บัลลังก์ม่านมนตรา
เจ้าวรวรรณวินทิรา ท่านชายภัสรกณ์ หอมจันทร์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เล่ห์มะลิลา

บทที่ ๒ เล่ห์มะลิลา
อรุโณทัยโผล่พ้นขอบฟ้าสาดแสงเจิดจ้าต้องเรือนพฤษา มวลบุปผาทั้งหลายที่รายล้อมเรือนส่งกลิ่นอวลหอมรวยระรินล้อกระแสลมที่บรรเลงเช่นเดียวกับดอกมะลิลา
“เจ้าวรรณเจ้าค่ะ อิฉันยกสำหรับไปเลยน่ะเจ้าค่ะ”นางอุ่นกล่าว
“ยกมาเถอะป้าอุ่น”เจ้าวรรณเอ่ยเสียงเรียบ
ไหมร้อยไหมที่ปักลงเส้นไหมแต่ละเส้นเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม มือเรียวเอื้อมหยิบลิ่มก่อนสอดเข้าไปในโลหะสีเงินวาว แล้วบรรจงปักลงบนผ้าตาดทอง เนื้อสีทองอร่ามขลิบด้วยไหมสีฟ้าเป็นรอยเกี่ยวกระหวัดสอดไขว้กันในรูปแบบเฉพาะราชสกุลเธวัญรัตน์ บนผืนผ้าปักลิ่มด้วยลวดลายแตกต่างกันไม่เป็นรูปแบบเดียวกัน
“สำหรับมาแล้วเจ้าค่ะ”นางอุ่นยกสำหรับมาวางไว้
“เจ้าปักตั้งแต่รุ่งสางแล้วยังมิเสร็จหรือเจ้าค่ะ”นางอุ่นถามด้วยความสงสัย
“พอดีข้าแก้ไหมเสียหน่อยมันไม่ตรงกับที่ท่านแม่สอนมา”เจ้านางเอ่ยเสียงเรียบ
“งั้นอิฉันขอออกไปดูหอมจันทร์ก่อนนะเจ้าค่ะ ให้ไปเก็บมะลิมาร้อยมาลัย มิรู้ป่านนี้หายไปไหน”

นอกชานเรือน
มือสากเอื้อมหยิบพริกก่อนบรรจงแกะปลาทูออก ใส่ลงในครกแล้วจับสากตำน้ำพริกเพื่อเตรียมสำหรับให้ท่านชายภาสกรณ์
“เจ้าวรรณอยู่หรือไม่”เสียงเข้มตวาดถาม
นางทาสีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากครกด้วยความตระหนกก่อนเอ่ยเสียงสั่นๆ
“อยู่เจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเดินขึ้นไปบนเรือน
“แอด”ประตูบานพับเปิดออก
เจ้าวรรณเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อสบสายตากับท่านชายภาสก่อนนำผ้าตาดทองวางข้างๆแล้วน้อมกราบท่านชายภาสอย่างสวยงาม
“ท่านชายมาหาอิฉันมีธุระอะไรหรือค่ะ”น้ำเสียงหวานล้ำเอ่ยก่อนเอื้อมมือหยิบผ้าตาดทอง
“ท่านชายรึ”น้ำเสียงเข้มถามอย่างไม่พอใจ
“เจ้าพี่”เจ้านางเอ่ยเสียงหวานก่อนจะก้มหน้าก้มตาสาละวนกับผ้าผืนใหญ่ในมือ
“นั่นเจ้าทำอะไร”เสียงเข้มถามขึ้นอย่างนุ่มนวล
“อิฉันกำลังปักผ้าตาดทองที่พระองค์ท่านมอบหมายให้ทำเจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าวเสียงเครือเมื่อบัดนี้ท่านชายนั่งลงข้างๆ นาง
“ผ้าตาดทอง ไหนให้ข้าดูสิ”ชายภัสคลี่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือจับผ้า
“เจ้าพี่”เจ้านางเอ่ยเสียงสั่นแต่ชายภัสแสร้งทำเป็นไม่รู้
เจ้าวรรณก้มมองมือตนเองอีกข้างที่ถูกชายภัสกุมมืออยู่ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อยามเมื่อใบหน้าคมเอนมาใกล้
“แม่วรรณเจ้าได้ยินหรือไม่”ชายภาสทวนซ้ำ
“เจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าวพลางเสมองไปทางอื่น
“ผ้าผืนนี้มีชื่อเรียกว่ากระไร “ชายภาสถามพลางมองดวงหน้าหวาน
“อิฉันตั้งชื่อว่า ราตรีระยับเจ้าค่ะ เจ้าพี่เห็นว่ากระไรเจ้าค่ะ”เจ้านางถามพลางหันพักตร์ไปสบเนตรตรงๆ
“เอ่อ..ข้าก็คิดว่าไพเราะดี”ท่านชายกล่าวใบหนาสากขึ้นสีเรื่อ
“ดีจริงงั้นอิฉันนำไปถวายพระองค์ท่านก่อนนะเจ้าค่ะ”เจ้านางพูดก่อนขยับตัว
“เดี๋ยวก่อน แม่วรรณ”ชายภัสเอ่ยเสียงนุ่ม
“เจ้าค่ะ”
“เมื่อคืนเรายังมิได้เป็นสามีภรรยากันเลย”ชายภัสเอ่ยแววตากรุ้มกริ่มพลางสำรวจมองเรือนร่างนาง
เมื่อเห็นสายตาประกอบกับท่าทางที่มองมา เจ้านางสะท้านสะเทินไหวก้มพักตร์ลงมองพื้นไม่สบตา
ท่านชายเห็นดังนั้นค่อยเคลื่อนกายเข้ามาหาเอื้อมมือแตะสีข้างเพียงเล็กน้อย มือหนาเชยคางมนให้ขึ้นมาสบตา สายตาสองสายประสานกันเพียงวูบเดียวก็รู้เข้าใจในทำนอง ก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้
“แอด เจ้าเจ้าค่ะ อิฉันเก็บดอกมะลิมาแล้วเจ้าค่ะ”หอมจันทร์แผดเสียงหวาน
เจ้านายทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที เจ้านางก้มหน้าลงก่อนพวงแก้มจะแดงสุกเปล่งปลั่งราวลูกตำลึงส่วนตัวท่านชายมองหอมจันทร์ด้วยแววตาขัดเคือง
“จะเข้ามาทำไมให้สุ่มให้เสียง”ท่านชายตวาดอย่างเดือดดาล
“อิฉันขอโทษเจ้าค่ะ อิฉันมิรู้จริงๆ”หอมจันทร์ก้มหน้าก้มตาตอบอย่างหวาดกลัว
“เจ้าพี่ อิฉันขอโทษแทนหอมจันทร์ด้วยเจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าวเสียงหวาน
“เฮ้อ ช่างเถอะพี่จะกลับเรือน พี่ไปก่อนน่ะแม่วรรณ”ท่านชายกล่าวเสียงนุ่มก่อนชำเลืองมองเรือนร่างนางอย่างเสียดาย
“เจ้าค่ะ”เจ้านางกล่าว ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเมื่อในใจรู้ทันความคิดชายหนุ่ม

หน้าเรือนพลับพลา
“เอ็งว่า ท่านชายเป็นอะไรว่ะ”บ่าวคนหนึ่งกระซิบถามขณะพรวนดินใต้ต้นไม้
“ข้าจะไปรู้รึ”บ่าวอีกคนตอบเรียบๆ
“แต่ข้าว่า..”ชายอีกคนกล่าว
ร่างสูงยืนมองบ่าวสองนายคุยกันอย่างออกรสก่อนส่ายหน้าเอือมระอา มือหนาหงายฝ่ามือขึ้นก่อนนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อครู่เรียวปากบางขยับยิ้มน้อยๆ ขึ้น ยามเมื่อนึกถึงพวงแก้มแดงระเรื่อกับท่าทางเอียงอายราวกับสาวน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“เจ้าวรวรรณเจ้าเป็นใครกันแน่”น้ำเสียงเข้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา
หัวคิ้วเข้มมุ่นลงเมื่อนึกถึงคำสั่งของบิดาพระองค์เจ้าวัชรเพชร
“ลูกเอ๋ย เจ้าวรวรรณเป็นคนของเธวัญรัตน์ราชสกุลที่เป็นอริกับเจชตวันจงตามหาความจริงและปกป้องบัลลังก์กุหลาบไว้ไม่ว่าใคร เรือนนั่นเป็นของเรา”เสียงแก่ของชายชราดังขึ้นในโสตประสาทของชายหนุ่ม
“ท่านพ่อ ข้าจะทำอย่างไรในเมื่อข้าเริ่มหลงรักนางแล้ว”ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
สายตาคมกวาดตามองต้มมะลิลาเป็นเวลาเดียวกับที่หอมจันทร์เงยหน้าขึ้นจากต้นมะลิลา ดวงตาคู่หวานใสไร้เดียงสาสบตาดวงตาสีดำสนิทแต่แฝงความอบอุ่น ร่างบางก้มหน้าลงก่อนท่านชายภัสจะกระโดดลงมาจากหน้าต่าง
“ตุบ”
หอมจันทร์หันหน้าไปมองร่างหนาที่ตกลงมา ดวงหน้าหวานตื่นตระหนกก่อนรีบวิ่งไปประคองร่างที่นอนบนพื้นสนาม
“ท่านชายเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเจ้าค่ะ ขออิฉันดูหน่อยนะเจ้าค่ะ”น้ำเสียงเล็กถามอย่างห่วงใย
“เปล่าข้ามิเป็นไร”น้ำเสียงนุ่มตอบกลับพลางมองมือเล็กที่สำรวจไปทั่วร่างกาย
“ข้าบอกว่าไม่ก็ไม่สิ”มือหนาเอื้อมมือไปกุมมือเล็กก่อนร่างเล็กจะช้อนสายตามอง
เพียงวูบเดียวท่านชายรู้สึกหวามไหว ก่อนมือหนาจะปล่อยมือเล็กออกจากการเกาะกุม ใบหน้าสากขึ้นสีเรื่อเล็กน้อยต่างจากใบหน้าเล็กที่คงความฉงนไว้
“หากท่านชายมิเป็นไรอิฉันขอนำดอกไม้ไปให้เจ้าวรรณร้อยมาลัยก่อนน่ะเจ้าค่ะ”หอมจันทร์พูดพลางเอื้อมหยิบตะกร้าสานก่อนหยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ประเดี๋ยวก่อน”ท่านชายกล่าวก่อนจะเอื้อมหยิบดอกมะลิลาแล้วส่งให้หอมจันทร์
“ข้าให้เจ้า”ท่านชายยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางมองสำรวจร่างบาง
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”หอมจันทร์กล่าว
“เจ้าเป็นคนของเจ้าวรรณก็เหมือนเป็นคนของข้า”ท่านชายยิ้มอย่างกรุ้มกริ่มพลางมองแผ่นหลังของร่างบางที่เดินจากไป

เรือนพฤกษา
“เหตุใดเจ้ามาช้านัก”เจ้านางถาม
“เมื่อครู่อิฉันเจอท่านชายภัสเจ้าค่ะ”หอมจันทร์ก้มหน้าก้มตาตอบ
“งั้นรึ”เจ้านางเอ่ยเสียงเรียบพลางเสมองไปทางอื่น
หอมจันทร์รีบวางกระเช้าตะกร้าสานลงอย่างเบามือพลางมอบกระเช้าดอกไม้ให้ เจ้านางหยิบดอก
มะลิลาขึ้นมาพลางสอดลงไปในเข็มเงินวาว
แสงจันทร์สาดส่องเข้าในวงกบประตูกระทบผิวกายขาวนวล ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยผงหอม ก่อนมือหยาบกร้านลูบไล้รสสุคนธ์ทั่วเรือนร่าง มือขาวเอื้อมหยิบน้ำปรุงก่อนบรรจงพรมตามร่างงาม
“แอด”ประตูบานใหญ่เปิดขึ้นก่อนร่างสูงจะเข้ามา เงาดำทอดยาวบนผนังเป็นเหตุให้นางบ่าวค้อมตัวก่อนออกไปตามมารยาท
“เจ้าพี่”เจ้านางกล่าวเสียงหวานก่อนย่อกายทำความเคารพ
“มาใกล้ๆ ข้าสิ”เสียงนุ่มหวานของบุรุษดังขึ้น
ร่างบางขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อย พลางช้อนสายตามองชายหนุ่ม ดวงตาคู่หวานสบดวงตาคู่เข้มเพียงวูบเสี้ยววินาที ดวงหน้าหวานระเรื่อแดงด้วยความอายก่อนสะบัดพักตร์ไปทางอื่น ชายภัสเอื้อมมือแตะไหล่นางเบาก่อนโน้มกระซิบข้างหูเพียงแผ่วเบา
“แม่วรรณ พี่ขอหอมจันทร์ได้ไหม”ชายภัสกล่าวเสียงนุ่มก่อนมือหนาเริ่มลูบไล้ตามร่างบาง
ดุจมีดเล่มหนึ่งปักลงกลางใจ เจ้านางรู้สึกเหมือนมีก้อนขวางบริเวณลำคอ นัยน์ตาสวยพร่าไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงหน้าหวานก้มหน้าลงก่อนตอบเสียงเครือ
“หากเป็นพระประสงค์อิฉันคงจะขัดมิได้”
“ขอบใจมากแม่วรรณ”ชายภัสยิ้มอย่างพึงใจ
“นังอุ่น เอ็งไปพาหอมจันทร์มาสิว่ะ”ชายภัสตะโกนสั่งเสียงเข้มพลางมองไหล่เจ้านางที่สั่นระริก
“ท่านชายเรียกหาอิฉันมีอันใดเจ้าค่ะ”นางทาสีวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“ข้าต้องการหอมจันทร์มันอยู่ไหน”ท่านชายตวาด
“เดี๋ยวอิฉันไปตามมาเจ้าค่ะ”ก่อนชำเลืองมองเจ้านางพลางเร่งออกจากเรือน
ไม่นานนักร่างเล็กก้าวเข้ามา ดวงตาหวานกวาดสายตามองร่างสูงศักดิ์ของเจ้านางที่ยังคงสั่นระริก ก่อนเหลือบตามองท่านชายภัส ชายหนุ่มผู้คมสันยืนอยู่ข้างเจ้านาง ริมฝีปากบางสั่นระริกยามเมื่อชายหนุ่มเอ่ยปากให้เธอกลับเรือนพลับพลา เรือนอันเป็นที่พำนักของเขา มือเรียวจิกลงไปกับผ้าถุงยามเมื่อฟังวาจาแสนหวานจากริมฝีปากหนาที่หมายความให้นางเป็นภรรยาน้อย ยิ่งหันมองเจ้านางที่ยังคงสั่นระริกนางแทบอยากกัดลิ้นตนเองให้ตายเสียตรงนั้น
“เจ้านางเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ”นางอุ่นถามพลางบีบนวดให้นางขณะนอนบนตั่ง
“ข้ามิเป็นไร “เจ้านางกล่าวเสียงเรียบ
“เสวยอะไรสักหน่อยน่ะเจ้าค่ะเดี๋ยวอิฉันยกสำหรับมาให้”
“ข้ามิหิว”เจ้านางกล่าวพลางหลับตาลง
ดอกเอ๋ยดอกมะลิลา..ความหอมหวานของเจ้าช่างเย้ายวน..กลิ่นอวลหอมลอยคละคลุ้งฟุ้งไปทั่ว
หากแต่ใครเลยไหนจะรู้ว่า....ภายในดอกไม้งาม...ซ่อนแมลงมีพิษหลบลี้ในกลีบสีพิสุทธิ์



เพียงภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2556, 15:09:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2556, 15:09:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 859





<< กลปทุมา   ระบำสารภี >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account