น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 10."พอสวยแล้วผู้ชายก็จะดาหน้ามาหาเรา"

10.

“พี่เล่าซะอยากเห็นหน้าน้ำผึ้งจังเลย” เมื่อคชาพัฒน์เล่าที่มาที่ไปของน้ำผึ้งให้ประทินฟังจบ ประทินที่โทรศัพท์มาถามสารทุกข์สุกดิบข่าวคราวเรื่องการส่งเด็กไปประกวดธิดากระท้อนหวาน แทนเด็กในหมู่บ้านของตนที่หนีตามผู้ชายไปก็พลั้งปากออกมาตามประสาผู้ชายที่ย่อมต้องการเชยชมผู้หญิงสวยงาม

“อย่ามาเห็นเลย...เดี๋ยวเกิดตกหลุมรักน้ำผึ้งขึ้นมาพี่จะลำบากใจ”

“ทำไมต้องลำบากใจ”

“พี่อาจจะไม่อยากดันน้ำผึ้งต่อนะซิ ริษยาน่ะ”

“แหม พี่หน่องของผมเป็นนางฟ้านะครับ นางฟ้าต้องเสียสละ เป็นบันได เป็นเรือจ้าง เป็นหนทางให้เธอก้าวเดิน” ท้ายประโยคประทินร้องเป็นบทเพลงลูกทุ่ง

“ปากดีนะ”

“เขาเรียกปากหวานครับ”

“ยังไม่ได้ชิมเลย”

“ผู้ชายกับผู้ชายชิมปากกันฟ้าผ่าตายเลย”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นประชากรในประเทศไทยนี่คงหายไปเกินครึ่ง”

“เยอะขนาดนั้น”

“จริง ๆ...ชายใดไม่เคยต้องมือชาย ท่านว่าเสียชาติเกิด”

“เหรอ”

หยอกกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ประทินก็เอ่ยปากถามถึงอนาคตของน้ำผึ้งต่อ...

“แล้วน้ำผึ้งเขาจะยอมเซ็นสัญญาเป็นเด็กในสังกัดของพี่เหรอครับ เขาต้องไปเรียนต่อไม่ใช่เหรอ”

“ก็เรียนไป เดินสายประกวดไป...แต่พี่คิดว่า ปีหน้าพี่จะดันน้ำผึ้งขึ้นเวทียอดพธูไทยไปเลย”

“อู้ววววไม่เร็วไปหน่อยหรือครับ” ก่อนหน้านั้นคชาพัฒน์มีความปรารถนาที่จะดันปวีณา นาน้อย
น้องสาวของประทินขึ้นเวทีใหญ่ระดับประเทศ แต่ปวีณานั้นหัวแข็งกว่าน้ำผึ้ง และขึ้นเวทีแต่ครั้งนั้นก็จำใจขึ้น ขึ้นไปเพราะผลประโยชน์ที่พ่อแม่เอามาหลอกล่อ...ปวีณาไม่อยากเป็นนางงามเดินสาย ไม่อยากเป็นนางงามอาชีพ ไม่อยากใช้เวทีนางงามเป็นบันไดสู่หนทางอื่น ก่อนจะขึ้นเวทีปวีณาจึงไม่ค่อยใส่ใจกับข้อมูลเกี่ยวกับเวทีนั้น ๆ ซึ่งมันก็มีผลต่อการตอบคำถาม
แต่ด้วยเวทีนางสงกรานต์ที่ลพบุรีเวทีนั้น ปวีณาไม่มีคู่แข่งที่น่ากลัว และปวีณาได้ซองคำถามไม่ยากเกินไป ปวีณาจึงได้คว้าตำแหน่งนางงามสงกรานต์กลับมาให้คชาพัฒน์และพ่อแม่ได้ชื่นใจ

...และปวีณาก็เปรย ๆ ให้คชาพัฒน์ได้รับรู้ไว้บ้างแล้วว่า น่าจะเป็น รางวัลอันสูงสุดของเธอ...

จึงเป็นที่มาให้คชาพัฒน์พยายามเฟ้นหาดาวดวงใหม่มาแทนที่ และดาวดวงนั้นก็ต้องรักที่จะร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน ไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายอันสูงสุด...

คชาพัฒน์ปรารถนาที่จะมีชื่อทางด้านเป็นพี่เลี้ยงนางงามหรือทำค่ายนางงามส่งประกวดเวทีใหญ่ ๆ เช่นคุณเพรานภา มีเด็กในสังกัดได้เวทีระดับประเทศมาเป็นเกียรติประวัติ

“ไม่เร็วหรอก...แต่กว่าจะถึงเวทียอดพธูไทยพี่ก็จะพาน้ำผึ้งเขาเดินสายหาประสบการณ์อีกสักหน่อย...แล้วอีกอย่าง พี่อยากให้น้ำผึ้งเขาเข้ามหาวิทยาลัยก่อน โปรไฟล์เขาจะได้น่าสนใจกว่าคำว่าเด็กมัธยม...”

ทั้งหมดทั้งสิ้นที่คชาพัฒน์คิดได้นี้ก็เพราะคชาพัฒน์รู้แล้วว่า อย่างไรแล้วน้ำผึ้งก็จะได้รับความเมตตาปราณีจากคุณนายวรรณีเบื้องหลังสปอนเซอร์ใหญ่อย่างแน่นอน...



“แม่ให้ผ้าหน่องไปผืนหนึ่งนะ” ระหว่างที่ลูกชายพากลับมาจากงานเลี้ยงในตัวจังหวัดคุณนายวรรณีก็เอ่ยปากบอกลูกชายเรื่องผ้าทอมือที่ให้คชาพัฒน์ไปใช้แต่งตัวนางงามขึ้นเวที...

“ผ้าอะไรครับ”

“ผ้านุ่ง เขาขอไปให้น้ำผึ้งใส่ขึ้นเวทีธิดากระท้อนหวานน่ะ รู้เรื่องนี้เวทีนี้แล้วใช่ไหม”

“รู้แล้วครับ”

“น้ำผึ้งเขาน่าสงสารนะ...แม่ว่าถ้าเขาตั้งใจดี ๆ อนาคตเขาไปได้สวยแน่ ๆ”

“สวยอย่างไรครับ”

“พอเดินสายประกวดแล้ว ดีไม่ดี เขาอาจจะไปสะดุดตาแมวมองก็ได้ เข้าวงการบันเทิงได้ก็รวยไม่รู้เรื่องเลย แม่ภาวนาให้เขาเจอแมวมองนะ ครอบครัวนี้จะได้สุขสบายกันเสียที เห็นทำงานงก ๆ แล้วสงสารจังเลย วันก่อนแม่ไปเจอน้ำอ้อยที่แผงผักรู้สึกว่าผอมแห้งจังเลย...คงพักผ่อนไม่พอ...นอนตื่นแต่มืดแต่ดึก”

เวลาที่นั่งรถคันที่ลูกชายเป็นคนขับให้คุณนายวรรณีมักจะหาเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง...และวรรณศุกร์ก็เป็นผู้ฟังที่ดี...เขานิ่งฟังไม่ออกความคิดเห็น จนบางครั้งคุณนายวรรณีไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ ๆ วรรณศุกร์ไม่เคยเคลิ้มและคล้อยตามยามที่คุณนายคุณวรรณีพูดถึงผู้หญิงอื่นที่ดีกว่าภัทริน
และยังไม่ทันที่วรรณศุกร์จะชวนแม่คุยต่อ...โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังขึ้น...เขาเหลือบตาดูเวลาที่คอนโซลรถเห็นว่าเป็นเวลา 21.00 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่เขากับภัทรินมีสัญญาไว้ด้วยกันว่าจะโทรถึงกัน แต่เมื่อภัทรินมีบินหรือไปทำงาน สัญญานี้ภัทรินจึงต้องเป็นผู้รักษาเมื่ออยู่เมืองไทย...โดยเขาจะต้องพร้อมจะรับโทรศัพท์ในเวลา 21.00 นาฬิกานี้แทน

“ดีครับภัท ผมขับรถอยู่ครับ...”

“ไปไหนมาคะ”

“ไปงานเลี้ยงกับคุณแม่มาครับ กำลังกลับบ้าน แล้วภัทล่ะ ถึงเมืองไทยกี่โมงกัน”

“สองทุ่มครึ่งค่ะ คิดถึงศุกร์ก็เลยรีบโทรหาก่อน”

“น่าจะโทรพรุ่งนี้นะ เหนื่อยแย่เลย”

“พรุ่งนี้ไม่ต้องโทรหรอกค่ะ”

“ทำไมครับ”

“พรุ่งนี้ภัทจะไปหาศุกร์ที่บ้านไพร”

อารมณ์แรกที่รู้ว่าภัทรินจะมาหาเขาไม่ได้รู้สึกดีใจ ด้วยเป็นเพราะว่าเขาได้ตกลงกับวิธิตและป้าสมานไว้แล้วว่าพรุ่งนี้เขาจะไปดูน้ำผึ้งขึ้นเวที...ถ้าภัทรินมาหาเขา โปรแกรมจะต้องถูกล้มเลิก เขาจะต้องนัวเนียดูแลภัทรินจนกระทั่งหญิงสาวเดินทางกลับ
“สะดวกหรือเปล่าคะ” เหมือนภัทรินจะรู้ว่าเขาลำบากใจหญิงสาวจึงรีบถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป และวรรณศุกร์ก็รู้ดีว่าภัทรินคนขี้ระแวงนั้นพร้อมจะหึงหวงเขาทั้งที่เขาก็พยายามยืนยันว่าเขาไม่มีใครและไม่คิดจะชายตาแลใครหน้าไหนทั้งสิ้น

“สะดวกซิ มาก็ดี คุณแม่ไม่อยู่ด้วย ผมจะได้มีเพื่อนคุย”

“คุณแม่ไปไหนคะ”

“ไปใต้ครับ ไปประชุมกับสโมสร” วรรณศุกร์อธิบายอีกยืดยาว

“ขับรถอยู่นะศุกร์” คุณนายวรรณีท้วงเบา ๆ เมื่อเห็นว่าวรรณศุกร์ละมือจากพวงมาลัยมาถือโทรศัพท์แนบหูพลางคุยไปขับรถไป

“ภัทครับ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้ว ผมโทรหานะ...ขับรถอยู่ สัญญาณไม่ค่อยดีด้วย...เอาอย่างนั้นนะ โอเค งั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน...ฝันดีครับ คิดถึงนะครับ”...

วางสายลงแล้วเขาสอดโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อตามเดิม ส่วนผู้เป็นแม่นั้นก็หันหน้าไปมองความมืดที่ข้างถนน โดยครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้วรรณศุกร์เลิกกับแอร์โฮสเตสปากหวานก้นเปรี้ยวคนนี้ได้...


แม้ว่าอยากจะนอนหลับพักผ่อนเก็บไว้แรงสู้ศึกที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ แต่ว่าน้ำผึ้งก็นอนไม่หลับอย่างที่ คชาพัฒน์ได้เปรย ๆ ไว้ตั้งแต่แรก...และเมื่อนอนไม่หลับน้ำผึ้งก็ลุกออกจากที่นอนมายืนเกาะขอบหน้าต่างมองไปยังจุดที่รู้ว่าเป็นบ้านของวรรณศุกร์...และเมื่อคิดถึงเขา น้ำผึ้งก็นึกถึงถ้อยคำของคชาพัฒน์ขึ้นมา

‘พอสวยแล้ว ผู้ชายก็จะดาหน้าเข้ามาหาเรา เมื่อนั้นเราจะมีสิทธิ์เลือก และพี่มั่นใจว่า ผึ้งจะได้เจอกับผู้ชายที่ดีพร้อมสำหรับน้ำผึ้งแน่นอน ขอให้น้ำผึ้งทำตัวดี ๆ ไว้เถอะ’

“ทำตัวดี ๆ ทำอย่างไรนะ” น้ำผึ้งเปรยกับตัวเองเบา ๆ โดยที่รู้สึกว่าใจของตนที่แอบส่งไปให้วรรณศุกร์เสียแล้วก็เจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อนึกได้ว่าวรรณศุกร์ไม่ใช่คนตัวเปล่า เขามีแฟน มีคนรัก คนที่เหมาะสมคู่ควรกันอยู่แล้ว...แล้วความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้เขาก็คงเป็นหมันอย่างแน่นอน
และด้วยมานอนหลับในตอนเกือบสว่าง ทำให้น้ำผึ้งนอนตื่นสายกว่าที่เคย...

เมื่อตัวเองตื่นสายน้องสองคนก็พลอยตื่นสายไปด้วย เพราะต่างไม่มีใครปลุกใคร...

“ไอ้หวานทำไมไม่ปลุกพี่”

“อ้าว ก็หวานไม่รู้นี่ว่าพี่ผึ้งจะรีบไปร้านพี่หน่องแต่เช้า”

น้ำผึ้งรีบแต่งตัวพลางบ่นกับน้อง ๆ ไปด้วย เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแต่ยังไม่ทันจะเดินไปที่จักรยาน...ที่หน้าบ้าน สำลีก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วร้องเรียก...

“เสร็จหรือยังผึ้ง สายแล้วนะ ต้องรีบไปทำผม แต่งหน้า แล้วต้องรีบไปรายงานตัว ซ้อมเดินตอนเย็นด้วยนะ...”

กติกาแต่ละเวทีนั้นแตกต่างกัน...และเวทีธิดากระท้อนหวานที่ปราจีนบุรีนั้นก็ไม่ได้มีข้อจำกัดมากมาย แต่ว่าเงินรางวัลนั้นงามทีเดียว จึงทำให้พี่เลี้ยงบรรดาสาวงามจากจังหวัดต่าง ๆ มุ่งส่งเด็กของตนไปชิงชัย

“เสร็จแล้วพี่” น้ำผึ้งสั่งน้ำหวานกับน้ำต้อยให้ช่วยแม่ทำงานบ้านแล้วก็รีบผลุนผลันออกจากบ้านไปหาสำลี...

“หน้าตาอิดโรยจังเลย นอนไม่หลับละซี่”

“จ้ะ”

“ไป ๆ รีบ ๆ ไป พี่หน่องบ่นใหญ่แล้ว”

พอซ้อนท้ายสำลีออกมาแล้ว ระหว่างทางสำลีก็บอกว่า

“ขอแม่ใช้โทรศัพท์มือถือได้แล้วมั้ง จะได้ติดต่อกันได้สะดวก ๆ”

“กลับมาจากปราจีนบุรีค่อยว่ากันพี่”

“เครื่องละไม่กี่บาทหรอก”

“แต่มันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามา”

“ตัวก็หาเงินได้นี่ ประหยัดค่าขนมหน่อย เอาเครื่องเก่าพี่ไปก็ได้ พี่ยกให้ฟรี ๆ เลย”

“ต้องถามแม่ก่อน แม่ไม่อยากให้ใช้น่ะ”

“เดี๋ยวให้พี่หน่องขอให้แล้วกัน”

น้ำผึ้งนิ่งเงียบ จนกระทั่งสำลีขี่รถมาหยุดที่หน้าร้าน



หลังจากสระผมแล้วขณะที่น้ำผึ้งนั่งให้นัยนิตยีผมตีโป่งก่อนเกล้าครึ่งหัวปล่อยหน้าม้าเป๋ นัยนิตก็ถามน้ำผึ้งที่นั่งหน้าไม่ค่อยสดชื่นว่า

“ผึ้งมีอะไรในใจหรือเปล่า หน้าตาไม่สดชื่นเลย เครียดเรื่องอะไร”

“กังวลนิด ๆ หน่อย ๆ” น้ำผึ้งตอบสั้น ๆ

“ครั้งแรกนี่ ก็กังวลทุกคนแหละ แต่พี่ว่าผึ้งควรจะหาวิธีคลายความกังวล คลายหน้าไม่ให้เฉา ก่อนขึ้นเวทีนะ”

“ทำอย่างไรดีละพี่นิต”

“ชอบฟังเพลงไหม”

“ชอบ”

“ชอบเต้นไหม”

“พอได้”

“แป๊บนะ...”

ว่าแล้วนัยนิตก็ละมือจากอุปกรณ์ทำผม ดึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเสียบกับปลั๊กลำโพงที่วางอยู่บนชั้น ก่อนจะเปิดเพลงแนวแดนซ์ที่เก็บไว้ในเมมโมรี่จนเสียงดังลั่นร้าน.....

“เกิดอะไรขึ้นหรือยะ” คชาพัฒน์ที่อยู่ในครัวกับสำลีรีบเดินออกมาถาม

“อยากให้ผึ้งมันคลายเครียดหน่อยนะพี่...”

“เครียดเรื่องอะไรผึ้ง” คชาพัฒน์ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงพลางเต้นยึก ๆ ยัก ๆ ไปด้วย ทำให้น้ำผึ้งยิ้มขำขึ้นมาได้...

“ยิ้มแบบนี้แหละ ยิ้มให้หวานเจี๊ยบรู้ไหม ชนะใจกรรมการแน่ ๆ” คชาพัฒน์พอเห็นว่าน้ำผึ้งยิ้มก็รีบบอกจุดเด่นข้อดีบนใบหน้าให้น้ำผึ้งได้ตระหนักไว้ใช้ยามอยู่บนเวที

“พี่หน่องเต้นตลกอ่ะ” น้ำผึ้งยังขำกิ๊ก ๆ กับท่าเต้นของคชาพัฒน์พี่เลี้ยงนางงามที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้นางงามของตนมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
“เอาอย่างนี้แล้วกันนะ ตอนที่เธออยู่บนเวทีแล้วยิ้มไม่ออกก็มองมาที่พี่นะ แล้วพี่จะเต้นให้ดู...เอาท่าไหนดี ท่านี้ไหม”...ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็ทำท่าเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้าร้อน ๆ ส่ายหน้า ร่อนก้นของตน เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากน้ำผึ้งกว้างขึ้นไปอีก...
หลังแต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยคชาพัฒน์ก็ให้นัยนิตเก็บภาพน้ำผึ้งไว้ทุกช็อต.....

“ผึ้งขึ้นกล้องมากเลยพี่” นัยนิตร้องบอกเมื่อเลื่อนปุ่มดูภาพใบหน้าหวานของน้ำผึ้ง...

“ดูรูปนี้ซิ” นัยนิตยื่นกล้องไปให้น้ำผึ้งดูภาพที่ตัวเองยิ้มตาเป็นประกาย...คชาพัฒน์ชะโงกหน้าเข้าไปดูและก็แย่งกล้องมาดูห่างจากตาของตนเพราะว่าสายตาเริ่มยาวตามจำนวนเลขอายุที่มากขึ้น...

“จริง ๆ ด้วย ภาพนี้ผึ้งยิ้มสวยมาก...แต่งตัวเลยดีไหม ใส่ชุดเลย”

“กว่าจะขึ้นเวทีอึดอัดแย่ ไปใส่ที่งานแหละพี่” น้ำผึ้งต่อรอง

“แต่พี่อยากให้ผึ้งมันไปกราบขอพรคุณศุกร์ทั้งชุดนางงามอ่ะ” พอปั้นน้ำผึ้งได้สวยถูกใจแล้วคชาพัฒน์ก็คิดเหมือนที่เคยคิด นั่นก็คือ นำนางงามของตนไปให้วรรณศุกร์ได้เห็น เผื่อว่าวรรณศุกร์จะเปลี่ยนใจจากภัทรินแอร์โฮสเตสหน้าไม่ค่อยรับแขกนั่น

...และเมื่อเป็นความต้องการของคชาพัฒน์ แม้ว่าน้ำผึ้งจะต้องเปลี่ยนชุดนางงามมาใส่ชุดลำลองระหว่างเดินทาง น้ำผึ้งก็ต้องทำ.....



พนักงานในร้านรัตนะไพรวัลย์จักรยานยนต์ต่างหันมามองน้ำผึ้งเป็นตาเดียวกันและหลาย ๆ คนก็รู้จักมักคุ้นกับน้ำผึ้งเป็นอย่างดีด้วยพ่อของน้ำผึ้งนั้นเคยทำงานอยู่ที่นี่ ดังนั้นร้านรัตนะไพรวัลย์จักรยานยนต์ของวรรณศุกร์จึงมีเสียงเอ็ดอึดเข้าไปถึงในห้องผู้จัดการแม้ว่าห้องนั้นจะเป็นห้องกระจกติดแอร์...และเมื่อเห็นว่าคชาพัฒน์พานางงามมากราบขอพร วรรณศุกร์ที่นำกล้องตัวใหญ่ออกจากกระเป๋ามาเช็ดฝุ่นตรวจเช็คแบตเตอรี่ตั้งค่าโหมดถ่ายตอนกลางคืนไว้เพราะจะนำไปให้วิธิตที่จะไปดูน้ำผึ้งประกวดธิดากระท้อนหวานกับป้าสมานในค่ำคืนนี้แทนตัวเองที่ไม่ไปได้เพราะภัทรินจะมาหา ก็รีบอนุญาตให้คชาพัฒน์ผลักประตูเข้ามา

“สวยไหมคุณศุกร์” คชาพัฒน์ที่เดินน้ำผึ้งเข้าไปในห้องร้องถามเมื่อเห็นว่าวรรณศุกร์เงยหน้าขึ้นมามองดูน้ำผึ้งเพียงนิด แล้วก็เสก้มหน้าก้มตาปรับกล้องต่อ แต่พอได้ยินคำถามนี้แล้ววรรณศุกร์จึงต้องใช้สายตามองน้ำผึ้งที่อยู่ในชุดขึ้นเวทีในค่ำคืนนี้อย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง...

“สวยครับ” เขาตอบจากใจจริง และเขาก็จะตอบแบบนี้ทุกครั้งที่คชาพัฒน์ถามแบบนี้

“กว่าจะแปลงโฉมลูกเป็ดขี้เหร่ให้กลายเป็นนางหงส์ได้เหนื่อยมาก”

“แต่ก็ออกมาได้สวยสมใจหน่องแล้วนี่”

พอวรรณศุกร์เอ่ยปากชมกราย ๆ น้ำผึ้งจึงรู้สึกสดชื่นประหนึ่งว่าได้รับละอองน้ำฝน

“สวย ถูกใจ มาก ไม่คิดเลยว่าผึ้งเขาจะขึ้นกล้องด้วยนะ...”

“ขึ้นกล้อง” วรรณศุกร์ทวนคำพูดของคชาพัฒน์...

“คุณศุกร์จะลองถ่ายรูปน้ำผึ้งสักหน่อยไหม ยิ่งกล้องแพง ๆ แบบนี้ รับรองเลยว่า น้ำผึ้งสวยจนกล้องแตกแน่ ๆ”

“ขนาดนั้น”

“นะ ลองถ่ายให้หน่อย ถ้าสวยจะมาขอไฟล์ไปอัดขยายแปะไว้ที่ผนังร้าน...”

“เอาซิ”

ว่าแล้ววรรณศุกร์ก็ลุกจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานมาเป็นตากล้องกิตติมศักดิ์ให้กับน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งเองก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย เมื่อต้องมายืนเด่นอยู่กลางห้องทำงานของเขา น้ำผึ้งไม่กล้าสบตาวาว ๆ ของเขาที่น้ำผึ้งไม่รู้ว่า กำลังพิจารณาใบหน้าหรือตัวของเธอ หรือกำลังหามุมถ่ายรูปให้ออกมาดีอย่างที่คชาพัฒน์ต้องการ

“ให้ผึ้งยืนตรงไหนดี” คชาพัฒน์เอ่ยปากขัดจังหวะ

“ตรงนั้นแหละครับ” พอวรรณศุกร์บอกแล้วคชาพัฒน์ก็ดันน้ำผึ้งให้ไปยืนอยู่ตรงมุมห้อง...

“มองกล้องซิผึ้ง”

สายตาของน้ำผึ้งมองไปยังเลนส์กล้องที่มีสายตาของเขาเป็นตัวเล็งและพร้อมจะกดชัตเตอร์อยู่...
แล้วเสียงแชะก็ดังขึ้น...เขาลดกล้องลงดูผลงานแรกของตัวเอง...

“น้ำผึ้งเอียงข้างหน่อย แบบนั้นแหละ ยิ้มนิด ๆ นะ ยิ้มแบบอมยิ้ม” พอสิ้นเสียงสุภาพเอาใจในของเขาด้วยอารมณ์เบิกบานน้ำผึ้งจะยิ้มบาง ๆ ออกมาได้...

เสียงแชะดังขึ้นอีกครั้ง...แล้วก็ดังอีกครั้ง...แล้วเขาก็ลดกล้องดูผลงานของตนอีกรอบ...

“เป็นไงบ้างคุณศุกร์ผึ้งขึ้นกล้องไหม”

“ขึ้นครับ...แต่ขออีกสองรูปแล้วกัน...หันหน้าเข้าหาแสงหน่อยครับ...คราวนี้ไม่ต้องยิ้มนะ ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดและก็ไม่ต้องมองกล้องด้วย มองไปที่ปฏิทิน ผมจะถ่ายแบบพอร์ตเทรต”

เสียงนุ่มทุ้มของเขาทำให้ทำผึ้งปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย...และพอเขากดชัตเตอร์อีกสองครั้งโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขัดจังหวะ วรรณศุกร์ปล่อยให้กล้องห้อยอยู่กับคอก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอพลางหันหลังให้กับคชาพัฒน์และน้ำผึ้ง...

“ดีครับภัท”

คชาพัฒน์มองหน้าน้ำผึ้งแล้วปรายตาไปทางวรรณศุกร์ทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงบอกให้น้ำผึ้งรู้ว่า แฟนของเขาโทรมา...และคงจะคุยกันยืดยาวแน่ ๆ

“ครับ ๆ ๆ ๆ พรุ่งนี้ก็ได้ครับ...ขับรถดี ๆ นะ...” บอกภัทรินไปพลางวรรณศุกร์ก็หันมาหาคชาพัฒน์กับน้ำผึ้งคชาพัฒน์นั้นรู้ดีว่าคงจะอีกนาน จึงรีบออกตัวว่า

“งั้นหน่องไปก่อนนะฮะ ไม่กวนแล้ว”

“ครับ” เขาเอามือปิดตรงช่องรับเสียง

“คืนนี้เจอกันนะฮะ” คชาพัฒน์ยังเซ้าซี้เอาธุระที่เขาได้นัดหมายไว้โดยไม่ได้รู้ว่าเขานั้นจะไม่ได้ไปดูการประกวดในครั้งนี้เพราะว่าภัทรินจะมาหากะทันหัน

วรรณศุกร์พยักหน้าเบา ๆ...และพอคชาพัฒน์กับน้ำผึ้งออกจากห้องไปแล้ว เขาก็บอกภัทรินว่า

“ถ้าวันนี้ภัทไม่มา คืนนี้ผมขอไปเที่ยวงานกระท้อนที่ปราจีนบุรีกับไอ้ธิตนะ ป้าสมานก็ไปด้วย”

“จะไปทำไมคะ”

“ไอ้ธิตมันชวนไว้น่ะ แต่พอเห็นว่าภัทจะมา ผมก็เลยต้องยกเลิกนัดไป แล้วมันก็บ่นผมซะยกใหญ่เลย”

“จะบ่นทำไม”

“มันอยากให้ผมไปเป็นเพื่อนช่วยเชียร์ญาติ ๆ มันขึ้นเวทีธิดากระท้อนครับ” แม้ไม่อยากโกหกแต่เขาก็จำต้องโกหกเพราะถ้าพูดความจริงออกไปว่า เขาเองอยากไปเชียร์การขึ้นเวทีครั้งแรกในชีวิตของน้ำผึ้ง มันจะต้องมีปัญหาตามมาอย่างยืดเยื้อแน่นอน

“อยากไปก็ไปซิ” น้ำเสียงของภัทรินนั้นกระเง้ากระงอด

“ผมไปเป็นเพื่อนมันเฉย ๆ ครับ ไม่ได้คิดจะออกนอกลู่นอกทางหรอก”

“ภัทก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“ครับ...งั้นเดี๋ยวคืนนี้คุยกันต่อ...ขอตัวทำงานก่อน...”

พอวางสายของภัทรินแล้ววรรณศุกร์ก็ต่อสายถึงวิธิตแจ้งเรื่องที่เขาเปลี่ยนใจไปดูน้ำผึ้งขึ้นเวทีครั้งแรก และพอวางสายจากวิธิตแล้วเขาก็เปิดกล้องดูไฟล์รูปภาพอีกครั้งหนึ่ง และด้วยอยากเห็นภาพน้ำผึ้งโดยฝีมือของเขาชัด ๆ เขาจึงดึงเมมโมรีออกจากกล้องก่อนจะเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ และพอคลิ๊กดูภาพของน้ำผึ้ง ใจของเขาก็รู้สึกว่าน้ำผึ้งนั้นขึ้นกล้องเป็นอย่างมาก มากจนเขาอดคิดอย่างที่แม่เขาคิดไม่ได้ว่า หากมีแมวมองมาเห็นน้ำผึ้งแล้วชีวิตน้ำผึ้งจะเป็นอย่างไรต่อไป.....






จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2556, 08:27:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2556, 08:27:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1889





<< 9. “พี่ลางสังหรณ์ว่าน้ำผึ้งจะไม่ได้หยุดแค่ธิดากระท้อนหวานหรอก"   11..“เห็นไหมว่า สวยแต่โง่มันมีอยู่จริง ๆ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 20 มิ.ย. 2556, 08:28:20 น.
ล็อคอินกดไลน์เบา ๆ ให้ผึ้งด้วยนะคะ ขอบคุณค่า...จุ๊บ ๆ


mottanoy 20 มิ.ย. 2556, 08:44:59 น.
กดแรงไปหน่อยอ่ะ ไม่ว่ากันนะคะน้องผึ้ง


nunoi 20 มิ.ย. 2556, 09:22:27 น.
ลุ้นไปกับน้ำผึ้งทุกตอนเลย


saralun 20 มิ.ย. 2556, 09:50:43 น.
ขอให้คุณศุกร์เปลี่ยนใจไว ๆ อิอิ ^^


คิมหันตุ์ 20 มิ.ย. 2556, 12:16:18 น.
ลุ้นน้ำผึ้งจริงๆ เวทีแรกน่าจะได้นะคะ อิอิ


เดิมเดิม 20 มิ.ย. 2556, 12:27:00 น.
ส่งแรงใจให้น้ำผึ้ง บ้านไพรนะจ๊ะ


Zephyr 20 มิ.ย. 2556, 22:00:25 น.
โหย คุณศุกร์ จะนิ่งไปไหนน่ะ
ลุ้นจะแย่แล้ว มีอาการหลุดๆมาหน่อยสิ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:28:15 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account