น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 11..“เห็นไหมว่า สวยแต่โง่มันมีอยู่จริง ๆ”

11.
น้ำผึ้งรู้สึกว่าเส้นทางจากบ้านไพรไปปราจีนบุรีนั้นใกล้นิดเดียวทั้งที่ระยะทางนั้นร่วมร้อยกิโลเมตร และเมื่อคชาพัฒน์หาที่จอดรถได้แล้ว น้ำผึ้งที่ยังรู้สึกประหม่าตื่นเต้นอยู่ก็มองซ้ายมองขวา เพราะชุดที่ตนสวมใส่อยู่นั้น ผิดจากชาวบ้านชาวช่องที่เดินกันขวักไขว่ไปมา

“ถึงแล้วจ้า” ในขณะที่นั่งรถมานั้น คชาพัฒน์ก็พร่ำสอนถึงกลเม็ดเด็ดพรายเพื่อพิชิตใจคณะกรรมให้แก่น้ำผึ้งเพิ่มเติม น้ำผึ้งเองก็ได้แต่รับฟังด้วยความตั้งใจ ไม่ซักไซ้ใด ๆ ทั้งสิ้น

“ถึงแล้วเหรอ”

“ถึงแล้ว ลงจากรถซิ”

“ผึ้งตื่นเต้นจังเลยพี่หน่อง” แล้วน้ำผึ้งก็อดจะประหม่าตามวัยของตนไม่ได้

“เดี๋ยวไปรายงานตัว...แล้วสักหนึ่งทุ่มทางคณะกรรมการเขาก็จะแนะนำซักซ้อมขั้นตอนต่าง ๆ ระหว่างขึ้นไปบนเวที ตอนนั้นพี่ก็คงเข้าไปหลังเวทีไม่ได้แล้วนะ ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ...” คชาพัฒน์พูดในเรื่องที่ตนอยากพูดแทนที่จะรับฟังความรู้สึกของน้ำผึ้ง...
และเมื่อพูดไปแล้วคชาพัฒน์ไม่รับรู้ น้ำผึ้งก็จำต้องสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะลงจากรถแล้วเดินตามคชาพัฒน์ไปรายงานตัวกับกรรมการที่ด้านข้างเวที...


“เบอร์ 18 นางสาวทิพากร พรรัตนาโอภาส...นามสกุลจะยาวไปไหนเนี่ยแม่คุณ...มา ๆ มานั่งรอตรงนี้”
พอเจ้าหน้าที่กองประกวดซึ่งเป็นกะเทยหน้ามันย่องผมหยิกฟูร่างใหญ่ยักษ์สวมเสื้อสีดำผ้ามันแนบเนื้อเรียกชื่อทิพากรแกมเหน็บแนมแล้วเจ้าหล่อนที่ยืนคอยอยู่กับกลุ่มเพื่อนนางงามก็เดินฉับ ๆ ไปยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งหมายเลขของตน...ใบหน้าที่สวยหวานนั้นบึ้งตึงจนคนเรียกต้องเบะปากด้วยความหมั่นไส้

“เบอร์ 19 นางสาวกัญชพร ไพรวัลย์ เรียนเชิญเลยจ้า”

น้ำผึ้งซึ่งยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนและดูจะเป็นนางงามฝึกหัดเช่นตน น้ำผึ้งยิ้มเพียงนิดให้คนเรียกก่อนจะเดินอย่างว่องไวตามประสาคนเคยเล่นกีฬาไปยังเก้าอี้ตัวที่ติดกับเบอร์ 18 และเมื่อพี่เลี้ยงนางงามเรียกขานชื่อนางงามจนครบ 25 คน 25 หมายเลขแล้ว...คนเรียกก็มายืนตรงกึ่งกลางเก้าอี้ที่จัดเรียงไว้ให้บรรดาสาวงามรอขึ้นเวที

“นั่งกันเรียบร้อยแล้วก็ฟังทางนี้นะ ก่อนอื่น เจ๊ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน เจ๊ชื่อ เจ๊ไก่แจ้...เจ๊เป็นพี่เลี้ยงนางงงาม เป็นคณะกรรมการ เป็นคนจัดคิว เป็นทุกอย่างในงานประกวดธิดากระท้อนหวานแห่งนี้...และถ้าไม่อยากหน้าแหกผิดคิวหรือทำเปิ่นบนเวทีก็ตั้งใจฟังเจ๊ให้ดี อย่าได้คุยกัน อย่าได้ส่งใจไปข้างนอก อย่าสนใจเสียงนกเสียงกาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเสียงของเจ๊นะ มันไม่ไหวแล้ว...”

ว่าแล้วเจ๊ไก่แจ้ก็กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหันรีหันขวางมองหาขวดน้ำดื่มของตน หลังจากดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อยเจ๊ไก่แจ้ก็ร่ายกฏกติกามารยาทลำดับขั้นตอนบนเวทีต่อกระทั่งถึงตอนสำคัญ

“สำหรับรอบห้าคนสุดท้าย จะมีการสัมภาษณ์ด้วย คำถามนั้นจะมาจากซองที่คณะกรรมการแต่ละท่านได้เตรียมไว้ ซึ่งทางเราบอกไว้เลยว่างานนี้เราได้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาจากหลาย ๆ ที่ เพื่อเลือกเฟ้นสาวงามที่สวยและฉลาดด้วย งานนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะซวยได้คำถามของใคร...แล้วเวลาให้สัมภาษณ์ ขอร้องว่า อย่าตอบคำถามทำนองน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงหรือตอบแบบนกแก้วนกขุนทองตามที่ได้ท่องมา พยายามตอบให้ตรงคำถามให้มากที่สุด รวบรัดเวลาแล้วให้ได้ใจความสำคัญด้วย อย่าตื่นเต้น อย่าประหม่า ตั้งสติให้มั่น เข้าใจไหม”

“เข้าใจค่ะ” มีเสียงขานรับอ้อมแอ้ม ๆ...

“หิวข้าวกันหรืออย่างไรยะ เสียงถึงไม่มีกันเลย”

“หิวค่ะ” มีน้ำผึ้งคนเดียวที่เผลอหลุดปากออกไป...แล้วน้ำผึ้งก็ยิ้มแหย ๆ เมื่อเจ๊ไก่หันมาหา...

“เราชื่ออะไรหรือ”

“น้ำผึ้งค่ะ อุ้ย กัญชพรค่ะ”

“หิวมากไหม...กัญชพร”

“พอทนค่ะ”

“มีใครยังหิวข้าวเหมือนกัญชพรอีก...เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงสองทุ่ม ยังมีเวลาให้พวกเธอได้กินและเติมสีสันบนใบหน้ากับเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย"
ทีนี้เองหลาย ๆ คนยกมือ...เจ๊ไก่แจ้ก็เลยต้องปล่อยแถวเพื่อให้นางงามทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่การประกวดจะเริ่มขึ้น...

ช่วงที่ด้านหลังเวลายังขลุกขลักเตรียมการณ์กันอยู่ ที่ด้านหน้าเวทีก็มีการแสดงจากโรงเรียนเจ้าถิ่นเพื่อเรียกให้คนที่เดินอยู่ในงานเร่มาอยู่หน้าเวที...ฝ่ายคชาพัฒน์นั้นหลังจากที่ปล่อยให้น้ำผึ้งเข้าไปอยู่กับพี่เลี้ยงนางงามที่ด้านหลังเวทีแล้ว คชาพัฒน์ก็ออกมานั่งรับลมอยู่ไม่ห่างจากกองประกวดมากนักเพราะรู้ว่าอย่างไรแล้วภารกิจของตนก็ยังไม่เสร็จสิ้นจนกว่ากรรมการจะตัดสินใจให้ใครเป็นนางงามในค่ำคืนนี้...

และตรงที่คชาพัฒน์นั่งอยู่ก็มีบรรดาพี่เลี้ยงนางงามซึ่งมีจำนวนมากกว่านางงามบนเวทีนั่งรวม ๆ กันอยู่ด้วย และต่างก็พูดถึงสาวงามของตน รวมถึงนางงามเดินสายผู้เจนเวทีแต่ว่าพูดถึงในเชิงลบ คชาพัฒน์เองแม้จะอยากร่วมสนทนาพาทีด้วย แต่ว่าก็รู้สึกเบื่อพวกปากหอยปากปู คชาพัฒน์จึงเดินเลี่ยงไปหาอะไรรองท้อง และระหว่างที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือของคชาพัฒน์ก็ดังขึ้น

พอเห็นเป็นเบอร์จากประทินคชาพัฒน์ก็รีบกดรับสายในทันที...

“อยู่ตรงไหนหรือพี่”

“อยู่ที่งานกระท้อนมีอะไรรึ”

“ผมมาอยู่ในงานแล้วครับ”

ก่อนหน้านั้นประทินไม่ได้บอกว่าจะมาร่วมเชียร์น้ำผึ้งเหมือนกับที่วรรณศุกร์ วิธิต จะมากับป้าสมาน

และภานุวัฒน์นั้นก็จะมากับนงลักษณ์และเพื่อนรุ่น ๆ เดียวกัน

“นึกอย่างไรถึงมา”

“ว่าง ๆ เบื่อ ๆ ตั้งใจว่าจะมาตัดผม แต่พอรู้ว่าพี่พาเด็กมาประกวดก็เลยอยากมาดูครับ นัยนิตกับสำลีก็มาด้วยนะ”

“อ้าว จริงดิ๊”

“ครับ แล้ว อยู่ตรงไหน เดี๋ยวเดินไปหา”

คชาพัฒน์รีบบอกจุดที่ตัวเองนั่งอยู่ในทันที และพอประทินวางสายไป ที่หน้าจอของคชาพัฒน์ก็มีสัญญาณเรียกเข้าจากเบอร์ของนงลักษณ์


“เบอร์ 19 นางสาวกัญชพร ไพรวัลย์ อายุ 18 ปี สูง 172 สัดส่วน 33 23 36 น้ำหนัก 51 กิโลกรัม กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านไพรวิทยา สระบุรี ร้านรัตนะไพรวัลย์จักรยานยนต์ส่งเข้าประกวด”

สิ้นเสียงจากพิธีกรหญิงซึ่งเป็นดาราตัวประกอบที่เคยผ่านเวทีประกวดนางงามมาก่อนที่จะเข้าวงการบันเทิงบรรดากองเชียร์ของน้ำผึ้ง หรือ กัญชพร ไพรวัลย์ ชื่อที่ใช้ในการประกวด อันได้แก่ คชาพัฒน์ ป้าสมาน วิธิต วรรณศุกร์ ประทิน นัยนิต สำลี ภานุวัฒน์ นงลักษณ์และเพื่อนร่วมชั้นอีกสิบกว่าคนที่นั่งรถกระบะของ ภานุวัฒน์มาก็ส่งเสียงกรี้ดกร้าดปรบมือเสียงดังจนน้ำผึ้งต้องฉีกยิ้มกว้างขณะก้าวเดินออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเขินอายที่เพื่อน ๆ เชียร์ตนจนออกนอกหน้า

...และรอยยิ้มกับท่วงท่าอันสง่างามมั่นใจตัวเองแบบนักกีฬาวอลเลย์บอลที่เคยลงสนามใหญ่ ๆ มาแล้ว ทำให้กรรมการกิตติมศักดิ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวทีถึงกับหันไปซุบซิบกัน

“พอยู่บนเวทีแล้วสง่าผิดกับตอนที่ยืนขายลูกชิ้นปิ้งเลยว่ะ...” วิธิตที่มีกล้องบันทึกวีดีโออยู่ในมือที่ตั้งแขนเป็นมุมฉากหันเลนส์ไปทางเวทีเอียงตัวกระซิบคุยกับวรรณศุกร์ที่นั่งอยู่ติดกัน...

และเมื่อน้ำผึ้งเดินมาสุดทางเดินหญิงสาวก็ยกมือไหว้ค้อมศีรษะเรียกเสียงปรบมือดังเกรียวกราวอีกครั้ง และรอยยิ้มของน้ำผึ้งก็ยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นว่าที่แถวหนึ่งของผู้ที่นั่งชมตัวเองอยู่มีวรรณศุกร์ยิ้มบาง ๆ ให้...

“สวยว่ะสวย มีแฟนหรือยังวะ” วิธิตดูต้องตาต้องใจน้ำผึ้งในแบบที่เห็นอยู่บนเวทีนี้ไม่น้อย

“เห็นไอ้วัฒน์มันก้อร้อก้อติกอยู่นะ” วรรณศุกร์ตอบเบา ๆ เพราะถัดจากวิธิตก็เป็นที่นั่งของป้าสมาน คชาพัฒน์ ประทิน นัยนิต สำลี แล้วก็เป็นกลุ่มภานุวัฒน์ นงลักษณ์และเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้ป้องปากตะโกนเชียร์เพื่อนร่วมชั้นอย่างออกนอกหน้า

“ข้าแห้วกินอีกแน่ ๆ เลย”

“รีบถอดใจเสียตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งมันใช้ได้เสียที่ไหน”

“นั่นมันรุ่น ๆ เดียวกันนะ”

“แต่มันก็คนไกลนี่”

“เนอะ มันอยู่ตั้งไกล แล้วยังวัยรุ่นอยู่ด้วย สู้ข้าไม่ได้หรอกมั่นคงแล้วด้วย” นอกจากหน้าที่การงานจะมั่นคงแล้ว พื้นฐานทางครอบครัวของวิธิตก็จัดว่ามีอันจะกินเช่นกันเพราะว่าพ่อแม่ของเขาเป็นข้าราชการครูแถมมีที่ไร่ที่นาให้เช่าเก็บเงินค่าเช่าอีกด้วย...

“ก็ลองจีบดู” เสียงของวรรณศุกร์ผะแผ่ว...

“จีบแน่ ๆ”

“เอาจริง ๆ หรือวะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนดูจะจริงจังวรรณศุกร์จึงต้องหันไปถามจนเต็มเสียง
วิธิตถอนหายใจเบา ๆ

“ข้าก็ปูนนี้แล้ว อยากมีครอบครัวอยากแต่งงานว่ะ”

“แต่น้ำผึ้งเขายังเด็กอยู่นะ ยังต้องเรียนหนังสือต่ออีก บ้านช่องเขาเอ็งก็รู้ว่าเป็นอย่างไร”

“ถ้าสวยขนาดนี้ ข้าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว”

“พูดเป็นเล่นไป”

“นางฟ้าจำแลงเลยนะนั่น”

“บนเวทีมันก็สวยทุกคนแหละ”

“แต่ข้ารู้สึก ปิ๊งน้ำผึ้งขึ้นมาซะแล้วว่ะ ปิ๊งตั้งแต่เปิดกล้องเอ็งแล้วเห็นรูปที่เอ็งถ่ายไว้เมื่อตอนกลางวัน” สายตาของวิธิตนั้นยังอยู่บนเวทีที่มีบรรดาสาวงามยืนเรียงรายกันอยู่...วรรณศุกร์หันกลับไปมองบนเวทีเช่นกันและเขาก็รู้สึกว่า บนเวทีธิดากระท้อนหวานแห่งนี้ น้ำผึ้งมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก...

...มากจนเขารู้สึก ดีไม่ดี คืนนี้ ชีวิตน้ำผึ้งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก็เป็นไปได้...


เมื่อนางงามทั้ง 25 คนลงไปพักผ่อนเพื่อให้คณะกรรมการลงคะแนนคัดเลือกสาวงามให้เหลือ 5 คนเข้ารอบสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบที่สาวงามจะต้องตอบคำถาม บนเวทีก็มีการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนประจำอำเภอรบกวนสมาธิของคณะกรรมการกิตติมศักดิ์อีก 15 นาที โดยคนที่ตั้งใจมาดูประกวดนางงามก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำบ้าง ไปซื้อหาอะไรกินบ้าง ส่วนคนที่ไม่ได้ตั้งใจมาดูนางงามแต่พอเห็นชุดการแสดงก็หยุดยืนดูจนถึงให้บริเวณนั้นดูพลุกพล่าน...

กระทั่งได้เวลา...พิธีกรชายและหญิงก็ขึ้นทำหน้าที่อีกครั้ง

“ค่ะช่วงพัก 15 นาที ให้เหล่าบรรดาสาวงามและพี่เลี้ยงได้นางงามได้เล่นของและชมการแสดงอันตระการตา...” พิธีกรสาวปล่อยมุก ตลกและพิธีกรชายก็รับมุกนั้น

“เล่นของ เล่นของอะไรครับ”

“ก็ จากประสบการณ์ของเอ๋ ช่วงนี้แหละค่ะ ต้องตั้งจิตให้มั่น อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกมาหมดเลย...” พิธีกรหญิงยังจาระไนเพื่อเรียกรอยยิ้มเสียงหัวเราะจากผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ...

“และแล้วก็ได้เวลาอันสมควรแล้วครับคุณเอ๋ รอบนี้ เราจะให้บรรดาสาวงามผู้เข้าประกวดทั้งหมดเดินออกมาจากหลังเวทีให้ท่านผู้ชมยลโฉมกันอีกครั้งนะครับแต่ครั้งนี้เราจะให้เดินเร็วขึ้น ไม่ประกาศว่าใครเป็นใครอีกแล้ว...และพอสาวงามยืนเรียงกันเป็นระเบียบปุ๊บเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็จะประกาศชื่อนางงามที่เข้ารอบในทันทีเลย...”

ขั้นตอนการประกวดดำเนินไป โดยที่คชาพัฒน์นั้นตอนนี้รับเดิมพันกับจวงจันทร์ไปแล้วว่า หากนางงามที่ตนส่งเข้าประกวดเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย โดยที่นางงามของอีกคนตกรอบ คนที่ส่งนางงามเข้ารอบจะได้เงิน 2,000 บาทในทันที

และพนันข้อที่ 2 หากว่าสาวงามของตนเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายเหมือนกัน ข้อแรกถือเป็นโมฆะ แต่ถ้านางงามของใครได้ตำแหน่งสูงกว่า คนนั้นก็จะได้เงินไป 2,000 บาท

และทั้งคู่ก็ต่างมั่นใจว่า ตนเองนั้นจะต้องได้กินเงินพนันของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน...

“นิตจะพนันกับผมบ้างไหมละ” พอรู้ว่างานนี้คชาพัฒน์เล่นพนันกับจวงจันทร์ ประทินจึงหาเรื่องชวน นัยนิตพูดคุยสร้างความสนิทสนมกันเพราะเมื่อเขาไปที่ร้านนัยนิตจะสงบปากสงบคำจนเขาอ่านใจหญิงสาวไม่ออก...แต่ว่านัยนิตก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเขาชวนมาปราจีนบุรีด้วยกันในวันนี้ เพียงแต่นัยนิตนั้นชวนให้สำลีมาด้วยอีกคน

นัยนิตหันมามองหน้าเขาแล้วก็เคี้ยวหมากฝรั่งต่อทำท่าครุ่นคิดไม่ยอมตอบเขา...

“ว่าไงครับ”

“จะพนันเอาอะไรล่ะ เราไม่ค่อยมีเงินหรอกนะ” นัยนิตจะใช้สรรพนามแทนตัวเองกับประทินว่า ‘เรา’ และเรียกประทินว่า ‘นาย’ ทำเหมือนกับว่าเป็นผู้ชายคุยกัน

“ก็พนันเลี้ยงข้าวก็ได้ เป็นมื้อใหญ่ๆ สักมื้อ”

“ได้...”

“ถ้าอย่างนั้น เรามาพนันกันว่า คืนนี้ น้ำผึ้งจะเข้ารอบ ห้าคนสุดท้ายหรือไม่” ประทินเสนอออกไป

“เราว่าเข้า” นัยนิตตอบอย่างมั่นใจในทันที

“จบกันเลย เพราะผมก็คิดว่าเขาต้องเข้า”

“งั้นพนันกันใหม่ น้ำผึ้งจะได้ที่หนึ่งไหม” นัยนิตเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ คราวนี้ประทินครุ่นคิด...และด้วยต้องการจะจีบนัยนิต เขาจึงต้องบอกว่า

“ผมให้นัยนิตเลือกก่อน” คำว่านัยนิตของประทินนั้นนุ่มหูทีเดียว

นัยนิตทำท่าครุ่นคิด...ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะนางงามทั้ง 25 คนที่เดินออกมาให้กรรมการดูตัว ไปสองรอบแล้วนั้น นัยนิตรู้สึกว่าน้ำผึ้งนั้นสง่างามโดดเด่นเข้าตาทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับออร่าในตัวนางงามอีกหลาย ๆ คนแล้ว น้ำผึ้งก็จะดูด้อยลงไปไม่น้อย การศึกษาของน้ำผึ้งทำให้น้ำผึ้งดูจะยังไม่คู่ควรกับตำแหน่งธิดากระท้อนหวาน...ทว่ามันก็แค่เวทีเล็ก ๆ เท่านั้น...

“ไม่ได้หรอก แต่เราเอาว่าเขาติดหนึ่งในห้า...”

“งั้นผมเอาว่าเขาได้ที่หนึ่ง”...

“จะพาไปร้านไหนล่ะ” นัยนิตหันไปถามเขาประหนึ่งว่า ตัวเองชนะพนันในครั้งนี้แล้ว...

“ไปร้านในตัวจังหวัดก็ได้ครับ แต่แค่สองคนนะ”

นัยนิตกรอกตาในทันที...

“ทำไมต้องสองคนเท่านั้น”

“ก็ถ้าเอาคนอื่นไปด้วย คนแพ้ก็แย่ละซิ”

“งั้นเตรียมเงินไว้ได้เลย”



แล้วนาทีที่ลุ้นระทึกก็มาถึง...ผู้เข้าประกวดที่ถูกเอ่ยชื่อเป็นคนที่สี่ คือ หมายเลข 18นางสาวทิพากร พรรัตนาโอภาส จวงจันทร์กับพรทิพย์กระโดดจนตัวลอย ส่วนคชาพัฒน์นั้น นั่งใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะ นอกจากจะขายหน้าและริษยาจวงจันทร์แล้ว เงินในกระเป๋าอีกสองพันก็กำลังจะหลุดลอยไป...

“ตามที่เราได้แจ้งไปก่อนหน้านั้นนะครับว่า หมายเลขที่เรียกไปนี้ ไม่ได้เรียงจากน้อยไปหามาก เพราะฉะนั้น สาวงามที่เหลืออยู่บนเวทีก็ยังมีลุ้นกับหมายเลขสุดท้ายที่ผมจะประกาศต่อไปนี้...”

พิธีกรชายหยุดปล่อยให้ทุกคนลุ้นระทึก...เสียงดนตรีกระชั้นขึ้น เหล่าบรรดาสาวงาม ทั้ง 21 หมายเลข ที่ยืนเรียงกันอยู่ก็ยังส่งยิ้มให้ผู้ชม กรรมการ พี่เลี้ยง อย่างปลอบใจตนเอง ...

“หมายเลขสุดท้ายที่เข้ารอบห้าคนสุดท้ายได้แก่ หมายเลข...หมายเลข ใบ้นิดหนึ่งครับ เป็นเลขสองหลัก ครับ...”

“เท่านั้นเองก็มีเสียงกรี๊ดยาว จากบรรดากองเชียร์สาวงามตั้งแต่หมายเลข 10-25 ที่ยังไม่ได้เข้ารอบไป...คชาพัฒน์นั้นถึงกับหลับตาพนมมือ
“เตรียมเงินสองพันไว้เถอะ” จวงจันทร์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันมาบอกคชาพัฒน์ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่ คชาพัฒน์หาได้ลืมตาขึ้นมาจ้องถลึงกลับ
อย่างที่มันควรจะเป็น

วรรณศุกร์กับวิธิตนั้นนั่งเงียบ นางสมานเองก็พนมมือสวดมนต์ปากขมุบขมิบเพราะอยากให้น้ำผึ้งเข้ารอบ อยากให้หลานชายของตัวเองได้หน้า...เพราะถ้าน้ำผึ้งเข้ารอบในครั้งนี้ อย่างน้อยก็ยังมีเงินรางวัลติดมือกลับบ้าน...และที่แน่ ๆ ก็ยังมีลุ้นอีกยกด้วย...
ส่วนภานุวัฒน์กับนงลักษณ์และเพื่อน ๆ นั้น ต่างปรบมือเบา ๆ เม้มปากไม่ให้เอ่ยชื่อ น้ำผึ้งออกไปให้ เป็นที่รำคาญหูคนที่อยู่รอบ ๆ เพราะว่าเชียร์กันอย่างออกนอกหน้า...

“หมายเลข สิบ สิบ สิบ สิบ สิบ”

“เก้า” นงลักษณ์หลุดตะโกนออกไปพร้อมกับเพื่อน ๆ เมื่อพิธีกรชายทำให้เป็นเรื่องตื่นเต้น... และเมื่อพิธีกรชายหลุดคำว่า “เก้า” ออกมา กองเชียร์ของน้ำผึ้ง กระโดดกันตัวปลิวทีเดียว... วรรณศุกร์ที่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ขนลุกเกรียวขึ้นมา เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง...เพราะเขาก็ลุ้นไปกับประสบการณ์บนเวทีครั้งแรกของน้ำผึ้งนี้ด้วย และลึก ๆ เขาก็มีความเชื่อมั่นว่า เวทีแห่งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตน้ำผึ้งไปได้ชนิดที่เขาไม่คาดฝันทีเดียว...

“ไม่น่าเชื่อว่าจะลุ้นขนาดนี้” วิธิตเอี้ยวตัวไปบอกวรรณศุกร์...

น้ำผึ้งเดินยิ้มแย้มไปเรียงแถวต่อจากทิพากร...ส่วนบรรดาสาวงามที่ตกรอบ ก็ต้องลงไปรอที่ด้านหลังเวที เพราะในค่ำคืนนี้ นอกจาก สาวงามทั้งห้าคนจะได้รับเงินรางวัลมากน้อยตามตำแหน่งที่ได้แล้ว ก่อนตัดสินใจ ก็จะเรียกสาวงามทั้งหมดขึ้นเวทีแล้วมอบรางวัลพิเศษหรือจะเรียกรางวัลปลอบใจก็ได้...

และเมื่อนางงามที่เข้ารอบทั้งห้าคนมายืนเรียงกันแล้วด้วยความสูงเพรียวลมกว่าคนอื่น ๆ ทำให้น้ำผึ้งดูโดดเด่นขึ้นมาทีเดียว วรรณศุกร์อมยิ้มน้อย ๆ เอาใจจดจ่ออยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองเคารพนับถือให้ช่วยน้ำผึ้งชนะใจกรรมการให้ได้


“ทีนี้ก็ถึงนาทีสำคัญยิ่งแล้วนะครับ เป็นการตอบคำถามเพื่อดูว่า สาวงามที่เข้ารอบมานี้เหมาะสมที่สวมมงกุฎธิดากระท้อนหวานหรือไม่ และสำหรับคำถามในค่ำคืนนี้เป็นคำถามจากท่านกรรมการผู้ทรงเกียรติทั้งสิบท่าน ดังนั้นจึงมีสิบซองคำถาม แต่คำถามนั้นจะถูกดึงมาใช้เพียงห้าคำถามเท่านั้น และผมกับคุณเอ๋ก็ไม่รู้ด้วยว่า คำถามนั้นมีความยากง่ายกว่ากันอย่างไรนะครับ”

“พร้อมหรือยังคะ” พิธีกรหญิงยิ้มแย้มถามสาวงามห้าคนที่ยืนเรียงรายกันอยู่และแต่ละคนนั้นก็ยังคงฉีกยิ้มอย่างต่อเนื่อง

“ขอเริ่มจากคนที่อยู่หัวแถวเลยแล้วกันนะคะ”

ช่วงที่สาวงามหมายเลข 12 หมายเลข 8 หมายเลข 21 ตอบคำถาม วิธิตก็หันไปคุยกับวรรณศุกร์ต่อ

“ถ้าน้ำผึ้งได้นะ ข้าจะวิ่งรอบวิหารหลวงพ่อหินร้อยรอบเลย”

“ทำไมถึงบนอย่างนั้นล่ะ”

“น้ำผึ้งเขาจะได้เห็นไงว่าข้าน่ะจริงใจมาก”

วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ พยายามไล่ความอารมณ์บางอย่างที่จู่ ๆ ก็แล่นเข้ามาออกไป...กระทั่ง นางงามหมายเลข 21 เดินกลับไป นางงามหมายเลข 19 ก็ถูกเรียกมายังจุดยืนตอบคำถาม...

วรรณศุกร์ยอมรับว่าทิพากร พรรัตนาโอภาสนั้นมีความสวย แต่ว่าเมื่อยืนอยู่คู่กับน้ำผึ้งแล้ว น้ำผึ้งกลับเด่นขึ้นมาทั้งที่น้ำผึ้งตัวดำกว่า...ความคมขำกำลังกลบความขาวผ่องเป็นยองไยนั่น

“เลือกซองคำถามค่ะ”

ทิพากรหยิบซองคำถามจากมือพิธีกรชายไปยื่นให้พิธีกรหญิง...

“คำถามนะคะ ให้ท่านบอกประโยชน์ของการรับประทานผลไม้ไทยมาพอสังเขปค่ะ เป็นคำถามที่สั้นมากจริง ๆ”

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ...สำหรับประโยชน์ของผลไม้ไทยนั้นทำให้ผิวพรรณสวย ทำให้สุขภาพดี ทำให้แข็งแรงค่ะ ขอบคุณค่ะ”...
ตอบคำถามแล้วทิพากรก็ส่งไมค์คืนให้พิธีกร ยกมือไหว้...ยิ้ม...แล้วก็เดินกลับไปเรียงแถว...

ส่วนจันทร์จวงนั้นถอนหายใจดังเฮือกทีเดียว...คชาพัฒน์นั้นหัวเราะคิก ๆ ก่อนจะพูดกับประทินโดยตั้งใจให้จวงจันทร์ได้ยินว่า...“เห็นไหมว่า สวยแต่โง่มันมีอยู่จริง ๆ”...




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2556, 08:21:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2556, 08:21:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1971





<< 10."พอสวยแล้วผู้ชายก็จะดาหน้ามาหาเรา"   12.คำถามมีอยู่ว่า >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 21 มิ.ย. 2556, 08:22:19 น.
ขอบคุณที่ช่วยกดไลน์กันเบา ๆ...ผึ้งรักทุกคนค่ะ


nateetip 21 มิ.ย. 2556, 08:51:55 น.
อ่ะ ต้องรอลุ้นตอนต่อไป...ลุ้นลุ้นค่ะ อยากรู้คำถามกับคำตอบของน้ำผึ้งค่ะ..^.^


จุฬามณีเฟื่องนคร 21 มิ.ย. 2556, 09:00:29 น.
พบกันอีกที่วันจันทร์นะครับ


nunoi 21 มิ.ย. 2556, 09:00:34 น.
เช้ามาต้องรีบมาให้กำลังใจน้ำผึ้งก่อนเลย


คิมหันตุ์ 21 มิ.ย. 2556, 10:21:22 น.
ค้างเลย..........มาต่อไวไวนะจ๊ะ ลุ้นกับหนูน้ำผึ้งมากมาย


mottanoy 21 มิ.ย. 2556, 11:25:44 น.
วันจันทร์ เพี้ยง


Zephyr 24 มิ.ย. 2556, 22:32:16 น.
สะใจประโยคสุดท้ายเป็นบ้าเลย


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:28:07 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account