^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: What is Love???(1)
What's love???
เรื่องราวบางส่วนของเฮียเล้งกับหมิงเยว่ จาก 'เพียงใจในสายลม'
...Q : What’s love??...
…A : A set of combination between chemical substances, resulting in stupidity, selfishness, ruthlessness, emotional unstability and lack of reasoning as we know…
มีคนกล่าวถึงความรักไว้อย่างนั้น ในหน้าจอเว็บไซท์โซเชี่ยลเน็ทเวิร์คที่ฉันเคยแปะคำถามไว้
คำตอบนั้นทำให้ครุ่นคิด...และอดจะถอนใจเบา ๆ ไม่ได้ เมื่อนิ้วเลื่อนไปแตะแหวนมุกรูปมงกุฏดอกไม้ที่นิ้วนางข้างซ้าย
แหวนที่ฉันได้มาเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมคำสัญญาที่ให้ไว้กับใครบางคนในวันที่หัวใจไม่เสถียร
ในวันที่ฉันปรารถนาความรักจากใครบางคน แม้รู้ตัวดีว่าไม่มีวันได้มา
ในวันที่เขา...ต้องการเพียงเกราะที่สร้างชีวิตให้สมบูรณ์ โดยปราศจากความรัก
…มันสำคัญนักหรือ หมิงเยว่...ความรักน่ะ???...
…He will never love you, don’t marry him!...
ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ฉันอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ โชคดีที่ยุคของสมาร์ทโฟนทำให้ไม่มีใครสนใจคนที่นั่งยิ้มกับโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นฉันคงดูคล้ายคนบ้าเต็มที
...Please tell him, I’m proposed, not the proposer…
ฉันจรดปลายนิ้วลงบนจอ พิมพ์ข้อความตอบกลับด้วยรอยยิ้มกึ่งขัน น่าสงสารผู้หญิงที่งมงายในรัก ไม่สิ...มันอาจไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความรู้สึกอะไรก็ตามแต่ทำให้ใคร่ครอบครอง ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ และเมื่อไม่ได้มาก็เต้นเร่าอย่างบ้าคลั่ง ตามรังควานคนที่คว้าเอาไว้ได้ราวเด็กขี้อิจฉาผู้ปรารถนาในของเล่นชิ้นงาม
น่าเศร้าที่ความจริงอันโหดร้ายคือ ฉันไม่ใช่ผู้ร้องขอต่อของเล่นชิ้นใดของเธอ แต่ฉัน...คือผู้ถูกร้องขอ ให้คว้าของเล่นชิ้นนั้นมาไว้ในมือ
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ...ของเล่นชิ้นนั้นไม่ใช่ตุ๊กตาที่ยอมถูกจับวางที่ไหนก็ได้ แต่เขา! มีชีวิต มีจิตใจ
และจิตใจที่รักอิสระยิ่งนั้น เลือกให้ฉันเป็นเกราะที่ดูแล...รักษาอิสระของเขาเอาไว้
หลายคนอาจริษยาที่เห็นว่าฉันได้เดินเคียงข้างเขา จับกุมมือเกี่ยวกันราวคู่รักที่หวานชื่น แต่ความจริงที่น้อยคนจะรู้
...มันสำคัญนักหรือ หมิงเยว่...ความรักน่ะ???...
“บ่ายนี้เฮียมีประชุมกับฝ่ายขาย เธอมารอที่นี่ก่อนได้ไหม? ” เสียงทุ้มเอ่ยถามมาจากปลายสาย
“หนูรอที่นี่ดีกว่าค่ะ วันนี้ไม่ได้เอารถมา ขี้เกียจหาแท็กซี่น่ะ”
“เดี๋ยวเฮียให้รถบริษัทไปรับ มารอที่นี่นะ”
นี่ล่ะ ผู้ชายจอมเผด็จการที่ชอบยื่นตัวเลือกมา เพื่อให้ฉันเลือกทางที่เขาตองการเสมอ
แต่ฉันก็คือฉัน...พระจันทร์จอมพยศที่ไม่เคยหยุดนิ่ง “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปว่ายน้ำกับเพื่อนก่อน ขี้เกียจไปนั่งหง่าวรอเฮียที่ห้อง”
“เฮียให้รถออกไปแล้ว เดี๋ยวมานั่งกับเฮียในห้องประชุมก็ได้”
เขาบอกแล้วตัดสัญญาณไปดื้อ ๆ ขณะที่ฉันได้แต่ถอนใจเบา ๆ ส่ายหน้ามองโทรศัพท์ อ่อนใจกับคนหัวดื้อ
มังกรนิสัยเสียเป็นจอมเผด็จการที่ทำตามคำพูดเสมอ เขาลากฉันไปนั่งเป็นตุ๊กตาในการประชุมฝ่ายขายของบริษัท ตัวเลขบัญชีและข้อมูลวิจัยตลาดมากมายผ่านหูฉันไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้เข้าสมองแม้แต่น้อยนิด
ถ้าฉันเป็นผู้หญิงของวิทยาศาสตร์ เขาก็คือผู้ชายของเศรษฐศาสตร์โดยแท้จริง
ฉันเริ่มง่วง และกำลังจะหลับ แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงทุ้มของมังกรเกเร “ผมอยากได้ความเห็นของคนนอก...หมิงเยว่ คิดว่ายังไงกับโปรเจคท์นี้”
ฉันกระพริบตาปริบ ๆ เรียกสติตัวเองให้คืนมา แล้วรีบใช้สมองประมวลผลอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้
เขาถามถึงโปรเจคท์บ้าอะไรสักอย่างที่ฉันพอได้ยินแค่ตอนต้นที่ยังสนใจฟังอยู่บ้าง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแพคเกจทัวร์ของโรงแรมในภูเก็ต แต่จะมีอะไรบ้างหรือเป็นอย่างไร ฉันไม่ได้ปล่อยรายละเอียดเหล่านั้นให้ผ่านเข้าสมองสักนิด
เฮียเล้งแกล้งกันชัดๆ!
ทุกสายตาหันมามองฉันเป็นตาเดียว ขณะที่ฉันนิ่งรวบรวมสติที่ไร้สตางค์ให้เข้าที่ สร้างมายด์แมปเล็กๆในใจเพื่อช่วยในการประมวลผล ก่อนแปรรูปออกมาเป็นคำพูด
“ฉันขอพูดในฐานะผู้บริโภคแล้วกันนะคะ จริง ๆ ความเห็นฉันก็ไม่ค่อยต่างกับการวิจัยทางการตลาดเท่าไร” พูดไปอย่างนั้นล่ะ เขาวิจัยอะไรออกมาบ้างฉันไม่รู้หรอก แต่บริษัทระดับนี้คงไม่ทำอะไรออกมาโดยไม่หาข้อมูลก่อนแน่ๆ “ฉันชอบมองความต้องการของมนุษย์ง่าย ๆ ตามหลักมาสโลว์ พื้นฐานสุดคือเรื่องทางกายภาพ สูงมาหน่อยคือความปลอดภัย มั่นคง คุณคงทราบดีอยู่แล้ว แต่บนสุดจริง ๆ คือ self-actualization ที่มาสโลว์บอกว่า What a man can be, he must be. เรา...ในฐานะผู้ให้บริการจะทำอย่างไรจึงตอบสนองความต้องการข้อสำคัญนี้ได้ คงเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่สุดสำหรับโปรเจคท์นี้”
ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ หลายคนเริ่มเลิกคิ้ว ทำหน้าเหมือนไม่รู้จักมาสโลว์ เจ้าพ่อจิตวิทยา “คือ...ฉันหมายความว่า คนที่มาท่องเที่ยวล้วนมี ideal…เอ่อ...แผนการเที่ยวในความคิดของเขาอยู่แล้วน่ะค่ะ การที่แพคเกจมีชอยส์ให้เลือกแล้วมามิกซ์กันได้จะช่วยตอบสนองในส่วนนี้ได้ดีขึ้น ฉันว่ามันดูเก๋กว่าการฟิกซ์ชอยส์เป็นแพคเกจตายตัว บางคนก็ไม่อยากทำอย่างนี้ แต่อยากได้อีกอย่างมากกว่าจริงไหมคะ ฉันว่า...เขาควรมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่อยากได้ให้มาอยู่รวมกัน มันคุ้มที่จะจ่ายสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายตัวเองน่ะค่ะ”
ทั้งห้องถูกครอบคลุมด้วยความเงียบอยู่ชั่วขณะ ฉันกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนเหลือบมองเฮียเล้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วเขาใครบางคนก็ปรบมือขึ้นเบา ๆ เรียกเสียงปรบมือจากคนทั้งห้อง
ฉันไม่รู้ว่าเป็นความชื่นชมจริง หรือเพียงเพราะฉันเป็นคู่หมั้นเฮียเล้ง แต่เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้สถานการณ์ผ่านไปได้ ฉันก็ขอบคุณมาก
จริง ๆ แล้วทั้งหมดที่ฉันพล่ามไป มันก็แค่เรื่องราวพื้น ๆ ทั่ว ๆ ไป แทบไม่มีเรื่องไหนที่พูดถึงโปรเจคท์ที่ฉันไม่รู้เรื่องเลย
เฮียเล้งหันมามองหน้าฉัน ดวงตาวาววามนั้นดูหวานจนชวนให้ใครที่มองคิดไปถึงคู่รักที่หวานชื่น แต่เปล่าเลย ถ้าคุณรู้จักผู้ชายคนนี้แบบที่ฉันรู้จัก คุณจะรู้ว่า...เขาไม่มีวันมอบความรักให้ใครเป็นอันขาด!
“ขอบคุณมากสำหรับไอเดียที่น่าสนใจ ผมคิดว่าเราน่าจะนำไปใช้ในโปรเจคท์นี้ได้ พวกคุณลองนำไปพิจารณาแล้วเข้ามาเสนออีกครั้ง ผมให้เวลาถึงวันจันทร์หน้า หวังว่าคงพอสำหรับการจัดการทั้งหมด” เฮียเล้งบอกกับที่ประชุมเสียงเรียบราวไม่ใยดีต่อสิ่งใด ขณะที่ฉันได้แต่ถอนใจเบา ๆ เมื่อลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลานั่นอย่างพยายามระวังไม่ให้เขารู้ตัว
บางครั้งฉันก็อดแปลกใจไม่ได้...มังกรเกเรของฉันชอบทำตัวเป็นเจ้าชายเย็นชาต่อหน้าคนอื่นเสมอ ทั้งที่เวลาอยู่กับครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เขาออกจะอบอุ่นจนใกล้ร้อนเสียด้วยซ้ำ
เหมือนเขาจะสร้างกำแพงบาง ๆ กับคนอื่นอยู่เสมอ
เพราะมัวแต่คิด ฉันจึงไม่ทันรู้ตัวเมื่อผู้ชายข้างตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนเขาเป่าลมหายใจเบา ๆ ที่ข้างหูนั่นล่ะ ฉันจึงสะดุ้งโหยงแล้วรีบหันไปมองตามสัญชาตญาณ แต่กลับเป็นการป้อนเนื้อเข้าปากเสือ เมื่อแก้มฉันปัดผ่านริมฝีปากหนาของเฮียเล้ง และเมื่อชะงักหยุด ก็กลับกลายเป็นว่าปลายจมูกเราห่างเสียงแสงกั้นผ่าน
วินาทีนั้นราวมีมนต์สะกด หัวใจฉันเต้นรัวผิดจังหวะเหมือนจะขาดใจ ดวงตาพร่าเลือน แล้วเฮียเล้งก็ก้มลงมาใกล้กว่าเดิม
ริมฝีปากเราแตะกันเบา ๆ แล้วเขาก็ดึงตัวออก ฉันสูดหายใจยาว เรียกสติให้ตัวเอง ขณะที่เขาหัวเราะเบา ๆ “เสียดายที่ไม่ใช่เฟรนช์คิสหรือ หมิงเยว่”
“ตกใจมากกว่าค่ะ...2 ปีแล้วมั้งที่เฮียไม่คิดจะจูบหนู” ฉันหัวเราะเบา ๆ ตั้งแต่วันที่แหวนวงสวยมาอยู่ในนิ้วฉัน พร้อมคำสัญญาถึงความผูกพันที่ปราศจากความรัก เขาก็ไม่เคยแตะต้องฉันเกินคำว่าพี่น้อง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นแล้วก็ตาม
“อืม...ทำให้เฮียตกใจกับความยับยั้งชั่งใจของตัวเองเลยล่ะ”
“ถ้าหนูไม่รู้ทัน คงเผลอคิดว่าเฮียหลงเสน่ห์หนูเข้าแล้วจริง ๆ ”
“แล้วถ้าเฮียบอกว่าใช่...” เขามองฉันด้วยดวงตาวาววามคู่นั้นที่หวานจนชวนละลาย แต่ฉันไม่ใช่ช็อกโกแลตเหลว ๆ ที่จะถูกหลอมด้วยอุณหภูมิหัวใจเช่นนี้
ฉันคลี่ยิ้มหวาน หรี่ตาข้างหนึ่งแบบที่เพื่อน ๆ มักบอกว่าเป็นสายตาอ่อยเหยื่อ โน้มตัวเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเราแทบสัมผัสกันอีกครั้ง ก่อนจะย่นจมูก ดึงตัวออกแล้วหัวเราะ
“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย เฮียบอกเองไม่ใช่หรือคะ ว่าความรักน่ะ มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก”
“แต่เธอก็ยังมองหามาตลอดสองปี”
“เหมือนที่เฮียไม่เคยขาดคู่ควงมาตลอดสองปีนั่นล่ะค่ะ”
2 ปีที่เราได้ชื่อว่าคู่หมั้น ความสัมพันธ์ที่ใครหลายคนล้วนประหลาดใจ เมื่อเราต่างมีอิสระที่จะคบหาเปิดใจกับใครอื่น แต่ใยบาง ๆ ยังผูกเราไว้
จนในที่สุด ความรักที่ฉันคอยตามหาก็ยังเป็นแค่เส้นขอบฟ้าที่เลือนราง
“ทำไม...เราไม่ลองรักกัน”
ฉันอมยิ้ม ถอนใจเบา ๆ เมื่อตอบ “มันสำคัญนักหรือคะเฮีย...ความรักน่ะ”
-----------------------
ทักทายกันครึ่งแรกค่ะ คิดถึงเว็บเลิฟอย่างมากจริง ๆ ค่ะ อยากเขียนแต่เขียนไม่ออก วันนี้ได้ฤกษเอามาครึ่งเดียวก่อน สำหรับคนที่คิดถึงเฮียเล้งกับหมิงเยว่จาก 'เพียงใจในสายลม'
คิดถึงทุกท่านค่ะ
เรื่องราวบางส่วนของเฮียเล้งกับหมิงเยว่ จาก 'เพียงใจในสายลม'
...Q : What’s love??...
…A : A set of combination between chemical substances, resulting in stupidity, selfishness, ruthlessness, emotional unstability and lack of reasoning as we know…
มีคนกล่าวถึงความรักไว้อย่างนั้น ในหน้าจอเว็บไซท์โซเชี่ยลเน็ทเวิร์คที่ฉันเคยแปะคำถามไว้
คำตอบนั้นทำให้ครุ่นคิด...และอดจะถอนใจเบา ๆ ไม่ได้ เมื่อนิ้วเลื่อนไปแตะแหวนมุกรูปมงกุฏดอกไม้ที่นิ้วนางข้างซ้าย
แหวนที่ฉันได้มาเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมคำสัญญาที่ให้ไว้กับใครบางคนในวันที่หัวใจไม่เสถียร
ในวันที่ฉันปรารถนาความรักจากใครบางคน แม้รู้ตัวดีว่าไม่มีวันได้มา
ในวันที่เขา...ต้องการเพียงเกราะที่สร้างชีวิตให้สมบูรณ์ โดยปราศจากความรัก
…มันสำคัญนักหรือ หมิงเยว่...ความรักน่ะ???...
…He will never love you, don’t marry him!...
ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ฉันอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ โชคดีที่ยุคของสมาร์ทโฟนทำให้ไม่มีใครสนใจคนที่นั่งยิ้มกับโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นฉันคงดูคล้ายคนบ้าเต็มที
...Please tell him, I’m proposed, not the proposer…
ฉันจรดปลายนิ้วลงบนจอ พิมพ์ข้อความตอบกลับด้วยรอยยิ้มกึ่งขัน น่าสงสารผู้หญิงที่งมงายในรัก ไม่สิ...มันอาจไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความรู้สึกอะไรก็ตามแต่ทำให้ใคร่ครอบครอง ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ และเมื่อไม่ได้มาก็เต้นเร่าอย่างบ้าคลั่ง ตามรังควานคนที่คว้าเอาไว้ได้ราวเด็กขี้อิจฉาผู้ปรารถนาในของเล่นชิ้นงาม
น่าเศร้าที่ความจริงอันโหดร้ายคือ ฉันไม่ใช่ผู้ร้องขอต่อของเล่นชิ้นใดของเธอ แต่ฉัน...คือผู้ถูกร้องขอ ให้คว้าของเล่นชิ้นนั้นมาไว้ในมือ
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ...ของเล่นชิ้นนั้นไม่ใช่ตุ๊กตาที่ยอมถูกจับวางที่ไหนก็ได้ แต่เขา! มีชีวิต มีจิตใจ
และจิตใจที่รักอิสระยิ่งนั้น เลือกให้ฉันเป็นเกราะที่ดูแล...รักษาอิสระของเขาเอาไว้
หลายคนอาจริษยาที่เห็นว่าฉันได้เดินเคียงข้างเขา จับกุมมือเกี่ยวกันราวคู่รักที่หวานชื่น แต่ความจริงที่น้อยคนจะรู้
...มันสำคัญนักหรือ หมิงเยว่...ความรักน่ะ???...
“บ่ายนี้เฮียมีประชุมกับฝ่ายขาย เธอมารอที่นี่ก่อนได้ไหม? ” เสียงทุ้มเอ่ยถามมาจากปลายสาย
“หนูรอที่นี่ดีกว่าค่ะ วันนี้ไม่ได้เอารถมา ขี้เกียจหาแท็กซี่น่ะ”
“เดี๋ยวเฮียให้รถบริษัทไปรับ มารอที่นี่นะ”
นี่ล่ะ ผู้ชายจอมเผด็จการที่ชอบยื่นตัวเลือกมา เพื่อให้ฉันเลือกทางที่เขาตองการเสมอ
แต่ฉันก็คือฉัน...พระจันทร์จอมพยศที่ไม่เคยหยุดนิ่ง “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปว่ายน้ำกับเพื่อนก่อน ขี้เกียจไปนั่งหง่าวรอเฮียที่ห้อง”
“เฮียให้รถออกไปแล้ว เดี๋ยวมานั่งกับเฮียในห้องประชุมก็ได้”
เขาบอกแล้วตัดสัญญาณไปดื้อ ๆ ขณะที่ฉันได้แต่ถอนใจเบา ๆ ส่ายหน้ามองโทรศัพท์ อ่อนใจกับคนหัวดื้อ
มังกรนิสัยเสียเป็นจอมเผด็จการที่ทำตามคำพูดเสมอ เขาลากฉันไปนั่งเป็นตุ๊กตาในการประชุมฝ่ายขายของบริษัท ตัวเลขบัญชีและข้อมูลวิจัยตลาดมากมายผ่านหูฉันไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้เข้าสมองแม้แต่น้อยนิด
ถ้าฉันเป็นผู้หญิงของวิทยาศาสตร์ เขาก็คือผู้ชายของเศรษฐศาสตร์โดยแท้จริง
ฉันเริ่มง่วง และกำลังจะหลับ แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงทุ้มของมังกรเกเร “ผมอยากได้ความเห็นของคนนอก...หมิงเยว่ คิดว่ายังไงกับโปรเจคท์นี้”
ฉันกระพริบตาปริบ ๆ เรียกสติตัวเองให้คืนมา แล้วรีบใช้สมองประมวลผลอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้
เขาถามถึงโปรเจคท์บ้าอะไรสักอย่างที่ฉันพอได้ยินแค่ตอนต้นที่ยังสนใจฟังอยู่บ้าง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแพคเกจทัวร์ของโรงแรมในภูเก็ต แต่จะมีอะไรบ้างหรือเป็นอย่างไร ฉันไม่ได้ปล่อยรายละเอียดเหล่านั้นให้ผ่านเข้าสมองสักนิด
เฮียเล้งแกล้งกันชัดๆ!
ทุกสายตาหันมามองฉันเป็นตาเดียว ขณะที่ฉันนิ่งรวบรวมสติที่ไร้สตางค์ให้เข้าที่ สร้างมายด์แมปเล็กๆในใจเพื่อช่วยในการประมวลผล ก่อนแปรรูปออกมาเป็นคำพูด
“ฉันขอพูดในฐานะผู้บริโภคแล้วกันนะคะ จริง ๆ ความเห็นฉันก็ไม่ค่อยต่างกับการวิจัยทางการตลาดเท่าไร” พูดไปอย่างนั้นล่ะ เขาวิจัยอะไรออกมาบ้างฉันไม่รู้หรอก แต่บริษัทระดับนี้คงไม่ทำอะไรออกมาโดยไม่หาข้อมูลก่อนแน่ๆ “ฉันชอบมองความต้องการของมนุษย์ง่าย ๆ ตามหลักมาสโลว์ พื้นฐานสุดคือเรื่องทางกายภาพ สูงมาหน่อยคือความปลอดภัย มั่นคง คุณคงทราบดีอยู่แล้ว แต่บนสุดจริง ๆ คือ self-actualization ที่มาสโลว์บอกว่า What a man can be, he must be. เรา...ในฐานะผู้ให้บริการจะทำอย่างไรจึงตอบสนองความต้องการข้อสำคัญนี้ได้ คงเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่สุดสำหรับโปรเจคท์นี้”
ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ หลายคนเริ่มเลิกคิ้ว ทำหน้าเหมือนไม่รู้จักมาสโลว์ เจ้าพ่อจิตวิทยา “คือ...ฉันหมายความว่า คนที่มาท่องเที่ยวล้วนมี ideal…เอ่อ...แผนการเที่ยวในความคิดของเขาอยู่แล้วน่ะค่ะ การที่แพคเกจมีชอยส์ให้เลือกแล้วมามิกซ์กันได้จะช่วยตอบสนองในส่วนนี้ได้ดีขึ้น ฉันว่ามันดูเก๋กว่าการฟิกซ์ชอยส์เป็นแพคเกจตายตัว บางคนก็ไม่อยากทำอย่างนี้ แต่อยากได้อีกอย่างมากกว่าจริงไหมคะ ฉันว่า...เขาควรมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่อยากได้ให้มาอยู่รวมกัน มันคุ้มที่จะจ่ายสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายตัวเองน่ะค่ะ”
ทั้งห้องถูกครอบคลุมด้วยความเงียบอยู่ชั่วขณะ ฉันกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนเหลือบมองเฮียเล้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วเขาใครบางคนก็ปรบมือขึ้นเบา ๆ เรียกเสียงปรบมือจากคนทั้งห้อง
ฉันไม่รู้ว่าเป็นความชื่นชมจริง หรือเพียงเพราะฉันเป็นคู่หมั้นเฮียเล้ง แต่เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้สถานการณ์ผ่านไปได้ ฉันก็ขอบคุณมาก
จริง ๆ แล้วทั้งหมดที่ฉันพล่ามไป มันก็แค่เรื่องราวพื้น ๆ ทั่ว ๆ ไป แทบไม่มีเรื่องไหนที่พูดถึงโปรเจคท์ที่ฉันไม่รู้เรื่องเลย
เฮียเล้งหันมามองหน้าฉัน ดวงตาวาววามนั้นดูหวานจนชวนให้ใครที่มองคิดไปถึงคู่รักที่หวานชื่น แต่เปล่าเลย ถ้าคุณรู้จักผู้ชายคนนี้แบบที่ฉันรู้จัก คุณจะรู้ว่า...เขาไม่มีวันมอบความรักให้ใครเป็นอันขาด!
“ขอบคุณมากสำหรับไอเดียที่น่าสนใจ ผมคิดว่าเราน่าจะนำไปใช้ในโปรเจคท์นี้ได้ พวกคุณลองนำไปพิจารณาแล้วเข้ามาเสนออีกครั้ง ผมให้เวลาถึงวันจันทร์หน้า หวังว่าคงพอสำหรับการจัดการทั้งหมด” เฮียเล้งบอกกับที่ประชุมเสียงเรียบราวไม่ใยดีต่อสิ่งใด ขณะที่ฉันได้แต่ถอนใจเบา ๆ เมื่อลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลานั่นอย่างพยายามระวังไม่ให้เขารู้ตัว
บางครั้งฉันก็อดแปลกใจไม่ได้...มังกรเกเรของฉันชอบทำตัวเป็นเจ้าชายเย็นชาต่อหน้าคนอื่นเสมอ ทั้งที่เวลาอยู่กับครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เขาออกจะอบอุ่นจนใกล้ร้อนเสียด้วยซ้ำ
เหมือนเขาจะสร้างกำแพงบาง ๆ กับคนอื่นอยู่เสมอ
เพราะมัวแต่คิด ฉันจึงไม่ทันรู้ตัวเมื่อผู้ชายข้างตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนเขาเป่าลมหายใจเบา ๆ ที่ข้างหูนั่นล่ะ ฉันจึงสะดุ้งโหยงแล้วรีบหันไปมองตามสัญชาตญาณ แต่กลับเป็นการป้อนเนื้อเข้าปากเสือ เมื่อแก้มฉันปัดผ่านริมฝีปากหนาของเฮียเล้ง และเมื่อชะงักหยุด ก็กลับกลายเป็นว่าปลายจมูกเราห่างเสียงแสงกั้นผ่าน
วินาทีนั้นราวมีมนต์สะกด หัวใจฉันเต้นรัวผิดจังหวะเหมือนจะขาดใจ ดวงตาพร่าเลือน แล้วเฮียเล้งก็ก้มลงมาใกล้กว่าเดิม
ริมฝีปากเราแตะกันเบา ๆ แล้วเขาก็ดึงตัวออก ฉันสูดหายใจยาว เรียกสติให้ตัวเอง ขณะที่เขาหัวเราะเบา ๆ “เสียดายที่ไม่ใช่เฟรนช์คิสหรือ หมิงเยว่”
“ตกใจมากกว่าค่ะ...2 ปีแล้วมั้งที่เฮียไม่คิดจะจูบหนู” ฉันหัวเราะเบา ๆ ตั้งแต่วันที่แหวนวงสวยมาอยู่ในนิ้วฉัน พร้อมคำสัญญาถึงความผูกพันที่ปราศจากความรัก เขาก็ไม่เคยแตะต้องฉันเกินคำว่าพี่น้อง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นแล้วก็ตาม
“อืม...ทำให้เฮียตกใจกับความยับยั้งชั่งใจของตัวเองเลยล่ะ”
“ถ้าหนูไม่รู้ทัน คงเผลอคิดว่าเฮียหลงเสน่ห์หนูเข้าแล้วจริง ๆ ”
“แล้วถ้าเฮียบอกว่าใช่...” เขามองฉันด้วยดวงตาวาววามคู่นั้นที่หวานจนชวนละลาย แต่ฉันไม่ใช่ช็อกโกแลตเหลว ๆ ที่จะถูกหลอมด้วยอุณหภูมิหัวใจเช่นนี้
ฉันคลี่ยิ้มหวาน หรี่ตาข้างหนึ่งแบบที่เพื่อน ๆ มักบอกว่าเป็นสายตาอ่อยเหยื่อ โน้มตัวเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเราแทบสัมผัสกันอีกครั้ง ก่อนจะย่นจมูก ดึงตัวออกแล้วหัวเราะ
“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย เฮียบอกเองไม่ใช่หรือคะ ว่าความรักน่ะ มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก”
“แต่เธอก็ยังมองหามาตลอดสองปี”
“เหมือนที่เฮียไม่เคยขาดคู่ควงมาตลอดสองปีนั่นล่ะค่ะ”
2 ปีที่เราได้ชื่อว่าคู่หมั้น ความสัมพันธ์ที่ใครหลายคนล้วนประหลาดใจ เมื่อเราต่างมีอิสระที่จะคบหาเปิดใจกับใครอื่น แต่ใยบาง ๆ ยังผูกเราไว้
จนในที่สุด ความรักที่ฉันคอยตามหาก็ยังเป็นแค่เส้นขอบฟ้าที่เลือนราง
“ทำไม...เราไม่ลองรักกัน”
ฉันอมยิ้ม ถอนใจเบา ๆ เมื่อตอบ “มันสำคัญนักหรือคะเฮีย...ความรักน่ะ”
-----------------------
ทักทายกันครึ่งแรกค่ะ คิดถึงเว็บเลิฟอย่างมากจริง ๆ ค่ะ อยากเขียนแต่เขียนไม่ออก วันนี้ได้ฤกษเอามาครึ่งเดียวก่อน สำหรับคนที่คิดถึงเฮียเล้งกับหมิงเยว่จาก 'เพียงใจในสายลม'
คิดถึงทุกท่านค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2556, 12:44:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2556, 12:44:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 2614
<< ...ใครบางคน...ที่ทำให้โลกเปลี่ยนไป | What is love???(2) >> |


kraten 21 ก.ย. 2556, 13:58:27 น.
ดีใจที่ได้อ่านค่ะ
ดีใจที่ได้อ่านค่ะ

คิมหันตุ์ 21 ก.ย. 2556, 14:56:57 น.
ฮื่อๆ..........เศร้าใจพิลึก
ฮื่อๆ..........เศร้าใจพิลึก

grazioso 21 ก.ย. 2556, 18:02:30 น.
พี่ไอซ์ คิดถึงมากเลยค่าาาา ทั้งคนเขียน ทั้งคู่นี้ :)
แล้วจะมานั่งรอคำตอบสำหรับคำถาม "สำคัญนักหรือคะ...ความรักน่ะ?" นะคะ :)
พี่ไอซ์ คิดถึงมากเลยค่าาาา ทั้งคนเขียน ทั้งคู่นี้ :)
แล้วจะมานั่งรอคำตอบสำหรับคำถาม "สำคัญนักหรือคะ...ความรักน่ะ?" นะคะ :)

pkka 21 ก.ย. 2556, 19:02:30 น.
รอคำตอบ:)
รอคำตอบ:)


ณิณ 21 ก.ย. 2556, 20:51:56 น.
คิดถึงเช่นกันค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะะ
คิดถึงเช่นกันค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะะ

Pat 21 ก.ย. 2556, 21:31:56 น.
คิดถึงเหมือนกันค่า
คิดถึงเหมือนกันค่า

mhengjhy 22 ก.ย. 2556, 00:10:13 น.
มีความเจ็บปวดอยู่เล็กๆ T T
มีความเจ็บปวดอยู่เล็กๆ T T

supayalak 22 ก.ย. 2556, 20:02:50 น.
ตกลงนี่เราควรรออย่างมีความหมายและมีเป้าหมายใช่ไหม
ตกลงนี่เราควรรออย่างมีความหมายและมีเป้าหมายใช่ไหม
