อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 22


22.

คืนวันที่พระจันทร์อับแสง ดวงดาวจึงแจ่มจรัสเต็มผืนฟ้าอันกว้างขวางสุดสายตา ในค่ำคืนนี้คนที่กลัวผีขอไม่แยกห้องนอน เมื่อไม่แยกจึงต้องพักห้องเตียงคู่..โดยสองหนุ่มนอนเบียดกันในเตียงเล็ก ๆ แรกทีเดียวสุริยาจะหาทางออกไม่ให้แสงทองผิดสังเกต โดยจะให้เอาเตียงเข้ามาเสริม แต่รุ่งโรจน์ห้ามไว้ พูดเสียงดังว่าไม่เป็นไร อ้างอีกนิดหนึ่งว่าจะได้ประหยัด สุริยาส่ายหัวด้วยไม่แนบเนียนเลยกับคำพูดอย่างนั้น..

ส่วนแสงทองเองก็ไม่ได้สนใจใส่ใจว่า สองหนุ่มจะมีทีท่าต่อกันอย่างไร หญิงสาวยังระริกระรื่น ตาเป็นประกายทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ กัน..แสงทองคงคิดว่า รุ่งโรจน์อาจจะยอมทำตามใจคนเป็นแม่ ด้วยการคบหากับคุณดาราวดีคนสวยลูกมหาเศรษฐีใหญ่ แล้วสุริยาก็คือผู้ชายที่คู่ควรกับตน..

ในคืนวันที่ดาวเกลื่อนฟ้า ป่าต้องลม รุ่งโรจน์เดินถือโทรศัพท์ออกจากห้องพักของที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ไปยืนคุย และเดินไปเดินกลับประหนึ่งกำลังเดินจงกลมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..แสงทองที่นั่งมองเอกสารในมือ หันไปมอง หันกลับมาก็ยิ้มให้สุริยาที่พยายามฝืนสีหน้าให้เป็นปกติ

“งานนี้เจ๊สิริฤดี คงได้หน้าบานปานดอกทานตะวันรับแสงล่ะ..”

สุริยาไม่ตอบว่าอะไรเพียงก้มหน้าอ่านประวัติพระนางจามเทวี หนังสือที่รุ่งโรจน์ซื้อให้จากร้านในเมืองลำปางเมื่อตอนเย็น ภาพในจินตนาการน่าจะเป็นเรื่องของพระนางคนหนึ่งที่นั่งเสลี่ยงมาลงเรือให้บรรดาทหารฝีพายดีพาขึ้นมาตามลำน้ำปิงเข้าสู่เมืองหริภุญไชย แต่ที่ไหนได้ มีเพียงภาพความดีที่ผ่าน ๆ มาของคนซื้อหนังสือกับภาพปัจจุบันที่เขากำลังคุยอี๋อ๋ออยู่กับใครบางคน

“เป็นอย่างไรบ้างพี่ยาเล่าให้ฟังหน่อยซิ ขี้เกียจอ่าน” แสงทองเงยหน้าจากหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ...สุริยายังไม่เล่า เพียงเงยหน้าขึ้นมาสบตา จ้องดูใบหน้าเฉิดฉายผิดวันวาน แล้วก็ขื่น ๆ กับกรรมเก่าของตน..

“มีประวัติพ่อขุนงำเมือง พ่อขุนรามคำแหง และพญาเม็งรายไหม เห็นรูปนี้แล้วอยากรู้จังเลย..” แสงทองยังหาประเด็นมาชวนคุย..

“เมื่อกี้ดูที่ร้านในเมืองไม่มีนะ มีแต่ประวัติพระนางจามเทวี..ถ้าอยากอ่าน กลับไปค่อยไปหากัน..”

“ต้นทุนในการเป็นไกด์ก็คือ ข้อมูลต่าง ๆ นี่นะ ..จริงอย่างที่พี่ว่า ลำพังนั่งรถมาแล้วแค่มาดูมันก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามีข้อมูลสักนิด ก็จะรู้สึกว่าอิฐทุกก้อนมันกระซี้กระซิบบอกเล่าให้เรารู้สึกร่วมสะเทือนใจกับกาลเวลาที่ผ่านพ้นได้จริง..เที่ยวภาคเหนือ เอาแค่กำแพงเพชร กับสุโขทัยนี่ก็นับว่าต้องเก่งจริง ๆ นะ”

“เอาแค่ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อชินราชขณะสร้างเกี่ยวโยงกับพระมหากษัตริย์อยุธยา กับหลวงพ่อเพชร กับการโยงมาที่วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนมีพาดพิงนิดหน่อย แค่นี้เราก็มีเรื่องเล่าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งไม่จบไม่สิ้นแล้ว..”

“หนูประทับใจวัดพระธาตุลำปางหลวงจังเลย ทำให้นึกสภาพเมืองโบราณออก ข้างบนเป็นเครื่องไม้ ข้างล่างเป็นอิฐ ถึงว่าเวลาเดินไปทางดูเมืองเก่าจึงเห็นแต่ฐานอิฐ เพราะเครื่องบนถูกรื้อถูกไฟเผาไป..”

คุยในเรื่องงานมันสะดวกใจ กว่าที่จะคุยในเรื่องลึก ๆ ลงไปในหัวใจ..เขารู้บางครั้งแสงทองพยายามค้นจนลึกลงไป

“พี่ยาเคยรักใครไหม..”

..วันนั้นเขาไม่ตอบ เพราะ..มันไม่เคย..

วันนี้เคยแล้ว แสงทองกลับไม่ถาม..แต่เขากลับรู้สึกอยากเล่าอยากระบาย อยากให้สักคนได้ร่วมเป็นสักขีพยานแห่งหัวใจตน อยากตะโกนให้โลกมันรู้ว่า เขามีจิตฝักใฝ่ต่อหนุ่มคนนั้น..ผิดไหม หากใจเป็นอย่างนี้.. สุริยาถามตัวเอง..

จนกระทั่งได้เวลาหรือแบตหมดเช่นเขาเมื่อคืน รุ่งโรจน์เปิดประตูกลับเข้ามาด้วยใบหน้าเป็นสุข..แสงทองแซวตามประสาคนปากไว ส่วนสุริยาอ่านหนังสือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รุ่งโรจน์เดินมาหยุดที่ด้านหลังชะโงกหน้ามองดูหนังสือในมือคนชอบอ่าน..

“ดีไหม ได้ยินคุณพูดถึง จึงซื้อมาให้” ประโยคเดิมที่คล้ายกับจะแก้ตัว กับความผิดของตน..สุริยาไม่ตอบ ..แสงทองเห็นว่าดึก จึงขอตัวไปกระโจนลงที่นอน พอจะหลับตาก็กระเด้งขึ้นมา พนมมือสวดมนต์งุบงิบ

รุ่งโรจน์เห็นกิริยาดังนั้นจึงหัวเราะเบา ๆ พลางเอามือนวดที่บริเวณไหล่ของสุริยาเป็นเชิงง้องอน..สุริยาเงยหน้าแกล้งทำหน้าบึ้งตึงใส่..รู้ว่าไม่มีสิทธิ์คิดหึงหวง.. รู้ว่า..ตัวเป็นใคร เขาเป็นใคร และรู้ว่าระหว่างเราเป็นได้แค่ไหน เกียรติยศศักดิ์ศรีของตนมี แล้วเรื่องอะไรจะแสดงอาการอันบ่งบอกถึงจิตใจที่ย่ำแย่ให้อีกคนได้รู้สึกสมเพชเล่า..

“ไปนอนเถอะคุณรุ่ง ดึกแล้ว”

“คุณไม่นอนหรือ ดึกแล้วนะ” รุ่งโรจน์นั่งแทนที่แสงทอง มือก็หยิบหนังสือ พระธาตุเจดีย์ 12 ราศีขึ้นมาพลิก..

“ตกลงไปไม่ครบ 12 ราศีซิเนี่ย”

“เรื่องวัดวา ทำบุญกุศล ถ้าจิตใจไม่แน่วแน่จริง ๆ ไปไม่ถึงหรอก..เดี๋ยวก็ปลิ้นไปนั่นไปนี่ ประหนึ่งเหมือนคนที่ตั้งใจจะไปพระนิพพาน แต่ก็ไปไม่ถึงเพราะข้างทางมันมีอะไรที่ชวนให้หยุดยืนดูมากกว่าถนนข้างหน้าที่มองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง”

“ตกลงควรที่จะไปตามที่ตั้งใจหรือว่าจะเอาอย่างที่แสงทองบอก..” รุ่งโรจน์ชวนคุย ซึ่งสุริยาก็ปรับสีหน้าและน้ำเสียงจนเป็นปกติแล้วก็ตอบว่า..

“อย่างที่แสงทองว่าไว้นั่นแหละ จริง ๆ เราก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ นะ เมื่อเย็นโทรไปถามไอ้อ้อยมันบอกว่า ทริปทุ่งกระเจียวยังไม่เต็มคัน ทริปสุพรรณบุรีก็ยังเงียบ ๆ คงต้องกลับไปโทรชวนเอง ..หรือไม่ก็ขยับใบปลิวให้กว้างขวางขึ้น”

“จัดทัวร์นี่เหนื่อยไม่ได้หยุดเลยนะ เสี่ยงด้วย”

“ขอบคุณนะครับที่กล้าเสี่ยงด้วยกัน”

น้ำเสียงของสุริยาจริงจัง...รุ่งโรจน์เหลือบตาไปทางเตียงนอนเห็นว่าแสงทองคลุมโปงไปแล้ว เขาจึงเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือของสุริยา มองหน้าสบตา บอกให้รู้ความในใจ

“เมื่อกี้ผมโทรคุยกับเพื่อนผม ไม่ใช่ดาราวดี” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์เบาลง คงกลัวแสงทองจะได้ยิน

สุริยาจ้องหน้าแววตาวับไหว

“บอกผมทำไม”

“กลัวคุณนอนไม่หลับ แล้วลุกขึ้นมาสวดมนต์ให้รำคาญรูหูนะซิ”

รุ่งโรจน์จ้องหน้าตาเชื่อมแล้วก็พูดต่อว่า

“ไปเดินเล่นกันไหม ข้างนอกอากาศดีนะเย็นสบาย..ดาวก็เกลื่อนฟ้าทีเดียว.และดึก ๆ อย่างนี้คงมีพระจันทร์เสี้ยวให้ได้เกี่ยวก้อยชม..นะ..ไปนะ..”

ว่าจะไม่ไป ไม่ให้ความร่วมมือ ตัดอกตัดใจลา..แต่เมื่อเห็นแววตาอ่อนโยนอบอุ่น ก็อดใจอ่อนไม่ได้..เรื่องของคนคู่ ..เป็นเช่นนี้เอง โบราณจึงว่า ผัวเมียเขานอนคุยกันเป็นคนอื่นอย่าเข้าไปยุ่ง..


เช้าวันนั้นสุริยาคิดว่าอากาศน่าจะสดใส ด้วยเมื่อคืนฟ้ากระจ่างดาว แต่ที่ไหนได้ เมื่อเวลาประมาณตีสาม หลังจากข่มตาให้หลับลงได้ ฝนก็ตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา..พออรุณยังไม่ทันจะเบิกฟ้า แสงทองก็ค่อย ๆ ย่องจากเตียงไปยืนเกาะขอบหน้าต่างเปิดผ้าม่าน ยืนกอดอกมองไปที่สวนสวยของอุทยาน พอเห็นว่ามีแสงสว่าง หญิงสาวก็เดินมาชะโงกดูที่เตียงเห็นว่าสุริยากับรุ่งโรจน์หลับสนิทเคียงกัน เจ้าตัวจึงถือวิสาสะคว้ากุญแจรถเปิดประตูห้องออกไปค้นหาร่ม กางออกเดินไปที่น้ำพุร้อน..สุริยาเผยอตามามองถอนหายใจออกมา นึกถึงเหตุการณ์เมื่อยามค่ำคืน..

พอออกจากห้อง รุ่งโรจน์เกาะบ่าเดินไปทางน้ำพุร้อน ขณะนั่งลงบนโขดหินตรงลานน้ำพุ รุ่งโรจน์ก็เผยความในใจออกมา..ด้วยการจับมือของเขาแล้วยกขึ้นมาหอมเบา ๆ ..เขาดึงออก ไม่ได้แสดงอาการตกใจแต่ก็ไม่ได้ปัดป้องปฏิเสธจนรุ่งโรจน์เสียหน้า

“ผมรักคุณนะ..คุณล่ะรักผมบ้างไหม”

สุริยาเบือนหน้าหนี เสมองหมู่ดาวตรงหน้า..ไม่ตอบความในใจ..ก็ด้วยตั้งใจว่าจะไม่พูด..เพราะ รู้ว่าเพียงเอ่ยคำว่า “ผมก็รักคุณ” คำเดียว แล้วทุกอย่างก็จะเดินไปอย่างที่นายต้องเคยบอกเล่าไว้...

แต่เขาไม่ต้องการ ความรักที่เขาควรจะได้จากรุ่งโรจน์ หรือรุ่งโรจน์จะได้จากเขา มันควรจะหยุดอยู่แค่นี้..ดีต่อกันฉันท์เพื่อนสนิท อย่างคนที่รู้ลึกถึงหัวใจ

เมื่อเขาไม่ตอบรุ่งโรจน์จะเตร็ดเตร่เดินเข้าไปในที่มืด..จนกระทั่งเขาต้องวิ่งตามไป..แล้วรุ่งโรจน์ก็กระโดดมารวบเขาไว้ปลุกปล้ำกอดรัดหอมซ้ายขวาอย่างไม่อายผีสางเทวดา...เมื่อเขาเป็นอิสระได้จึงเดินรี่หนีกลับมาที่ห้องพัก ล้มตัวลงนอนหันหลังให้..เมื่อรุ่งโรจน์ตามกลับมา ด้วยมีแสงทองนอนอยู่เตียงใกล้ ๆ กัน เขาจึงทำการงอนง้อได้เพียงจูบเบา ๆ ที่ต้นแขนและนอนเกาะกุมมือข้างซ้ายไว้.. ขณะนั้นใจของสุริยาก็ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ..เรียกหาที่พึ่งคือการภาวนาจนกระทั่งตกภวังค์ฝนก็ตกกระหน่ำลงมา...

และฝนในเช้าวันนี้สุริยาก็คิดถึงชีวิตของคนที่ต้องเดินไปข้างหน้า ใคร ๆ ก็ปรารถนาคิดแต่ว่าชีวิตนี้ต้อง..ควรราบเรียบปกติมีความสุข แต่เอาเข้าจริง.. ๆ บางสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดหรือได้คาดคิดไว้ก็มาถึงอย่างไม่ ทันได้ตั้งตัว..และการที่เราจะข้ามพ้นเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดได้นั้น เห็นจะมีเพียง “สติ” ตัวเดียวจริง ๆ

เมื่อเห็นว่าแสงทองถือร่มไปสนุกเริงร่าอยู่ข้างนอกแล้ว สุริยาก็ใช้โอกาสที่ฟ้าฉ่ำฝน นั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาหัวเตียงสวดมนต์ทำวัตรเช้าเบา ๆ ...

วัคซีนป้องกันการเกิดโรคร้ายได้ฉันท์ใด ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็มีไว้ป้องกันทุกข์ได้ฉันท์นั้น..

หากเช้าวันนี้รุ่งโรจน์โกรธหรือเปลี่ยนไป เขาก็ต้องพร้อมที่จะเดินไปบนโลกนี้แต่เพียงลำพัง..

เมื่อสวดมนต์เสร็จถึงบทแผ่เมตตาก็อดที่จะแผ่ให้คนที่นอนอยู่เคียงกันไม่ได้..กรรมแต่ชาติปางไหนหนอถึงทำให้ตามมาร้อยรัดกันต่อไป ไม่ขอผูกเวร ขออโหสิ ตัดภพ ตัดชาติ ถ้าจะเจอะเจอกันอีกขอเป็นเพียงกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันเท่านั้น

เมื่อเสร็จธุระในห้องน้ำ สุริยาก็เดินออกมานั่งอ่านหนังสือ สักพักรุ่งโรจน์ก็ลืมตาตื่นลุกขึ้นมาด้วยหน้าตาที่บึ้งตึง..สุริยาเพียงชายตามองแล้วก้มหน้าอยู่ที่ตัวอักษร..แสดงให้เขารู้สักนิดว่าโกรธ ตกใจและไม่พอใจกับการกระทำอันจาบจ้วงในตอนกลางดึก..

รุ่งโรจน์เองคงจะรู้สึกเคอะเขิน เขาลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ออกมา ก็เดินค้นหาสมบัติในกระเป๋า..สุริยาปรายตามอง รู้ว่าเขากำลังหาอะไร..บุหรี่ซองที่ติดอยู่ในกระเป๋า เขาแอบโยนทิ้งถังขยะตั้งแต่อยู่กำแพงเพชร..เห็นแล้วมันก็แสลงใจ..รู้ว่าเป็นโทษก็ยังไม่ยอมละ แล้วจะพัฒนาใจให้สูงขึ้นกว่าเดิมไปได้อย่างไร

“แสงทองหายไปไหน” น้ำเสียงที่ถามดูห่างเหิน..สุริยาถอนหายใจออกมา รู้สึกโมโหเช่นกัน ตัวเองผิด ควรที่จะขอโทษ แต่นี่..ยังมาทำถืออำนาจบาตรใหญ่เข้าใส่..

“กุญแจรถผมหายไปไหน” ถามจบ สุริยายังไม่ตอบ รุ่งโรจน์จึงสะบัดกระเป๋าตกจากชั้นวาง สุริยานั่งมองอาการนั้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว..จนกระทั่งรุ่งโรจน์เดินมาหยุดที่ตรงด้านหน้า แล้วถือดี รวบหนังสือในมือของสุริยาวางไว้..

“ทำไมไม่คุยกับผม ผมถามคุณไม่ได้ยินหรืออย่างไร” น้ำเสียงรุ่งโรจน์ดูต้องการเอาชนะมากกว่าโกรธแค้น สุริยาได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า..

“ได้ยินครับ กำลังจะตอบด้วย คุณก็มาพับหนังสือผมเสียก่อน..” แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ

“งั้นผมก็ผิดซิ..”

“ใช่ ผิด..คุณกล้าดีอย่างไรถึงได้ทำอย่างนั้น..” สุริยาหมายถึงเรื่องเมื่อคืน..

“ก็..ผม..” รุ่งโรจน์เกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะนั่งลงเคียงกัน แล้วก็จู่โจมกอดรัดสุริยาจนแน่น..สุริยาก็ไม่ขัดขืน

“ผมรักคุณไงคุณยะ ผมถึงกล้าดีที่จะทำอย่างนั้น..”

“แต่ผมไม่ได้รักคุณในแบบนั้น..”

“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ คุณก็มีใจให้ผมในแบบนั้น..” รุ่งโรจน์ยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ ..สุริยาถอนหายใจออกมา การกระทำของตนที่ผ่านมาไม่ผิดที่เขาจะคิดอย่างนั้น..แต่เขาก็ไม่เคยได้ให้ท่าให้ทางหรือแสดงตนให้เห็นไปมากกว่าที่เขารุกล้ำเข้ามา..

เมื่อเห็นสุริยาเงียบ รุ่งโรจน์จึงระดมหอมไปทั่วใบหน้า..สุริยาก็ไม่ปัดป้อง จนกระทั่งรุ่งโรจน์ต้องหยุดการกระทำนั้น..แล้วก็เอ่ยว่า..

“ผมคงเข้าใจผิดไปเอง ต่อไปผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก ผมขอโทษ”..ยังไม่ทันที่รุ่งโรจน์จะปล่อยมือ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น..รุ่งโรจน์คลายอ้อมแขน เดินไปเข้าห้องน้ำ สุริยาจึงเป็นฝ่ายไปเปิดประตูให้คนที่มาเคาะ..

เป็นแสงทองที่กางร่มตากฝนกลับมา..เมื่อเห็นหน้าสุริยาฝืนยิ้มให้ทั้งที่ใจ สุดจะเศร้าหมอง..

“หนูอยากรู้ว่าถ้าฝนตกไปใส่แล้วน้ำมันจะอุ่นหรือว่ายังร้อนอยู่ ทายซิคะว่าปรากฏว่าเป็นอย่างไร”

“อุ่น..”

“เก่งมาก..ตกลงจะเอาอย่างไรหนูได้ยินที่ร้านค้าบอกว่า ดีเปรสชั่นเข้า ฝนจะตกกระหน่ำซ้ำซัดภาคเหนือตอนบนเป็นเวลาสองถึงสามวัน ถ้าเป็นอย่างนี้ โปรแกรมสำรวจของเราคงต้อง”

พอดีที่รุ่งโรจน์เปิดประตูออกมา ใบหน้าบอกบุญไม่รับ ดวงตาหม่นเศร้าไร้ความสุข..จนแสงทองต้องร้องถาม..

“พี่รุ่งเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า..”

รุ่งโรจน์ไม่ตอบ แต่กลับล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง..แสงทองมองหน้าสุริยาในเชิงถามความกระจ่างจากเหตุที่เห็น..สุริยาจึงได้แต่แบมือแล้วก็สั่นศีรษะแบบหนังฝรั่ง..

แสงทองเกาหัวยิก ๆ ..

ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ฝนก็ยังตกไม่ขาดเม็ด หนักเบาโปรยปรายสลับ..จนกระทั่งต้องโทรไปสั่งอาหารมาในห้อง..แสงทองปลุกให้รุ่งโรจน์มากิน แต่รุ่งโรจน์ปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่หิว สุริยารู้สาเหตุแต่ก็อยากจะเห็นว่าที่สุดของการประชดประชันกันมันจะเป็นอย่างไร..

พอกินข้าวอิ่ม แสงทองก็ถามว่า “ตกลงจะเอาอย่างไร เที่ยงแล้วนะต้องคืนห้องเขาแล้ว ..”

“ถามรุ่งโรจน์ซิ” สุริยารู้ว่าตัวเองก็ทำไม่ถูก ..ทางที่ดีควรที่จะง้อโดยเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเองเสียก็ได้ เมื่อแสงทองเป็นคนถาม เจ้าตัวจึงลุกขึ้นบอกว่า “ไปเถอะจะได้ไม่เสียเวลา” แล้วก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำซ่า ๆ ออกมาด้วยผ้าขนหนูพันกายโดยไม่เกรงใจผู้หญิงคนเดียว แสงทองเหมือนจะรู้จักกาละ หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าผ้าเดินรี่เข้าห้องน้ำเช่นกัน..

สุริยาปรายตามองเป็นเชิงตำหนิ แต่คนที่ผิดไม่สนใจ กลับปลดผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมาซับน้ำตามร่างกายโดยไม่อายว่าเนื้อตัวล่อนจ้อน สุริยาเห็นดังนั้นจึงเบือนหน้าหนี เมื่อรุ่งโรจน์แต่งตัวเสร็จโดยไม่สนใจจะเก็บเสื้อผ้าชุดเก่าใส่ถุงไว้ซักหรือเก็บสัมภาระตัวลงกระเป๋า ก็คว้ากุญแจรถกระเป๋าเงินเปิดประตูห้องคว้าร่มเดินออกไปทางร้านอาหาร สักพักก็กลับมาที่รถ เข้าประจำที่สตาร์ทเครื่องแล้วก็เปิดเพลงพี่เบิร์ด+เสก จนเสียงดังสนั่น สุริยาเห็นท่าว่าคนขี้โกงจะไม่กลับมาเก็บสมบัติตัวเองแน่ เขาจึงรีบเก็บใส่กระเป๋าก่อนที่แสงทองจะผิดสังเกตไปมากกว่านี้..


แล้วสุริยาก็ได้เห็นฤทธิ์เห็นเดช เมื่อรถคันโก้แล่นฝ่าสายฝนออกจากอุทยานไปด้วยความเร็วร้อยยี่สิบร้อยสามสิบ..จนแสงทองที่นั่งข้างหน้าต้องร้องเตือน..

“ไม่เร็วไ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2554, 14:02:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2554, 14:02:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1619





<< 21   23. >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 6 มิ.ย. 2554, 23:03:49 น.
มากดไลค์และเป็นกำลังใจให้พี่เฟื่องค่ะ


เนยแข็ง 17 ม.ค. 2555, 15:45:48 น.
รู้สึกว่านิยายท้ายๆ จะหายไปนะคะ?
ปล. อ่านแล้วลุ้นเหมือนกันนะว่าสุดท้ายแล้ว จะไปจบที่ตรงไหน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account