ไฟสิเหน่หา
อัคนี : เขาแอบหลงรักเธอ ตั้งแต่แรกเจอ แต่เพราะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้เขาต้องแต่งงาน และพยายามลืมเธอ แต่เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และได้รับรู้ว่าเธอมีคนรู้ใจแล้ว ในใจของเขาก็เหมือนมีกองเพลิงลุกโชน จนไม่อาจทานทนได้ เขาจึงทำทุกวิถีทางให้ได้ตัวเธอมา แม้มันจะเป็นทางเลือกที่ผิดก็ตาม

นิชนันท์ : สาวน้อยบองบางที่หลงพาตัวเองเข้ามาอยู่ในกองเพลิงโดยไม่รู้ตัว เธอจะทำเช่นไร เมื่อต้องถูกตราหน้าว่าเป็น 'เมียน้อย' ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจ


*****************************
Tags: โรแมนติก ดราม่านิด ๆ ซี๊ดซ่า หน่อย ๆ

ตอน: ไฟสิเหน่หา บทที่ 5



5.


ในที่สุดวันที่หญิงสาวไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นและเงียบลงในเวลาต่อมา บอกให้เธอรับรู้ถึงการมาของเขาได้เป็นอย่างดี เธอเหลียวไปมองกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เพราะอะไรกันเธอถึงจะต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาทุกครั้งไป เพราะอะไรเธอจึงไม่หันหลังให้เขาและหนีไปให้สุดกู่

“นิ่มจ๊ะ เสร็จหรือยังลูก”เสียงคนเป็นแม่ร้องเรียก พลางเคาะประตูห้องเป็นสัญญาณเรียกลูกสาวตนออกไป

“ค่ะแม่”

“คุณเขามารับแล้วลูก แล้วนี่ไปกันแค่สองคนเท่านั้นหรือนิ่ม”คนเป็นแม่หันกลับมาถามขณะเดินลงจากขั้นบนของบ้านมา นิชนันท์มีท่าทางอึกอักเล็กน้อย ไม่รู้จะบอกกับแม่ตนว่าอะไรดี แต่แล้วเสียงทุ้มของแขกที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วก็ดังตอบขึ้นมาเสียก่อน

“ไปกันหลายคนครับ คนอื่นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“ค่ะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนิ่มหรอกค่ะ”นิชนันท์รีบรับคำของชายหนุ่มทันที เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่า ต้องทำทุกอย่างให้แม่ตนสบายใจให้มากที่สุด แม้สิ่งที่ตนกำลังจะต้องเผชิญจะทำให้เธอต้องเสียน้ำตา และเจ็บปวดกับมันมากแค่ไหนก็ตาม เธอก็จะไม่มีวันบอกให้แม่ตนต้องมาทุกข์ใจไปกับเธอด้วย

“จ้ะ ถึงที่นั่นแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะนิ่ม”

“ค่ะแม่ นิ่มจะรีบโทรหาแม่เลยนะคะ นิ่มรักแม่นะคะ”เธอบอก โผเข้ากอดแม่ทั้งน้ำตา

“ร้องไห้ทำไมกันลูก หนูโตแล้วนะ ไม่เอาลูกเช็ดน้ำตาซะ เห็นนิ่มร้องแบบนี้ เดี๋ยวแม่ก็ร้องไห้ไปด้วยจนได้”นางบอกยกมือขึ้นซับน้ำตาให้กับลูกสาวตนอย่างโอนโยน อัคนีมองภาพสองแม่ลูกแล้วก็ให้สะเทือนใจ เขากำลังทำผิดอยู่อีกหรือเปล่า ในใจเอาแต่ครุ่นคิด


ตลอดเส้นทางนับจากที่เขาพาเธอเดินทางออกจากกรุงเทพมา นิชนันท์ก็เอาแต่หันหน้ามองออกไปด้านนอกรถตลอดเวลา ไม่มีคำพูด แม้แต่เสียงลมหายใจของเธอ เขาก็แทบไม่ได้ยินมันด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเหลือบสายตามองร่างเล็กนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน เขารักเธอ รักมากอย่างที่ไม่เคยมอบมันให้กับใคร แต่เพราะอะไรกันเขาถึงได้เหนื่อยกับความรักครั้งนี้นัก

“หิวข้าวหรือยัง”

“........................”

“อีกไกลกว่าจะถึง เราพักหาอะไรทานแถวนี้ก่อนก็แล้วกันนะ”เขาพูดขึ้นต่อเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากร่างเล็กนั้น ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้แวะที่ไหนเลย จนบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยเที่ยงวันมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาจึงเห็นว่าควรจะพักหาอะไรทาน ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า

ทุกอย่างยังคงเงียบเช่นเดิม ชายหนุ่มตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้าร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งหลังจากที่เขาพาตัวเองและเธอเข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์แล้ว เขาก้าวลงจากรถก่อนเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ ยืนจ้องหน้าเธออยู่เป็นนาน เธอก็ยังเอาแต่นั่งเฉย สุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเธอ เงยหน้าสบตาหวานที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเห็น เอื้อมมือกุมมือบางของเธอเอาไว้ก่อนบีบกระชับแน่นเมื่อเธอพยายามจะกระตุกมือออก

“อย่าทำแบบนี้เลยนะนิ่ม ผมขอ ผมให้สัญญา ตลอดเวลาที่คุณอยู่กับผม ผมจะไม่ทำร้ายคุณอีก”

นิชนันท์หันมองหน้าเขา แววไหวระริกในดวงตาบ่งบอกให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังสับสน จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

“ผมพูดจริง ๆ ตลอดเวลาที่ผมทำงานอยู่ที่นี่ ผมขอแค่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ไม่หนีไปไหนเท่านั้นพอ ผมให้สัญญาว่าผมจะไม่ล่วงเกินคุณ และจะไม่ทำร้ายคุณอีก เชื่อใจผมได้ไหม”

ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เธอพยักหน้ารับคำเขา ทั้งที่ตนเองยังคงหวาดกลัวและสับสนงุนงง ชายหนุ่มตรงหน้าเธอมีหลากหลายอารมณ์เสียจนเธอไม่กล้าจะคาดหวัง

“ตอนนี้ ผมขอให้คุณลงไปทานข้าวก่อน...นะครับ”เขาลุกยืนเต็มความสูงของตน ฉุดดึงร่างเล็ก ๆ นั้นให้ลุกลงจากรถมา ก่อนก้าวเดินนำไปโดยที่มือของตนยังคงเกาะกุมมือบางของเธอเอาไว้มั่น ไม่มีการบังคับ ขัดขืนเหมือนเช่นที่เคยมา ซึ่งอัคนีถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีไม่น้อยสำหรับเขา...


รถยนต์ยี่ห้อดาวสามแฉก คันสีขาวมุกค่อยขับเลี้ยวเข้ามายังถนนเล็ก ๆ ซึ่งโรยด้วยหินลูกรังตลอดเส้นทาง กระทั่งมองเห็นรั้วไม้สีขาวที่กั้นอาณาเขตพื้นที่อย่างเป็นสัด เป็นส่วน ผู้ทำหน้าที่ขับรถค่อย ๆ ขับเคลื่อนรถเข้าสู่ภายในพื้นที่ของเขตรั้วไม้สีขาวนั้นช้า ๆ ก่อนปรากฏ ตัวบ้านพักชั้นเดียวสไตล์ชนบทแบบชาวอังกฤษ หรือที่เรียกกันว่า ‘อิงลิชคอทเทจ’ ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสวยสไตล์ Cottage Garden ซึ่งประกอบไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอก แต่ที่เห็นจะมีมากสุดคงเป็นดงกุหลาบสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งสายพันธุ์ Floribunda (กุหลาบสายพันธุ์พวง) ซึ่งค่อนข้างหายากในประเทศไทย อย่าง กุหลาบพันธุ์เฟรนช์เลซ (French Lace) มีสีดอกขาวอมเหลืองออกดอกบานสะพรั่งเป็นช่อสวยงาม ที่เจ้าของนำมาปลูกผสมผสานคู่กับกุหลาบพันธุ์โชว์บิซ (Show biz) ออกดอกสีแดงสด ตัดกันจนน่ามอง และยังมีกุหลาบสายพันธุ์ Climber (กุหลาบสายพันธุ์เลื้อย) ที่เลื้อยเลาะพันเกลียวอยู่บนซุ้มไม้สีขาวด้านหน้าทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน ทั้งดอกสีชมพูอ่อนของกุหลาบพันธุ์ปิแอร์เดอรองซาร์ด (Pierre De Ronsard) และดอกสีแดงเข้มของกุหลาบสายพันธุ์เรดคาสเดด (Red Cascade) สีสันสวยงามอีกทั้งยังมีกลิ่นหอม ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งก้าวลงจากรถมาอดที่จะรู้สึกตื่นตา ตื่นใจกับมันไม่ได้

หญิงสาวมองไปโดยรอบอย่างเพลิดเพลิน ทั้งทิวทัศน์โดยรอบของสถานที่แห่งนี้ และบริเวณใกล้เคียงซึ่งน่าจะเป็นไร่กุหลาบที่ใหญ่ที่สุดและมีมากที่สุดในภาคเหนือนี้ อย่างที่เธอเคยได้รู้มา อ.พบพระ จ.ตาก เป็นอำเภอที่ดังที่สุดและถือได้ว่าปลูกดอกกุหลาบได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยทีเดียว หญิงสาวมองไปไกลจนสุดลูกหู ลูกตา จนไม่รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น กระทั่งเสียงทุ้มดังขึ้น

“คุณชอบที่นี่ไหม”

เสียงทุ้มที่ดังขึ้นไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวส่งผลให้ร่างกายกระตุก หันขวับมามองเขาด้วยท่าทางตื่นตกใจ เธอก้าวถอยหลังออกห่างจากร่างสูงนั้นในทันที

“บ้านใครคะ”เธอเลือกถามออกไปแทนที่จะตอบคำถามของเขา พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ แม้ว่าในใจจะรู้สึกประหม่าไม่น้อย

“บ้านผมเอง เราจะพักกันที่นี่”

คำตอบที่ได้รับจากเขา ทำให้เธอตัวแข็ง คำบอกที่เขาบอกกับเธอว่า ‘พักที่นี่’ ส่งผลให้ความหวาดกลัวในใจเริ่มร้องขึ้นมาอีกครั้ง อาการนิ่งงัน ดวงตาเบิกกว้างของเธอเองก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับต้องลอบถอนใจ คงต้องใช้เวลาสินะ กว่าที่เธอจะเชื่อมั่นในตัวเขาได้...

“เข้าบ้านเถอะ ผมสัญญาว่าตลอดเวลาที่คุณอยู่ที่นี่ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแน่นอน”อัคนีบอกอีกครั้งเดินนำไป ก้าวรอดผ่านซุ้มดอกกุหลาบที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเข้าไป ก่อนหยุดรอหญิงสาวอยู่ด้านหน้าประตูบ้านพัก นิชนันท์มีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม

“บ้านหลังนี้มีห้องพักสองห้อง ผมให้คุณเลือกก่อนว่าจะอยู่ห้องไหน”หลังจากที่เดินเข้ามาภายในตัวบ้านแล้ว ชายหนุ่มก็เอ่ยปากบอกให้หญิงสาวเลือกห้องสำหรับตัวเธอก่อน ส่วนตนเองก็เดินหายลับไปในห้องครัวขนาดเล็กก่อนเดินกลับมาพร้อมกับเหยือกน้ำหนึ่งเหยือกใหญ่

“เย็นนี้เราคงต้องไปหาอะไรทานข้างนอกกัน เพราะผมคงต้องออกไปดูไซด์งานก่อน เอาไว้เสร็จจากเข้าไซด์งานแล้ว เราค่อยไปหาซื้ออะไรมาตุนเก็บไว้ก็แล้วกันนะ”ท่าทางสบาย ๆ อีกทั้งคำพูดที่เป็นกันเองของเขา ทำให้เธอนึกแปลกใจ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอคนนี้ ใช่นายอัคนี อัศวภูคา คนที่ทำร้ายเธอคนนั้นหรือเปล่า...เพราะอะไรทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ หรือเพราะเขาต้องการทำให้เธอตายใจ ก่อนจะทำร้ายเธออีกครั้งกันแน่

“ตกลงคุณเลือกห้องได้หรือยังนิ่ม”อัคนีถามขึ้นอีกครั้ง เขาพอจะดูออกอยู่เหมือนกันว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังสับสนมากขนาดไหนกับท่าทีของเขา แต่เขาก็ยังคงทำตัวตามปกติ รอเพียงเวลาเท่านั้น และหวังว่าสักวันเธอจะเข้าใจเขา

“เอ่อ...ฉันพักห้องไหนก็ได้ค่ะ”

“ถ้างั้นผมยกห้องใหญ่ให้คุณ ส่วนผมจะอยู่ห้องนี้เอง”เขาชี้นิ้วไปทางด้านซ้ายมือของตนเองเพื่อบอกว่าเขาจะอยู่ห้องนี้ ส่วนห้องทางขวามือ หรือก็คือห้องพักของเขา เขายกให้เธอ

นิชนันท์เลือกที่จะเงียบและยินยอมทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง เธอหยิบยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กของตนเองเดินเข้าห้องที่ชายหนุ่มเลือกให้ ปิดประตูลงเบา ๆ ก่อนผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อได้อยู่คนเดียวตามลำพัง เธอเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงปลายเตียงนอนใหญ่ มองพิจารณาไปโดยรอบของห้อง ห้องนี้ช่างคล้ายคลึงกับห้องนอนของเขาที่กรุงเทพเสียนี่กระไร สไตล์การตกแต่งเหมือนกันแทบทุกอย่าง จะมีแตกต่างก็ตรงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้นี่แหละ เพราะมันไม่ได้ทันสมัยและหรูหราเหมือนที่เธอเคยเห็นในห้องนั้น เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ทุกอย่างล้วนเป็นของธรรมดา ๆ ทั้งสิ้นโต๊ะทำงานทำจากไม้สักขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ตู้เสื้อผ้าบานสไลด์สีดำเรียบ ๆ ใกล้กันก็เป็นโต๊ะเครื่องแป้งเล็ก ๆ ที่มีของกระจุก กระจิกวางอยู่เล็กน้อย ผ้าม่านลูกไม้สีขาวที่ปลิวลมน้อย ๆ ยามที่เธอเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างบานกว้างใกล้กับโต๊ะทำงานนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ชอบห้องนี้ไหม”เสียงทุ้มที่ดังมาจากทางด้านประตูห้อง ทำให้หญิงสาวหันกลับไปมองเจ้าของเสียงแทบจะทันที

“ผมเคาะห้องแล้ว เห็นคุณเงียบไปเลยลองเปิดเข้ามาดู”เหมือนชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงอธิบายบอกเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หยุดยืนอยู่เพียงแค่ด้านหน้าประตูเท่านั้น ไม่คิดที่จะย่างก้าวเข้ามาในห้องให้เธอรู้สึกไม่ดี

“ค่ะ”

“ชอบไหม ห้องนี้”เขาถามอีกครั้ง

“ค่ะ”

“ผมจะไปไซด์งาน คุณอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า”

“เอ่อ...”นิชนันท์ได้แต่อึกอัก ไม่รู้จะบอกว่าอะไรดี ทั้งที่ไม่อยากอยู่ใกล้เขาเท่าไหร่นัก แต่ใจเธอก็ยังไม่อยากอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้เช่นกัน

“ผมไปไม่นานหรอกคงสักสอง สามชั่วโมง....”

“ฉันขอไปด้วยได้หรือเปล่าคะ ให้ฉันไปช่วยจดงานก็ได้นะคะ”เธอร้องบอกขึ้นเมื่อคิดทบทวนกับตัวเองแล้ว เธอยังไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียวในที่แปลกถิ่นแบบนี้จริง ๆ

“.........................”ในขณะที่ยังครุ่นคิดกับคำร้องขอของเธออยู่นั้น เสียงหวานก็เอ่ยขอขึ้นมาอีกครั้ง

“นะคะ”

“มีอะไรหรือเปล่า”

“คือ...ฉัน เอ่อ ฉัน...กลัว…”อ้อมแอ้มตอบไปไม่เต็มเสียงนักด้วยเกรงว่าชายหนุ่มจะโมโหขึ้นมาอีก ที่เห็นเธอเรื่องมาก

“อืม...ไปสิ”อัคนีตอบรับออกไปสั้น ๆ ก่อนหันหลังให้เธอ ใบหน้าคร้ามเข้มปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ยามนึกถึงสีหน้าตอนที่หญิงสาวร้องขอและเอ่ยบอกเขาเมื่อครู่ที่ผ่านมา

“ผมไปรอข้างนอกก็แล้วกันนะ”พูดจบก็เดินออกไปรอหญิงสาวที่ด้านนอก ปล่อยให้หญิงสาวได้มีเวลาจัดการกับตนเองก่อนที่เธอจะเดินตามออกมาในเวลาต่อมา


สถานที่ก่อสร้างโรงแรมซึ่งทางบริษัทอัศวภูคาอินดัสเตรียลรับผิดชอบในการก่อสร้าง อยู่ห่างจากบ้านพักของชายหนุ่มไปเพียงสามกิโลกว่าเท่านั้น หญิงสาวมองไปโดยรอบของสถานที่แห่งนี้ ก่อนหันกลับมามองชายหนุ่มคล้ายกับมีคำถามอยากจะถามเขา แต่ก็เธอไม่ยอมถามเสียที สุดท้ายเสียงทุ้มของคนที่เธอมองอยู่จึงได้เป็นฝ่ายถามขึ้นมาเสียเอง

“มีอะไรจะถามผมหรือเปล่า”

“ทำไมเขาถึงได้มาสร้างโรงแรมที่นี่ล่ะคะ ฉันว่าที่อำเภอนี้ดูไม่น่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลย”

“อืม...เขาคงมองการณ์ไกลล่ะมั้ง ใครจะรู้อีกปี สองปีที่นี่อาจจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่หนึ่งก็ได้...ถ้าถามผม ที่นี่เองก็มีอะไร ๆ น่าสนใจไม่น้อยหน้าอ. แม่สอด หรือแม้แต่ อ.สบเมยนะ”

“ค่ะ”

“คุณรออยู่แถวนี้ก็แล้วกัน ผมจะเข้าไปคุยกับคนคุมงานที่นี่หน่อย”พูดจบก็เดินเข้าไปยังบริเวณเขตก่อสร้าง ปล่อยให้หญิงสาวยืนรอเขาอยู่ที่รถ

อัคนีหายเข้าไปในเขตก่อสร้างนานกว่าสองชั่วโมง เขาก็เดินกลับออกมาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มคนดังกล่าวชี้ไปยังจุดต่าง ๆ ที่กำลังเริ่มต้นก่อสร้างพร้อมกับพูดบางสิง บางอย่างกับเขา เธอเห็นเพียงแค่เขาพยักหน้ารับรู้และพูดอะไรกลับไปบ้างเป็นบางครั้ง บางเวลาเขาก็เหลือบสายตามามองเธอบ้าง บ้างก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง สลับไปมาจนคนที่เดินมาด้วยกันสังเกตเห็น

“นายจะกลับเลยก็ได้นะ”ชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกับเขาบอกหลังสังเกตเห็นท่าทางติดกระวนกระวายนั้นได้ก่อนหันไปพยายามเพ่งมองร่างเล็ก ๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณรถยนต์ของผู้เป็นนายอย่างสนอก สนใจ ตลอดเวลาที่ทำงานกันมาเขาไม่เคยเห็นนายตนมีท่าทีแบบนี้มาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยมีสักครั้งที่คนเป็นนายจะพาใครมาด้วยระหว่างการทำงานแบบนี้ แล้วเธอคนนั้นคือใครกัน สำคัญกับนายตนมากขนาดไหน

“อืม งั้นฝากด้วยนะ พรุ่งนี้จะเข้ามาแต่เช้า”อัคนีตอบรับทันที

“แล้วนี่พักที่ไหน จะให้ฉันส่งแม่บ้านไปดูแลไหม”ชายหนุ่มคนเดิมถามกลับไปอีกครั้งขณะที่คนเป็นนายกำลังจะก้าวเดินออกไป

“บ้าน”

“งั้นก็ให้ป้าชื่นช่วยดูแลเรื่องงานบ้านให้ก็แล้วกันนะ บ้านหลังนั้นฉันให้คนไปทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์ นายเข้าอยู่ได้เลย ไม่มีปัญหา”

“ขอบใจ ฉันไปล่ะ”พูดจบก็เตรียมเดินกลับไปหาหญิงสาวที่ยังคงยืนรอตนอยู่ ทว่า...

“เดี๋ยวก่อนสิเพลิง....ผู้หญิงคนนั้นใครหรือ”

“....................”อัคนีหยุดยืนอยู่อย่างนั้น โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหาคนที่เรียกตนไว้ เขาเงียบ....เงียบจนคนถามชักแปลกใจ ก่อนที่ความรู้สึกหนึ่งจะผุดขึ้นในหัวตน

“อย่าบอกนะว่า.....”

“อืม...ฉันกลับนะ เขารออยู่นานแล้ว”

“เพลิง...ฉันไม่คิดว่านายจะทำจริง ๆ ทั้งที่นายแต่งงานไปแล้ว”ชายหนุ่มคนเดิมเดินตามมาพูดใกล้ ๆ ในขณะที่อัคนีก็ยังคงเดินต่อไป

“ฉันทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันจะทำให้ฉันได้เขามา...สันต์”พูดจบเขาก็สาวเท้าเดินไปหาหญิงสาวด้วยท่าทางมั่นคงและหนักแน่น ทุกอย่างที่เขาเป็นคนเริ่มต้น ไม่ว่ายังไงเขาก็จะดำเนินมันต่อไป ใครก็ไม่มีทางมาขวางเขาได้เด็ดขาด

“ฉันหวังว่าสิ่งที่นายทำ มันจะทำให้นายมีความสุขนะ...ฉันหวังให้เป็นแบบนั้น”

ด้วยรู้ตื้นลึก หนาบางของเพื่อนและเจ้านายตัวเองดี ศิรุจน์ หรือ สันต์ จึงไม่คิดขัดขวาง แม้จะรู้ดีว่าการกระทำของเพื่อนนั้นเป็นสิ่งที่ผิดก็ตามแต่ ใจกระหวัดคิดไปถึงผู้หญิงอีกคน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเพื่อน...

“แล้วเจนเป็นยังไงบ้างนะ”ชายหนุ่มรำพันกับตนเอง ขณะที่มองรถยนต์ของเพื่อนเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ ถ้าในครั้งนั้นคนที่จีรนุชเลือกปรึกษาคือเขา ทั้งเขาและอัคนีก็คงไม่เป็นเช่นทุกวันนี้ เพราะแน่นอนว่าเขาจะต้องเสนอตัวทำหน้าที่นั้นอย่างที่เพื่อนของเขาทำเช่นกัน


อัคนีขับรถพาหญิงสาวกลับบ้านทันทีโดยบอกกับเธอว่า เรื่องอาหารสดและอาหารแห้งต่าง ๆ จะมีคนนำมาให้ในวันพรุ่งนี้เช้า และสำหรับมื้อค่ำในวันนี้ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นเองที่ทำให้หญิงสาวไม่คิดจะไต่ถามอะไรอีก เธอนั่งเงียบตลอดทางดั่งเช่นที่เธอมักทำเสมอ กระทั่งเขาขับรถมาหยุดอยู่ด้านหน้าบ้าน

“เราคงต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน คุณไม่คิดจะพูดกับผมบ้างเลยหรือนิ่ม”

“ฉันพูด ฉันถามคุณได้หรือคะ”เธอหันมามองหน้าเขาแว่บหนึ่งขณะถามก่อนจะหันกลับไปทางเดิม

“ทำไมถึงพูดแบบนี้ เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือไง”น้ำเสียงรวนของเธอทำให้เขาชักเริ่มขุ่น รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ เธอก็กลับมาทำมึนตึงใส่เขาอีกครั้ง

“ฉันแค่ไม่เข้าใจการกระทำของคุณ ฉันไม่เข้าใจว่า ฉันเคยไปทำอะไรให้คุณโกรธเคืองหรือเปล่า คุณถึงได้ทำกับฉันแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วแบบคุณ ทำเรื่องที่ผิดต่อภรรยาของคุณได้ยังไง ไม่เข้าใจว่า....”

“พอ....พอได้แล้ว ผมไม่อยากฟัง!”

ความไม่เข้าใจของเธอมีมากมายเสียเหลือเกิน มันมากเสียจนเขาไม่อยากจะรับฟัง และก็ยังไม่พร้อมที่จะหาเหตุผลเหล่านั้นมาบอกกับเธอ

“คุณใจร้ายมาก คุณทำให้ฉันไม่เหลือใคร”จบคำพูด เธอก็เปิดประตูก้าวลงจากรถไปทันที ทิ้งให้เขายังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเพียงลำพัง นัยน์ตาคมสีน้ำตาลทองมองตามร่างบางไปจนเธอเดินลับเข้าไปในบ้านก่อนพึมพำกับตัวเอง

“ถ้าเหตุผลทั้งหมดของผมมีเพียงข้อเดียวง่าย ๆ คือ ผมรักคุณ คุณจะเชื่อผมไหมล่ะนิ่ม คุณจะเชื่อไหม”


ก๊อก...ก๊อก...

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองครั้งก่อนเงียบลง ร่างบางที่ยังคงนอนราบอยู่บนเตียงนอน ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จึงค่อยพยุงร่างลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ สายตามองตรงไปยังประตูไม้ที่กั้นระหว่างเธอและเขาเอาไว้

“ออกมาทานข้าวเถอะนิชนันท์”

“.........................”

“นิชนันท์ ได้ยินที่ผมเรียกไหม ออกมาทานข้าวได้แล้ว”

“ฉันไม่หิวค่ะ”

“ผมขอร้องล่ะ อย่าทำให้ผมโกรธ....”เขาบอกอย่างข่มอารมณ์ ด้วยเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน เมื่อเจอการต่อต้านแบบนี้ของเธอ จากที่พยายามจะใจเย็นและไม่ทำอะไรรุนแรงลงไปก็ชักจะเริ่มทำไม่ไหว เขารอ...รอจนเกือบจะทนรอไม่ไหว ประตูห้องของเธอก็เปิดออก พร้อมกับร่างบางของเจ้าของห้องที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา

“ไปกินข้าว...”พูดจบก็จัดการคว้าข้อมือเล็ก ๆ นั้นมาไว้ในอุ้งมือตน ก่อนหันหลังออกเดินนำไปยังโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่มีกับข้าววางตั้งอยู่ สอง สามอย่าง

“คิดว่าคุณคงทานได้”เขาบอกยามที่เห็นเธอมองไปยังอาหารบนโต๊ะนั้น แกงจืดวุ้นเส้น ไข่เจียว และผัดผักรวมมิตร อาหารง่าย ๆ ที่แม่บ้านของเพื่อนนำมาส่งถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะ อาหารทุกจานยังคงมีควันลอยคลุ้งอยู่แสดงให้เห็นว่า อาหารทุกจานเพิ่งทำเสร็จหมาด ๆ

“ค่ะ”เธอตอบสั้น ๆ ก่อนยอมนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาเป็นคนเลื่อนให้

“พรุ่งนี้ผมคงต้องออกแต่เช้า แต่คุณไม่ต้องไปกับผมหรอกอยู่ที่บ้านนี่แหละ สายหน่อยจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดบ้านและก็จะเอาพวกอาหารสดมาให้”เขาบอกขณะที่นั่งทานอาหารกันอยู่ โดยที่มือก็คอยตักกับข้าวใส่จานข้าวของหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา

“ทานเยอะ ๆ หน่อย คุณดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นไปทุกทีแล้วนะ”

“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยหิว”

เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวดังแว่วออกมาจากห้องนอนของเธออยู่นานก่อนเงียบเสียงไป และดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และนั่นทำให้เธอตัดสินใจขออนุญาตเขาเพื่อไปรับสาย

“ยุทธ์”หญิงสาวขานเรียกชื่อของคนที่โทรฯ เข้ามาเบา ๆ ก่อนกดรับสาย

“นิ่ม....ทำไมไม่เห็นบอกยุทธ์เลยว่าจะต้องไปทำงานที่นั่น มันเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาใช่ไหม เขาบังคับนิ่มใช่หรือเปล่า”สุรศักดิ์ถามรัวเร็วในทันทีที่ได้สัญญาณจากอีกฝ่ายแล้ว

“ยุทธ์....”

“มันเกิดอะไรขึ้น นิ่มบอกยุทธ์ได้ไหม เขาทำอะไรนิ่ม”

“ไม่มีอะไรหรอกยุทธ์ ยุทธ์คิดมากไปเอง นิ่มมาทำงานจริง ๆ ไม่มีใครบังคับนิ่มหรอกจ้ะ”เธอแสร้งทำเสียงเข้มแข็งบอกเพื่อนออกไป

“ยุทธ์โทรฯ มาหานิ่มมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ เอ๊ะ...แล้วทำไมเสียงดังจังเลย”

“ยุทธ์อยู่ที่โรงงานน่ะนิ่ม เมื่อเช้าจู่ ๆ หัวหน้าก็บอกให้ยุทธ์ย้ายเข้ามาคุมระบบในโรงงานที่ชลบุรี”คำบอกของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับนิ่งเงียบ ใจกระหวัดนึกไปถึงคำขู่ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านนอกเมื่อครั้งก่อน เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำจริง ๆ

“ยุทธ์ถูกสั่งย้ายเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ไม่รู้ว่าเธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน แต่คนฟังก็รู้สึกได้ว่า เรื่องของเขาทำให้เธอตกใจไม่น้อย

“ไม่ต้องตกใจหรอกน่านิ่ม เรื่องแค่นี้เอง ดีซะอีกนะยุทธ์ย้ายมาอยู่นี่ ตำแหน่งก็สูงขึ้นด้วย ตอนนี้ยุทธ์ได้เป็นผู้จัดการฝ่ายระบบคอมพิวเตอร์ของที่นี่เลยนะ จะโดนย้ายเพราะอะไร ทำไม ยังไงก็ช่างมันเถอะ”

“นิ่มขอโทษ”

“คุยกับใครอยู่”จู่ ๆ เสียงทุ้มของชายหนุ่มคนที่เธออาศัยร่วมบ้านอยู่ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวหันกลับไปมองเขาด้วยใบหน้าตื่นตะลึง

“ใครโทรมา”เขายังคงถามหาคำตอบจากเธอเช่นเดิม ร่างสูงก้าวเดินช้า ๆ เข้ามาภายในห้องนอนเดิมของตน แม้จะไม่มีท่าทีคุกคามให้เห็น แต่การกระทำของเขาก็ทำให้หญิงสาวหวาดหวั่นไม่น้อย

“เอ่อ...เพื่อนค่ะ....ยุทธ์แค่นี้ก่อนนะ แล้วนิ่มจะโทรฯ หาใหม่นะจ๊ะ”เธอตอบเขาก่อนจะพูดเสียงเบากับเพื่อนทางปลายสาย จากนั้นจึงรีบกดตัดสายทันที

“คุยกับใคร”

นิชนันท์เงยหน้าขึ้นมองคนถาม ดวงตาหวานปนเศร้ามีแววแข็งกร้าวขึ้นมานิดในยามที่ถามคำถามเขาไป

“คุณสั่งย้ายยุทธ์ใช่หรือเปล่าคะ…ไหนคุณว่าถ้าฉันทำตามคำสั่งคุณ คุณจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยุทธ์”

“ผมไม่ได้สั่ง ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม สุรศักดิ์เหมาะสมที่สุดในงานหน้าที่นั้น”อัคนีตอบน้ำเสียงเรียบ ดวงตาคมมองร่างบางที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่แล้วก็เงียบลงก่อนบอกเธอเพียงสั้น ๆ และหันหลังเดินออกจากห้อง

“ไปกินข้าวเถอะ”

นิชนันท์มองตามร่างสูงนั้นไปจนลับสายตา ความหวาดระแวงเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นพลันหายไปสิ้น เหลือเพียงความงุนงงกับท่าทีนิ่งเฉยของอีกฝ่าย พร้อมกับทอดถอนใจออกมาตัดความสงสัยเหล่านั้นทิ้ง และเดินตามเขาออกไป




***********************************************************

พยายามเร่งตัวเองเต็มที่ แต่สปีดชักจะต่ำลง รอกันหน่อยนะคะ...ไม่ทิ้งหายไปนานแน่นอนค่า ^___^



ภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2556, 11:54:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2556, 11:54:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1925





<< ไฟสิเหน่หา บทที่ 4   ไฟสิเหน่หา บทที่ 6 >>
คิมหันตุ์ 24 มิ.ย. 2556, 13:05:59 น.
ลงชื่อรอจ่ะ...คุณเพลิงนี่ อารมณ์ร้อน แต่ไม่ยักกะเครื่องร้อนจีบสาวสักที..อิอิ


mhengjhy 24 มิ.ย. 2556, 13:38:06 น.
เฮ้อ ใจเย็นนะคุณเพลิง เริ่มต้นไม่ค่อยสวยเท่าไรอ่ะ จะให้เค้าดีด้วยคงยากนะ


violette 24 มิ.ย. 2556, 23:26:14 น.
บอกรักเค้ากับเล่าความจริงๆไม่ได้เหรอคะเนี่ย


nunoi 25 มิ.ย. 2556, 11:07:26 น.
ทำกับเค้าไว้ซะ ก็ต้องหนักใจอย่างนี้แหละ คุณเพลิง


supayalak 29 มิ.ย. 2556, 22:59:47 น.
ไม่เป็นไรรอเวลาคืนของเราบ้างเนอะหนูนิ่ม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account