ดวงใจพรต
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 2
ตอนที่ 2 มาแล้วให้กำลังใจกันหน่อยนะจ๊ะ
ตอน 2
ดวงตาที่ปิดสนิทมาหนึ่งวันกับหนึ่งคืนเต็มๆ เริ่มกะพริบ เพียงเปลือกตาเปิดขึ้น แสงสีขาวก็วาววาบเข้านัยน์ตาจนต้องรีบปิด แล้วค่อยๆเปิดปรือขึ้นมาปรับรับแสงสว่างอีกครั้ง ภาพเพดานสีขาว ดวงไฟ ก็เข้ามาในประสาทรับรู้ เจ้าของดวงตาทิ้งสายตาไว้กับภาพนั้นขณะที่สมองก็เริ่มทำงาน ถามตัวเองว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมเขาต้องมาอยู่ที่นี่
เมื่อไม่มีคำตอบให้ตัวเอง เพราะสมองยังมึนงง ก็ลดสายตาลงมองตัวเอง ชุดสีฟ้าที่อยู่บนตัว แขนมีเข็มปักอยู่ตรงข้อพับต่อกับสายยาวสีขาวไปจบกับขวดที่เรียกว่าน้ำเกลือ ก็เริ่มจะรู้ว่าที่นอนอยู่นี่คือ...โรงพยาบาล
หน้าก็นิ่ว คิ้วก็ขมวดเพราะพยายามคิดว่าทำไมเขาต้องมานอนอยู่ที่นี่ แล้วยกมือข้างที่ไม่ติดสายน้ำเกลือขึ้นกดขมับ เพราะปวดร้าวไปทั้งหัว ภาพบางอย่างเริ่มลางเลือนขึ้นมา จนต้องกดขมับเพื่อให้เด่นชัด แต่สุดท้ายเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจึงต้องปล่อยภาพนั้นให้หายไป
เสียงขยับตัวทำให้คนนั่งเฝ้าที่ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟามุมห้อง เงยหน้าขึ้นมองพลางวางหนังสือพิมพ์ไว้บนโซฟา ลุกขึ้นก้าวมายืนชิดขอบเตียง มองคนป่วย ที่จ้องมองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าเขาเป็นใคร
“สวัสดีครับ” เสียงภาษาสากลดังขึ้น พร้อมแนะนำตัวเองออกมา “ผมกัสโซ่ ทนายความของตระกูลม็อตต้า คุณเป็นไงบ้าง”
ดวงตาคมมองชายอย่างไม่ไว้ใจพลางขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง แต่เพียงขยับตัว ก็ปวดร้าวไปทั้งตัว จนต้องขบฟันข่มไว้เพื่อยันตัวลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ ก็ถามคนที่มองอยู่ว่า “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“คุณจำไม่ได้”
คำถามนั้นทำให้คนป่วยย่นหัวคิ้วหวนกลับไปคิดเหตุการณ์ที่ลางเลือนอยู่ในหัวอีกครั้ง แต่ภาพยังลางเลือนไม่แน่ใจ จนคนที่มองอยู่บอกว่า “อุบัติเหตุ” คำพูดนี้ทำให้ภาพที่ลางเลือนค่อยๆชัดขึ้นมา แสงไฟที่สาดเข้ามาก่อนที่รถจะแฉลบไปชนกำแพงข้างทาง มันเร็วจนเขาไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากส่งเสียงร้องออกมาแล้วไม่รับรู้อะไรอีกเลย
“อเล็กซ์” เสียงที่ดังออกมาพร้อมกับสายตาที่มองเพื่อขอคำตอบนั้น ทำให้ทนายกัสโซ่หลบตา สีหน้าหมองเศร้า จนคนที่มองเริ่มใจไม่ดี เพราะขนาดเขาต้องมานอนแหมบอยู่บนเตียง กี่วันแล้วก็ไม่อาจรู้ แล้วเพื่อนเขาละ “ว่าไงครับ อเล็กซ์เป็นไงบ้าง เขาบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน”
ทนายกัสโซ่หันมาสบตา ด้วยสีหน้าที่ทำให้พรตใจไม่ดียิ่งขึ้น ก่อนจะบอกว่า “ผมเสียใจด้วยครับ”
พรตชาไปทั้งตัว หัวใจวาบหาย ลมหายใจหยุดไปเสี้ยววินาที เมื่อคำตอบนั้นแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจาก...ตาย ... พรตกำมือเพื่อให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้ฝันไป สิ่งที่ได้ยินเป็นความจริง แต่ทำไมเขารอด ตัวเขาแทบจะไม่มีบาดแผลอะไรเลย แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งตัวก็ตาม
“มันเป็นไปได้ยังไง” เสียงถามราวกับละเมอออกมา
“รถชนกำแพ อัดก๊อปปี้ด้านคนขับจนคุณอเล็กส์...” เสียงทนายเงียบหายไปอย่างสะเทือนใจ พรตเองก็นิ่งงั้น ไร้คำถามใดๆ หลับตาลงอย่างไม่อยากเห็นอะไรอีก แต่ยังได้ยินเสียงทนายพูดถึงอาการบาดเจ็บของเขา ตำรวจหาสาเหตุการตายของอเล็กซ์ แต่ประโยคใดก็ไม่เข้าไปในหัวเขานอกจาก “พรุ่งนี้ ตระกูลม็อตต้า จะทำพิธีฝั่งศพคุณอเล็กซ์”
*********
ท้องฟ้าสีคราม โปร่งใส ไร้เมฆมาบดบังแสงอาทิตย์ ที่ทอลงมาบริเวณสุสานของตระกูลม็อตต้า ช่างต่างจากสีหน้าท่าทางของทุกคนที่มาร่วมพิธีคนไว้อาลัยคนอเล็กซ์เป็นครั้งสุดท้าย คนในตระกูล เพื่อน นักธุรกิจ ผู้ร่วมค้า ผู้คนอีกมากมายต่างมาร่วมพิธี และที่สำคัญครอบครัวอัลโตนิโอ ทุกคนอยู่ในชุดสีดำ เกือบทุกคนสวมแว่วตาปิดปังน้ำตา ความเศร้าเสียใจไว้ แต่คนในครอบครัว ที่ร่วมสายเลือดกันมาไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ พ่อแม่พี่น้องของเขาจึงร่ำให้กับการจากไปครั้งนี้
อีกด้านหนึ่งของพิธี พรตฝืนความเจ็บปวดออกจากโรงพยาบาล มาร่วมพิธีด้วย เขายืนนิ่งห่างจากคนอื่นๆ และไม่สนใจใครแม้แต่บาทหลวงที่กำลังทำพิธีอยู่ ทอดสายตามองหลุมศพที่อเล็กซ์นอนสงบนิ่งอยู่ ... ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าอเล็กซ์ได้จากไปแล้ว จนกระทั่งบาทหลวงทำพิธีเสร็จ ก็นำก้อนดินและดอกไม้ไปวางบนตัวเขา แล้วถอยออกมา ทุกคนก็ทำตาม พรตเดินสวนหญิงสาวคนหนึ่งเข้าไป แต่ทั้งคู่ไม่สนใจจะมองหน้ากัน เขาวางก้อนดินกับดอกไม้พร้อมอธิฐานให้อเล็กซ์หลับให้สบาย ไปสู่สวรรค์และขออโหสิกรรมทุกอย่าง
เขาเดินจากความเศร้านั้นไปเรื่อยๆ ผ่านผู้คน แสงแดด และสายลมที่พัดมาไม่อาจช่วยปัดเป่าความเศร้าจากตัวเขาให้หมดไป จนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ริมแม่น้ำ มองฟ้าที่ว่างเปล่าอย่างเศร้าหมอง ไม่นานเขาก็ดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า กดส่งสัญญาหาใครบางคน
“พัชร” เขาเอ่ยชื่อออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงรับสาย บอกเล่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้ฟัง และฟังเสียงที่ดังกลับมาอย่างห่วงใย
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ฉันเจ็บเล็กน้อย แต่อเล็กซ์จากไปไม่มีวันกลับ”
ปลายเสียงเงียบไปอึดใจ รู้สึกใจหายเพราะรู้จักคนที่พรตพูดถึง แม้จะไม่เคยเห็นหน้า แต่รู้ว่าเป็นคนที่ดูแลหุ้นที่คนเป็นปู่ให้เหมือนกัน “เสียใจด้วยพรต แล้วนายจะทำไงต่อ จะกลับเพลิงพญาเลยหรือเปล่า หรือว่า...”
“ฉันจะอยู่ต่ออีกสักพัก เพราะไม่รู้ว่าหลังจากอเล็กซ์ตาย หุ้นที่ฉันได้รับจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลให้ ... ฉันไม่ได้งกสมบัติพวกนั้นนะพัชรแต่อยากจะดูแลสิ่งที่ปู่ให้เรามาให้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ นายจะว่าอะไรหรือเปล่า ถ้าฉันจะขาย”
“ฉันยกให้นายไปแล้ว นายตัดสินใจได้เลย แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆหรือพรต”
คำถามของพัชรทำให้พรตนิ่งไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เมื่อรู้ว่าอเล็กซ์จากไป เขาก็เสียใจจนไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นเลย แล้วนึกย้อนไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ทีอะไรให้สงสัย ที่สำคัญเฟอร์รารี่คันนั้นเขาเป็นคนใช้ ระบบต่างๆที่สัมผัสได้ดีเยี่ยม จนไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ
“ทำไมนายคิดอย่างนั้น”
“เพราะอเล็กซ์ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะม็อตต้าไม่ใช่ตระกูลที่ไม่มีอะไรเลย เขายิ่งใหญ่ แม้เราไม่รู้ว่าแค่ไหน เพราะเพิ่งรู้จัก แต่เงินทองไม่เข้าใครออกใคร นายก็รู้ ไม่งั้นทุกคนจะขวยขวายให้ได้มามันมาเหรอ และมันอาจจะเป็นสาเหตุให้เขาตายได้”
“ฉันมั่นใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“อย่ามองโลกในแง่ดีพรต เพลิงพญาสอนให้เรารู้อะไรมากมาย นายก็เคยได้เรียนรู้แล้ว การมองโลกในแง่ร้ายบางครั้งมันก็จะเป็นเกราะให้เราระวังตัว ดูแลตัวเองให้ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนายต้องตั้งสติ คิดให้รอบคอบ พราะที่นั้นไม่ใช่บ้านเรา และนายตัวคนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นกับอเล็กซ์อาจจะเกิดขึ้นกับนายได้”
พรตกำโทรศัพท์ที่ถืออยู่ไว้แน่น ถ้าเป็นอย่างที่พัชรว่า เขาจะไม่ยอมให้อเล็กซ์ตายฟรีเด็ดขาด แล้วข่มความคิดนี้ไว้ ถามถึงพ่อกับแม่ น้องๆ และทุกคนในหุบเขาพญา
“สบายดี นายไม่ต้องเป็นห่วง ดูแลตัวเองให้ดีนะพรต ฉันเป็นห่วง”
“ขอบใจ” พรตตอบกลับไปแล้วคุยกับคนเป็นพี่อีกไม่เท่าไหร่ก็วางสาย นั่งปล่อยให้สายลมพัดผ่านตัว ปล่อยสมองให้คิดย้อนไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และคิดว่าเขาไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเหมือนร่างกายของอเล็กซ์ที่สลายไปจนไม่มีเหลืออะไรเลย
**********
รถตู้คันหรูที่พาทุกคนไปร่วมงานศพ แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์อัลโตนิโอ พอประตูอัตโนมัตเปิดออก คนที่อยู่ในรถก็ขยับตัวลงมายืนข้างรถ รถตู้ก็เลื่อนออกไปทันที นายริคาโดกับนางมาเรีย เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกัน แต่พอพรีมาดาขยับตัวจะเดินตามไป เสียงแพทิเซียก็ดังขึ้น
“ดีใจด้วยนะคะพี่พรีม ที่ไม่ต้องแต่งงานแล้ว”
พรีมาดาเอียงหน้าไปมองและบอกว่า “ขอบใจจ้ะ” พูดจบก็จะเดินไปอีก แต่แพทิเซียขยับตัวมาขวางไว้ มองสบตาพี่สาว ยิ้มให้ก่อนจะบอกว่า
“แต่ระวังคุณพ่อจะหาคนใหม่มาให้แต่งอีกนะคะ”
“พี่ไม่ใช่สิ่งของ ที่ใครจะทำอะไรก็ได้”
“ใครบอกว่าไม่ใช่ แพทว่าใช่เลยแหละ ก็เห็นทุกทีไม่ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่จะให้ทำอะไร ก็ทำไปเสียทุกอย่าง”
“เธออิจฉาเหรอ”
“เปล่า” แพทิเซียทำเสียงสูงพลางยกไหล่เหมือนไร้สาระ “มันเป็นเรื่องเศร้า ไม่ใช่เรื่องดีที่แพทจะต้องอิจฉา แต่ที่พูด ก็แค่จะเตือนไว้เท่านั้น”
“ถ้าปากกับใจเธอตรงกัน พี่ก็ต้องขอบใจเธออีกครั้ง แต่พี่จะบอกเธอให้ว่าสิ่งที่พี่ทำ แม้จะลำบากใจ ทุกข์ใจ แต่ถ้าไม่มีพ่อกับแม่ พี่กับเธอก็อาจจะไม่มีตัวตนมายืนอยู่ตรงนี้ ฉะนั้นอะไรที่พี่พอจะทำให้ท่านทั้งสองมีความสุขได้ พี่จะทำ เพราะไม่มีบุญกุศลอันใดจะยิ่งใหญ่ เท่ากับการที่เราต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ และดูแลพวกท่านให้ดีที่สุด”
“ก็ใช่ แต่เรามีชีวิตและจิตใจเป็นของตัวเอง เราก็ต้องทำเพื่อตัวเอง ถึงจะถูกซิ”
“นั่นมันความคิดเธอที่เติบโตมากับวัฒนธรรมแบบนี้ แต่สำหรับรากเง้าของพี่สอนมาต่างจากเธอ แต่บางอย่างก็อย่างเธอว่า ชีวิตเป็นของเรา เราต้องทำเพื่อตัวเอง และบางทีพี่อาจจะทำอย่างที่เธอพูดบ้างก็ได้”
พรีมาดายิ้มให้แพทิเซียนิดเดียวแล้วเดินเข้าประตูคฤหาสน์ แพทิเซียมองตามพลางเหยียดริมฝีปากออกอย่างหยันๆแล้วเดินไปที่โรงรถ หยิบกุญแจ เปิดประตูรถเปิดประทุนสุดหรูขับออกไปช้อปปิ้งเพื่อปาร์ตี้คืนนี้
********
ริคาโดนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน การตายของอเล็กซ์ นำความสูญเสียมากมายมาให้เขา ธุรกิจที่หวังไว้ น้ำมันที่จะได้ครอบครอง อำนาจ การต่อรองกับผู้ว่าการรัฐเพื่อผงาดขึ้นมากุมเศรษฐกิจของเมืองนี้ไว้ ก็หายไป ทุกอย่างพังทลายไม่มีเหลือ มันเป็นการสูญเสียที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของเขาก็ได้ แล้วเขาจะทำยังไงต่อไป หรือเขาจะหาผู้ร่วมทุนคนใหม่ แล้วใครที่กุมอำนาจของม็อตต้าหลังจากอเล็กซ์ตาย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของนายริคาโดก็ดีขึ้น เขายื่นมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะ กดหาคนที่พอจะให้คำตอบเขาได้ รอฟังเสียงคนปลายสาย ไม่นานก็ดังกลับมา
“โทรมาหาฉันมีอะไร”
น้ำเสียงห้วนๆนั้น ไม่ได้ทำให้นายริคาโดสนใจ กลับยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับไป “ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ ว่าฉันโทรมาทำไม การตายของมัน ทำให้ฉันเสียประโยชน์ แต่คิดว่านายน่าจะได้ประโยชน์ จริงไหม”
“ฉันไม่รู้”
“แน่ใจเหรอ”
นายริคาโดตอบกลับไปทันควัน ปลายสายจึงหัวเราะหึๆๆมาให้ได้ยิน ก่อนจะมีเสียงพูดออกมา “อย่ามาสู่รู้เรื่องของตระกูลฉัน แกน่าจะเก็บปากเก็บคำไว้ ดีกว่าที่จะมาท้าทายฉัน แล้วอะไรที่หวังไว้ อาจจะไม่ได้เลย”
หึๆๆๆ ริคาโดหัวเราะกลับไป “นายก็อาจจะไม่ได้เหมือนกัน อย่าลำพองคิดว่าจะได้เป็นตัวแทนมัน ระวังจะฝันสลาย ” ปลายเสียงเงียบไป ให้ริคาโดจึงยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดออกไปอย่างรอมชอม “ที่จริงเราน่าจะมาร่วมมือกัน เพื่อสานต่อสิ่งที่มันคิดจะทำไว้ ฉันจะช่วยสนับสนุนนาย เพื่อให้ความทะเยอทะยานในใจของนายเป็นจริงดีไหม” เขาพูดอย่างที่รู้จักอีกฝ่ายดี และเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาก็ยิ้มมากขึ้น
“จะทำยังไง”
“เล่นละคร ทำให้ดี แล้วสิ่งที่นายหวังจะเป็นจริง”
“มันไม่ง่ายอย่างที่แกคิดหรอก ไม่ได้มีฉันคนเดียวที่จะเป็นตัวแทนของมัน ยังมีคนอีกหลายคน”
“แต่ใครก็ไม่สำคัญเท่ากับนายที่เป็นน้องของมันจริงไหม”
ปลายสายเงียบไปและไม่มีคำพูดใดออกมาอีก ริคาโดจึงถือว่าเป็นการยอมรับ เขาวางสายลงพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสบายใจ โดยที่ไม่สามารถหยั่งลึกรู้ซึ้งถึงใจคนที่เขาคุยด้วยว่าเป็นยังไง และไม่เห็นหน้าว่าวาววับไปด้วยความสมใจกับเรื่องที่อีกฝ่ายเสนอมาแค่ไหน
*********
แสงสีทองลาลับฟ้าไปแล้ว บรรยากาศจึงเริ่มสลัว พรตนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านที่อเล็กซ์ให้เขาอยู่ บ้านหลังเล็กที่อบอุ่นไปด้วยมิตรภาพที่อเล็กซ์มีให้เขา จากนี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว ... ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พรตได้ไปพบกับนายตำรวจเจ้าของคดีของอเล็กซ์ ซึ่งก็สอบปากคำเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างหนัก และพาเขาไปดูสภาพรถที่พังยับ ทั้งหมดสรุปออกมาได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ แม้จะสงสัยว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม เพราะอเล็กซ์ทำธุรกิจกับคนอื่นมากมาย แต่หาสาเหตุใดมาสนับสนุนไม่ได้เลย เพราะอเล็กซ์เป็นนักธุรกิจที่ดี มีสัมพันธ์ภาพกับเพื่อนนักธุรกิจอย่างดี จึงไม่มีเหตุอันใดหรือใครจะมาทำร้ายเขาเลย แต่ตำรวจก็บอกว่าจะไม่ทิ้งประเด็นการขัดแย้งทางธุรกิจ ยังคงจะสืบสวนหาสาเหตุต่อไป
อีกสองวันถัดมา ทนายความกัสโซ่ก็โทรศัพท์มาบอกเขาให้เข้าไปพบที่บริษัทม็อตต้ากรุ๊ป เพื่อประชุมเกี่ยวกับหุ้นโรงแรมและหุ้นอื่นๆของเขาที่อเล็กซ์ดูแลให้อยู่ พรตนั่งแท็กซี่มาเยือนบริษัทนี้เป็นครั้งแรก ตึกสามสิบชั้นตั้งตระหง่านบอกความยิ่งใหญ่ของม็อตต้า เขาเดินเข้าไปในตึก ที่โอ่โถง สวยหรู รีเซฟชั่นสาวสวยเดินยิ้มมาต้อนรับเขา สอบถามถึงการมา แล้วก็พาเขาไปยังห้องประชุมที่จัดไว้
พรตเปิดประตูเข้าไปในห้อง สายตาเกือบสิบคู่มองมาที่เขา เขาสบตาทุกคนที่มองมาอย่างแปลกใจ เพราะไม่รู้จักและเขาก็ไม่เคยปรากฎตัวให้ใครเห็นหรือรู้ว่าเขามีหุ้นส่วนอยู่ในธุรกิจของทุกคนด้วย
ทนายความกัสโซ่ลุกขึ้นเดินมาหาเขา ยื่นมือมาให้จับทักทายกันเล็กน้อย ก็หันไปมองทุกคนที่มองมา แล้วแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
“คุณพรต บิล บิลาเราะห์ คนที่ชีคอิลาอัลล์ยกหุ้นทั้งหมดให้ เพราะเขาคือหลานชาย”
พรมก้มหน้าทักทายทุกคนขณะที่สายตาตวัดบันทึกหน้าทุกคนไว้ในสมอง พร้อมกับฟังเสียงทนายกัสโซ่ที่แนะนำชื่อแต่ละคนให้เขารู้จัก บิ๊กบอสของแต่ละส่วนที่สำคัญในธุรกิจที่ม็อตต้าดูแลอยู่
“บาซ่า ซิโมเน่ บอสอสังหาริมทรัพย์ ลูก่า ริเซ่โน บอสด้านเครื่องจักร มาร์โก ริเซเน่ บอสด้านยานยนต์...” และอีกหลายคนที่พรตยังจำไม่ได้ ทุกคนก้มหน้าทักทายเขาเช่นกัน แต่ท่าทางต่างนิ่งเหมือนสายน้ำในมหาสมุทรที่พร้อมจะเป็นเกิดคลื่นได้ทุกเวลา ซึ่งพรตก็นิ่งได้ไม่ต่างจากทุกคน แต่คนสุดท้ายที่ทนายความกัสโซแนะนำเขาจำได้ทันที
“อันเดรีย เด ม็อตต้า”
น้องชายของอเล็กซ์ หน้าตาท่าทางของเขาดูเป็นมิตรไม่ต่างจากอเล็กซ์มากนัก พรตเคยเจอเมื่อครั้งที่อเล็กซ์พาเขาไปทานข้าวกับครอบครัว หลังจากนั้นก็ไม่เจออีกเลย แต่เขาไม่รู้ว่าอันเดรียจะรู้เรื่องของเขามากน้อยแค่ไหน
“ยินดีต้อนรับครับ” อันเดรียลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือมาทักทาย พรตยืนมือไปจับพร้อมกับบอกว่า
“ยินดีเช่นกันครับ เสียใจด้วยกับเรื่องของอเล็กซ์”
“ขอบคุณครับ แล้วคุณเป็นไงบ้าง พวกเราไม่ได้ไปเยี่ยมคุยเลย” อันเดรียหมายถึงพ่อแม่เขาและทุกคนที่รู้จักพรต
“ผมไม่เป็นไร ฝากความขอบคุณและความเสียใจต่อพวกท่านด้วย”
อันเดรียพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทนายกัสโซ่จึงเชิญให้พรตนั่ง แล้วเดินไปยืนที่หัวโต๊ะ สบตากับทุกคนที่เขาเชิญมา เพื่อเปิดเอกสารลับที่อเล็กซ์ทำใว้ทุกๆเดือน โดยให้เหตุผลกับเขาตอนทำว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ยิ่งเขาทำธุรกิจเยอะ ก็ยิ่งต้องระวัง แม้ไม่มีศัตรูแต่ก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นมิตรหรือศัตรู จึงป้องกันไว้ก่อน
ทนายกัสโซ่ยื่นมือไปขอกระเป๋าจากคนของเขาที่ยืนอยู่มุมห้อง พอรับมาเขาก็วางลงบนโต๊ะ กดรหัสเปิดกระเป๋า แล้วหยิบเอกสารสำคัญออกมาวางบนโต๊ะ ทุกคนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าข้อความในนั้นจะเขียนว่าอย่างไร ซึ่งทนายกัสโซ่ก็ไม่ปล่อยให้ทุกคนรอนาน เขาอ่านส่วนที่สำคัญออกมาทันที
“ข้าพเจ้า นายอเลสซานโด เด ม็อตต้า เขียนบันทึกฉบับนี้ ขณะที่มีสติสัมปติชัญครบถ้วนบริบูรณ์ ซึ่งที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ ก็เพราะว่าความไม่แน่นอนของชีวิต วันนี้ยังลืมตาอยู่ แต่วันหน้าตาอาจจะปิดลงไม่มีวันลืมขึ้นมาอีกเลยก็ได้ ข้าพเจ้าจึงขอให้ทุกคนทำหน้าที่ๆทำอยู่ต่อไป แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเมื่อไม่อยู่แล้ว ก็ขอแต่งตั้งให้นายพรต บิล บิลาเราะห์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทน และมีสิทธิ์ในธุรกิจที่เป็นของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ ทุกคนช็อก ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่ลายมือลายเซนต์และเรื่องที่เกิดขึ้น นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ต่างจากพรต ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อรับฟังสิ่งนี้ ที่เขามาก็เพื่อจะมาดูว่าหุ้นที่เขาได้รับ ใครจะดูแลให้ต่อเท่านั้นเอง ไม่ใช่มารับรู้ว่าเขาต้องดูเองแถมยังแบกภาระมากมายไว้อีกด้วย
‘บ้าที่สุด’ พรตคำรามอยู่ในใจ แต่สีหน้านั้นนิ่งเฉย อย่างไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าคิดอะไรและจับตามองทุกคนที่นั่งอยู่ด้วย
ใบหน้าทุกคนเริ่มมีปฏิกิริยาเคร่งเครียด สายตากรอกมองกันไปมา ก่อนจะข่มให้สงบนิ่ง เก็บอาการต่างๆไว้ภายในใจอย่างคนที่มีชั่วโมงบินสูงเพราะอายุครึ่งค่อนชีวิตแล้ว และยินดีกับคนที่ได้ขึ้นมาใหญ่อย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ขณะที่พรตยังนั่งนิ่งอยู่ แอนเดรียเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา ตามด้วยทนายกัสโซ่ ส่วนพวกที่เดินออกไป ก็ไปยืนคุยกันที่ห้องหนึ่ง ด้วยท่าทางไม่พอใจสุด
“ทำยังนี้ได้ไงวะ อยู่ๆก็ให้ไอ้หัวดำที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นนายใหญ่ แทนที่จะแต่งตั้งเราคนใดคนหนึ่งขึ้นมา”
“นั่นนะซิ คุณอเล็กซ์ทำอย่างนี้ได้ไง ให้ใครก็ไม่รู้มาชุบมือเปิบ ม็อตต้ากรุ๊ปที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจสร้างกันของมา”
“แต่เขามีหุ้นเยอะกว่าเราทุกคน และในความเป็นจริงเขาก็มีสิทธิที่จะเป็นได้” ซิโมเน่บอกทุกคนให้รู้ความจริงถึงข้อนี้ หลังจากที่รู้ว่าเขาคือคนที่ได้รับหุ้นจากชีคอิลาอัลล์ แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้ทุกคนลดท่าทีไม่พอใจลงได้
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” ริเซ่โนเค้นเสียงออกมาอย่างแค้นๆ “หน้ามันเหมือนปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนั้นจะทำอะไรได้ ให้มันบริหารธุรกิจเป็นหมื่นเป็นพันล้านไม่พังหมดเหรอ”
ทุกคนขบฟันอย่างแค้นๆ “แล้วเราจะทำยังไง”
“ก็ทำให้มัน ไม่อยู่ดีมีสุขที่นี่ไง”
คำตอบของริเซ่โน สร้างความพอใจให้ทุกคน แววตาฉายความอำมหิตออกมา ก่อนจะแยกย้ายกันออกไป โดยไม่เห็นว่าพรตที่เดินออกมาจากห้องประชุมเห็นทุกคนเข้าพอดี แต่ทนายกัสโซ่กับแอนเดรียที่เดินตามหลังออกมาไม่เห็น ทั้งคู่ยังไม่รู้ว่าพรตคิดอะไร เพราะเขายังไม่มีคำพูดใดๆออกมา ตั้งแต่ได้ยิน แอนเดรียนั้นขอตัวไปทำงานต่อ เหลือแต่ทนายกัสโซ่ที่เดินเคียงข้างพรตไปข้างล่างและถามว่า
“คุณจะเข้ามาทำงานเมื่อไร”
ไม่มีคำตอบจากพรต เพราะใจเขายังปฏิเสธตำแหน่งนี้และไม่อยากเป็นหัวโขนให้ใคร แล้วจะเดินจากไป แต่ทนายกัสโซ่ไม่ยอมให้เขาจากไปง่ายๆ เดินเอาตัวมาขวางพลางบอกว่า “ผมอยากให้คุณทำงานให้เร็วที่สุด เพราะงานหลายอย่างต้องเดินหน้า โดยเฉพาะโครงการน้ำมัน ซึ่งคุณน่าจะรู้ว่าคุณอเล็กซ์หวังไว้มากแค่ไหน อีกอย่างการประชุมที่มีขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ถูกยกเลิกไปเพราะการจากไปของคุณอเล็กซ์ และยังไม่มีกำหนดว่าจะประชุมใหม่อีกเมื่อไร ส่วนนี่คือรายชื่อของผู้ที่จะร่วมโครงการนี้”
พรตหลุบตามองแฟ้มตรงหน้า แต่ไม่ยอมรับ ทนายกัสโซ่จึงก้มหน้าลงอย่างขอร้อง “รับไปเถอะครับ เพื่อมันจะทำให้คุณรู้อะไรบ้าง” คำพูดของทนายกัสโซ่ ทำให้มือของพรตยกขึ้นจับแฟ้ม และเปิดออกทันที ใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งก็ปรากฏในแววตา พร้อมคำพูดของทนายที่บอกเล่าให้ฟัง
“นายริคาโด อัลโตนิโอ เขาร่ำรวยติดอันดับต้นๆของเมืองนี้ และเขายังกุมเศรษฐกิจของเมืองนี้ครึ่งหนึ่ง เช่นเดียวกับตระกูลม็อตต้า เขากับคุณอเล็กซ์จึงจับมือกันเพื่อที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดน้ำมันครั้งนี้ แล้วคุณคิดดูว่าถ้าไม่มีคุณอเล็กซ์ ผู้นำตลาดน้ำมันจะเป็นของใคร อาจเป็นเขาหรือใครคนใดคนหนึ่งในแฟ้มที่คุณถืออยู่ก็ได้”
ท่าทีของพรตขณะรับฟังยังนิ่งเฉย จนทนายกัสโซ่ที่แอบมองอยู่ชื่นชมในใจ เพราะการวางตัวที่ไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดตั้งแต่ที่อยู่ในห้องประชุมแล้ว แต่จริงๆแล้วพรตรู้สึกหวั่นไหวกับข้อมูลที่ได้รู้ไม่น้อย พลางเปิดกระดาษหน้าต่อไป คราวนี้เขากะพริบตา เพราะหน้าหญิงสาวที่เห็นนั้นคุ้นจนเหมือนเคยเจอ
ใบหน้าสวยเก๋ นัยน์ตากลมตาสดใสเหมือนดวงดาว จมูกโด่งที่รับกับริมฝีปากอิ่ม ผิวสีน้ำผึ้งผมดำคลับ เหมือนเคยเห็นและเขายังรู้สึกถึงกลิ่นหอมที่เคยได้จากตัวเธอ ... ทำไมมันคุ้นอย่างนี้ พรตถามตัวเอง และเหมือนภาพบางอย่างวาบเข้ามาในสมองเมื่อได้ยินเสียงทนายกัสโซ่บอกว่า
“เธอคือลูกสาวของนายริคาโด เธอคือว่าที่เจ้าสาวของคุณอเล็กซ์”
ภาพวันที่เขาเพิ่งมาถึงที่นี่และได้คุยกับอเล็กซ์ปรากฎขึ้นในก้านความจำของสมองพร้อมคำพูดที่ดังก้องขึ้นมา
‘นิ้วฉันกำลังจะมีคนจอง’
ผู้หญิงคนนี้เองเหรอ ผู้หญิงที่เขาเจอริมทะเลสาปและจ้างให้เขาดื่มเหล้าด้วยราคาแพง!
พรตกดลมหายใจเพื่อไม่ให้แสดงอาการใดๆออกมา แล้วปิดแฟ้มที่ถืออยู่ บอกให้รู้ว่าเขาไม่ต้องการจะรู้อะไรอีก แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อยเป็นการบอกทนายกัสโซ่ แต่ทนายกัสโซ่ยังไม่ยอมหลีกทางพลางยื่นกุญแจรถให้เขาพร้อมกับบอกว่า “รถคันใหม่ของคุณ ผมจัดให้แทนคันเก่า”
“ขอบคุณ” พรตรับมา แล้วก็เดินจากไปทันที ทนายกัสโซ่มองตามไปด้วยความพอใจ ที่ได้ทำภาระกิจแรกสำเร็จแล้วแต่เบื้องหลังทนายยังมีสายตาของใครบางคนมองตามไปด้วย
*******
รถยนต์คันหรูตีวงเลี้ยวเข้ามาหน้าตึกม็อตต้ากรุ๊ป คนที่นั่งอยู่ภายในรถร้อนใจตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์ว่าตอนนี้คนที่จะขึ้นมาเป็นบิ๊กบอสแทนนายอเล็กซ์ อยู่ที่นี่ เขาจึงต้องรีบมาเพื่อดูรูปร่างหน้าตาและหน่วยก้านของคนที่จะมาเป็นพันธมิตรกับเขาเพื่อคว้าโครงการน้ำมันขนาดใหญ่มาครอบครอง และพาลูกสาวที่เกือบจะได้เป็นสะใภ้ของตระกูลนี้มาด้วย ... ทันทีที่รถจอดสนิท นายริคาโดก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่ต้องรอให้คนขับมาเปิดให้ และหันมาเร่งพรีมาดาให้รีบตามไป ก่อนจะสาวเท้าก้าวยาวๆเข้าไปในตึก
หญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถ ข่มความเหนื่อยหน่ายที่ไม่อยากมา แล้วรีบก้าวตามไป ส่งยิ้มให้รีเซฟชั่นที่หันมายิ้มให้ ก็เดินตรงไปหาคนเป็นพ่อที่ยืนรออยู่หน้าลิฟต์ แต่เธอเดินไปยังไม่ถึง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก คนที่ยืนอยู่ข้างในเดินออกมาพร้อมๆกับที่นายริคาโดเดินสวน พรีมาดาเร่งฝีเท้าเพื่อจะให้ทันจนชนกับคนที่ก้าวออกมา
ต่างฝ่ายต่างชะงัก มองหน้าซึ่งกันและกัน ชายหนุ่มนั้นจำได้ดีว่าเธอคือใคร แต่หญิงสาวนั้นจำไม่ได้แม้จะคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็น แต่เธอไม่มีเวลามาคิด รีบเบี่ยงตัวเพื่อจะก้าวเข้าลิฟต์ แต่มือหนาจับข้อมือเธอไว้แน่น อีกมือก็กดลิฟต์ให้ปิดและเลื่อนขึ้นไปทันที
ใบหน้างามหันขวับมามองหน้าคนที่ถือวิสาสะหยาบคายกับเธออย่างไม่พอใจ ก่อนจะบิดข้อมือเพื่อให้หลุดจากมือหนา แต่ไม่หลุด มิหนำซ้ำยังถูกคนที่จับมือไว้ดึงตัวเข้าไปชิดตัวเขาและถามด้วยสีหน้าและท่าทางยียวน
“ผมจะจ้างคุณเป็นคู่ควง คิดเท่าไหร่”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่คุณคิด” พรีมาดาปฏิเสธทันควัน ทำให้ริมฝีปากหยักแย้มยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะถามกลับ
“แน่ใจหรือไม่ใช่”
คำถามนั้นทำให้ใบหน้างามเชิดขึ้นพลางมองคนตรงหน้าอย่างหยันก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงที่ไม่ต่างจากการมอง “หน้าตาคุณก็ดี แต่ทำไมวาจาและมารยาททรามจัง”
“ก็เหมาะกับผู้หญิงอย่างคุณไง หน้าตาก็ดี แต่อาจจะมีอะไรต่ำเหมือนกันก็ได้”
“อะไรที่คุณคิดว่าฉันต่ำ”
“จ้างผู้ชายกินเหล้า”
พูดจบพรตก็ปล่อยข้อมือ แล้วเดินห่างออกมาด้วยแววตาสาแก่ใจอะไรบางอย่างขณะที่มือก็กำแฟ้มที่ถืออยู่ไว้แน่น และคิดว่าในวันนี้เวลานี้เขาปล่อยมือจากเธอ แต่ในวันหน้าไม่ว่าเวลาไหน เธอก็ต้องเป็นฝ่ายมาหาเขา
ก้านสมองของพรีมาดาทำงานทันทีที่ถูกตอกหน้า ขณะที่สายตามองตามผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าโลกจะกลม พรหมลิขิตนำพามาให้พบกัน ทั้งๆที่ไม่น่าจะพบเจอ แต่ก็เจอ แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ เธอถามตัวเอง เพราะเขาพูดเหมือนตัวเองกำลังจะมีอำนาจทำอะไรสักอย่าง
********
นายริคาโดเข้ามายืนหมุนขวางอยู่ในห้องที่เขาคิดว่าจะเจอนายใหม่ของม็อตต้า แล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องที่มีคนจะให้คำตอบเขาได้ โดยไม่สนใจที่จะรอ หรือสงสัยว่าทำไมพรีมาดายังไม่ขึ้นมา เขาเคาะประตูพอเป็นพิธีแล้วเปิดเข้าไป เดินไปหยุดยืนหน้าโต๊ะ มองคนที่เขามาหา ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มตัวใหญ่ แต่หันหลังให้เขา ซึ่งเขาก็ไม่สนใจ ว่าคนที่นั่งอยู่จะใช่คนที่เขาต้องการคำตอบหรือไม่ นอกจากจะถามถึงเรื่องที่อยากจะรู้
“เขาอยู่ไหน”
“กลับไปแล้ว คุณมาช้าไป”
ริคาโดพ่นลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย แล้วถอยไปนั่งที่โซฟาหน้าโต๊ะทำงาน ยกขาขึ้นไขว้แบบสบายๆ กวาดตามองไปรอบห้องที่กว้างขวาง หรูหรา ด้วยของประดับมีราคา ก่อนจะตวัดสายตามาหยุดมองนาฬิกาทราย ที่วางอยู่บนโต๊ะ มองทรายที่ค่อยๆไหลลงมาเหมือนบางสิ่งที่เริ่มทำอยู่ พักหนึ่ง ก็ถามคนที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้ว่า
“เขาเป็นไงบ้าง ยอมรับข้อเสนอของเราไหม”
“ยังดูไม่ออก แต่คงไม่โง่ ให้เราสนสะพายง่ายๆหรอก”
“แล้วจะทำยังไงต่อ”
“ค่อยดูก็แล้วกัน”
คำตอบที่ไม่ได้ให้ความกระจ่าง ทำให้ริคาโดเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แต่ไม่ถาม เขายืดตัวลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง พร้อมรอยยิ้มหยันให้คนที่นั่งอยู่ พอเสียงประตูปิด เพียงอึดใจ คนที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้ก็หมุนเก้าอี้กลับมา สายตาจ้องประตูเหมือนมันคือคนที่เพิ่งออกไป
*********
พรตขับรถมาจอดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ซื้ออาหารประทังชีวิตไม่นานก็กลับออกมา เอาของใส่ท้ายรถแล้วขับตรงไปที่บ้านพักทันที ใช่เวลาไม่นาน ก็มาถึง เขาเปิดประตูลงจากรถ เดินมาที่ท้ายรถเพื่อเอาของที่ซื้อมา แต่จังหวะที่เขากำลังเปิดกระโปรงรถ ก็เห็นเงาที่จู่โจมเข้ามาทางข้างหลัง พรตเบี่ยงตัวหลบ แต่ไม่พ้นท่อนเหล็กที่ฟาดลงมาข้างกกหู
“ผลัวะ”
สมองเขามึนงง สายตาพร่ามองอะไรไม่ชัดแม้แต่หน้าของคนที่ทำร้ายเขา แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ที่ฝึกมา ทำให้เขารีบถอยห่าง ขณะที่ไอ้คนฟาด แสยะยิ้มออกมาอย่างสะใจ พลางกำท่อนเหล็กที่ถืออยู่ไว้แน่น เพื่อจะฟาดให้ตาย มันเดินหน้าเข้าไปหาร่างที่ถอยหนีอย่างสะเปะสะปะ แล้วยกท่อนเหล็กขึ้นจะฟาด แต่...
“ปัง” เสียงปืนที่ดังขึ้นพร้อมเสียงร้องของมัน “โอ๊ย” เพราะกระสุนเจาะเข้าที่มือมัน เจ็บจนต้องปล่อยท่อนเหล็กให้ร่วงลงพื้น และวิ่งหนี คนยิงขยับจะตามไป แต่คนที่เขามาช่วยได้ทันเวลา ล้มตึง จึงยอมให้มันหนีไปและรีบมาดูคนเจ็บ
เขากวาดตามองไปทั่วร่างสูงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบยกร่างนั้นขึ้นแบกเข้าบ้าน เพราะบาดแผลที่หัว มีเลือดไหลไม่หยุด เขาวางร่างสูงให้นอนบนโซฟาตัวยาว ก่อนจะผละไปหาเครื่องมือทำแผล ซึ่งก็ไม่ได้ยากสำหรับมืออาชีพอย่างเขา พอได้มา ก็รีบเอามาทำแผล เพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหลทันที เดชะบุญที่แผลไม่ได้ใหญ่ และไม่ได้เกินมือเขา ไม่งั้นคงต้องพาไปโรงพยาบาล
ทำแผลเสร็จแล้วเขาก็นั่งมองมองคนรูปหล่ออย่างครึ้มอกครึ้มใจ และดีใจที่ชายหนุ่มยังไม่ได้สติ เพราะไม่งั้นคงไม่มีโอกาสมองคนรูปหล่อบาดลึกไปทุกอณูหัวใจอย่างนี้ เขานั่งมองอยู่จนกระทั่ง ร่างสูงเริ่มรู้สึกตัว ก็เด้งตัวลุกขึ้นยืน เอามือมาจับไว้ข้างหน้า ท่าทางสงบนิ่งอย่างคนที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของนาย พลางทอดมองคนที่เริ่มได้สติ จนสายตาปรับรับภาพต่างๆได้แล้ว เขาก็ทักทายออกไป
“สวัสดีครับ” เสียงภาษาสากลที่ดังขึ้น ทำให้ดวงตาของพรตเลื่อนไปมอง ชายร่างสูง ตัวใหญ่ หัวเหม่ง วัยห่างจากเขาไม่มากเท่าไหร่ ยืนมองมาที่เขา แล้วแนะนำตัวเองออกมา “ผมไมค์ คุณจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า”
พรตหรี่ตาลงอย่างระวังและไม่ไว้ในคนที่ยืนอยู่ เพราะมันอาจจะเป็นคนที่ทำร้ายเขาก็ได้ “นายเป็นใคร”
“บอกไปคุณก็ไม่รู้จัก”
“แต่นายรู้จักฉัน”
เสียงถามและสายตาที่กระด้างขึ้นอย่าเอาเรื่อง ทำให้ไมค์กระดกลิ้นอย่างขัดใจเพราะมันกลบความหล่อที่เขาแอบชื่นชมมาเกือบชั่วโมง ก่อนจะยักไหล่เหมือนไม่สนใจ แล้วก็บอกว่า “ผมก็ไม่อยากรู้จักคุณเท่าไหร่ แต่เมื่อมันเป็นคำสั่ง ก็ต้องจำใจทำ”
“คำสั่งใคร”
**********
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ
มาทายกันซิว่า ....คำสั่งใคร
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2556, 17:59:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2556, 17:59:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 4792
<< ตอน 1 (ฉบับแก้ไข) | ตอน 3 >> |
konhin 8 ก.ค. 2556, 18:30:01 น.
ซวยเพราะสมบัติคนอื่นแท้ๆเฮ้อ
ซวยเพราะสมบัติคนอื่นแท้ๆเฮ้อ
Amarilys 8 ก.ค. 2556, 19:42:17 น.
ด่วนตัดสินนางเอกไปปะค้า
ด่วนตัดสินนางเอกไปปะค้า
sai 8 ก.ค. 2556, 20:36:59 น.
คำสั่ง พัชรรึปล่าวค่ะๆๆๆ
คำสั่ง พัชรรึปล่าวค่ะๆๆๆ
แว่นใส 8 ก.ค. 2556, 22:07:01 น.
น่านสิ คำสั่งใคร
น่านสิ คำสั่งใคร
nutcha 8 ก.ค. 2556, 22:34:14 น.
เป็นคำสั่งของพี่ชายที่รักน้องหรือเปล่านะ แต่ไมค์แอบอ่ะเปล่ามานั่งชื่นชมความหล่อพรต
เป็นคำสั่งของพี่ชายที่รักน้องหรือเปล่านะ แต่ไมค์แอบอ่ะเปล่ามานั่งชื่นชมความหล่อพรต
Zephyr 9 ก.ค. 2556, 00:10:30 น.
น่าสงสัยว่าจะเป็นคำสั่งพัชร
เอ หรือ อเล็กซ์ ตงิดๆว่าตายแปลกๆ อาจจะยังไม่ตายก็ได้นะ
อืม หรือญาติพี่น้องที่เกี่ยวดองกันมากมาย
น่าสงสัยว่าจะเป็นคำสั่งพัชร
เอ หรือ อเล็กซ์ ตงิดๆว่าตายแปลกๆ อาจจะยังไม่ตายก็ได้นะ
อืม หรือญาติพี่น้องที่เกี่ยวดองกันมากมาย
omelate 9 ก.ค. 2556, 09:06:44 น.
มีแอบชมความหล่อด้วยอะ อิอิ คู่แข่งนางเอก 55++
มีแอบชมความหล่อด้วยอะ อิอิ คู่แข่งนางเอก 55++
anOO 9 ก.ค. 2556, 14:34:17 น.
ไมค์เป็นเก้งกวางเหรอเนี้ย ว่าแต่ใครสั่งมานะ
ไมค์เป็นเก้งกวางเหรอเนี้ย ว่าแต่ใครสั่งมานะ
KaPoOk 10 ก.ค. 2556, 11:10:33 น.
เอ๊ะๆๆ ไมค์นี่ใช่คนของดีแลนด์กะมิลลี่รึป่าวเอ่ย
ถ้าใช่คงจะสนุกน่าดู อิอิ
เอ๊ะๆๆ ไมค์นี่ใช่คนของดีแลนด์กะมิลลี่รึป่าวเอ่ย
ถ้าใช่คงจะสนุกน่าดู อิอิ
pathamon 10 ก.ค. 2556, 16:31:23 น.
น่าจะใช่ไมค์ของดีแลนส์กะมิลลี่นะ เพราะดูจะชื่นชมหนุ่มรูปงามซะจริงๆ ^^
น่าจะใช่ไมค์ของดีแลนส์กะมิลลี่นะ เพราะดูจะชื่นชมหนุ่มรูปงามซะจริงๆ ^^
nunoi 13 ก.ค. 2556, 09:15:32 น.
คำสั่งใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ไมค์นี่จะเห็นนางเอกเป็นศัตรู หัวใจหรือเปล่า คริๆๆ
คำสั่งใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ไมค์นี่จะเห็นนางเอกเป็นศัตรู หัวใจหรือเปล่า คริๆๆ
CAMILLA 23 ก.ค. 2556, 21:40:33 น.
คุ้นๆชื่อไมค์เหมือนเป็นบอดี้กาดของใครนะ
คุ้นๆชื่อไมค์เหมือนเป็นบอดี้กาดของใครนะ
ผักหวาน 2 ต.ค. 2556, 21:48:14 น.
คำสั่งใครค๊า
คำสั่งใครค๊า
ป้าภา 15 พ.ย. 2556, 19:44:00 น.
อเล็กแน่เลย สงสัยวางแผนจับโจร ป้ารออ่านต่อนะ (ดีใจที่ได้เจอคนเขียนตัวเป็นๆ ในงานหนังสือยอมรับวันนั้นมึนๆ งง ถึงบ้านแล้วค่อยรู้สึกว่าทำไมชั้นไม่คุยมากกว่า หรือขอถ่ายรูป เซ็งเลย)
อเล็กแน่เลย สงสัยวางแผนจับโจร ป้ารออ่านต่อนะ (ดีใจที่ได้เจอคนเขียนตัวเป็นๆ ในงานหนังสือยอมรับวันนั้นมึนๆ งง ถึงบ้านแล้วค่อยรู้สึกว่าทำไมชั้นไม่คุยมากกว่า หรือขอถ่ายรูป เซ็งเลย)