น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 15. "ไม่ใช่เป็นแค่เพียงน้ำผึ้งอยู่ในบ้านไพร”

15.

เงินรางวัลที่ได้มาสามหมื่นบาทถูกหารสองเหลือ 15,000 บาท รวมกับค่าตัวก่อนขึ้นเวทีอีก 5,000 บาททำให้น้ำผึ้งมีเงินเก็บเข้าบัญชีธนาคารออมสินอีก 20,000 บาท โดยแม่น้ำอ้อยนั้นบอกกับลูกสาวว่า

“เอาไว้เป็นทุนการศึกษา”

น้ำผึ้งรู้สึกอุ่นใจว่าเมื่อไปเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีนั้น ในเบื้องต้น แรกเข้าเรียนตนจะไม่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน และถ้ากู้เงินเรียนแม่ก็จะได้ไม่ต้องมามีภาระตรงนี้...

“น้ำผึ้ง” น้ำผึ้งที่ยืนขายลูกชิ้นปิ้งอยู่กดรับสายโทรศัพท์ที่คชาพัฒน์หามาให้ แม้จะเป็นเครื่องเก่าของเขาแต่มันก็ยังดูใหม่ แม้จะเล่นอินเทอร์เน็ตไม่ได้ แต่มันก็ยังดีที่สามารถติดตามตัวน้ำผึ้งได้

“มีอะไรหรือคะพี่หน่อง” เลิกเรียนแล้วน้ำผึ้งยังต้องรีบมาขายลูกชิ้นปิ้งเช่นทุกวัน และวันนี้น้ำผึ้งก็รู้สึกว่าตนเองนั้นขายดีเป็นพิเศษ...ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็ตั้งแต่ได้ตำแหน่งกลับมา ลูกค้าที่เคยมีแต่ผู้หญิง เด็ก ๆ เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่น้ำผึ้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มาจากไหนกัน ทุกคนก็เข้ามากระลิ้มกระเหลี่ย ตั้งท่าขายขนมจีบ แต่น้ำผึ้งหาได้สนใจ เพราะใจนั้นระลึกอย่างที่คชาพัฒน์พร่ำบอกว่า ให้ระวังตัวให้ดี แต่ก็อย่าหยิ่งจนน่าหมั่นไส้

“วันนี้สารวัตรมาวอแวอีกหรือเปล่า”

“ไม่เห็นมาค่ะ”

“อืม...ดูแลตัวเองนะ เข็นรถกลับไปถึงบ้านแล้วก็โทรมานะ พี่จะได้ออกไปรับมาซ้อมรำ” คชาพัฒน์นั้นทั้งใช้รถมอเตอร์ไซด์และรถเก๋ง...

“หลังผึ้งกินข้าว และก็ขออาบน้ำก่อนนะพี่ เหนียวตัว”

คชาพัฒน์วางสายไปแล้ว น้ำผึ้งก็ตั้งท่าจะเข็นรถโดยมีน้ำหวานคอยช่วย...แต่ว่าพอล้อรถหมุนไปเพียงเล็กน้อยรถโตโยต้าคันใหญก็แล่นมาขนาบข้าง กระจกฝั่งผู้โดยสารถูกเลื่อนลง...

“น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง”

“พี่ผึ้ง มีคนเรียก” น้ำผึ้งนั้นเห็น แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้เย็น จนน้ำหวานต้องสะกิด และพอท่านเรียกซ้ำน้ำผึ้งก็ละมือขยับไปร้องถาม

“คะ”

“ซื้อขนมมาฝากน่ะ รับไป”

ท่านยื่นถุงขนมถุงใหญ่ให้ แต่ว่าน้ำผึ้งส่ายหน้าดิก...

“ทำไมละ รับไปซิ”

“คงรับไม่ได้หรอกค่ะ ผึ้ง คือ...เอ่อ” น้ำผึ้งนั้นไม่รู้จะบอกอย่างไร รู้แต่ว่า อย่ารับไมตรีจากท่านเด็ดขาด

“รับไปเถอะ เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับซิ”

“ผึ้งเกรงใจ ขอไม่รับดีกว่าค่ะ”

“รับไปเถอะนะ ซื้อมาแล้ว” ว่าแล้วสารวัตรทะนงศักดิ์ก็เปิดประตูรถลงมา วางถุงขนมบนรถเข็นของน้ำผึ้ง แล้วก็บอกอย่างดื้อดึงว่า “ฉันไปก่อนนะ ถ้าไม่ยอมกินพรุ่งนี้ฉันจะซื้อมาใหม่”

หลังจากสารวัตรทะนงศักดิ์เคลื่อนรถจากไปน้ำผึ้งก็มองถุงขนมด้วยความหนักใจ...

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสามส่วนเสื้อยืดคอกลมสีขาวเพ้นท์ด้านหน้าเป็นรูปการ์ตูนแล้วน้ำผึ้งก็รีบกินข้าว ยังไม่ทันจะกดโทรออกเพื่อบอกให้คชาพัฒน์มารับโทรศัพท์มือถือของน้ำผึ้งก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากนงลักษณ์

“มีอะไรหรือลักษณ์”

“ได้ข่าวว่าสารวัตรทะนงศักดิ์ตามเจ๊าะแจ๊ะ” เจ๊าะแจ๊ะเป็นภาษาของวัยรุ่น ถ้าเป็นภาษาทางการ ก็คือ ตามจีบตามตื๊อขอความรัก น้ำผึ้งถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะบอกว่า

“ผึ้งไม่ได้อะไรกับเขาเลยนะ”

“แต่ท่าทางเขาจะจริงจังกับผึ้งนะ แล้วเท่าที่รู้มา เขามีเบี้ยใบ้รายทางอยู่เยอะเหมือนกัน อย่างไรก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ...ยืนขายของอยู่โดนน้ำกรดสาดหน้าขึ้นมาแล้วจะแย่”

ขณะที่นงลักษณ์บอกเล่าถึงคนที่ทำให้ลำบากใจก็มีสายเรียกซ้อนมาจากคชาพัฒน์ น้ำผึ้งจึงถือโอกาสตัดบท

“พี่หน่องโทรเข้ามา เดี๋ยวผึ้งต้องไปซ้อมรำก่อน พรุ่งนี้คุยกันที่โรงเรียน” ก่อนที่แม่จะยอมให้ใช้โทรศัพท์นั้น แม่ขอสัญญาจากน้ำผึ้งว่า ต้องไม่ใช้คุยในเรื่องไม่จำเป็นเพราะแม่เห็นว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ติดโทรศัพท์เสียจนเสียงานเสียการ และไม่สนใจคนรอบ ๆ ตัว เช่นพ่อแม่พี่น้อง เมื่อน้ำผึ้งรับปากแม่จึงอนุญาตให้พกพาโทรศัพท์มือถือได้


วางถุงขนมที่สารวัตรให้มาลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาแล้วนัยนิตก็รีบคว้ามาเปิดดู

“ช็อคโกแลตอย่างดีเสียด้วย มันฝรั่งก็มี เบเกอรี่ก็น่ากิน” น้ำผึ้งไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้แม่รับทราบแต่น้ำผึ้งก็มั่นใจว่าน้ำหวานจะต้องเล่าให้แม่ฟังแน่ ๆ

“ผึ้งไม่ได้อยากได้เลยนะพี่นิตแต่เขาเอามาวางไว้แล้วก็ออกรถไปเลย”

“พรุ่งนี้คงจะเป็นผลไม้ แอปเปิล มะละกอ กล้วย ส้ม” คชาพัฒน์แม้จะหนักใจแทนน้ำผึ้งแต่ว่าก็ยังพาเข้าเรื่องสนุกได้ น้ำผึ้งมองหน้าคชาพัฒน์แล้วถอนใจออกมา

“ทีนี้คนอื่นจะมองผึ้งอย่างไรละ...”

“คนอื่นนะใครล่ะ” นัยนิตจ้องหน้าน้ำผึ้งพยายามค้นหาความในใจของเด็กสาว แต่ว่าน้ำผึ้งก็เบือนหน้าหลุบเปลือกตาลง สีหน้ามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ก็คนในตลาดนะซิ...สองวันแล้วนะที่เขามา แล้วถ้าพรุ่งนี้เขามาอีกล่ะ”

“ดักปลาต้องหมั่นกู้เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว เราเป็นผู้หญิงมีแต่จะเสียหาย ก็ระวังตัวเองให้ดีแล้วกัน”

“แต่ขี้ปากคน แล้วผึ้งก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ หรือวันอื่นๆ เขาจะมาไม้ไหน และลึก ๆ นั้นเขาต้องการอะไร”

“ต้องการแค่ให้มันจบลงที่บนเตียงเท่านั้นแหละ เพราะเขามีภรรยาอยู่แล้ว ลูกเขาก็โตเท่า ๆ เรานี่แหละ” น้ำเสียงของคชาพัฒน์จริงจัง

“อย่าเพิ่งกลุ้มไปเลยผึ้ง ปัญหามันต้องมีทางออกของมัน...พี่ว่าซ้อมรำเลยดีกว่า” แม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจังกับชีวิตแต่นัยนิตนั้นก็เป็นคนที่รู้จักปล่อยวางกับเรื่องบางเรื่องได้...แต่ว่าน้ำผึ้งนั้นทำไม่ได้... กระทั่งเพลงสีนวลจากแผ่นซีดีเริ่มต้นและจบลงโดยมีน้ำผึ้งร่ายรำไปตามจังหวะ ...คชาพัฒน์ก็บ่นว่า

“ดูเหมือนไม่มีสมาธิเลยนะผึ้ง”

“ผึ้งก็ไม่ได้สวยอะไรหนักหนา ไปถูกใจอีตาสารวัตรนั่นได้อย่างไรนะ”

“บางทีมันก็เป็นเรื่องสเป็กนะ ผู้หญิงไทยตั้งเยอะตั้งแยะที่ไม่ได้สวยเลยแต่ว่าฝรั่งกลับชอบมาคว้าไปเป็นแม่ของลูกก็มีเยอะแยะไป”

“ใครว่าผึ้งไม่สวย ผึ้งสวยนะ แต่ความสวยบางทีก็นำภัยมาให้ตัวเองได้เหมือนกัน”
น้ำผึ้งเข้าใจที่นัยนิตนั้นพูดเป็นอย่างดี เพราะนัยนิตเองนั้นก็เป็นคนสวย เพียงแต่นัยนิตซ่อนความสวยไว้ในรูปแบบของบุรุษ.....

“หรือผึ้งจะซอยผมสั้นดี...ทำตัวเป็นทอมบอย”

“ไม่ได้” คชาพัฒน์รีบขัดขึ้นมา น้ำผึ้งนิ่วหน้า

“หรือจะหาใครสักคนมาคอยปกป้องแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ”

น้ำผึ้งส่ายหัวดิก...เพราะแบบนั้นจะยิ่งทำให้เธอยิ่งไกลจากคุณวรรณศุกร์ ทั้งที่ตอนนี้มันก็หาได้มีความหวังแต่อย่างใด...อนาตนั้นไกลถึงขอบจักรวาลเลยทีเดียว

“จะให้ผึ้งคบหากับคุณวิธิตเหรอ”

“ไม่เอานะ ผึ้ง คิดว่าผึ้ง แก้ปัญหาเองดีกว่า บางที ถ้าคุยกับท่านดี ๆ ท่านอาจจะเข้าใจก็ได้”

“งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องไปขายของ เดี๋ยวให้สำลีไปขายแทน ไม่ต้องไปมันทุกวันหรอก ไป ๆ หยุด ๆ”

“เกรงใจพี่สำลี”

“พรุ่งนี้ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะพี่จะพาผึ้งเข้าเมืองไปเลือกซื้อของ”

“ซื้ออะไรเหรอพี่”

“ขิม”

“ขิม” ดวงตาของน้ำผึ้งลุกวาวทีเดียว

“เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า” คชาพัฒน์ด้นโคลงโลกนิติ

“ผึ้งไม่เข้าใจ”

“ก็ผึ้งบอกพี่เองไม่ใช่หรือว่า เล่นขิมเป็นตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม เคยอยู่ชมรมดนตรีไทยมาไม่ใช่รึ”

“ก็พอเป็นค่ะ”

“แต่ตอนนี้ต้องฝึกให้ชำนาญ เพราะตอนขึ้นเวทียอดพธูไทย มันจะมีช่องให้กรอกความสามารถพิเศษ นาฏศิลป์ รำไทย ดนตรีไทย ทำอาหารไทย ทำขนมไทย เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลใส่ไปเลย...รับรองกรรมการตาลุกวาวแน่นอน”

น้ำผึ้งกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก

“คนมาสมัครเป็นร้อย ๆ คัดเหลือยี่สิบคนให้ทำกิจกรรม ผึ้งต้องผ่านด่านแรกให้ได้...พวกนี้แหละมัน
จะช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้เรา และต่อไป พี่จะเข้าเว็บนางงามรวบรวมคำถามจากเวทีต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาให้ผึ้งซ้อมตอบคำถามด้วย...เราจะสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบรู้เรื่องรอบตัวรอบรู้เรื่องเหตุบ้านการเมืองด้วย ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน”

“ค่ะ” น้ำผึ้งรับคำเสียงอ่อย ๆ

“พี่พร้อมสู้เพื่อผึ้งนะ ผึ้งก็ต้องพร้อมสู้เพื่อตัวผึ้งเองด้วยเหมือนกัน” แม้ขิมจะราคาหลายพันบาทแต่เพื่อปั้นน้ำผึ้งให้เป็นดาว คชาพัฒน์จึงตัดสินใจไม่ได้ไม่ยาก...เพราะนอกจากจะหวังเงินรางวัลจากการเป็นนางงามเดินสายแล้ว หากน้ำผึ้งได้เป็นดารา ดีไม่ดี คชาพัฒน์อาจจะผลิกชีวิตไปเป็นผู้จัดการให้น้ำผึ้งก็ได้ ดังนั้น ให้น้ำผึ้งก่อนที่น้ำผึ้งจะมีวันที่ประสบความสำเร็จ เวลาเรียกร้องสิ่งตอบแทน มันจะได้พูดกันได้ไม่ยากนัก

“ค่ะ”

“แล้วไหน ๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว พี่มีอะไรจะบอกผึ้งอีกอย่าง”

น้ำผึ้งมองหน้าคชาพัฒน์ดวงตามีความฉงนใจ

“จำคุณอี๊ดได้ไหม...คนที่เคยมาทำผมที่ร้านพี่ ลูกสาวเขานะ ชื่อติ๋ว เป็นเลขาคุณอ๊อดผู้จัดละคร วันนี้คุณติ๋วมาที่ร้านนี้เพราะว่าคุณอี๊ดมาทำผมที่นี่ แล้วปรากฏว่า คุณติ๋วน่ะ เป็นน้องรหัสของคุณศุกร์...ผึ้งรู้ไหมนอกจากจะลุ้นให้ผึ้งเป็นนางงามแล้ว ตอนนี้พี่ยังลุ้นให้ผึ้งเป็นดารานักแสดงอีกด้วย คุณติ๋วเขาเอารูปผึ้งไปให้คุณอ๊อดดูแล้ว แล้วคุณศุกร์เขาจะช่วยตามเรื่องให้อีกคนด้วย”

“จริง ๆ หรือพี่”

“ฉันจะโกหกเธอหาพระแสงอะไรล่ะ”

“ผึ้งคิดว่าผึ้งคงทำไม่ได้หรอก การแสดงมันเป็นงานยากสำหรับผึ้งเลยนะ”

“คนอื่นเขาทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้...อย่าเพิ่งกลัว โอกาสมันมาแล้ว ต้องกระโจนเข้าไป หรืออยากจะเป็นแค่น้ำผึ้งบ้านไพร”

“น้ำผึ้งบ้านไพร” น้ำผึ้งทวนชื่อของตนผนวกกับชื่อตำบลที่ตนอยู่เบา ๆ

“น้ำผึ้งต้องทำให้คนทั้งประเทศรู้ว่า น้ำผึ้งคนนี้มาจากบ้านไพร ไม่ใช่เป็นแค่เพียงน้ำผึ้งอยู่ในบ้านไพร เข้าใจไหม?”



คุณนายวรรณีมาทำผมในตอนบ่ายๆ จึงได้ทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับชีวิตน้ำผึ้งจากปากคชาพัฒน์และเรื่องที่คชาพัฒน์จะลงทุนซื้อขิมให้น้ำผึ้งซ้อมตีระหว่างรอขึ้นเวทีใหญ่นั้นคุณนายวรรณีถือว่าเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน...

“เป็นความคิดที่ดีมาก ดนตรีไทยกับผู้หญิงไทย ชักอยากฟังน้ำผึ้งตีขิมเสียแล้วซิ...งานวันเกิดฉันนี่เขาจะตีทันไหม อยากให้เขาตีให้แขกฟัง”

“เหลือไม่กี่วันเอง”

“ถ้าอย่างนั้นฉันช่วยค่าขิมแล้วกันดีไหม แต่น้ำผึ้งต้องไปตีในงาน ช่วงที่พระฉันอาหาร แล้วเรื่องที่จะให้น้ำผึ้งไปช่วยทำอาหาร บอกเขาด้วยว่าไม่ต้องแล้ว ฉันจะให้คนอื่นไปทำงานแทน”

“ขอบพระคุณแทนน้ำผึ้งเลยครับ”

“ช่วยทางตรงไม่ได้ ก็ช่วยทางอ้อม บอกเขาด้วยนะว่า ตีขิม ฉันก็ให้เงินเหมือนกัน ฉันอยากฟังเพลงลาวดวงเดือน ลาวเสี่ยงเทียน ลาวดำเนินทราย บุษบาเสี่ยงเทียน”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าผึ้งจะเล่นเพลงอะไรเป็นบ้าง เห็นบอกว่า เคยเล่นตั้งแต่ ชั้นประถม...”

“เคยเห็นเขาเล่นตอนงานโรงเรียนแต่เล่นเป็นวงกับเพื่อน ๆ...หลายปีแล้วแหละ เขาคงไม่ลืมหรอก”

“แต่มันจะต้องรื้อฟื้น...”

“เอาสักเพลงแล้วกัน ใส่ชุดไทยนะ เดี๋ยวจะให้ตาศุกร์เตรียมกล้องถ่ายรูปสวย ๆ เอาไว้ให้คุณติ๋วคุณอี๊ดอะไรนั่นเอาไปอวดผู้จัดละคร เผื่อน้ำผึ้งจะมีโอกาสไปได้ไกลกว่าที่เราคิดไว้...”

“หน่องก็บอกเขาไปแล้วว่า น้ำผึ้งต้องทำให้คนทั้งประเทศรู้ว่า น้ำผึ้งคนนี้มาจากบ้านไพร ไม่ใช่เป็นแค่เพียงน้ำผึ้งอยู่ในบ้านไพร”

“เป็นคำพูดที่คมคายมาก”

“แต่ถ้าผึ้งไปจากบ้านไพรจริง ๆ ก็น่าเป็นเรื่องน่าใจหาย”

“เรายึดเขาไว้ไม่ได้หรอก ถ้าวาสนาเขาจะต้องไปมันก็ต้องไป”

“รวมถึงคุณศุกร์ด้วยใช่ไหม”

“ทำไงได้ล่ะ ผู้หญิงกี่คน ๆ เขาก็ไม่สนใจ ถ้าจะแต่งกัน ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ว่า...ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ทางนั้นเขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ มันไม่เจริญหูเจริญตา มันเงียบเหงา มันสู้เมืองหลวง มันสู้ต่างประเทศที่เขาไปมาบ่อยๆ ไม่ได้”

“มันน่าจะมีใครสักคนที่ทำให้คุณศุกร์อยากอยู่บ้านไพรตลอดนะฮะ”

“ยังหาไม่เจอเลย...ชักนำมาให้ดูตัว เขาก็ไม่สนใจ”

“แล้วถ้าเขาแต่งงานกันแล้ว พากันไปอยู่กรุงเทพฯจริง ๆ คุณนายจะทำอย่างไร”

“ศุกร์เขาไม่ทิ้งฉันหรอก ฉันมีเขาคนเดียว เขาก็เหลือแม่คนเดียว”

“ปัญหาโลกแตก”

“ฉันก็เลยไม่มีบุญได้อุ้มหลานสักที...”

แล้วทั้งคู่ก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ แล้วเพียงอึดใจ คุณนายวรรณีก็เอ่ยออกมาว่า “วันนี้เห็นศุกร์เขาว่าเลิกงานจะเข้าเมืองไปทำธุระ อย่างไรถ้าจะอยากประหยัดน้ำมันก็ไปกับเขา แล้วถ้าเขาว่างพอไปเดินดูขิมด้วยได้ฉันก็จะบอกให้เขาจ่ายเงินเลย แต่ถ้าเขาไม่ไปดูขิมด้วย หน่องก็ออกค่าขิมไปก่อนแล้วมาเบิกเอานะ”

“ครับ ๆ ขอบคุณครับ”

นัยนิตที่นั่งฟังอยู่ถึงกับยิ้มบาง ๆ ออกมา...เพราะถ้าเย็นวันนี้มีวรรณศุกร์ไปด้วยน้ำผึ้งคงจะมีความสุขเป็นอย่างมากแน่ ๆ...



คชาพัฒน์โทรบอกกับน้ำอ้อยแล้วว่าจะให้น้ำผึ้งไปเลือกซื้อขิมเพื่อเอาไว้ซ้อมตีเตรียมตัวขึ้นประกวดนางงามยอดพธูไทยในปีหน้า น้ำอ้อยจึงต้องยอมให้น้ำผึ้งไปกับคชาพัฒน์ โดยที่ไม่ต้องรบกวนให้สำลีมาช่วยขายลูกชิ้นแทนเพราะรู้สึกเกรงใจสำลี...เพราะน้ำหวานเองนั้นก็พออยู่โยงเฝ้าร้านได้แล้ว

คชาพัฒน์เมื่อได้รับอนุญาตจากน้ำอ้อยแล้วเขาจึงต่อสายไปหาน้ำผึ้งนัดหมายให้น้ำผึ้งแวะมาที่ร้านหลังเลิกเรียนเลย ด้วยคนที่จะพาไปซื้อขิมนั้นคือวรรณศุกร์...

ส่วนน้ำผึ้งพอรู้ว่าจะได้นั่งรถเข้าเมืองไปกับวรรณศุกร์ท้องฟ้าที่ดูจะครึ้มฝนก็สว่างไสวขึ้นมาทันที...

ได้ใกล้ชิด ได้กลิ่น ได้เห็นหน้า มันทำให้รู้สึกว่า ร่างกายมีเรี่ยวแรง...และพอรู้ว่าในงานวันเกิดของคุณนายวรรณีที่จะถึงนี้ คุณนายสนับสนุนให้น้ำผึ้งไปตีขิมโชว์แขกที่มาร่วมงานจนถึงขนาดเป็นคนซื้อขิมให้ น้ำผึ้งก็นึกถึงครูถนอม ผู้ที่เคยประสิทธิ์ประสาทวิชาดนตรีไทยให้ แม้ว่าท่านจะเกษียณอายุราชการไปแล้วแต่ว่าท่านก็ยังอยู่ที่บ้านไพร...จึงไม่ยากที่จะให้ท่านช่วยต่อเพลงให้

“ถ้างั้นก็ไปซ้อมกับท่านสองวันน่าจะได้หลายเพลงอยู่นะ” คชาพัฒน์สรุปเมื่อน้ำผึ้งเล่าที่มาที่ไปของการตีขิมของตนได้หลังจากที่ขึ้นรถของวรรณศุกร์มาแล้ว

“หิวอะไรกันไหม” วรรณศุกร์เอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่านาฬิกาที่คอนโซลบอกเวลา 17.30 น.
คชาพัฒฒ์รู้ว่า ถ้าวรรณศุกร์เอ่ยปากถาม เขาก็จะต้องเป็นเจ้ามือ...แต่ครั้นจะรีบเอาประโยชน์ คชาพัฒน์ก็ดูจะน่าเกลียดเขาจึงโยนไปหาน้ำผึ้ง

“ผึ้งหิวไหม”

“หิวค่ะ” แม้จะรู้สึกเกรงใจแต่ว่าท้องที่ร้องหาอาหารทำให้น้ำผึ้งต้องบอกไปตามตรง

“นึกว่าจะไว้หุ่น” วรรณศุกร์เปรยออกมาพอให้ได้ยิน

“กลางวันกินไปแค่นิดเดียวค่ะ”

“ทำไม”

พอเขาถามกลับมาอย่างใส่ใจ น้ำผึ้งจึงรีบบอกเล่าชีวิตระหว่างวันที่อยู่ในโรงเรียนกระทั่งรถของเขาถึงร้านอาหาร พอลงจากรถ เท้าของน้ำผึ้งก็ชะงัก เพราะรถคันใหญ่ที่จอดอยู่ในลานจอดนั้นเป็นรถของนายตำรวจคนที่น้ำผึ้งยังไม่รู้ว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับตนนั้นมีจุดประสงค์อะไร...
วรรณศุกร์นั้นพอปิดประตูรถแล้วก็นำก้าวเดินเข้าไปในร้านอาหาร...คชาพัฒน์ที่กำลังจะเดินตามวรรณศุกร์ไป หันมาเห็นว่าน้ำผึ้งลังเลจึงหันมาถาม “เป็นอะไรหรือผึ้ง”

“รถสารวัตรทะนงศักดิ์”

“อ้าว เหรอ...แต่คุณศุกร์เข้าไปแล้วนี่ ทำอย่างไรดีหว่า” คชาพัฒน์ลังเลที่จะก้าวตามไปส่วนน้ำผึ้งนิ่วหน้าครุ่นคิด และยังไม่ทันที่คชาพัฒน์จะสรุป วรรณศุกร์ก็เดินออกมาจากร้านสีหน้านั้นเรียบเฉย...

“ไปร้านอื่นเถอะ...ไม่อยากกินกุ้งเผาแล้ว”

วรรณศุกร์บอกเพียงแค่นั้น น้ำผึ้งก็รีบวกกลับไปเปิดประตูรถที่เขายิงรีโมทปลดล็อคให้ในทันที.....



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2556, 08:14:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2556, 08:14:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1847





<< 14. “ดูท่าทางคุณศุกร์จะห่วงผึ้งมันมากเหมือนกันนะ”   16.“หน้าเขานางเอกละครไทย เหมาะที่จะเล่นพวกงานพีเรียด" >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 27 มิ.ย. 2556, 08:14:51 น.
รักกันวันละนิด จิตแจ่มใส...จะอัพ จันทร์-ศุกร์ นะครับ ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจครับ...


mottanoy 27 มิ.ย. 2556, 10:02:17 น.
ขอบคุณคร้า
มาลุ้นน้ำผึ้งต่อ


nunoi 27 มิ.ย. 2556, 10:45:08 น.
คุณศุกร์รู้ใจน้ำผึ้งจริงๆ
คุณเฟื่องใจดีจัง ได้อ่านน้ำผึ้งก่อนทำงานทุกวัน จ-ศ ก็เริ่ดแล้วค่ะ


Zephyr 27 มิ.ย. 2556, 13:38:51 น.
อัยยะ ชื่อสารวัตรโคแก่นั่น ทำเอาหมดอารมณ์เจริญอาหารเลย
คุณศุกร์ก็เริ่มออกนอกหน้านิดนึงนะฮาฟฟฟ
เมื่อไรจุกอกทนไม่ไหว อย่าลืมจัดการคุณเมียก่อนมาจิบน้ำผึ้งนะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:27:35 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account