ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ
เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์
ตอน: ตอนที่ 17
กฤษณ์ขับรถออกไปแล้ว ที่บ้านเลยเหลือแค่เพื่อนสนิทสองคนนั่งเงียบๆ กันอยู่อย่างนั้น คอยมองสายลมที่พัดเอื่อยโดนกระดิ่งที่ห้อยไว้บนต้นไม้เกิดเป็นเสียงกรุ๋งกริ๋งน่ารัก ขิงหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วๆ จากแอมป์ที่นั่งทอดสายตาเหม่อไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันไร้จุดหมาย... จนน่าใจหายแปลกๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าแอมป์ มีอะไรไม่สบายใจเหรอ”
แอมป์นั่งเงียบอีกพักใหญ่ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยแล้วหันมองหน้าเจ้าของบ้านสาว “ขิง”
เขาทอดเสียงอ่อน เสียงนั้นอ่อนหวานเสียจนเจ้าของชื่อมั่นใจว่าเธอไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้เวลาพูดคุยกับเธอ หญิงสาวขยับหันมองหน้าเพื่อนบ้าง แววตาที่มองเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อมือของแอมป์เลื่อนมาจับมือเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง เมื่อบวกกับสายตาหวานนั้นทำให้เธอชักรู้สึกใจหวิวแปลกๆ
“แอมป์” ขิงได้ยินเสียงตัวเองสั่น เธอกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อน และนั่นทำให้เธอรู้สึกได้เลยว่าพลาดไปถนัด สายตาคู่นั้นที่เธอเคยแพ้มันมาตลอดกำลังต่อสู้กับความรู้สึกข้างใจจิตใจของเธอ เธอเคยบอกตัวเองให้ตัดใจจากชายหนุ่ม และเปิดใจรับใครอีกคนเข้ามา ใครอีกคนที่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจเธอเหลือเกิน
“ขิง” เสียงทุ้มของแอมป์ปลุกเธอขึ้นจากภวังค์ หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ มองมือตัวเองที่ยังโดนจับไว้แน่นราวกับชายหนุ่มกลัวว่าเธอจะหายไปจากตรงนี้
“ตกลงมีอะไรจะพูดกับเรารึเปล่าแอมป์”
“คือ... เรา ระ เรา” จู่ๆ คนที่เคยมั่นใจในตัวเองกลับต้องมาพูดตะกุกตะกักจนอีกคนจ้องมองอย่างแปลกใจ
“เราอะไร” ขิงเร่งเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมพูดสักที “มีอะไรก็พูดสิแอมป์”
“เรารักขิง” เสียงบอกกล่าวออกมาไม่ได้นิ่งเหมือนปกติ แต่กลับเป็นน้ำเสียงแปลกๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่การที่เขาบอกออกไปแล้วคนตรงหน้ากลับนั่งนิ่งเป็นหิน ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีการเขินอาย มีแต่อาการเบิกตากว้างมองมาทางแอมป์อีกครั้ง สีหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอตกอยู่ในอาการ ‘ช็อค’ สุดขีด
“แอมป์ว่าอะไรนะ” ขิงถามเพื่อนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่น “เมื่อกี้แอมป์บอกว่าอะไรนะ”
“เรารักขิง” คราวนี้แอมป์รู้สึกว่าน้ำเสียงของตนมั่นคงมากกว่าเดิม แอมป์เห็นความหวาดหวั่นในสายตาเพื่อนจึงปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ เขาให้โอกาสเธอได้คิดในสิ่งที่เขาตัดสินใจพูดออกไปแล้ว
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ขิงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความมั่นคงเลย เธอไม่มีแรงแม้แต่จะลุกเดินหนีคนตรงหน้า คำที่รอคอยให้เป็นจริงมานานและเมื่อไม่คาดหวังเธอกลับได้ยินมันออกจากปากคนที่เธอเฝ้ารอ
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน” แอมป์ตอบคำถามอย่างที่คิดว่าตรงไปตรงมาที่สุด มือใหญ่ละจากมือเล็กแล้วยกขึ้นเสยผมอย่างคนคิดไม่ตก คิ้วเข้มขมวดกันอยู่เป็นกระจุกอยู่ตรงหน้าผาก “ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คือเราไม่รู้ตัวหรอก ไม่รู้จนศศิพูดขึ้นมาถึงรู้สึกตัว”
“แล้วที่มาบอกเราแบบนี้ แอมป์มั่นใจแล้วเหรอ”
“ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่” แอมป์ให้คำตอบตรงๆ เป็นคำตอบที่ทำให้ขิงต้องฝืนยิ้มออกมาแบบที่ทำให้คนมองรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย “ทำไมขิงถึงยิ้มแบบนี้ เรารู้สึกไม่ดีเลยรู้มั้ย”
คนฝืนยิ้มสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอเปิดปากพูดน้ำตาจู่ๆ ก็ไหลมาคลออยู่ที่เบ้าทำให้เธอเสียงสั่นอย่างที่บังคับไม่ได้ “เรา... เราเคยรักแอมป์มาก”
เสียงสั่นๆ นั้นทำให้คนฟังทำหน้าไม่ถูก ใบหน้าเล็กแดงก่ำและน้ำตาที่พร้อมจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อนั้นทำให้แอมป์รู้สึกใจหาย
“เรารักแอมป์ในแบบที่ไม่ใช่เพื่อน มันมากกว่านั้นมาตลอด แม้กระทั่ง... ตอนที่แอมป์บอกว่าเราเป็นได้แค่เปลือกไข่”
คราวนี้คนฟังเจ็บเข้าไปถึงขั้วหัวใจเมื่อเห็นน้ำตาหยดแรกหยดลงมาระใบหน้าใส มือแข็งอยากเอื้อมมือไปปาดน้ำตาหยดนั้นออก แต่เขาก็ไม่กล้า ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำร้ายจิตใจเพื่อนที่ดีอย่างขิงได้มากขนาดนี้
“จำได้มั้ย” เสียงเล็กพูดขึ้นมาอีก “เปลือกไข่ที่คอยปกป้องไม่ให้ไข่แดงกับไข่ขาวแตกไง เปลือกไข่ที่ไม่มีวันที่จะโดนปกป้องจากไข่ขาว”
ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ที่ไม่แน่ใจคือใครเจ็บปวดมากกว่ากัน หรือความจริงแล้วเจ็บปวด ‘มาก’ พอๆ กัน แอมป์มองหน้าเพื่อนแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง เขานึกเสียใจกับทุกสิ่งที่ทำลงไป ทุกสิ่งที่เคยทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้ เพื่อนคนที่สำคัญมากที่สุด
“เราขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาหวิว แม้แต่เสียงกระดิ่งที่โดนลมพัดยังดังกว่า มือใหญ่ถือวิสาสะจับไหล่บางสองข้างให้หันหน้ามามองเขา แล้วพูดชัดๆ อีกครั้ง “เราขอโทษ ขอโทษที่เคยทำร้าย ขอโทษที่เคยทำให้เจ็บขนาดนี้ เราขอโทษ เราไม่รู้จริงๆ”
คนที่ได้รับคำขอโทษยาวเหยียดทำเพียงแค่ยิ้ม... ยิ้มบางๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ความเจ็บปวดยังคงฉายชัดในแววตาพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุด
“ไม่เป็นไร” ยิ่งเธอบอกอย่างนั้นด้วยรอยยิ้ม มันยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นเลยสักนิดและดูเหมือนหญิงสาวจะรู้ดีว่าเพื่อนรู้สึกยังไง “ไม่เป็นไรจริงๆ ก็แอมป์ไม่ได้รู้เรื่องนี่ ถ้าแอมป์รู้แล้วยังทำร้ายจิตใจเรานั่นก็อีกเรื่อง”
“แล้ว... ตอนนี้ถ้าเราไม่ให้ขิงเป็นเปลือกไข่แล้ว แต่เป็นผู้หญิงคนนึงที่เรารักขิงจะว่ายังไง”
เป็นคำถามที่ยากที่สุดในชีวิตที่เธอผ่านมา ยี่สิบห้าปีแม้แต่คำถามในข้อสอบหรือที่แม่เคยถามเธอตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากเป็นอะไรเธอคิดว่ามันง่ายกว่านี้เยอะ ขิงมองหน้าแอมป์นิ่ง พยายามคิดหาคำตอบที่ตนเองรู้ดีว่าตอนนี้เธอตอบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
หญิงสาวถอนหายใจให้อีกฝ่ายได้ยิน “เราตอบแอมป์ไม่ได้ หมายถึงในตอนนี้น่ะนะ”
“ขิงหมายความว่า...”
“อื้อ ขอเวลาให้เราหน่อยแล้วกัน” หญิงสาวต่อรอง อีกใจนึกกระหวัดหาผู้ชายอีกคนที่ตอนนี้คงอยู่กับเพื่อน เขาจะว่ายังไงถ้ารู้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความสับสนของความรู้สึกทำให้เธอชักกลัว กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป กลัวไปทุกสิ่งทุกอย่าง
“ถ้างั้นวันนี้เรากลับก่อนแล้วกัน” แอมป์ขยับตัวลุก ก่อนไปชายหนุ่มยกมือขึ้นวางบนศีรษะหญิงสาวแล้วลูบเบาๆ เขามองเธอด้วยสายตาเอ็นดู สิ่งที่แสดงออกนี้ทำให้เธอพลอยรู้สึกหวั่นไหวไปด้วย ใจหญิงสาวเต้นระส่ำทั้งที่ภายนอกยังคงพยายามทำให้ดูนิ่งมากที่สุด เลยต้องรีบกลบเกลื่อนด้วยการบอกลากันสั้นๆ แล้วเดินเข้าบ้านเงียบๆ
ที่เคยคิดว่าทุกอย่างที่กำลังจะดีขึ้น ตอนนี้ความรู้สึกของเธอลังเลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คนหนึ่งคือคนที่เธอรัก ส่วนอีกคนก็คนที่เธอยอมเปิดใจให้ ขิงนั่งอย่างคนหมดแรงที่เก้าอี้โซฟานุ่มหน้าโทรทัศน์
เธอนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นนาน จนแม่เธอเปิดประตูบ้านโวยวายเข้ามา ในขณะที่ข้างนอกกำลังโพล้เพล้ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แต่ในบ้านกับมืดสนิท
“นี่บ้านคนหรือบ้านผีสิงกันยะแม่ลูกสาว” คุณอรุณีเดินตรงมานั่งเก้าอี้โซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเห็นความปกติของขิงที่นอนนิ่งเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทำให้คนเป็นแม่นึกแปลกใจ จนต้องยกมือสะกิดลูกสาว “ขิง ขิง”
“อ้าวแม่” คนเป็นลูกสะดุ้งสุดตัวแล้วโผเข้าหาอ้อมกอดคนเป็นแม่ “กลับมาแล้วเหรอคะ”
“แล้วสิยะ” คนเป็นแม่ค้อนขวับ “คิดอะไรอยู่น่ะเรา แม่เข้ามาในบ้านยังไม่รู้สึกตัว นี่ถ้าเป็นโจรป่านนี้บ้านหล่อนไม่เหลือแล้วนะ”
คราวนี้ลูกสาวหัวเราะออกให้คนเป็นแม่ได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“แม่ ขิงถามอะไรหน่อย”
หญิงสาวขยับออกห่างแม่เล็กน้อย สีหน้าไม่แน่ใจทำเอาคนเป็นแม่รู้สึกผิดปกติ “มีอะไรล่ะ ตอนแม่ไม่อยู่ตาแอมป์กับตากฤษณ์มันทำอะไรฮึ ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ”
เป็นอีกครั้งที่ขิงหัวเราะออกมา หญิงสาวขยับเข้าหอมแก้มคนเป็นแม่ฟอดใหญ่ก่อนเอ่ยปากถาม “ตอนพ่อจีบแม่...แม่รู้สึกยังไงเหรอคะ”
“อะไรกัน ถามแม่แบบนี้แล้วแม่จะตอบยังไงได้ล่ะเนี่ย ลืมไปหมดแล้ว” คนเป็นลูกสาวยิ้ม ส่งสายตาแซวแม่ไม่หยุด เธอรู้ว่าแม่กำลังเขิน
“แม่ แก่แล้วนะ จะมาเขินอะไรอีกล่ะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะร้องโอ๊ยขึ้นมาลั่นบ้านเมื่อแม่ของเธอใช้นิ้วมือที่แข็งราวกับคีมแข็งหนีบเข้าที่ท้องแขน จนต้องผละหนีไปที่เก้าอี้อีกตัว หนีนิ้วพิฆาตมารของแม่!
“ไปอาบน้ำนอนดีกว่า พูดแบบนี้ก็กลุ้มใจอกแตกตายไปเลยแล้วกัน” คุณอรุณีทำท่าจะลุกหนีไปจริงๆ นั่นเลยทำให้ขิงต้องลุกขึ้นกอดรั้งแม่เธอไว้แล้วเริ่มต้นเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนครึ่งบ่ายให้เธอฟัง
หญิงสาวเล่าตั้งแต่แม่ของเธอออกจากบ้านไป เกิดอะไรขึ้นบ้าง จนตอนที่กฤษณ์ขอตัวกลับบ้านไปก่อน แล้วหลังจากนั้นแอมป์พูดกับเธอว่ายังไง ทีแรกแม่เธอก็นั่งฟังเงียบๆ มีเสียงตอบรับบ้างแต่ก็แค่ ‘อืม’ หรือ ‘อือ’ เท่านั้น แต่พอหลังๆ แม่ชักเริ่มอิน ขิงเล่าไปก็มองหน้าแม่ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทีละนิด จนกลายเป็นโมโหแทนเธอ
คุณอรุณีตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเลยว่าจะเขียนป้ายห้ามนายแอมป์เข้าบ้านเธอสักสามปี หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ นี่ถ้าลูกสาวไม่ห้ามคงมีติดป้ายไว้หน้าประตูเหมือนบางบ้านที่ติดไว้ว่าห้ามจอดรถหรือระวังหมาดุ
“แม่คิดว่ายังไง” เธอถามขึ้นทันทีที่เล่าจบ แววตาของเธอรอลุ้นคำตอบจากผู้มีประสบการณ์อย่างใจจดใจจ่อ
“แม่จะคิดอะไรได้ เรื่องนี้มันอยู่ที่ขิงต่างหากว่าจะตัดสินใจแบบไหน” คนเป็นแม่พูดเสียงอ่อนยกมือขึ้นลูบผมลูกสาวอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำนัก
เรื่องนี้เธอคงช่วยได้แค่ให้คำแนะนำกับลูกสาว แต่คงช่วยให้ตัดสินใจไม่ได้ แอมป์อาจเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับลูกสาวเธอ แต่การที่จะเลื่อนขั้นเป็นคนรักนั้นจะว่าสนับสนุนก็คงไม่เต็มปาก เพราะเด็กหนุ่มไม่ได้ดีขนาดนั้น ส่วนผู้ชายอีกคนที่ดูสุขุมและเพิ่งพาได้มากกว่าแบบนั้น ถ้าลูกสาวเลือกกฤษณ์เธอคงเบาใจ ชายหนุ่มเป็นคนตรงไปตรงมาเธอสังเกตได้จากคำถามที่เธอถามเมื่อตอนทานข้าวด้วยกันเมื่อเที่ยง
หลังจากนั่งคุยกับมารดาพักใหญ่แล้วจึงขอตัวขึ้นมาอาบน้ำเพื่อเข้านอน หญิงสาวนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่พักใหญ่ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างจนดูเหมือนจิตใจที่เคยนิ่งตอนนี้หลุดออกนอกวงโคจรไปแล้ว ตอนนี้ภายในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงพัดลมที่กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีพัดซ้ายขวาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คืนนี้ขิงตั้งใจไม่รับโทรศัพท์ของกฤษณ์ หญิงสาวปิดโทรศัพท์แล้วโยนไว้มุมใดมุมหนึ่งของห้อง ตอนนี้เธอต้องการใช้ความคิดเพื่อตรองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนความคิด
“จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” ขิงถอนหายใจเฮือกอย่างคิดไม่ตก ในเมื่อเธอเพิ่งตัดสินใจเปิดหัวใจให้ใครสักคนไปแล้ว เธอเปิดใจรับกฤษณ์เข้ามาทีละนิด แต่จู่ๆ คนที่อยู่ในหัวใจมาตลอดจนถึงก่อนหน้านี้ไม่นานกลับเป็นคนเดินกลับมาหาเธออีกครั้งแล้วพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะวันได้เกิดขึ้น
คำบอกรักของแอมป์เหมือนรั้งเธอไว้... ไม่ให้ไปไหน หัวใจของเธอตอนนี้สับสนมากเกินไป เธอไม่มั่นใจเลยว่าจะเลือกทางไหน ระหว่างคนที่เธอรักมาตลอดหลายปี หรือคนที่กำลังทำให้เธอหวั่นไหวและรู้สึกอบอุ่นได้ในเวลาเดียวกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต้องขอโทษมากๆ เลยนะคะที่หายไปนานเชียว แฮ่ๆๆ ข้าน้อยยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา
ทั้งงานตัวเอง ทั้งงานกลุ่ม รุมเร้าข้าน้อยเหลือเกิน
ที่รู้สึกผิดอีกอย่างคือ ตอนนี้มาน้อยมาก อย่าเพิ่งหนีเค้าไปไหนน้า เค้าจะพยายามปั่นมาให้เร็วที่สุดเลย (กอดดดดดดดดดด)
=======================================
ตอบเม้นต์นะคะ
คุณคิมหันตุ์ : ฮาาาาาา มาเป็นเพลงกันเลยทีเดียว
คุณ mhengjhy : คิคิคิ เทหัวใจให้บอสของเราหมดแล้วสินะคะ :)
คุณ pseudolife : อิอิอิ รอลุ้นกันนะคะ
---------------------------------------------------------------------
รักคนอ่านทุกคนเลยนะคะ จุ๊บ
“เป็นอะไรรึเปล่าแอมป์ มีอะไรไม่สบายใจเหรอ”
แอมป์นั่งเงียบอีกพักใหญ่ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยแล้วหันมองหน้าเจ้าของบ้านสาว “ขิง”
เขาทอดเสียงอ่อน เสียงนั้นอ่อนหวานเสียจนเจ้าของชื่อมั่นใจว่าเธอไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้เวลาพูดคุยกับเธอ หญิงสาวขยับหันมองหน้าเพื่อนบ้าง แววตาที่มองเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อมือของแอมป์เลื่อนมาจับมือเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง เมื่อบวกกับสายตาหวานนั้นทำให้เธอชักรู้สึกใจหวิวแปลกๆ
“แอมป์” ขิงได้ยินเสียงตัวเองสั่น เธอกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อน และนั่นทำให้เธอรู้สึกได้เลยว่าพลาดไปถนัด สายตาคู่นั้นที่เธอเคยแพ้มันมาตลอดกำลังต่อสู้กับความรู้สึกข้างใจจิตใจของเธอ เธอเคยบอกตัวเองให้ตัดใจจากชายหนุ่ม และเปิดใจรับใครอีกคนเข้ามา ใครอีกคนที่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจเธอเหลือเกิน
“ขิง” เสียงทุ้มของแอมป์ปลุกเธอขึ้นจากภวังค์ หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ มองมือตัวเองที่ยังโดนจับไว้แน่นราวกับชายหนุ่มกลัวว่าเธอจะหายไปจากตรงนี้
“ตกลงมีอะไรจะพูดกับเรารึเปล่าแอมป์”
“คือ... เรา ระ เรา” จู่ๆ คนที่เคยมั่นใจในตัวเองกลับต้องมาพูดตะกุกตะกักจนอีกคนจ้องมองอย่างแปลกใจ
“เราอะไร” ขิงเร่งเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมพูดสักที “มีอะไรก็พูดสิแอมป์”
“เรารักขิง” เสียงบอกกล่าวออกมาไม่ได้นิ่งเหมือนปกติ แต่กลับเป็นน้ำเสียงแปลกๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่การที่เขาบอกออกไปแล้วคนตรงหน้ากลับนั่งนิ่งเป็นหิน ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีการเขินอาย มีแต่อาการเบิกตากว้างมองมาทางแอมป์อีกครั้ง สีหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอตกอยู่ในอาการ ‘ช็อค’ สุดขีด
“แอมป์ว่าอะไรนะ” ขิงถามเพื่อนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่น “เมื่อกี้แอมป์บอกว่าอะไรนะ”
“เรารักขิง” คราวนี้แอมป์รู้สึกว่าน้ำเสียงของตนมั่นคงมากกว่าเดิม แอมป์เห็นความหวาดหวั่นในสายตาเพื่อนจึงปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ เขาให้โอกาสเธอได้คิดในสิ่งที่เขาตัดสินใจพูดออกไปแล้ว
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ขิงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความมั่นคงเลย เธอไม่มีแรงแม้แต่จะลุกเดินหนีคนตรงหน้า คำที่รอคอยให้เป็นจริงมานานและเมื่อไม่คาดหวังเธอกลับได้ยินมันออกจากปากคนที่เธอเฝ้ารอ
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน” แอมป์ตอบคำถามอย่างที่คิดว่าตรงไปตรงมาที่สุด มือใหญ่ละจากมือเล็กแล้วยกขึ้นเสยผมอย่างคนคิดไม่ตก คิ้วเข้มขมวดกันอยู่เป็นกระจุกอยู่ตรงหน้าผาก “ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คือเราไม่รู้ตัวหรอก ไม่รู้จนศศิพูดขึ้นมาถึงรู้สึกตัว”
“แล้วที่มาบอกเราแบบนี้ แอมป์มั่นใจแล้วเหรอ”
“ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่” แอมป์ให้คำตอบตรงๆ เป็นคำตอบที่ทำให้ขิงต้องฝืนยิ้มออกมาแบบที่ทำให้คนมองรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย “ทำไมขิงถึงยิ้มแบบนี้ เรารู้สึกไม่ดีเลยรู้มั้ย”
คนฝืนยิ้มสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอเปิดปากพูดน้ำตาจู่ๆ ก็ไหลมาคลออยู่ที่เบ้าทำให้เธอเสียงสั่นอย่างที่บังคับไม่ได้ “เรา... เราเคยรักแอมป์มาก”
เสียงสั่นๆ นั้นทำให้คนฟังทำหน้าไม่ถูก ใบหน้าเล็กแดงก่ำและน้ำตาที่พร้อมจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อนั้นทำให้แอมป์รู้สึกใจหาย
“เรารักแอมป์ในแบบที่ไม่ใช่เพื่อน มันมากกว่านั้นมาตลอด แม้กระทั่ง... ตอนที่แอมป์บอกว่าเราเป็นได้แค่เปลือกไข่”
คราวนี้คนฟังเจ็บเข้าไปถึงขั้วหัวใจเมื่อเห็นน้ำตาหยดแรกหยดลงมาระใบหน้าใส มือแข็งอยากเอื้อมมือไปปาดน้ำตาหยดนั้นออก แต่เขาก็ไม่กล้า ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำร้ายจิตใจเพื่อนที่ดีอย่างขิงได้มากขนาดนี้
“จำได้มั้ย” เสียงเล็กพูดขึ้นมาอีก “เปลือกไข่ที่คอยปกป้องไม่ให้ไข่แดงกับไข่ขาวแตกไง เปลือกไข่ที่ไม่มีวันที่จะโดนปกป้องจากไข่ขาว”
ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ที่ไม่แน่ใจคือใครเจ็บปวดมากกว่ากัน หรือความจริงแล้วเจ็บปวด ‘มาก’ พอๆ กัน แอมป์มองหน้าเพื่อนแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง เขานึกเสียใจกับทุกสิ่งที่ทำลงไป ทุกสิ่งที่เคยทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้ เพื่อนคนที่สำคัญมากที่สุด
“เราขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาหวิว แม้แต่เสียงกระดิ่งที่โดนลมพัดยังดังกว่า มือใหญ่ถือวิสาสะจับไหล่บางสองข้างให้หันหน้ามามองเขา แล้วพูดชัดๆ อีกครั้ง “เราขอโทษ ขอโทษที่เคยทำร้าย ขอโทษที่เคยทำให้เจ็บขนาดนี้ เราขอโทษ เราไม่รู้จริงๆ”
คนที่ได้รับคำขอโทษยาวเหยียดทำเพียงแค่ยิ้ม... ยิ้มบางๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ความเจ็บปวดยังคงฉายชัดในแววตาพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุด
“ไม่เป็นไร” ยิ่งเธอบอกอย่างนั้นด้วยรอยยิ้ม มันยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นเลยสักนิดและดูเหมือนหญิงสาวจะรู้ดีว่าเพื่อนรู้สึกยังไง “ไม่เป็นไรจริงๆ ก็แอมป์ไม่ได้รู้เรื่องนี่ ถ้าแอมป์รู้แล้วยังทำร้ายจิตใจเรานั่นก็อีกเรื่อง”
“แล้ว... ตอนนี้ถ้าเราไม่ให้ขิงเป็นเปลือกไข่แล้ว แต่เป็นผู้หญิงคนนึงที่เรารักขิงจะว่ายังไง”
เป็นคำถามที่ยากที่สุดในชีวิตที่เธอผ่านมา ยี่สิบห้าปีแม้แต่คำถามในข้อสอบหรือที่แม่เคยถามเธอตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากเป็นอะไรเธอคิดว่ามันง่ายกว่านี้เยอะ ขิงมองหน้าแอมป์นิ่ง พยายามคิดหาคำตอบที่ตนเองรู้ดีว่าตอนนี้เธอตอบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
หญิงสาวถอนหายใจให้อีกฝ่ายได้ยิน “เราตอบแอมป์ไม่ได้ หมายถึงในตอนนี้น่ะนะ”
“ขิงหมายความว่า...”
“อื้อ ขอเวลาให้เราหน่อยแล้วกัน” หญิงสาวต่อรอง อีกใจนึกกระหวัดหาผู้ชายอีกคนที่ตอนนี้คงอยู่กับเพื่อน เขาจะว่ายังไงถ้ารู้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความสับสนของความรู้สึกทำให้เธอชักกลัว กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป กลัวไปทุกสิ่งทุกอย่าง
“ถ้างั้นวันนี้เรากลับก่อนแล้วกัน” แอมป์ขยับตัวลุก ก่อนไปชายหนุ่มยกมือขึ้นวางบนศีรษะหญิงสาวแล้วลูบเบาๆ เขามองเธอด้วยสายตาเอ็นดู สิ่งที่แสดงออกนี้ทำให้เธอพลอยรู้สึกหวั่นไหวไปด้วย ใจหญิงสาวเต้นระส่ำทั้งที่ภายนอกยังคงพยายามทำให้ดูนิ่งมากที่สุด เลยต้องรีบกลบเกลื่อนด้วยการบอกลากันสั้นๆ แล้วเดินเข้าบ้านเงียบๆ
ที่เคยคิดว่าทุกอย่างที่กำลังจะดีขึ้น ตอนนี้ความรู้สึกของเธอลังเลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คนหนึ่งคือคนที่เธอรัก ส่วนอีกคนก็คนที่เธอยอมเปิดใจให้ ขิงนั่งอย่างคนหมดแรงที่เก้าอี้โซฟานุ่มหน้าโทรทัศน์
เธอนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นนาน จนแม่เธอเปิดประตูบ้านโวยวายเข้ามา ในขณะที่ข้างนอกกำลังโพล้เพล้ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แต่ในบ้านกับมืดสนิท
“นี่บ้านคนหรือบ้านผีสิงกันยะแม่ลูกสาว” คุณอรุณีเดินตรงมานั่งเก้าอี้โซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเห็นความปกติของขิงที่นอนนิ่งเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ทำให้คนเป็นแม่นึกแปลกใจ จนต้องยกมือสะกิดลูกสาว “ขิง ขิง”
“อ้าวแม่” คนเป็นลูกสะดุ้งสุดตัวแล้วโผเข้าหาอ้อมกอดคนเป็นแม่ “กลับมาแล้วเหรอคะ”
“แล้วสิยะ” คนเป็นแม่ค้อนขวับ “คิดอะไรอยู่น่ะเรา แม่เข้ามาในบ้านยังไม่รู้สึกตัว นี่ถ้าเป็นโจรป่านนี้บ้านหล่อนไม่เหลือแล้วนะ”
คราวนี้ลูกสาวหัวเราะออกให้คนเป็นแม่ได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“แม่ ขิงถามอะไรหน่อย”
หญิงสาวขยับออกห่างแม่เล็กน้อย สีหน้าไม่แน่ใจทำเอาคนเป็นแม่รู้สึกผิดปกติ “มีอะไรล่ะ ตอนแม่ไม่อยู่ตาแอมป์กับตากฤษณ์มันทำอะไรฮึ ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ”
เป็นอีกครั้งที่ขิงหัวเราะออกมา หญิงสาวขยับเข้าหอมแก้มคนเป็นแม่ฟอดใหญ่ก่อนเอ่ยปากถาม “ตอนพ่อจีบแม่...แม่รู้สึกยังไงเหรอคะ”
“อะไรกัน ถามแม่แบบนี้แล้วแม่จะตอบยังไงได้ล่ะเนี่ย ลืมไปหมดแล้ว” คนเป็นลูกสาวยิ้ม ส่งสายตาแซวแม่ไม่หยุด เธอรู้ว่าแม่กำลังเขิน
“แม่ แก่แล้วนะ จะมาเขินอะไรอีกล่ะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะร้องโอ๊ยขึ้นมาลั่นบ้านเมื่อแม่ของเธอใช้นิ้วมือที่แข็งราวกับคีมแข็งหนีบเข้าที่ท้องแขน จนต้องผละหนีไปที่เก้าอี้อีกตัว หนีนิ้วพิฆาตมารของแม่!
“ไปอาบน้ำนอนดีกว่า พูดแบบนี้ก็กลุ้มใจอกแตกตายไปเลยแล้วกัน” คุณอรุณีทำท่าจะลุกหนีไปจริงๆ นั่นเลยทำให้ขิงต้องลุกขึ้นกอดรั้งแม่เธอไว้แล้วเริ่มต้นเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนครึ่งบ่ายให้เธอฟัง
หญิงสาวเล่าตั้งแต่แม่ของเธอออกจากบ้านไป เกิดอะไรขึ้นบ้าง จนตอนที่กฤษณ์ขอตัวกลับบ้านไปก่อน แล้วหลังจากนั้นแอมป์พูดกับเธอว่ายังไง ทีแรกแม่เธอก็นั่งฟังเงียบๆ มีเสียงตอบรับบ้างแต่ก็แค่ ‘อืม’ หรือ ‘อือ’ เท่านั้น แต่พอหลังๆ แม่ชักเริ่มอิน ขิงเล่าไปก็มองหน้าแม่ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทีละนิด จนกลายเป็นโมโหแทนเธอ
คุณอรุณีตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเลยว่าจะเขียนป้ายห้ามนายแอมป์เข้าบ้านเธอสักสามปี หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ นี่ถ้าลูกสาวไม่ห้ามคงมีติดป้ายไว้หน้าประตูเหมือนบางบ้านที่ติดไว้ว่าห้ามจอดรถหรือระวังหมาดุ
“แม่คิดว่ายังไง” เธอถามขึ้นทันทีที่เล่าจบ แววตาของเธอรอลุ้นคำตอบจากผู้มีประสบการณ์อย่างใจจดใจจ่อ
“แม่จะคิดอะไรได้ เรื่องนี้มันอยู่ที่ขิงต่างหากว่าจะตัดสินใจแบบไหน” คนเป็นแม่พูดเสียงอ่อนยกมือขึ้นลูบผมลูกสาวอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำนัก
เรื่องนี้เธอคงช่วยได้แค่ให้คำแนะนำกับลูกสาว แต่คงช่วยให้ตัดสินใจไม่ได้ แอมป์อาจเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับลูกสาวเธอ แต่การที่จะเลื่อนขั้นเป็นคนรักนั้นจะว่าสนับสนุนก็คงไม่เต็มปาก เพราะเด็กหนุ่มไม่ได้ดีขนาดนั้น ส่วนผู้ชายอีกคนที่ดูสุขุมและเพิ่งพาได้มากกว่าแบบนั้น ถ้าลูกสาวเลือกกฤษณ์เธอคงเบาใจ ชายหนุ่มเป็นคนตรงไปตรงมาเธอสังเกตได้จากคำถามที่เธอถามเมื่อตอนทานข้าวด้วยกันเมื่อเที่ยง
หลังจากนั่งคุยกับมารดาพักใหญ่แล้วจึงขอตัวขึ้นมาอาบน้ำเพื่อเข้านอน หญิงสาวนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่พักใหญ่ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างจนดูเหมือนจิตใจที่เคยนิ่งตอนนี้หลุดออกนอกวงโคจรไปแล้ว ตอนนี้ภายในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงพัดลมที่กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีพัดซ้ายขวาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คืนนี้ขิงตั้งใจไม่รับโทรศัพท์ของกฤษณ์ หญิงสาวปิดโทรศัพท์แล้วโยนไว้มุมใดมุมหนึ่งของห้อง ตอนนี้เธอต้องการใช้ความคิดเพื่อตรองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนความคิด
“จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” ขิงถอนหายใจเฮือกอย่างคิดไม่ตก ในเมื่อเธอเพิ่งตัดสินใจเปิดหัวใจให้ใครสักคนไปแล้ว เธอเปิดใจรับกฤษณ์เข้ามาทีละนิด แต่จู่ๆ คนที่อยู่ในหัวใจมาตลอดจนถึงก่อนหน้านี้ไม่นานกลับเป็นคนเดินกลับมาหาเธออีกครั้งแล้วพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะวันได้เกิดขึ้น
คำบอกรักของแอมป์เหมือนรั้งเธอไว้... ไม่ให้ไปไหน หัวใจของเธอตอนนี้สับสนมากเกินไป เธอไม่มั่นใจเลยว่าจะเลือกทางไหน ระหว่างคนที่เธอรักมาตลอดหลายปี หรือคนที่กำลังทำให้เธอหวั่นไหวและรู้สึกอบอุ่นได้ในเวลาเดียวกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต้องขอโทษมากๆ เลยนะคะที่หายไปนานเชียว แฮ่ๆๆ ข้าน้อยยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา
ทั้งงานตัวเอง ทั้งงานกลุ่ม รุมเร้าข้าน้อยเหลือเกิน
ที่รู้สึกผิดอีกอย่างคือ ตอนนี้มาน้อยมาก อย่าเพิ่งหนีเค้าไปไหนน้า เค้าจะพยายามปั่นมาให้เร็วที่สุดเลย (กอดดดดดดดดดด)
=======================================
ตอบเม้นต์นะคะ
คุณคิมหันตุ์ : ฮาาาาาา มาเป็นเพลงกันเลยทีเดียว
คุณ mhengjhy : คิคิคิ เทหัวใจให้บอสของเราหมดแล้วสินะคะ :)
คุณ pseudolife : อิอิอิ รอลุ้นกันนะคะ
---------------------------------------------------------------------
รักคนอ่านทุกคนเลยนะคะ จุ๊บ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2556, 21:35:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2556, 21:35:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 1379
<< ตอนที่ 16 | ตอนนที่ 18 >> |

คิมหันตุ์ 7 ก.ค. 2556, 01:17:04 น.
ลำบากใจเนาะ.........
ลำบากใจเนาะ.........


mhengjhy 7 ก.ค. 2556, 08:30:05 น.
คราวนี้แล้วแต่ขิง 555
คราวนี้แล้วแต่ขิง 555

Amarilys 7 ก.ค. 2556, 09:14:06 น.
แอมป์พูดจาได้เห็นแก่ตัวมั่ก ที่ไม่ชอบหน้าก็เรื่องเปรียบขิงเป็นเปลือกไข่ห่อไข่แดงไข่ขาวไว้นี่แหละ ที่แย่กว่านั้นคือรู้ด้วยว่าขิงชอบตัวเอง เรื่องรู้ตัวช้าไม่ว่ากัน แต่ทำกับคนที่เรียกว่าเพื่อนแบบนี้ ไปไหนก็ไปเหอะ
อินไปมั้ยเนี่ย
แอมป์พูดจาได้เห็นแก่ตัวมั่ก ที่ไม่ชอบหน้าก็เรื่องเปรียบขิงเป็นเปลือกไข่ห่อไข่แดงไข่ขาวไว้นี่แหละ ที่แย่กว่านั้นคือรู้ด้วยว่าขิงชอบตัวเอง เรื่องรู้ตัวช้าไม่ว่ากัน แต่ทำกับคนที่เรียกว่าเพื่อนแบบนี้ ไปไหนก็ไปเหอะ

