ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 16

กลิ่นหอมของกับข้าวที่ลอยขึ้นไปจนถึงชั้นบนทำให้ขิงต้องลากร่างสะโหลสะเหลลงมาจากห้องนอนตัวเองเพื่อลงมาค้นพบกลิ่นของโปรดภายในครัว โดยมีคุณนายแม่ของเธอยืนอยู่หน้าเตา ส่วนคนที่เธอเรียกว่าลุงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะ

“ลุงพัฒน์สวัสดีค่ะ แม่ทำอะไรกินคะ” เธอยกมือไหวแฟนแม่เธอก่อนจะเดินไปกอดเอวแม่พร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่

“อะไรกัน ตื่นมาแล้วก็ไม่ล้างหน้าแปรงฟัน เหม็นขี้ฟันจริงๆ เลยลูกฉัน”

“โธ่แม่ ก็กลิ่นกับข้าวที่แม่ทำมันลอยขึ้นไปปลุกขิงลงมาขนาดนี้ แปรงฟันไม่ไหวหรอกกินเลยดีกว่า” มือเล็กเอื้อมไปหยิบหมูทอดชิ้นเล็กใส่ปากแล้วยักคิ้วท้าทายสายตาเป็นคนเป็นแม่

“เมื่อคืนกลับมากี่โมงน่ะเรา” มือเล็กที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบหมูทอดอีกชิ้นชะงักกึก ไม่กล้ามองหน้าคนเป็นแม่เลยสักนิด

“เที่ยงคืนค่ะ”

“อย่ามาโกหกแม่นะขิง แม่รอเราถึงเที่ยงคืน” คนเป็นแม่ว่าเสียงเข้ม ทำเอาลูกสาวหน้าแหยเถียงอุบอิบ

“ก็... เลยเที่ยงคืนมานิดๆ” ตอบไปแล้วหันมองอีกด้านที่ลุงของเธอนั่งอยู่ หญิงสาวเห็นคนที่เธอเรียกลุงพยายามกลั้นหัวเราะไว้แต่ก็ยังได้ยินเสียงหลุดรอดออกมาให้ได้ยินจนแม่ของเธอต้องหันไปปราม

“ไม่ตลกนะคะคุณ” แล้วหันมาเล่นงานเธอต่อ “ทีแรกบอกแม่ว่ายังไง กลับก่อนเที่ยงคืนไม่ใช่เหรอ ทำไมเป็นคนไม่รักษาเวลาแบบนี้”

“โธ่ แม่ขา” เธอทำเสียงออดอ้อนเข้าไปสวมกอดแม่อีกครั้ง “เลยมานิ๊ดเดียวเองค่ะ นิ๊ดเดียวจริงๆ”

เธอทำเสียงนิ๊ดเดียวให้รู้ว่านิดจริงๆ อย่างคนเป็นแม่นึกหมั่นไส้ อยากหยิกลูกสาวให้เนื้อเขียว

“เป็นสาวเป็นแซ่หายไปกับผู้ชายนานสองนาน”

“ค่าคุณนายแม่” เธอรับเสียงยานคาง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนเป็นแม่ คราวนี้เป็นยิ้มบางๆ พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่ง “ขิงขอโทษค่ะ วันหลังขิงจะไม่ทำอีกแล้ว”

เธอพูดไปแล้วก็นึกถึงวันที่กฤษณ์มาทำอาหารเย็นให้ นี่ถ้าคุณนายแม่ของเธอรู้ก้นของเธอได้โดนหวายหวดแน่เลย คิดแบบนั้นแล้วหญิงสาวเลยต้องยิ้มให้กว้างอีกนิดกลบเกลื่อนพิรุธที่เกิดขึ้น ส่วนคนเป็นแม่หรี่ตามองลูกสาว นางโอบรอบเอวเล็กของลูกแล้วเอ่ยสั้นๆ “ไม่ทำก็ไม่ทำ แต่วันนี้ลูกสาวช่วยขึ้นไปแปรงฟันก่อนได้มั้ยลูก แม่จะเป็นลม”

คุณลุงที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับปล่อยหัวเราะออกมาดังลั่นเมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างแม่กับลูก ส่วนคนเป็นลูกก็ได้แต่ทำหน้างอง้ำแล้วรีบวิ่งปึงปังขึ้นไปแปรงฟันบนห้องพร้อมกับอาบน้ำให้กลิ่นหอมฉุย

“เป็นห่วงลูกมากเหรอคุณ” คุณอรุณีมองหน้าคนที่ลูกสาวเรียกว่าลุงแล้วต้องถอนหายใจออกมา

“ก็ห่วงไปตามเรื่องแหละค่ะ ยังไงยัยขิงก็ยังเด็ก”

“ไม่เด็กแล้วนะคุณ นี่ก็จะเลยเบญเพสแล้ว”

“ไม่รู้ล่ะค่ะ ฉันว่ายังไงลูกก็ยังเด็ก เจ้านายที่ลูกบอกนั่นฉันก็ยังไม่เห็นเลยว่าเป็นคนยังไง จะมาหลอกลูกมั้ยก็ไม่รู้” คุณพิพัฒน์หัวเราะร่วนกับความขี้หวงลูกสาวของคนตรงหน้า

เนื่องด้วยคุณอรุณีเกรงใจลูกสาวพอสมควรที่จะให้เขาเข้ามาอยู่ภายในบ้าน ทั้งคู่เลยตัดสินใจที่จะอยู่กันคนละบ้านเช่นนี้ แต่ก็ไปมาหาสู่และดูแลกันเหมือนคนรักทั่วไป และแม้จะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่ความห่วงใยที่มีให้กันก็มีอยู่เต็มเปี่ยม คุณพิพัฒน์มองหน้าคนรักด้วยแววตาหวาน

“ค่อยๆ ดูไปดีกว่ามั้ยคุณ อย่าเพิ่งตัดสินอะไรให้หนูขิงเลย” คุณอรุณีสบตาคนรัก ไม่ได้พูดอะไรต่อนางทำเพียงแค่มองหน้าคนให้คำแนะนำแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะได้ยินเสียงโครมครามมาจากชั้นบนอีกครั้ง

“ยัยขิงคงจะลงมาแล้วล่ะค่ะ ฉันว่าตั้งโต๊ะทานข้าวเช้ากันดีกว่า”


อากาศดีรับวันหยุดแบบนี้ทำให้เจ้าของบ้านไม่อยากไปไหน ขิงนอนเล่นอยู่บนโซฟาในห้องที่เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องรับแขกไปในตัว หญิงสาวหยิบการ์ตูนเล่มเล็กตั้งใหญ่ลงมาจากห้องแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านตั้งแต่กินข้าวเช้าเสร็จ โทรศัพท์ที่เงียบมาครึ่งวันไม่ได้ทำให้เธอสนใจมากไปกว่าโปรแกรมสนทนาที่เด้งเตือนบ้างจากคำทักทายของเพื่อน

คนตัวเล็กลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจแล้วมองนาฬิกาครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นเวลาใกล้เที่ยงเธอจึงหันไปมองหาคนเป็นแม่ที่นั่งคุยกับลุงอยู่หน้าบ้าน คนแก่สองคนคุยกันกระหนุงกระหนิงทำเอาเธอยิ้มตาม ความรักไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ยังคงน่ารักเสมอ ถึงแม่เธอกับพ่อเธอจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอก็เข้าใจดีว่ายังไงเธอก็เกิดมาจากความรักของทั้งคู่ ก่อนที่ความลุ่มหลงจะเข้าครอบงำคนเป็นพ่อให้หลงอยู่ในกิเลสของผู้หญิงหน้าไม่อายคนหนึ่ง

ผู้หญิงที่สามารถแย่งสามีคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย

หญิงสาวตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัว ตั้งใจจะดูว่ามีอะไรกินบ้าง แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าที่โทรศัพท์ของเธอ ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอไม่ได้ทำให้เธอแปลกใจอะไรมากนัก

“สวัสดีค่า” เสียงใสที่เอ่ยไปไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้อีกฝ่ายขยับยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู

“อยู่ที่บ้านรึเปล่าครับ”

“อยู่ค่ะ ขิงอ่านการ์ตูนจนจะหมดตู้แล้วเนี่ย”

“ไปทานข้าวเที่ยงกัน” กฤษณ์เอ่ยเสียงกระตือรือร้นอย่างที่อีกฝ่ายเกือบตั้งรับไม่ทัน ทำเอาเธอปล่อยหัวเราะคิก

“วันนี้ขิงทานข้าวที่บ้านค่ะ พี่กฤษณ์จะมาทานด้วยกันมั้ยคะ แม่ทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย”

“พี่ไปได้เหรอ...” น้ำเสียงไม่แน่ใจ แตกต่างกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ถึงแม้อยากรู้จักครอบครัวเธอใจจะขาดแต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรมากนัก เพราะเธอเพิ่งเปิดใจกับเขาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาได้ตำแหน่งคนรักของเธอมาครองแล้วเสียหน่อย

“ได้ค่ะ พี่กฤษณ์จะมาทานด้วยกันมั้ยคะ”

ก่อนที่กฤษณ์จะได้ตอบอะไร ขิงก็ได้ยินเสียงดังแว่วๆ มาจากหน้าบ้าน หญิงสาวเลยชะเง้อไปมองที่ประตูเลยได้เห็นเพื่อนสนิทเธอยืนคุยอยู่กับแม่เธออย่างออกรสออกชาด

“อ้าวแอมป์มาแฮะ” เธอพึมพำเบาๆ แต่เหมือนลืมไปว่ากำลังโทรศัพท์คุยกับใครอยู่

คนอีกอยู่ฝั่งสายตาโตขึ้นมาทันที “ใครมานะ” เขาถามเสียงเข้ม ทำเอาคนคุยด้วยแอบย่นคอเล็กน้อยที่ไม่น่าพูดออกไปเลยว่าใครมาที่บ้าน

“อ่า... แอมป์ค่ะ สงสัยมากินข้าวด้วย”

“งั้นเดี๋ยวผมไปทานข้าวกลางวันด้วยนะ จะรีบไปก่อนเที่ยง”

เธอไม่ทันได้ว่าอะไรต่อปลายสายก็วางไปเสียแล้ว ขิงเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเวลาเพิ่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง อีกตั้งนานกว่าจะเที่ยง เจ้านายเธอคงไม่เหยียบคันเร่งมิดเพื่อรีบมาหรอกนะ

“ขิง” เสียงเพื่อนเรียกพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาในบ้านทำให้เธอรีบส่งยิ้มให้กลบเกลื่อนทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “ทำอะไรอยู่เหรอ”

“ทำ... อ่า อ้อ อ่านการ์ตูน แล้วแอมป์ล่ะมาบ้านเรามีอะไรรึเปล่า”

“มาขอกินข้าวด้วย” แอมป์พูดกลั้วหัวเราะ อย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ จนเพื่อนที่คบกันมานานอย่างเธอรู้ทัน

“อยู่บ้านเหงาล่ะสิ”

คนโดนรู้ทันทำตาโตแสร้งตกใจในคำพูดเพื่อน “รู้ได้ยังไง ไม่เหงาหรอกน่าแค่คิดถึงเพื่อน”

ไม่แน่ใจว่าขิงรู้สึกไปเองรึเปล่า สายตาแอมป์ที่เธอเห็นเมื่อกี้เหมือนไม่ใช่แอมป์คนเดิม มีบางอย่างเปลี่ยนไประหว่างเธอกับแอมป์หรือเปล่านะ หญิงสาวขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนอย่างใช้ความคิด ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วรีบบอกเพื่อนให้ไปนั่งรอที่โซฟาก่อน ส่วนตัวเองมีอะไรคุยกับแม่เล็กน้อย

“แม่” เธอเรียกมารดาก่อนจะเข้าไปนั่งกระแซะข้างๆ

“มีอะไรยะ กระแซะๆ อยู่ได้”

“พี่กฤษณ์จะมากินข้าวเที่ยงด้วย” พูดไปแบบนั้นแล้วมือเล็กก็บีบๆ นวดๆ แขนแม่ไปด้วย จนคุณพิพัฒน์ที่มองอยู่อมยิ้มอย่างเอ็นดู

“พี่กฤษณ์ไหนของหล่อนกัน”

“โธ่ ก็เจ้านายขิงไง”

“อ้อ เจ้านายที่หล่อนคิดจะเคลมตั้งนานแล้วคนนั้นใช่มั้ย” คนเป็นแม่ถามอย่างที่รู้กันดีว่าพูดเล่นระหว่างแม่ลูก คนเป็นลูกจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้ท่าน

“คนที่ขิงไปด้วยเมื่อคืนด้วย”

“ย่ะ ฉันรู้แล้ว” คราวนี้คนนั่งฟังไม่เพียงแค่ยิ้ม แต่ยังหัวเราะออกมาเบาๆ เรียกค้อนจากคุณอรุณีได้ไม่ยาก

“ให้พี่กฤษณ์เค้ามากินข้าวด้วยนะแม่นะ” เสียงออดอ้อนทำเอาคนเป็นแม่หลุดยิ้ม เล่นบทไม่รู้ไม่ชี้ไม่เคยได้นานเลยจริงๆ

“มาก็มาสิแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กับข้าวที่บ้านเยอะแยะ”

“ขอบคุณค่ะแม่ พี่เค้าออกมาแล้วอีกเดี๋ยวคงถึง”

คำบอกเล่าจากลูกสาวทำเอาคนเป็นแม่แกล้งชักสีหน้า “หนอย นี่ตกลงอะไรกันสองคนแล้วค่อยมาบอกฉันเหรอยะ ลูกใครเนี่ยนิสัยแย่ชะมัด”

เอ่ยแบบนั้นออกไปแต่ก็ยังยื่นแก้มให้ลูกสาวหอมอย่างไม่เคอะเขิน สร้างเสียงหัวเราะของคุณพิพัฒน์ให้ดังขึ้นอีกนิด ก่อนคนเป็นแม่จะผละเข้าไปในบ้านพร้อมกับคนรักเพื่ออุ่นกับข้าวที่มีอยู่ ปล่อยให้ลูกสาวกับเพื่อนนั่งคุยกันอยู่หน้าบ้าน

“เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่กฤษณ์ๆ พี่กฤษณ์อะไรเหรอ” แอมป์ถามขึ้ยอย่างสงสัย เขามองหน้าขิงอย่างคาดคั้น ดูเหมือนเขาจะพลาดอะไรไปเยอะเหมือนเกินในช่วงที่กำลังคบกับศศิ

“ก็ไม่มีอะไร พี่กฤษณ์จะมากินข้าวที่บ้านด้วย”

“พี่กฤษณ์ไหน” เขาถามสวนทันที ทำตัวราวกับตนเองเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน จนเพื่อนสาวอึกอักอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบา

“พี่กฤษณ์... ก็บอสนั่นแหละ”

“หา...” แอมป์อุทานลั่น ขยับเข้าใกล้เพื่อนสาวอีกนิด ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนอย่างหาคำตอบ แต่สิ่งที่ได้กับเป็นมือเล็กที่ยกขึ้นมาผลักหน้าเขาให้หงายหลัง แต่ก่อนที่จะได้พูดหรือถามอะไรมากกว่านั้น เสียงรถที่มาจอดหน้าบ้านก็เรียกความสนใจทั้งหมดเสียก่อน

กฤษณ์เดินลงมาจากรถพร้อมกับรอยยิ้มที่หวังว่าเจ้าของบ้านจะนั่งรอเขาอยู่คนเดียว แต่ก็ต้องหุบลงเมื่อเห็นร่างสูงของใครอยู่ด้วย

“แอมป์” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกมองหน้าคนเป็นลูกน้องตัวเองที่ยืนทำใบหน้ากวนส้นเท้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้อยู่ด้วย แต่ตอนนี้เขากลับอยากไล่ให้กลับบ้านไป เพราะเกะกะลูกตาเหลือเกิน

“สวัสดีครับ... พี่กฤษณ์” คนเป็นลูกน้องเอ่ยทักทายแล้วลากเสียงเรียกชื่ออย่างที่กฤษณ์รู้สึกว่ามันกวนอารมณ์จริงๆ ภาพวันที่เขาถูกลูกน้องหนุ่มต่อยเข้าที่มุมปากผุดขึ้นมาอีกครั้ง ดีที่ว่าได้เอาคืนให้ตรงหางคิ้วฝ่ายนั้นแตกจนได้เลือดเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงยังเจ็บใจไม่หาย

“แม่ล่ะขิง”

ในที่สุดเขาก็ทำใจให้เลิกสนใจชายหนุ่มตรงหน้าได้ แล้วหันถามหญิงสาวแทนก่อนที่อารมณ์หงุดหงิดจะพุ่งขึ้นมาอีก เจ้าของบ้านสาวบอกชายหนุ่มถึงตำแหน่งของแม่ว่ากำลังง่วนอยู่ในครัวกับลุง จากนั้นกฤษณ์ก็ขอตัวเข้าไปทักทายผู้ใหญ่สองคนแล้วคุยกันเล็กน้อยพร้อมกับอาหารเสร็จเรียบร้อยพอดี

กฤษณ์นั่งตัวเกร็งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้เป็นมารดาของขิง คุณอรุณีจองมองชายหนุ่มเขม็งอย่างไม่ยอมลดละสายตา จนเขาต้องขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ขยับยิ้ม หันมองแอมป์ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งทานข้าวในอาการที่รู้ได้ทันทีว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้วนึกอิจฉา

“เมื่อกี้คุณว่าคุณอยู่คนเดียวที่บ้านเหรอคะ” ขิงหันมองแม่เธอที่ยังคงมองกฤษณ์ตาไม่กระพริบ มือที่ถือช้อนส้อมอยู่ไม่ได้ตักกับข้าวตรงหน้าเลยสักนิด คุณอรุณียังคงสวมบทบาทคุณแม่ขี้หวงลูกสาวจนคนเป็นลูกสาวชักหมั่นไส้ ถ้าทำได้เธออยากสะกิดให้แม่เธอเลิกทำหน้าดุเสียที เห็นแล้วไม่เจริญอาหารเอาซะเลย

“ครับ พ่อแม่ของผมท่านเสียชีวิตหมดแล้ว จะเหลือก็แต่พี่ชาย แต่พอดีพี่ผมเค้าเปิดร้านอาหารอยู่ที่ต่างประเทศครับ ผมเลยอยู่บ้านที่นี่คนเดียว”

“อยู่คนเดียวไม่เหงาแย่เหรอคะ”

“ก็เหงาครับ” เขาตอบพร้อมกับปรอยตาไปยังหญิงสาวอีกคนที่นั่งฟังการสัมภาษณ์อยู่เงียบๆ จนได้ยินเสียงกระแอมดังแว่วมาจากคุณแม่จอมหวง เขาเลยต้องยอมดึงสายตากลับมาแล้วยิ้มให้กับคนเป็นแม่อีกครั้ง

“ผมหมายถึงว่าก็มีเหงาบ้างครับ แต่ถ้าได้ทำงานก็จะหายเหงาเอง”

“แล้วที่มาคุยกับลูกสาวฉันนี่ตกลงว่าแก้เหงาหรืออะไรกันแน่คะ” คำถามลุ่นๆ ของผู้เป็นแม่ทำเอาลูกสาวที่กลืนข้าวอยู่สำลักแทบแย่ ไหนจะชายหนุ่มอีกคนที่นั่งฟังอยู่กำลังตกใจทำตาโตจนแทบหลุดออกจากเบ้า

“แม่ ถามอะไรน่ะ” ขิงท้วงเบาๆ แต่พอรู้สึกถึงขาที่โดนสะกิดแรงๆ ก็จำเป็นต้องเงียบอีกครั้งแล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจานของเธอเงียบๆ

“ตกลงว่ายังไงคะคุณเจ้านาย”

“ผม... กำลัง... เอ่อ จีบลูกสาวคุณน้าอยู่ครับ” คนกำลังเคี้ยวข้าวเต็มปากสำลักอีกครั้ง ส่วนเพื่อนสนิทหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน แอมป์ปล่อยช้อนในมือลงกระทบจานเสียงดัง ก่อนจะขอโทษขอโพยแล้วเสหยิบน้ำขึ้นมากิน ดูท่าเขาจะเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์สำคัญซะแล้ว

คุณอรุณีขยับยิ้ม หันมองอาการลูกสาวแล้วนึกอยากหัวเราะออกมาดังๆ “แล้วอยู่ๆ ทำไมถึงมาจีบลูกสาวน้าล่ะคะ คุณเป็นนักธุรกิจถึงจะเพิ่งเริ่มต้นแต่ก็ไม่น่าจะมาสนใจเด็กพนักงานในบริษัทอย่างขิงนี่คะ”

“ก็ขิงเค้าน่ารักนี่ครับ” คำตอบทื่อๆ นั้นทำเอาคนถามกลั้นเสียงหัวเราะแทบไม่อยู่ คนฟังอยู่รอบโต๊ะชักเริ่มตกใจกับคำตอบแข็งๆ ของชายหนุ่ม คุณพิพัฒน์ไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายแบบนี้นั่งอยู่ตรงหน้า เขาขยับตัวมองหน้ากฤษณ์เล็กน้อยก่อนจะชวนทั้งโต๊ะทานข้าวกันต่อ

บนโต๊ะอาหารที่เงียบกริบ มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจานเท่านั้น ขิงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่สารภาพความในในอย่างหมดเปลือกเมื่อครู่แล้วส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเขาก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน หญิงสาวคอยแต่เขี่ยข้าวในจานไม่ยอมตักเข้าปาก ทำเอาคนเป็นแม่ใช้เท้าสะกิดใต้โต๊ะ ต่อด้วยกระแอมชุดใหญ่เป็นการเตือน

“เอาล่ะ ทานข้าวกันเถอะจ้ะ อย่ามัวแต่ส่งสายตาส่งยิ้มอยู่เลยมันไม่อิ่มหรอกนะ”


หลังจากทานข้าวกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว กฤษณ์ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่บ้านของขิงต่อโดยมีแอมป์อยู่คุมเชิงใกล้ๆ ด้วย เพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะเป็นเหมือนวันที่เขาเข้ามาพบอีก

“อิ่มแล้วก็กลับบ้านได้แล้วมั้งครับบอส” แอมป์ยืนกอดอกใช้สะโพกนั่งพิงโซฟานิดๆ ไม่ให้ จ้องมองคนที่ยังคงนั่งส่งสายตาหวานเชื่อมให้เพื่อนสนิทอย่างไม่มีทีท่าเคอะเขิน กฤษณ์หันมาเลิกคิ้วมองคนพูดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองหน้าขิงอีกครั้ง

“ผมจะกลับเมื่อไหร่มันก็เรื่องของผม คุณน่ะรู้จักคำว่าก้างรึเปล่า ก้างขวางคอน่ะ”

หากได้ยินไม่ผิด ขิงว่าเธอได้ยินเสียง ‘ชิ’ ดังจากเพื่อนหนุ่มแล้วจ้องเขม็งไปที่เจ้านาย ขิงได้แต่มองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมา สงครามประสาทที่เกิดขึ้นยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงทำเอาเจ้าของบ้านสาวถอนหายใจให้ได้ยินทั่ว แม่ของเธอกับลุงก็ออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันแล้ว ไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของลูกสาวคนนี้แม้แต่น้อย

‘ตกลงนี่เธอคิดจะเคลมเจ้านาย หรือเจ้านายคิดจะเคลมหล่อนกันแน่ยะยัยลูกสาว’ แม่ของเธอกระซิบถามข้างหูตอนที่เธอเดินออกไปส่งที่รถพร้อมกับรอยยิ้มพรายบนใบหน้าที่มองยังไงก็รู้ว่าแม่เธอตั้งใจจะแซวมากกว่าจะจริงจังกับคำถาม

‘แม่ถามอะไรน่ะน่าเกลียด ลูกสาวแม่เป็นผู้หญิงนะ’

‘ก็เพราะเป็นผู้หญิงไงยะ ผู้หญิงอย่างลูกสาวแม่ถ้ามีคนเข้ามาแล้วไม่รีบคว้าไว้ก็ขึ้นคานพอดีสิ ฉันไม่เลี้ยงเธอจนแก่หรอกนะ’

‘แม่อ่ะ’ เธอจำได้ว่าเธอพูดไปแค่นั้น แล้วก็ปล่อยให้แม่กับคนรักออกไปสวีทกันข้างนอกบ้านแล้วปล่อยให้เธอจัดการบรรยากาศภายในบ้านเอง

แม่นะแม่... ไม่เคยอยู่ช่วยกันเลย

“เอ่อ... คือ” ขิงเอ่ยแบบที่ไม่รู้จะพูดอะไร ใบหน้าเล็กหันมองแอมป์ทีกฤษณ์ทีในแววตาฉายความลังเลชัดเจน ทั้งสองคนยังคงมองหน้ากันนิ่งราวกับกำลังปล่อยพลังใส่กันทางสายตา จนเจ้าของบ้านต้องถอนหายใจออกมา “คือ... ตามสบายเลยค่ะทั้งคู่ จะจ้องตากันให้ท้องไปเลยก็ได้ค่ะ ขิงจะไปนั่งเล่นหน้าบ้าน”

ร่างเล็กของเจ้าของบ้านเดินฉับๆ ไปที่หน้าบ้าน ปล่อยให้ผู้ชายตัวโตสองคนมองหน้ากันแล้วชั่งใจอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งถลันไปที่หน้าบ้าน ตามเจ้าของบ้านไปอย่างหมดฟอร์มทั้งคู่จนคนที่นั่งมองอยู่หน้าบ้านถึงกับหัวเราะคิกออกมากับท่าทางนั้น หาไม่ได้บ่อยๆ หรอกนะที่ผู้ชายขี้เก็กสองคนหลุดออกมาขนาดนั้น

“รีบไปไหนกันเหรอคะ” เธอถามเมื่อที่คู่มาหยุดอยู่ตรงหน้า ทั้งสองยังพูดกันไม่ออกเพราะค่อยๆ สูดลมหายเข้าเพื่อละความเหนื่อย

“อ้าว เหนื่อยกันใหญ่เลย” เธอว่าแล้วหัวเราะอีกครั้ง

หญิงสาวมองหน้าทั้งสองยิ้มๆ ก่อนที่ใครจะอ้าปากเอ่ยออกมา เสียงโทรศัพท์ของกฤษณ์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เจ้าของเครื่องมองเบอร์ที่โชว์หราอยู่แล้วแอบเบ้หน้าเล็กน้อย เขามองหน้าหญิงสาวคนที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าแล้วทำหน้าเอือมระอาอย่างที่ไม่ได้ทำบ่อยนัก

“อลิซน่ะ” เขาเอ่ย ส่วนขิงฟังแล้วได้แต่เลิกคิ้วมองไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มร้อนตัวหรือต้องการบอกเธอแบบนั้นจริงๆ

“คุณอลิซโทรฯ มาก็รับสิคะ” กฤษณ์เลยได้แต่ขอตัวออกมารับโทรศัพท์แต่ยังไม่วายส่งสายตาข่มขู่หนุ่มรุ่นน้องที่ยืนยักท่าอยู่นิ่งๆ

แอมป์ยกมือขึ้นกอดอกมองหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่บนม้าหินอ่อน สายตาทอดมองนั้นอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัวและไม่เคยทำให้เพื่อนสาวคนนี้เห็นเลยสักครั้ง เขารู้จักกับขิงมานานหลายปีจนไม่แน่ใจว่านานจนทำให้ไม่ทันรู้ตัวถึงความรู้สึกของตัวเองรึเปล่า ดูเหมือนความสนิทจะบังความรู้สึกของเขามาตลอด ขิงมักดูแลเขาเสมอเมื่อเขาลำบากแต่เขาไม่เคยมองเห็นความหวังดีนั้น แอมป์คอยแต่มองคนอื่นที่อยู่ห่างตัวและมักตัดสินใจอย่างรวดเร็วเสมอเมื่อเจอคนถูกใจ แต่คราวนี้เขาจะทำให้ทุกอย่างมันถูกอย่างที่ควรจะเป็น แอมป์ขยับตัวเล็กน้อยตั้งใจจะขยับไปนั่งลงข้างๆ หญิงสาว

“ขิงครับ” นั่นไม่ใช่เสียงเขาแน่นอน แอมป์หันมองต้นเสียงที่กำลังเดินเข้ามาหาเพื่อนเขาหน้ายุ่ง กฤษณ์ทรุดตัวลงนั่งตรงที่ที่เขาตั้งใจจะเดินเข้าไปนั่ง “พี่ต้องไปหาอลิซน่ะ พอดีอลิซเกิดเรื่อง”

“ค่ะ” เธอรับคำมองหน้ายุ่งๆ นั้นแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ทำไมหน้ายุ่งแบบนี้ล่ะคะ”

“เปล่าครับ” กฤษณ์ปฏิเสธ เขาส่งสายตาหวานให้คนตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเล็กกระชับแน่น จนคนยืนมองอยู่ต้องกระแอมขัดจังหวะหวาน

“มีธุระก็ไปสิครับ เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนขิงเอง”

กฤษณ์ไม่ชอบใจเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มขมวดคิ้วใส่คนพูดแล้วหันกลับมายิ้มให้อีกคนที่นั่งมองอยู่ รอยยิ้มแหยถูกส่งให้แล้วมือใหญ่ก็กระชับมือเล็กอีกครั้ง

“ไว้คืนนี้พี่โทรฯ หาอีกทีนะ แล้วจะเล่าให้ฟัง”

“ค่ะ” ขิงรับคำง่ายดาย “พี่กฤษณ์ขับรถดีๆ นะคะ” เขายิ้มให้กับคำบอก แล้วลุกขึ้นยืนตบไหล่หนาของลูกน้องหนุ่มพร้อมกับยักคิ้วอย่างเป็นต่อให้คนที่ยืนอยู่นิ่งให้ฮึดฮัดอย่างอึดอัด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กลับมาแล้วค้าบบบบบ ยู้ฮู~ มีใครอยู่ม๊ายยยยย ฮี่ๆๆๆๆ
ไม่มีอะไรพูดเลยแฮะ แหะๆๆ เอาเป็นว่า ว่า ว่า ว่า.... แง่ง อัลไลคือการสมองไม่แล่นแบบนี้นะ

โอเคๆ อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมบอกกันในคอมเ้ม้นท์ข้างล่างนะคะ
ตอนนี้มิณทิมาสมองไม่แล่นค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร คุคริคุคริ

========================================

คุณคิมหันตุ์ : ขอเป็นที่รักจะได้ตอบรับแบบเคลิ้มๆ ไปใช่มั้ยคะ ฮาาาาา

คุณ mhengjhy : ระวังน้ำตาลในเส้นเลือดพุ่งสูงนะคะ

คุณปิศาจสัญจร : คนอ่านยิ้มกว้างมิณทิมาก็ดีใจค่ะ :)

คุณ pseudolife : ความจริงแล้วพี่กฤษณ์ของเราหื่นมากนะคะ มิณทิมาคอนเฟิร์มเลย อิอิอิ

คุณ lookpud : ฮี่ๆๆๆๆๆ หวานจนมิณทิมาก็เกือบทนไม่ไหวในความหวานเหมือนกันล่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าหวานมากๆ มันจะกลายเป็นเลี่ยนรึเปล่า ฮาาาาาา

------------------------------------------------------------
แล้วพบกันค่ะ ;)



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2556, 13:19:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2556, 13:19:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1375





<< ตอนที่ 15   ตอนที่ 17 >>
คิมหันตุ์ 1 ก.ค. 2556, 15:24:31 น.
แอมป์นี่ออกตัวช้าไปนะคะ......บอสนำไปหลายขุมแล้ว

"ผิดเองที่รู้ตัวช้าาาาาาาาาาาาา ที่จริงรักเธอซาเม๊ออออ" ร้องเพลงนี้ให้คุณแอมป์ละกัน คิคิ


mhengjhy 1 ก.ค. 2556, 18:54:47 น.
หมั่นไส้แอมป์มากค่ะ ขอบอก 555


pseudolife 1 ก.ค. 2556, 20:31:54 น.
นายแอมป์เอ๊ย ชั้นไม่เชียร์แก
เดาไม่ออกว่าหนทางจะอีกยาวไกลแค่ไหน
นายแอมป์จะออกตัวมากแค่ไหน
และบอสจะมีเรื่องอะไรมาแทรกกลางอีกหรือเปล่า
หวังว่าอลิซคงไม่เป็นอะไรมากนะ
เชียร์หนูขิงกับบอสอยู่ดี
คนเขียนสู้ๆ นะคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account