สะใภ้ตีทะเบียน (เทเรน่า)
'สหรัฐ นฤเบศบดินทร์’ นักธุรกิจหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบริษัทตกแต่งภายในระดับประเทศ
ต้องเดือดเป็นไฟ เมื่อมารดาที่เคยตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาตลอดชีวิต
จู่ๆก็มาตั้งแง่รังเกียจคนรักของเขาราวกับเธอเป็นขยะโสโครก
แต่กลับเจ้ากี้เจ้าการ ยัดเยียดผู้หญิงหน้าตาจืดชืด ไร้รสชาติให้มาเป็นเมียเขา
แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็น ‘นังเด็กโรคจิต’ ที่คอยแอบมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุกเมื่อหลายปีก่อน
ที่สำคัญมารดาของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าตัวจริงของแม่สาวหน้าซื่อ ว่าที่ลูกสะใภ้คนดี
ไม่ใช่นางฟ้าชุดขาวอย่างที่คิด... หากแต่เป็นผู้หญิงใจแตก ที่ผ่านผู้ชายมาแล้วเป็นร้อย
ถึงจะน่าขยะแขยงแค่ไหน แต่เพื่อให้มารดาได้ตาสว่างเสียที
เขานี่แหละจะใช้ความหนุ่มแน่นของตัวเอง
พิสูจน์ความคาวและตีแผ่ความกร้านโลกของเธอออกมาให้ได้รับรู้กันไป

เหตุผลที่นางพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานและเรียบร้อยอย่าง ‘น้ำลิน’
ยอมเข้ามาใกล้ชิดกับสหรัฐตามความต้องการของเพื่อนมารดา
นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มคือ ‘ความรักครั้งแรก’ ที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยม
แต่เมื่อได้รู้ตัวจริงว่าเทพบุตรในฝันกลับกลายเป็นซาตานนิสัยทราม
ที่ทั้งปากร้าย เอาแต่ใจ และคอยแต่จะหาเรื่องแดกดันเธออย่างหยาบคายเจ็บแสบอยู่เสมอ
แล้วคนที่ดูอ่อนแอแต่ภายนอกอย่างน้ำลินมีหรือจะยอมถูกเขารังแกอยู่ข้างเดียว
ยิ่งเคยรักมากเท่าไหร่ พอกลายเป็นความเกลียดมันก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ
และหญิงสาวก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปนี้ถ้าเขาร้ายมา เธอจะร้ายกลับ... ถ้าด่ามา จะตบกลับ...
เธอจะขอยืนงัดข้อ ท้าชนกับผู้ชายจิตใจเสื่อมคนนั้นด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ!

Tags: นิยายรัก สาริน ลินิน เทเรน่า

ตอน: ตอนที่ 2 100%

น้ำลินตื่นแต่เช้าตรู่แล้วลงมาช่วยงานในครัวแม้ว่าป้านวลจะจะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่เป็นผล แถมยังให้เหตุผลซะจนเถียงไม่ขึ้น
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายค่ะ”
“โธ่…พูดอะไรอย่างนั้นละคะ ทำเป็นคนอื่นคนไกล เดี๋ยวคุณมณีจันทร์มาได้ยินเข้าก็น้อยใจแย่หรอกค่ะ” ป้านวลค้อนให้แล้วชะโงกหน้ามองในหม้อ กลิ่นหอมจรุงจมูกชวนน้ำลายสอ
“ข้าวต้มทรงเครื่องสูตรชาววังนะคะ” หญิงสาวยิ้มอวด สูตรนี้คุณยายทวดเป็นคนถ่ายทอดมาให้ลูกหลาน ท่านคิดค้นรสชาติเพิ่มเติมไปด้วยจึงรับรองได้ว่าข้าวต้มทรงเครื่องหม้อนี้ไม่เหมือนใคร หอมด้วยหอมแดงซอยเจียวและเห็ดหอม สีสันน่าทาน
“แบบนี้สินะคะที่เขาว่าพวกชาววังทำอาหาร อร่อยลิ้นยังไม่พอ ตามองก็สวยงาม” ป้านวลชื่นชมเมื่อหญิงสาวตักแบ่งข้าวต้มใส่ชามเคลือบสีขาววาดลวดลายสีน้ำเงิน เสิร์ฟพร้อมน้ำส้มคั้นเย็นๆ ที่คั้นแช่ไว้ตั้งแต่เช้า เสร็จแล้วจึงไปล้างมือก่อนเอ่ยขอตัว
“ลินไปอาบน้ำนะคะ ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว”
“แล้วคุณลินไม่รับอาหารเช้าหรือคะ”
“ไม่ละค่ะ ลินไม่หิวเท่าไหร่ ตะกี้นี้ก็ดื่มนมไปแก้วหนึ่งแล้ว” หญิงสาววางผ้าเช็ดมือไว้ใกล้กับอ่างล้างมือแล้วจึงเดินออกไปจากครัว เดินผ่านห้องโถงที่ภาพของสหรัฐ นฤเบศบดินทร์ยังดึงดูดให้เธอเดินเข้าไปหาอยู่เช่นเดิม ดวงตาสีนิลของเขาช่างมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล
อึดใจต่อมาหญิงสาวจึงปัดความฟุ้งซ่านให้ออกไปแล้วหัวเราะขบขัน เธอทำเหมือนจรกาหลงรูปนางบุษบาไปได้ ว่าแล้วจึงกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเครื่องแบบพยาบาลพอดีตัว สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนเพราะอากาศวันนี้ค่อนข้างเย็น ผมยาวสลวยเหยียดตรงมัดรวบเกล้าเป็นมวยปักด้วยเน็ตคลุมผมเรียบร้อยวางหมวกให้พอดีแล้วติดกิ๊บดำ ใบหน้าสวยหวานสดใส แต่งอ่อนจนแทบไม่รู้สึกทว่ายังดูน่ามอง
หญิงสาวออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วเลิกคิ้วเมื่อแม่รออยู่ด้านล่างพร้อมกับมณีจันทร์ แต่งตัวเสร็จเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอกกับเธอ
“แม่จะไปกับลินหรือคะ”
“ใช่สิจ๊ะ แม่เป็นห่วง”
“เธอละก็ทำอย่างกับหนูลินเป็นเด็กเล็กๆ ไปได้ คนขับรถก็มีให้เขาไปส่งแล้วรอรับกลับเลยก็ได้นี่นา ฉันว่าจะชวนเธอไปดูเพชรด้วยกัน”
“แต่ว่า…” จินดาลังเล เพราะไม่เคยห่างกับลูก
ตอนเรียนน้ำลินก็ไปเช้าเย็นไปรับกลับจึงออกจะห่วงอยู่มาก ตอนที่ลูกบอกว่าอยากมาทำงานที่กรุงเทพฯ เธอถึงกับนอนไม่หลับ เฝ้าอ้อนวอนลูกอยู่นาน แต่น้ำลินก็ให้เหตุผลจนเถียงไม่ออก
‘ใครๆ ก็บอกว่าลินไม่รู้จักโต ให้โอกาสลินได้พิสูจน์นะคะแม่ ว่าลินเอาตัวรอดได้’
นั่นคือเหตุผลหลักๆ ของน้ำลิน ตั้งแต่เกิดจนโตมาป่านนี้เธออยู่ในอ้อมอกของแม่มาโดยตลอด บางครั้งก็อยากมีอิสระทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำ
“หนูไปได้แน่นะลูก”
“โธ่…แม่คะ อย่าห่วงเลยค่ะ แต่จะกลับช้าหน่อยนะคะ ลินว่าจะไปดูเรื่องที่พักด้วย” หญิงสาวหัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วสวมกอดแม่
สโรชาที่แต่งตัวด้วยชุดนักเรียนเดินมาหยุดที่บันไดขั้นแรกได้ยินเข้าก็เบ้หน้า โตจนป่านนี้แค่ไปสัมภาษณ์งานทำอย่างกับจะส่งลูกไปสนามรบ
“บัว มาพอดีเลยลูก” มณีจันทร์กวักมือเรียก เด็กสาวจึงยกมือไหว้จินดา ส่วนกับน้ำลินเด็กสาวเพียงแค่ส่งรอยยิ้มให้จางๆ แวบเดียว ถ้าหากเบือนสายตามาไม่ทันคงไม่มีโอกาสได้เห็น
“ป้าว่ามันยังเช้าอยู่ รับอาหารเช้าก่อนนะ” มณีจันทร์ลุกขึ้นมาโอบเอวน้ำลินแล้วพาเดินไปยังโต๊ะอาหาร ป้านวลจึงรีบรายงาน
“ข้าวต้มทรงเครื่อง ฝีมือคุณลินค่ะ”
“โอ…น่ากินมากเลยจ้ะ ป้าว่าแล้วเชียว กลิ่นมันหอมจนเริ่มหิว ปกติป้าเองก็ไม่ค่อยรับของเช้า แต่วันนี้เห็นจะอดไม่อยู่” มณีจันทร์ยกยอ สโรชาจึงกลอกตาขึ้นมองโคมไฟราคาแปดหมื่นบาทของแม่แล้วเดินไปนั่งลงก่อนใคร ตักอาหารเข้าปากพลางเงยหน้ามาบอก
“บัวรีบ”
“งั้นก็ทานเลยนะจ๊ะ” มณีจันทร์เชื้อเชิญ กินไปชมไปแล้วลงท้ายก็ต้องเอามาเปรียบกับเธอ นี่ต่างหากคือเหตุผลหลักที่เธอไม่ชอบน้ำลิน เพราะผู้หญิงคนนี้เหมือนพี่สาวเธอมากเกินไป พี่สาวที่ดูจะได้รับความรักและเสียงชื่นชมจากพ่อและแม่ตรงข้ามกับเธอ
นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว แม่จะให้เธอทำตัวเป็นผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อย เก่งงานบ้านงานเรือนอยู่ได้อย่างไร เธอไม่ใช่นางในวรรณคดีอย่างสมิตากับน้ำลินเสียหน่อย
“พูดถึงเรื่องที่พัก ป้ายังยืนยันนะจ๊ะว่าที่นี่ยินดีต้อนรับ จะไปอยู่ที่หอพักโรงพยาบาลทำไมกันให้ยุ่งยาก น่าห่วงกว่าเป็นไหนๆ”
พอได้ยินว่าน่าห่วง จินดาก็ชักนั่งไม่ติด
“จริงด้วยสิมณี ฉันก็ลืมคิด เห็นว่าใกล้โรงพยาบาล ไม่ได้เดินทางไกลก็เลยไม่ทันคิด หอพักโรงพยาบาลเขาก็ต้องจัดให้อยู่ด้วยกันกับคนอื่น นิสัยใจคอจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้” จินดาทำหน้าทุกข์ร้อน สโรชาว่าจะไม่สอด เพราะแม่เคยบอกว่ามันไม่ดีแต่ก็อดไม่ได้
“ถ้าบัวขอออกไปอยู่ข้างนอกบ้าง แม่จะห่วงบัวแบบนี้ไหมคะ บัวอายุ 15 แต่พี่ลินอายุเท่าพี่มิต” สโรชาเงยหน้าจากชามข้าวต้มถามยิ้มๆ ยิ้มแบบใสซื่อแต่มณีจันทร์ดูออกว่าลูกสาวกำลังว่ากระทบไปถึงเพื่อนเธอจึงส่งสายตาปรามมาให้ น้ำลินเองก็รู้สึกได้
ไม่ใช่แค่สโรชาหรอก ใครๆ ก็มองว่าเธอเป็นลูกแหง่ติดแม่ไม่รู้จักโต เธอถึงได้ตกลงกับเพื่อนว่าจะมาทำงานที่นี่ แต่ลืมคิดไปว่ามันอยู่ไม่ไกลจากบ้านนฤเบศบดินทร์
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ ลินพักกับแสงทอง แม่ก็รู้จักแสงดีนี่คะ”
จินดาพยายามนึกหน้าแสงทอง เมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกครูมัธยมอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก ท่าทางเรียบร้อยพอใช้ ค่อยทำให้เบาใจ
“เอาเถอะๆ แม่จะมาเยี่ยมบ่อยๆ ก็แล้วกัน ถ้าไม่ดียังไงก็ลาออกกลับไปอยู่บ้าน พ่อเราก็อีกคนแทนที่จะช่วยแม่ห้ามปรามลูกกลับให้ท้าย ส่งเสริมให้ลูกมาทำงานไกลบ้าน” จินดาบ่นเลยไปถึงสามี ที่พอน้ำลินขอก็ออกปากอนุญาตทันที มันน่านักเชียว
“ถ้าอยู่กับเพื่อนแล้วอึดอัดก็มาอยู่เสียด้วยกันที่นี่นะจ๊ะหนูลิน อีกเดี๋ยวพี่รัฐก็จะกลับมาแล้ว บ้านนี้จะได้ไม่เหงา” มณีจันทร์บอกขึ้นทำให้น้ำลินใจสั่น หากสหรัฐกลับมาอยู่บ้านหลังนี้ ที่นี่คงเป็นที่สุดท้ายที่เธอจะขอซุกหัวนอน เธอชอบเขามากก็จริง แต่ขอแอบมองอยู่ห่างๆ ไม่อยากเห็นแววตาที่มองเธออย่างไร้ความรู้สึก บางครั้งบางคราวก็มีแววดูแคลนเหนื่อยหน่าย
หากคนที่เรารักใคร่ชอบพอมองด้วยสายตาแบบนี้ใครจะไปทนได้
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณป้า” หญิงสาวยิ้มรับแล้วทานข้าวต้มฝีมือตัวเองเงียบๆ จากนั้นจึงเอ่ยขอตัวไปสัมภาษณ์งาน

ร้อยตำรวจโทวริศ พงศธร รีบบึ่งรถมาหน้าโรงพยาบาลที่น้ำลินมาสัมภาษณ์งานทันทีที่หญิงสาวโทรหา ดีอกดีใจยิ่งกว่าถูกลอตเตอร์รี่รางวัลที่หนึ่งเสียอีกเพราะหญิงสาวที่ตัวเองหมายปองจะมาทำงานที่นี่ โรงพยาบาลกับโรงพักห่างกันแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร
จีบมาตั้งหลายปี ปีนี้ไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป
เขาได้พบกับน้ำลิน สมัยเธอยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน เขากลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่แต่โชคไม่ดีติดหวัดมาจากหลานสาวจึงได้ไปโรงพยาบาลที่เธอฝึกงานอยู่ วันนั้นตกใจแทบตายที่รู้ว่าเข็มฉีดยาที่ปักไปบนสะโพกเขา เป็นการทดลองฉีดยาครั้งแรกของเธอ
เจ็บ…จนยากจะบรรยาย เห็นตัวเล็กๆ บางๆ แบบนั้นมือหนักเหลือเกิน
หลังจากกลับบ้านพร้อมด้วยยาถุงใหญ่ รอยยิ้มหวานจริงใจจากว่าที่พยาบาลสาวใจดีก็ติดตาตรึงใจเขามาจนถึงทุกวันนี้
“รอนานไหมจ๊ะ” เขาถามทันทีที่เห็นร่างบางสูงโปร่งในชุดฟอร์มพยาบาลเข้ารูปพอดีตัวยืนรออยู่หน้าโรงพยาบาล หญิงสาวส่ายหน้าแล้วขึ้นนั่งด้านข้างคนขับ หลังสัมภาษณ์งานและดูห้องพักเสร็จเธอก็โทรหาวริศ เพราะแสงทองมาสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้และกลับบ้านเพื่อจัดเตรียมข้าวของย้ายมาอยู่หอพักที่ทางโรงพยาบาลจัดเอาไว้ให้ ใกล้และสะดวกกับอาชีพกินนอนไม่เป็นเวลาของเธอ
“พี่ดีใจมากเลยรู้ไหมที่รู้ว่าลินมาทำงานที่นี่ ตาซ้ายกระตุกทั้งวัน”
“เวอร์ไปแล้วละค่ะ” น้ำลินหัวเราะเสียงใส นัยน์ตาระยับพราวส่งผลให้ใบหน้านั้นอ่อนใสยิ่งขึ้นไปอีก เหมือนเด็กมัธยมมากกว่าจะบอกว่าเรียนจบและกำลังจะได้ทำงานในตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ
สองปีมาแล้วที่ร้อยโทวริศ พงศธร ตามขายขนมจีบแต่เขาก็ไม่มั่นใจเอาเสียเลย ว่าในตอนนี้เขาอยู่ในฐานะใดสำหรับเธอกันแน่ จะว่าไม่มีใจเธอก็ยอมไปไหนมาไหนกับเขา ทุกครั้งที่โทรหาหากว่างเธอก็ยอมรับสาย แต่จะว่ามีใจเธอก็ดูเฉยๆ จะถามก็ยังไม่กล้า ยังดีที่ยังไม่มีคู่แข่งที่ไหน
“พี่พูดจริงๆ นะต่อให้มีทองมากองท่วมหัวให้แลกกับการที่ลินมาทำงานใกล้ๆ พี่ก็ยอม” เขาบอกจริงจัง ทุกครั้งที่พูดก็บอกความนัยอย่างไม่รักษาท่าที
“พี่วริศสูงตั้งร้อยแปดสิบ ทองท่วมหัวพี่วริศหลายล้านนะคะนั่น” หญิงสาวเห็นเป็นเรื่องขบขันทำให้ชายหนุ่มทำหน้ายุ่งเป็นยุงตีกัน
ทุกครั้งที่เขาพูดจาสื่อความนัย น้ำลินมักเฉไฉทำเป็นพูดเล่นอยู่เสมอ บุคลิกของเธอดูยาก ไม่สัมผัสจะไม่รู้ว่าเธอเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน
“เท่าไหร่พี่ก็แลก เพราะว่าพี่…”
“หิวจังค่ะ เมื่อเช้ากินข้าวต้มไปหน่อยเดียว” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องทำให้เขาถอนหายใจ เธอไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาเลย
“จ้ะ”
ร้อยตำรวจโทวริศมองจับไปยังถนนเบื้องหน้าดุจตั้งอกตั้งใจนักหนาแต่แท้จริงแล้วเขาไม่มีสมาธิแม้แต่นิดเดียว น้ำลินใจแข็งเหลือเกิน



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2556, 22:55:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2556, 22:56:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 3111





<< ตอนที่ 2 50%   ตอนที่ 3 100% >>
Sukhumvit66 25 มิ.ย. 2556, 19:16:32 น.
เข้ามาลงทะเบียนค่ะ


สาริน 11 ก.ค. 2556, 21:17:47 น.
ขอบคุณมากค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account