ฟองฟ้า ตอน กามเทพจุ้นจ้าน
เรื่องนี้เป็นนิยายชุด 3 พี่น้อง ฟองฟ้า ฟองฟาง ฟองฝัน สามศรีพี่น้องจะทำอย่างไร เมื่อเจอบุบเพอาละวาดครั้งใหญ่

ชื่อ ชุด คิวปิดแอบสะกิดรัก (อ่านแบบแยกเรื่องได้คร่าาา) โดยเริ่มต้นที่

ฟองฟ้า พี่คนโตต้องทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่ใกล้ ชยังกูร โรมาโน่ อันโดรชินี

โดยมีเด็กๆที่ริอาจเป็นพ่อสื่อ(โดยมิได้ตั้งใจ)

Tags: หวานๆ+บู้นิดๆ+ชีวิตหน่อยๆ(หน่อยเดียวจริงๆ)

ตอน: ตอนที่ 1

เปรี้ยง...โครม...

“อ้ายยย... ! ”

เพล้ง!

สองขายาวรีบสาวกระโดดจากบันไดอย่างรวดเร็วพร้อมไม้เบสบอลในมือ มุ่งหน้าไปทางต้นเสียงอย่างเตรียมพร้อม
“เกิดอะไรขึ้น ไหน..อ้าว...นี่เราไปทำอะไรตรงนั้น ยัยซุ่มซ่าม” ฟองฝันยิ้มแหย ลุกขึ้นมองผลงานตัวเองอย่างเสียหน้า
“โธ่! พี่ฟางขา ก็ใครใช้ให้ฟ้าผ่าลงมาแบบนี้ล่ะ สาวน้อยฟองฝันผู้แสนจะบอบบางก็...ต๊กกะใจนะซิคะ”
“สาวน้อยผู้แสนบอบบางเหรอ น้องๆ ช้างล่ะซิไม่ว่า”
“พี่ฟาง!” ฟองฝันตาโตกับคมปากพี่สาว
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องเสียงดัง รีบจัดการให้เรียบร้อย เดี๋ยวเถอะเจ้าตัวเล็กยิ่งซนๆ อยู่ เกิดเหยียบเศษแก้วพวกนี้เข้า หึ... พี่ฟ้าเอาตาย” ฟองฟางทำมือปาดคอขู่น้องสาว
“เชอะ...ได้ทีละขู่จริง” ฟองฝัน จิ๊...จ๊ะ...ขัดใจ ก่อนจัดแจงเก็บกวาดเศษแก้ว เช็ดคราบโอวัลตินอย่างเรียบร้อย

...เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้ กรุณา...
“เอ๊ะ...พี่แอนนี่ปิดเครื่องทำไม” ฟองฟ้านึกห่วงลูกพี่ลูกน้องที่บ้านติดกัน ทั้งคู่น่าจะมาถึงนานแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่เห็นใครเลยสักคน หากไม่ทันหายสงสัยเสียงดังโครมครามจากด้านล่างทำให้ฟองฟ้าละมือจากโทรศัพท์ ทรุดนั่งขอบเตียงตบก้นเด็กน้อยวัยขวบกว่าเบาๆ เมื่อร่างเล็กผวารู้สึกตัว แล้วหันมาห่มผ้าให้เด็กน้อยลูกครึ่งหน้าตาคล้ายกันอีกคน ทว่า...ดูโตกว่ากันเล็กน้อย ก่อนมุ่งหน้าสู่ที่มาของเสียงซึ่งคงไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่น้องเล็กประจำบ้าน

“วันนี้อะไรอีกคะหนูฝัน จาน แก้ว หรือว่าแจกัน” ฟองฟ้ามองผลงานน้องสาวอย่างขันๆ
“ก็แค่...ถ้วยกาแฟเองค่ะ พี่ฟ้าขา”
“หนอยแนะ...ก็แค่ถ้วยกาแฟเรอะยัยซุ่มซ่าม แล้วจานเอย แก้วเอย ที่ผ่านๆมานี่หล่อนไม่นับรึไงย่ะ” ฟองฟางจิ้มหน้าผากน้องสาวต่างพ่อ ต่างแม่ คนเล็กของบ้านที่ซบบนบ่าบอบบางของพี่คนโตเบาๆ ฟองฟ้าอดพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องคนกลางไม่ได้ แต่ก่อนที่สงครามน้ำลายจะเริ่มขึ้นฟองฟ้าต้องออกปากปรามน้องๆ เพราะเกรงจะรบกวนหนุ่มๆ ตัวน้อยที่เพิ่งหลับได้ไม่นาน
“พอๆ สองคนนี้นี่ เดี๋ยว เอ กับ แอล ตื่นกันพอดี”
“ก็พี่ฟ้าดูซิ...พี่ฟาง ว่า...”
“พี่บอกว่าพอ! ไปนอนได้แล้วไปทั้งคู่! “เสียงของฟองฟ้าเข้มขึ้นเป็นสัญญาณเตือนภัยเบื้องต้น ทำให้คู่เอกประจำบ้านรู้สึกตัว ...การทำให้พี่ฟ้าโกรธ คือ อันตรายอย่างใหญ่หลวง

จริงๆ แล้ว... พี่สาวคนโตของบ้านนั้นเป็นคนใจดีและใจเย็นเป็นอย่างมาก เธออ่อนโยนจนเรียกได้ว่าอ่อนหวานเลยทีเดียว แต่การทำให้พี่สาวที่อ่อนหวานนั้นโกรธ ก็ไม่เป็นผลดีแม้นแต่น้อย เพราะพี่สาวของพวกเธอนั้นดุเป็นสิบเท่า! หน้าหวานๆ จะเริ่มนิ่งสนิท ตาสวยๆ จะเริ่มขุ่น และคำอบรมสั่งสอนชุดใหญ่จะเริ่มทำงาน แต่...ยังไม่แค่นั้น ถ้าพวกเธอยังไม่ฟัง...ดรรชนีพิฆาตจะเริ่มบรรจงหยิกเนื้อคนดื้อไปคนละทีสองที ได้เนื้อเขียวจ้ำอวดโฉมกันทั้งวัน ...ใครว่าคนรักการจัดดอกไม้อย่างพี่สาวเธอมือเบา ของเถียงขาดใจให้ตายซิเอ้า... คู่กัดประจำบ้านมองตาแล้วพยักหน้าพร้อมกันเป็นสัญญาณสงบศึกชั่วคราว เพื่อรักษาชีวิตรอด

“งั้น...กู๊ดไนท์ค่ะ พี่ฟ้า...พี่ฟาง” ฟองฝันเอ่ยขึ้น เป็นคนแรก แขย่งจุ๊บแก้มพี่สาวคนโตก่อนหันหลังวิ่งขึ้นบันไดเหลือแต่ฟองฟางที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่สาว
“เอ่อ...ราตรีสวัสดิ์นะฟ้า” แล้วคนกลัวพี่อีกคนก็รีบตามน้องไปทันที ทำให้ฟองฝันได้แต่สายหน้าระอากับพฤติกรรมของน้องๆ
“เฮ้อ...โตแล้วยังเล่นเป็นเด็กไปได้” หล่อนส่ายหัวถอนหายใจก่อนหยุดใกล้หน้าต่างทอดสายตาดูบ้านข้างๆ ที่มืดสนิทผ่านม่านสายฝนที่มาพร้อมเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ หากในใจก็ไพล่ภาวนา
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง เดินทางปลอดภัยนะคะพี่วัตร พี่แอนนี่”


เช้ามืดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาฟองฟ้าผวาสะดุ้งจากฝันร้าย ก่อนเจอกับความเป็นจริงที่ร้ายยิ่งกว่า เมื่อทางโรงพยาบาลแจ้งว่าภวัตรและแอนนี่ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น กว่าจะรวบรวมสติ ปลุกน้องสาวและจัดแจงเรื่องต่างๆ ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้ว ดีนะ..วันนี้เป็นวันหยุดของร้านเธอจึงไม่ต้องกังวลมากนัก ที่สำคัญวันนี้ไม่มีงานจัดดอกไม้นอกสถานที่ด้วย...นอกจาก งานศพพี่ชายและพี่สะใภ้...

ในอ้อมแขนของเธอตอนนี้หนุ่มน้อยลูกครึ่ง ลอนดอน วัยขวบกว่าๆ หลับปุ๋ยอย่างสบายใจ เก้าอี้ข้างๆ เด็กชายเอเธนส์ พี่ชายวัยสามขวบกำลังนั่งเล่นหุ่นยนต์ไม่รู้เรื่องรู้ราว

ในตาสีฟ้าอมเทาของเด็กน้อย บ่งบอกเชื้อชาติที่ไม่ใช่ไทยแท้ มองผู้คนขวักไขว่บริเวณศาลาอย่างสงสัยใคร่รู้
“หมี่มี้คาบ...ลุงๆ เขาทามอาไรกัน เอ๋...นั่นป้อจ๋าแม่จ๋าของหนูนี่” มือเล็กกระตุกเสื้อเธอยิกๆ ชี้ไปที่รูปใหญ่สองรูป ฟองฟ้าอึ่งไปไม่รู้จะตอบหลานอย่างไรดี
“เอคิดถึงป้อจ๋า แม่จ๋า เมื่อไรป้อจ๋าจากับมาค้าบหมี่มี้” เอเธนส์หน้าเศร้าแบะปากล้ายจะร้องไห้ ความใสซื่อไร้เดียงสาของหลานที่มองว่าน่ารัก หากวันนี้กลับทำความลำบากใจให้เธอไม่น้อย แต่เมื่อไม่รู้จะตอบอย่างไรดีฟองฟ้าจึงเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“หือ...ถามแบบนี้ น้องเอไม่อยากอยู่กับหมี่มี้แล้วเหรอคะน้อยใจจัง”... และได้ผล...
พอเห็นหมี่มี้น้อยใจ พ่อหนูหุ่นจ้ำหม่ำตกใจรีบกอดเอวบางและออดอ้อนเธอเป็นการใหญ่ ดึงความสนใจเด็กน้อยได้อีกครั้งหนึ่ง…

เธอเลื่อนสายตาจับจ้องที่รูปภาพใบใหญ่ของพี่ชายและพี่สะใภ้ รอยยิ้มที่บรรจงมอมให้หลายชายค่อยจางหายไปแทนที่ด้วยน้ำใสๆ ที่ค่อยเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตา แต่เธอไม่มีวันปล่อยให้มันไหลออกมาเป็นอันขาด..เธอต้องเข้มแข็งเป็นหลักให้หลานชายตัวน้อย สมบัติมีค่าสิ่งเดียวที่พี่ชายเธอเหลือให้...ฟ้าจะเข้มแข็งค่ะ พี่วัตร พี่แอนนี่ ฟ้าต้องทำให้ได้... เธอให้สัญญากับตัวเอง

ผู้คนมากมายต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยอย่างคับคั่ง ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมงานและบรรดาลูกศิษย์ในรั้วมหาวิทยาลัยของภวัตร หลังจากที่เขาเริ่มประสบความสำเร็จและมีชื่อในวงการสถาปนิก ภวัตร ได้รับการทาบทามเป็นอาจารย์พิเศษเรื่องศิลปะและเทคนิคการออกแบบอาคารสไตล์ยุโรปในคณะที่เขาเคยเรียนจบตามการชักชวนจากอดีตอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาสมัยเรียนนั่นเอง รวมไปถึงญาติพี่น้องอีกหลายคนที่ห่างหายไปนานก็ได้กลับมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง จนเจ้าภาพอย่างสามสาววิ่งวุ่นต้อนรับแขกแทบจะไม่ทั่วถึงเดือดร้อนเพื่อนพ้องของสามพี่น้องที่แวะเวียนมาร่วมงานวันนี้ ต้องกระจายกันต้อนรับแขกไม่ได้หยุดพักตลอดทั้งวัน

ฟองฟ้า...รับหน้าที่หลัก คือการดูแลหลานชายทั้งสองคน สลับกับการช่วยน้องๆ รับแขก
ฟองฟาง...จะคอยดูแลในส่วนของสถานที่ และรับแขกหน้างานอย่างไม่มีบ่น
ฟองฝัน...ก็รับผิดชอบทั้งของว่าง และเครื่องดื่มอย่างแข็งขัน

ทุกคนต่างช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ต่างแบ่งหน้าที่รับผิดชอบภารกิจของตัวเองจนสุดความสามรถ ไม่อู้ ไม่บ่น และไม่เกี่ยงงานแม้นแต่น้อย ถึงทุกคนจะเหนื่อยล้าเพียงใดก็ตาม...จนกระทั่งเจ้าภาพตัวจริงมาถึง
สามวันสุดท้ายก่อนวันฌาปนกิจ ท่านทูต ฯ กิตติและคุณหญิงเหมือนจันทร์ ที่มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของ ภวัตร และเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของฟองฟ้า และฟองฟาง บินตรงจากอังกฤษ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพคอยวิ่งวุ่นรับแขก โดยมีทั้งลูกและหลานสาวช่วยอีกแรง
“ฟ้าว่า คุณพ่อคุณแม่พักก่อนดีกว่าคะ ตอนนี้คนก็เริ่มซาลงแล้ว” คุณหญิงพยักหน้า ฟองฟ้าเข้าประคองแม่
“อ้อ...หนูฝันด้วย ไปตามแม่เรามาพักบ้างเถอะ ป้าเห็นวิ่งวุ่นกับของว่างรับรองแขกทั้งวัน” คุณหญิงเหมือนจันทร์เตือนหลานสาวบ้าง เมื่อเห็นน้องสะใภ้ที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีกำลังเสริฟน้ำและดูแลแขกด้านในมือเป็นระวิง น่าเสียดายที่การพบปะกันในรอบสิบปีนี้ไม่ได้มาพร้อมความชื่นมื่นนัก เพราะต้องหันมาตั้งรับเรื่องราวร้ายๆ ที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ค่ะคุณป้า”

ฟองฝันหมุนตัวไปในศาลา รีบรับถาดจากแม่ของเธอทันทีก่อนที่ท่านจะเดินหายไปอีกครั้ง คุณวิศณียิ้มให้ลูกสาวที่โอบเอวตนเองเบาๆ
“พักบ้างเถอะค่ะแม่ เดี๋ยวหนูฝันดูแลแขกเอง ไปค่ะ”
“โธ่ หนูเหนือมาหลายวันแล้ว ให้แม่ช่วยหนูดีกว่านะลูก มา..” คุณวิศณีไม่ทันเอ่ย ลูกสาวคนดีก็จัดแจงเดินไปรับของว่างทันที ก่อนทำหน้าที่พนักงานเสริฟชั่วคราว ถึงฟองฝันจะไม่ได้สนิทกับแม่นักแต่เธอก็ทำหน้าที่ลูกได้อย่างไม่บกพร่อง
“โธ่...ไวจริงลูกคนนี้” ความจริงแล้วท่านเองก็ไม่เหนื่อยอะไรมากมายนัก เพราะการเดินทางด้วยเครื่องบินเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ใช้เวลานิดเดียว เฮ้อ..ถ้าไม่ใช่ติดธุระของสามีใหม่ที่ทั้งสองต้องเดินทางไปฝั่งพม่า เธอคงมาช่วยลูกและหลานๆ เตรียมงานตั้งแต่ต้น
เสี้ยวหน้ายิ้มหยี่ของลูกสาวช่างกระทบใจท่านจริงๆ ..ฟองฝันลูกแม่ แม่จะรักษาความสุขของลูกได้นานแค่ไหน ก่อนเป็นผู้ทำลายมันด้วยมือของแม่เอง...คุณวิศณีคิด ก่อนกลบเกลื่อนความรู้สึกตนเองอีกครั้ง


ความโศกเศร้า อาลัย เข้ามาครอบคลุมจิตใจ เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ...การปราศจากตัวตนของคนที่รัก น้ำตาที่เคยคิดว่าหมดกลับหลั่งริน ญาติพี่น้อง และ เพื่อนพ้องทยอยเข้าไปเคารพศพและเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย
“ไปสบายแล้วนะ ตาวัตรของป้า” ท่านทูตฯ กิตติโอบภรรยาคู่ชีวิตไว้อย่างปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงคะพี่วัตร พี่แอนนี่ ฟ้าจะดูแลหลานๆ ให้ดีที่สุด” ฟองฟ้าส่งสัญญาณให้ ฟองฟางจูงมือเอเธนส์เข้ามาใกล้ๆ
“เอเธนส์ครับ ไหว้คุณพ่อ คุณแม่ นะคะ” เด็กน้อยว่าง่าย ธุจ้า...พ่อจ๋าแม่จ๋าเหมือนที่ครูเคยสอน ร่างป้อมเงยหน้า
“ธุจ้า ป้อจ๋า...แม่จ๋า... น้องเอจาเป็นเด็กดี เชื่อฟังคูนปู่ คูนย่า หมี่มี้จ๋า หนูจาม่ายดื้อ ม่ายซน ค้าบ” เสียงใสๆ เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีคล้ายท่องจำตามความเคยชินเหมือนที่เคยบอกกับพ่อจ๋า แม่จ๋าทุกวัน
หลังจากคุณหญิงเหมือนจันทร์ได้คุยกับหลาน เอเธนส์ยังเด็กนักอาจไม่เข้าใจว่าความตายคืออะไร รู้แค่ว่าพ่อจ๋า แม่จ๋าไม่อยู่เท่านั้น และตอนนี้ทั้งสองคนกำลังอยู่ที่ไกลมากๆ ส่วนลอนดอนยิ่งแล้วใหญ่ด้วยวัยแค่หนึ่งขวบหกเดือน ยังไม่ประสีประสาใดทั้งสิ้น
“เอลักป้อจ๋า แม่จ๋า น้า...น้องเอคิดถึงป้อจ๋า แม่จ๋าจังเยยค๊าบ” เด็กชายเอเธนส์เงยหน้าบอกหมี่มี้ ทุกคนเบือนหน้าหนี ซับน้ำตากับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย


ทันใดนั้นเองเหล่าชายชุดดำต่างชาติแปลกหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตกอกตกใจของแขกเหรื่อ หนุ่มหล่อมาดเข้ม สง่า ท่าทางเป็นหัวหน้าได้ก้าวเข้ามาทำความเคารพท่านทูตฯ ในฐานะผู้ใหญ่ของงาน นัยน์ตาคมดุเหลียวมองร่างโปร่งที่ยืนข้างมารดาฉายแววความรู้สึกที่ไม่มีใครเดาออกอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำกับผู้ใหญ่ทั้งสอง
“สวัสดีครับ”
เสียงทักทายภาษาไทยชัดเจนจากชายหนุ่มหน้าฝรั่ง ทุ้มนุ่มเต็มไปด้วยอำนาจกังวานดังในความรู้สึกของฟองฟ้า ทว่าก่อนที่ใครจะเอ่ยปากอีกครั้งเสียงเล็ก ๆ ของเอเธนส์ก็ดังมาแต่ไกล ร่างกลมป๊อกโถมเข้าใส่ร่างสูงที่รอรับอย่างคิดถึง ท่ามกลางความตกตะลึงของใครหลายคน
“ปาป้า คาบ”


ปล. แฮะๆ มาอีกตอนแระ ^/\^



รินคำ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2556, 16:14:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2556, 16:17:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1313





<< บทนำ   ตอนที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account