จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 19

ตอนที่ 18

เสียงแตรรถพร้อมฝุ่นควันที่ถูกปล่อยมาจากท่อไอเสียบนถนนติดตลาดสดแห่งนี้รวมกับเสียงตะโกนเรียกลูกค้าของบรรดาพ่อค้าแม่ขายหรือแม้กระทั่งกลิ่นเหม็นของน้ำล้างปลาล้างหมูที่เจิ่งนองเต็มทางเท้าหน้าตลาดก็ไม่ทำให้เบญญาภาหงุดหงิดได้เท่ากับเสียงทุ้มติดจะกวนประสาทที่คอยถามนู่นถามนี่ตลอดทางนับตั้งแต่ลงจากรถมาของกรวีร์

เบญญาภาพยายามสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อหนี แต่เพราะช่วงขาของเธอนั้นสั้นกว่าอีกฝ่ายมาก ไม่นานเขาก็ตามมาทัน เบญญาภาจึงยอมแพ้ ผ่อนฝีเท้าเป็นปกติ ปล่อยให้อีกฝ่ายถามต่อไป อันไหนที่เธอพอตอบได้ก็ตอบ อันไหนที่ไม่รู้ก็บอกไปตรงๆเป็นการตัดบท

เบญญาภาเหลือบมองร่างสูงที่เดินตามมากำลังหันซ้ายหันขวามองแผงขายปลาที่มีหลากหลายเต็มสองข้างทางอย่างตื่นเต้น เหมือนเด็กที่พ่อแม่พาออกมาเจออะไรแปลกใหม่ หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาอย่างขบขันเมื่อกรวีร์เดินเข้าไปที่แผงขายปลานิลตัวเป็นๆ ก้มหน้าลงไปจ้องก่อนจะผงะหงายหน้าตื่นเมื่อเจ้าปลาดิ้นแรงจนน้ำกระเด็นเปื้อนใบหน้าคมคาย เธอรีบหุบยิ้มเมื่อเขาหันมา

กรวีร์ยิ้มกว้างเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีผ่านหน้าเบญญาภาไป เธอหน้าหงิกความเอ็นดูเมื่อครู่หดหาย ยิ่งคิดย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องมาเดินอยู่ในตลาดสดแห่งนี้แล้วพาให้อารมณ์พุ่งขึ้นสูง เพราะมันคือความผิดพลาดที่เธอก่อขึ้นเอง....

‘ตกลงว่าไง ถ้าคุณไม่พูดอะไรฉันจะถือว่าทุกอย่างจบ เจ๊ากันไป ไปค่ะแม่กลับบ้านกัน’ หญิงสาวยกมือไหว้คุณมีนา ฉุดแขนมารดาให้ลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินกลับบ้านแต่ทว่า...

‘แน๊...’ ร่างสูงลุกพรวดเดียวมาขวางหน้าเอาไว้อย่างไวจนแผงอกกำยำเปลือยเปล่าแทบจะจิ้มหน้าสาวเจ้า เบญญาภาผงะออกมาให้ห่าง ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ส่งค้อนไปให้คนที่ยื่นแก้ผ้าท่อนบนท่ามกลางสาวน้อยสาวใหญ่อย่างไม่เหนียมอาย กรวีร์ก้มลงมาฉีกยิ้มใส่ตา บอกเสียงหวาน

‘...พี่วีร์ยังไม่ได้บอกสักคำเลยนะว่าจะยกโทษให้น้องเบญ มาตีขลุมเอาเองแบบนี้ได้ไง ขี้ตู่จริงเชียว’

เบญญาภาเท้าสะเอวหมับ ‘เอ๊ะ! ก็มัวแต่นั่งเงียบอยู่ได้ ถามก็ไม่ตอบ คิดว่าคนอื่นเขาว่างงานอย่างคุณหรือไงกัน...คะ’ เติมหางเสียงเล็กน้อยเพราะเกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งมอง วงหน้านวลเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ยอมแพ้ กรวีร์ทั้งหมั่นไส้ทั้งเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกรั้นของหล่อนเล่นด้วยอาการมันเขี้ยว

...และก็ได้เสียงร้องแหลมสูงอย่างขัดใจมาเป็นรางวัล

‘คุณกรวีร์!!’

ร่างบางโผเข้าไปหวังจะเหน็บเนื้อแน่นของเขาให้หลุดติดมือ แต่กรวีร์ไวกว่าเบี่ยงตัวหลบ มือหนาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวบางหมับเหนี่ยวร่างของหล่อนมาแนบอก ใบหูบอบบางแนบชิดอกด้านซ้ายจนได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจ กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นกายของเขาโรยแตะจมูกส่งผลให้ใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่แล้วก่ำสีหนักขึ้นไปอีก

การกระทำนั้นทำให้สองคุณแม่ตาโต หันไปมองกันเอง

เบญญาภาพยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้นแต่ดูเหมือนว่ามือของเขาจะทากาวเอาไว้ ใบหน้านวลเห่อร้อน เหมือนมีใครเอาไฟมาจุด บอกกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนี้กำลังเขินหรือโกรธอยู่กันแน่

กรวีร์ยิ้มกริ่มชอบใจนอกจากจะได้ล้างอายแล้วยังได้กำไรจากร่างนุ่มนิ่มนี่อีก ‘สุขจริงๆไอ้วีร์เอ๊ย!’ คุณมีนาอมยิ้มมองการกระทำของลูกชายแล้วร้องเยสในใจดังๆ ลอบชูนิ้วโป้งให้ลูกชายที่วันนี้ได้ดั่งใจเธอ ส่วนมารดาของหญิงสาวในอ้อมกอดก็อ้าปากค้างเริ่มคิดแล้วว่าตัวเองพาลูกมาเข้าปากเสือหรือเปล่า

‘ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คนบ้า’ เบญญาภาออกแรงดันสุดตัวจนร่างสูงยอมปล่อยมือ หญิงสาวถอยกรูดไปให้ห่างจากเขาทันที ถลึงตามองมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ดูดูไปก็เหมือนแมวน้อยพองขนขู่เจ้าของเหมือนกัน ทั้งน่ารัก น่าเอ็นดู น่า... หึหึ

กรวีร์สะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดติดเรท ฉ. ออกไป ชูสองมือระดับอกอย่างยอมแพ้ ‘ไม่เล่นแล้วก็ได้ พี่แค่จะบอกบทลงโทษของน้องเบญให้ฟังเท่านั้นเอง’

‘งั้นก็บอกมาเร็วสิ เสียเวลา!’

‘ใจร้อนจัง’ เขาแซวยิ้มๆ แต่ก็ยอมบอก ‘เอาเป็นว่าพี่ไม่ขออะไรมากแค่...อาหารเย็นหนึ่งมื้อ’

สิ้นคำตอบ ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร คุณมีนาเลิกคิ้วเอียงคอมองลูกชายคนโต ไม่เข้าใจจุดประสงค์ เบญญาภาจ้องร่างสูงนิ่งอย่างคาดคั้น เธอไม่เชื่อว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะพอใจกับอาหารแค่มื้อเดียวแน่ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้

‘แต่น้องเบญต้องเป็นคนทำนะครับ’

นั่นไง เห็นทีงวดนี้ต้องซื้อหวย เดาแม่นซะ...

เบญญาภาหายใจเข้าลึก อ้าปากเตรียมปฏิเสธแต่เสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจของคุณมีนาดังขัดเสียก่อน ‘ดีเลยน้องเบญ ป้าไม่ได้กินอาหารฝีมือหนูเสียนานแล้ว เย็นนี้ขอให้เป็นลาภปากป้าทีนะจ๊ะ’ พร้อมส่งยิ้มหวานเจี๊ยบมาให้ เล่นเอาเธอไปไม่เป็น จำต้องรับคำ

‘ค่ะคุณป้า’


คิดถึงตรงนี้ร่างบางก็ถอนหายใจ ขณะที่มือก็เลือกเอากุ้งแม่น้ำตัวโต อวบอ้วนสามสี่ตัวใส่ถาดส่งให้แม่ค้ารับไปชั่งน้ำหนักก่อนจะบอกราคา เบญญาภาส่งเงินให้พร้อมเอื้อมไปรับถุงใส่กุ้งมาถือแต่มือหนาโฉบเอาไปถือเองเสียก่อน เธอนิ่วหน้าหันไปมองคนข้างกายเตรียมจะต่อว่า แต่เขากลับทำตาโตมองกุ้งในถุงแล้วร้อง

“โอ้โห...ตัวใหญ่มากเลยน้องเบญ เจ้ากุ้งถุงนี้น้องเบญจะใช้ทำอะไรคะ”

“กุ้งราดซอสมะขาม” ตอบเสร็จก็ออกเดินไปยังจุดหมายต่อไป เบญญาภาเดินไปหยุดหน้าแผงเนื้อหมู หยิบยกเอาชิ้นที่ดูสดและใหม่ที่สุดส่งให้คนขาย กรวีร์ยื่นเข้าไปกระซิบกับแม่ครัวสาว ริมฝีปากหยักหนาเกือบจะชิดแก้มนวล

“แล้ว...” ยิ้มใส่ตาขุ่นขวางของหล่อน ถามเบาๆอย่างไม่สะทกสะท้าน “...หมูนี่ล่ะทำอะไรเอ่ย”

เบญญาภาก้าวไปด้านข้างหนึ่งก้าวเพื่อให้มีระยะห่าง เชิดหน้าตอบพร้อมกับรับเงินทอนจากพ่อค้า ส่วนหน้าที่ถือถุงก็มอบหมายให้กรวีร์ไป “หมูปั้นทรงเครื่องชุบเกล็ดขนมปังทอด”

กรวีร์กลืนน้ำลาย ท้องเริ่มร้องแม้ว่าจะเพิ่งทานกลางวันมาก่อนออกจากบ้านก็ตาม“แค่ได้ยินชื่อเมนูของน้องเบญ พี่วีร์ก็น้ำลายหก สงสัยงานนี้มีอ้วนขึ้นแน่เลย”

“งั้น...จะไม่กินก็ได้นะคะ ดิฉันจะได้สบาย”

“เรื่องอะไร!”เขาค้านหัวชนฝา

“ถ้างั้นก็ช่วยเดินตามมาเงียบๆหรือไม่ก็กลับไปรอที่รถก็ได้นะคะ....ป้าคะ เอามะขามเปียกให้สามขีดค่ะ” เบญญาภาได้ทีออกคำสั่ง หันไปรับของจากแม่ค้า ก่อนจะเดินออกไปโดยมีกรวีร์เดินหน้าหงิกตามมาเงียบๆ

เบญญาภาหยุดยืนที่หน้าแผงขายปลาขนาดใหญ่ที่สุดของตลาดที่นอกจากจะมีปลาหลายชนิดทั้งน้ำจืด น้ำเค็มให้เลือกซื้อแล้ว จำนวนลูกค้าที่มาเบียดเสียดรอซื้อปลาก็มากตาม เสียงตะโกนต่อรองราคาสลับกับเสียงมีดดังเซ็งแซ่น่าหนวกหูแต่สิ่งนี้ก็คือชีวิตของคนธรรมดาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

หญิงสาวมองความวุ่นวายเบื้องหน้าแล้วโคลงศีรษะ นึกสภาพตนเองออกเลยว่ามันคงคล้ายมดถูกเหยียบหากเข้าไปร่วมวงกับเขาด้วย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่หนึ่งในเมนูของวันนี้มีปลาเป็นวัตถุดิบหลัก แล้วคะเนจากจำนวนคนหากไปซื้ออย่างอื่นที่เหลือแล้วย้อนกลับมา ปลาดีๆสดๆคงโดนเอาไปหมด เธอควรจะทำยังไงดี

กรวีร์มองร่างบางที่กำลังครุ่นคิดอะไรที่เขาไม่รู้ คิ้วเรียวสวยที่เจ้าตัวแต่งอย่างดีขมวดเข้าหากันเป็นปมจนอยากจะยื่นมือหนาไปนวดคลายให้ด้วยความเอ็นดู เขาคิดว่าใบหน้ายามนี้ดูไม่เหมาะกับหล่อนเอาเสียเลย เบญญาภาเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า โดยเฉพาะรอยยิ้มจากดวงตาที่พอได้มองสบแล้วเหมือนโลกทั้งใบถูกอาบไล้ด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ดูร่าเริงและอบอุ่น

ชายหนุ่มว่าจะยืนมองให้เพลินกว่านี้อีกหน่อย แต่สังเกตว่านอกจากอาการขมวดคิ้ว นัยน์ตากลมโตใสแจ๋วเหลือบมองมาทางเขาบ่อยครั้งมีแววลังเล ริมฝีปากชมพูระเรื่อเม้มแน่นดูกังวลใจ กรวีร์เห็นท่าทางนั้นแล้วรู้สึกยอกอกชอบกลผสมด้วยความไม่ชอบใจที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจของหล่อน จึงรีบเดินเข้าไปประชิดตัว กระซิบถาม

“น้องเบญคิดอะไรอยู่คะ บอกพี่วีร์ได้นะ”

เบญญาภาสะดุ้ง บอกปัด “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...” ก่อนรีบบอกต่อเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อถือ “...แค่กำลังคิดว่าจะไปซื้อของที่เหลือก่อนดี หรือจะเข้าไปเบียดซื้อปลากับเขาดี”

“แล้วของที่เหลือมีอะไรบ้างล่ะ”

“ก็พวกเครื่องเทศนิดหน่อย ทำไมคะ...คุณจะไปซื้อให้ดิฉันเหรอ” หล่อนย้อนถาม แววตาคาดหวัง กรวีร์หัวเราะหึ

“หน้าหล่อๆอย่างพี่กินเป็นอย่างเดียว แยกไม่ออกหรอกว่าอะไรเป็นอะไร”

หญิงสาวฟังคำตอบแล้วหน้าหงิก บ่นพึม “แล้วจะถามทำไม”

“ถามเพราะว่าพี่จะให้น้องเบญไปซื้อของที่เหลือ ส่วนพี่...”เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ยิ้มกว้างบอกอย่างมั่นใจ “...จะเสียสละเข้าไปซื้อปลาให้น้องเบญเอง”

หญิงสาวหันขวับไปมองคนอาสาอย่างรวดเร็วจนได้เสียงกระดูกคอลั่นดังเปรี้ยะ ยอมเสียมารยาทมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า วันนี้คู่อริเธออยู่ในชุดเสื้อยืดโปโลสีเทาอมฟ้าชายเสื้อทับในกางเกงสแล็คสีดำ ดูหล่อเนี๊ยบคนละแบบกับท่านประธานเครือสิทธิวัติที่เธอเห็นจนชินตาเหมือนว่าอายุจะลดลงหลายปี แต่ไม่ว่าจะมาดไหนก็ไม่เข้ากับตลาดสดเป็นแน่

เบญญาภากลั้นใจถามอีกครั้ง “เมื่อกี้ดิฉันคงหูฝาด คุณพูดว่าอะไรนะ”

“อ๋อ...พี่บอกว่าให้น้องเบญไปซื้อเครื่องเทศ เดี๋ยวเรื่องปลาพี่จัดการเอง” กรวีร์เอียงคอมองหน้าสาวเจ้าตาใสซื่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าประหลาดกับคำพูดของเขา ยิ้มบางๆพร้อมปลอบ

“น้องเบญไม่ต้องห่วงหรอก แค่ซื้อปลาเรื่องง่ายๆ ปอกกล้วยยังยากกว่าเลย”

เมื่อท่านประธานใหญ่พูดถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ก็กระไรอยู่ เบญญาภาถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน “งั้นก็ได้”

‘ยะฮู้’ กรวีร์กู่ร้องในใจ ใบหน้าคมเข้มแทบจะปิดความดีใจที่ฉายชัดแทบไม่มิด ร่างสูงรีบปรับสีหน้าเมื่อเห็นเธอมองมา รีบถาม “ว่าแต่ น้องเบญจะซื้อปลาอะไรล่ะ”

“ปลากระพงขาวน่ะ...ว่าแต่คุณซื้อปลาเป็นแน่นะ”

“ต้องเลือกปลาที่ตาใส ไม่ยุบเป็นเบ้า เนื้อต้องแน่น กดไปแล้วไม่ยุบต้องเด้งดึ๋งดั๋ง” เขาร่ายยาววิธีพื้นฐานในการเลือกซื้อปลาสดที่ทุกคนต้องเคยได้เรียนมาสมัยมัธยมให้ฟัง มีเสริมอีกนิดหน่อยว่า“แล้วเหงือกต้องแดงสดสวย...ใช่ไหม”

เบญญาภาฟังแล้วค่อยเบาใจ อย่างน้อยในสมองของเขาก็ยังมีอะไรที่เป็นสาระอยู่บ้างไม่ได้มีแต่วิธีหลีหญิงอย่างที่นึกกลัว
“ถูกต้อง งั้นคุณซื้อปลากระพงขาวให้ดิฉันสองตัวนะคะ เลือกตัวใหญ่เท่ากันหน่อย”

ร่างสูงยกมือตะเบ๊ะล้อเลียน “รับทราบครับผม ว่าแต่...” เสียงมั่นใจแผ่วลง เบญญาภาเลิกคิ้วมองคนที่ยิ้มเจื่อน แล้วหล่อนก็ต้องชาวาบไปทั้งตัวกับประโยคต่อมา

“...ไอ้ปลากระพงขาวเนี่ย หน้าตามันเป็นยังไง”

ขออนุญาติเป็นลม!


กรวีร์มองส่งร่างบาง หลังจากชี้ให้เขาดูแล้วว่าปลากระพงขาวที่ต้องการหน้าตาเป็นยังไง ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นสูงโบกให้หล่อนอย่างร่าเริง เบญญาภายิ้มจืดกลับไปให้มองอาการดี๊ด๊าอย่างหวั่นใจ แต่ก็ยอมตัดใจเดินไปยังร้านขายเครื่องเทศที่เห็นไม่ไกลทิ้งให้พ่อครัวมือใหม่ (แบบเพิ่งแกะจากห่อ) ยืนวอร์มอัพ บิดไม้บิดมือ ดัดหลังราวกับกำลังจะลงโอลิมปิก ประเภทกีฬาชิงปลาก็ไม่ปานอยู่คนเดียว

ทำอะไรไม่ได้ก็ภาวนาแค่ว่าอย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน

ชายหนุ่มสะบัดคอซ้ายทีขวาที สายตาจับจ้องอยู่ที่กลุ่มคนเบื้องหน้า เป่าลมดังฟู่เพิ่มความมั่นใจก่อนจะเดินตรงแหวกกำแพงมนุษย์ทั้งหลายไปด้านข้างแล้วพาร่างสูงชะลูดของตนเข้าไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อตรงหน้าถาดใส่ปลาขนาดใหญ่ภายในเวลาไม่กี่นาที กวาดสายตามองผ่านจนเห็นว่าเป้าหมายอยู่ทางด้านซ้ายมือติดกับถาดปลาไหล

กรวีร์ชะงัก หนาวยะเยือกไปทั่วไขสันหลัง ขนแขนแสตนด์อัพทันที เมื่อได้เห็นว่าในถาดนั้นมีปลาไหลจำนวนมากกำลังแหวกว่ายก่ายพวกของตนไปมาคล้ายงู แล้วคนที่ไม่พึงปราถนาสัตว์เลื้อยคลานจำพวกนี้เช่นเขา (แม้บนหัวของตนจะมีอยู่หนึ่งตัวก็ตาม) ก็อดจะแขยงไม่ได้ มือหนาลูบแขนของตนไวๆ พยายามเดินให้ห่างจากถาดใบนั้นให้มากที่สุดจนไปถึงจุดหมายของตน

เขาหยิบตะกร้าพลาสติกสำหรับใส่ปลาที่วางซ้อนกันอยู่ในตะแกรงขึ้นมา ใช้ที่คีบคีบเอาปลากระพงขาวตัวที่ใหญ่ที่สุดในถาดขึ้นมาพลิกไปมาสำรวจ ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวนี้ตรงตามตำราทุกประการพอเห็นว่าตาใส เหงือกแดง เนื้อเด้งตามตำราทุกประการก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ วางลงไปในตะกร้าแล้วเลือกหาอีกตัวที่มีขนาดใกล้กัน ก่อนจะส่งให้แม่ค้านำไปจัดการชั่งน้ำหนัก

แม่ค้าเทปลาลงบนตาชั่ง หันมาขานน้ำหนักให้เขารับรู้ ก่อนจะถามรัวเร็วด้วยสำเนียงคนใต้

“เกล็ดไส้ไหม?”

“หา” กรวีร์เหวอ กระพริบตาปริบๆ รู้สึกสนเท่ห์กับคำถามของอีกฝ่าย อะไรวะเกล็ดๆไส้ๆ

“เอ่อ มันคืออะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” รีบถามเมื่อเห็นว่าแม่ค้าร่างท้วมเริ่มจะเท้าเอวมองตาเขียว ใช้นิ้วชี้ไปที่ปลาทั้งสองตัวถามอีกครั้งช้าชัด “ขอดเกล็ด ควักไส้ไหม ไอ้ปลาสองตัวนี้”

ชายหนุ่มถึงบางอ้อ รีบพยักหน้า แม่ค้าส่ายหน้าบ่นพึม หันหลังไปจัดการกับปลาต่อ กรวีร์หัวเราะแหะๆกับลูกค้าคนอื่นที่อมยิ้มมองมา ก็แหม...คนเพิ่งเคยซื้อปลา จะเอาอะไรมากมาย

“ป้าเอากบสามตัว จัดการให้ด้วย ด่วนเลย” กรวีร์เซเล็กน้อยเมื่อลูกค้าผู้ชายร่างอ้วนคนหนึ่งเบียดคนด้านหลังขึ้นมาจนชนกับเขา ร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยร้องเร่ง

“เร็วสิป้า เมียฉันมันอยากกิน ไม่รู้แพ้ท้องภาษาอะไรอยากกินกบ พิลึก!” ลูกค้าบ่น แม่ค้าร่างท้วมจึงส่งงานที่ทำให้อยู่ลูกจ้างคนหนึ่ง ส่วนตัวเองเดินออกมาด้านหน้า

“เอ้าพ่อคุณ หลบหน่อย” กรวีร์รีบเขยิบไปด้านข้าง เหลือบมองเล็กน้อยเห็นว่าอีกฝ่ายดึงเอากะละมังสีแดงมีตาข่ายคลุมเอาไว้ออกมา เขาเบ้ปากมองกบสีดำ ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำหลายตัวอย่างขยะแขยง นึกด่าภรรยาของลูกค้าร่างท้วมในใจ ของมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่กิน จะมากินกบ เฮอะ! ตลกไปละโลกนี้

ชายหนุ่มเลิกสนใจกับสัตว์โลกไม่น่ารักที่ไม่สมควรจะเอามาเป็นอาหารแม้แต่นิดกลับมาดูเด็กลูกจ้างกำลังควักไส้ปลากระพงตัวที่สองของเขาอยู่ ทำให้ไม่เห็นเหตุการณ์วุ่นวายตรงกะละมังใส่กบ

แม่ค้าร่างท้วมหยิบเอากบขึ้นมาถือไว้ในมือซ้ายแล้วสองตัว อีกมือก็กำลังจะหยิบตัวที่สาม แต่ด้วยความที่กบแต่ละตัวอวบอ้วนน่ากินทำให้หนึ่งในสองดีดตัวลงจากมือที่กำไม่รอบลงมาบนพื้น จากนั้นเจ้ากบรักตัวกลัวตายก็กระโดดหนีไม่คิดชีวิต

“เฮ้ย!” แม่ค้าร้องอุทาน รีบตะครุบเจ้าตัวที่หลุด ลืมไปว่าในมือยังมีอีกตัวพอหันไปจับเจ้าตัวนี้ อีกตัวก็กระโดดหนีตามเพื่อนไป เคราะห์ร้ายที่ตาข่ายครอบกะละมังนั้นยังไม่ได้ผูกกลับ กบที่เหลืออีกนับสิบจึงพากันกระโดดออกมาให้บรรดาลูกค้าผู้หญิงทั้งสาวใส สาวแก่ แม่หม้ายพากันร้องวี๊ดว้าย วิ่งหนีจ้าละหวั่น

กรวีร์รับถุงใส่ปลากระพงที่ขอดเกล็ด ควักไส้เสร็จแล้วจากคนขายต้องนิ่วหน้า รู้สึกเหมือนมีอะไรมาชนขา ชายหนุ่มก้มลงไปมอง แล้วชะงักทั่วทั้งร่างแข็งทื่อเหมือนรูปปั้น ดวงตาปูดโปนสีดำสนิทจ้องมองเขานิ่ง แก้มใสโป่งแล้วยุบตามจังหวะการหายใจของมัน เขาหอบหายใจแรง หัวใจเต้นรัว เหงื่อซึมตามใบหน้าและฝ่ามือ ประสานสายตากับเจ้ากบตัวดีอย่างวัดใจ ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายถอยหลังทีละก้าว ละก้าว...

โครม!

“โอ๊ย!”

แต่ทว่า ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกจากที่เดิม เจ้ากบตัวดีก็กระโดดผลุงเข้าใส่ พรวดเดียวถึงอก กรวีร์ร้องลั่นหงายหลังโดนถาดใส่ปลาล้มคว่ำไปกับพื้น ร้องโอดโอย เปียกโชกไปหมดทั้งตัว ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของผู้ร่วมเหตุการณ์ ส่วนตัวการนั้นกระโดดลงท่อน้ำทิ้งหายไป ชายหนุ่มสลัดศีรษะไล่ความมึนงงออกไป เปิดเปลือกตาขึ้นมองแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าบนอกตนนั้นมีทั้งปลาไหล ทั้งกบเดินพาเหรดให้วุ่น ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์โลกต้องห้ามกับเขาทั้งนั้น

กรวีร์หน้าซีด ริมฝีปากแห้งผาก ท้องไส้ปั่นป่วน จะขยับก็ไม่กล้า จะลุกก็ไม่ได้ ได้แต่นอนผงกศีรษะมองพวกมันนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครเข้าช่วยเพราะมัวแต่ตะลึงค้าง แล้วเสียงใสเปรียบดังระฆังแก้วก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ

“ตายแล้ว คุณกรวีร์!”

เบญญาภาอุทาน หน้าตื่น เธอซื้อเครื่องเทศเสร็จแล้วก็รีบเดินกลับมาเพราะไม่วางใจในตัวพ่อครัวมือใหม่กลัวจะได้ปลาอื่นมาแทน พอเดินมาถึงก็เห็นความอลหม่านที่เกิดขึ้นพอดี เสียงร้องสลับกับเสียงอะไรหล่นทำให้เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง ร่างบางเบียดผู้คนที่ยืนมุงเป็นรูปครึ่งวงกลมเข้าด้านหน้าแล้วก็พบกับภาพอันหน้าตกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น

ทำไมเจ้านายของหล่อนลงไปนอนนับดาวกับพื้น แถมยังมีกบและปลาไหลซุกไซ้อกอุ่นอยู่อีกต่างหาก!

กรวีร์แหงนคอมอง ยิ้มเจื่อน ยื่นถุงในมือให้ เสียงอ่อนระโหย

“ฮะ ฮะ นี่ปลากระพงของน้องเบญจ๊ะ พี่...” กรวีร์รู้สึกวิงเวียน เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง สายตาพร่าเลือนจนมองว่าหญิงสาวมีหลายคน “...ไม่ไหวแล้ว “ พูดได้แค่นั้นก็หมดสติไปทันที

เบญญาภาและเหล่าไทยมุงอ้าปากค้างมองคนที่สั่งเสียเสร็จก็ทิ้งโลกความจริงไปเฉยอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนเบญญาภาจะได้สติร้องเรียกให้แม่ค้าเจ้าของแผงช่วยจับสัตว์ทั้งหลายให้เข้าที่ แล้วหล่อนก็ตรงเข้าไปเขย่าตัวร่างสูงเพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะช็อกมากทำให้ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เบญญาภาได้แต่ถอนใจ มองใบหน้ามอมแมมที่หลับสนิทของเขาอย่างไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมเพชดี รำพึงออกมา

“โธ่เอ๊ย...คุณกรวีร์”


“นี่...นายโย่ง อันย่าหิวอ่ะ ขอแวะซื้ออะไรรองท้องที่ฟู้ดคอร์ทก่อนได้ไหม” อนัญญาร้องเรียกคนที่เดินนำลิ่ว เอามือลูบท้องประกอบ ชี้มือไปทางฟู้ดคอร์ทตาละห้อย กรวิชญ์หรี่ตามองคู่กัดสาวอย่างชั่งใจ ก้มมองนาฬิกาเห็นว่าพอยังมีเวลาก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาติ อนัญญายิ้มกว้าง หมุนตัวกลับ เตรียมวิ่งเข้าไป แต่กรวิชญ์เรียกเอาไว้ก่อน

“ฉันไปรอที่รถล่ะกัน ให้ไวนะ”

“จ้า” หนุ่มหน้าหวานส่ายหน้ากับความไม่สมหญิงของเพื่อนสาว เดินควงกุญแจกลับไปยังรถของตน เปิดประตูก่อนสอดร่างสูงของตนนั่งประจำฝั่งคนขับ ติดเครื่องรอผู้ร่วมทางสาว ไม่นานอนัญญาก็เปิดประตูรถขึ้นมานั่ง แล้วชายหนุ่มหน้าหวานก็ออกรถ

กรวิชญ์มุ่งหน้าไปยังบ้านของตนเองพร้อมอนัญญาเนื่องจากว่าก่อนเข้าโรงหนัง เบญญาภาโทรมาหาพอรู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันก็จัดแจงนัดให้กลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านของเขา เพราะกรวีร์สั่งให้หล่อนทำอาหารให้แลกกับการไม่เอาเรื่องที่ไปแกล้งไว้เมื่อเช้าและไม่อยากจะทานกับกรวีร์เพียงสองคนจึงต้องเรียกเพื่อนมาเป็นกองหนุน กรวิชญ์ส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของพี่ชายแต่แน่นอนว่าสำหรับเขาน้ำข้นกว่าเลือดอยู่แล้ว จึงตอบตกลงแบบไม่ลังเล

งานนี้ขอเอาคืนที่มาจี้จุดเจ็บเมื่อเช้าแล้วกันนะ พี่ชาย

พอออกมาได้สักพักอนัญญาก็ล้วงเอาหมูปิ้งที่ไปซื้อขึ้นมา กัดกร้วมแล้วทำหน้าเคลิบเคลิ้ม สายตาเห็นสารถีหน้าหวานกำลังหน้าเคร่งเพราะรถติดก็ยื่นอีกไม้ไปให้

“กินไหมนายโย่ง?”

กรวิชญ์เหลือบมองแวบเดียวเพราะสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี ตอบปฏิเสธ

“ไม่ล่ะ เธอกินเถอะ” หญิงสาวยักไหล่ ส่งเข้าปากตนเสียเอง กรวิชญ์มุ่นหัวคิ้วหันขวับ ทำตาโต ร้องลั่น “เฮ้ย! นั่นมันอะไร”

“หือ” อนัญญาเลิกคิ้วมองคนถามทั้งที่มีหมูปิ้งคาปาก หญิงสาวกลืนก่อนจะตอบ “ก็หมูปิ้งไง”

“หมูปิ้ง!” ชายหนุ่มทำเสียงสูง รีบหักเข้าข้างทาง พอรถจอดสนิทก็หันมาหาเพื่อนสาวหน้าถมึงทึง “เธอจะบ้าหรือไง เอาหมูปิ้งมากินบนรถฉัน กลิ่นมันก็ฟุ้งอยู่ในรถเซ่! รถฉันเพิ่งจะล้าง ดูดฝุ่นมานะ!”

“แหม...” หล่อนลากเสียงยาวอย่างหมั่นไส้คนรักรถ มองค้อน “...แค่หน่อยเดียวเอง เปิดหน้าต่างปุ๊บ กลิ่นก็หาย นายจะบ่นทำไมหนักหนา”

“ใช่สิ ก็มันไม่ใช่รถเธอนี่ ฉันไม่ได้หวงไม่ได้ห้ามให้เอาอาหารมากินบนรถแต่ช่วยเลือกไอ้ที่มันไม่มีกลิ่น และไม่ค่อยเปื้อนได้ไหม”

“ขี้บ่น!คนมันหิวนี่แล้วอย่างอื่นมันก็เป็นของหนักทั้งนั้นเดี๋ยวก็กินอาหารฝีมือน้องเบญไม่ไหวกันพอดี”ร่างเล็กยังคงแถ กรวิชญ์ร้องเฮอะ แขวะเข้าให้

“แล้วไอ้หมูปิ้งนี่เบาตายล่ะ ไม่รู้ล่ะ ฉันให้เธอเลือกสองทาง หนึ่ง เอามันลงไปทิ้ง หรือ สอง นั่งแท๊กซี่ไปเอง เลือกเอา” เขายื่นคำขาด ให้ตายเขาก็จะไม่ยอมให้มีกลิ่นอาหารติดรถแน่นอน อนัญญาทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งกินต่อไป

กรวิชญ์ขบกรามแน่น “เธอนี่มันโคตรดื้อเลย” ออกรถอีกครั้งโดยลดกระจกลงเพื่อให้กลิ่นอาหารที่อบอวลอยู่จางไป อนัญญายิ้มพอใจ ฮัมเพลงหงุงหงิงกวนประสาท ชายหนุ่มเหล่มองแล้วบ่นออกมา

“ให้ตายเถอะรู้งี้ให้ไปเองก็ดีหรอก ตอนรุ้งนั่งไม่เห็นต้องให้บอกเลยว่าห้ามเอาของมีกลิ่นมากินบนรถ ยุ่งชะมัด! พรุ่งนี้ต้องเอารถไปล้างอีกรอบซะแล้ว”

ร่างเล็กชะงักมือที่กำลังจะหยิบไม้สุดท้ายขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม อารมณ์น้อยใจแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว อนัญญาพยายามกลืนก้อนแข็งๆที่มาจุกลำคอลงไปอย่างลำบาก รีบผูกถุงพลาสติก บอกเสียงแผ่ว “จอดรถ”

“อะไรนะ”

“ฉันบอกให้จอดรถ!” เขาผงะเมื่ออยู่ดีๆก็โดนตวาดใส่ รีบจอดรถทั้งที่เพิ่งออกมา อนัญญาปลดเข็มขัด เปิดประตูหยิบถุงใส่อาหารเดินฉับๆไปยังถังขยะที่เห็นอยู่ไม่ใกล้โดยมีสายตางุนงงของเจ้าของรถมองตาม เห็นหญิงสาวหันกลับมามอง แววตาแฝงแววประหลาดที่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร ระหว่างเสียใจกับน้อยใจ หรือทั้งสองอย่างเลย เจ้าหล่อนเปิดถังแล้วโยนของในมือลงไปก่อนจะหมุนตัวกลับมาขึ้นรถ กระแทกประตูปิดอย่างแรงจนสะเทือนไปทั้งคัน หันมาถามเสียงห้วน

“พอใจยังล่ะ ถ้าพอใจแล้วก็ออกรถเสียที ฉันไม่อยากให้น้องเบญรอนาน” สรรพนามที่เปลี่ยนไปจากเดิมทำให้กรวิชญ์รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ ชายหนุ่มอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจเพราะหญิงสาวนั้นนั่งตะแคงตัวหันหลังให้เข้าเฉย เคลื่อนรถออกไปโดยไม่มีใครพูดอะไรเลย มีเพียงเสียงเพลงหวานที่ดังก้องแต่ไม่เข้าหูใครสักคน

อนัญญากัดริมฝีปากตัวเอง ปิดเปลือกตาลงช้าๆปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินเงียบๆ ภายนอกสายฝนเทกระหน่ำลงมายิ่งทำให้อุณหภูมิลดต่ำ อนัญญากอดตัวเองรู้สึกหนาวไม่ใช่ที่กายหากเป็นที่ใจ พยายามกลั้นสะอื้น ไม่ให้เขาได้รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้...

ร้องไห้ให้กับตัวเองที่ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ กรวิชญ์ก็ไม่เคยลืมผู้หญิงคนนั้น

ร้องไห้ให้กับตัวเองที่ไม่ว่ายังไงก็ยังต้อง...แอบรัก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ไรเตอร์แต่งด้วยความเมามัน บอกตรงๆ ว่าความซวยของพี่วีร์ครั้งนี้ได้คุณแม่ช่วยคิดตอนที่ไปเดินตลาดสดกัน แล้วทั้งปลาไหลทั้ง

กบเป็นสัตว์ต้องห้ามของข้าพเจ้าทีเดียว เจอทีไรต้องรีบเดินจิกเท้าผ่านไปให้ไหว เลยเอามาใส่ให้พระเอกของเรากลัวเสียเลย

บอกแล้วไงเกิดเป็นพระเอกของไอจันทรฺ์ ไม่มีทางสมหวังง่ายๆ 555

แม้จะเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ แต่ก็ต้องมีดราม่าเบาๆให้ปวดหัวใจกันหน่อย อดีตรักพ่อวิชญ์ของเราเป็นยังไงมีเฉลยแน่แต่ยังไม่ใช่ตอน

หน้า ส่วนตอนหน้าเปิดตัวคู่แข่งหัวใจของกรวีร์!!!! เขาจะเป็นใครติดตามได้

เจอกันตอนหน้า วันศุกร์หน้า ติชมได้ค่ะ

รักคนอ่านนะ อย่าเพิ่งไรเตอร์สิ จุ๊บ จุ๊บ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2556, 15:53:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2556, 15:53:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1486





<< ตอนที่ 18   ตอนที่ 20 >>
Sukhumvit66 7 ก.ค. 2556, 00:39:39 น.
มาช่วยลุ้นด้วยอีกคนนะคะ


phugan 8 ก.ค. 2556, 09:45:37 น.
มารอดูอุปสรรคของพี่วีร์ค่ะ....เหอๆๆ ไม่ได้รอสมน้ำหน้านะค่ะ แค่แอบหมั่นไส้เล็กๆ ก็พี่ท่านเล่นมั่นใจซะเหลือเกิน...
ส่วนพี่ิวิชญ์เห็นใจหนูิอันย่าเร็วๆ หน่อยนะคะสงสารน้องหนูเค้า....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account