น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 22. “พี่หน่องจะหาคนที่ใจถึงกว่าผึ้งก็ได้นะคะ”

22.

พอคชาพัฒน์โทรไปบอกกับน้ำอ้อยเรื่องจะพาน้ำผึ้งไปซื้อชุดว่ายน้ำ น้ำอ้อยก็กังวลกับเรื่องนี้ขึ้นมา

“หน่องอย่าหาว่าพี่อย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ตอนไปซื้อชุดว่ายน้ำน่ะเอาสำลีไปด้วยได้ไหม”
คชาพัฒน์นั้นเข้าใจทันทีว่าน้ำอ้อยนั้นเป็นห่วงลูกสาว...เพราะถึงตนจะเป็นผู้ชายที่มีจิตใจเป็นผู้หญิงแต่เครื่องเพศก็ยังเป็นผู้ชาย...

“ได้ฮะ”

เมื่อออกเดินทางแล้ว น้ำผึ้งที่นั่งอยู่เบาะหลังก็บอกว่า

“พี่หน่องต่อไปจะพาผึ้งไปประกวดเวทีไหนพี่หน่องไม่ต้องบอกกับใครหรอกนะ”

“ทำไมละ”สำลีที่นั่งอยู่คู่กับคชาพัฒน์ถามแทน

“ผึ้งไม่อยากถูกล้อน่ะ” วันนี้พอเพื่อน ๆ รู้ว่าน้ำผึ้งจะไม่ได้ไปทัศนศึกษาด้วยกันเพราะจะไปประกวดนางงาม เพื่อนบางคนก็ล้อเลียนไว้ล่วงหน้าเช่นครั้งที่ไปขึ้นเวทีธิดากระท้อนหวาน บ้างก็หาว่าเป็นนักเรียนคิวทอง บ้างก็ว่าไม่สนใจกิจกรรมในแบบที่นักเรียนควรทำเสียโอกาสการเป็นนักเรียน ดีแต่ว่า ผอ.นั้นเข้าใจ และเวทีธิดากระท้อนหวานที่ผ่านมาน้ำผึ้งก็ถือว่าได้ไปสร้างชื่อให้กับโรงเรียนบ้านไพรวิทยามาแล้ว

“แล้วอีกอย่างหากผึ้งไม่ได้ตำแหน่งอะไรกลับมาผึ้งก็จะได้ไม่อาย”

“ได้...”

“ต่อไปพี่หน่องก็บอกว่ายังไม่มีโปรแกรมพาไปไหนแล้วกันนะ...” สำลีหันไปบอกคชาพัฒน์ เพราะก่อนหน้านั้น ลูกค้าในร้านมักจะถามไถ่เมื่อเห็นคชาพัฒน์ไม่อยู่ร้านว่า คชาพัฒน์นั้นมีโปรแกรมพานางงามไปเดินสายที่ไหนอีก นัยนิตกับสำลีก็จะบอกว่า ยังไม่มีโปรแกรม...
“แล้วเรื่องชุดว่ายน้ำนี่อีก...ห้ามถ่ายรูปตอนผึ้งใส่ชุดว่ายน้ำเก็บไว้นะ...ผึ้งไม่อยากให้ใครเห็น”

“เรื่องมากจริงแม่คุณ” คชาพัฒน์ทำเสียงสูง

“พี่หน่องจะหาคนที่ใจถึงกว่าผึ้งก็ได้นะคะ”

“มีข้อต่อรองนะยะ”

“ก็ต้องคุยให้เข้าใจกันไว้ก่อน”

“ดีแล้ว คุยกันซะให้จบ จะได้ไม่มาทะเลาะกันทีหลัง ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ แล้วมีอะไรอีกไหม”

“คือ เอ่อ ถ้าเป็นเวทียอดพธูไทยหากผึ้งเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายรอบเก็บตัวทำกิจกรรม ผึ้งขอค่าตัวเพิ่มได้ไหม”

“จะเรียกเท่าไหร่”

“พี่หน่องคิดว่าจะให้ผึ้งได้อีกสักเท่าไหร่”

คชาพัฒน์นิ่งเงียบ ครุ่นคิดว่า ถ้าน้ำผึ้งฝ่าฟันไปถึงรอบนั้นได้จริง ๆ มันก็มีลุ้นเงินรางวัลที่มากขึ้น และอีกอย่างเรื่องที่ได้คุยกับคุณติ๋วไว้มันก็ไม่น่าพลาดเพราะคุณอ๊อดดูจะชอบน้ำผึ้งอยู่ไม่น้อยเหมือนกันเพียงแต่ต้องรอจังหวะเท่านั้น เพราะฉะนั้นควรจะอ่อนโอนผ่อนตามและให้ผลประโยชน์กับน้ำผึ้งให้มากที่สุดไว้ก่อน

“เอาอย่างนี้แล้วกันผึ้ง หากผึ้งไปสมัคร คัดรอบแรก ผึ้งรับไปสามพันบาท ถ้าติดยี่สิบคน พี่ให้เพิ่มอีกห้าพัน หากผึ้งได้ที่หนึ่งหรือเข้ารอบได้เงินรางวัลอะไรมาก็ตาม หารสองนะ...เพราะค่าดำเนินการทั้งหมดก่อนที่ผึ้งจะไปถึงจุดนั้นพี่เป็นคนออกทั้งหมด”

“ค่ะ”

“ยังไม่หมด มีอีกนิด หากผึ้งมีงานอื่นเข้ามา อาทิเช่น งานในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นเล่นละคร ถ่ายแบบ โฆษณาสินค้า พี่ขอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผึ้งนะ แล้วเราจะต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกันไว้ด้วย”

พอคชาพัฒน์เอ่ยมาแบบนี้น้ำผึ้งครุ่นคิดถึงประโยชน์ของตนบ้าง...

“เอาไหมล่ะ”

“งั้น เพิ่มจากตอนเข้ารอบยี่สิบคนเป็น อีกหนึ่งหมื่นบาทได้ไหม แล้ว เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดการผึ้งห้าปี นับจากนี้ และในสัญญาก็มีอัตราส่วนแบ่งจากเงินรายได้หลังหักภาษีด้วย”

“ชิชะ คิดซะละเอียดเชียว”

“ผึ้งก็อ่านข่าวคราวตามเว็บไซด์ตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เหมือนกันค่ะ เรื่องผลประโยชน์นี่มันไม่เข้าใครออกใครคุยกันซะก่อนดีกว่ามาทะเลาะกันทีหลัง ใช่ไหมพี่สำลี...”

สำลีพยักหน้าแล้วก็บอกว่า “ใช่”

“ได้ ๆ .....เดี๋ยวฉันขอปรึกษาคุณศุกร์เขาก่อนนะ ได้ข้อตกลงแล้วก็จะทำเป็นเอกสารมาให้เธอเซ็น แม่เธอเซ็น อาจจะให้คุณศุกร์เป็นพยานให้ด้วย”

“ได้ค่ะ”

“แล้วอีกข้อ ข้อนี้พิเศษ...นับแต่นี้ต่อไป ผึ้งจะต้องไม่มีเรื่องผู้ชายเข้ามาวุ่นวาย วางตัวอยู่ในโอวาทของพี่ สร้างภาพเป็นเด็กดีเพื่อผลประโยชน์ที่จะได้ร่วมกันในอนาคต ได้ไหม”

“แล้วผึ้งจะไปมีใครละพี่”

“จะไปรู้เรอะ เพื่อนที่โรงเรียนเอย ไอ้วัตรเอย หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตอมกันให้หึ่งไปหมด”
“ตัดไปได้เลยพี่...”

“แล้วสารวัตรทะนงศักดิ์ล่ะ”

“ก็ปล่อยให้เขาบ้าของเขาไป ผึ้งไม่อะไรกับเขาหรอก”

“แต่ก็รับของของเขาไม่ใช่รึ”

“ก็จะให้ผึ้งทำอย่างไร เขาเอามาฝากน้ำต้อยไว้บ้าง ป้าสำรวยไว้บ้าง เข้าหาผึ้งตรง ๆ ไม่ได้เขาก็มาทางอ้อม แต่ผึ้งมั่นใจ ใจของผึ้งเองว่าผึ้งไม่มีวันคิดคล้อยตามคารมของเขาหรอก”

“ถ้าเป็นคุณศุกร์ก็ว่าไปอย่างใช่ไหม” คชาพัฒน์พูดดักคอ...และมันก็ได้ผล น้ำผึ้งนิ่งเงียบมองไปข้างถนน ก่อนจะบอกว่า “ถ้าผึ้งบอกว่าใช่ จะมีผลอะไรกับสัญญาของเราหรือเปล่า”.....


เมื่อสำลีช่วยเลือกชุดว่ายน้ำทั้งแบบสองชิ้นและชิ้นเดียวให้น้ำผึ้งเรียบร้อยแล้ว สำลีก็พาน้ำผึ้งเดินมา
หาคชาพัฒน์ที่นั่งรออยู่ด้านหน้าห้องลองชุด...สำลีส่งชุดว่ายน้ำในมือไปให้คชาพัฒน์เพื่อที่เขาจะได้เอาไปจ่ายเงิน...

“ใส่แล้วเป็นไงมั่ง”

น้ำผึ้งปั้นหน้ายุ่งยากใจ

“ก็ดี” สำลีตอบสั้น ๆ...

“มีส่วนเว้าส่วนโค้งอะไรบ้างไหม หรือว่าราบเรียบไปหมด...มีรอยตำหนิตรงไหนบ้างไหม จะได้รีบจัดการกันซะก่อน”

“ขนหน้าแข้งเยอะหน่อย” สำลีบอกสั้น ๆ

“มันแว๊กส์ได้ แล้วมีผดผื่นคันรอยแผลเป็นตรงไหนบ้างหรือเปล่า”

“ไม่มี” สำลีเป็นฝ่ายตอบแทนน้ำผึ้ง เพราะก่อนจะเข้าห้องไปลองชุดนั้น คชาพัฒน์กระซิบบอกสำลีให้ตรวจตราเรือนร่างน้ำผึ้งให้ละเอียด

“เอ้อ จะมีก็ตรงผิวคล้ำไปนิด” สำลีเย้าน้ำผึ้ง

“เขาเรียกผิวสีน้ำผึ้ง” คชาพัฒน์แก้ให้

“แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยว เขาคอร์สอาบน้ำแร่แช่น้ำนมขัดผิวสักหน่อยก็คงจะเผือดขึ้นมา”

น้ำผึ้งถอนหายใจเบา ๆ

“เรื่องใหญ่เหมือนกันเนอะ” น้ำผึ้งทำหน้าปลงกับวิถีชีวิตใหม่ของตัวเอง

“ต่อไปต้องออกกำลังกายทำให้หุ่นเฟิร์ม ทั้งเอว หน้าท้อง ทั้งอก สะโพก อาจจะต้องเล่นโยคะด้วย”

“โยคะ” น้ำผึ้งทวนคำเบา ๆ

“ว่ายน้ำสัปดาห์ละสองครั้งที่สระในสนามกีฬากลาง ไม่ต้องกลัวจะไม่มีคนเห็น เพราะสระนี้มีแต่คนทั้งนั้น และก็ต้องออกวิ่งรีดไขมัน แล้วก็เล่นโยคะ ดูแลเรื่องอาหาร หมั่นชั่งน้ำหนัก วัดสัดส่วน อันที่จริง พี่อยากจะรับเธอมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเลยนะ จะได้ดูแลอย่างเต็มที่”

“แต่ผึ้งต้องช่วยแม่ขายของ ช่วยแม่ดูแลน้อง”

“เลิกขายได้ไหม”

“เสียดายเงินรายได้นะพี่ วันละหลายร้อยอยู่นะ”

“แต่ถ้าตัดใจจากตรงนั้น อนาคตมันอาจจะได้มากกว่า มันก็ต้องเสี่ยงเอา...เหยียบเรือสองแคมใช่ว่ามันจะดีเสมอไปนะ ทางที่ดี ควรเลือก แคมใดแคมหนึ่ง...”

“เปรียบซะน่าเกลียด” น้ำผึ้งหัวเราะเบา ๆ

สำลีที่ยืนนิ่งฟังอยู่จึงเสนอตัวขึ้นมา

“เอาอย่างนี้ไหมผึ้ง...ร้านลูกชิ้นนั้นพี่ขอเซ้งต่อ...ทั้งรถเข็นทั้งทำเล”

“หมายความว่าไง” คชาพัฒน์นั้นไม่คิดว่าสำลีจะมีความคิดแบบนี้

“พี่หน่อง ตอนนี้เวลาของน้ำผึ้งมีจำกัดแล้ว เหลือไม่ถึงปีแล้ว ผึ้งต้องเรียนด้วย เตรียมตัวประกวดด้วย แล้วไหนจะเตรียมเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยอีก สำลีคิดว่าสำลีไปขายของแทนผึ้งดีกว่านะ เพราะถ้าผึ้งไปเรียนต่อ ร้านลูกชิ้นปิ้งก็ต้องเลิกอยู่แล้ว แต่เมื่อผึ้งเลิกเร็วขึ้น สำลีคิดว่า สำลีจ่ายพิเศษให้ผึ้งเป็นค่าทำเลดีกว่า...ผึ้งก็ได้ประโยชน์ด้วย”

“แล้วงานที่ร้านฉันล่ะ”

“ก็เช้าๆ สายๆ ถึงเที่ยง ๆ บ่าย ๆ สำลีก็มาอยู่ที่ร้าน แต่พอบ่ายสามโมงสำลีก็ต้องขอตัวไปขายของ”

“ตอนเย็น ๆ ลูกค้าเยอะอยู่นะ นัยนิตคนเดียวจะยุ่ง เพราะฉันเองถ้าน้ำผึ้งมาอยู่ด้วยก็ต้องวุ่นวายกับน้ำผึ้งหลังเขาเลิกเรียนเหมือนกัน”
“พี่หน่องก็หาคนอื่นมาทำแทน สำลีเสียดายร้าน ลูกค้าติดแล้วด้วย แล้วก็ไม่มีคู่แข่งด้วย” ด้วยไปขายของแทนน้ำผึ้งสำลีจึงเห็นว่า รายได้จากการขายของนั้นมันดีกว่าอยู่โยงอยู่ในร้านทั้งวัน และถ้าคชาพัฒน์ไม่ให้ทำ สำลีก็คิดว่าลาออกไปดีกว่า เพราะอย่างน้อยตอนเช้า ๆ สาย ๆ ก็ยังช่วยแม่ซักรีดเสื้อผ้าได้ด้วย

“ผึ้งต้องปรึกษากับแม่ก่อน”

“แม่ผึ้งก็แล้วแต่ผึ้งแหละ เพราะถ้าผึ้งไม่ขาย แม่เขาก็คงไม่มีแรงมาขายหรอก หรือถ้ามาขายอีก แม่ก็จะแทบไม่ได้พัก” สำลีเกลี้ยกล่อม
น้ำผึ้งนิ่งคิดถึงผลประโยชน์ที่จะเสียไปและรายได้ที่จะเข้ามาใหม่...ค่าเซ้งร้านรวมกับค่าตัวนางงามเวทีธิดาน้อยหน่า เวทีนางนพมาศ และช่วงปีใหม่ ช่วงฤดูหนาว ก็จะมีอีกหลายเวทีไล่ไปจนถึงเวทีสำคัญ เวทีใหญ่อย่างเวทียอดพธูไทย...และถ้าได้ตำแหน่งใดตำแหน่งขึ้นมามันก็จะมีเงินเพิ่มเข้ามาอีก...เพียงแต่เธอจะต้องพร้อมสำหรับทุก ๆ เวทีด้วย...

“คิดดูให้ดี” สำลีถามให้คิดต่อ

“เอาเป็นว่าเรื่องเลิกขายลูกชิ้นในตอนเย็นยังไม่ต้องคิดหรอก ตอนนี้ฉันหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า” คชาพัฒน์ตัดบทก่อนจะเดินนำทั้งคู่ไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์


หลังจากได้ปรึกษากันแล้วผู้เป็นแม่ก็ต้องยอมจำนนต่อเหตุผลของลูกสาว...แต่จะให้น้ำผึ้งไปอยู่กับ คชาพัฒน์เลยน้ำอ้อยก็เห็นว่ายังไม่ควร...ดังนั้นจึงปรับเป็นว่า เบื้องต้นนี้น้ำผึ้งยังคงอยู่ที่บ้านช่วยดูแลน้องในช่วงเช้าก่อนจะพากันไปโรงเรียน และหลังเลิกเรียนก็ไปที่ร้านของคชาพัฒน์ ไม่ต้องขายลูกชิ้นปิ้ง ส่วนร้านลูกชิ้นก็เซ้งให้กับสำลีที่ต้องทำงานบ้านให้กับคชาพัฒน์ในช่วงเช้า สาย เที่ยง และบ่ายสามก็ออกมาขายของจนกว่าคชาพัฒน์จะหาเด็กใหม่ได้

และเมื่อน้ำผึ้งไม่ได้ไปยืนหลังเตา ร้านลูกชิ้นปิ้งที่เคยคึกคักก็เงียบเหงาเพราะสำลีนั้นมีแรงดึงดูดลูกค้าไม่พอ...แต่ว่าสำลีนั้นก็หาได้ย่อท้อ...เพราะคิดว่าถ้าอยู่ในร้านของคชาพัฒน์ต่อไปก็ไม่มีทางเจริญก้าวหน้าแต่อย่างใด ครั้นจะทำงานซักรีดต่อจากแม่ สำลีก็ไม่ชอบงานผ้า...
สำลีจึงคิดหาอย่างอื่นไปขายด้วย...เพราะเมื่อทำอาหารให้คชาพัฒน์กับกินคชาพัฒน์ก็ชมตลอดว่า
ฝีมือดี...มีรสมือ

“ขายดีไหมพี่สำลี” หลังจากไปวิ่งออกกำลังกายที่สนามกีฬาของอำเภอใกล้ ๆ กับตลาดแล้วน้ำผึ้งก็เดินเหงื่อโทรมกายมาหาสำลี

“เงียบกว่าตอนเป็นของน้ำผึ้งแต่มันก็ขายได้”

“สู้ ๆ นะพี่”

“เพิ่งรู้เหมือนกันว่า ความสวยมันก็มีผลต่อความรู้สึกของคนกินลูกชิ้นปิ้ง”

“พี่สำลีก็สวย...”สำลีนั้นได้ความขาว ผิวพรรณดี เนื้อตัวอวบอิ่ม ผมดำขวับทีเดียวเพียงแต่สำลีนั้นไม่ค่อยได้แต่งหน้าแต่งตัวให้ทันสมัยเท่านั้นเอง

“สวยหลบใน”

“น่า สูตรน้ำจิ้มมันก็เหมือนเดิม ยอดอาจจะไม่เท่ากับตอนที่ผึ้งขาย แต่มันก็พออยู่ได้ไม่ใช่เหรอ” นอกจากจะให้เซ้งร้านแล้วน้ำอ้อยกับน้ำผึ้งยังให้สูตรทำน้ำจิ้มรสเด็ดกับสำลีด้วย

“อืม ได้ดีเชียวแหละ ดีกว่าอยู่ร้านพี่หน่องแหละ...แล้วพี่ว่าจะทำพวกเกี้ยวทอดหรือไม่ก็ลูกชิ้นปลาทอดด้วย...หรือไม่ก็อาจจะเพิ่มเป็นลูกชิ้นต้ม ใช้น้ำจิ้มแซ่บ ๆ”

“นึกแล้วน้ำลายไหลเลย”

“กินซิ หยิบเอาเลย”

“ซื้อนะไม่กินฟรีหรอก” ว่าแล้วน้ำผึ้งก็หยิบลูกชิ้นบนเตาจุ่มในน้ำจิ้มหมุน ๆ ไม่ให้น้ำจิ้มหกหยดเรี่ยราดระหว่างจากหม้อมายังปาก...เคี้ยวแนมกับผักแล้วน้ำผึ้งก็ยิ้มให้กับสำลี

“ไปอยู่กับพี่หน่องสามสี่วันหน้าตาสดใสขึ้นเลยนะ”

“ไม่โดนความร้อนจากเตานี่มั้งพี่”

“มีแต่คนถามว่าผึ้งไปไหน”

“พี่บอกว่าไง”

“พี่บอกว่า เตรียมตัวไปเรียนต่อ ส่วนเรื่องประกวดพี่ขี้เกียจพูด ขี้เกียจเล่า”

“ดีแล้ว...”

“ผึ้ง” เสียงเรียกของวิธิตทำให้น้ำผึ้งต้องหันไปมอง เขาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อกร้ามผ้าร่มรองเท้ากีฬา...

“คุณธิต”

“ได้ยินไอ้ศุกร์ว่าช่วงนี้ผึ้งเก็บตัวอยู่ที่ร้านหน่อง...” น้ำผึ้งนั้นก็ยังอยู่ในชุดกางเกงขาสามส่วนเสื้อยืดรองเท้ากีฬาเช่นกัน...และพอได้ยินวิธิตเอ่ยชื่อของวรรณศุกร์ออกมาน้ำผึ้งก็รู้สึกชุ่มฉ่ำใจอย่างประหลาด...แม้จะอยู่ใกล้ ๆ กันเพียงตึกคั่นไม่กี่คูหา แต่ว่าน้ำผึ้งก็ยังไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขาอีกเลย...เพราะเขาเองก็ไม่มาที่ร้าน หนิงหน่องแฮร์คัทหากไม่มีเรื่องจำเป็น เลิกงานปิดร้านเขาก็ขับรถกลับบ้าน แม้จะรู้ว่าเขากลับบ้านเวลาใดแต่น้ำผึ้งก็ไม่กล้าออกมายืนคอยดู เพราะกลัวคชาพัฒน์กับนัยนิจจะว่าเอาได้...

และที่สำคัญน้ำผึ้งระลึกอยู่เสมอว่า แม้ทอดสะพานให้เขา เขาก็ไม่มีวันเดินข้ามมา...

และถ้าเขาคิดจะข้ามมาจริงๆ น้ำผึ้งก็คิดว่าตนเองนั้นคงไม่มีปัญญารับมือกับอารมณ์หึงหวงของภัทรินอย่างแน่นอน...และการไปสู้กับคนอย่างนั้นกับเรื่องหัวใจที่ไปแอบรักคนมีเจ้าของก็รังมีแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียง

และเมื่อความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้เขา รังแต่จะต้องหวานอมขมกลืนน้ำผึ้งก็คิดจะเลิกรัก ปล่อยให้ใจว่างเปล่ามุ่งทำหน้าที่ตรงหน้าให้ดีที่สุด แต่ว่าน้ำผึ้งก็ตัดใจจากเขาไม่ได้อย่างที่อยากทำ

“ค่ะ...แต่ความลับนะคะ”

“วิ่งเสร็จแล้วเหรอ ว่าจะตามไปดูแลสักหน่อย”

“ทำไมต้องตาม”

“ก็เดี๋ยวพอหนุ่ม ๆ ในตำบลนี้รู้ว่าน้ำผึ้งออกไปวิ่งออกกำลังกายเดียวก็ได้ตามกันไปเป็นพรวน”

“คงไม่ไปทุกวันหรอกค่ะ เพราะจะต้องสลับไปว่ายน้ำด้วย” วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นโยคะ เป็นโปรแกรมที่ คชาพัฒน์วางขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างรูปร่างบุคลิกของน้ำผึ้ง นอกจากจากนั้นคชาพัฒน์ยังแนะนำให้น้ำผึ้งนั่งสมาธิก่อนนอน เพื่อจะทำให้ไม่ตื่นเต้นยามอยู่บนเวที โดยเฉพาะตอนที่ต้องตอบคำถาม...

“ทุ่มเทนะ”

“ทำอย่างไรได้ละคะ เมื่อคิดจะขึ้นสู้แล้ว ถ้าไม่ซ้อม ก็จะเรียกว่าประมาทอีก...วงการขาอ่อนมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากวงการกีฬาหรอกค่ะ”

“คมกริบ”

น้ำผึ้งยิ้มเขิน ๆ เมื่อเขาเอ่ยปากชม...

“เจอไอ้ศุกร์มันบ้างหรือเปล่า”

น้ำผึ้งไม่คิดว่าวิธิตจะเอ่ยถามถึงคนที่เธอไม่มีสิทธิ์จะรักนั่นออกมา

“ทำไมต้องเจอด้วยล่ะ”

“ก็เห็นอยู่ใกล้ ๆ กันก็เลยถาม...ไม่มีอะไรหรอก”

“ช่วยอุดหนุนลูกชิ้นปิ้งของพี่สำลีสักห้าไม้สิบไม้นะคะ”

พอน้ำผึ้งเอ่ยแบบนี้ วิธิตก็เลยหันไปหาเจ้าของร้านที่ง่วนอยู่กับลูกชิ้นบนเตา...

“สิบไม้มีส่วนลดหรือเปล่าสำลี” เขาเอ่ยปากถามสำลีที่เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มให้เล็กน้อย

“ถ้ายืนกินตรงนี้หมดสิบไม้ ก็แถมให้หนึ่งไม้”

“เป็นโปรที่โอเคมากเลย...งั้นขอห้าไม้เอาใส่ถุงนะ เดี๋ยวจะเก็บไว้กินตอนออกกำลังกายเสร็จ” วิธิตนั้น ขี่มอเตอร์ไซค์จากบ้านมาจอดไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ...แล้วถึงจะขี่ไปที่สวนหน้าอำเภอที่น้ำผึ้งเพิ่งจะไปใช้วิ่งออกกำลังกายมา...

“กินตอนที่มันเย็น ๆ จะไม่ค่อยอร่อยหรอก ไปวิ่งแล้วกลับมากินดีกว่าค่ะ” น้ำผึ้งแนะนำ

“เอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นห้าไม้ฝากไว้ก่อนนะสำลี”

“เจ็ดไม้สามสิบบาทแล้วกัน แต่ขอเงินไว้เลยนะคะ” สำลียอมแถมให้เขาหนึ่งไม้เพราะรู้ว่าเขากินคนเดียวไม่หมดสิบไม้แน่ ๆ...

“จ่ายไว้สิบไม้ ได้ลูกชิ้นสิบเอ็ดไม้ได้ไหม แต่ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ทยอย ๆ มากิน” เขาต่อรอง...

“สำหรับคุณธิต พี่สำลีได้อยู่แล้วค่ะ” น้ำผึ้งรีบตอบตกลงให้...

วิธิตล้วงแบงก์ห้าสิบจากกระเป๋ากางเกงส่งให้สำลีก่อนจะคว้าลูกชิ้นปิ้งหนึ่งมาใส่ปากเคี้ยว...

“กินของที่แถมไปแล้วนะ อีก สิบไม้ค่อยว่ากัน ไปแล้ว...เดี๋ยวค่ำซะก่อนจะวิ่งได้ห้ารอบ”...

วิธิตผละจากไป น้ำผึ้งมองหน้าสำลีที่ยิ้มค้างพลางมองตามหลังวิธิตไป...

“พี่สำลี”

“อะไร”

“ผึ้งว่าผึ้งจะขอค่าเซ้งร้านเพิ่มหน่อยอ่ะ”

“ทำไมเหรอ”

“ก็...มาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าพี่สำลีมายืนแทนผึ้งอยู่ตรงนี้ พี่สำลีก็มีโอกาสเจอผู้ชาย”

“เด็กบ้า”

“ไม่ต้องมาหน้าแดง”

“พี่คิดแต่เรื่องทำมาหากินเท่านั้นแหละย่ะ”

“ให้มันจริง ๆ เถอะ”

“ไปไหนก็ไป...ลูกชิ้นที่กินเมื่อกี้ไม่ต้องให้เงินพี่นะ...ถือเป็นค่าเซ้งร้านเพิ่มที่ขอแล้วกัน...”

“เขี้ยว” ว่าให้สำลีแล้วน้ำผึ้งก็หมุนตัวเตรียมเดินออกจากหน้ารถเข็นลูกชิ้นที่เคยเป็นกิจการของตนแต่ว่าน้ำผึ้งก็ต้องผงะเมื่อใบหน้าชนเข้ากับร่างหนากำยำ...และพอน้ำผึ้งเสียหลักเขาก็รีบเข้าประคอง เบื้องตนก่อนจะเห็นว่าเขาเป็นใคร กลิ่นกายที่คุ้นเคยก็โชยเข้ามาในจมูก ทำให้จิตใจของน้ำผึ้งนั้นปั่นป่วน

“คุณศุกร์” น้ำผึ้งรีบขืนตัวให้เขาปล่อยจากแขนทั้งสองข้างของตน...

“จะเดินจะเหินไม่ระวังตัวเลย” เขาว่าให้ยิ้ม ๆ ดวงตาเป็นประกายจนน้ำผึ้งต้องเบือนหน้าหลบ

“มาทำอะไรคะ”

“ว่าจะแวะอุดหนุนลูกชิ้นปิ้งสำลีเขาสักหน่อยน่ะ แล้วเราล่ะ มาทำอะไรที่นี่”

“ก็อดคิดถึงที่ที่เคยยืนอยู่ไม่ได้”

“ดีแล้วที่ไม่ลืมที่ที่เคยยืน และขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไป”

“ค่ะ...ผึ้งขอตัวก่อนนะคะ จะไปร้านพี่หน่อง”

“รีบไปก็ดีนะ เมื่อกี้ตอนขับรถผ่านมาเห็นรถคุณอี๊ดแม่น้องติ๋วจอดอยู่ ประจบประแจงคุณอี๊ดสักหน่อย เขาจะได้ช่วยดันเข้าวงการ”





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2556, 03:09:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2556, 03:09:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1895





<< 21. “ผึ้งโชคดีที่เจอหน่อง”   23. “รู้ไหม ทำไม ฉันถึงอยากช่วยหนู” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 9 ก.ค. 2556, 03:09:38 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงไลค์นะฮะ...


คิมหันตุ์ 9 ก.ค. 2556, 04:12:02 น.
รั้งให้อยู่นานๆหน่อยก็ไม่ได้นะคะคุณศุกร์

ปล.คุณเฟื่องเมื่อไรจะเริ่มหวานคะเนี่ย รอนานแล้วนะ


nateetip 9 ก.ค. 2556, 05:14:37 น.
ชอบน้ำผึ้งกับคุณศุกร์มากๆค่าาาา..^.^


เดิมเดิม 9 ก.ค. 2556, 09:02:06 น.
มุ่งมั่นสู่คนทางที่ดี น้ำผึ้งสู้ พี่หน่องสู้ๆ


mottanoy 9 ก.ค. 2556, 10:13:40 น.
ขอบคุณคนแต่งด้วยค่ะขยันมา
เจอคำนึง. เสื้อกล้าม มั้งคะไม่ใช่เสื้อกร้าม


Zephyr 9 ก.ค. 2556, 23:46:25 น.
รอลุ้นจุดแตกหักและจุดจบของความรักของภัทและคุณศุกร์
รวมถึงลุ้นจุดเริ่มต้นของคุณศุกร์กับผึ้งด้วย
จะบรรจบกันเมื่อไรน้าาา


wagawagamina 22 ก.ค. 2556, 17:44:07 น.
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สนุกค่า


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:26:34 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account