น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 19. ถ้าเป็นสอง ฉันคงต้องขาดใจตาย
19.
หลังจากที่พระสงฆ์จำนวน 9 รูปเจริญพุทธมนต์เสร็จเรียบร้อย คุณนายวรรณีกับลูกชายก็เข้าไปช่วยกันประเคนภัตตาหาร ในช่วงที่พระกำลังขบฉันนั้น ที่ตั่งไม้ห่างจากสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาสักสามสิบเมตรซึ่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน...คชาพัฒน์ก็พาน้ำผึ้งที่แต่งตัวด้วยชุดผ้านุ่งเสื้อแขนกระบอกเดินมายังขิมที่ได้วางไว้โดยมีครูถนอมนั่งอยู่บนตั่งตัวนั้นรออยู่แล้ว...
“สำหรับช่วงที่พระกำลังฉันอาหารหวานคาวนี้ คุณนายวรรณีนั้นอยากให้ญาติพี่น้องที่มาร่วมทำบุญคล้ายวันเกิดของคุณนายได้ฟังดนตรีไทยเพราะ ๆ ด้วยกัน...และคนที่เล่นขิมให้พวกเราฟังนั้นก็ใช่ใครที่ไหนครับ น้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ ธิดากระท้อนหวานจากปราจีนบุรีปีล่าสุดนั่นเอง เชิญรับฟังได้เลยครับ” คชาพัฒน์กล่าวเสียงดังให้คนที่อยู่บริเวณในบ้านและนอกบ้านนั้นได้ยิน...
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว
น้ำผึ้งจับด้ามขิมแล้วยกมือพนมระลึกถึงครูดนตรีไทย...ลืมตาแล้วก็ปรายตามองครูถนอมที่นั่งถือฉิ่งคอยให้จังหวะอยู่ด้วยกัน...ครูถนอมพยักหน้า น้ำผึ้งจึงเริ่มจรดปลายไม้ลงบนสาย...
เพลงลาวดวงเดือน ซึ่งเป็นเพลงไทยเดิมนั้น คนส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี...เมื่อน้ำผึ้งบรรเลงเสียงดนตรีกังวาลไปทั่วบริเวณบ้างก็ร้องคลอ ๆ ไปเบา ๆ
ส่วนคุณนายวรรณีที่เดินผละขึ้นจากโต๊ะอาหารจำนวนสองโต๊ะที่จัดไว้ให้พระสงฆ์มาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้บุฟองน้ำหุ้มผ้าไหมเนื้อดีตัวหน้าสุดที่ตั้งอยู่ตรงหน้าซึ่งเก้าอี้ชุดพิเศษนี้เป็นเก้าอี้สำหรับเพื่อน ๆ ร่วมสมาคมและแขกที่ได้รับเชิญมาซึ่งทั้งหมดนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
คุณนายวรรณีมองน้ำผึ้งที่ก้มหน้าบ้างเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้ฟังผู้ชมบ้าง น้ำผึ้งยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่คุณนายวรรณีรู้สึกว่าหวานหยดทีเดียว และพอเพลงขิมที่น้ำผึ้งบรรเลงผ่านไปก็มีเสียงซุบซิบแว่วมาให้ได้ยินว่าน้ำผึ้งเล่นได้ดีมากดังมาเข้าหู...
วรรณศุกร์นั้นพอประเคนอาหารให้พระแล้วก็ยังยืนคอยดูว่าพระท่านจะขาดเหลืออะไร ส่วนกล้องของเขานั้นเขาได้ส่งต่อให้วิธิตจัดการเก็บรูปแทน เพราะถ้าเขาถือกล้องเอง แม้จะได้รูปสวยในมุมและเทคนิคของเขา แต่มันจะต้องมีปัญหากับภัทรินอีกแน่ ๆ เขาจึงต้องตัดใจ ทั้งที่รู้สึกว่า วันนี้น้ำผึ้งดูจะสวยกว่าเมื่อวาน...เพราะชุดที่น้ำผึ้งสวมใส่นั้นดูเป็นชุดชาวบ้านธรรมดา ๆ และการแต่งหน้านั้นก็แต่งอย่างอ่อนแต่ก็เน้นสันจมูก ดวงตา คิ้ว และริมฝีปากซึ่งดูเหมาะสมกับวัยของน้ำผึ้ง...
ในความคิดของวรรณศุกร์เขาอยากจะเป็นคนกดชัตเตอร์เสียเองและเขาก็หวังใจว่าวิธิตนั้นจะเห็นเหมือนกับที่เขาเห็น...
ยังไม่ทันที่น้ำผึ้งจะเล่นเพลงลาวดวงเดือนจบ ที่หน้าบ้านก็ปรากฏตัวของพิชญากับผู้เป็นมารดา...มีเสียงกระซิบกระซาบถึงหูวรรณศุกร์ว่ามีแขกแปลกหน้ามา คชาพัฒน์ที่รู้จักสองแม่ลูกเป็นอย่างดีจึงรีบออกไปเป็นธุระต้อนรับให้เข้ามานั่งอยู่ในมุมสำหรับรับแขกกิตติมศักดิ์...
เมื่อทั้งคู่นั่งลงแล้วคุณนายวรรณีก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา...ด้วยรู้ว่า สองแม่ลูกนี้จะมีผลกับชีวิตน้ำผึ้งในอนาคต...
“คุณแม่คุณศุกร์ครับ” ทั้งคุณวิภาและพิชญาต่างก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้านเจ้าของงานวันเกิด หลังจาก
ที่คชาพัฒน์แนะนำ
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ศุกร์อยู่ในบ้านกำลังดูแลพระ เดี๋ยวคงออกมาต้อนรับ”
“วันนี้น้ำผึ้งสวยมาก” วิภาเอ่ยปากชม สายตานั้นจับอยู่ที่วงหน้าของน้ำผึ้งเช่นเดียวกับบุตรสาวที่ตอนนี้เตรียมโทรศัพท์มือถือออกมาบันทึกภาพ...
“เล่นขิมได้เพราะมากด้วย” คุณนายวรรณีกระซิบกระซาบก่อนจะหยุดชวนคุยเพราะว่าเพลงลาวดวง
เดือนนั้นจบลง
เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว ภัทรินที่รู้สึกว่าตนเองนั้นเหมือนไม่มีความสลักสำคัญอะไรในงานทั้งที่เป็นว่าที่ลูกสะใภ้เจ้าของงานวันเกิดแท้ ๆ
และใบหน้างอฉึ่งของภัทรินที่รู้สึกขวางหูขวางตาน้ำผึ้งที่เล่นขิมอยู่บนตั่งก็ทำให้วรรณศุกร์ต้องเดินมาหาแล้วทรุดนั่งลงข้าง ๆ...
“หิวข้าวหรือยังครับ” เขาเอ่ยปากกระซิบถาม...ตั้งแต่เช้าภัทรินยังไม่ได้กินข้าวเพราะตื่นสายกับไม่อยากลงจากห้องพักมาวุ่นวายกับคนแปลกหน้า...ครั้นจะช่วยหยิบจับงานการอะไรภัทรินก็รู้สึกว่าคนอื่นๆ นั้นดูจะหมางเมินกับตน ดังนั้นภัทรินจึงอยู่แต่บนห้อง แต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมาก่อนที่พระจะมาถึงบ้าน
“ยังค่ะ”
“เป็นอะไรอีก”
“ภัทก็เป็นของภัทแบบนี้แหละ น่าเบื่อไหมละคะ”
“ไม่เอา ไม่อารมณ์เสียซิครับ คุยกันดี ๆ”
“ภัทมันเป็นคนไม่มีความสามารถ อย่าคิดนะคะว่าภัทรู้ไม่ทัน ภัทรู้ค่ะว่าคุณแม่ต้องการอะไร”
“ไม่เอาน่าภัท อย่าคิดมาก คุณแม่เขาอยากสนับสนุนน้ำผึ้งน่ะ เพราะถ้าคุณแม่จ้างน้ำผึ้งมาตีขิมในงานนี้ ดีไม่ดีเพื่อนคุณแม่อาจจะเอาอย่างบ้าง น้ำผึ้งเขาจะได้มีรายได้”
“ภัทไม่เชื่อหรอกค่ะ” บอกวรรณศุกร์ไปแล้วภัทรินก็ระบายลมหายใจออกอย่างแรง...
“ภัทจะขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนไหมเดี๋ยว พอพระกลับ ผมจะขึ้นไปตาม หรือจะกินอะไรก่อนเลยไหม ผมจะให้ป้าสมานจัดขึ้นไปให้”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ภัทจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ”
“ร้อนหรือเปล่า พัดลมไม่ถึงตัวภัทนะ เหงื่อซึมเลย” เขามองใบหน้าที่เคยใช้ปลายจมูกคลอเคลียยามที่อยู่ด้วยกันตามลำพังดวงตานั้นมีแววเสน่หาอยู่เต็มเปี่ยมและไม่เคยเปลี่ยนแปลง...เพียงแค่นี้อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจและหึงหวงของภัทรินก็อ่อนยวบลง...
“ภัทขอโทษนะคะ”
“ไม่เอา ไม่ต้องขอโทษ ผมรู้ว่าภัทรักผม ภัทถึงได้หึง”
“ภัทอดระแวงไม่ได้” น้ำตารื้อขอบตาของภัทรินขึ้นมาเมื่อรู้ว่า ปัญหาระหว่างเขากับเธอนั้นมันยากที่แก้ไขให้ลงเอยกันได้...
“เชื่อใจผมนะว่าผมรักภัทจริง แม้เราจะแต่งงานกันช้าสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าเราจะต้องได้แต่งงานกันอย่างแน่นอน”
ภัทรินถอนหายใจอย่างแรง...เพราะถ้าแต่งงานกันแล้ว เธอจะต้องมาจมปลักอยู่ที่บ้านไพรเธอก็ไม่เอาเหมือนกัน...ปัญหาระหว่างเธอกับวรรณศุกร์มันเป็นปัญหาโลกแตกจริง ๆ
เพลงลาวดวงเดือนจบแล้วน้ำผึ้งก็เล่นเพลงลาวเสี่ยงเทียนและเขมรไทรโยคทั้งสามเพลงนี้น้ำผึ้งเล่นได้ตั้งแต่สมัยที่เรียนในระดับชั้นประถม พอมาเรียนชั้นมัธยมน้ำผึ้งก็ร้างจากขิมเพราะมาทุ่มเทให้กับกีฬาวอลเลย์บอล แต่เวลาเกือบหกปีก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อมีการรื้อฟื้นกันอีกรอบ และเพลงสุดท้าย เพลงเสน่หาที่น้ำผึ้งจะเล่นเพราะคชาพัฒน์แนะนำว่าให้เพลงนี้จะเป็นการเซอร์ไพรส์คุณนายวรรณีก็เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวขึ้นมาอีกครั้งโดยคุณนายวรรณีเป็นคนเริ่มต้นปรบมือให้ก่อนคนอื่นๆ จึงปรบมือตาม...
‘ความรักเอย...เจ้าลอยลมมาหรือไร...มาดลจิตมาด¬ลใจเสน่หา...รักนี้จริงใจหรือเปล่า หรือเย้าเราให้เฝ้าร่ำหา หรือแกล้งเพียงแต่แลตา ยั่วอุราให้หลงลำพอง...’
วรรณศุกร์พอได้ยินเพลงเสน่หาที่แม่เขาชอบและเขาก็เล่นเปียโนได้ เขาที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่พระกำลังขบฉันกันอยู่ก็หันไปมองน้ำผึ้ง...และจังหวะนั้นน้ำผึ้งก็เงยหน้าจากขิมสบตาของเขา
‘สงสารใจฉันบ้าง...วอนอย่าสร้างร¬อยช้ำ ซ้ำเป็นรอยสอง...รักแรกช้ำ¬น้ำตานอง...ถ้าเป็นสองฉันคงต้อง¬ขาดใจตาย...’
น้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตาน้ำผึ้งและก่อนที่มันจะหยดลงมาให้เขาและคนอื่น ๆ รับรู้ความรู้สึกในใจ น้ำผึ้งก็รีบกระพริบตาถี่ ๆ ไล่ม่านน้ำตา ก้มลงมองสายขิมแล้วบรรเลงเพลงรักต่อไป จนกระทั่งเพลงนั้นจบลง...
มีเสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวอีกครั้ง...
คุณนายวรรณียิ้มกว้างก่อนจะลุกเดินขึ้นมาหาพร้อมกับเปิดกระเป๋าถือส่งกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆห่อกระดาษสีทองไปให้
“รางวัลของเธอ เพลงเพราะมากจ้ะ ขอบใจมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
“ของครูถนอมค่ะ” คุณนายวรรณีส่งซองสีชมพูไปให้ ในนั้นบรรจุเงินแบงก์พัน 1 ใบ...
“ผมขอไม่รับได้ไหมครับ” ที่ไม่รับเพราะครูถนอมนั้นมีเงินบำนาญอยู่แล้ว เมื่ออดีตลูกศิษย์ไปขอความช่วยเหลือครูถนอมจึงถือว่าเป็นการสืบสานดนตรีไทยมากกว่าจะคิดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้ครู ก็ไม่มีน้ำผึ้งวันนี้ สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ รับไว้เถอนะคะ”
ครูถนอมจำต้องรับซองเงินนั้นไว้...
ฝ่ายภัทรินนั้น เมื่อรู้สึกว่าในบ้านอบอ้าวกอปรกับวรรณศุกร์ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระสงฆ์ทิ้งให้เธอต้องนั่งคนเดียว หญิงสาวจึงเดินออกมาข้างนอกตั้งแต่น้ำผึ้งเริ่มเล่นเพลงเขมรไทรโยค หญิงสาวมาเปิดประตูรถของตนที่จอดไว้ในโรงรถแล้วเข้าไปนั่ง เลื่อนกระจกลงรับลมจากร่มไม้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ บ้าน และพอน้ำผึ้งเล่นเพลงเสน่หาซึ่งเป็นเพลงที่วรรณศุกร์เคยเล่นเปียโนในงานวันเกิดของคุณนายวรรณีเมื่อปีก่อนคอของภัทรินก็แข็งขึ้นมา หญิงสาวมองไปบนระเบียงหน้าบ้านก็พบว่าว่าคุณนายวรรณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และลางสังหรณ์ของภัทรินก็บอกว่าแม่ของวรรณศุกร์นั้นยังไม่เลิกคิดจะเอาชนะตน นางวรรณีนั้นอยากให้วรรณศุกร์เลิกกับตนจึงได้พยายามหาผู้หญิงคนใหม่มาให้วรรณศุกร์ดูตัว และตอนนี้น้ำผึ้งก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกตัวใหม่ที่วรรณศุกร์จะเอนเอียงไปหาหรือไม่...
เพลงเสน่หา...เพลงเสน่หา...
ภัทรินกดกรามกรอด ๆ นึกอยากจะขึ้นไปจิกทึ้งผมน้ำผึ้งแล้วตบสั่งสอนที่ริอ่านจะเล่นเพลงยาวบอกความรู้สึกของตนให้วรรณศุกร์ได้รับรู้...
‘ถ้าเป็นสองฉันคงต้องขาดใจตาย’
“มึงจะต้องตายแน่ๆ นังน้ำผึ้ง...” ภัทรินเปรยออกมาเบา ๆ เมื่อได้น้ำผึ้งเล่นโน้ตถึงท่อนนั้น...
“น้ำผึ้ง” ภัทรินร้องเรียกน้ำผึ้งในขณะที่น้ำผึ้งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับครูถนอม แม่น้ำอ้อย คชาพัฒน์ นางสำรวย สำลี และชาวบ้านในเต้นท์ที่ทางเจ้าภาพได้เช่ามากางกันแดด
น้ำผึ้งหันไปทางต้นเสียง พบว่าภัทรินที่อยู่ในชุดแซคสีม่วงมะปรางเผยให้เห็นเนื้อตัวขาวผ่องเป็นยองใย ทรงผมของภัทรินนั้นเป็นผมบ๊อบหน้าม้ายกเป็นกระบังลม ใบหน้าของภัทรินนั้นสมส่วน ปากนิดจมูกหน่อยจิ้มลิ้มพริ้มเพราทีเดียว...
ถ้าไม่มีเรื่องข้อแม้ ปัญหาโลกแตกนั้น ภัทรินกับวรรณศุกร์เหมาะสมกันเป็นอย่างมากเพราะผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยบุคคลิกภาพดีด้วยกันทั้งคู่
“คะ”
“ฉันมีของรางวัลมาให้น่ะ...เมื่อกี้เพลงเสน่หาที่เธอเล่นฉันชอบมาก...เลยอยากให้รางวัลเธอ...”
ว่าแล้วภัทรินก็เปิดกระเป๋าถือทรงสมุดหยิบซองสีขาวยาวซึ่งมีตราของบริษัทที่ตนสังกัดอยู่ส่งให้น้ำผึ้ง
“เล็ก ๆ น้อย ๆ จ้ะ รับไปเถอะ” ใบหน้าของภัทรินยิ้มแย้ม น้ำผึ้งยื่นมือไปรับซองพร้อมกับยกมือพนมค้อมศีรษะลง
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันขอตัวก่อนนะ “ ว่าแล้วภัทรินก็ผละเข้าบ้านไป น้ำผึ้งมองซองในมือ แล้วก็หันหน้าไปมองหน้าของแม่กับคชาพัฒน์ ก่อนจะเอาซองนั้นสอดไว้ใต้กล่องของขวัญที่คุณนายวรรณีให้มา...
และเมื่อคชาพัฒน์ส่งน้ำผึ้งกับแม่น้ำอ้อยถึงบ้าน น้ำผึ้งที่ยังอยู่ในชุดสวยที่คุณนายวรรณีให้หยิบยืมมาก็ทรุดตัวลงนั่งบนตั่ง...ใจของน้ำผึ้งอยากจะแกะกล่องของขวัญก่อนเพราะอยากรู้ว่าคุณนายวรรณีให้อะไร แต่น้ำหวานที่ปรี่เข้ามานั้นรีบคว้าซองไปส่องดู...
“ได้มาเท่าไหร่พี่ผึ้ง”
“อย่าไปยุ่งกับของของพี่เค้า” น้ำอ้อยปรามลูกสาวคนกลาง...
น้ำผึ้งจึงลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ผึ้งขอขึ้นไปเปลี่ยนผ้าก่อนนะแม่ ชุดนี้อึดอัด...”
เดินเข้าห้องนอนมาแล้ว น้ำผึ้งก็รีบเปลี่ยนชุดผ้าถุงเสื้อแขนกระบอกออกมานุ่งกางเกงขาสามส่วนซื้อยืดตัวหลวม ๆ ...ทรุดลงนั่งบนที่นอนแล้วน้ำผึ้งก็หยิบกล่องของขวัญมาแกะออก...
แล้วน้ำผึ้งก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่ากล่องยาว ๆ เป็นกล่องใส่สร้อยทองคำพร้อมจี้พระองค์เล็กเลี่ยมทองไว้แล้ว น้ำผึ้งรีบเดินลงมาข้างล่าง แล้วยื่นของขวัญที่คุณนายวรรณีให้แม่น้ำอ้อยดู
“ทองคำนี่...น่าจะหนักสักสองสลึง เป็นหมื่น ๆ เลยนะ” น้ำอ้อยพินิจดูของในมือด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ทำไมต้องให้เยอะขนาดนี้ด้วยละแม่...ขิมนั่นก็หกพันกว่าแล้วนะ ยังจะทองพร้อมจี้พระนี่อีก มันเยอะไปนะ”
“นั่นซิ...” น้ำอ้อยถอนหายใจแรง ๆ
“ผึ้งจะเอาไปคืนเขานะแม่ ผึ้งว่ามันมากไป...ผึ้งคิดว่าค่าตัวผึ้งในวันนี้สักห้าร้อยหรือพันหนึ่งก็มากไปแล้ว”
“แล้วซองที่แฟนคุณศุกร์ให้มา”
น้ำผึ้งรีบเดินขึ้นบ้านไปอีกครั้ง...และพอใช้กรรไกรตัดซองแล้ว ข้างในมีธนบัตรฉบับละ 20 บาท 5 ใบ พร้อมกับ กระดาษสีขาวพับไว้แนบมาด้วย น้ำผึ้งคลี่กระดาษในทันที
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร ถ้าไม่อยากเจ็บตัวหรืออับอายขายขี้หน้าชาวบ้านละก็อย่าคิดยุ่งกับศุกร์...เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”...น้ำผึ้งอ่านทวนข้อความสั้น ๆ นี้ อยู่หลายรอบด้วยมือและใจที่สั่นเทา...
คุณภัทรินล่วงรู้ความในใจของเธอได้อย่างไร และถ้าแม่ถาม เธอจะตอบกับแม่ว่าอย่างไร
น้ำผึ้งตั้งสติสงบอารมณ์อยู่บนห้องเป็นนาน แล้วก็ค่อย ๆ เดินลงมาด้วยการพยายามเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“ซองคุณภัทให้เงินใช่ไหม ให้มาเท่าไหร่”
“นิดหน่อยค่ะ” น้ำผึ้งไม่กล้าบอกว่าเงินที่ภัทรินให้มานั้นเป็นแบงก์ยี่สิบเก่า ๆ 5 ใบ...เพราะถึงค่าของเงินจะไม่ได้น้อยลง แต่เธอรู้ว่าคนให้ ตั้งใจทำให้เพื่อให้เธอรู้สึกน่าสังเวช น่าสมเพชเสียเต็มประดา...
“แล้ว ทองนี่จะเอาอย่างไร” น้ำอ้อยนั้นยังกังวลกับเรื่องนี้
น้ำผึ้งมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง...ป่านนี้คนที่บ้านของคุณนายวรรณีคงจะเหลือเฉพาะแม่ครัวที่เก็บถ้วยจานล้าง คุณภัทกับคุณศุกร์นั้นไม่รู้จะอยู่ที่บ้านหรือเปล่า และถ้าอยู่ทั้งคู่ก็คงจะจู๋จี๋กันอยู่บนห้องนอน...ซึ่งน้ำผึ้งไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับภัทรินอีกแล้ว กลัวเหลือเกินว่าความผิดที่แอบรักแอบคิดถึงผู้ชายของคนอื่นจะถูกประจาน...คนมาทีหลังอย่างไรก็ผิดเต็มประตู
“เดี๋ยวเย็น ๆ ค่อยไปดีกว่าแม่”
น้ำผึ้งมองไปที่กล่องขิมที่ยังไม่ได้ยกไปเก็บไว้ในห้องบนบ้าน...
“ถ้าผึ้งจะไม่รับขิมของคุณนายด้วยแม่ว่าจะน่าเกลียดไหม”
“ขิม...ขิมตัวนี้แม่ว่ามันไม่น่าเกลียดเท่าสร้อยเส้นนี้หรอก เก็บไว้เถอะแล้วก็หมั่นซ้อมหมั่นเล่นบ่อย ๆ พอไปประกวดเวทีพธูไทยคงจะได้ใช้ ส่วนทองนี่เอาไปคืนคุณนายเถอะ แล้วขอเป็นเงินรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนดีกว่านะ...เดี๋ยวแม่จะไปด้วยแล้วกัน แม่จะพูดเอง”
“ไม่ออกไปขายลูกชิ้นหรือแม่”
“เดี๋ยวเข็นรถไปแล้วก็ให้หวานมันไปเฝ้า แล้วเราก็ไปมอเตอร์ไซค์กัน เดี๋ยวเดียวก็คงสิ้นเรื่อง”
น้ำผึ้งเก็บเงินและกระดาษแผ่นนั้นกลับเข้าซองตามเดิม แล้วพอล้มตัวลงนอนกับหมอนเพราะรู้สึกอ่อนใจ น้ำผึ้งก็นึกได้ว่า ในหมอนหนุนนั้นมีรูปหมู่หลังการประกวดเสร็จสิ้น โดยรูปนั้นเป็นรูปที่มีวรรณศุกร์ยืนอยู่ ข้าง ๆ เป็นครั้งแรกและเป็นรูปแรกในชีวิต...
“ฉันจะรักเขาไม่ได้” น้ำผึ้งบอกตนเองก่อนจะหยิบรูปใบนั้นสอดใส่ซองตามธนบัตรไป...
หลังจากน้ำผึ้งนำซองนั้นโยนใส่ลิ้นชักพลาสติกสำหรับเก็บเอกสาร...พอจะล้มตัวลงนอน โทรศัพท์ของน้ำผึ้งก็ดัง...
“น้ำผึ้งพี่เอง”
“พี่วัตร”
“พี่จะกลับโรงเรียนแล้วนะ เลยโทรมาบอก”
“ค่ะ”
“ช่วงห้าวันที่ไม่เห็นผึ้ง พี่คงคิดถึงผึ้งเป็นอย่างมาก”
น้ำผึ้งอยากจะอยากจะหัวเราะแต่ว่าเธอก็รู้สึกเศร้ากับตัวเอง...ทำไมเธอไม่รักคนที่เขามีอายุไล่เลียกับตน ทำไมไม่รักคนที่ไม่มีเจ้าของ ทำไมใจของเธอไปจรดจ่ออยู่กับคนที่เขามีเมียอยู่แล้ว...
“พี่อยากให้ผึ้งคิดถึงพี่บ้าง จะได้ไหม”
“พี่วัตร”
“ได้ไหมผึ้ง”
น้ำผึ้งนิ่งเงียบ เพราะการเงียบน่าจะเป็นการปฏิเสธได้ละมุนละม่อมที่สุด...แต่ภานุวัฒน์ยังไม่เลิกเซ้าซี้
“ได้ไหมผึ้ง ผึ้งจะคิดถึงพี่บ้างได้ไหม”
“เดี๋ยววันศุกร์พี่ก็กลับมาอีกไม่ใช่เหรอ”
“พี่ใกล้จะเรียนจบแล้วนะ ถ้าพี่จบ พี่ทำงานแล้ว พี่จะให้เตี่ยมาหมั้นผึ้งไว้ก่อนได้ไหม”
“พี่วัตร...อย่าเพิ่งอะไรเลย ผึ้งเอ่อ ผึ้งยังไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับพี่เลยนะ ขอเวลาผึ้งหน่อย”
“ได้ ๆ พี่ยินดีรอนะ แต่ก่อนจะวางสายพี่อยากให้ผึ้งรู้ว่า พี่คิดถึงผึ้งเสมอนะครับ...รักนะครับ จุ๊บ ๆ”
ภานุวัฒน์วางสายไปแล้วโดยที่น้ำผึ้งไม่ได้รู้สึกว่า คำพูดหวาน ๆ ของเขานั้นเป็นน้ำกรดกระเทาะใจสักนิด มันเป็นเหมือนยาขมที่ทำให้น้ำผึ้งพะอืดพะอมเสียมากกว่า
รถของภัทรินไม่ได้จอดอยู่ในโรงรถแล้ว รถคันใหญ่ของวรรณศุกร์ยังจอดคู่อยู่กับรถเบนซ์ ของคุณนายวรรณี น้ำผึ้งที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้ร่มไม้รู้สึกผ่อนคลายความกังวลขึ้น...
“คุณนายวรรณีอยู่ไหมป้า” น้ำผึ้งร้องถามป้าสมานที่ชะโงกหน้ามาดูที่ระเบียงบ้าน...
“อยู่ ๆ มีอะไร”
“นอนหรือเปล่า”
“ไม่ได้นอนหรอก นั่งดูโทรทัศน์อยู่นะ”
ว่าแล้วสองแม่ลูกก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน คุณนายวรรณีที่เอนตัวอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์รีบลุกขึ้นนั่งสีหน้านั้นบอกให้รู้ว่า รู้สึกเมื่อยขบตามร่างกาย
“กำลังอยากได้หมอนวดเลย รับจ้างนวดชั่วโมงล่ะเท่าไหร่”
“ปวดเมื่อยตรงไหนหรือคะ” น้ำอ้อยเป็นฝ่ายถามหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวคนละตัวกับลูกสาว โดยนางสมานนั้นเดินเลี่ยงเข้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวประจำของตน...
“ตามประสาคนแก่นะ...ปวดตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย...”
“อิฉันมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ” น้ำอ้อยรีบพุ่งเข้าหาธุระที่มาเพราะว่าจะต้องรีบกลับไปขายของ
“มีอะไรก็ว่ามา”
“เรื่องของขวัญที่ให้น้ำผึ้งไป คือ ฉันรู้สึกว่ามันมากไป ไม่อยากให้ผึ้งรับไว้ค่ะ”
“ไม่มากหรอก สร้อยเส้นนี้ฉันซื้อเมื่อนานมาแล้ว ทองบาทละไม่ถึงสี่พันเลยมั้ง รวม ๆ แล้วแค่สองพันกว่า ๆ พระนั่นก็ไม่ใช่พระเก่าเก็บอะไรหรอก เป็นพระที่พ่อของศุกร์เอาเงินไปช่วยท่านเจ้าอาวาสทำบุญรั้ววัดน่ะท่านให้เป็นพระของขวัญมา ฉันก็เลี่ยมทองเก็บไว้ตรงแต่ตอนนั้น...เก็บไว้เถอะ”
“มันมากไปค่ะ ตอนนี้ค่าของมันไม่ใช่แค่นั้นแล้ว มันจะเป็นหมื่นแล้ว”
“รู้ไหมว่า ทำไมฉันถึงอยากให้น้ำผึ้ง”
น้ำอ้อยส่ายหน้าเบา ๆ
“อันที่จริงฉันก็เหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปนั่นแหละที่ชอบเล่นตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ฉันอยากมีลูกสาวสักคนแต่ว่า...มันก็ไม่มี เอาเป็นว่า ถือซะว่าฉันให้ลูกสาวฉันแล้วกันนะ รับไปเถอะ ถือทำให้ฉันมีความสุขในวันนี้เถอะนะ...”
“แต่ว่า”
“ถ้าคิดว่ามันมากไป ก็ให้น้ำผึ้งนวดให้ฉันสักหน่อยแล้วกัน ขอสักชั่วโมงสองชั่วโมงนะ...ได้ไหม กำลังเมื่อยขบทั้งตัวเลย...ช่วยคนแก่เอาบุญหน่อยเถอะนะ...”
หลังจากที่พระสงฆ์จำนวน 9 รูปเจริญพุทธมนต์เสร็จเรียบร้อย คุณนายวรรณีกับลูกชายก็เข้าไปช่วยกันประเคนภัตตาหาร ในช่วงที่พระกำลังขบฉันนั้น ที่ตั่งไม้ห่างจากสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาสักสามสิบเมตรซึ่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน...คชาพัฒน์ก็พาน้ำผึ้งที่แต่งตัวด้วยชุดผ้านุ่งเสื้อแขนกระบอกเดินมายังขิมที่ได้วางไว้โดยมีครูถนอมนั่งอยู่บนตั่งตัวนั้นรออยู่แล้ว...
“สำหรับช่วงที่พระกำลังฉันอาหารหวานคาวนี้ คุณนายวรรณีนั้นอยากให้ญาติพี่น้องที่มาร่วมทำบุญคล้ายวันเกิดของคุณนายได้ฟังดนตรีไทยเพราะ ๆ ด้วยกัน...และคนที่เล่นขิมให้พวกเราฟังนั้นก็ใช่ใครที่ไหนครับ น้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ ธิดากระท้อนหวานจากปราจีนบุรีปีล่าสุดนั่นเอง เชิญรับฟังได้เลยครับ” คชาพัฒน์กล่าวเสียงดังให้คนที่อยู่บริเวณในบ้านและนอกบ้านนั้นได้ยิน...
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว
น้ำผึ้งจับด้ามขิมแล้วยกมือพนมระลึกถึงครูดนตรีไทย...ลืมตาแล้วก็ปรายตามองครูถนอมที่นั่งถือฉิ่งคอยให้จังหวะอยู่ด้วยกัน...ครูถนอมพยักหน้า น้ำผึ้งจึงเริ่มจรดปลายไม้ลงบนสาย...
เพลงลาวดวงเดือน ซึ่งเป็นเพลงไทยเดิมนั้น คนส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี...เมื่อน้ำผึ้งบรรเลงเสียงดนตรีกังวาลไปทั่วบริเวณบ้างก็ร้องคลอ ๆ ไปเบา ๆ
ส่วนคุณนายวรรณีที่เดินผละขึ้นจากโต๊ะอาหารจำนวนสองโต๊ะที่จัดไว้ให้พระสงฆ์มาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้บุฟองน้ำหุ้มผ้าไหมเนื้อดีตัวหน้าสุดที่ตั้งอยู่ตรงหน้าซึ่งเก้าอี้ชุดพิเศษนี้เป็นเก้าอี้สำหรับเพื่อน ๆ ร่วมสมาคมและแขกที่ได้รับเชิญมาซึ่งทั้งหมดนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
คุณนายวรรณีมองน้ำผึ้งที่ก้มหน้าบ้างเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้ฟังผู้ชมบ้าง น้ำผึ้งยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่คุณนายวรรณีรู้สึกว่าหวานหยดทีเดียว และพอเพลงขิมที่น้ำผึ้งบรรเลงผ่านไปก็มีเสียงซุบซิบแว่วมาให้ได้ยินว่าน้ำผึ้งเล่นได้ดีมากดังมาเข้าหู...
วรรณศุกร์นั้นพอประเคนอาหารให้พระแล้วก็ยังยืนคอยดูว่าพระท่านจะขาดเหลืออะไร ส่วนกล้องของเขานั้นเขาได้ส่งต่อให้วิธิตจัดการเก็บรูปแทน เพราะถ้าเขาถือกล้องเอง แม้จะได้รูปสวยในมุมและเทคนิคของเขา แต่มันจะต้องมีปัญหากับภัทรินอีกแน่ ๆ เขาจึงต้องตัดใจ ทั้งที่รู้สึกว่า วันนี้น้ำผึ้งดูจะสวยกว่าเมื่อวาน...เพราะชุดที่น้ำผึ้งสวมใส่นั้นดูเป็นชุดชาวบ้านธรรมดา ๆ และการแต่งหน้านั้นก็แต่งอย่างอ่อนแต่ก็เน้นสันจมูก ดวงตา คิ้ว และริมฝีปากซึ่งดูเหมาะสมกับวัยของน้ำผึ้ง...
ในความคิดของวรรณศุกร์เขาอยากจะเป็นคนกดชัตเตอร์เสียเองและเขาก็หวังใจว่าวิธิตนั้นจะเห็นเหมือนกับที่เขาเห็น...
ยังไม่ทันที่น้ำผึ้งจะเล่นเพลงลาวดวงเดือนจบ ที่หน้าบ้านก็ปรากฏตัวของพิชญากับผู้เป็นมารดา...มีเสียงกระซิบกระซาบถึงหูวรรณศุกร์ว่ามีแขกแปลกหน้ามา คชาพัฒน์ที่รู้จักสองแม่ลูกเป็นอย่างดีจึงรีบออกไปเป็นธุระต้อนรับให้เข้ามานั่งอยู่ในมุมสำหรับรับแขกกิตติมศักดิ์...
เมื่อทั้งคู่นั่งลงแล้วคุณนายวรรณีก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา...ด้วยรู้ว่า สองแม่ลูกนี้จะมีผลกับชีวิตน้ำผึ้งในอนาคต...
“คุณแม่คุณศุกร์ครับ” ทั้งคุณวิภาและพิชญาต่างก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้านเจ้าของงานวันเกิด หลังจาก
ที่คชาพัฒน์แนะนำ
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ศุกร์อยู่ในบ้านกำลังดูแลพระ เดี๋ยวคงออกมาต้อนรับ”
“วันนี้น้ำผึ้งสวยมาก” วิภาเอ่ยปากชม สายตานั้นจับอยู่ที่วงหน้าของน้ำผึ้งเช่นเดียวกับบุตรสาวที่ตอนนี้เตรียมโทรศัพท์มือถือออกมาบันทึกภาพ...
“เล่นขิมได้เพราะมากด้วย” คุณนายวรรณีกระซิบกระซาบก่อนจะหยุดชวนคุยเพราะว่าเพลงลาวดวง
เดือนนั้นจบลง
เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว ภัทรินที่รู้สึกว่าตนเองนั้นเหมือนไม่มีความสลักสำคัญอะไรในงานทั้งที่เป็นว่าที่ลูกสะใภ้เจ้าของงานวันเกิดแท้ ๆ
และใบหน้างอฉึ่งของภัทรินที่รู้สึกขวางหูขวางตาน้ำผึ้งที่เล่นขิมอยู่บนตั่งก็ทำให้วรรณศุกร์ต้องเดินมาหาแล้วทรุดนั่งลงข้าง ๆ...
“หิวข้าวหรือยังครับ” เขาเอ่ยปากกระซิบถาม...ตั้งแต่เช้าภัทรินยังไม่ได้กินข้าวเพราะตื่นสายกับไม่อยากลงจากห้องพักมาวุ่นวายกับคนแปลกหน้า...ครั้นจะช่วยหยิบจับงานการอะไรภัทรินก็รู้สึกว่าคนอื่นๆ นั้นดูจะหมางเมินกับตน ดังนั้นภัทรินจึงอยู่แต่บนห้อง แต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมาก่อนที่พระจะมาถึงบ้าน
“ยังค่ะ”
“เป็นอะไรอีก”
“ภัทก็เป็นของภัทแบบนี้แหละ น่าเบื่อไหมละคะ”
“ไม่เอา ไม่อารมณ์เสียซิครับ คุยกันดี ๆ”
“ภัทมันเป็นคนไม่มีความสามารถ อย่าคิดนะคะว่าภัทรู้ไม่ทัน ภัทรู้ค่ะว่าคุณแม่ต้องการอะไร”
“ไม่เอาน่าภัท อย่าคิดมาก คุณแม่เขาอยากสนับสนุนน้ำผึ้งน่ะ เพราะถ้าคุณแม่จ้างน้ำผึ้งมาตีขิมในงานนี้ ดีไม่ดีเพื่อนคุณแม่อาจจะเอาอย่างบ้าง น้ำผึ้งเขาจะได้มีรายได้”
“ภัทไม่เชื่อหรอกค่ะ” บอกวรรณศุกร์ไปแล้วภัทรินก็ระบายลมหายใจออกอย่างแรง...
“ภัทจะขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนไหมเดี๋ยว พอพระกลับ ผมจะขึ้นไปตาม หรือจะกินอะไรก่อนเลยไหม ผมจะให้ป้าสมานจัดขึ้นไปให้”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ภัทจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ”
“ร้อนหรือเปล่า พัดลมไม่ถึงตัวภัทนะ เหงื่อซึมเลย” เขามองใบหน้าที่เคยใช้ปลายจมูกคลอเคลียยามที่อยู่ด้วยกันตามลำพังดวงตานั้นมีแววเสน่หาอยู่เต็มเปี่ยมและไม่เคยเปลี่ยนแปลง...เพียงแค่นี้อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจและหึงหวงของภัทรินก็อ่อนยวบลง...
“ภัทขอโทษนะคะ”
“ไม่เอา ไม่ต้องขอโทษ ผมรู้ว่าภัทรักผม ภัทถึงได้หึง”
“ภัทอดระแวงไม่ได้” น้ำตารื้อขอบตาของภัทรินขึ้นมาเมื่อรู้ว่า ปัญหาระหว่างเขากับเธอนั้นมันยากที่แก้ไขให้ลงเอยกันได้...
“เชื่อใจผมนะว่าผมรักภัทจริง แม้เราจะแต่งงานกันช้าสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าเราจะต้องได้แต่งงานกันอย่างแน่นอน”
ภัทรินถอนหายใจอย่างแรง...เพราะถ้าแต่งงานกันแล้ว เธอจะต้องมาจมปลักอยู่ที่บ้านไพรเธอก็ไม่เอาเหมือนกัน...ปัญหาระหว่างเธอกับวรรณศุกร์มันเป็นปัญหาโลกแตกจริง ๆ
เพลงลาวดวงเดือนจบแล้วน้ำผึ้งก็เล่นเพลงลาวเสี่ยงเทียนและเขมรไทรโยคทั้งสามเพลงนี้น้ำผึ้งเล่นได้ตั้งแต่สมัยที่เรียนในระดับชั้นประถม พอมาเรียนชั้นมัธยมน้ำผึ้งก็ร้างจากขิมเพราะมาทุ่มเทให้กับกีฬาวอลเลย์บอล แต่เวลาเกือบหกปีก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อมีการรื้อฟื้นกันอีกรอบ และเพลงสุดท้าย เพลงเสน่หาที่น้ำผึ้งจะเล่นเพราะคชาพัฒน์แนะนำว่าให้เพลงนี้จะเป็นการเซอร์ไพรส์คุณนายวรรณีก็เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวขึ้นมาอีกครั้งโดยคุณนายวรรณีเป็นคนเริ่มต้นปรบมือให้ก่อนคนอื่นๆ จึงปรบมือตาม...
‘ความรักเอย...เจ้าลอยลมมาหรือไร...มาดลจิตมาด¬ลใจเสน่หา...รักนี้จริงใจหรือเปล่า หรือเย้าเราให้เฝ้าร่ำหา หรือแกล้งเพียงแต่แลตา ยั่วอุราให้หลงลำพอง...’
วรรณศุกร์พอได้ยินเพลงเสน่หาที่แม่เขาชอบและเขาก็เล่นเปียโนได้ เขาที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่พระกำลังขบฉันกันอยู่ก็หันไปมองน้ำผึ้ง...และจังหวะนั้นน้ำผึ้งก็เงยหน้าจากขิมสบตาของเขา
‘สงสารใจฉันบ้าง...วอนอย่าสร้างร¬อยช้ำ ซ้ำเป็นรอยสอง...รักแรกช้ำ¬น้ำตานอง...ถ้าเป็นสองฉันคงต้อง¬ขาดใจตาย...’
น้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตาน้ำผึ้งและก่อนที่มันจะหยดลงมาให้เขาและคนอื่น ๆ รับรู้ความรู้สึกในใจ น้ำผึ้งก็รีบกระพริบตาถี่ ๆ ไล่ม่านน้ำตา ก้มลงมองสายขิมแล้วบรรเลงเพลงรักต่อไป จนกระทั่งเพลงนั้นจบลง...
มีเสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวอีกครั้ง...
คุณนายวรรณียิ้มกว้างก่อนจะลุกเดินขึ้นมาหาพร้อมกับเปิดกระเป๋าถือส่งกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆห่อกระดาษสีทองไปให้
“รางวัลของเธอ เพลงเพราะมากจ้ะ ขอบใจมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
“ของครูถนอมค่ะ” คุณนายวรรณีส่งซองสีชมพูไปให้ ในนั้นบรรจุเงินแบงก์พัน 1 ใบ...
“ผมขอไม่รับได้ไหมครับ” ที่ไม่รับเพราะครูถนอมนั้นมีเงินบำนาญอยู่แล้ว เมื่ออดีตลูกศิษย์ไปขอความช่วยเหลือครูถนอมจึงถือว่าเป็นการสืบสานดนตรีไทยมากกว่าจะคิดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้ครู ก็ไม่มีน้ำผึ้งวันนี้ สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ รับไว้เถอนะคะ”
ครูถนอมจำต้องรับซองเงินนั้นไว้...
ฝ่ายภัทรินนั้น เมื่อรู้สึกว่าในบ้านอบอ้าวกอปรกับวรรณศุกร์ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระสงฆ์ทิ้งให้เธอต้องนั่งคนเดียว หญิงสาวจึงเดินออกมาข้างนอกตั้งแต่น้ำผึ้งเริ่มเล่นเพลงเขมรไทรโยค หญิงสาวมาเปิดประตูรถของตนที่จอดไว้ในโรงรถแล้วเข้าไปนั่ง เลื่อนกระจกลงรับลมจากร่มไม้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ บ้าน และพอน้ำผึ้งเล่นเพลงเสน่หาซึ่งเป็นเพลงที่วรรณศุกร์เคยเล่นเปียโนในงานวันเกิดของคุณนายวรรณีเมื่อปีก่อนคอของภัทรินก็แข็งขึ้นมา หญิงสาวมองไปบนระเบียงหน้าบ้านก็พบว่าว่าคุณนายวรรณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และลางสังหรณ์ของภัทรินก็บอกว่าแม่ของวรรณศุกร์นั้นยังไม่เลิกคิดจะเอาชนะตน นางวรรณีนั้นอยากให้วรรณศุกร์เลิกกับตนจึงได้พยายามหาผู้หญิงคนใหม่มาให้วรรณศุกร์ดูตัว และตอนนี้น้ำผึ้งก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกตัวใหม่ที่วรรณศุกร์จะเอนเอียงไปหาหรือไม่...
เพลงเสน่หา...เพลงเสน่หา...
ภัทรินกดกรามกรอด ๆ นึกอยากจะขึ้นไปจิกทึ้งผมน้ำผึ้งแล้วตบสั่งสอนที่ริอ่านจะเล่นเพลงยาวบอกความรู้สึกของตนให้วรรณศุกร์ได้รับรู้...
‘ถ้าเป็นสองฉันคงต้องขาดใจตาย’
“มึงจะต้องตายแน่ๆ นังน้ำผึ้ง...” ภัทรินเปรยออกมาเบา ๆ เมื่อได้น้ำผึ้งเล่นโน้ตถึงท่อนนั้น...
“น้ำผึ้ง” ภัทรินร้องเรียกน้ำผึ้งในขณะที่น้ำผึ้งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับครูถนอม แม่น้ำอ้อย คชาพัฒน์ นางสำรวย สำลี และชาวบ้านในเต้นท์ที่ทางเจ้าภาพได้เช่ามากางกันแดด
น้ำผึ้งหันไปทางต้นเสียง พบว่าภัทรินที่อยู่ในชุดแซคสีม่วงมะปรางเผยให้เห็นเนื้อตัวขาวผ่องเป็นยองใย ทรงผมของภัทรินนั้นเป็นผมบ๊อบหน้าม้ายกเป็นกระบังลม ใบหน้าของภัทรินนั้นสมส่วน ปากนิดจมูกหน่อยจิ้มลิ้มพริ้มเพราทีเดียว...
ถ้าไม่มีเรื่องข้อแม้ ปัญหาโลกแตกนั้น ภัทรินกับวรรณศุกร์เหมาะสมกันเป็นอย่างมากเพราะผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยบุคคลิกภาพดีด้วยกันทั้งคู่
“คะ”
“ฉันมีของรางวัลมาให้น่ะ...เมื่อกี้เพลงเสน่หาที่เธอเล่นฉันชอบมาก...เลยอยากให้รางวัลเธอ...”
ว่าแล้วภัทรินก็เปิดกระเป๋าถือทรงสมุดหยิบซองสีขาวยาวซึ่งมีตราของบริษัทที่ตนสังกัดอยู่ส่งให้น้ำผึ้ง
“เล็ก ๆ น้อย ๆ จ้ะ รับไปเถอะ” ใบหน้าของภัทรินยิ้มแย้ม น้ำผึ้งยื่นมือไปรับซองพร้อมกับยกมือพนมค้อมศีรษะลง
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันขอตัวก่อนนะ “ ว่าแล้วภัทรินก็ผละเข้าบ้านไป น้ำผึ้งมองซองในมือ แล้วก็หันหน้าไปมองหน้าของแม่กับคชาพัฒน์ ก่อนจะเอาซองนั้นสอดไว้ใต้กล่องของขวัญที่คุณนายวรรณีให้มา...
และเมื่อคชาพัฒน์ส่งน้ำผึ้งกับแม่น้ำอ้อยถึงบ้าน น้ำผึ้งที่ยังอยู่ในชุดสวยที่คุณนายวรรณีให้หยิบยืมมาก็ทรุดตัวลงนั่งบนตั่ง...ใจของน้ำผึ้งอยากจะแกะกล่องของขวัญก่อนเพราะอยากรู้ว่าคุณนายวรรณีให้อะไร แต่น้ำหวานที่ปรี่เข้ามานั้นรีบคว้าซองไปส่องดู...
“ได้มาเท่าไหร่พี่ผึ้ง”
“อย่าไปยุ่งกับของของพี่เค้า” น้ำอ้อยปรามลูกสาวคนกลาง...
น้ำผึ้งจึงลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ผึ้งขอขึ้นไปเปลี่ยนผ้าก่อนนะแม่ ชุดนี้อึดอัด...”
เดินเข้าห้องนอนมาแล้ว น้ำผึ้งก็รีบเปลี่ยนชุดผ้าถุงเสื้อแขนกระบอกออกมานุ่งกางเกงขาสามส่วนซื้อยืดตัวหลวม ๆ ...ทรุดลงนั่งบนที่นอนแล้วน้ำผึ้งก็หยิบกล่องของขวัญมาแกะออก...
แล้วน้ำผึ้งก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่ากล่องยาว ๆ เป็นกล่องใส่สร้อยทองคำพร้อมจี้พระองค์เล็กเลี่ยมทองไว้แล้ว น้ำผึ้งรีบเดินลงมาข้างล่าง แล้วยื่นของขวัญที่คุณนายวรรณีให้แม่น้ำอ้อยดู
“ทองคำนี่...น่าจะหนักสักสองสลึง เป็นหมื่น ๆ เลยนะ” น้ำอ้อยพินิจดูของในมือด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ทำไมต้องให้เยอะขนาดนี้ด้วยละแม่...ขิมนั่นก็หกพันกว่าแล้วนะ ยังจะทองพร้อมจี้พระนี่อีก มันเยอะไปนะ”
“นั่นซิ...” น้ำอ้อยถอนหายใจแรง ๆ
“ผึ้งจะเอาไปคืนเขานะแม่ ผึ้งว่ามันมากไป...ผึ้งคิดว่าค่าตัวผึ้งในวันนี้สักห้าร้อยหรือพันหนึ่งก็มากไปแล้ว”
“แล้วซองที่แฟนคุณศุกร์ให้มา”
น้ำผึ้งรีบเดินขึ้นบ้านไปอีกครั้ง...และพอใช้กรรไกรตัดซองแล้ว ข้างในมีธนบัตรฉบับละ 20 บาท 5 ใบ พร้อมกับ กระดาษสีขาวพับไว้แนบมาด้วย น้ำผึ้งคลี่กระดาษในทันที
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร ถ้าไม่อยากเจ็บตัวหรืออับอายขายขี้หน้าชาวบ้านละก็อย่าคิดยุ่งกับศุกร์...เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”...น้ำผึ้งอ่านทวนข้อความสั้น ๆ นี้ อยู่หลายรอบด้วยมือและใจที่สั่นเทา...
คุณภัทรินล่วงรู้ความในใจของเธอได้อย่างไร และถ้าแม่ถาม เธอจะตอบกับแม่ว่าอย่างไร
น้ำผึ้งตั้งสติสงบอารมณ์อยู่บนห้องเป็นนาน แล้วก็ค่อย ๆ เดินลงมาด้วยการพยายามเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“ซองคุณภัทให้เงินใช่ไหม ให้มาเท่าไหร่”
“นิดหน่อยค่ะ” น้ำผึ้งไม่กล้าบอกว่าเงินที่ภัทรินให้มานั้นเป็นแบงก์ยี่สิบเก่า ๆ 5 ใบ...เพราะถึงค่าของเงินจะไม่ได้น้อยลง แต่เธอรู้ว่าคนให้ ตั้งใจทำให้เพื่อให้เธอรู้สึกน่าสังเวช น่าสมเพชเสียเต็มประดา...
“แล้ว ทองนี่จะเอาอย่างไร” น้ำอ้อยนั้นยังกังวลกับเรื่องนี้
น้ำผึ้งมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง...ป่านนี้คนที่บ้านของคุณนายวรรณีคงจะเหลือเฉพาะแม่ครัวที่เก็บถ้วยจานล้าง คุณภัทกับคุณศุกร์นั้นไม่รู้จะอยู่ที่บ้านหรือเปล่า และถ้าอยู่ทั้งคู่ก็คงจะจู๋จี๋กันอยู่บนห้องนอน...ซึ่งน้ำผึ้งไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับภัทรินอีกแล้ว กลัวเหลือเกินว่าความผิดที่แอบรักแอบคิดถึงผู้ชายของคนอื่นจะถูกประจาน...คนมาทีหลังอย่างไรก็ผิดเต็มประตู
“เดี๋ยวเย็น ๆ ค่อยไปดีกว่าแม่”
น้ำผึ้งมองไปที่กล่องขิมที่ยังไม่ได้ยกไปเก็บไว้ในห้องบนบ้าน...
“ถ้าผึ้งจะไม่รับขิมของคุณนายด้วยแม่ว่าจะน่าเกลียดไหม”
“ขิม...ขิมตัวนี้แม่ว่ามันไม่น่าเกลียดเท่าสร้อยเส้นนี้หรอก เก็บไว้เถอะแล้วก็หมั่นซ้อมหมั่นเล่นบ่อย ๆ พอไปประกวดเวทีพธูไทยคงจะได้ใช้ ส่วนทองนี่เอาไปคืนคุณนายเถอะ แล้วขอเป็นเงินรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนดีกว่านะ...เดี๋ยวแม่จะไปด้วยแล้วกัน แม่จะพูดเอง”
“ไม่ออกไปขายลูกชิ้นหรือแม่”
“เดี๋ยวเข็นรถไปแล้วก็ให้หวานมันไปเฝ้า แล้วเราก็ไปมอเตอร์ไซค์กัน เดี๋ยวเดียวก็คงสิ้นเรื่อง”
น้ำผึ้งเก็บเงินและกระดาษแผ่นนั้นกลับเข้าซองตามเดิม แล้วพอล้มตัวลงนอนกับหมอนเพราะรู้สึกอ่อนใจ น้ำผึ้งก็นึกได้ว่า ในหมอนหนุนนั้นมีรูปหมู่หลังการประกวดเสร็จสิ้น โดยรูปนั้นเป็นรูปที่มีวรรณศุกร์ยืนอยู่ ข้าง ๆ เป็นครั้งแรกและเป็นรูปแรกในชีวิต...
“ฉันจะรักเขาไม่ได้” น้ำผึ้งบอกตนเองก่อนจะหยิบรูปใบนั้นสอดใส่ซองตามธนบัตรไป...
หลังจากน้ำผึ้งนำซองนั้นโยนใส่ลิ้นชักพลาสติกสำหรับเก็บเอกสาร...พอจะล้มตัวลงนอน โทรศัพท์ของน้ำผึ้งก็ดัง...
“น้ำผึ้งพี่เอง”
“พี่วัตร”
“พี่จะกลับโรงเรียนแล้วนะ เลยโทรมาบอก”
“ค่ะ”
“ช่วงห้าวันที่ไม่เห็นผึ้ง พี่คงคิดถึงผึ้งเป็นอย่างมาก”
น้ำผึ้งอยากจะอยากจะหัวเราะแต่ว่าเธอก็รู้สึกเศร้ากับตัวเอง...ทำไมเธอไม่รักคนที่เขามีอายุไล่เลียกับตน ทำไมไม่รักคนที่ไม่มีเจ้าของ ทำไมใจของเธอไปจรดจ่ออยู่กับคนที่เขามีเมียอยู่แล้ว...
“พี่อยากให้ผึ้งคิดถึงพี่บ้าง จะได้ไหม”
“พี่วัตร”
“ได้ไหมผึ้ง”
น้ำผึ้งนิ่งเงียบ เพราะการเงียบน่าจะเป็นการปฏิเสธได้ละมุนละม่อมที่สุด...แต่ภานุวัฒน์ยังไม่เลิกเซ้าซี้
“ได้ไหมผึ้ง ผึ้งจะคิดถึงพี่บ้างได้ไหม”
“เดี๋ยววันศุกร์พี่ก็กลับมาอีกไม่ใช่เหรอ”
“พี่ใกล้จะเรียนจบแล้วนะ ถ้าพี่จบ พี่ทำงานแล้ว พี่จะให้เตี่ยมาหมั้นผึ้งไว้ก่อนได้ไหม”
“พี่วัตร...อย่าเพิ่งอะไรเลย ผึ้งเอ่อ ผึ้งยังไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับพี่เลยนะ ขอเวลาผึ้งหน่อย”
“ได้ ๆ พี่ยินดีรอนะ แต่ก่อนจะวางสายพี่อยากให้ผึ้งรู้ว่า พี่คิดถึงผึ้งเสมอนะครับ...รักนะครับ จุ๊บ ๆ”
ภานุวัฒน์วางสายไปแล้วโดยที่น้ำผึ้งไม่ได้รู้สึกว่า คำพูดหวาน ๆ ของเขานั้นเป็นน้ำกรดกระเทาะใจสักนิด มันเป็นเหมือนยาขมที่ทำให้น้ำผึ้งพะอืดพะอมเสียมากกว่า
รถของภัทรินไม่ได้จอดอยู่ในโรงรถแล้ว รถคันใหญ่ของวรรณศุกร์ยังจอดคู่อยู่กับรถเบนซ์ ของคุณนายวรรณี น้ำผึ้งที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้ร่มไม้รู้สึกผ่อนคลายความกังวลขึ้น...
“คุณนายวรรณีอยู่ไหมป้า” น้ำผึ้งร้องถามป้าสมานที่ชะโงกหน้ามาดูที่ระเบียงบ้าน...
“อยู่ ๆ มีอะไร”
“นอนหรือเปล่า”
“ไม่ได้นอนหรอก นั่งดูโทรทัศน์อยู่นะ”
ว่าแล้วสองแม่ลูกก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน คุณนายวรรณีที่เอนตัวอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์รีบลุกขึ้นนั่งสีหน้านั้นบอกให้รู้ว่า รู้สึกเมื่อยขบตามร่างกาย
“กำลังอยากได้หมอนวดเลย รับจ้างนวดชั่วโมงล่ะเท่าไหร่”
“ปวดเมื่อยตรงไหนหรือคะ” น้ำอ้อยเป็นฝ่ายถามหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวคนละตัวกับลูกสาว โดยนางสมานนั้นเดินเลี่ยงเข้าไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวประจำของตน...
“ตามประสาคนแก่นะ...ปวดตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย...”
“อิฉันมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ” น้ำอ้อยรีบพุ่งเข้าหาธุระที่มาเพราะว่าจะต้องรีบกลับไปขายของ
“มีอะไรก็ว่ามา”
“เรื่องของขวัญที่ให้น้ำผึ้งไป คือ ฉันรู้สึกว่ามันมากไป ไม่อยากให้ผึ้งรับไว้ค่ะ”
“ไม่มากหรอก สร้อยเส้นนี้ฉันซื้อเมื่อนานมาแล้ว ทองบาทละไม่ถึงสี่พันเลยมั้ง รวม ๆ แล้วแค่สองพันกว่า ๆ พระนั่นก็ไม่ใช่พระเก่าเก็บอะไรหรอก เป็นพระที่พ่อของศุกร์เอาเงินไปช่วยท่านเจ้าอาวาสทำบุญรั้ววัดน่ะท่านให้เป็นพระของขวัญมา ฉันก็เลี่ยมทองเก็บไว้ตรงแต่ตอนนั้น...เก็บไว้เถอะ”
“มันมากไปค่ะ ตอนนี้ค่าของมันไม่ใช่แค่นั้นแล้ว มันจะเป็นหมื่นแล้ว”
“รู้ไหมว่า ทำไมฉันถึงอยากให้น้ำผึ้ง”
น้ำอ้อยส่ายหน้าเบา ๆ
“อันที่จริงฉันก็เหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปนั่นแหละที่ชอบเล่นตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ฉันอยากมีลูกสาวสักคนแต่ว่า...มันก็ไม่มี เอาเป็นว่า ถือซะว่าฉันให้ลูกสาวฉันแล้วกันนะ รับไปเถอะ ถือทำให้ฉันมีความสุขในวันนี้เถอะนะ...”
“แต่ว่า”
“ถ้าคิดว่ามันมากไป ก็ให้น้ำผึ้งนวดให้ฉันสักหน่อยแล้วกัน ขอสักชั่วโมงสองชั่วโมงนะ...ได้ไหม กำลังเมื่อยขบทั้งตัวเลย...ช่วยคนแก่เอาบุญหน่อยเถอะนะ...”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2556, 08:53:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2556, 08:53:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1988
<< 18. “ผึ้งรักแม่ ผึ้งรักน้อง ผึ้งจะอดทนเพื่อแม่เพื่อน้อง" | 20. “มีโปรแกรมไปประกวดเวทีไหนอีกหรือเปล่า” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 3 ก.ค. 2556, 08:54:29 น.
ขอบคุณจากทุ ก ๆ แรงใจนะครับ พรุ่งนี้ ขอเว้นวรรค หนึ่งวัน เพราะต้องไปต่างจังหวัดครับ ........จุ๊บ ๆ
ขอบคุณจากทุ ก ๆ แรงใจนะครับ พรุ่งนี้ ขอเว้นวรรค หนึ่งวัน เพราะต้องไปต่างจังหวัดครับ ........จุ๊บ ๆ

คิมหันตุ์ 3 ก.ค. 2556, 11:33:01 น.
โอ้วนี่ขนาดยังไม่ได้แสดงอาการ อะไรออกไปคุณภัทรยังออกโรง ออกงิ้ว วาดลีลาขนาดนี้ ถ้าน้ำผึ้งออกตัวแรงกว่านี้ มิโดนเล่นงานแย่เลยหรอ หึหึ
โอ้วนี่ขนาดยังไม่ได้แสดงอาการ อะไรออกไปคุณภัทรยังออกโรง ออกงิ้ว วาดลีลาขนาดนี้ ถ้าน้ำผึ้งออกตัวแรงกว่านี้ มิโดนเล่นงานแย่เลยหรอ หึหึ

mottanoy 3 ก.ค. 2556, 11:57:30 น.
หลายด่านเลยน้ำผึ้ง
หลายด่านเลยน้ำผึ้ง

เดิมเดิม 3 ก.ค. 2556, 12:46:50 น.
แม่น้ำอ้อยดีจริงๆ
แม่น้ำอ้อยดีจริงๆ


loveleklek 8 ก.ค. 2556, 23:03:54 น.
ชอบ
ชอบ

จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:27:02 น.
stop!
stop!