^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: ...ใครบางคน...ที่ทำให้โลกเปลี่ยนไป
...ใครสักคน...
...ฉันต้องไปตามหาที่ใด...ภายใต้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ สุดผืนทะเลแสนไกล ในสายลมที่พัดผ่านเร็ว ใต้หุบเหวที่ราวไร้ก้นบึ้ง...ที่ใดกัน ที่ฉันจะได้พบ???
ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่หลายครั้งที่หัวใจยังเหมือนว่างเปล่า
ฉันยังคงเหงา อยู่ในเงาของโลกที่หมุนไป
มีคนบอกว่าฟ้าจะส่งใครบางคน...มาเติมเต็มเศษเสี้ยวนั้น
ที่ใดกัน...ที่ฉันจะได้พบ
ชิ้นส่วนที่หายไป...ของหัวใจ
สายฝนโปรยลงมาเบา ๆ ทำให้ใครหลายคนที่เดินเกร่ถ่ายรูปกันอยู่กลางแจ้งถึงกับอุทานออกมาแล้วรีบวิ่งหลบเข้ามาในตัวอาคารกันจ้าละหวั่น เสียงคุยจ้อกแจ้กที่ดังอยู่แต่แรก ดูเหมือนจะดังมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเช่นเดียวกับความแออัดวุ่นวายจนน่ารำคาญ
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเบา ๆ พลางถอนใจกับแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้า ชีวิตบัณฑิตซ้อมรับปริญญาไม่ต่างอะไรกับกรรมกรในชุดครุย งานหลักคือการจัดท่าถ่ายภาพ งานรองคือการเดินบนรองเท้าหนังที่ยังคงกัดอย่างน่ารำคาญ
เพราะชีวิตวัยรุ่นมีค่าและงานรับปริญญามีความหมาย หลายคนจึงพยายามเก็บความประทับใจ ความภาคภูมิใจไว้กับภาพถ่าย รอยยิ้มระบายไปทั้วทั้งบนหน้าบัณฑิตและญาติที่มาร่วมงาน
หากจะมีใครที่ดูแปลกที่แปลกทางไปบ้าง คงเห็นบัณฑิตสาวในชุดกระโปรงนักศึกษาที่นั่งดูดกาแฟทำหน้าไม่สบอารมณ์ราวจะสาปส่งโลกทั้งใบ
เธอเกลียดความวุ่นวายของโลก
เธอเกลียดความแออัดของผู้คน
เธอเกลียดเสียงที่ดังวุ่นวายไปทั่ว
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เป็นครั้งที่เท่าไรของวันเธอเองก็ไม่ได้นับ สายตาเหลือบมองนาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก แปดโมงกว่า ใกล้เวลาที่เธอจะเข้าซ้อมในหอประชุมแล้ว ชีวิตที่แสนสงบจะกลับคืนมาในหอประชุมศักดิ์สิทธิ์
ขณะนั่งนิ่งอยู่หน้าถ้วยกาแฟราวทำพิธีศักดิ์สิทธิ์กับน้ำคาเฟอีน เสียงชัตเตอร์ที่ดังเบา ๆ อยู่แทบชิดตัวก็ทำให้เธอสะดุ้ง ใบหน้าเรียวเงยขึ้นอย่างเหวอๆ ดวงตากวาดมองหาต้นเสียงตามสัญชาตญาณ เพื่อจะพบกับกล้องตัวสวย เลนส์ทรงกระบอกที่เพิ่งถูกลดลงมาห้อยอยู่ในระยะมือเอื้อม
“มีคนนั่งไหมครับ” เจ้าของกล้องเอ่ยถามพร้อมผายมือไปทางเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเธอ
หญิงสาวชะงักไปครู่ ยังจับประเด็นความคิดไม่ถูก ขณะที่เธอยังกระพริบตาปริบ ๆ และไม่ทันได้เอ่ยตอบอะไร เขาก็กลับถือเป็นคำปฏิเสธ ลากเก้าอี้ไปทรุดตัวลงนั่งดื้อ ๆ
“บัณฑิตใหม่ใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยเหมือนชวนคุย และเช่นเดิม เธอยังไม่ทันเอ่ยตอบ คำถามก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คณะไหนหรือครับ”
เมื่อเขาเว้นจังหวะให้เธอทันคิดเพื่อเอ่ยตอบ หญิงสาวก็มีเวลาให้คิด เพื่อจะเอียงคอมองเขาก่อนคลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยตอบ “ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
ร่างบางลุกขึ้นยืน คว้าโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋า “ดิฉันขอตัว”
เธอเดินลัดผ่านทางเชื่อมระหว่างอาคาร ตรงไปยังอาคารอำนวยการมหาวิทยาลัย เพื่อนหลายคนสวมชุดครุยถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่เธอทำแค่ยิ้มบาง ๆ เมื่อมีคนเอ่ยทัก
“อ้าว...ไม่ใส่ครุยล่ะ”
“ขี้เกียจหิ้ว” เธอบอกง่าย ๆ
หญิงสาวเดินไปจองภาพถ่ายรับพระราชทานปริญญาบัตร ก่อนจะเข้าไปถ่ายภาพกับเพื่อน ๆ แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษา
ความจริงแล้ว เธอหลงรักชุดนักศึกษาพอ ๆ กับชุดครุยนั่นล่ะ ยิ่งเมื่อเรียนจบออกไปทำงานแล้ว การได้กลับมาใส่ชุดนักศึกษาอีกครั้งเป็นเหมือนของขวัญอีกประการในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร เธอจึงเลือกที่จะใช้ของขวัญทั้งสองชิ้นให้คุ้มในโอกาสสำคัญเช่นนี้
เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการฝึกซ้อมจากคณะเริ่มเดินตรวจสอบรายชื่อ เรียกรวมแถวเพื่อเตรียมเข้าห้องประชุม เพื่อน ๆ ถอดชุดครุยออกใส่ซองวางพาดไว้กับราวบันไดใกล้ ๆ บ้างก็ฝากญาติหรือตากล้องส่วนตัวไว้ ขบวนแถวเข้าห้องประชุมเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว และในวินาทีที่ทุกคนเข้ามารวมกันเรียบร้อยแล้ว ความเงียบอันศักดิ์สิทธิ์ก็บังเกิดขึ้น
อาจารย์ผู้ควบคุมการซ้อมเดินเข้ามาเอ่ยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ก่อนจะเปิดวีดีทัศน์อธิบายซ้ำอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การฝึกซ้อมก็เริ่มขึ้น บัณฑิตทั้งหอประชุมลุกขึ้นซ้อมถวายความเคารพ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และซ้อมถวายคำปฏิญาณ
เสียงที่เปล่งกังวานไปทั่วหอประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสาระที่ทำให้หญิงสาวเผลอคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ
ชุดครุยที่ได้สวมไม่ได้ให้แค่ความภาคภูมิใจของความสำเร็จ แต่ในหัวใจเธอมีไอบาง ๆ ของความอบอุ่นปนอหังการ์ในคำปฏิญญาที่จะมอบถวายต่อเบื้องพระพักตร์
...อหังการ์แห่งปฏิญญา ที่จะใช้ความรู้ ความสามารถที่มี เพื่อทดแทนคุณของแผ่นดิน!!!
การซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่คงความงดงาม ความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ด้วยความตั้งใจของบัณฑิตที่เตรียมเข้าร่วมพิธี
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจของทั้งบัณฑิตและผู้ดูแลจัดงานแล้ว การซ้อมย่อยก็จบลง อาจารย์กำชับถึงการเต่งกาย การเตรียมการซ้อมใหญ่อีกครั้ง ก่อนที่พวกเธอจะออกจากหอประชุม
หญิงสาวเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมคณะ หยิบโทรศัพท์มาโทร.แจ้งบิดาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เธอมีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าผู้เป็นบิดาจะฝ่ารถติดมารับได้
เธอกับเพื่อนร่วมคณะอีกสองคนกำลังตัดสินใจจะฝ่าคลื่นฝูงชนไปโรงอาหาร แต่เสียงเรียกของเพื่อนทำให้เธอหันไปมอง “มาถ่ายรูปกัน”
“พรุ่งนี้เถอะ ไม่ได้เอาครุยมาน่ะ”
“ไม่เป็นไร แกก็ถ่ายชุดนี้ วันนี้เราสวยมาถ่ายกันก่อน” เพื่อนรักบอกอย่างเอาแต่ใจทำให้เธออดหัวเราะไม่ได้
“ย่ะ...ถ้ารูปออกมาเราไม่สวยจะโทษเธอ” แล้วเธอก็เดินไปยืนควงแขนเพื่อนในชุดครุย คลี่ยิ้มให้กล้อง เสียงชัตเตอร์ดังถี่ ๆ สองครั้ง ก่อนที่ตากล้องจะลดกล้องลง
“เป็นคุณหมอนี่เอง ยินดีด้วยนะครับ”
หญิงสาวนิ่งงัน ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าคือคนที่เธอพบในร้านกาแฟ ทำตัวเสียมารยาทใส่ก่อนจะเดินจากมา
“นี่พาย...เพื่อนเอิร์น” เพื่อนสาวเอ่ยแนะนำเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ “พาย นี่พี่เอ็กซ์ ลูกพี่ลูกน้องเรา”
หญิงสาวยกมือไหว้เขาเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนทำท่าจะหมุนตัวหนี แต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นก่อน “เอิร์นชวนเพื่อนไปถ่ายรูปตรงนั้นสิ พี่ดูแล้วมุมดี” เขาชี้ไปตรงสระน้ำกว้างหน้าอาคารซึ่งมีเพิ่งที่นั่งเล็ก ๆ อยู่ข้างสระ
“เราไม่ได้เอาครุยมา ไว้ถ่ายพรุ่งนี้ดีกว่านะเอิร์น”
“เออ ตามใจ” เพื่อนสาวเอ่ยเช่นนั้น แต่คนเป็นพี่ชายกลับเงยหน้าบอกหน้าตาเฉย
“ไม่มีครุยก็ถ่ายได้ครับ ชุดนักศึกษาก็สวยดี ถ่ายคู่กับยายเอิร์นก่อนนะครับ”
แล้วเขาก็เดินไปเตรียมตั้งกล้อง ขณะที่เธอได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เพื่อนรักหรี่ตามองพี่ชายที เพื่อนทีอย่างเริ่มนึกสะกิดใจ
“เอ้า...เอิร์นถือดอกไม้ไว้ ไปนั่งตรงนี้ น้องพายนั่งฝั่งนี้นะครับ” เขาชี้นิ้วสั่ง แล้วสองสาวก็ได้แต่ทำตามอย่างว่างง่าย “น้องพายบิดเอวหันมาทางนี้นิดนึง ไม่ต้องเกร็งครับ ดีครับ”
เสียงชัตเตอร์ดังเบา ๆ หญิงสาวเตรียมจะลุกขึ้น แต่เขาร้องบอก “เดี๋ยวอีกรูปนะครับ”
แล้วคนตัวโตก็เดินมา คว้าช่อดอกไม้ในมือลูกพี่ลูกน้องสาวมาส่งให้เธอ หญิงสาวได้แต่มองอย่างงุนงง วินาทีนั้นเหมือนเธอได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังเบา ๆ อยู่ในหู แล้วเขาก็บอก “น้องพายถือดอกไม้ไว้นะครับ”
เธอยื่นมือไปรับช่อดอกไม้มาถือไว้ เขาเดินกลับไปยืนหลังกล้อง มองตรงมาอีกครั้งราวจะตรวจดูความเรียบร้อย ไม่ต้องมีคำพูดใด วินาทีนั้นเธอรู้สึกราวโลกหยุดหมุน ในท้องมวนประหลาดคล้ายมีผีเสื้อนับล้านเข้าไปกระพือปีกบินเล่น เขาก้มลงไปมองผ่านเลนส์กล้อง แต่เธอยังรู้สึกราวสายตาคมคู่นั้นยังมองจ้องสบตาเธอผ่านเลนส์ทรงกระบอก
หลังภาพนั้นเรียบร้อย เธอก็รีบส่งช่อดอกไม้คืนเพื่อน
“ไปละ หิว...เดี๋ยวเราไปหาอาหารกับมีนก่อน”
ไม่ต้องรอใครตอบรับ หรือใครร้องชวนไปไหนอีกแล้ว หญิงสาวรีบเดินออกจากที่แห่งนั้นโดยเร็ว โดยไม่แม้จะมองหน้าตากล้องของเพื่อนอีกครั้ง
วินาทีที่เธอเดินผ่านเขา ไหล่บางเฉียดผ่านแขนเสื้อเชิตสีฟ้าอ่อน ราวจะมีไออุ่น ๆ บางอย่างติดมาพร้อมกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูก เสียงทุ้มดังเบา ๆ ราวจะก้องซ้ำ ๆ อยู่ในหูเธอ
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
จนมานั่งอยู่ที่โรงอาหารอยู่กับเพื่อนอีกคนนั่นล่ะ เธอจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทจากมาโดยไม่ได้ไหว้ลาเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเธอไม่ควรแสดงกิริยาไม่ดีต่อพี่ชายของเพื่อน
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ แล้วเสียงทุ้มที่เอ่ยคำก่อนเธอจากมาก็มาดังในหัวอีกครั้ง สมองเธอกำลังงงงันคล้ายตัวการ์ตูนที่ถูกตบหัวอย่างแรงจนเห็นเดือนเห็นดาว สัญชาตญาณบางอย่างในตัวเตือนให้เธอถอยห่างจากเขาให้ไกลที่สุดก่อนที่บางอย่างในชีวิตจะถูกทำให้เปลี่ยนไปด้วยแววตาที่อยู่หลังกล้องนั้น
คืนนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเขาทำโทษกับความไร้มารยาท เมื่อหญิงสาวเปิดดูโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คส่วนตัวแล้วพบกับภาพที่ถูกแปะอยู่บนหน้าเว็บไซท์
...ของฝากจากพี่เอ็กซ์ พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ...
เอิร์นโพสท์ข้อความไว้อย่างนั้น พร้อมภาพที่ทำให้เธอต้องกระพริบตามองซ้ำ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
มันคือภาพของผู้ชายตัวโตที่ยื่นดอกไม้ช่อสวยมาให้เธอซึ่งนั่งมองเหวออยู่ริมสระ ไม่รู้ว่าเขาจัดมุมกล้องอย่างไรจึงผลักเพื่อนเธอตกเฟรมไปได้อย่างพอดิบพอดี
หญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจที่ขัดไปของตัวเอง เธอมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
คล้ายควรโกรธ แต่แปลกที่ไม่ค่อยโกรธ กึ่งตกใจ กึ่งแปลกใจ กึ่งงุนงง กึ่งสงสัย และกึ่ง ๆ คล้ายว่าบางสิ่งที่เรียกว่าหัวใจกำลังไหวเบา ๆ อยู่ในอก
...คุณพระ...เธอภาวนาให้พรุ่งนี้ไม่เจอเขา
สังหรณ์ใจบางอย่างว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น สังหรณ์ใจบางอย่างบอกว่าเธอกับเขาอาจต้องพบกันอีกนาน และบางอย่างที่เคยว่างโหวงในหัวใจคล้ายจะมีไออุ่น ๆ ก่อตัวขึ้นมาเพิ่มเติม
คืนนั้นเธอนอนไม่หลับ แล้วโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงก็สั่นเบา ๆ เธอคว้าไปหยิบมาดู เป็นเบอร์ประหลาดที่ส่งข้อความภาพมาให้
หญิงสาวเปิดออกดูก่อนจะเม้มริมฝีปากเบา ๆ
เป็นภาพเธอในชุดนักศึกษาขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟ มุมกล้องที่ถ่ายนั้นใกล้จนแลเห็นความว่างเปล่าในดวงตา ภาพนั้นแนบมากับข้อความ
'ถ้านั่งคนเดียวแล้วหนูจะดูเหงาอย่างนี้...อนุญาตให้พี่ไปนั่งข้าง ๆ นะครับ
ฝันดีครับ...พรุ่งนี้เจอกัน
พี่เอ็กซ์'
พายนิ่งไปนานก่อนพลิกตัวไปวางโทรศัพท์ลง ในหัวใจยังไหวด้วยจังหวะประหลาด
เสียงแปลก ๆ ในใจกำลังเตือนเธอ ว่าเขา...อาจเป็นใครบางคน...ที่จะทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไป
---------
คิดถึงค่ะ...นานแล้วที่ไม่ได้เข้ามาที่บ้านสิรินดา ไอซ์วุ่นอยู่กับงาน สนุกกับการตามหาหัวใจและความฝันของตัวเอง และขาดแรงบันดาลใจกับเรื่องราวความรักไปพักใหญ่ ๆ
วันนี้ลองเขียนเล่น ในโอกาสซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตร เห็นตากล้องแล้วอดเคลิ้มเบา ๆ ไม่ได้ ไม่ได้เคลิ้มตากล้องนะคะ...เคลิ้มกล้องในคอนั่นล่ะ ทั้งนิกกี้ทั้งแคนดี้ อยากจะเก็บตังค์ซื้อจริง ๆ แต่ก็กลัวจะพาน้องเธอไปเที่ยวได้ไม่คุ้ม เลยแปะโป้งไว้ก่อน แหะ ๆ
โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกท่านด้วยนะคะ
...ฉันต้องไปตามหาที่ใด...ภายใต้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ สุดผืนทะเลแสนไกล ในสายลมที่พัดผ่านเร็ว ใต้หุบเหวที่ราวไร้ก้นบึ้ง...ที่ใดกัน ที่ฉันจะได้พบ???
ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่หลายครั้งที่หัวใจยังเหมือนว่างเปล่า
ฉันยังคงเหงา อยู่ในเงาของโลกที่หมุนไป
มีคนบอกว่าฟ้าจะส่งใครบางคน...มาเติมเต็มเศษเสี้ยวนั้น
ที่ใดกัน...ที่ฉันจะได้พบ
ชิ้นส่วนที่หายไป...ของหัวใจ
สายฝนโปรยลงมาเบา ๆ ทำให้ใครหลายคนที่เดินเกร่ถ่ายรูปกันอยู่กลางแจ้งถึงกับอุทานออกมาแล้วรีบวิ่งหลบเข้ามาในตัวอาคารกันจ้าละหวั่น เสียงคุยจ้อกแจ้กที่ดังอยู่แต่แรก ดูเหมือนจะดังมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเช่นเดียวกับความแออัดวุ่นวายจนน่ารำคาญ
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเบา ๆ พลางถอนใจกับแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้า ชีวิตบัณฑิตซ้อมรับปริญญาไม่ต่างอะไรกับกรรมกรในชุดครุย งานหลักคือการจัดท่าถ่ายภาพ งานรองคือการเดินบนรองเท้าหนังที่ยังคงกัดอย่างน่ารำคาญ
เพราะชีวิตวัยรุ่นมีค่าและงานรับปริญญามีความหมาย หลายคนจึงพยายามเก็บความประทับใจ ความภาคภูมิใจไว้กับภาพถ่าย รอยยิ้มระบายไปทั้วทั้งบนหน้าบัณฑิตและญาติที่มาร่วมงาน
หากจะมีใครที่ดูแปลกที่แปลกทางไปบ้าง คงเห็นบัณฑิตสาวในชุดกระโปรงนักศึกษาที่นั่งดูดกาแฟทำหน้าไม่สบอารมณ์ราวจะสาปส่งโลกทั้งใบ
เธอเกลียดความวุ่นวายของโลก
เธอเกลียดความแออัดของผู้คน
เธอเกลียดเสียงที่ดังวุ่นวายไปทั่ว
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เป็นครั้งที่เท่าไรของวันเธอเองก็ไม่ได้นับ สายตาเหลือบมองนาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก แปดโมงกว่า ใกล้เวลาที่เธอจะเข้าซ้อมในหอประชุมแล้ว ชีวิตที่แสนสงบจะกลับคืนมาในหอประชุมศักดิ์สิทธิ์
ขณะนั่งนิ่งอยู่หน้าถ้วยกาแฟราวทำพิธีศักดิ์สิทธิ์กับน้ำคาเฟอีน เสียงชัตเตอร์ที่ดังเบา ๆ อยู่แทบชิดตัวก็ทำให้เธอสะดุ้ง ใบหน้าเรียวเงยขึ้นอย่างเหวอๆ ดวงตากวาดมองหาต้นเสียงตามสัญชาตญาณ เพื่อจะพบกับกล้องตัวสวย เลนส์ทรงกระบอกที่เพิ่งถูกลดลงมาห้อยอยู่ในระยะมือเอื้อม
“มีคนนั่งไหมครับ” เจ้าของกล้องเอ่ยถามพร้อมผายมือไปทางเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเธอ
หญิงสาวชะงักไปครู่ ยังจับประเด็นความคิดไม่ถูก ขณะที่เธอยังกระพริบตาปริบ ๆ และไม่ทันได้เอ่ยตอบอะไร เขาก็กลับถือเป็นคำปฏิเสธ ลากเก้าอี้ไปทรุดตัวลงนั่งดื้อ ๆ
“บัณฑิตใหม่ใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยเหมือนชวนคุย และเช่นเดิม เธอยังไม่ทันเอ่ยตอบ คำถามก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คณะไหนหรือครับ”
เมื่อเขาเว้นจังหวะให้เธอทันคิดเพื่อเอ่ยตอบ หญิงสาวก็มีเวลาให้คิด เพื่อจะเอียงคอมองเขาก่อนคลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยตอบ “ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
ร่างบางลุกขึ้นยืน คว้าโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋า “ดิฉันขอตัว”
เธอเดินลัดผ่านทางเชื่อมระหว่างอาคาร ตรงไปยังอาคารอำนวยการมหาวิทยาลัย เพื่อนหลายคนสวมชุดครุยถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่เธอทำแค่ยิ้มบาง ๆ เมื่อมีคนเอ่ยทัก
“อ้าว...ไม่ใส่ครุยล่ะ”
“ขี้เกียจหิ้ว” เธอบอกง่าย ๆ
หญิงสาวเดินไปจองภาพถ่ายรับพระราชทานปริญญาบัตร ก่อนจะเข้าไปถ่ายภาพกับเพื่อน ๆ แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษา
ความจริงแล้ว เธอหลงรักชุดนักศึกษาพอ ๆ กับชุดครุยนั่นล่ะ ยิ่งเมื่อเรียนจบออกไปทำงานแล้ว การได้กลับมาใส่ชุดนักศึกษาอีกครั้งเป็นเหมือนของขวัญอีกประการในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร เธอจึงเลือกที่จะใช้ของขวัญทั้งสองชิ้นให้คุ้มในโอกาสสำคัญเช่นนี้
เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการฝึกซ้อมจากคณะเริ่มเดินตรวจสอบรายชื่อ เรียกรวมแถวเพื่อเตรียมเข้าห้องประชุม เพื่อน ๆ ถอดชุดครุยออกใส่ซองวางพาดไว้กับราวบันไดใกล้ ๆ บ้างก็ฝากญาติหรือตากล้องส่วนตัวไว้ ขบวนแถวเข้าห้องประชุมเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว และในวินาทีที่ทุกคนเข้ามารวมกันเรียบร้อยแล้ว ความเงียบอันศักดิ์สิทธิ์ก็บังเกิดขึ้น
อาจารย์ผู้ควบคุมการซ้อมเดินเข้ามาเอ่ยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ก่อนจะเปิดวีดีทัศน์อธิบายซ้ำอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การฝึกซ้อมก็เริ่มขึ้น บัณฑิตทั้งหอประชุมลุกขึ้นซ้อมถวายความเคารพ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และซ้อมถวายคำปฏิญาณ
เสียงที่เปล่งกังวานไปทั่วหอประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสาระที่ทำให้หญิงสาวเผลอคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ
ชุดครุยที่ได้สวมไม่ได้ให้แค่ความภาคภูมิใจของความสำเร็จ แต่ในหัวใจเธอมีไอบาง ๆ ของความอบอุ่นปนอหังการ์ในคำปฏิญญาที่จะมอบถวายต่อเบื้องพระพักตร์
...อหังการ์แห่งปฏิญญา ที่จะใช้ความรู้ ความสามารถที่มี เพื่อทดแทนคุณของแผ่นดิน!!!
การซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่คงความงดงาม ความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ด้วยความตั้งใจของบัณฑิตที่เตรียมเข้าร่วมพิธี
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจของทั้งบัณฑิตและผู้ดูแลจัดงานแล้ว การซ้อมย่อยก็จบลง อาจารย์กำชับถึงการเต่งกาย การเตรียมการซ้อมใหญ่อีกครั้ง ก่อนที่พวกเธอจะออกจากหอประชุม
หญิงสาวเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมคณะ หยิบโทรศัพท์มาโทร.แจ้งบิดาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เธอมีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าผู้เป็นบิดาจะฝ่ารถติดมารับได้
เธอกับเพื่อนร่วมคณะอีกสองคนกำลังตัดสินใจจะฝ่าคลื่นฝูงชนไปโรงอาหาร แต่เสียงเรียกของเพื่อนทำให้เธอหันไปมอง “มาถ่ายรูปกัน”
“พรุ่งนี้เถอะ ไม่ได้เอาครุยมาน่ะ”
“ไม่เป็นไร แกก็ถ่ายชุดนี้ วันนี้เราสวยมาถ่ายกันก่อน” เพื่อนรักบอกอย่างเอาแต่ใจทำให้เธออดหัวเราะไม่ได้
“ย่ะ...ถ้ารูปออกมาเราไม่สวยจะโทษเธอ” แล้วเธอก็เดินไปยืนควงแขนเพื่อนในชุดครุย คลี่ยิ้มให้กล้อง เสียงชัตเตอร์ดังถี่ ๆ สองครั้ง ก่อนที่ตากล้องจะลดกล้องลง
“เป็นคุณหมอนี่เอง ยินดีด้วยนะครับ”
หญิงสาวนิ่งงัน ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าคือคนที่เธอพบในร้านกาแฟ ทำตัวเสียมารยาทใส่ก่อนจะเดินจากมา
“นี่พาย...เพื่อนเอิร์น” เพื่อนสาวเอ่ยแนะนำเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ “พาย นี่พี่เอ็กซ์ ลูกพี่ลูกน้องเรา”
หญิงสาวยกมือไหว้เขาเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนทำท่าจะหมุนตัวหนี แต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นก่อน “เอิร์นชวนเพื่อนไปถ่ายรูปตรงนั้นสิ พี่ดูแล้วมุมดี” เขาชี้ไปตรงสระน้ำกว้างหน้าอาคารซึ่งมีเพิ่งที่นั่งเล็ก ๆ อยู่ข้างสระ
“เราไม่ได้เอาครุยมา ไว้ถ่ายพรุ่งนี้ดีกว่านะเอิร์น”
“เออ ตามใจ” เพื่อนสาวเอ่ยเช่นนั้น แต่คนเป็นพี่ชายกลับเงยหน้าบอกหน้าตาเฉย
“ไม่มีครุยก็ถ่ายได้ครับ ชุดนักศึกษาก็สวยดี ถ่ายคู่กับยายเอิร์นก่อนนะครับ”
แล้วเขาก็เดินไปเตรียมตั้งกล้อง ขณะที่เธอได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เพื่อนรักหรี่ตามองพี่ชายที เพื่อนทีอย่างเริ่มนึกสะกิดใจ
“เอ้า...เอิร์นถือดอกไม้ไว้ ไปนั่งตรงนี้ น้องพายนั่งฝั่งนี้นะครับ” เขาชี้นิ้วสั่ง แล้วสองสาวก็ได้แต่ทำตามอย่างว่างง่าย “น้องพายบิดเอวหันมาทางนี้นิดนึง ไม่ต้องเกร็งครับ ดีครับ”
เสียงชัตเตอร์ดังเบา ๆ หญิงสาวเตรียมจะลุกขึ้น แต่เขาร้องบอก “เดี๋ยวอีกรูปนะครับ”
แล้วคนตัวโตก็เดินมา คว้าช่อดอกไม้ในมือลูกพี่ลูกน้องสาวมาส่งให้เธอ หญิงสาวได้แต่มองอย่างงุนงง วินาทีนั้นเหมือนเธอได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังเบา ๆ อยู่ในหู แล้วเขาก็บอก “น้องพายถือดอกไม้ไว้นะครับ”
เธอยื่นมือไปรับช่อดอกไม้มาถือไว้ เขาเดินกลับไปยืนหลังกล้อง มองตรงมาอีกครั้งราวจะตรวจดูความเรียบร้อย ไม่ต้องมีคำพูดใด วินาทีนั้นเธอรู้สึกราวโลกหยุดหมุน ในท้องมวนประหลาดคล้ายมีผีเสื้อนับล้านเข้าไปกระพือปีกบินเล่น เขาก้มลงไปมองผ่านเลนส์กล้อง แต่เธอยังรู้สึกราวสายตาคมคู่นั้นยังมองจ้องสบตาเธอผ่านเลนส์ทรงกระบอก
หลังภาพนั้นเรียบร้อย เธอก็รีบส่งช่อดอกไม้คืนเพื่อน
“ไปละ หิว...เดี๋ยวเราไปหาอาหารกับมีนก่อน”
ไม่ต้องรอใครตอบรับ หรือใครร้องชวนไปไหนอีกแล้ว หญิงสาวรีบเดินออกจากที่แห่งนั้นโดยเร็ว โดยไม่แม้จะมองหน้าตากล้องของเพื่อนอีกครั้ง
วินาทีที่เธอเดินผ่านเขา ไหล่บางเฉียดผ่านแขนเสื้อเชิตสีฟ้าอ่อน ราวจะมีไออุ่น ๆ บางอย่างติดมาพร้อมกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูก เสียงทุ้มดังเบา ๆ ราวจะก้องซ้ำ ๆ อยู่ในหูเธอ
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
จนมานั่งอยู่ที่โรงอาหารอยู่กับเพื่อนอีกคนนั่นล่ะ เธอจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทจากมาโดยไม่ได้ไหว้ลาเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเธอไม่ควรแสดงกิริยาไม่ดีต่อพี่ชายของเพื่อน
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ แล้วเสียงทุ้มที่เอ่ยคำก่อนเธอจากมาก็มาดังในหัวอีกครั้ง สมองเธอกำลังงงงันคล้ายตัวการ์ตูนที่ถูกตบหัวอย่างแรงจนเห็นเดือนเห็นดาว สัญชาตญาณบางอย่างในตัวเตือนให้เธอถอยห่างจากเขาให้ไกลที่สุดก่อนที่บางอย่างในชีวิตจะถูกทำให้เปลี่ยนไปด้วยแววตาที่อยู่หลังกล้องนั้น
คืนนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเขาทำโทษกับความไร้มารยาท เมื่อหญิงสาวเปิดดูโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คส่วนตัวแล้วพบกับภาพที่ถูกแปะอยู่บนหน้าเว็บไซท์
...ของฝากจากพี่เอ็กซ์ พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ...
เอิร์นโพสท์ข้อความไว้อย่างนั้น พร้อมภาพที่ทำให้เธอต้องกระพริบตามองซ้ำ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
มันคือภาพของผู้ชายตัวโตที่ยื่นดอกไม้ช่อสวยมาให้เธอซึ่งนั่งมองเหวออยู่ริมสระ ไม่รู้ว่าเขาจัดมุมกล้องอย่างไรจึงผลักเพื่อนเธอตกเฟรมไปได้อย่างพอดิบพอดี
หญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจที่ขัดไปของตัวเอง เธอมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
คล้ายควรโกรธ แต่แปลกที่ไม่ค่อยโกรธ กึ่งตกใจ กึ่งแปลกใจ กึ่งงุนงง กึ่งสงสัย และกึ่ง ๆ คล้ายว่าบางสิ่งที่เรียกว่าหัวใจกำลังไหวเบา ๆ อยู่ในอก
...คุณพระ...เธอภาวนาให้พรุ่งนี้ไม่เจอเขา
สังหรณ์ใจบางอย่างว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น สังหรณ์ใจบางอย่างบอกว่าเธอกับเขาอาจต้องพบกันอีกนาน และบางอย่างที่เคยว่างโหวงในหัวใจคล้ายจะมีไออุ่น ๆ ก่อตัวขึ้นมาเพิ่มเติม
คืนนั้นเธอนอนไม่หลับ แล้วโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงก็สั่นเบา ๆ เธอคว้าไปหยิบมาดู เป็นเบอร์ประหลาดที่ส่งข้อความภาพมาให้
หญิงสาวเปิดออกดูก่อนจะเม้มริมฝีปากเบา ๆ
เป็นภาพเธอในชุดนักศึกษาขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟ มุมกล้องที่ถ่ายนั้นใกล้จนแลเห็นความว่างเปล่าในดวงตา ภาพนั้นแนบมากับข้อความ
'ถ้านั่งคนเดียวแล้วหนูจะดูเหงาอย่างนี้...อนุญาตให้พี่ไปนั่งข้าง ๆ นะครับ
ฝันดีครับ...พรุ่งนี้เจอกัน
พี่เอ็กซ์'
พายนิ่งไปนานก่อนพลิกตัวไปวางโทรศัพท์ลง ในหัวใจยังไหวด้วยจังหวะประหลาด
เสียงแปลก ๆ ในใจกำลังเตือนเธอ ว่าเขา...อาจเป็นใครบางคน...ที่จะทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไป
---------
คิดถึงค่ะ...นานแล้วที่ไม่ได้เข้ามาที่บ้านสิรินดา ไอซ์วุ่นอยู่กับงาน สนุกกับการตามหาหัวใจและความฝันของตัวเอง และขาดแรงบันดาลใจกับเรื่องราวความรักไปพักใหญ่ ๆ
วันนี้ลองเขียนเล่น ในโอกาสซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตร เห็นตากล้องแล้วอดเคลิ้มเบา ๆ ไม่ได้ ไม่ได้เคลิ้มตากล้องนะคะ...เคลิ้มกล้องในคอนั่นล่ะ ทั้งนิกกี้ทั้งแคนดี้ อยากจะเก็บตังค์ซื้อจริง ๆ แต่ก็กลัวจะพาน้องเธอไปเที่ยวได้ไม่คุ้ม เลยแปะโป้งไว้ก่อน แหะ ๆ
โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกท่านด้วยนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ค. 2556, 17:50:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ค. 2556, 18:30:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 2398
<< ~ข้าง ๆ หัวใจ~ | What is Love???(1) >> |


น้องแสตมป์ 2 ก.ค. 2556, 18:28:47 น.
แอบอมยิ้มน้อยๆ คิดย้อนไปสมัยรับปริญญา
เอิ้ม ไม่อยากนับปีเลยให้ตาย
แอบอมยิ้มน้อยๆ คิดย้อนไปสมัยรับปริญญา
เอิ้ม ไม่อยากนับปีเลยให้ตาย

pandepam 2 ก.ค. 2556, 20:27:09 น.
น่ารักจัง ^^
น่ารักจัง ^^

mhengjhy 2 ก.ค. 2556, 20:40:23 น.
แหม่ เชิญมานั่งข้างๆ เลยค่ะ ^^
แหม่ เชิญมานั่งข้างๆ เลยค่ะ ^^

goldensun 2 ก.ค. 2556, 20:42:18 น.
เคลิ้มตามไปด้วยเลย เป็นว่าที่บัณฑิตที่ไม่วุ่นวายจริงๆ
เคลิ้มตามไปด้วยเลย เป็นว่าที่บัณฑิตที่ไม่วุ่นวายจริงๆ

หนอนแว่นตาโต 2 ก.ค. 2556, 20:50:49 น.
สนุกจ้า รออ่านตอนต่อไปนะคุณหมอ
สนุกจ้า รออ่านตอนต่อไปนะคุณหมอ


คิมหันตุ์ 3 ก.ค. 2556, 01:13:56 น.
สาวกนิกกี้ นั่งยิ้มเบาๆ คิคิ
สาวกนิกกี้ นั่งยิ้มเบาๆ คิคิ



grazioso 3 ก.ค. 2556, 20:47:54 น.
ยินดีด้วยนะคะพี่ไอซ์ :) เป็นคุณหมอเต็มตัวแล้ว ยังไงก็สู้ๆ นะคะ :)
เปิดเรื่องมาอ่าน เป็นช่วงรับปริญญา แบบว่า ใช่เลย เพิ่งถ่ายรูปกับพี่บัณฑิตไปเมื่อวันก่อน ได้บรรยากาศมาก ๕๕
ยิ่งตอนมายืนเรียงกันครบสาย7คน แล้วตัวเรากลายเป็นคนที่สองต่อจากพี่บัณฑิตหัวแถว ยิ่งรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมากๆ อยู่ๆพี่รหัสก็เรียนจบ กลายเป็นคุณหมอเต็มตัวกันแล้ว :) บรรยากาศการถ่ายรูปก็วุ่นวายจริงอย่างที่ว่าล่ะคะ สายนึงก็มีกันตั้งกี่คน มารวมถ่ายรูปบริเวณใกล้ๆ กันก็อย่างนี้แหละ ๕๕๕๕
ในส่วนตัวเรื่อง แอบคิดว่าแม่สาวตัวเอกของเรา ช่างแรงได้ใจกับประโยต "ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ" โอยยย จี๊ดมาก แรงมากค่ะ ๕๕๕๕ ถ้าแก้วเป็นคุณพี่เอ็กซ์ อาจจะเลิกตอแยเธอไปแล้ว กลัว ๕๕๕๕
ส่วนคุณพี่เอ็กซ์ก็แบบว่า ... กรี๊ดมาก จีบกันแบบ ..โอยยยยย .. เขินแทนสาวพาย >////<
อยากให้วันรับปริญญาตัวเองเจออะไรแบบนี้บ้าง ๕๕๕๕
เป็นกำลังใจให้พี่ไอซ์เสมอนะคะ :)
ยินดีด้วยนะคะพี่ไอซ์ :) เป็นคุณหมอเต็มตัวแล้ว ยังไงก็สู้ๆ นะคะ :)
เปิดเรื่องมาอ่าน เป็นช่วงรับปริญญา แบบว่า ใช่เลย เพิ่งถ่ายรูปกับพี่บัณฑิตไปเมื่อวันก่อน ได้บรรยากาศมาก ๕๕
ยิ่งตอนมายืนเรียงกันครบสาย7คน แล้วตัวเรากลายเป็นคนที่สองต่อจากพี่บัณฑิตหัวแถว ยิ่งรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมากๆ อยู่ๆพี่รหัสก็เรียนจบ กลายเป็นคุณหมอเต็มตัวกันแล้ว :) บรรยากาศการถ่ายรูปก็วุ่นวายจริงอย่างที่ว่าล่ะคะ สายนึงก็มีกันตั้งกี่คน มารวมถ่ายรูปบริเวณใกล้ๆ กันก็อย่างนี้แหละ ๕๕๕๕
ในส่วนตัวเรื่อง แอบคิดว่าแม่สาวตัวเอกของเรา ช่างแรงได้ใจกับประโยต "ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ" โอยยย จี๊ดมาก แรงมากค่ะ ๕๕๕๕ ถ้าแก้วเป็นคุณพี่เอ็กซ์ อาจจะเลิกตอแยเธอไปแล้ว กลัว ๕๕๕๕
ส่วนคุณพี่เอ็กซ์ก็แบบว่า ... กรี๊ดมาก จีบกันแบบ ..โอยยยยย .. เขินแทนสาวพาย >////<
อยากให้วันรับปริญญาตัวเองเจออะไรแบบนี้บ้าง ๕๕๕๕
เป็นกำลังใจให้พี่ไอซ์เสมอนะคะ :)

pseudolife 4 ก.ค. 2556, 23:10:52 น.
อ่านแล้วกรี๊ดเลย เข้ากับบรรยากาศช่วงนี้มากๆ ค่า
อ่านแล้วกรี๊ดเลย เข้ากับบรรยากาศช่วงนี้มากๆ ค่า