น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 21. “ผึ้งโชคดีที่เจอหน่อง”

21.

“อั้วว่านะลื้อถอยดีกว่าไหม...หลายสัปดาห์แล้วนะ ยังไม่มีทีท่าว่าสองแม่ลูกนั่นจะใจอ่อนเลย”

“ไม่ถอยโว้ย...”

“ถ้าลื้อไม่ถอย อั้วก็หมดโอกาสนะซี่...”

“รอไปก่อน ขอเวลาอีกสักพัก

“อีกกี่เดือนวะ”

“จนกว่าเขาจะจบม.หกแล้วกัน”

“หลายเดือนเลยนี่หว่า...”

“น่า พอเขาย้ายเข้าเมืองมาเรียนต่อแล้วอะไรต่อมิอะไรมันอาจจะง่ายขึ้นกว่าตอนที่อยู่บ้านไพรก็ได้”

“ก็จริงอยู่”

“ถ้าอั้วทำสำเร็จก่อนก็อย่าลืมนะ...”

“ไม่ลืมหรอก...” ข้อตกลงระหว่างหนุ่มใหญ่สองคนที่เป็นเพื่อนเรียนเตรียมทหารด้วยกันมาก็คือ คนที่จีบน้ำผึ้งก่อนหากจีบสำเร็จคนที่จีบทีหลังจะต้องจ่ายให้ 1:2 หากคนที่จีบทีหลังจีบสำเร็จคนแรกก็จะต้องจ่าย 2:1 โดยทั้งคู่เดิมพันกันอยู่ที่หลักแสนบาท...

“สรุปว่า ของอั้วเริ่มต้น เมษายน ปีหน้าเลยนะโว้ย”

“หลังจากนั้นก็นับไปอีก 8 เดือนนะ ถ้าทำไม่สำเร็จ เกมนี้ถือว่าเป็นโมฆะ โอเค”

“ได้...”

“เตรียมเงินไว้เลยดีกว่า ก่อนจะถึงเมษายน อั้วทำสำเร็จอยู่แล้ว”

“แล้วถ้าสำเร็จ จะเก็บอีไว้อย่างไง”

“ค่อยว่ากัน ของอย่างนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกน่า...เอ้าดื่มให้หมดจะได้รีบเช็คบิล อยากไปทำคะแนนต่อสักหน่อยแล้ว”

ทั้งคู่นั่งกินสุกี้พร้อมดื่มอีกพักใหญ่ ๆ ก็สั่งเช็คบิลแล้วลุกออกไป...วิธิตที่นั่งอยู่กับลูกค้าของธนาคารนั่งหันหลังให้ทั้งคู่ได้ยินการสนทนานั้นตลอด...และเขาก็เข้าใจในทันทีว่า สองแม่ลูก ที่มีลูกสาวอยู่ม.หก ในบ้านไพรนั้นคือใคร?

พอกลับถึงบ้านไพรเขาก็แวะหาวรรณศุกร์ในทันที...

“อ้าว คุณธิต” สำลีที่เพิ่งกลับมาจ่ายตลาดในตอนเย็นร้องทักวิธิตที่จอดรถตรงหน้าร้านหนิงหน่องแฮร์คัทเพราะว่าตรงหน้าร้านของวรรณศุกร์นั้นมีรถเข็นรถมอเตอร์ไซค์มาจากโรงงานจอดขวางอยู่

“ซื้ออะไรมาเต็มไม้เต็มมือ” วิธิตร้องถาม

“วันนี้พี่หน่องอยากกินต้มยำพุงไข่”

“ดูจะเจริญอาหารกันเนอะ...”

“อยากกินไหมละ”

“น่าสนอยู่เหมือนกัน แต่ว่ายังอิ่ม ๆ อยู่เลย”

“กว่าจะกินข้าวเย็นกันก็เกือบ ๆ สองทุ่มแน่ะ”

“ชวนไอ้ศุกร์ไปด้วยได้ไหมล่ะ”

“ได้ ๆ”

“เดี๋ยวแวะไปคุยธุระกับไอ้ศุกร์แป๊บนะ แล้วจะเดินมาบอก”

ผละจากสำลีไปยังร้านขายมอเตอร์ไซด์แล้ว วิธิตก็ปรี่ไปยังห้องทำงานของเพื่อนชายซึ่งเป็นห้องติดแอร์ขนาดไม่ใหญ่นัก...มีเขาเพียงคนเดียวที่นั่งทำงานอยู่ในนั้น ส่วนห้องทำงานของเสมียนสองสามคนนั้นอยู่อีกห้อง...

“ลมอะไรหอบเอ็งมาถึงที่นี่”

“อยากได้รถมอเตอร์ไซค์อีกสักคัน”

“จะเอาไปทำอะไร คันเก่าก็ยังดี ๆ” คนที่บ้านไพรนั้นแม้จะมีรถยนต์ใช้กัน แต่ว่าการใช้รถมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนจะคล่องตัวมากกว่า นอกจากนั้นก็ประหยัดน้ำมันด้วย

“มีเรื่องอะไรจะมาเล่าให้ฟัง” วิธิตเปลี่ยนเรื่องหลังจากทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของวรรณศุกร์ และพอวรรณศุกร์เลิกคิ้วทำหน้าฉงนใจ วิธิตก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ในร้านสุกี้ที่ไปบังเอิญได้ยินได้ฟังมาให้วรรณศุกร์ได้รับทราบ...

“เลวจริง ๆ เลย” วรรณศุกร์กัดกรามดังกรอดเพราะรู้สึกคั่งแค้นใจกับผู้ใหญ่ที่ไม่ทำตัวให้น่าเคารพนับถือ

“สงสารผึ้งว่ะ ทำอย่างไรดีวะ”

“ผึ้งเขาควรจะรู้ตัวว่าเขากำลังอยู่ในเกมพนันของผู้ชายสองคน”

“เล่าให้หน่องฟังดีไหม เขาจะได้หาทางป้องกันแก้ไขช่วยน้ำผึ้ง”

“เล่าซิ”

“เมื่อกี้เจอสำลีที่หน้าร้านเพิ่งกลับมาจากตลาดนะ เห็นว่าจะทำต้มยำพุงไข่ ข้าเกริ่นนำทางไว้แล้ว โทรไปบอกป้าสมานก่อนเหอะว่าไม่ได้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน”

“อืม...ได้...” ว่าแล้ววรรณศุกร์ก็กดโทรศัพท์มือถือไปยังเครื่องของสมาน และพอวางสายเขาก็บอกว่า

“ว่าไปสำลีเขาก็ทำอาหารอร่อยนะ...น่าจะเปิดร้านขายอาหารให้เป็นเรื่องเป็นราว”

“คงได้มาจากแม่”นางสำรวยนั้นเป็นแม่งานตามงานแต่ง งานบวช งานศพ ฝีมือการทำอาหารหวานคาวนั้นเลื่องชื่อจนเจ้าภาพเรียกไปใช้บริการอยู่เนือง ๆ

“เห็นคนมีความรู้ความสามารถเฉพาะตัวแต่ต้องจมปลักอยู่ในอีกอาชีพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถนั้น ๆ แล้วอดอยากจะบอกเขาไม่ได้ว่ะ”
“ก็ลองบอกซิ”

“บอกไป เขาก็คงจะอ้างว่าไม่มีทุน...”

“เขาไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาอย่างแกนี่”

“ได้สามีรวย ๆ มีความคิดดี ๆ ก็คงจะช่วยเขาได้” วรรณศุกร์เปรยออกไปในทางปรึกษา โดยหารู้ได้ว่า ในภายภาคเบื้องหน้า สามีรวย ๆ มีความคิดดี ๆ ของสำลีก็คือ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งพอทั้งคู่ตกลงแต่งงานกันแล้ว วิธิตก็เปิดร้านอาหารให้สำลีดูแลทำเป็นร้านอาหาร ร้านหนึ่งที่เลื่องชื่อในบ้านไพร...



“แล้วอีตานั่นเป็นใคร” หลังจากทราบเรื่องจากปากของวิธิตแล้วคชาพัฒน์ก็นิ่วหน้าครุ่นคิดถึงผู้ชายอีกคนที่พนันขันต่อเรื่องน้ำผึ้งกับสารวัตรทะนงศักดิ์

“รุ่น ๆ เดียวกัน น่าจะเป็นตำรวจด้วยกันหรือไม่ก็ทหาร เขาใส่ชุดไปรเวทมาน่ะเลยไม่รู้ว่าทำงานอะไร” วิธิตให้ข้อมูลเพิ่มเติม

“แล้วเขาไปเห็นน้ำผึ้งจากที่ไหน” คชาพัฒน์สงสัย

“วันที่เราเห็นสารวัตรทะนงศักดิ์ครั้งแรกก็ที่ร้านอาหารริมคลอง” นัยนิตทบทวนความจำ...สำลีที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างนัยนิตและวิธิตชักสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า

“เดี๋ยว ๆ สำลีนึกออกแล้ว ตอนวันประกวดธิดากระท้อนหวาน สำลีเหมือนจะเดินสวนกับสารวัตรทะนงศักดิ์นะ...ตอนนั้นสำลีเดินออกมาหาห้องน้ำ...ใช่ ๆ จริง ๆ ด้วยใกล้ ๆ กับเวทีนั่นแหละ”

“เขาน่าจะเห็นผึ้งที่นั่น” วิธิตคาดเดา

“ต้องกลับไปดูรูปคณะกรรมการในวันนั้นแล้วหละไอ้ธิตว่ามีใครบ้าง” วรรณศุกร์นั้นมีลางสังหรณ์ว่า ผู้ชายสองคนนั้นคงไม่ได้เพิ่งมาต้องตาต้องใจน้ำผึ้งที่ร้านอาหารริมคลองเป็นครั้งแรกแน่ ๆ

“ไฟล์รูปอยู่ในคอมฯ นัยนิต ตัวเองลุกขึ้นไปหยิบโน้ตบุ๊คมา” คชาพัฒน์สั่ง นัยนิตลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารในทันที อึดใจหญิงสาวก็เปิดประตูห้องครัวเข้ามาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคชาพัฒน์...

และพอคชาพัฒน์เลื่อนดูไฟล์รูปที่วรรณศุกร์เป็นคนถ่ายและเขียนลงแผ่นซีดีให้มาเก็บไว้...โดยมีสายตาของคนอื่นๆ ช่วยกันจ้องมอง...

“เดี๋ยว ๆ” วิธิตสั่งให้คชาพัฒน์หยุดเลื่อนไฟล์รูปภาพ...ก่อนจะเพ่งดูรูปถ่ายคณะกรรมการที่วรรณศุกร์ได้ถ่ายไว้...

“ใช่ไหม...” วรรณศุกร์รีบถาม...

“ไม่รู้ซิ วันนั้นเห็นหน้าไม่ถนัดอ่ะ แต่คนนี้ดูหนุ่มสุดในบรรดาคณะกรรมการ คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับสารวัตรทะนงศักดิ์” วิธิตวิเคราะห์

“แล้วมีใครรู้จักคณะกรรมการในงานวันนั้นบ้างไหม” นัยนิตแสดงความคิด

“สำลีจำได้ว่าหนึ่งในคณะกรรมการรู้สึกจะมีนายกสตรีกลุ่มสตรีอะไรสักอย่าง”

“กลุ่มสตรีอาสาพัฒนาชาติจังหวัดปราจีน” นัยนิตรีบร้องบอก...

“หาเบอร์โทรโดยด่วน” คชาพัฒน์ลำล่ำละลัก...

“ได้เบอร์แล้วใครจะโทรหาล่ะ” วินิตร้องถาม แล้วคนอื่น ๆ ก็หันไปหาคชาพัฒน์ ที่เชิดหน้าขึ้นประมาณว่า เรื่องแค่นี้ คชาพัฒน์จัดการเอง...
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ได้เบอร์ของนายกสตรีอาสาพัฒนาชาติจังหวัดปราจีนบุรีแล้ว คชาพัฒน์ก็รีบโทรไปหา หลังจากใช้มารยาร้อยเล่ห์กะลาวนแล้วคชพัฒน์ก็ได้รู้ว่า ผู้ต้องสงสัยว่าน่าจะรู้จักกับสารวัตรทะนงศักดิ์นั้นเป็นนายทหารเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในกรมทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก...แล้วคชาพัฒน์ก็ไม่รีรอที่จะโทรหาปัญจพล เพื่อนผู้กว้างขวางในจังหวัดนครนายกทันที

“อ๋อ...ผู้พันเต๋า นึกว่าใคร” พอทราบชื่อของ พันเอกอัครเดช แล้วปัญจพลก็เอ่ยถึงชื่อเล่นของท่านที่ตนรู้จักในทันที

“เขาเป็นใคร บรรยายให้ละเอียดด่วน”

“เสือผู้หญิงตัวยงเหมือนกัน ก็เป็นใหญ่เป็นโตในแถบ ๆ นี้แหละ บารมีกว้างขวางพอตัวเหมือนกัน แต่ว่าเขาก็เป็นคนดีพอได้นะ ลูกผู้ชายพอหรอก ถ้ามันเป็นเกมระหว่างเพื่อนกับเพื่อนมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างมันแล้วแต่คนกลางว่าจะพลาดกับลมปากและอำนาจเงินของใครก็เท่านั้น”

“พวกนี้เขาไม่มีลูกเมียเหรอ”

“ใหญ่คับบ้าน ต่างคนต่างอยู่มั้ง...เมียก็ทำหน้าที่แม่บ้าน...ส่วนผัวก็หาเงินเข้าบ้าน”

“ไม่มาตามหึงหวงสามี”

“ใหญ่คับบ้านไง...ฉันให้เธอเป็นเบอร์หนึ่ง เป็นใหญ่ในบ้านแล้ว เป็นแม่ของลูกแล้ว นอกบ้านฉันจะทำอะไรอย่างไรมันก็เรื่องของฉัน ประมาณนี้แหละ”

“อธิบายซะเหมือนจะเข้าใจ...”

“แล้วไม่เข้าใจ”

“เข้าใจ...ขอบใจอย่างแรง”

“ไม่เป็นไร...มีอะไรสงสัยก็ โทรเลย...0869299--- ยินดีให้ตอบทุกข้อสงสัยถ้ารู้นะ“

“ย่ะ”

“ส่งชุดไทยสไบเฉียงและเครื่องเพชรปลอมแท้ ๆ มาคืนด้วยนะ ห้ามอุ๊บอิ๊บ...”

“ไม่อุ๊บอิ๊บมุบมิบหรอกเจ้าค่ะ แล้วจะส่งขนมติดไปด้วย...”

“ขอบใจล่วงหน้า...อ้อ รู้เรื่องงานน้อยหน่าที่ปากช่องหรือยัง มีประกวดธิดาน้อยหน่านะ ได้เงินรางวัลดีเหมือนกัน”

“ยังเลย ขอรายละเอียดด่วน แบบว่าตอนนี้กำลังอยากให้น้ำผึ้งเขาฝึกปรือวิทยายุทธน่ะ”

“ได้จ้า รอเดี๋ยวนะ ขอหาเอกสารก่อน”...



เมื่อได้ข้อมูลงานใหม่มาแล้ว พอเห็นว่าเป็นเวลาพักเที่ยงคชาพัฒน์ก็โทรหาน้ำผึ้งในทันที...

“ผึ้งจ๋าผึ้งพี่มีงานให้ผึ้งฝึกปรือกลยุทธพิชิตมงกุฏยอดพธูไทยแล้วจ้า...”

“งานอะไรหรือพี่”

“ธิดาน้อยหน่าที่ปากช่องน่ะ เงินรางวัลสูงกว่าธิดากระท้อนหวานที่ปราจีนบุรีอีกนะ”

“เมื่อไหร่คะ”

“อีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ติดอะไรไหม ไม่น่าจะติดนะ ตรงกับคืนวันเสาร์เหมือนเดิม”

น้ำผึ้งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า

“รู้สึกว่าเสาร์อาทิตย์นั้นโรงเรียนจะพานักเรียนไปทัศนศึกษา”

“ว๊าย!!! หายนะเกิด”

“แล้วมีเวทีอื่นอีกไหมพี่” น้ำผึ้งนั้นเมื่อเลือกที่จะเป็นนางงามเดินสายแล้ว จึงไม่อิดออดหากจะต้องออกไปทำงาน เพราะเงินจำนวนสามพันบาทที่ได้ล่วงหน้าแม้จะได้ตำแหน่งหรือไม่ตำแหน่งนั้นน้ำผึ้งตั้งใจจะเก็บไว้ไปเรียนต่อ...ส่วนเงินกำไรที่ขายลูกชิ้นนั้น น้ำผึ้งก็ให้แม่ทุกบาททุกสตางค์ เพราะใจนั้นอยากช่วยแม่เลี้ยงน้องทั้งสองคน ไม่อยากให้แม่ลำบากตัวเป็นเกลียวอย่างเช่นที่เป็นอยู่

“ใกล้ ๆ ก็มีแค่นี้แหละ...เดี๋ยวพี่ไปทำเรื่องขออนุญาตผู้อำนวยการเป็นกรณีพิเศษดีกว่า น่าจะได้”

“ไม่น่าได้หรอกพี่ ถ้าไม่ไปก็ไม่ผ่านกิจกรรม ไม่ผ่านก็ไม่จบ”

“ไม่เชื่อหรอก...เดี๋ยวพี่เข้าไปพบ ผอ.ดีกว่า ไปตอนนี้เลย...วางสายแล้วนะ”

น้ำผึ้งวางสายลงแล้วก็ถอนหายใจออกมา...

“มีงานประกวดที่ไหนหรือผึ้ง” จนบัดนี้นงลักษณ์ก็ไม่เคยเอ่ยปากถึงเรื่องที่แม่จะส่งขึ้นเวทีนางนพมาศบ้านไพรให้น้ำผึ้งได้รับรู้ น้ำผึ้งเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งเรื่องที่นงลักษณ์ไปเทสต์หน้ากล้องกับเรื่องนางนพมาศนี้ด้วย และนงลักษณ์ก็ไม่เคยทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักภานุวัฒน์ให้กับน้ำผึ้งทำเช่นกัน

“ธิดาน้อยหน่าปากช่องนะ อีกสองสัปดาห์”

“ไปซิ”

“ติดทัศนศึกษาไปได้ไง”

“ลองปรึกษาแม่ดูไหม เผื่อจะมีทางออก”

“เดี๋ยวพี่หน่องว่าจะเข้ามาคุยกับ ผอ.”

“ถ้าขึ้นเวทีรอบนี้ ผึ้งไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลย ผึ้งจะรู้สึกอย่างไง”

“อย่างน้อยผึ้งก็ได้เงินค่าตัวจากพี่หน่องมาเก็บเข้าบัญชีธนาคารตั้งสามพันบาทแล้วนะ...ผึ้งจะเก็บไว้เรียนต่อปริญญาตรี”

พอน้ำผึ้งบอกอย่างนี้นงลักษณ์รู้สึกเห็นใจเพื่อนขึ้นมา ตนเองนั้นด้วยพ่อแม่มีพร้อม จึงไม่ค่อยเห็นค่าของเงินสักเท่าไหร่ อยากได้อะไรก็รีบไปซื้อ ไม่เคยคิดว่ากว่าพ่อแม่จะหาเงินมาได้นั้นเหนื่อยยากแค่ไหน...

“แล้วผึ้งจะไม่เปลี่ยนใจเรียนครูด้วยกันเหรอ เรียนเป็นเพื่อนกัน”

น้ำผึ้งส่ายหน้าช้าๆ ครุ่นคิดถึงคนที่แนะนำให้เธอเรียนคหกรรมศาสตร์...แม้ชีวิตนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันคนรัก หรือฉันผัวเมีย การที่ได้คิดถึงความปรารถนาดีของเขาที่มีให้มามันก็ทำให้มีความสุขอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน...

รักแรกของน้ำผึ้ง และน้ำผึ้งก็ปรารถนาจะเก็บไว้ในใจให้นานที่สุด เก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ไม่ได้อยู่เคียงคู่กับเขา แต่ถ้าเขาได้มองมาด้วยสายตาชื่นชมยินดี ก็น่าจะเป็นเรื่องดี

“ผึ้ง คิดว่าผึ้งอยากทำอาหารมากกว่าสอนหนังสือ ผึ้งอยากเป็นแม่ค้าขายของกิน ขายขนม”

“แล้วถ้าเกิดได้ตำแหน่งยอดพธูไทยขึ้นมาผึ้งจะทำอย่างไร”

“คงยาก เป็นไปไม่ได้หรอกลักษณ์ เวทีระดับประเทศ ทั้งลูกครึ่ง ลูกเสี้ยว แล้วเด็กจากค่ายใหญ่ ๆ เจ้าประจำก็มีไม่น้อยหรอก”

“ไม่แน่นะ หลาย ๆ เวที ยังมีพวกม้ามืดไปซิวตำแหน่งมาได้เลย ปีหน้าอาจจะเป็นปีของน้ำผึ้งก็ได้”

“ได้เข้ารอบยี่สิบคน ได้เก็บตัวทำกิจกรรม ก็บุญแล้ว”

“อยากเห็นผึ้งใส่ชุดว่ายน้ำจังเลย”

“จริง ๆ ด้วย ผึ้งลืมไปเลยว่าเวทีใหญ่แบบนี้เขามีประกวดชุดว่ายน้ำกันด้วย ผึ้งไม่เอาดีกว่า...ผึ้งไม่ไปแล้ว”
นงลักษณ์หัวเราะกับท่าทีตกใจของน้ำผึ้ง...

“ไม่ไปได้อย่างไร พี่หน่องคุยไปทั่วแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะส่งผึ้งไปยอดพธูไทย”

“ของแบบนี้มันยกเลิกกันได้”

“ถ้าเขาเพิ่มค่าตัวให้หมื่นหนึ่งละ...”

น้ำผึ้งค้อนปะหลับปะเหลือกให้นงลักษณ์ พลางคิดได้ว่า ถ้าไปเวทียอดพธูไทยแล้วเกิดผ่านเข้ารอบที่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ...เธอจะขอค่าตัวคชาพัฒน์เพิ่ม...


“เห็นไหมว่ามีอะไรยากเสียที่ไหน กฎทุกกฏย่อมมีข้อยกเว้น” หลังจากเข้าพบผู้อำนวยการแล้ว คชาพัฒน์ก็เดินมาหาน้ำผึ้งที่นั่งรออยู่หน้าห้องธุรการ

“พี่ไปบอก ผอ.อย่างไร”

“ก็บอกไปว่า เด็กน้ำผึ้งนี่ลำบากครอบครัวยากจน แล้วไปประกวดนางงามนี่ก็จะได้เอาเงินมาจุนเจือครอบครัว แล้วก็ได้ไปปากช่องก็เหมือนไปทัศนศึกษาด้วย พี่เอาหน้าพี่ไปค้ำประกันด้วยแหละ”

น้ำผึ้งย่นหน้าให้คชาพัฒน์ก่อนจะบอกว่า

“พี่หน่อง ผึ้งมีเรื่องปรึกษา คือ.....เวทียอดพธูไทยที่พี่หน่องจะพาผึ้งไปนะ มีใส่ชุดว่ายน้ำด้วยนะ”

“แล้วไง ใส่ก็ใส่”

“ผึ้งไม่ไปได้เปล่า”

“ไม่ได้” คชาพัฒน์ขึ้นเสียงสูงในทันที

“ผึ้งไม่กล้าหรอก ผึ้งไม่เคยใส่”

“ไม่เคยก็ต้องเคย...เดี๋ยววันนี้เลิกเรียนแล้วแวะที่ร้านก่อนเลย เข้าเมืองไปซื้อชุดว่ายน้ำแล้วก็ไปหาดูสระหัดว่ายน้ำด้วย”

“ผึ้งว่ายน้ำเป็นแล้ว พ่อพาไปหัดตั้งแต่เด็ก ๆ”

“ว่ายในสระมาตรฐานในโรงแรมใหญ่ๆ นะยะไม่ใช่ว่ายในคลองหลังตลาด”

“พี่อย่าลืมว่าผึ้งเป็นนักกีฬานะ”

“ก็เพราะเธอเป็นนักกีฬาหุ่นเธอถึงดีไง...ชักอยากเห็นหุ่นเธอตอนใส่สองชิ้นแล้วซิ”

“พี่หน่องผึ้งอาย”

“ด้านได้อายอด ท่องไว้เลยว่า ไม่มีใครมาเอาของเราไปได้หรอก...แล้วก็ใช่เราคนเดียวซะที่ไหนที่ใส่กัน”

พอดีเสียงออดให้นักเรียนเข้าชั้นเรียนดังขัดจังหวะ

“สรุปว่า เย็นนี้เจอกันนะ เดี๋ยวฉันจะเคลียร์คิวของเธอกับแม่เธอเอง ไปแล้ว...”



กลับมาถึงร้านคชาพัฒน์ก็ไม่ได้เดินเข้าร้านไปอย่างที่ควรจะเป็น เขาเดินไปหาวรรณศุกร์เพราะจะปรึกษาเรื่องที่ได้ไปสืบมาได้...

“สรุปว่าเป็นนายทหารยศพันเอก” พอฟังคชาพัฒน์เล่าแบบน้ำท่วมทุ่งแล้ววรรณศุกร์ก็สรุปสาระสำคัญ

“วันนั้นเขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการไง ถึงได้เห็นน้ำผึ้ง แล้วสารวัตรทะนงศักดิ์ก็คงจะอยู่ในงานด้วย...”

“ไม่น่าเชื่อเนอะว่าเห็นกันครั้งเดียวจะชอบได้”

“เห็นเพียงนิดเดียว ให้ซ่านเสียววิญญา ได้ชมโฉมหน้า ดังหยาดฟ้ามาดิน...” คชาพัฒน์ร้องเพลงนางฟ้าจำแลงเพียงวรรคเดียว ทำให้วรรณศุกร์ยิ้มกริ่มออกมา

“เพลงนางฟ้าจำแลงเขาก็บอกไว้อยู่แล้วนี่...ว่ามันเป็นไปได้.....แล้วคุณศุกร์ไม่นึกซ่านเสียววิญญาอะไรบ้างเหรอ”

“ผมมีนางฟ้าประจำใจของผมแล้วครับ”

“แล้วคุณทิตละ ทีแรกเห็นเหมือนทำท่าจะจีบน้ำผึ้ง”

“มันรู้ตัวเองดีว่าสู้ไอ้วัตรไม่ได้หรอก”

“โอ้ย ผึ้งมันไม่สนใจไอ้ภานุวัฒน์หรอก...เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ รู้ไส้รู้พุงกันทุกขด”

“ก็ไม่ดีเหรอ ไม่ต้องศึกษานิสัยใจคอกันอีก”

“ผึ้งมันไม่ชอบไอ้วัตรหรอก ไม่มีทางชอบด้วย...”

“ทำไม อนาคตเขาก็ข้าราชการตำรวจมีเงินเดือนกิน”

“แต่อนาคตน้ำผึ้งมันไม่ใช่แค่น้ำผึ้งบ้านไพรนะ อย่าลืม”

วรรณศุกร์กลอกตาไปมา

“หน่องสอนผึ้งเสมอว่าทำตัวดี ๆ อย่าเพิ่งไปตกลงเป็นแฟนกับใคร เรียนจบแล้ว ได้ตำแหน่งอะไรสักตำแหน่งมาแล้ว ชีวิตก็จะยิ่งมีผู้ชายดาหน้ามาให้เลือก...”

“ผึ้งโชคดีที่เจอหน่อง”

“หน่องก็โชคดีที่เจอสปอนเซอร์ดีเหมือนกัน”

พอคชาพัฒน์เอ่ยแบบนี้วรรณศุกร์ก็รีบคว้าปากกาก้มหน้าเซ็นเอกสารในแฟ้มตรงหน้า...

“คุณศุกร์ วันนี้หน่องจะพาผึ้งไปซื้อชุดว่ายน้ำ...ยืมตังค์สักสองพันก่อนได้เปล่า...”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2556, 00:15:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2556, 00:15:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1773





<< 20. “มีโปรแกรมไปประกวดเวทีไหนอีกหรือเปล่า”    22. “พี่หน่องจะหาคนที่ใจถึงกว่าผึ้งก็ได้นะคะ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 8 ก.ค. 2556, 00:16:49 น.
ขอเสียงคนคิดถึงน้ำผึ้งหน่อยค่ะ


Zephyr 8 ก.ค. 2556, 01:06:29 น.
ประโยคสุดท้ายนี่ นอกจากคุณศุกร์จะเซ็นเช็คให้แทบไม่ทันแล้ว
คงจะทำงานไม่รู้เรื่องไปอีกนาน ฮ่าๆๆๆๆ
ธาตุไฟเข้าแทรก


mottanoy 8 ก.ค. 2556, 01:31:44 น.
5555 รอบนี้ถ้าไปเชียร์อีกจะอ้างว่าอะไรน้า


คิมหันตุ์ 8 ก.ค. 2556, 01:33:47 น.
คุณหน่อง เกริ่นเข้าสปอนเซอร์ได้ เฟี้ยวมากก ชอบๆ


เดิมเดิม 8 ก.ค. 2556, 12:27:43 น.
โชคดีที่เป็นพี่หน่องจริงจ๊ะน้ำผึ้ง


loveleklek 8 ก.ค. 2556, 23:02:08 น.
ชอบอ่ะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:26:42 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account