย่างไรมันก็ต้องขัดทั้งตัว...ทำไปเหอะ...”
“แต่ผึ้งอาย”
“อายอะไร เราก็ผู้หญิงเหมือนกัน”
“แต่พี่นิต...”
นัยนิตหัวเราะเบา ๆ
“กลัวว่าพี่จะเป็นทอมเป็นเลสเบี้ยนเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่ก็ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่พี่ชอบแต่งตัวสไตล์นี้แหละ มันคล่องตัวดี”
“แล้วทำไมไม่อยากแต่งเป็นผู้หญิง”
“เอาตรง ๆ นะ พี่มีพ่อเลี้ยงน่ะ แม่พี่เปลี่ยนผัวเป็นว่าเล่นเลย ก็ต้องซ่อนความเป็นหญิงไว้บ้าง แล้วพี่เองก็ไม่ได้นึกอยากมีครอบครัวด้วย...”
“ทำไมล่ะ”
“ล่ะคะด้วยซิ” แม้จะไม่ค่อยชอบกับอาชีพเสริมของคชาพัฒน์แต่เมื่อห้ามไม่ได้ นัยนิตกับสำลีก็ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ทำไมล่ะคะ”
“พี่ว่ามันน่าเบื่อ พ่อแม่พี่เลิกกัน พ่อมีเมียใหม่ อยู่กับเมียใหม่ก็ทะเลาะกันตลอด แต่ก็ทนอยู่กันมาได้จนมีลูกอีกสามคน ส่วนแม่พี่ไม่ใช่คนมีน้ำอดน้ำทน ไม่พอใจใครก็เลิก แล้วก็หาใหม่ไปเรื่อย ๆ แล้วก็กระเตง ๆ พี่ไปด้วย”
“แล้วแม่พี่มีลูกอีกหรือเปล่า”
“มีลูกชายอีกคนแล้วก็ทำหมันไปแล้ว น้องชายพี่เป็นทหารยศนายสิบมีเมียไปแล้ว พี่เหมือนคนไม่มีครอบครัว จบ ม.3 แล้วพี่ก็มาหางานทำในกรุงเทพ วุฒิแค่นั้นจะทำอะไรได้”
“แล้วพี่ทำอะไร”
“พี่อยู่ร้านอาหาร ร้านข้าวต้ม เป็นเด็กเสิร์ฟ แล้วพี่ก็ไปเรียนเสริมสวย จนกระทั่ง ได้มาอยู่ที่นี่แหละ”
“แล้วพี่เคยมีแฟนไหม”
“ไม่มีหรอก แต่พี่ก็รักผู้ชายเป็นนะ แต่มันเห็นว่าพี่ดูไม่เป็นผู้หญิง เขาก็ไปสนใจคนที่มีนมผมยาว พี่ก็กิน
แห้ว เรื่องนี้สมัยที่พี่อยู่ร้านอาหารนะ...แล้วพอมาเรียนตัดผมก็มีพวกดี้มาชอบพี่เหมือนกัน แต่ว่าพี่ไม่ใช่แบบนั้น
พี่ก็หลบ ๆ เลี่ยง ๆ เอา”
ฟังเรื่องราวของนัยนิตแล้วน้ำผึ้งรู้สึกว่าได้ว่า ชีวิตของตนเองนั้นยังดิ้นรนน้อยนิดเท่านั้น
“ตกลงจะให้พี่ขัดตัวให้ไหม”
“ก็ได้ค่ะ”
หลังจากขัดตัวแล้ว น้ำผึ้งก็ถูกขัดหน้า นวดหน้า บำรุงผิวพรรณเป็นการใหญ่โดยระหว่างนั้นคชาพัฒน์ก็เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้น้ำผึ้งดูภาพการประกวดจากเวทีต่าง ๆ พลางติวสรุปให้น้ำผึ้งได้ตระหนักว่า นางงามนั้นไม่ได้สวยอย่างเดียว แต่ว่าต้องเฉลียวฉลาดและมีปฏิภาณไหวพริบด้วย...
“กลับไปถึงบ้านแล้วก็อาบน้ำ นอนนะ นอนให้หลับด้วย ทำใจให้สบาย ๆ อย่ากังวล ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เดี๋ยวตาจะลึกโหลขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า...”
“แต่ผึ้งเริ่มตื่นเต้นแล้วพี่...”
“หรือจะกินยาสักเม็ดดี พี่อยากให้ผึ้งหลับให้สนิท...กินยาดีกว่านะ พี่มียาอยู่ตัวกินแล้วง่วง”
“ไม่ต้องหรอกพี่...ผึ้งเป็นคนหลับง่าย”
ระหว่างที่เดินตามกันลงมาจากชั้นบนทั้งสองก็ยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คุยกัน ตามประสาคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้วอย่างไรก็จะต้องช่วยกันพานาวานี้ไปให้ถึงจุดหมาย
“แล้วปกติตื่นกี่โมง”
“หกโมงเช้า”
“อืม...ก็ตื่นสักเจ็ดโมงแล้วกัน แล้วเรื่องอาหารเช้าก็ระวัง ๆ หน่อย ๆ กินของสุกของร้อนของที่จะไม่ทำให้ถ่ายท้องด้วยล่ะ...ปวดท้องตอนแต่งตัวเสร็จแล้วขึ้นมาละแย่เลยชุดมันถอดยาก แล้วระหว่างที่นั่งรออยู่หลังเวที อย่าได้รับน้ำรับขนมจากคนแปลกหน้ามากินเด็ดขาดเลยนะ”
“ทำไมเหรอคะ”
“อันตราย...เกิดใส่ยาให้จู๊ด ๆ ขึ้นมาจะทำอย่างไร ไว้ใจกันไม่ได้หรอก เห็นว่าเป็นนางฟ้าจำแลงอาจจะเป็นนางมารก็ได้”
และเมื่อทั้งสองเดินมาถึงชั้นล่าง คชาพัฒน์ทำหน้าเหรอหราเมื่อเห็นภานุวัฒน์นั่งอยู่ที่โซฟา...
“มาได้อย่างไรละวัฒน์ แล้วนัยนิตไปไหนล่ะเนี่ย” คชาพัฒน์ร้องทักพลางถามหาลูกน้องของตนที่ลงมาดูร้านอยู่ข้างล่างในระหว่างที่ตนเองกับน้ำผึ้งอยู่บนห้องเทรนนิ่ง
“ก็มาเพราะแรงคิดถึงครับ” สายตาของภานุวัฒน์นั้นพยายามมองไปที่ใบหน้าผุดผาดของน้ำผึ้งแต่ คชาพัฒน์ที่รู้ทันก็โยกตัวหลบไปมา...
“พี่หน่องจะบังผมทำไมอ่ะ” ภานุวัฒน์ท้วงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“น้อย ๆ หน่อยเถอะพ่อคุณ”
“ผึ้งสวยมากเลยนะครับ จำแทบไม่ได้...พี่หน่องเอาน้ำผึ้งไปทำอะไรมาเนี่ย”
ใบหน้าของน้ำผึ้งแดงซ่านเมื่อถูกภานุวัฒน์เอ่ยปากชม
“ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ลอกคราบเท่านั้นเอง ทองแท้อย่างไรก็คือทองแท้”
“เห็นด้วยครับ...แล้วนี่จะไปไหนกันครับ”
“จะไปส่งผึ้งกลับบ้าน แล้วนัยนิตไปไหนล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้เรามานั่งเจ๋ออยู่ในร้านคนเดียว”
“เห็นบอกว่าจะออกไปหาอะไรกิน ผึ้งกินข้าวเย็นหรือยัง” ท้ายประโยคนั้นภานุวัฒน์เอ่ยปากถามน้ำผึ้ง
ด้วยน้ำเสียงหวงใย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“มีค่ะด้วย” ภานุวัฒน์ทำเสียงและชักสีหน้าแปลกใจ
“พี่เทรนด์มาดี...” คชาพัฒน์รีบเอาดีเข้าตัว
“นี่พี่หน่องจะไปส่งผึ้งกลับบ้านเหรอครับ เดี๋ยวผมไปส่งให้เอาไหม พี่จะได้ไม่ต้องขับรถไป”
“ไม่ได้” คชาพัฒน์รีบขวางในทันที น้ำผึ้งนั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะหนึ่งในถ้อยคำที่คชาพัฒน์ได้พร่ำบอกกับน้ำผึ้งไว้เมื่อก่อนหน้านั้นก็คือ ต่อไปเมื่อ เธอสวยขึ้น ผู้ชายก็จะเข้ามาหา ถ้าอยากมีโอกาสเลือกคนที่ดีที่สุด ก็ต้องทำตัว สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง เข้าไว้ ไม่ใช่ แจ๋น เสนอหน้ายิ้มให้กับผู้ชายไปเสียทุกคนที่เดินผ่านหน้ามา
“ใจร้าย”
“พี่รับปากแม่เขาไว้ว่าจะไปส่งเอง พี่ก็ต้องไปเอง ขอบใจนะ”
“งั้นผมขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปคุยกับน้ำผึ้งที่บ้านนะ” ภานุวัฒน์ยังตื๊อไม่เลิก
“ไม่ได้...คืนนี้ผึ้งต้องรีบนอนพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ผึ้งเขาจะต้องเหนื่อยทั้งวันทั้งคืน...จะไปดูไหมล่ะ ที่ปราจีนบุรีน่ะ”
ภานุวัฒน์ทำหน้าครุ่นคิด...ก่อนจะตอบว่า
“ผึ้งขึ้นเวทีครั้งแรกทั้งที ผมจะไม่ไปได้อย่างไรล่ะ...แต่ว่าผมไปกับพี่เลยได้ไหม...ไม่อยากขโมยรถเตี่ยตามไปน่ะ”
คชาพัฒน์ทำหน้าครุ่นคิดถึงผลดีผลเสียบ้าง...และเมื่อคิดว่า น้ำผึ้งซึ่งดูจะยอมเป็นเด็กในสังกัดของตนนั้นจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ก็คือ หากปล่อยให้ภานุวัฒน์เข้ามาวุ่นวายกับน้ำผึ้งเสมือนตีตราจองก็จะกลายเป็นการปิดกั้นผู้ชายอื่นที่อาจจะมีดีกว่าภานุวัฒน์คนนี้ แม้คนคนนั้นคชาพัฒน์ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครหรอก แต่ว่าบรรดาสาวงามที่รักดีจำนวนไม่น้อยที่ได้แต่งงานกับผู้ชายหน้าตาดีฐานะดีและเงินพอที่จะเลี้ยงดูให้สุขสบายไปตลอดชาติได้ และที่สำคัญคชาพัฒน์อยากเห็นภานุวัฒน์ดิ้นรนทำคะแนนแสดงความจริงใจอีกนิด คชาพัฒน์จึงบอกว่า
“ไม่ได้หรอกจ้ะ รถเต็ม เพราะว่าต้องขนของไปเยอะแยะมากมาย ขโมยรถเตี่ยไปแหละดีแล้ว...อย่างไรก็พรุ่งนี้เจอกันที่งานแล้วกันนะ...ไป ผึ้ง กลับบ้าน...”
“แล้วพี่จะทิ้งร้านไว้อย่างนี้เหรอ” เมื่อเห็นว่าคชาพัฒน์ฉุดข้อมือน้ำผึ้งให้เดินตามตั้งท่าจะออกจาก ร้านภานุวัฒน์จึงรีบร้องถาม
“ก็เฝ้าให้หน่อยซิ นัยนิตกลับมาแล้วตัวค่อยไป...”
และเมื่อพาน้ำผึ้งมาถึงรถคชาพัฒน์ก็เห็นว่านัยนิตนั้นกำลังเดินกลับมาจากย่านของกินหน้าตาพอดี...คชาพัฒน์จึงตะโกนบอกนัยนิตว่า “เดี๋ยวพี่ไปส่งผึ้งแป๊บนะ ยังไม่ต้องปิดร้านล่ะเดี๋ยวก็กลับ”
นัยนิตพยักหน้ารับทราบ
และระหว่างที่ขับรถให้น้ำผึ้งนั่ง คชาพัฒน์ก็บอกว่า
“เรื่องผู้ชายนี่ก็ต้องระวังตัวให้เป็นอย่างมากเลยนะผึ้ง อย่าให้ใครมาแสดงตัวแสดงตนว่าเป็นแฟนกับเราอย่างเด็ดขาด จะเข้ามาแบบเพื่อนหรือแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง อย่างไอ้วัฒน์นี่ก็ไม่ได้เหมือนกัน”
“ทำไมเหรอคะ”
“พี่ก็บอกไปแล้วนะว่า เราต้อง สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง เข้าไว้ อย่าเพิ่งไปสนใจผู้ชาย เราต้องคิดว่า เรายังเด็ก และเป้าหมายของเรา มันก็ยังอยู่อีกไกลมากกกกกกก เพราะฉะนั้นท่องไว้เลยว่า ผู้ชายคือศัตรูของมงกุฎ”
“นี่พี่กะจะพาผึ้งไปถึงไหนเหรอ”
“พี่ลางสังหรณ์ว่าน้ำผึ้งของพี่น่ะ จะไม่ได้หยุดแค่ธิดากระท้อนหวานหรอก น้ำผึ้งบ้านไพรคนนี้มันน่าจะต้องสร้างชื่อให้บ้านไพร...พี่รู้สึก พี่มั่นใจ และผึ้งก็ต้องต้องเชื่อพี่ด้วย...โอเคเปล่า”
“ค่ะ เชื่อก็เชื่อ”
ส่วนภานุวัฒน์เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็โทรศัพท์หานงลักษณ์ในทันที
“ลักษณ์ พรุ่งนี้ไปดูผึ้งประกวดไหม”
“อยากไป แต่แม่คงไม่ให้ไปหรอกพี่ ตั้งปราจีนบุรีแน่ะ ไกล”
“จะชวนไปด้วยกันสักหน่อย นั่งรถไปด้วยกัน”
“พี่จะไปเหรอ”
“อืม อยากไปดู อยากไปเชียร์ อยากให้ไปให้กำลังใจ อยากไปทำคะแนน”
“เป็นเอามากเลยนะ”
“วันนี้พี่เห็นผึ้งที่ร้านพี่หน่อง ผึ้งสวยผิดหูผิดตาเลยนะ...ดูเหมือนไม่ใช่น้ำผึ้งคนที่เรา เคยเห็น ๆ กันเลย”
“ขนาดนั้นเลย”
“อืม...ตกลงว่าไง ไปไหม ถ้าไปพี่จะไปขออนุญาตอาจารย์ให้เอาไหม”
“ก็อยากไปนะ แต่ว่า...” นงลักษณ์หยุดครุ่นคิด...
“ก็ชวนคนอื่น ๆ ไปด้วยซิ ไปรถพี่ บอกแม่อย่างนั้น อาจารย์คงอนุญาตหรอก” คนอื่น ๆ หมายถึง เพื่อน ๆ ในกลุ่มหรือเพื่อนนักกีฬารุ่นเดียวกันที่ภานุวัฒน์ก็รู้จักเป็นอย่างดี
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนสาย ๆ โทรบอกแล้วกัน ต้องถามก่อนว่ามีใครว่างและอยากไปบ้าง...”
“นึกอย่างไรถึงเอาน้ำผึ้งไปประกวด” คุณนายวรรณีเอ่ยปากถามคชาพัฒน์ขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ให้ นัยนิตม้วนผมเพื่อเตรียมตัวไปงานกินเลี้ยงกับพวกหมู่ในค่ำคืนนี้
“หน่องก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ ยังแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น หน่องก็ไม่เห็นว่าผึ้งเค้าสวย”
“แล้วทำไมเห็นว่าเขาสวย”
“เขายิ้มให้หน่องวันนั้นฮะ บอกไม่ถูก รู้สึกแปลบปลาบใจขึ้นมาเลย รู้สึกว่ามันใช่เลย...แต่ว่าไปเขาก็ยิ้มให้หน่องมาตลอดนะ"
“ถึงเวลาของเขามั้ง ถึงได้มองเห็น...แต่จริง ๆ น้ำผึ้งเขาซ่อนความสวยไว้นะ...ตาถึงมากทีเดียว”
“คุณนายเห็นเหมือนกันหรือฮะ”
“เห็น ชอบหุ่นเขา ชอบคอเขา คนแบบน้ำผึ้งเขาเรียกว่าคอระหง เหมาะที่จะเป็นนางแบบใส่เสื้อผ้าเดินบนเวที...แต่ลองขึ้นเวทีนางงามดู ดีไม่ดีอาจจะได้ทั้งสองอย่างเลยก็ได้”
“นางงาม นางแบบ”
“ก็ช่วยดันไปให้ถึงที่สุดแล้วกัน เห็นทำงานงก ๆ ช่วยแม่เลี้ยงน้องแล้วก็สงสาร มีอะไรให้ช่วยก็บอก...”
“บอกเลยได้ไหมละฮะ”
“อะไรล่ะ”
“อยากได้ผ้านุ่งสักผืน ขอสีแจ่ม ๆ ให้น้ำผึ้งใส่ขึ้นเวทีธิดากระท้อนหวานนี้เลยฮะ”
“ได้ เดี๋ยวกลับไปจะไปค้นให้...”
“ขอบคุณมาก ๆ ครับ...”
กลับจากโรงเรียนแล้วน้ำผึ้งก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าขี่จักรยานมาที่ร้านของคชาพัฒน์เพราะว่าวันนี้คชาพัฒน์จะสอนให้น้ำผึ้งฝึกเดินโดยสวมโรงเท้าส้นสูง ฝึกยืนอยู่บนเวที ฝึกยิ้มโปรยปรายเรียกคะแนนและฝึกตอบคำถามหากว่าน้ำผึ้งเข้ารอบสุดท้าย...ซึ่งข้อหลังสุดนี้น้ำผึ้งคิดว่าเป็นเรื่องยากที่สุดของการเป็นนางงาม
แต่ด้วยเสียงเยาะเย้ยถากถางสบประมาทจากเพื่อนบางคน และเงินรางวัลที่คชาพัฒน์บอกว่า จะต้องถูกหารสองหลังจากได้มาแล้ว ทำให้ใจของน้ำผึ้งรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา เมื่อถอยไม่ได้แล้วเธอก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
“ผ้านุ่งผืนนี้สวยจังเลย” ผ้าไหมทอมือเนื้อละเอียดสีเขียวปีกแมลงทับมันวาวมีลวดลายไทยเล็ก ๆ ที่ คชาพัฒน์นำออกมาให้น้ำผึ้งดู ทำให้น้ำผึ้งต้องเอ่ยชมออกมา
“ของคุณนายวรรณีเขาน่ะ เขาบอกว่าผืนนี้เป็นผ้าเก่า เขาตัดไว้ตั้งยี่สิบปีที่แล้วเลยนะ แต่เขาเก็บรักษาไว้อย่างดีมันเลยเหมือนผ้าใหม่”
“แล้วพี่หน่องเอามาได้อย่างไรล่ะ”
“ต่อไปผึ้งจะต้องหัดพูดให้ลงท้ายคะ ๆ ขา ๆ นะ จะได้ติดเป็นนิสัย...”
“ค่ะ”
“ก็วันนี้คุณนายวรรณีมาทำผม คุยกันไปคุยกันมา...เขาว่าเขาอยากช่วยผึ้งอยู่เหมือนกัน พี่ก็เลยได้ทียืมผ้านุ่งมาให้ผึ้งใส่ขึ้นเวทีซะเลย เพราะผืนที่มีอยู่มันผ้าทอธรรมดาราคาถูก ๆ...”
น้ำผึ้งนิ่งฟัง
“ลองนุ่งดูซิ ถ้ามันใส่ไม่ได้จะได้รีบขยับตะขอซะก่อนวันไปงาน”
หลังจากนุ่งผ้าผืนนั้นทับเสื้อยืดคอกลมสีดำของตนแล้ว น้ำผึ้งก็เดินออกมาจากบังตา...
“พอดีเป๊ะเลยใช่ไหม ไม่คับไม่หลวมใช่ไหม”
ตอนแรกน้ำผึ้งจะพยักหน้า แต่เมื่อนึกได้ว่า ควรจะฝึก คะ ขา ให้ติดปากน้ำผึ้งจะบอกว่า
“ค่ะ”
“งั้นก็มาใส่รองเท้าแล้วก็ลองเดินดู”
น้ำผึ้งเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะก้มใส่รองเท้าส้นสูงสีงาช้างแล้วก็ยืนขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ...
“สวยมากเลยผึ้ง หุ่นผึ้งดีมากเลย”
น้ำผึ้งมองตัวเองกับกระจกเงาบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทันที...แล้วใจที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีพอที่จะไปอวดโฉมใครเขาได้ ก็เริ่มเปลี่ยนไป...
“ต่อไปผึ้งลองหัดเดินนะ...เดินแบบนางงาม”
“เดินอย่างไรพี่”
“ดูพี่เป็นตัวอย่าง...” ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็เดินออกไปนอกห้อง แล้วก็ทำเสียงเหมือนพิธีกรประกาศเรียกชื่อนางงามที่จะขึ้นเวทีลำดับถัดไป...
“หมายเลข 5 นางสาวน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ อายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านไพรวิทยา สูง 172 เซนติเมตร สัดส่วน 33 23 36 น้ำหนัก 51 กิโลกรัม ร้านรัตนะไพรวัลย์จักรยานยนต์ส่งเข้าประกวด”
แล้วคชาพัฒน์ก็เดินนวยนาดยิ้มหวานเข้ามาหยุดโพสต์ท่า...ยิ้มกวาดตาไปรอบทิศทางแล้วก็เดินอย่างนางหงส์ไปรอบ ๆ ห้อง มีหยุดเป็นช่วง ๆ ยิ้มโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา...
“ทำแบบนี้แหละ...ลองดู”
น้ำผึ้งที่สวมรองเท้าส้นสูงครั้งแรก ค่อย ๆ เตาะแตะพาตัวเองออกไปจากห้อง แล้วพอคชาพัฒน์เลียนเสียงพิธีกรบนเวที...น้ำผึ้งก็ค่อย ๆ เดินยิ้มออกมา เก้ ๆ กัง ๆ กระโดกกระเดก ขัดใจคชาพัฒน์เป็นอย่างมาก...
“ท่าเดินยังไม่ผ่านอ่ะผึ้ง มันดูเกร็ง ๆ มันดูไม่เป็นธรรมชาติ มันยังไม่ใช่ท่าเดินของนางงาม”
“ผึ้งกลัวล้มค่ะพี่”
“งั้นก็ฝึกเดินไปเดินมาอย่างเดียวก่อน...”
น้ำผึ้งใช้เวลากับการเดินบนรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่เอี่ยมราว ๆ หนึ่งชั่วโมงโดยมีคชาพัฒน์นั่งดูแล้วเป็นเทรนเนอร์คอยปรับท่วงท่าระหว่างที่ย่างกราย กระทั่งเป็นที่พอตาพอใจ...
“พอได้แล้วแหละ...แล้วอีกเรื่อง พี่ว่า ชื่อน้ำผึ้งมันเชยไปว่ะ...”
“แล้วจะให้ทำอย่างไรละพี่”
“คิดว่าต้องเปลี่ยน”
“ไม่เอานะ ผึ้งไม่เปลี่ยนชื่อหรอก” น้ำผึ้งนั้นคิดว่าต้องไปเปลี่ยนชื่อเป็นเรื่องเป็นราวที่อำเภอ เปลี่ยนทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนใหม่
“แค่นามแฝงใช้ในตอนประกวดเท่านั้น ในบัตรประชาชนก็ยังเป็นชื่อน้ำผึ้ง ไพรวัลย์เหมือนเดิมนี่แหละ”
“งั้นก็ได้...”
“เอาเป็นอะไรดี...เคยคิดจะมีชื่ออะไรบ้างไหม”
“ผึ้งว่า ชื่อน้ำผึ้งก็เพราะและหวานอยู่แล้วพี่...คือมันดูเชย ๆ แต่มันก็ไม่เหมือนใครใน พ.ศ.นี้นะ”
“แต่ถ้าขึ้นเวทีไปแล้ว ใช้ชื่อน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ มันเชยมากมายมหาศาลมันไม่ใช่ชื่อของนางงาม”
“แล้วนางงามควรจะมีชื่ออย่างไร”
“อุษามณี อรพรรณศรี มณีรัตนา ดารากระจ่าง สว่างจิต เทือก ๆ นี้แหละ”
น้ำผึ้งย่นจมูกก่อนจะบอกว่า “งั้นพี่ก็หาชื่อมาให้ผึ้งเลือกแล้วกันค่ะ”
“ห้ามย่นจมูกมันไม่งาม” คชาพัมฒ์รีบห้ามทันที...และหลังน้ำผึ้งตอบรับว่า ‘ค่ะ’ คชาพัฒน์ที่ดูจะพอใจกับนิสัยว่าง่ายสอนง่ายของน้ำผึ้งก็บอกว่า
“เดี๋ยวพี่โทรหาเพื่อนพี่ก่อน นังนี่ มันเก่งเรื่องเปลี่ยนชื่อนางงาม ชื่อเดิม เฉลียว มันยังเปลี่ยน แสงระวี จนได้ตำแหน่งนางงามกะท้อนหวานมาแล้ว” ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็ดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาต่อสายหาปัญจพล หรือ ต้นอ้อ ที่อยู่นครนายก ต่อปากต่อคำกันพอหอมปากหอมคอ...คชาพัฒน์ก็ได้ชื่อใหม่ของน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ ว่า นางสาวกัญชพร ที่แปลว่า น้ำผึ้ง ส่วนนามสกุลนั้นก็คงใช้นามสกุล ไพรวัลย์ ตามเดิมเพราะกรรมการและประชาชนจะได้เห็นว่า นางงามคนนี้มีรากเหง้าเป็นมาอย่างไร
...และอีกไม่นานต่อมา ชื่อ ‘กัญชพร ไพรวัลย์’ นี้ก็โด่งดังไปทั่วสยามประเทศเลยทีเดียว...
เย็นวันศุกร์ก่อนวันเดินทางไปประกวดหนึ่งวัน คชาพัฒน์ก็พาน้ำผึ้งไปบนบานกับหลวงพ่อหิน แล้วก็พากลับมาที่ร้าน เข้าสู่โปรแกรม ‘ขัดสีฉวีวรรณ’ โดยครั้งนี้คนที่เข้ามาวุ่นวายกับน้ำผึ้งคือนัยนิตที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันแทนคชาพัฒน์...แต่ด้วยนัยนิตเป็นคนมีบุคลิคเหมือนผู้ชาย...น้ำผึ้งจึงรู้สึกขัดเขินอยู่ดี...
“ผึ้งว่าผึ้งขอขัดตัวผึ้งเองดีกว่านะ” เมื่อน้ำผึ้งนุ่งกระโจมอกแล้ว นัยนิตก็ถือถ้วยใส่ โยเกิร์ต มะขามเปียก น้ำผึ้ง น้ำมันมะพร้าว ที่ถูกคนให้เข้ากันทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงเข้ามาหา
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขัดให้ได้ มันต้องขัดทั้งตัวหลังเหลิงขัดหมด...”
“แต่งานนี้ใส่เสื้อแขนกระบอกไม่ใช่เหรอ” ...คชาพัฒน์ได้บอกกับน้ำผึ้งแล้วว่าเสื้อผ้าของนางงามแต่ละเวทีนั้นแตกต่างกัน ถ้าเป็นพวกงาน บรรดา ‘ธิดา’ ทั้งหลาย ก็จะเป็นนุ่งผ้าถุงใส่เสื้อแขนกระบอก แต่ถ้าเป็น เทพีหรือนางนพมาศ ก็จะเป็นชุดไทยสไบเฉียง ถ้าเป็นนางสงกรานต์อาจจะต้องได้นุ่งโจงกระเบนเสื้อผ้าลูกไม้แขนตุ๊กตา
นอกจากเสื้อผ้าแล้วทรงผมของบรรดานางงามแต่ละเวทีก็แตกต่างกันด้วย...
ธิดากระท้อนหวานนี้ ทรงผมของน้ำผึ้งจะเป็นทรงเกล้าข้างหน้าแล้วด้านหลังใช้วิกผมยาวช่วยแล้วทัดดอกไม้และเมื่อได้ลองเสื้อกับผ้านุ่งและลองทำผมไปแล้วน้ำผึ้งก็เปลี่ยนจากน้ำผึ้งคนเดิมไปอย่างสิ้นเชิง...และ คชาพัฒน์กับนัยนิตก็ช่วยกันเก็บภาพเอาไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ด้วย...เพราะเมื่อถ่ายรูปแล้วก็จะเห็นว่า หน้าตาในกล้องของนางงามเป็นอย่างไรและน้ำผึ้งนั้นก็ขึ้นกล้องเป็นอย่างมาก
...มากจนคชาพัฒน์รู้สึกมีความหวังขึ้นมา
“อย่างไรมันก็ต้องขัดทั้งตัว...ทำไปเหอะ...”
“แต่ผึ้งอาย”
“อายอะไร เราก็ผู้หญิงเหมือนกัน”
“แต่พี่นิต...”
นัยนิตหัวเราะเบา ๆ
“กลัวว่าพี่จะเป็นทอมเป็นเลสเบี้ยนเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่ก็ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่พี่ชอบแต่งตัวสไตล์นี้แหละ มันคล่องตัวดี”
“แล้วทำไมไม่อยากแต่งเป็นผู้หญิง”
“เอาตรง ๆ นะ พี่มีพ่อเลี้ยงน่ะ แม่พี่เปลี่ยนผัวเป็นว่าเล่นเลย ก็ต้องซ่อนความเป็นหญิงไว้บ้าง แล้วพี่เองก็ไม่ได้นึกอยากมีครอบครัวด้วย...”
“ทำไมล่ะ”
“ล่ะคะด้วยซิ” แม้จะไม่ค่อยชอบกับอาชีพเสริมของคชาพัฒน์แต่เมื่อห้ามไม่ได้ นัยนิตกับสำลีก็ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ทำไมล่ะคะ”
“พี่ว่ามันน่าเบื่อ พ่อแม่พี่เลิกกัน พ่อมีเมียใหม่ อยู่กับเมียใหม่ก็ทะเลาะกันตลอด แต่ก็ทนอยู่กันมาได้จนมีลูกอีกสามคน ส่วนแม่พี่ไม่ใช่คนมีน้ำอดน้ำทน ไม่พอใจใครก็เลิก แล้วก็หาใหม่ไปเรื่อย ๆ แล้วก็กระเตง ๆ พี่ไปด้วย”
“แล้วแม่พี่มีลูกอีกหรือเปล่า”
“มีลูกชายอีกคนแล้วก็ทำหมันไปแล้ว น้องชายพี่เป็นทหารยศนายสิบมีเมียไปแล้ว พี่เหมือนคนไม่มีครอบครัว จบ ม.3 แล้วพี่ก็มาหางานทำในกรุงเทพ วุฒิแค่นั้นจะทำอะไรได้”
“แล้วพี่ทำอะไร”
“พี่อยู่ร้านอาหาร ร้านข้าวต้ม เป็นเด็กเสิร์ฟ แล้วพี่ก็ไปเรียนเสริมสวย จนกระทั่ง ได้มาอยู่ที่นี่แหละ”
“แล้วพี่เคยมีแฟนไหม”
“ไม่มีหรอก แต่พี่ก็รักผู้ชายเป็นนะ แต่มันเห็นว่าพี่ดูไม่เป็นผู้หญิง เขาก็ไปสนใจคนที่มีนมผมยาว พี่ก็กิน
แห้ว เรื่องนี้สมัยที่พี่อยู่ร้านอาหารนะ...แล้วพอมาเรียนตัดผมก็มีพวกดี้มาชอบพี่เหมือนกัน แต่ว่าพี่ไม่ใช่แบบนั้น
พี่ก็หลบ ๆ เลี่ยง ๆ เอา”
ฟังเรื่องราวของนัยนิตแล้วน้ำผึ้งรู้สึกว่าได้ว่า ชีวิตของตนเองนั้นยังดิ้นรนน้อยนิดเท่านั้น
“ตกลงจะให้พี่ขัดตัวให้ไหม”
“ก็ได้ค่ะ”
หลังจากขัดตัวแล้ว น้ำผึ้งก็ถูกขัดหน้า นวดหน้า บำรุงผิวพรรณเป็นการใหญ่โดยระหว่างนั้นคชาพัฒน์ก็เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้น้ำผึ้งดูภาพการประกวดจากเวทีต่าง ๆ พลางติวสรุปให้น้ำผึ้งได้ตระหนักว่า นางงามนั้นไม่ได้สวยอย่างเดียว แต่ว่าต้องเฉลียวฉลาดและมีปฏิภาณไหวพริบด้วย...
“กลับไปถึงบ้านแล้วก็อาบน้ำ นอนนะ นอนให้หลับด้วย ทำใจให้สบาย ๆ อย่ากังวล ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เดี๋ยวตาจะลึกโหลขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า...”
“แต่ผึ้งเริ่มตื่นเต้นแล้วพี่...”
“หรือจะกินยาสักเม็ดดี พี่อยากให้ผึ้งหลับให้สนิท...กินยาดีกว่านะ พี่มียาอยู่ตัวกินแล้วง่วง”
“ไม่ต้องหรอกพี่...ผึ้งเป็นคนหลับง่าย”
ระหว่างที่เดินตามกันลงมาจากชั้นบนทั้งสองก็ยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คุยกัน ตามประสาคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้วอย่างไรก็จะต้องช่วยกันพานาวานี้ไปให้ถึงจุดหมาย
“แล้วปกติตื่นกี่โมง”
“หกโมงเช้า”
“อืม...ก็ตื่นสักเจ็ดโมงแล้วกัน แล้วเรื่องอาหารเช้าก็ระวัง ๆ หน่อย ๆ กินของสุกของร้อนของที่จะไม่ทำให้ถ่ายท้องด้วยล่ะ...ปวดท้องตอนแต่งตัวเสร็จแล้วขึ้นมาละแย่เลยชุดมันถอดยาก แล้วระหว่างที่นั่งรออยู่หลังเวที อย่าได้รับน้ำรับขนมจากคนแปลกหน้ามากินเด็ดขาดเลยนะ”
“ทำไมเหรอคะ”
“อันตราย...เกิดใส่ยาให้จู๊ด ๆ ขึ้นมาจะทำอย่างไร ไว้ใจกันไม่ได้หรอก เห็นว่าเป็นนางฟ้าจำแลงอาจจะเป็นนางมารก็ได้”
และเมื่อทั้งสองเดินมาถึงชั้นล่าง คชาพัฒน์ทำหน้าเหรอหราเมื่อเห็นภานุวัฒน์นั่งอยู่ที่โซฟา...
“มาได้อย่างไรละวัฒน์ แล้วนัยนิตไปไหนล่ะเนี่ย” คชาพัฒน์ร้องทักพลางถามหาลูกน้องของตนที่ลงมาดูร้านอยู่ข้างล่างในระหว่างที่ตนเองกับน้ำผึ้งอยู่บนห้องเทรนนิ่ง
“ก็มาเพราะแรงคิดถึงครับ” สายตาของภานุวัฒน์นั้นพยายามมองไปที่ใบหน้าผุดผาดของน้ำผึ้งแต่ คชาพัฒน์ที่รู้ทันก็โยกตัวหลบไปมา...
“พี่หน่องจะบังผมทำไมอ่ะ” ภานุวัฒน์ท้วงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“น้อย ๆ หน่อยเถอะพ่อคุณ”
“ผึ้งสวยมากเลยนะครับ จำแทบไม่ได้...พี่หน่องเอาน้ำผึ้งไปทำอะไรมาเนี่ย”
ใบหน้าของน้ำผึ้งแดงซ่านเมื่อถูกภานุวัฒน์เอ่ยปากชม
“ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ลอกคราบเท่านั้นเอง ทองแท้อย่างไรก็คือทองแท้”
“เห็นด้วยครับ...แล้วนี่จะไปไหนกันครับ”
“จะไปส่งผึ้งกลับบ้าน แล้วนัยนิตไปไหนล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้เรามานั่งเจ๋ออยู่ในร้านคนเดียว”
“เห็นบอกว่าจะออกไปหาอะไรกิน ผึ้งกินข้าวเย็นหรือยัง” ท้ายประโยคนั้นภานุวัฒน์เอ่ยปากถามน้ำผึ้ง
ด้วยน้ำเสียงหวงใย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“มีค่ะด้วย” ภานุวัฒน์ทำเสียงและชักสีหน้าแปลกใจ
“พี่เทรนด์มาดี...” คชาพัฒน์รีบเอาดีเข้าตัว
“นี่พี่หน่องจะไปส่งผึ้งกลับบ้านเหรอครับ เดี๋ยวผมไปส่งให้เอาไหม พี่จะได้ไม่ต้องขับรถไป”
“ไม่ได้” คชาพัฒน์รีบขวางในทันที น้ำผึ้งนั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะหนึ่งในถ้อยคำที่คชาพัฒน์ได้พร่ำบอกกับน้ำผึ้งไว้เมื่อก่อนหน้านั้นก็คือ ต่อไปเมื่อ เธอสวยขึ้น ผู้ชายก็จะเข้ามาหา ถ้าอยากมีโอกาสเลือกคนที่ดีที่สุด ก็ต้องทำตัว สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง เข้าไว้ ไม่ใช่ แจ๋น เสนอหน้ายิ้มให้กับผู้ชายไปเสียทุกคนที่เดินผ่านหน้ามา
“ใจร้าย”
“พี่รับปากแม่เขาไว้ว่าจะไปส่งเอง พี่ก็ต้องไปเอง ขอบใจนะ”
“งั้นผมขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปคุยกับน้ำผึ้งที่บ้านนะ” ภานุวัฒน์ยังตื๊อไม่เลิก
“ไม่ได้...คืนนี้ผึ้งต้องรีบนอนพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ผึ้งเขาจะต้องเหนื่อยทั้งวันทั้งคืน...จะไปดูไหมล่ะ ที่ปราจีนบุรีน่ะ”
ภานุวัฒน์ทำหน้าครุ่นคิด...ก่อนจะตอบว่า
“ผึ้งขึ้นเวทีครั้งแรกทั้งที ผมจะไม่ไปได้อย่างไรล่ะ...แต่ว่าผมไปกับพี่เลยได้ไหม...ไม่อยากขโมยรถเตี่ยตามไปน่ะ”
คชาพัฒน์ทำหน้าครุ่นคิดถึงผลดีผลเสียบ้าง...และเมื่อคิดว่า น้ำผึ้งซึ่งดูจะยอมเป็นเด็กในสังกัดของตนนั้นจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ก็คือ หากปล่อยให้ภานุวัฒน์เข้ามาวุ่นวายกับน้ำผึ้งเสมือนตีตราจองก็จะกลายเป็นการปิดกั้นผู้ชายอื่นที่อาจจะมีดีกว่าภานุวัฒน์คนนี้ แม้คนคนนั้นคชาพัฒน์ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครหรอก แต่ว่าบรรดาสาวงามที่รักดีจำนวนไม่น้อยที่ได้แต่งงานกับผู้ชายหน้าตาดีฐานะดีและเงินพอที่จะเลี้ยงดูให้สุขสบายไปตลอดชาติได้ และที่สำคัญคชาพัฒน์อยากเห็นภานุวัฒน์ดิ้นรนทำคะแนนแสดงความจริงใจอีกนิด คชาพัฒน์จึงบอกว่า
“ไม่ได้หรอกจ้ะ รถเต็ม เพราะว่าต้องขนของไปเยอะแยะมากมาย ขโมยรถเตี่ยไปแหละดีแล้ว...อย่างไรก็พรุ่งนี้เจอกันที่งานแล้วกันนะ...ไป ผึ้ง กลับบ้าน...”
“แล้วพี่จะทิ้งร้านไว้อย่างนี้เหรอ” เมื่อเห็นว่าคชาพัฒน์ฉุดข้อมือน้ำผึ้งให้เดินตามตั้งท่าจะออกจาก ร้านภานุวัฒน์จึงรีบร้องถาม
“ก็เฝ้าให้หน่อยซิ นัยนิตกลับมาแล้วตัวค่อยไป...”
และเมื่อพาน้ำผึ้งมาถึงรถคชาพัฒน์ก็เห็นว่านัยนิตนั้นกำลังเดินกลับมาจากย่านของกินหน้าตาพอดี...คชาพัฒน์จึงตะโกนบอกนัยนิตว่า “เดี๋ยวพี่ไปส่งผึ้งแป๊บนะ ยังไม่ต้องปิดร้านล่ะเดี๋ยวก็กลับ”
นัยนิตพยักหน้ารับทราบ
และระหว่างที่ขับรถให้น้ำผึ้งนั่ง คชาพัฒน์ก็บอกว่า
“เรื่องผู้ชายนี่ก็ต้องระวังตัวให้เป็นอย่างมากเลยนะผึ้ง อย่าให้ใครมาแสดงตัวแสดงตนว่าเป็นแฟนกับเราอย่างเด็ดขาด จะเข้ามาแบบเพื่อนหรือแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง อย่างไอ้วัฒน์นี่ก็ไม่ได้เหมือนกัน”
“ทำไมเหรอคะ”
“พี่ก็บอกไปแล้วนะว่า เราต้อง สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง เข้าไว้ อย่าเพิ่งไปสนใจผู้ชาย เราต้องคิดว่า เรายังเด็ก และเป้าหมายของเรา มันก็ยังอยู่อีกไกลมากกกกกกก เพราะฉะนั้นท่องไว้เลยว่า ผู้ชายคือศัตรูของมงกุฎ”
“นี่พี่กะจะพาผึ้งไปถึงไหนเหรอ”
“พี่ลางสังหรณ์ว่าน้ำผึ้งของพี่น่ะ จะไม่ได้หยุดแค่ธิดากระท้อนหวานหรอก น้ำผึ้งบ้านไพรคนนี้มันน่าจะต้องสร้างชื่อให้บ้านไพร...พี่รู้สึก พี่มั่นใจ และผึ้งก็ต้องต้องเชื่อพี่ด้วย...โอเคเปล่า”
“ค่ะ เชื่อก็เชื่อ”
ส่วนภานุวัฒน์เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็โทรศัพท์หานงลักษณ์ในทันที
“ลักษณ์ พรุ่งนี้ไปดูผึ้งประกวดไหม”
“อยากไป แต่แม่คงไม่ให้ไปหรอกพี่ ตั้งปราจีนบุรีแน่ะ ไกล”
“จะชวนไปด้วยกันสักหน่อย นั่งรถไปด้วยกัน”
“พี่จะไปเหรอ”
“อืม อยากไปดู อยากไปเชียร์ อยากให้ไปให้กำลังใจ อยากไปทำคะแนน”
“เป็นเอามากเลยนะ”
“วันนี้พี่เห็นผึ้งที่ร้านพี่หน่อง ผึ้งสวยผิดหูผิดตาเลยนะ...ดูเหมือนไม่ใช่น้ำผึ้งคนที่เรา เคยเห็น ๆ กันเลย”
“ขนาดนั้นเลย”
“อืม...ตกลงว่าไง ไปไหม ถ้าไปพี่จะไปขออนุญาตอาจารย์ให้เอาไหม”
“ก็อยากไปนะ แต่ว่า...” นงลักษณ์หยุดครุ่นคิด...
“ก็ชวนคนอื่น ๆ ไปด้วยซิ ไปรถพี่ บอกแม่อย่างนั้น อาจารย์คงอนุญาตหรอก” คนอื่น ๆ หมายถึง เพื่อน ๆ ในกลุ่มหรือเพื่อนนักกีฬารุ่นเดียวกันที่ภานุวัฒน์ก็รู้จักเป็นอย่างดี
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนสาย ๆ โทรบอกแล้วกัน ต้องถามก่อนว่ามีใครว่างและอยากไปบ้าง...”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มิ.ย. 2556, 07:44:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มิ.ย. 2556, 07:46:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 1991
<< 8. “ไอ้การเป็นพี่เลี้ยงนางงามนี่มันได้เงินดีหรือไงวะศุกร์ | 10."พอสวยแล้วผู้ชายก็จะดาหน้ามาหาเรา" >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 19 มิ.ย. 2556, 07:46:08 น.
ผึ้งต้องขอขอบคุณสำหรับทุก ๆ แรงใจนะคะ....ประมาณตอนที่ 12 ค่ะ ถึงจะรู้ว่า ผึ้งจะได้ตำแหน่งธิดากระท้อนหวานหรือไม่ คริคริ
ผึ้งต้องขอขอบคุณสำหรับทุก ๆ แรงใจนะคะ....ประมาณตอนที่ 12 ค่ะ ถึงจะรู้ว่า ผึ้งจะได้ตำแหน่งธิดากระท้อนหวานหรือไม่ คริคริ


nunoi 19 มิ.ย. 2556, 09:25:15 น.
พี่หน่องเทรนดีจริงๆ
พี่หน่องเทรนดีจริงๆ

mottanoy 19 มิ.ย. 2556, 12:11:39 น.
อืมอีกตั้งหลายตอน ขาดใจตายกันพอดี เดี๋ยวนังรถตามไปลุ้นถึงปราจีนดีกว่า
อืมอีกตั้งหลายตอน ขาดใจตายกันพอดี เดี๋ยวนังรถตามไปลุ้นถึงปราจีนดีกว่า

เดิมเดิม 19 มิ.ย. 2556, 12:28:31 น.
พี่หน่องจัดดี จัดไป น้ำผึ้ง สู้กๆ
พี่หน่องจัดดี จัดไป น้ำผึ้ง สู้กๆ

คิมหันตุ์ 19 มิ.ย. 2556, 13:29:10 น.
บร๊ะ พี่หน่องดูแลดีจริงๆ อิอิ
บร๊ะ พี่หน่องดูแลดีจริงๆ อิอิ

yapapaya 19 มิ.ย. 2556, 23:34:15 น.
ตามมาให้กำลังใจน้องน้ำผึ้ง น้ำผึ้งสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตามมาให้กำลังใจน้องน้ำผึ้ง น้ำผึ้งสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ

Zephyr 20 มิ.ย. 2556, 21:48:36 น.
ชักจะไม่ชอบนายวัฒน์ตงิดๆ
ชักจะไม่ชอบนายวัฒน์ตงิดๆ

จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:28:23 น.
stop!
stop!