น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 16.“หน้าเขานางเอกละครไทย เหมาะที่จะเล่นพวกงานพีเรียด"

16.

เมื่อนงลักษณ์รู้ว่าคชาพัฒน์จะส่งน้ำผึ้งไปประกวดเวทียอดพธูไทย นงลักษณ์ก็บอกเล่าให้อาจารย์นวลอนงค์ผู้เป็นแม่ได้รับรู้ด้วย และเมื่อไปทำผมที่ร้านจวงจันทร์ในตอนเย็นหลังเลิกงาน นวลอนงค์ก็ปูดเรื่องนี้ให้จวงจันทร์ได้รับรู้อีกทอดหนึ่ง

“ไม่เจียมตัวเองเลย...นึกอย่างไรถึงจะส่งลูกนกลูกกาไปตากหน้าถึงเวลาใหญ่ขนาดนั้น ตกรอบแรกขึ้นมานะ เจี๊ยบจะหัวเราะให้ฟันโยกเลย”

“หัวเราะเหมือนกับที่เด็กของน้องเจี๊ยบตอบคำถามแบบไม่มีกึ๋นใช่ไหมคะ”

“เด็กมันตื่นเต้นน่ะค่ะ ไม่เคยขึ้นเวที” จวงจันทร์เข้าข้างคนของตน

“น้ำผึ้งเขาไม่ใช่คนฉลาดไอคิวสูงก็จริง แต่เด็กคนนี้มีความเฉลียวมีปฏิภาณไหวพริบดี เพราะเขาเคยเป็นนักกีฬาและเขาก็เป็นแม่ค้าอยู่ด้วย...คำถามนั้นมันเข้าทางเขาด้วย” นวลอนงค์วิเคราะห์ความเป็นตัวตนของน้ำผึ้งให้จวงจันทร์ได้ตระหนักว่าคนหนึ่ง ๆ นั้น นอกจากการศึกษาแล้ว ประสบการณ์ในชีวิตจะเป็นตัวหล่อหลอมให้เขามีลักษณะนิสัยเช่นใด

“แล้วนี่เห็นน้ำผึ้งเขาเล่าให้นงลักษณ์ฟังว่าต่อแต่นี้เป็นต้นไป น้ำผึ้งต้องเก็บตัวฝึกปรือวิทยายุทธเพื่อเตรียมลงสนามใหญ่ หนิงหน่องเขาหวังกับน้ำผึ้งไว้มาก”

“ผิดหวังขึ้นมาแล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ไม่คิดจะส่งเด็กไปแข่งกับเขาบ้างเหรอ”

จวงจันทร์ถอนหายใจออกมา หลังจากที่ทิพากรเด็กจากกรุงเทพโปรไฟล์ดี หน้าตาดี พลาดตำแหน่งธิดากระท้อนหวานโดยมีน้ำผึ้งเบียดไปคว้าตำแหน่งมาได้ ทิพากรก็ประกาศว่าจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับวงการขาอ่อนให้อับอายขายหน้าอีกต่อไป แม้พรทิพย์จะพยายามพูดหว่านล้อมอย่างไรทิพากรก็ไม่ยอมคล้อยตาม...เพราะทิพากรนั้นรู้ว่า แม้ไม่ได้เป็นนางงามก็ใช่ชีวิตจะหมดสิ้นหนทางเดิน

แล้วปัจจุบันการจะหาเด็กสักคนไปชิงชัยเวทีระดับประเทศมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกอย่างมันต้องพร้อมจริง ๆ ที่รู้จักมักคุ้นกันอยู่ก็เรียกมาใช้งานได้แค่นางงามเวทีภูธรเท่านั้น เมื่อครั้งที่ชักชวนศุภวารีผู้มีส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานหญิงไทยไปคว้าตำแหน่งนางนพมาศประจำวัดบ้านไพรเมื่อปีที่แล้วมาได้นั้นจวงจันทร์ก็รู้อยู่เต็มอกว่า ได้มาเพราะอำนาจของผู้อำนวยการผู้เป็นชู้รักของตน...เสียงติติงแว่วมาให้เข้าหูว่าเป็นเพราะศุภวารีเป็นเด็กเส้นจึงได้ตำแหน่งทั้งที่ไม่ควรจะได้ งานนั้นทำให้ศุภวารีนั้นไม่ยอมขึ้นเวทีและไม่ขอข้องเกี่ยวกับวงการนางงามอีกเหมือนกัน

เวทีใหญ่ระดับประเทศนั้นไม่มีทางที่ตนจะทำได้อย่างแน่นอน และตนก็ไม่เคยจะฝันถึงด้วย

...แต่พอรู้ว่าคชาพัฒน์ฝันไปไกลถึงขนาดนั้น.....จวงจันทร์ก็รู้สึกว่าลมริษยาเริ่มกรุ่นขึ้นมา

“หน่องเขาเก่งนะ ชื่นชมความกล้าของเขา แล้วตาเขาก็ถึงด้วยนะ น้ำผึ้งที่ใครๆ ว่าไม่สวย ไม่น่าจะขึ้นเวทีได้ เขาก็เห็นว่าสวยและเป็นนางงามได้...อุ้ย ๆ ๆ”

นวลอนงค์ร้องอุทานเพราะว่าจวงจันทร์โมโหจนกระทั่งลงน้ำหนักมือสางผมของนวลอนงค์ซะจนถึงหนังหัว...

“ขอโทษค่ะอาจารย์”

“หัวคนไม่ใช่ขนหมาพุดเดิ้ล”

“เจี๊ยบไม่ได้มีเจตนาจะแกล้งอะไรเลยนะคะ ขอประทานโทษจริง ๆ ค่ะ คือเจี๊ยบกำลังเจ็บใจตัวเองที่โยนเพชรไปให้หน่องเขา ทั้งที่จริง ๆ แล้ววันนั้นถ้าเจี๊ยบให้ราคาน้ำผึ้งสูงกว่านั้นอีกนิดนะหรือตั้งใจจะเอาน้ำผึ้งไปจริง น้ำผึ้งก็ไปกับเจี๊ยบแล้ว”

“เอาน่า อย่าคิดอะไรมาก พี่ว่านะถ้าน้องเจี๊ยบตั้งใจจะสู้กับหน่องจริง ๆ ในประเทศนี้มันก็น่าจะมีสาวงามที่น้องเจี๊ยบจะต้องพบเจอจนได้แหละ ขอให้น้องเจี๊ยบคิดสู้เท่านั้น”

“คิดสู้เท่านั้น” จวงจันทร์ทวนคำพูดของนวลอนงค์เบา ๆ

“มีเวลาอีกตั้งนานนะ ไม่แน่หรอก...น้องเจี๊ยบอาจจะเจอสาวงามที่เพียบพร้อมกว่าน้ำผึ้งก็ได้...แล้วจะว่าไปนะน้ำผึ้งนะ สวยตรงไหน”

“ใช่สวยตรงไหน ดำก็เท่านั้น นงลักษณ์สวยกว่าต้องเป็นกอง”

“ใช่”

“นงลักษณ์สวยกว่าต้องเป็นกอง” จวงจันทร์ทวนคำพูดที่เผลอหลุดปากอีกครั้ง...

“ใช่แล้ว จริง ๆ ด้วย นงลักษณ์สวยกว่า อาจารย์นวลอนงค์คะ หากว่าเจี๊ยบจะทาบทามนงลักษณ์มาเป็นเด็กในสังกัด อาจารย์จะขัดข้องไหม”



“อะไรนะคะคุณแม่ ไม่เอาหรอกค่ะ เรื่องนางงอม นางงง นางงามอะไรนี่ไม่เคยอยู่ในหัวของหนูเลย จ้างก็ไม่เอาอย่างแน่นอน”

“ใครเน้อบอกว่า อยากได้รถขับไปเรียนมหาวิทยาลัย” นวลอนงค์ที่นั่งตะไบเล็บพลางดูโทรทัศน์ไปด้วยเปรยออกมาเบา ๆ

“หมายความว่าอย่างไรคะคุณแม่”

“ก็ถ้าอยากได้รถตอนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็เข้าสังกัดของพี่เจี๊ยบ”

“แต่หนู”

“ตามใจนะ ถ้าไม่อยากได้ แม่ก็ไม่บังคับหรอก”

“แล้วทำไมคุณแม่ต้องอยากให้หนูประกวดนางงามด้วยเล่า...หนูสวยซะที่ไหน”

“ใครว่าลูกแม่ไม่สวย สวยกว่าน้ำผึ้งตั้งเยอะ ฉลาดกว่าอีก เรียนก็เก่งกว่า แม่อยากให้หนูลองหาประสบการณ์น่ะ มันไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย อย่าลืมนะนงลักษณ์ เวลาที่มันผ่านไปแล้ว ไม่อาจจะซื้อคืนมาได้ น้ำผึ้งเขาก็ไม่ได้เต็มใจจะขึ้นเวทีตั้งแต่แรก แต่ว่าพอเขาขึ้นไปแล้ว มันก็มีเรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิตนะ เห็นไหม”

นงลักษณ์นิ่งคิด...

“แต่หนูคิดว่าหนูทำไม่ได้หรอก”

“หนูยังไม่ได้ทำ”

“หนูต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย”

“ลูกได้เรียนครูเหมือนพ่อกับแม่อยู่แล้ว โควต้ามันมีอยู่...หาประสบการณ์สักครั้งสองครั้งนะ”

“หนูไม่อยากแข่งกับผึ้ง”

“ถึงเราไม่ใช่คู่แข่งของน้ำผึ้ง ก็ใช่ว่าน้ำผึ้งจะไม่มีคู่แข่ง...แม่อยากให้หนูลองหาประสบการณ์ ชอบไม่ชอบนั้นอีกเรื่อง”

“คุณพ่อคงไม่อยากให้หนูขึ้นเวทีหรอก” นงลักษณ์อ้างผู้เป็นพ่อที่ยังไม่กลับมาจากสังสรรค์กับเพื่อน ๆ

“หนูก็รู้ คุณพ่อหนูน่ะ เขาพร้อมจะสนับสนุนความคิดของแม่อยู่แล้ว...สรุปเลยแล้วกันว่า ตอนเรียนปริญญาตรีจะเอารถหรือเปล่า”

“เอาก็ได้ค่ะ”

“แล้วยังไม่ต้องบอกน้ำผึ้งล่ะ...แม่อยากให้มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์น้ำผึ้งเขาเหมือนกัน”

“ทำไมละคะ”

“ก็หนูกับผึ้งสนิทสนมกันมาก ถ้าน้ำผึ้งเขารู้ว่าหนูเป็นคู่แข่งเขาอาจจะต้องออมแรงให้หนู...เพราะฉะนั้นให้เขาคิดว่าคู่แข่งของเขาคือคนอื่นเถอะ เขาจะได้ฝึกฝนตัวเองได้เต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันน้ำผึ้งเขาฝึกอะไรอยู่เราก็หาวิธีการฝึกของเราบ้าง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แล้วเวทีแรกที่หนูกับผึ้งจะได้เจอกันก็เห็นจะเป็นเวทีนางนพมาศวัดบ้านไพรที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้”.....



วันที่น้ำผึ้งรำแก้บนเป็นวันเสาร์ ภานุวัฒน์ที่กลับมาบ้านไพรตั้งแต่เย็นวันศุกร์จึงได้แต่งตัวเสียหล่อเพื่อออกไปให้กำลังใจน้ำผึ้ง...

“จะรีบไปไหนแต่เช้า ข้าวปลาไม่กินก่อนอาตี๋เล็ก” เถ้าแก่ฮงร้องถามลูกชายคนเล็กที่นั่งสวมรองเท้าผ้าใบอยู่หน้าบันไดทางขึ้นชั้นสอง

“ไปดูน้ำผึ้งเขารำแก้บนน่ะ...”

“รำแก้บนเรื่องอะไร”

“บนให้ได้เป็นธิดากระท้อนไงเตี่ย”

“ถ้าไม่บนเขาจะไม่ได้อย่างงั้นซี่ ได้เพราะแรงสินบน ได้เพราะหลวงพ่อหินช่วยอย่างนั้นหรือ”

“ได้เพราะความสามารถ แต่ว่าเพื่อความมั่นใจไง เหมือนตอนที่ผมบนวิ่งรอบมณฑปหากว่าสอบเข้าโรงเรียนนายสิบได้น่ะ...ผมก็ต้องการความมั่นใจเหมือนกัน”

ขณะนั่งคุยอยู่กับเตี่ย ที่ถนนหน้าร้าน รถของอาจารย์นวลอนงค์ที่มีนงลักษณ์เป็นผู้ขับก็แล่นเข้ามาจอด

“ผมไปก่อนนะเตี่ย...” ว่าแล้วภานุวัฒน์ก็ลุกขึ้น

“แล้วจะกลับมากินข้าวเที่ยงด้วยกันหรือเปล่า จะได้ให้แม่ลื้อทำไว้เผื่อ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมคงหาอะไรข้างนอกกิน ไม่ต้องห่วงผมเลยครับ” จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรเพราะ ภานุวัฒน์นั้นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและเป็นลูกชายคนเล็กเสียด้วย เถ้าแก่ฮงจึงรักมากกว่าบรรดาลูกสาวที่ออกเรือนไปกันหมดแล้ว กิจการโรงน้ำแข้งนี้เถ้าแก่ฮงก็ตั้งใจยกให้ภานุวัฒน์แต่ว่าก็ขัดใจลูกชายที่อยากเป็นตำรวจไม่ได้

“แล้วใครมารับ”

“นงลักษณ์ ลูกอาจารย์นวลอนงค์ครับ”

“คนตัวสูง ๆ ขาว ๆ ใช่ไหม”

“ใช่ ๆ ครับ”

“แล้วลื้อชอบคนไหนมากกว่ากัน”

“นงลักษณ์เขาเป็นรุ่นน้องครับเตี่ย เป็นเพื่อนน้ำผึ้ง ผมชอบน้ำผึ้งครับ”

“น้ำผึ้งอีก็ดี ค้าขายเป็น เตี่ยก็ชอบอี แต่มันเสียที่อี” เสียตรงที่อีจนไปหน่อย...เถ้าแก่ฮงอยากจะบอกอย่างนี้แต่ว่าภานุวัฒน์ฟังไม่ทันจบก็ขัดขึ้นมา

“ผมไปก่อนนะ เย็น ๆ กลับมากินข้าวด้วยแน่นอนครับ” ภานุวัฒน์รีบเดินไปยังรถเก๋งที่นงลักษณ์ขับมาจอดรอ เขาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารเข้าไปนั่งในทันทีเพราะเมื่อคืนได้โทรนัดหมายกันแล้วว่า วันนี้นงลักษณ์จะแก้บนไข่ต้ม 100 ฟองที่ได้บนบานไว้ไปด้วยเลย...
และเมื่อเขาไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ภานุวัฒน์ผู้มีร่างกายกำยำเพราะวัยหนุ่มและการฝึกฝนอย่างหนักก็หันไปยิ้มให้คนขับ วันนี้นงลักษณ์อยู่ชุดแสคแขนพองยาวกระโปรงบานลายลูกไม้คลุมเข่าผมยาวที่เคยมัดเป็นพุ่มนั้นปล่อยสยาย นงลักษณ์จึงดูเป็นสาวผิดจากที่เคยเห็น...

“วันนี้แต่งตัวซะสวยเลย” เมื่อรู้สึกว่านงลักษณ์สวยผิดหูผิดตาภานุวัฒน์ก็จำต้องชมไปตามประสาคนปากไว

“วันก่อน ๆ ลักษณ์ไม่สวยอย่างนั้นเหรอ”

“ก็วันนี้แปลกหูแปลกตา”

“พี่เองก็เถอะ ไปวัดแค่นี้ ใส่รองเท้าผ้าใบซะด้วย เสื้อเชิ้ตทับในกางเกงยีนอีกต่างหาก” นงลักษณ์ชมโฉมพลางเคลื่อนรถไปข้างหน้า
“พี่ก็อยากให้ผึ้งเห็นว่าพี่หล่อบ้างซิ เพราะผึ้งเขาก็สวยขึ้นจนผิดหูผิดตาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพี่หน่องให้ผึ้งเขากินยาอะไรหรือเปล่า”
“เห็นผึ้งว่าขัดหน้า นวดหน้า ขัดผิว ขัดตัว กันคิ้ว อบผมไดร์ฟผม ก็แค่นั้นแหละ”

“เยอะอยู่นะ...ถึงว่าผึ้งดูเปลี่ยนไปมากจริง ๆ” เมื่อวานตอนลงจากรถประจำทางเขาเห็นว่าน้ำผึ้งนั้นสวยขึ้นจนเขาตกตะลึง...เขาเดินข้ามถนนมาหาทักทายแต่ว่าเมื่อวานลูกค้าของน้ำผึ้งก็เยอะเหลือเกิน...กระทั่งเขาต้องขอตัวกลับเข้าบ้านมาก่อนเพราะว่านัดกับเตี่ยไว้ว่าจะออกไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน

“วันนี้ผึ้งคงจะสวยมาก เดี๋ยวพี่จะถ่ายรูปผึ้งไว้เยอะ ๆ อย่างไรก็ถ่ายรูปคู่ระหว่างพี่กับผึ้งด้วยนะ จะอัพเฟส” ภานุวัฒน์ยังคงเพ้อถึงน้ำผึ้ง

“ประกาศตีตราจองว่างั้นเถอะ”

“ผึ้งเขาก็ไม่มีใครไม่ใช่เหรอ...”

“ไม่มีนะ”

“แล้วลักษณ์ล่ะมีไหม”

“ไม่มี ยังไม่อยากมี ยังเด็ก แม่ไม่อนุญาตให้มีแฟนด้วย เดี๋ยวการเรียนเสีย” ปากก็พูดไปแต่ใจของ นงลักษณ์นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ปากพูดสักนิด ตอนที่จอดรถแล้วเห็นภานุวัฒน์เดินออกจากร้านน้ำแข็งหลอดมา นงลักษณ์รู้สึกว่า วันนี้ภานุวัฒน์เท่เป็นอย่างมาก และเมื่อกี้ตอนที่เขาเอ่ยปากชม นงลักษณ์ก็รู้สึกว่าการแต่งตัวมาเสียสวยนั้นไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า แต่พอเขาพูดถึงน้ำผึ้งใจนั้นก็เจ็บแปลบขึ้นมา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขารักน้ำผึ้ง ทั้งที่น้ำผึ้งนั้นด้อยกว่าตนเสียทุกทาง จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เหมาะสมกันสักนิด...



ด้วยน้ำผึ้งประกาศไว้ว่าวันนี้น้ำผึ้งจะรำสีนวลแก้บนที่มณฑปหลวงพ่อหินในเวลา 3 โมงเช้า คนที่รู้จักน้ำผึ้งและคชาพัฒน์ซึ่งอยากดูน้ำผึ้งรำสีนวลต่างก็พากันมารอ...นับจำนวนได้เกือบ 30 คน หนึ่งในนั้นมีคุณนายวรรณี ป้าสมาน ที่ให้วรรณศุกร์ขับรถพามา เพราะคุณนายวรรณีนั้นสนับสนุนให้น้ำผึ้งยืมผ้านุ่งโจงกระเบนลายดอกพิกุลซึ่งเป็นผ้าทอโบราณที่คุณนายวรรณีเก็บสะสมไว้แทนการใช้ผ้าราคาถูก ๆ จากร้านของต้นอ้อ ปัญจพลที่ส่งมาให้จากนครนายก และสไบที่ใช้ห่มนั้น คุณนายวรรณีก็ให้เปลี่ยนมาใช้ผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนที่ตนได้เก็บสะสมไว้เช่นกัน ส่วนเครื่องประดับอันได้แก่ เข็มขัด สังวาลย์ ต่างหูระย้า สร้อยคอ กำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า เป็นของที่คชาพัฒน์ยืมมาจากปัญจพล เพราะคุณนายวรรณีเกรงว่าหากให้ยืมของจริงก็จะเป็นของบาดตาพวกมิจฉาชีพ แต่วันพรุ่งนี้ที่น้ำผึ้งจะเล่นขิมในงานทำบุญวันเกิดนั้นคุณนายวรรณีเตรียมผ้านุ่งเสื้อแขนกระบอกผ้าไหมและชุดเครื่องทองไว้ให้น้ำผึ้งหยิบยืม จนนางสมานอดสงสัยไม่ได้...

“ฉันสะสมไว้เยอะ แล้วฉันก็ไม่มีลูกผู้หญิง ถ้าไม่ได้เอามาใช้ ก็รังแต่จะหมองอยู่ในตู้เซฟ ได้เอาออกมาใช้บ้างจะได้ขัดให้ขึ้นเงา” คุณนายวรรณีบอกเหตุผลกับแม่บ้านไปอย่างนั้น แต่ลึก ๆ ในใจนั้น คุณนายวรรณีอยากให้ลูกชายของตนนั้นมองเห็นว่า น้ำผึ้งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณนายถูกชะตาและถ้าวรรณศุกร์คิดจริงจังด้วยนางก็พร้อมจะสนับสนุน...แม้ว่าน้ำผึ้งคนนี้จะเป็นเพียงน้ำผึ้งบ้านไพรก็ตาม

“ไม่มีอะไรแอบแฝงใช่ไหมคะ”

“แล้วฉันจะแอบแฝงอะไรล่ะ”

“ก็ น้ำผึ้งสวยขึ้น ๆ ซะขนาดนี้ แถมตอนนี้ก็มีแมวมามองจะพาเข้าวงการบันเทิงด้วย พออ่านใจอยู่
หรอกนะว่าคุณนายคิดอะไร”

“แล้วมันจะเป็นไปได้ไหมสมาน”

“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ว่าเขาทำบุญมาด้วยกันหรือเปล่า หรือถ้ากามเทพท่านไม่ว่าง
เราก็ทำตัวเป็นกามเทพกันเสียเองก็ได้...”

ดังนั้นวันนี้วรรณศุกร์จึงต้องเป็นคนขับรถพาแม่กับนางสมานมาดูน้ำผึ้งรำไทย ทั้งที่นางวรรณีนั้นสามารถขับรถมาเองก็ได้...
“วันนี้ก็หยุดงานสักวันนะศุกร์ ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ทำบุญ เลี้ยงพระ เลี้ยงคน” งานเตรียมตัวทำบุญนั้นมีในภาคบ่ายของวันเสาร์นี้โดยวรรณศุกร์จะให้ลูกน้องในร้านชายหญิงไปช่วยกันจัดการ...แต่ว่าตอนเช้านั้นเขาอยากเข้าร้านเคลียร์เอกสารให้เสร็จสิ้นก่อนจะหยุดในวันอาทิตย์ แต่ว่าเมื่อแม่ขอร้องให้หยุดทั้งวันเขาก็จำต้องหยุดงาน และเมื่อมาแล้วเขาก็เอากล้องถ่ายรูปมาด้วย...นอกจากนั้นเขายังให้วิธิตมาช่วยบันทึกภาพวีดีโอไว้สำหรับส่งให้น้องพิชญานำไปให้ผู้จัดละครได้ดู...แต่ว่าพิชญาเมื่อรู้ว่าน้ำผึ้งจะรำแก้บน หญิงสาวก็ตัดสินใจชวนพี่อ๊อดที่ถ่ายละครอยู่ไม่ไกลจากบ้านไพรนักมาดูตัวน้ำผึ้งด้วยกัน พอพี่อ๊อดผู้จัดละครที่ดูตุ้งติ้งอ้อนแอ้นอย่างผู้หญิงลงจากรถเก๋งคันโตที่มีพิชญาเป็นคนขับ ชาวบ้านที่มารอดูน้ำผึ้งก็แตกตื่นกันเลยทีเดียว...

“พี่อ๊อดมา พี่อ๊อดมา” มีเสียงบอกกันไปเป็นทอดๆ แล้วก็มีเสียงถามกลับมาว่า

“พี่อ๊อดไหน ใครคือพี่อ๊อด”

“ผู้จัดละครไง คนสร้างละครให้เราดูไง”

แล้วก็มีบางคนกล้าที่จะเข้าไปหาพี่อ๊อดที่สวมแว่นตาสีชาอำพรางใบหน้าตัวเองตามธรรมเนียมของคนมีชื่อเสียง ทั้งที่ลึก ๆ แล้วก็อยากให้มีคนจำได้และร้องทักเช่นที่กำลังเป็นอยู่

“มาทำอะไรหรือพี่อ๊อด”

“อ๋อ มาไหว้พระนะฮะ เขามีอะไรกันเหรอฮะ” พิชญากับพี่อ๊อดนั้นไม่อยากให้เรื่องที่กำลังสนใจน้ำผึ้งนั้นเป็นที่โจษขานไปจนทำให้ผู้คนแตกตื่นเสียก่อนที่เรื่องจะสรุปผล

“วันนี้ ธิดากระท้อนหวานเขาจะมารำแก้บนฮะ”

วรรณศุกร์ที่ถือกล้องอยู่ใกล้ๆ และช่วยวิธิตดูเรื่องเครื่องเสียงที่ใช้บรรเลงดนตรีไทยเห็นว่าพิชญากับ พี่อ๊อดนั้นมาตามที่ตนได้บอกไว้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แสดงอาการว่ารู้จักทั้งคู่อย่างที่พิชญาโทรมาบอกก่อนล่วงหน้า

เวลาผ่านจนถึงเวลา 08.45 น. รถของคชาพัฒน์ก็แล่นเข้ามาจอด น้ำผึ้งที่นั่งหน้าคู่มากับคนขับเปิดก็ประตูลงมาจากรถเก๋ง...ใบหน้าได้รูปนั้นไม่ได้ลงแป้งทาครีมเสียดูไม่เป็นธรรมชาติผมด้านหน้านั้นเกล้าโป่งครึ่งหัวด้านหลังใช้ผมปลอมยาวถึงกลางหลังติดดอกไม้ประดิษฐ์สีชมพูสีเดียวกับผ้าสไบแซมเหนือใบหู...

น้ำผึ้งยิ้มกว้างเมื่อคนอื่นๆ มองมาที่ตนก่อนจะยกมือไหว้ค้อมศีรษะลงเพราะคชาพัฒน์นั้นบอกไว้ก่อนที่จะลงจากรถ...คชาพัฒน์เปิดประตูก้าวตามลงมา ภานุวัฒน์กับนงลักษณ์ที่ขับรถตามมานั้นรีบลงจากรถ ภานุวัฒน์เริ่มบันทึกภาพน้ำผึ้งด้วยกล้องดิจิทัลแบบพกพาในทันที เขาแสดงความเอาใจใส่น้ำผึ้งอย่างออกนอกหน้า...จนกระทั่งมีเสียงซุบซิบเข้าหูของเขาเองว่า...

“สงสัยลูกเถ้าแก่ฮงจะจีบน้ำผึ้ง”

“ไม่รู้รึ ว่าเขาเป็นแฟนกัน”

วรรณศุกร์นั้นก็ได้ยิน เขายอมรับว่ารู้สึกขัดหู รู้สึกเป็นห่วงน้ำผึ้งเพราะข่าวที่สารวัตรทะนงศักดิ์มาติดพันก็เริ่มแพร่สะพัดไปแล้วเช่นกัน...วิธิตนั้นเฝ้ากล้องวีดีโอที่ตั้งไว้ในมณฑป น้ำผึ้งนั้นยังไม่รู้จักพิชญาและพี่อ๊อดที่หลบหลังผู้คนรอดูอยู่...คชาพัฒน์เองก็ไม่เห็นทั้งคู่...กระทั่งคชาพัฒน์พาน้ำผึ้งเดินขึ้นไปยังมณฑปหลวงพ่อหินที่มีผนังเปิดโล่งทั้งสามด้านแล้วคชาพัฒน์ก็จุดเทียนจุดธูปกำใหญ่ก่อนจะส่งธูปจำนวนเก้าดอกให้กับน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งนั่งคุกเข่าท่าเทพธิดารับธูปมาแล้วก็พนมมือประกบธูปไว้หลังจากนั้นก็หลับตา บอกกล่าวว่าวันนี้ได้มารำแก้บน...โดยระหว่างนั้นวรรณศุกร์กับภานุวัฒน์ก็แข่งกันกดชัตเตอร์เหมือนเช่นคนอื่น ๆ ที่ใช้โทรศัพท์มือถือบ้างกล้องถ่ายรูปบ้างเก็บภาพน้ำผึ้งที่แต่งตัวจนสวยงามนี้ไว้...
หลังน้ำผึ้งปักธูปเรียบร้อยวิธิตก็กดปุ่มเปิดเครื่องเล่นซีดี เสียงดนตรีไทยที่บรรเลงจากเครื่องเล่นอันได้แก่ ระนาด กลอง ฉิ่ง ก็ดังผ่านลำโพง...พร้อมกับที่น้ำผึ้งเริ่มตั้งท่าร่ายรำตามที่ได้ซักซ้อมมา...

...สีนวลชวนชื่นเมื่อยามเช้า รักเจ้าสาวสีนวลหวลคิดถึง
แม้ไม่แลเห็นเจ้าเฝ้าคำนึง อยากให้ถึงวันที่รำสีนวล...


หนึ่งในผู้คนที่ปะปนกันอยู่นั้นมีจวงจันทร์อยู่ด้วย หญิงสาวขับรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่มาจอดรถไว้ด้านหลังโบสถ์ พอคชาพัฒน์เดินทางมาถึงพร้อมกับน้ำผึ้ง จวงจันทร์ก็เดินมามุงดูบ้าง...

พอเห็นท่วงท่าอันอ่อนช้อยประกอบดนตรีของน้ำผึ้งจวงจันทร์ก็รู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมา...ใบหน้าในกรอบผมเกล้าครึ่งหัวนั้นดูอ่อนหวานดวงตาของน้ำผึ้งเป็นประกายของคนมีความสุข...และความสุขนั้นก็พร้อมแบ่งปันให้คนอื่น...และพี่อ๊อดและพิชญาก็เห็นเช่นที่จวงจันทร์เห็นเช่นกัน

“เป็นไงบ้างคะ...” ขณะที่ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพแบบวีดีโอไปพลางเหลือบดูน้ำผึ้งด้วยตาเปล่า

ไปด้วยพิชญาก็เอ่ยปากกระซิบถามผู้จัดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“ตัวสูงไปนิดนะ...ต้องดูในกล้องอีกที”

“หุ่นเขาเหมือนนางแบบ ไหล่เขาระหง น่าเป็นนางแบบมากกว่านางเอก” พิชญาบอกความรู้สึกเบา ๆ

“แต่หน้าเขานางเอกละครไทย เหมาะที่จะเล่นพวกงานพีเรียด...นุ่งห่มสไบพวกนี้”

“สรุปว่าพี่ชอบ”

“ถือว่าผ่านนะ...”

ยังไม่ทันจะคุยกันต่อ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของพี่อ๊อดก็ดังขัดจังหวะ พี่อ๊อดรีบดึงมากดรับสาย...

“ไปกันเถอะติ๋ว ทางกองเขาพร้อมแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาทำงาน”

ทั้งคู่ค่อย ๆ ขอทางเบียดเสียดผู้คนออกมายังรถยนต์ที่จอดอยู่ โดยไม่รู้ว่า ผู้หญิงที่ยืนชะเง้อดูน้ำผึ้งรำที่อยู่ด้านหลังตนนั้นคือจวงจันทร์











จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2556, 08:04:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2556, 08:04:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1781





<< 15. "ไม่ใช่เป็นแค่เพียงน้ำผึ้งอยู่ในบ้านไพร”   17. “แล้วมีใครที่ไหนคิดว่า เขาทำอะไรได้ตั้งแต่เกิดล่ะ" >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 28 มิ.ย. 2556, 08:05:12 น.
สำหรับ คนที่ตามติดชีวิตน้ำผึ้งอยู่ ขอเว้นวรรค สองวันนะครับขอบคุณสำหรับกำลังใจอย่างแรงเลยนะครับ จุ๊บ ๆ


mottanoy 28 มิ.ย. 2556, 08:28:22 น.
ได้เลยค่ะ รำแก้บนเหนื่อยหรือจ๊ะ


Zephyr 28 มิ.ย. 2556, 09:05:26 น.
หวังว่านงลักษณ์และผึ้งจะไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องประกวดกับภานุวัฒน์นะ
คุณนายแม่เชียร์ออกนอกหน้ามากค่ะ คุณศุกร์ไม่รอดแหงๆ
ปต่จะมีวิธีสลัดภัทรินยังไงให้ไม่น่าเกลียดละ
ต้องรอดูใช่มั้ยคะ


nunoi 28 มิ.ย. 2556, 09:08:31 น.
คุณนายไฟเขียวแล้ว


เดิมเดิม 28 มิ.ย. 2556, 10:22:02 น.
่นงลักษณ์ อย่าทำน้ำผึ้งน้อยใจนะ น้ำผึ้งสู้


nateetip 28 มิ.ย. 2556, 10:29:32 น.
ตามติดชีวิตน้ำผึ้งค่ะ


คิมหันตุ์ 28 มิ.ย. 2556, 12:36:20 น.
นางเอกหนังรอน้ำผึ้งอยู่ชัวร์ อิอิ

ปล.คุณเฟื่องงงงง คำว่า ไดร์ฟ ผม น่ะไม่น่าจะใช่นะคะ น่าจะเป็น ไดร์ = Dry คำนี้มากกว่าเน้อ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:27:26 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account