น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 23. “รู้ไหม ทำไม ฉันถึงอยากช่วยหนู”

23.

ผลักประตู้ร้านหนิงหน่องแฮร์คัทเข้าไปแล้วน้ำผึ้งก็ยกมือไหว้คุณอี๊ดที่กำลังให้นัยนิตเซ็ทผม...

“ไหว้พระเถอะจ้ะ” เมื่อวันงานทำบุญคล้ายวันเกิดของคุณนายวรรณีมีการแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการแล้ว และพอรู้ว่าคุณอี๊ด วิภา กับคุณติ๋ว พิชญาเป็นใคร น้ำผึ้งก็รู้สึกเกร็งอยู่ไม่น้อย...เพราะถ้าทำให้คนสองคนนี้ถูกใจ ชีวิตมันก็มีสิ่งดี ๆ ให้ลุ้นอีกช่องทางหนึ่งเช่นกัน แต่น้ำผึ้งก็ไม่รู้จะทักทายหรือประจบประแจงคุณอี๊ดอย่างที่วรรณศุกร์แนะนำด้วยเรื่องอะไร

หลังจากที่คุณอี๊ดทักทายตอบใบหน้าของน้ำผึ้งจึงมีเพียงรอยยิ้มหวานเท่านั้น...แต่เหมือนคุณอี๊ดจะเมตตาน้ำผึ้งเป็นทุนเดิมจึงได้เป็นฝ่ายชวนคุยต่อ...

“ไปไหนมาเหงื่อโทรมกายเลย”

“วิ่งออกกำลังกายค่ะ” ด้วยไม่ได้แต่งหน้าทาปากเช่นที่คุณอี๊ดเห็นวันนั้น คุณอี๊ดจึงเพ่งพิศดูใบหน้าน้ำผึ้งจนเต็ม ๆ ตา...นัยนิตเองก็เหมือนจะให้ความร่วมมือ หญิงสาวหมุนเก้าอี้ทำผมให้คุณอี๊ดหันหน้ามาหาน้ำผึ้งที่ทรุดกายนั่งอยู่บนโซฟา และท่านั่งของน้ำผึ้งนั้น คชาพัฒน์ก็ย้ำซ้ำ ๆ ว่า ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่น ๆ นั่ง เฉย ๆ ก็ต้องฝึกตัวเองให้นั่งหลังตรงสุภาพ เรียบร้อย อ่อนหวาน มีความเป็นกุลสตรีอยู่ตลอดเวลา แม้จะทำได้ยากในตอนแรก แต่เมื่อจิตมันตระหนักว่ามันสำคัญ น้ำผึ้งก็ทำได้อย่างดูเป็นธรรมชาติเสียด้วย

“เห็นนัยนิจเขาว่าหนูจะไปขึ้นเวทีธิดาน้อยหน่า”

“ค่ะ...”

“ให้ได้ตำแหน่งกลับมาอีกนะ...สองเวทีซ้อน รับรองเลยว่าดังแน่ ๆ”

“ก็เผื่อใจไว้ว่าจะต้องผิดหวังด้วยค่ะ...”

“ก็ดี...คนเราถ้ารู้จักผิดหวังรู้จักคำว่าแพ้ได้ ชีวิตก็มีความสุขได้”

“เกมการแข่งกันมันก็ย่อมมีแพ้มีชนะค่ะ...เราชนะเราก็ดีใจ เราแพ้เราก็เสียใจ แต่ผึ้งจะไม่เสียใจเลยหากว่าเมื่อตอนลงแข่งขัน ผึ้งได้ทำเต็มความสามารถแล้ว”

“เยี่ยม”

น้ำผึ้งอมยิ้มเมื่อถูกชม...

“ตอนเล่นวอลเลย์บอลโค้ชสอนไว้แบบนี้ค่ะ” น้ำผึ้งยกความดีนั้นให้กับอาจารย์หนุ่มที่เคยเป็นโค้ช

“ข้อดีของคนเล่นกีฬาเป็นทีมคือจะสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ จริงไหม”

“น่าจะมีส่วนค่ะ”

“ฟังจากที่นัยนิตเล่าแล้ว คชาพัฒน์มีลุ้นกับน้ำผึ้งคนนี้เป็นอย่างมากเลยนะ...อย่างไร ก็อดทนอีกนิด ฉันมั่นใจว่า หลังจากจบเวทียอดพธูไทยแล้ว
ชีวิตของหนูจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”

ลูกนัยน์ตาของน้ำผึ้งเต้นระริกเพราะรู้สึกปลาบปลื้มใจกับความปรารถนาดีที่คนอื่นมีให้...

“รู้ไหม ทำไม ฉันถึงอยากช่วยหนู”

น้ำผึ้งส่ายหน้าเบา ๆ...ทั้งที่รู้พอจะเดาคำตอบได้

“เพราะหนูเป็นเด็กที่มีความกตัญญูไง คนมีความกตัญญูต่อบุพการี ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ขอให้หนูรักษาคุณธรรมข้อนี้ไว้เถอะ”

น้ำผึ้งยกมือพนมแล้วค้อมศีรษะลง หยดน้ำตารินร่วงเปื้อนแก้มเพราะซาบซึ้งใจกับถ้อยคำนั้น

“ฉันเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวของฉันนะ...”

“ขอบคุณค่ะ”

“แต่ว่าไปแล้วฉันก็อยากได้หนูไปเป็นลูกสาวอีกคนเหมือนกัน”

ใบหน้าของน้ำผึ้งฉายความฉงนใจกับประโยคนั้น...

“ลูกชายคนเล็กฉันเรียนปริญญาตรีปีสุดท้ายอยู่ที่ออสเตรเลีย ฉันว่าถ้าเขาเห็นหนูเขาจะต้องชอบเหมือนกับที่ฉันเห็น” พอคุณอี๊ดเอ่ยมาแบบนี้นัยนิตจึงเหลือบตามองดูสีหน้าของน้ำผึ้ง...

น้ำผึ้งยิ้มแหย ๆ ทันทีเมื่อถูกคุณอี๊ดจีบแทนลูกชาย...ซึ่งนัยนิจรู้สึกพอตาพอใจกับการที่น้ำผึ้งไม่ได้ปั้นหน้าระริกระรี้แสดงความยินดีเมื่อมีผู้ใหญ่มาพูดจาทาบทามจีบแทนลูกชายซึ่งเปอร์เซ็นลงเอยกันนั้นมีน้อยมาก

“หนูยังไม่มีใครใช่ไหม”

“ผึ้งยังเด็กค่ะ”

“ลูกชายฉันชื่อเติ้ล ฉันมีลูก สี่คน คุณติ๋วเป็นลูกสาวคนที่สอง มีพี่ชายเป็นนายทหาร แฟนเขาที่เขาแต่งงานด้วยก็เพื่อนพี่ชายคนโต ชื่อผู้กองโต...แล้วก็มีลูกสาวอีกคนรองคุณติ๋ว ชื่อต๋อม...โต ติ๋ว ต๋อม เติ้ล ต๋อมเขาทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง”

“ค่ะ” พอคุณอี๊ดเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองยืดยาวน้ำผึ้งก็ได้แต่ปั้นหน้าให้สดชื่นรับฟังอย่างตั้งใจ

“คุณต๋อมเขาเห็นรูปหนูเหมือนกันนะ...เขาอยู่ฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทตัวแทนจัดจำหน่ายแห่งหนึ่ง...หนูมีลุ้นจะได้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้านะ”

น้ำผึ้งใจเต้นแรงไม่คิดว่า ชีวิตจะมีเรื่องราวดีๆ เข้ามามากมายถึงเพียงนี้...แต่อีกใจน้ำผึ้งก็รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันยังอยู่ในรูปของคำว่า ‘โครงการ’ ทั้นนั้นเลย...‘ทำวันนี้ให้ดีที่สุด’ น้ำผึ้งพยายามระงับความตื่นเต้นไม่ให้ออกมามากมายทางสีหน้า...

“หนูไม่ดีใจตื่นเต้นบ้างเลยเหรอ”

“ดีใจค่ะ”

“เห็นนั่งฟังเฉย”

“เอ่อ...” น้ำผึ้งยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถามว่า “แล้วจะให้ผึ้งทำอย่างไรล่ะคะ”

“ก็น่าจะแสดงความดีใจมากกว่านี้หน่อยให้ฉันรู้สึกดีใจที่ได้บอกเธอไป”

“มันยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ นี่ค่ะ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ อย่างตอนที่ผึ้งไปคว้าตำแหน่งธิดากระท้อนหวานแบบนั้น ผึ้งถึงจะดีใจอย่างออกนอกหน้าได้ค่ะ”

“จะหาว่าฉันมาขายฝันใช่ไหม”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ...ผึ้งรู้ว่าคุณอี๊ดพูดจริง แต่ผึ้งคิดว่าคนเราควรมีสติเมื่อรับฟังเรื่องราวดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เ พราะถ้าผึ้งดีใจแล้วร้องวี๊ดว๊ายกระตู้ฮู้ไป หากมันไม่เป็นเรื่องจริง ผึ้งก็จะขายหน้าคนอื่นเขาได้”

“เยี่ยม...ตอบได้ดีนะ นี่ถ้าฉันเป็นคณะกรรมการฉันโยนมงกุฎให้เธอเลยทีเดียว...”

“คุยอะไรกันเหรอ” คชาพัฒน์ที่หลับในตอนเย็น เปิดประตูเดินลงมาจากชั้นบน ร้องถามเมื่อเห็นว่าน้ำผึ้งกับคุณอี๊ดคุยกันดูจะมีรสชาติ

“สวัสดีครับพี่อี๊ด”

“ดีจ้ะหน่อง นัยนิตบอกว่าเธอหลับพี่ก็เลยไม่ได้ให้ไปปลุก”

คชาพัฒน์เดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างน้ำผึ้ง

“ช่วงนี้หน่อง นั่งดูประกวดนางงามย้อนหลังเยอะฮะ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย...แล้วก็ต้องจดคำถาม คำตอบ มาให้น้ำผึ้งเขาดูว่า ถ้าเป็นเขาได้คำถามนั้นจะตอบอย่างไร”

“ทุ่มเทให้กับงานจริง ๆ เลย”

“เมื่ออยากประสบความสำเร็จมันก็ต้องทุ่มเทครับ แล้วเวลาของหน่องกับผึ้งก็มีน้อยแล้วด้วย”

“ตอบได้ดีเช่นกัน”

“ถ้าน้ำผึ้งเป็นนักมวย หน่องอาจจะตั้งชื่อเขาว่า น้ำผึ้ง ศิษย์หนิงหน่อง ฮะ”

“ตลกดีนะ”

“หลับตานิดค่ะจะพ่นสเปย์” นอกจากจะใช้หน้ากากครอบหน้าที่แต่งอย่างดีแล้วนัยนิตยังต้องบอกให้ลูกค้ารู้ตัวเพราะถ้าสเปย์เข้าตามันอันตราย

“จะไปงานไหนหรือครับ แต่งหน้าทำผมเสียสวยเลย” เมื่อเห็นว่านัยนิตพ่นสเปย์เสร็จแล้วคชาพัฒน์จึงเอ่ยปากถาม

“ไปงานเลี้ยงที่นครนายกจ้ะ”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” นัยนิตบอกพลางหมุนเก้าอี้กลับไปให้คุณอี๊ดดูใบหน้าและทรงผมของตัวเองในกระจกเงาและสีหน้าแววตาของคุณอี๊ดดูพอใจกับฝีมือของนัยนิตเป็นอย่างมาก

“ขับรถไปคนเดียวเหรอครับ” แม้คุณอี๊ดจะให้ความสนิทสนมเป็นกันเองมากขึ้นแต่คชาพัฒน์ก็ไม่กล้าละลาบละล้วงเรื่องราวในครอบครัวมากไปกว่าที่เจ้าตัวบอกเล่าให้รับรู้

“ไปกับพ่อของเด็ก ๆ น่ะ”

“ไม่เห็นมาด้วยกันสักที”

“ท่านไม่มาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้หรอก เดี๋ยวพอขับรถกลับไปรีสอร์ตท่านก็จะมารับ...”
คำว่า ‘ท่าน’ นั้นทำให้สะกิดใจคชาพัฒน์แต่เขาก็ไม่กล้าซักไซ้ต่อไปว่า ท่านนั้นทำงานอะไร ถึงได้เรียกว่าท่าน แต่ว่าคนมีเงินมาสร้างรีสอร์ตราคาหลายสิบล้านได้มีรถราคาล้านขับ มีลูกสาวทำงานในบริษัทผลิตละครคงจะมีฐานะทางสังคมพอตัวอยู่เหมือนกัน

“หวานจังเลย” คชาพัฒน์ชมกับความสัมพันธ์นั้นเสีย

“ก็...พอมีเทคนิคมัดใจสามีอยู่บ้าง”

น้ำผึ้งนิ่งฟัง...

“อยากรู้ไหมน้ำผึ้ง”

“ถ้าจะเล่าให้รับรู้ไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องดีค่ะ”

“เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย แล้วก็สวยให้พอดี อย่าให้มากเกินไป น้อยเกินไป แล้วก็ปล่อยให้มีช่องว่าง ระยะห่างในความสัมพันธ์บ้าง แต่ก็อย่าปล่อยปละละเลย...แต่ของแบบนี้นะ มันพูดยาก ฉันเป็นคนวาสนาดีด้วยหรือเปล่าไม่รู้นะ เจอลูกดีผัวดีก็เลยไม่ทุกข์กับเรื่องบ้านเล็กบ้านน้อย”
คุณอี๊ดเล่ายังไม่ทันจบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือที่วางไว้หน้าเคาน์เตอร์ก็ดังขัดจังหวะ...

“สงสัยจะโทรตามแล้ว...เห็นทีต้องขอตัว”

นัยนิตคว้ากระเป๋าถือมาส่งให้คุณอี๊ดหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ...วางโทรศัพท์แล้วคุณอี๊ดก็จ่ายเงินและก็ขอตัวกลับบ้าน...



หลังจากรอให้คุณอี๊ดขับรถออกไปจนลับตาแล้วคชาพัฒน์ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันมาหาน้ำผึ้งที่ยืนสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ข้าง ๆ ตน

“คุณอี๊ดคุยอะไรด้วยบ้าง”

“ก็...พูดเรื่องครอบครัว” แล้วน้ำผึ้งก็บอกเล่าบทสนทนาก่อนหน้านั้นอย่างสรุป ๆ ให้คชาพัฒน์รับรู้...

“ว้าวววววววว......ไม่ได้การณ์แล้ว เดี๋ยวขอต่อสายหาคุณศุกร์เดี๋ยวนะ”
คชาพัฒน์ดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออกทันที...

“คุณศุกร์ฮะ รบกวนขอข้อมูลอะไรหน่อย หน่องอยากรู้ว่าสามีคุณอี๊ดทำงานอะไร”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะเป็นข้าราชการระดับสูงนะ...ไม่เคยถามติ๋วเขาสักที สมัยเรียนติ๋วเขาก็ขับรถมาเอง มีอะไรหรือ”

“เอ่อ...เขาจีบ ๆ น้ำผึ้งให้ลูกชายคนเล็กเขานะครับ ที่ชื่อเติ้ล” คชาพัฒน์ยังเล่าอีกยืดยาว

“จริง ๆ เหรอ”

“ผึ้งนี่เฮงเป็นบ้าเลย หน่องว่า ยอดพธูไทย คงไม่พลาดแน่ ๆ”

“ก็ดี...จะได้สบายกันทั้งเขาและหน่อง...”

“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นแหละฮะ...อ้อ แล้ว คืนวันที่น้ำผึ้งจะไปประกวดธิดาน้อยหน่าคุณศุกร์จะไปเชียร์น้ำผึ้งด้วยกันอีกไหม”

“คงไม่ได้ไปหรอก ผมต้องเข้ากรุงเทพฯ ไปดูคอนเสิร์ตกับภัทครับ”

“ว้า...”

“ครั้งที่สองแล้ว คงไม่ต้องการกำลังใจแล้วมั้ง”

“ถ้าเป็นกำลังใจจากคุณศุกร์ผึ้งเขาอยากได้ตลอดแหละครับ” คชาพัฒน์เผลอปากออกไป...

“ครับ...ฝากอวยพรเขาด้วยแล้วกัน...ขอให้โชคดีขอให้ผ่านฉลุยเหมือนครั้งแรกครับ”

“ทำอย่างกับว่าจะไม่ได้เจอผึ้งก่อนผึ้งจะไป เหลืออีกต้องหลายวัน”

“วันนี้ผมก็เจอเขาที่ตลาด...เห็นว่าคุณอี๊ดมาเลยบอกให้เขารีบกลับมาที่ร้าน...แล้วก็ได้เรื่องจริง ๆ”

“แล้วรู้จักคุณเติ้ลนี่อะไรไหมฮะ”

“ไม่รู้จักหรอก รุ่นน้องหลายปี”

“ฮะ งั้นหน่องไม่รบกวนแล้ว อย่างไรก็มีโอกาสก็โทรไปคุยกับคุณติ๋วเชียร์น้ำผึ้งให้หน่อยนะฮะ”

“ได้ ๆ”

วางสายลงแล้วคชาพัฒน์ก็มองหน้าน้ำผึ้งที่เสมองไปทางอื่นทั้งที่หูนั้นเงี่ยฟังบทสนทนาอยู่...

“ผึ้ง...ถามอะไรหน่อยซิ”

น้ำผึ้งหันมาสบตาคชาพัฒน์

“ผึ้งรู้สึกอย่างไรกับคุณศุกร์”

พอได้ยินคำถามน้ำผึ้งกลอกตาไปมาเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ...

“โอเค พี่พอรู้ เพราะถ้าพี่เป็นเธอพี่ก็คงชอบเขาอยู่หรอก”

“มันก็คงไม่แตกต่างกับที่พี่ประทินมีใจให้พี่นิตหรอกใช่ไหมคะพี่หน่อง” น้ำผึ้งพูดให้คชาพัฒน์ได้คิดขยายคำตอบนั้นเสียเอง

“บ้า ของพี่กับทิน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ก็แค่สนุก ๆ ไปวัน ๆ ส่วนของผึ้ง ไม่แน่นะ ปาฏิหาริย์อาจจะมีจริงก็ได้.....”

น้ำผึ้งถอนหายใจแรง ๆ ตัดบท ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้าน.....มีคนรู้ว่าเธอชอบคุณศุกร์ก็ดี แต่ถ้ารู้ว่าเธอชอบคุณศุกร์มากแค่ไหนคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ.....



วางสายลงแล้ววรรณศุกร์ก็ถอนหายใจออกอย่างแรง...บอกตนเองไม่ได้ว่าอยู่ ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ที่แจ่มใสอยู่นั้น เกิดหน่วง ๆ ขึ้นมาได้อย่างไร...

“เงียบไป” ข้อความสนทนาจากโปรแกรมเฟสบุ๊คจากภัทรินดังออกมา วรรณศุกร์หมุนเก้าอี้หันกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็พิมพ์กลับไปว่า

“ภัทครับ ผมขอตัวลงไปกินข้าวเย็นก่อนนะ”

“ค่ะ” ภัทรินพิมพ์ข้อความตอบกลับมา...

เมื่อตัดบทการสนทนากันแล้ววรรณศุกร์ก็ไม่ได้ลงไปกินข้าวอย่างที่ได้บอกกับภัทรินไว้ เขาคลิ๊กภาพดูอัลบั้มทำบุญคล้ายวันเกิดของแม่ ซึ่งอัลบั้มนี้เขายังไม่ได้เลือกรูปของน้ำผึ้งไปให้คชาพัฒน์เก็บไว้...เขาจึงนั่งเลือกรูปโดยเขียนชื่ออัลบั้มไว้ว่า ‘nampung’ และเมื่อเลือกเสร็จแล้วเขาก็คลิ๊กพิจารณาดูรูปน้ำผึ้งอย่างตั้งใจอีกรอบ...โดยใจนั้นก็คิดว่า ฝีมือวิธิตนั้นใช้ได้ทีเดียว รูปใบหน้าของน้ำผึ้งตอนที่ตีขิมสวยมาก...
หน้าผาก ไรผม คิ้ว ดวงตา จมูก ริมฝีปาก ช่างเหมาะเจาะลงตัวอ่อนหวานแต่ก็แฝงความมุ่งมั่นทะนง
ตัว

“แล้วไอ้เติ้ลนั่นมันเป็นคนอย่างไรนะ”...วรรณศุกร์เปรยออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกเป็นห่วงน้ำผึ้งขึ้นมา
และในโลกโซเซียลเน็ตเวิร์คนี้คงไม่ยากที่จะหาข้อมูล...วรรณศุกร์เข้าไปที่หน้าเพจของพิชญา คลิ๊กดูรูปถ่ายของพิชญาเพื่อจะดูว่ามีหนุ่มคนไหนบ้างที่น่าจะเป็นน้องชายที่ชื่อนายเติ้ล...

และเขาก็เห็นรูปครอบครัวของพิชญา น่าจะเป็นเมื่องานวันเกิดของใครสักคน...หน้าตาของนายเติ้ลใช้ได้ทีเดียว...แต่ว่าคนหน้าตาดี ๆ แบบนี้ โปรไฟล์ดีๆ แบบนี้จะไม่มีแฟนแล้วรึ...เรื่องที่แม่ของติ๋วเอามาเปรยๆ กับน้ำผึ้งคงเป็นเรื่องหยอกล้อเสียมากกว่า...
วรรณศุกร์เลื่อนเม้าท์กะจะปิดหน้าต่างโปรแกรมเฟสบุ๊ค แต่ว่าก็เสียงของข้อความดังเข้ามา...

“พี่วันศุกร์” เป็นข้อความจากพิชญา

“ครับติ๋ว มีอะไรครับ”

“ละครของอีกค่ายหนึ่งน่ะ มีบทที่นางเอกตีขิมด้วยค่ะ”

“แล้วไง”

“คือ อยากได้น้ำผึ้งไปเป็นแฮนด์สแตนอินนะคะ ถ่ายเฉพาะช่วงมือตอนตีขิมเป็นใช้มือน้ำผึ้งเป็นสแตนอินแทนนางเอกเท่านั้น”

“แล้วเขาไม่มีคนอื่นเหรอ”

“มีค่ะ แต่ติ๋วอยากให้ผึ้งชินกับกล้องแล้วก็ไปเห็นระบบงานในกองถ่ายไว้ก่อนก็เลยรับปากกับเพื่อนไว้ เขาจะถ่ายกันที่กรุงเทพ วันพฤหัสบดีนี้”

“เห็นว่าวันเสาร์เขาจะไปขึ้นเวทีที่ปากช่องนะ”

“เหรอ...ว้า ทำไงดี”

“โทรหาหน่องเขาซิ ให้เขาตัดสินใจ แต่วันเปิดเรียนเขาจะไปได้เหรอติ๋ว”

“ลาเอาซิคะ โรงเรียนสมัยนี้เข้าใจเด็ก ๆ ค่ะว่าต้องทำงานหารายได้พิเศษ แล้ว อีกอย่างมันเป็นโอกาสอันดีของผึ้งด้วยนะคะ อยากให้ผึ้งไปมาก ๆ”

“เมื่อกี้เห็นหน่องบอกว่าคุณแม่ของติ๋วอยากได้ผึ้งไปเป็นสะใภ้ด้วยนี่”

“แม่ชอบน้ำผึ้งมากค่ะ บอกให้ติ๋วช่วยหางานให้ บอกให้ติ๋วช่วยน้องให้เต็มที่ ไม่คิดว่าจะอยากได้ไปเป็นสะใภ้ด้วยนะคะเนี่ย ข่าวใหม่ ๆ ติ้วก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะคะ...”

“แล้ว น้องผึ้งเขาไม่มีแฟนเหรอ”

“เติ้ลนะเหรอคะ เขาอาร์ท หลุด ๆ โลกหน่อย แม่เขาเป็นห่วงค่ะ กลัวจะบ้างานจนไม่สนใจใคร เขาเรียนเกี่ยวกับการผลิตรายการโทรทัศน์นี่
แหละค่ะ”

“เสริมส่งกันดีจังเลยนะ อนาคตจะเป็นผู้จัดเองด้วยหรือเปล่า”

“ก็ไม่แน่ค่ะ ต้องหาประสบการณ์ไปก่อนค่ะ อีกอย่างก็อยากมีลูกแล้วด้วยค่ะ แต่ผู้กองยังมีภารกิจเพื่อชาติอยู่ก็เลยขออีกสักพักค่ะ...”

“ครับ”

“ขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวขอโทรหาหน่องก่อน อ้อ เติ้ลเขาไม่มีแฟนค่ะ เป็นโสด...”

“แล้ว ทางบ้านติ๋วไม่สนใจเรื่องฐานะเหรอ ขอโทษนะที่ต้องถามตรง ๆ”

“คุณพ่อติ๋วก็ลูกแม่ค้าค่ะ คุณแม่มีเชื้อเถาหน่อย ถ้าสนใจเรื่องฐานะ คุณพ่อคงไม่ได้เด็ดดอกฟ้าหรอกค่ะ...และยิ่งคุณแม่ชอบด้วยแบบนี้ ยิ่งไม่มีปัญหาค่ะ...”

“พ่อติ๋วทำงานอะไรครับ ขอถามอีกนิด” ที่ถามเพราะอยากได้คำตอบไปให้คชาพัฒน์

“ถามได้ค่ะ พ่อติ๋วรับราชการค่ะใกล้เกษียณอายุแล้วค่ะ คุณแม่ก็เป็นแม่บ้าน แล้วก็เก็บผลประโยชน์จากพวกตึกแถวให้เช่าอะไรแบบนี้แหละค่ะ น่าจะมีเงินน้อยกว่าทางบ้านพี่ศุกร์นะคะ คริคริ”

“ไม่พูดด้วยแล้ว ไปไหนก็ไปเลย”

“ไม่กวนแล้วค่ะ...บายค่ะ”

กดปิดหน้าต่างโปรแกรมแล้ววรรณศุกร์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เพราะทั้งดีใจและหวั่นใจกับชีวิตของน้ำผึ้ง...น้ำผึ้งบ้านไพร...


“ทำไมวันนี้ลงมาช้าจัง” ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ร้องถามเมื่อลูกชาย เดินลงมาจากชั้นบนแล้วเดินไปยังโต๊ะอาหาร

“ขอโทษครับ มัวคุยกับติ๋วอยู่...เรื่องน้ำผึ้งนะแม่...”

พอลูกชายลงมาประจำที่นั่ง คุณนายวรรณีก็ลุกเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่หัวโต๊ะ วรรณศุกร์เปิดฝาชามตักข้าวให้แม่แล้วก็รินน้ำจากเหยือกลงแก้วให้ คุณนายวรรณีนั้นไม่ชอบกินน้ำเย็น จึงมีเหยือกน้ำเย็นสำหรับเขาอีกเหยือก

“เรื่องน้ำผึ้ง...มีอะไรเหรอ”

“ติ๋วเขาหางานให้ผึ้งนะครับ” แล้ววรรณศุกร์ก็เล่าไปอย่างยืดยาวรวมถึงเรื่องที่คุณอี๊ดจีบน้ำผึ้งให้ลูกชายคนเล็กด้วย

“คุณอี๊ดตาถึง...เพราะใครได้ผึ้งไปเป็นลูกสะใภ้นับว่าเป็นโชคดี”

“ครับ...”

“ว่าไปแม่ก็อยากโชคดีเหมือนกันนะ”

“วันนี้แกงเขียวหวานอร่อยนะครับ...” วรรณศุกร์รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเหมือนทุก ๆ ครั้งที่แม่พูดเรื่องสาว ๆ แต่ว่าใจของเขานั้นกับกระตุกวูบขึ้นมาผิดกับทุกครั้งที่สามารถเลี่ยงหลบการจับคู่ของแม่ได้...

“ฝีมือป้าสำรวยเขานะ เขาทำแล้วตักมาให้...” เมื่อแย๊บไปแล้วคุณนายวรรณีก็ถือว่าแล้วไป...มีโอกาสอีกเมื่อไหร่ก็พร้อมจะแย้มออกมาให้ลูกชายรับรู้ วรรณศุกร์เองก็ยุติการสนทนาแล้วเคี้ยวข้าวไปพลางฟังเสียงโทรทัศน์ไป...กระทั่งผู้เป็นแม่เริ่มต้นชวนคุยอีกครั้ง

“วันนี้แม่อยากฟังเปียโน เล่นเพลงเสน่หาให้แม่ฟังได้ไหม”




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2556, 09:10:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2556, 09:10:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1777





<< 22. “พี่หน่องจะหาคนที่ใจถึงกว่าผึ้งก็ได้นะคะ”   24. “เสียดาย ไม่ได้ไปให้กำลังใจ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 10 ก.ค. 2556, 09:10:45 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะฮ้า... (ขอโทษที่ต้องให้เดากันต่อไป)


เดิมเดิม 10 ก.ค. 2556, 09:24:26 น.
มาอีก 1 หนุ่มให้น้ำผึ้งอีกแล้ว


mottanoy 10 ก.ค. 2556, 09:50:16 น.
อืม รักพี่เสียดายน้อง


คิมหันตุ์ 10 ก.ค. 2556, 10:06:13 น.
โอ่ตายๆ ยังไม่จบมอหกนี่มีแต่คนเล็งผึ้งให้เป็นศรีสะใภ้ ห้าห้า


nunoi 10 ก.ค. 2556, 10:51:11 น.
เสน่ห์แรงจริงๆ หนูน้ำผึ้ง


Zephyr 11 ก.ค. 2556, 16:30:35 น.
โห ป๊อบจริงไรจริง มีแต่่แม่ๆจีบให้ทั้งนั้น หุหุ
มีคนนึงคราวพ่อจีบเอง ฮ่าๆๆ ดูท่าจะป๊อบในวัยใกล้เกษียณนะผึ้ง


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:26:25 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account