นิยามรักหัวใจร็อค ภาค 2 (นิยามรักของเจ้าชายเย็นชา)
เรื่องราวของอีริค หนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ ที่แสนจะเงียบขรึม คนที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานดนตรีของ Evasion ผู้มีความหลังอันลึกลับ และขมขื่น ....
Tags: สิรินดา, นิยามรัก, หัวใจร็อค, แจ่มใส, ภาค 2,นิยาย, sirinda, jamsai, novels, love story, อีริค
ตอน: 39 : บทสุดท้ายของเจ้าชายเย็นชา (02)
สินธรก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับรมิดา มันทำให้เธอหัวเราะเบาๆ และพยักหน้า จากนั้น ก็ส่งมือให้นายตำรวจหนุ่มจูงไปที่บริเวณด้านหน้าห้องจัดเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ตกแต่งไว้เป็นส่วนที่รับแขกที่เข้ามาร่วมงาน ภาพถ่ายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในบรรยากาศสบายๆ ใช้สถานที่เป็นบ้านสวนเรือนไทยของปฐพีถูกจัดแต่งไปรอบๆ บริเวณ พร้อมกับซุ้มดอกไม้ น้ำแข็งแกะสลัก โดยอีกด้านหนึ่งเป็นโต๊ะรับของขวัญและลงนาม
ก่อนเวลาเริ่มงานเลี้ยงราวหนึ่งชั่วโมง สินธรพบว่าแขกที่มาในงานมีมากเกินกว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคาดไว้มาก โดยเฉพาะญาติฝ่ายของเจ้าสาว ซึ่งแต่เดิม วันวิสาข์คิดว่าจะไม่สนใจร่วมงาน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างนายดิเรกและน้องชายก่อนหน้านี้ แต่หลังจากคดีของนายดิเรกได้รับการคลี่คลายว่าเขาไม่ได้ฆาตกรรมน้องชาย เป็นเพียงแพะรับบาปเรื่องร่าวทั้งหมด ความตึงเครียดบาดหมางในหมู่เครือญาติก็ลดลง ยิ่งพอได้ข่าวว่าวันวิสาข์จะแต่งงานกับนักลงทุนหนุ่มที่มีอนาคตไกล เป็นที่รู้จักดีในวงการการลงทุนของกลุ่มที่ลงทุนกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งทำให้เครือญาติหันมาสนใจมาร่วมงานมากขึ้น
ห้องจัดเลี้ยงที่จัดไว้เพียงไม่กี่โต๊ะต้องขยายโดยด่วน มีการจัดโต๊ะบางส่วนเพิ่มมายังระเบียง และโถงด้านนอก สินธรและรมิดาในฐานะของญาติสนิทฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจึงต้องออกไปรับหน้าแขกส่วนที่มาก่อนเวลา และขอโทษในความไม่สะดวกแทนคู่บ่าวสาวซึ่งยังเตรียมตัวไม่เรียบร้อย
"วันนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ" สินธรก้มลงกระซิบข้างหูของหญิงสาวข้างตัวเมื่อสบจังหวะ
รมิดาหันกลับมาเงยหน้ามองชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับเจ้าบ่าวราวกับคนคนเดียวกัน ยกเว้นแววตาขี้เล่นร่าเริงกว่า ถ้าไม่ได้สินธรซึ่งมีความคล่องแคล่ว ตัดสินใจอะไรรวดเร็วทันใจ งานเลี้ยงฉลองแต่งงานวันนี้คงไม่ราบรื่นรวดเร็วได้ขนาดนี้
สินธรคิดว่าเธอเหนื่อยเพราะการต้อนรับแขก เธอก็จะปล่อยให้เขาคิดแบบนั้น
"ค่ะ" รมิดายิ้มรับ "ตื่นแต่เช้า เลยออกจะรู้สึกเพลียอยู่บ้าง คุณสินก็เหนื่อยแย่เหมือนกัน"
"ผมวิ่งจับคนร้ายเหนื่อยกว่านี้เยอะ ว่าแต่คุณหาอะไรทานบ้างหรือยังครับ เดี๋ยวผมสั่งน้ำส้ม หรือน้ำหวานเย็นๆ ให้แก้วหนึ่งดีกว่า คุณจะได้สดชื่นขึ้นหน่อย"
หญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ปล่อยให้สินธรหันไปเรียกเจ้าหน้าที่โรงแรมที่อยู่แถวนั้น แล้วสั่งเครื่องดื่มสำหรับหญิงสาวข้างกายและตนเอง
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ แขกเพิ่มโดยไม่ได้เตรียมตัวกันเลย ญาติของฉันทั้งนั้น"
"โธ่ คุณเครียดเรื่องนี้เองเหรอคุณฝน ไม่เป็นไรหรอกครับ เจ้าดินมันมีเงินจ่าย เพื่อคุณสาล่ะก้อ เท่าไหนเท่ากัน จะเช่าพื้นที่ทั้งโรงแรมมันยังยอมเลย เชื่อผมเถอะ" สินธรพูดติดตลก นั่นทำให้รมิดายิ้มออกมาได้
"ไม่ต้องเครียดครับ อยากพักหรือเปล่า เดี๋ยวผมรับแขกไปก่อนก็ได้"
"ไม่เป็นไรค่ะ ได้ ยังไหวอยู่ อีกสักพักเจ้าบ่าวเจ้าสาวคงออกมารับแขกแล้ว"
..............
วันวิสาข์สำรวจตัวเองหน้ากระจกเป็นครั้งสุดท้าย อีกไม่ถึงห้านาทีเธอกับเจ้าบ่าวจะต้องลงไปรับแขกแล้ว เธอมองตัวเองในกระจกแล้วส่งย้ิมให้คนในภาพสะท้อน ร่างระหงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวงาช้างเรียบแต่หรูปลายชุดยาวระพื้นประดับด้วยมุกเม็ดเล็กจิ่วเป็นระยะๆ ช่วยเพิ่มความสง่าให้กับคนใส่ ไหล่บางเปลือยให้เห็นผิวนวลละเอียด ทรงผมที่เกล้าเรียบๆ ปล่อยปอยผมไล่ระลงมาที่ไหล่ และแซมด้วยดอกไม้คริสตัลสีขาวเล็กๆ เป็นระยะๆ พองาม ทั้งหมดนี่งามราวภาพในนิตยสารที่เธอเคยเปิดดูและฝันเล่นๆ ว่าอยากใส่ชุดแบบนี้สักครั้งในชีวิต
"สวย...จนไม่อยากให้คุณออกไปให้ใครเห็น"
คนฟังสะดุ้ง เพราะเสียงทุ้มที่มาจากด้านหลัง
"คุณดิน ตกใจหมดเลย มาเงียบๆ"
เจ้าบ่าวอยู่ในชุดสูทสีเทาสุดเนี๊ยบยืนอมยิ้มอยู่ ทั้งๆ ที่หญิงสาวเคยเห็นเข้าในชุดสูทที่เป็นทางการบ่อยครั้ง เพราะระยะหลังทำงานร่วมกันหลายเรื่อง แต่สูทชุดนี้ตัดเป็นพิเศษเพื่องานนี้ ช่างพิถีพิถันกับคัทติ้งมากๆ จนทำให้มันดูเนี้ยบ และช่วยเสริมให้ไหล่กว้าง ร่างสูงนั้นดูโดดเด่นกว่าเดิมหลายเท่านัก อีกทั้งแววตาที่ส่งมาบอกความหมายย้ำความหมายของคำพูด นั่นทำให้ หญิงสาวต้องรีบหลบสายตา ทำเป็นจัดชุดให้เรียบร้อย
"ได้เวลาลงไปข้างแล้วใช้ไหมคะ" คนพูดเสไปหันกลับไปมองกระจกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เตรียมตัวก้าวออกจากห้อง
"เดี๋ยวสิ" มือหนารั้งต้นแขนเปลือยของเจ้าสาวไว้ แววตาของเจ้าสาวเงยขึ้นสบตากับเจ้าบ่าว
"อะไรคะ"
"ผมอุตส่าห์หาทางไล่ช่างแต่งตัว และผู้ช่วยทุกคนของคุณออกจากห้องนี้" ร่างสูงดึงวันวิสาข์เข้าหาตัว "ขอกอดเจ้าสาวก่อนลงไปวุ่นวายข้างล่างหน่อยเถอะ" พูดจบเขาก็รั้งร่างบางชิดอก และสวมกอดเธอจากด้านหลังอย่างนุ่มนวล อบอุ่น พร้อมกับเสียงถอนหายใจดังๆ
"อยากจูบคุณจัง...ถ้าไม่กล้วว่าคุณต้องทาลิปสติกใหม่ละก็....เฮ้อ อยากเปลี่ยนใจ ฮันนีมูนเสียตอนนี้เลย จริงๆ นะ เตียงก็พร้อม ห้องก็ปลอดคน"
เจ้าสาวกลั้นยิ้ม ทุบไหล่หนาของอีกฝ่ายเบาๆ "อย่าเกเรสิคะ เดี๋ยวแขกรอแย่เลย"
"รอสักชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง ก็ ไม่เป็นไรมั้ง"
"คุณดิน...อย่าล้อเล่นสิคะ คุณเสียเงินค่างานนี้ไปตั้งเยอะนะคะ จู่ๆ จะมาล้มงานแบบนี้คุณแม่ได้หยิกเนื้อเขียวแน่ๆ"
"เฮ้อ...ก็ได้ ไม่จูบ ก็ขอหอมแก้มทีหนึ่งได้ไหม" คนถามก้มหน้าลงมา ยิ้มใส่ตาของหญิงสาวด้วยสีหน้าละห้อย "ต้องทนอีกตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ"
คนฟังหน้าร้อน คนรอคำตอบใจร้อนกว่านั้น ไม่ทนรอคำตอบรับหรือปฏิเสธ ใช้ริมฝีปากจรดลงที่ข้างแก้มของหญิงสาวหนักๆ ก่อนที่จะเลื่อนไปชิดริมหู นั่นทำให้รมิดาขนลุกเกรียว ห่อไหล่เข้าหากันโดยอัตโนมัติ
"นี่สำหรับเจ้าสาวคนสวยของผมครับ" ปฐพีผละออกจากร่างบางล้วงกระเป๋าสูทของตัวเอง และแบมือออกเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นของที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ให้
"คะ..."
ในฝ่ามือของปฐพีมีสร้อยเพชรที่ประดับไปด้วยเพชรเม็ดเล็กจิ้วระยิบระยับ ตรงกลางเป็นเพชรรูปหัวใจ ดูจากสายตาก็รู้ได้ว่าเป็นงานที่ละเอียดมาก
"ของขวัญชิ้นแรกสำหัรบเจ้าสาวของผมครับ"
"แต่ว่า...มัน...." มันสวยมาก น้ำงามมาก บอกราคาของมัน
เจ้าบ่าวปลดตะขอสร้อย แล้วสวมมันที่คอของเจ้าสาวอย่างเบามือ ใช้ปลายนิ้วไล่บนเพชรเม็ดเล้กๆ จนมาจรดที่หัวใจซึ่งอยู่ตรงกลาง
จังหวะนั้น วันวิสาข์เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดี ตาสบตา ในความหมายภายใต้สายตาของผู้ชายร่างสูงตรงหน้าวันวิสาข์คือ...ความรัก และความมั่นคง
"ของที่มีค่าที่สุด ก็ต้องอยู่กับคนที่มีค่าที่สุดคนหนึ่งของผม ไปกันเถอะครับ เจ้าสาวของผม"
คนฟังกระพริบตาถี่ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตามาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้เธอหลายอย่างเหลือเกิน ทั้งช่วยเหลือ ให้กำลังใจ แล้วนี่ยังจะ...
"หรือคุณจะเปลี่ยนใจ ฮันนีมูนก่อน ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ..." คนพูดแกล้งมองไปยังเตียงกว้างกลางห้อง
คราวนี้คนฟังเริ่มได้สติ แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะรีบเดินนำออกไปจากห้องนั้นโดยเร็ว แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นคนที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
"อีริค"
วันวิสาข์ยังไม่รู้ว่าอีริคมาร่วมงานนี้ ร่างสูง ตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลเข้มที่ตอนนี้ตัดสั้น เปิดแขนออกกว้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายผวาเข้าหา เขารวบแขนกอดอดีตผู้หญิงที่เคยรัก และกลายมาเป็นน้องสาวต่างบิดาในที่สุด
"ดีใจด้วยนะสา"
"ค่ะ ขอบคุณมากที่มา" เจ้าสาวกอดอีกฝ่ายอย่างแรง อบอุ่น เหมือนที่อยากทำมานานแสนนานแล้ว นับแต่ครั้งแรกที่เธอพบกับผู้ชายคนนี้เมื่อครั้งสมัยเรียน ความรู้สึกผูกพันบางอย่างก็เกิดขึ้น ตอนแรก เธอเข้าใจผิดว่า
มันคือความต้องตาต้องใจระหว่างหนุ่มสาว แต่เมื่อรู้ความจริง เธอจึงสรุปว่ามันคือความสัมพันธ์ลึกๆ ระหว่างสายเลือด
ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชาย ผู้มีสายเลือดเดียวกัน เป็นคนที่คอยดูแลเธออยู่ห่างๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
"ผมต้องมาอยู่แล้ว งานแต่งของน้องสาวกับเพื่อนรักทั้งทีนี่" คนพูดตอบยิ้มๆ หันไปทางเจ้าบ่าวที่ยืนเม้มปากนิ่งอยู่ "ไม่ต้องทำหน้าหวงก้างขนาดนั้นก็ได้"
ปฐพียักไหล่บ่นอุบ "ก็แหม กอดกันกลม"
"สาขอคุยกับอีริคแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ คุณดินไปรอในห้องก่อน ไม่เกินสองนาที" เจ้าสาวหันมาหาเจ้าบ่าว
ปฐพีอ้าปากจะปฎิเสธ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อเจอสายตาอ้อนวอนของอีกฝ่าย เขายอมกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี เมื่อเห็นปฐพีหายเข้าไปในห้องแล้ว วันวิสาข์จับมือของอีริคขึ้นมาจรดริมฝีปาก
"ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ทำให้กับฉัน"
ประโยคสั้นๆ นั่นบอกว่าความลับของเขาทั้งหมดถูกเปิดเผยโดยเจ้าเพื้อนรักที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวของสาวน้อยตรงหน้าแล้ว
"ผมทำ...เพราะ...ต้องทำ"
"ตอนนี้ ทุกเรื่องคลี่คลายแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง แล้วนะคะ ถึงเวลาที่คุณควรจะเลิกแบกโลกที่พวกผู้ใหญ่ทำผิดไว้ได้แล้ว"
"ทำอะไร..."
วันวิสาข์ยักไหล่ "ไม่รู้สิคะ ทำอะไรที่อยากทำ..." เธอพูดเป็นปริศนา "ทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเรื่องราวมันอาจบานปลายจนคุณอาจต้องเสียใจก็ได้ ยัยฝนก็หน้าตาน่ารัก คงหาหนุ่มๆ มาจับไม่ยากหรอกนะคะ อย่ามัวแต่แกล้งเธออยู่เลย"
อีริคเม้มปาก "นี่ไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันต้องบอกทุกอย่างที่รู้กับเมียของมันในอนาคตด้วยเรอะ"
คนฟังหัวเราะ เธอไม่อยากบอกว่ารู้อะไรอีกหลายอย่างจากเพื่อนรักของเขา มันทำให้วันวิสาข์สรุปเอาเองว่า การที่อีริคมีอะไรๆ กับรมิดา (ตามที่น้องสาวของเธอเผลอเล่าแบบอ้อมๆ) จะเป็นเรื่องบังเอิญ
..............
อีริคลงมาร่วมงานแต่งงานพร้อมกับคู่บ่าวสาว เขาปล่อยให้คู่บ่าวสาวเดินนำไปก่อนเมื่อลิฟท์ถึงชึ้นที่จัดงาน การแต่งตัวในชุดสูทเต็มยศ และผมที่ตัดสั้นทำให้แขกที่อยู่ด้านหน้าห้องโถงงานเลี้ยงจำไม่ได้ ดูเหมือนทุกคนมัวแต่ให้ความสนใจและตะลึงกับความงามของเจ้าสาว จึงทำให้ไม่ได้สนใจมองหนุ่มฝรั่งร่างสูงที่เดินทิ้งห่างอยู่ด้านหลังสองสามก้าว
"ฉันไปรับแขกก่อน นายไปนั้งโต๊ะเดียวกับแม่ฉันที่หน้าเวทีนะ ท่านคงอยากคุยกับนายมาก" ปฐพีหันมาบอกเพื่อน "อย่าเพิ่งกลับ ฉันมีเรื่องต้องจัดการกับนายที่กอดเจ้าสาวของฉัน หลังเลิกงานเจอกัน"
"แต่ว่า..."
ปฐพีไม่รอฟังคำปฏิเสธ เขาหันไปจูงเจ้าสาว และเดินตรงไปทักทายแขกผู้ใหญ่ที่เดินเข้ามาในงานจังหวะนั้นพอดี อีริคเอามือล้วงกระเป๋า หยุดยืนพิงเสา ตัดสินใจว่าจะยืนดูภาพของบ่าวสาวตอนรับแขกอีกพัก ก่อนจะเข้างาน จากที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ทำให้เขามีโอกาสได้เห็นภาพความสนิทสนมของสินธรและรมิดาที่ยืนรับแขกอยู่หน้างานอย่างขัดหูขัดตา
เขาเห็นว่าสินธรจับมือของรมิดดา บางครั้งถึงกับประคองเธอเพื่อเดินไปคุยกับแขก ... เพิ่งรู้ว่าสินธรสนิทกับน้องสาวของวันวิสาข์ขนาดนั้น
เมื่อเทียบกับเจ้าสาวแล้ว รมิดาเป็นเพียงสาวร่างเล็ก หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้สวยสง่าเหมือนพี่สาว แต่สิ่งที่เธอมี คือแววตากลมโต สดใส ที่มักจะบอกความรู้สึกของเจ้าตัว เมื่อมันอยู่บนใบหน้าเล็กๆ ได้รูปของเธอ รวมกับริมฝีปากบางนั่น มันทำให้ใบหน้านั้นมีเอกลักษณ์ คงความน่ารักน่าเอ็นดูไว้อย่างลงตัว วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีสดหวาน ได้รับการแต่งหน้าอย่างปราณีต ร่างบางดูสมส่วน หวานละมุนไปทั้งตัว ทั้งน่ารัก ทั้งหวานไปทั้งตัวแบบนี้ ใครล่ะไม่อยากจะควง นี่เขาไม่ได้พบเธอกี่วันแล้วนะ เกือบเดือนแล้วสิ
การรักษาขั้นสุดท้าย และการพักฟื้นที่อังกฤษ ทำให้สุขภาพทุกอย่างของเขากลับเข้าที่เข้าทาง แต่สิ่งที่ยังไม่เข้าที่ก็คือเรื่องของหัวใจ...ถ้าปฐพีไม่โทรไปบอกว่าจะแต่งงาน และบอกข่าวว่าสงสัยว่ารมิดาจะท้อง เขาจะไม่เดินทางกลับเมืองไทยเด็ดขาด เจ้าตัวตั้งใจว่าจะปล่อยเรื่องราวของตนเองและรมิดาไว้แบบนั้น รอจนเธอเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา หรือมีคนใหม่ เขาจึงจะกลับเมืองไทย และเริ่มต้นทำงานใหม่อีกครั้ง
แต่คำว่า "ลูก" ทำให้อีริคเปลี่ยนใจ เขาไม่ยอมให้ลูกเกิดมาด้วยความรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการ ความรู้สึกปกป้อง มันทับเท่าทวีคูณ จนทำให้เขาตัดสินใจกลับมา
เขาเข้าใจผิดว่าตนเองจะทำใจได้ เมื่อเห็นรมิดาอีกครั้ง เพราะใจของตนเองไม่ได้ผูกพันกับผู้หญิงคนนั้นมากนัก แต่...เจ้าตัวคิดผิด แค่ได้เห็นหน้า ได้เห็นแววตาเศร้าๆ ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนที่ดูเข้มแข็ง และพร้อมจะปกป้องเธอ ทำท่าว่าจะมาดูแลเธอ เขาก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว
ภาพความทรงจำอ่อนหวานในคืนที่ทั้งสองมีความสุขร่วมกันตลอดคืนยังตรึงอยู่ในความรู้สึก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ แบบที่ไม่เคยพบมาก่อน และหลังจากนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับรสสัมผัสบนร่างเล็กอ่อนหว่านมันทำให้เตียงที่เคยอบอุ่น คุ้นเคยของเขาว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาคงอ่อนด้อยเรื่องเซ็กส์มากจริงๆ อย่างที่ฮิโรมิเคยล้อบ่อยๆ คนไม่เคยได้ลอง พอได้ลอง ก็ติดใจ แล้วก็เลิกไม่ได้....แต่สำหรับเขา เรื่องเซ็กส์ ไม่ใช่ใครก็ได้ ....เขามั่นใจแบบนั้น เพราะในฝัน มักจะกลายเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ และร่างนุ่มๆ ของคนๆ เดียวเท่านั้น
อีริคถอนหายใจ ไวเท่าความคิด เขาสาวเท้าไปหาคู่ฝาแฝดของปฐพีซึ่งเพิ่งจะรับน้ำส้มในแก้วทรงสูงจากพนักงานโรงแรม ไปส่งให้หญิงสาวข้างกาย และบังคับเธอดื่มจนหมดด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยทันที จังหวะนั้นเองที่รมิดาเงยหน้ามาเห็นเข้า และชะงักมือที่กำลังจะส่งแก้วคืนให้สินธร
"เราต้องคุยกัน"
สินธรมองชายหนุ่มร่างสูงที่เขาสังเกตว่ายืนมองรมิดากับเขามาพักหนึ่งแล้ว แววตานิ่งสนิทแบบที่ฝึกมาอย่างดี ทั้งๆ ที่ในใจกำลังหัวเราะ อีริคมาทันเห็นในสิ่งที่เขาตั้งใจให้เห็นพอดี
"อีริค คุณฝนยังต้องรับแขก ถ้ายังไง เอาไว้คุยกันทีหลังได้ไหม"
"ไม่ได้"
สินธรหันมาหารมิดาอย่างขอความเห็น
"เจ้าดินมารับแขกแล้ว ฝนคงไปพักผ่อนได้ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปพักเอง" อีริคจับต้นแขนของหญิงสาว ดึงเข้าหาตัว "ฝากทางนี้ด้วยแล้วกัน" อย่างไม่ฟังเสียง อีริคก็ลากร่างบางเดินตรงไปยังลิฟท์ ปล่อยให้สินธรมองด้วยสายตาซ่อนยิ้มไว้เบื้องหลัง
ลิฟท์ปิดแล้ว สินธรหันไปหาเจ้าบ่าว ซึ่งว่างจากการรับแขกพอดี ตาสบตา ทั้งคู่ปล่อยเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
"อะไรกันคะคู่นี้" วันวิสาข์เอ่ยถามขึ้น
"ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร" ปฐพีรีบบอกเจ้าสาว
"ฉันไม่เชื่อ คุณสองคนทำอะไรกันอีกล่ะเนี่ย แววตาเจ้าเล่ห์เชียว ไม่ใช่มีอะไรแกล้งกันบนเวทีนะ"
"ไม่หรอกครับ ไม่ได้แกล้งคุณสาแน่นอน" สินธรรีบปฏิเสธ
"เอาไว้ ผมเล่าให้ฟังคืนนี้ ตอนเราส่งตัวก็แล้วกัน..นะครับ" เจ้าบ่าวก้มลงกระซิบที่ข้างหูเจ้าสาว แล้วก็หันเหความสนใจด้วยการสั่งให้สินธรเข้าไปดูความเรียบร้อยภายในงาน และจูงเจ้าสาวไปรับแขกกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา
ก่อนเวลาเริ่มงานเลี้ยงราวหนึ่งชั่วโมง สินธรพบว่าแขกที่มาในงานมีมากเกินกว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคาดไว้มาก โดยเฉพาะญาติฝ่ายของเจ้าสาว ซึ่งแต่เดิม วันวิสาข์คิดว่าจะไม่สนใจร่วมงาน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างนายดิเรกและน้องชายก่อนหน้านี้ แต่หลังจากคดีของนายดิเรกได้รับการคลี่คลายว่าเขาไม่ได้ฆาตกรรมน้องชาย เป็นเพียงแพะรับบาปเรื่องร่าวทั้งหมด ความตึงเครียดบาดหมางในหมู่เครือญาติก็ลดลง ยิ่งพอได้ข่าวว่าวันวิสาข์จะแต่งงานกับนักลงทุนหนุ่มที่มีอนาคตไกล เป็นที่รู้จักดีในวงการการลงทุนของกลุ่มที่ลงทุนกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งทำให้เครือญาติหันมาสนใจมาร่วมงานมากขึ้น
ห้องจัดเลี้ยงที่จัดไว้เพียงไม่กี่โต๊ะต้องขยายโดยด่วน มีการจัดโต๊ะบางส่วนเพิ่มมายังระเบียง และโถงด้านนอก สินธรและรมิดาในฐานะของญาติสนิทฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจึงต้องออกไปรับหน้าแขกส่วนที่มาก่อนเวลา และขอโทษในความไม่สะดวกแทนคู่บ่าวสาวซึ่งยังเตรียมตัวไม่เรียบร้อย
"วันนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ" สินธรก้มลงกระซิบข้างหูของหญิงสาวข้างตัวเมื่อสบจังหวะ
รมิดาหันกลับมาเงยหน้ามองชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับเจ้าบ่าวราวกับคนคนเดียวกัน ยกเว้นแววตาขี้เล่นร่าเริงกว่า ถ้าไม่ได้สินธรซึ่งมีความคล่องแคล่ว ตัดสินใจอะไรรวดเร็วทันใจ งานเลี้ยงฉลองแต่งงานวันนี้คงไม่ราบรื่นรวดเร็วได้ขนาดนี้
สินธรคิดว่าเธอเหนื่อยเพราะการต้อนรับแขก เธอก็จะปล่อยให้เขาคิดแบบนั้น
"ค่ะ" รมิดายิ้มรับ "ตื่นแต่เช้า เลยออกจะรู้สึกเพลียอยู่บ้าง คุณสินก็เหนื่อยแย่เหมือนกัน"
"ผมวิ่งจับคนร้ายเหนื่อยกว่านี้เยอะ ว่าแต่คุณหาอะไรทานบ้างหรือยังครับ เดี๋ยวผมสั่งน้ำส้ม หรือน้ำหวานเย็นๆ ให้แก้วหนึ่งดีกว่า คุณจะได้สดชื่นขึ้นหน่อย"
หญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ปล่อยให้สินธรหันไปเรียกเจ้าหน้าที่โรงแรมที่อยู่แถวนั้น แล้วสั่งเครื่องดื่มสำหรับหญิงสาวข้างกายและตนเอง
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ แขกเพิ่มโดยไม่ได้เตรียมตัวกันเลย ญาติของฉันทั้งนั้น"
"โธ่ คุณเครียดเรื่องนี้เองเหรอคุณฝน ไม่เป็นไรหรอกครับ เจ้าดินมันมีเงินจ่าย เพื่อคุณสาล่ะก้อ เท่าไหนเท่ากัน จะเช่าพื้นที่ทั้งโรงแรมมันยังยอมเลย เชื่อผมเถอะ" สินธรพูดติดตลก นั่นทำให้รมิดายิ้มออกมาได้
"ไม่ต้องเครียดครับ อยากพักหรือเปล่า เดี๋ยวผมรับแขกไปก่อนก็ได้"
"ไม่เป็นไรค่ะ ได้ ยังไหวอยู่ อีกสักพักเจ้าบ่าวเจ้าสาวคงออกมารับแขกแล้ว"
..............
วันวิสาข์สำรวจตัวเองหน้ากระจกเป็นครั้งสุดท้าย อีกไม่ถึงห้านาทีเธอกับเจ้าบ่าวจะต้องลงไปรับแขกแล้ว เธอมองตัวเองในกระจกแล้วส่งย้ิมให้คนในภาพสะท้อน ร่างระหงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวงาช้างเรียบแต่หรูปลายชุดยาวระพื้นประดับด้วยมุกเม็ดเล็กจิ่วเป็นระยะๆ ช่วยเพิ่มความสง่าให้กับคนใส่ ไหล่บางเปลือยให้เห็นผิวนวลละเอียด ทรงผมที่เกล้าเรียบๆ ปล่อยปอยผมไล่ระลงมาที่ไหล่ และแซมด้วยดอกไม้คริสตัลสีขาวเล็กๆ เป็นระยะๆ พองาม ทั้งหมดนี่งามราวภาพในนิตยสารที่เธอเคยเปิดดูและฝันเล่นๆ ว่าอยากใส่ชุดแบบนี้สักครั้งในชีวิต
"สวย...จนไม่อยากให้คุณออกไปให้ใครเห็น"
คนฟังสะดุ้ง เพราะเสียงทุ้มที่มาจากด้านหลัง
"คุณดิน ตกใจหมดเลย มาเงียบๆ"
เจ้าบ่าวอยู่ในชุดสูทสีเทาสุดเนี๊ยบยืนอมยิ้มอยู่ ทั้งๆ ที่หญิงสาวเคยเห็นเข้าในชุดสูทที่เป็นทางการบ่อยครั้ง เพราะระยะหลังทำงานร่วมกันหลายเรื่อง แต่สูทชุดนี้ตัดเป็นพิเศษเพื่องานนี้ ช่างพิถีพิถันกับคัทติ้งมากๆ จนทำให้มันดูเนี้ยบ และช่วยเสริมให้ไหล่กว้าง ร่างสูงนั้นดูโดดเด่นกว่าเดิมหลายเท่านัก อีกทั้งแววตาที่ส่งมาบอกความหมายย้ำความหมายของคำพูด นั่นทำให้ หญิงสาวต้องรีบหลบสายตา ทำเป็นจัดชุดให้เรียบร้อย
"ได้เวลาลงไปข้างแล้วใช้ไหมคะ" คนพูดเสไปหันกลับไปมองกระจกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เตรียมตัวก้าวออกจากห้อง
"เดี๋ยวสิ" มือหนารั้งต้นแขนเปลือยของเจ้าสาวไว้ แววตาของเจ้าสาวเงยขึ้นสบตากับเจ้าบ่าว
"อะไรคะ"
"ผมอุตส่าห์หาทางไล่ช่างแต่งตัว และผู้ช่วยทุกคนของคุณออกจากห้องนี้" ร่างสูงดึงวันวิสาข์เข้าหาตัว "ขอกอดเจ้าสาวก่อนลงไปวุ่นวายข้างล่างหน่อยเถอะ" พูดจบเขาก็รั้งร่างบางชิดอก และสวมกอดเธอจากด้านหลังอย่างนุ่มนวล อบอุ่น พร้อมกับเสียงถอนหายใจดังๆ
"อยากจูบคุณจัง...ถ้าไม่กล้วว่าคุณต้องทาลิปสติกใหม่ละก็....เฮ้อ อยากเปลี่ยนใจ ฮันนีมูนเสียตอนนี้เลย จริงๆ นะ เตียงก็พร้อม ห้องก็ปลอดคน"
เจ้าสาวกลั้นยิ้ม ทุบไหล่หนาของอีกฝ่ายเบาๆ "อย่าเกเรสิคะ เดี๋ยวแขกรอแย่เลย"
"รอสักชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง ก็ ไม่เป็นไรมั้ง"
"คุณดิน...อย่าล้อเล่นสิคะ คุณเสียเงินค่างานนี้ไปตั้งเยอะนะคะ จู่ๆ จะมาล้มงานแบบนี้คุณแม่ได้หยิกเนื้อเขียวแน่ๆ"
"เฮ้อ...ก็ได้ ไม่จูบ ก็ขอหอมแก้มทีหนึ่งได้ไหม" คนถามก้มหน้าลงมา ยิ้มใส่ตาของหญิงสาวด้วยสีหน้าละห้อย "ต้องทนอีกตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ"
คนฟังหน้าร้อน คนรอคำตอบใจร้อนกว่านั้น ไม่ทนรอคำตอบรับหรือปฏิเสธ ใช้ริมฝีปากจรดลงที่ข้างแก้มของหญิงสาวหนักๆ ก่อนที่จะเลื่อนไปชิดริมหู นั่นทำให้รมิดาขนลุกเกรียว ห่อไหล่เข้าหากันโดยอัตโนมัติ
"นี่สำหรับเจ้าสาวคนสวยของผมครับ" ปฐพีผละออกจากร่างบางล้วงกระเป๋าสูทของตัวเอง และแบมือออกเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นของที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ให้
"คะ..."
ในฝ่ามือของปฐพีมีสร้อยเพชรที่ประดับไปด้วยเพชรเม็ดเล็กจิ้วระยิบระยับ ตรงกลางเป็นเพชรรูปหัวใจ ดูจากสายตาก็รู้ได้ว่าเป็นงานที่ละเอียดมาก
"ของขวัญชิ้นแรกสำหัรบเจ้าสาวของผมครับ"
"แต่ว่า...มัน...." มันสวยมาก น้ำงามมาก บอกราคาของมัน
เจ้าบ่าวปลดตะขอสร้อย แล้วสวมมันที่คอของเจ้าสาวอย่างเบามือ ใช้ปลายนิ้วไล่บนเพชรเม็ดเล้กๆ จนมาจรดที่หัวใจซึ่งอยู่ตรงกลาง
จังหวะนั้น วันวิสาข์เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดี ตาสบตา ในความหมายภายใต้สายตาของผู้ชายร่างสูงตรงหน้าวันวิสาข์คือ...ความรัก และความมั่นคง
"ของที่มีค่าที่สุด ก็ต้องอยู่กับคนที่มีค่าที่สุดคนหนึ่งของผม ไปกันเถอะครับ เจ้าสาวของผม"
คนฟังกระพริบตาถี่ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตามาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้เธอหลายอย่างเหลือเกิน ทั้งช่วยเหลือ ให้กำลังใจ แล้วนี่ยังจะ...
"หรือคุณจะเปลี่ยนใจ ฮันนีมูนก่อน ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ..." คนพูดแกล้งมองไปยังเตียงกว้างกลางห้อง
คราวนี้คนฟังเริ่มได้สติ แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะรีบเดินนำออกไปจากห้องนั้นโดยเร็ว แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นคนที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
"อีริค"
วันวิสาข์ยังไม่รู้ว่าอีริคมาร่วมงานนี้ ร่างสูง ตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลเข้มที่ตอนนี้ตัดสั้น เปิดแขนออกกว้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายผวาเข้าหา เขารวบแขนกอดอดีตผู้หญิงที่เคยรัก และกลายมาเป็นน้องสาวต่างบิดาในที่สุด
"ดีใจด้วยนะสา"
"ค่ะ ขอบคุณมากที่มา" เจ้าสาวกอดอีกฝ่ายอย่างแรง อบอุ่น เหมือนที่อยากทำมานานแสนนานแล้ว นับแต่ครั้งแรกที่เธอพบกับผู้ชายคนนี้เมื่อครั้งสมัยเรียน ความรู้สึกผูกพันบางอย่างก็เกิดขึ้น ตอนแรก เธอเข้าใจผิดว่า
มันคือความต้องตาต้องใจระหว่างหนุ่มสาว แต่เมื่อรู้ความจริง เธอจึงสรุปว่ามันคือความสัมพันธ์ลึกๆ ระหว่างสายเลือด
ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชาย ผู้มีสายเลือดเดียวกัน เป็นคนที่คอยดูแลเธออยู่ห่างๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
"ผมต้องมาอยู่แล้ว งานแต่งของน้องสาวกับเพื่อนรักทั้งทีนี่" คนพูดตอบยิ้มๆ หันไปทางเจ้าบ่าวที่ยืนเม้มปากนิ่งอยู่ "ไม่ต้องทำหน้าหวงก้างขนาดนั้นก็ได้"
ปฐพียักไหล่บ่นอุบ "ก็แหม กอดกันกลม"
"สาขอคุยกับอีริคแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ คุณดินไปรอในห้องก่อน ไม่เกินสองนาที" เจ้าสาวหันมาหาเจ้าบ่าว
ปฐพีอ้าปากจะปฎิเสธ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อเจอสายตาอ้อนวอนของอีกฝ่าย เขายอมกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี เมื่อเห็นปฐพีหายเข้าไปในห้องแล้ว วันวิสาข์จับมือของอีริคขึ้นมาจรดริมฝีปาก
"ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ทำให้กับฉัน"
ประโยคสั้นๆ นั่นบอกว่าความลับของเขาทั้งหมดถูกเปิดเผยโดยเจ้าเพื้อนรักที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวของสาวน้อยตรงหน้าแล้ว
"ผมทำ...เพราะ...ต้องทำ"
"ตอนนี้ ทุกเรื่องคลี่คลายแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง แล้วนะคะ ถึงเวลาที่คุณควรจะเลิกแบกโลกที่พวกผู้ใหญ่ทำผิดไว้ได้แล้ว"
"ทำอะไร..."
วันวิสาข์ยักไหล่ "ไม่รู้สิคะ ทำอะไรที่อยากทำ..." เธอพูดเป็นปริศนา "ทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเรื่องราวมันอาจบานปลายจนคุณอาจต้องเสียใจก็ได้ ยัยฝนก็หน้าตาน่ารัก คงหาหนุ่มๆ มาจับไม่ยากหรอกนะคะ อย่ามัวแต่แกล้งเธออยู่เลย"
อีริคเม้มปาก "นี่ไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันต้องบอกทุกอย่างที่รู้กับเมียของมันในอนาคตด้วยเรอะ"
คนฟังหัวเราะ เธอไม่อยากบอกว่ารู้อะไรอีกหลายอย่างจากเพื่อนรักของเขา มันทำให้วันวิสาข์สรุปเอาเองว่า การที่อีริคมีอะไรๆ กับรมิดา (ตามที่น้องสาวของเธอเผลอเล่าแบบอ้อมๆ) จะเป็นเรื่องบังเอิญ
..............
อีริคลงมาร่วมงานแต่งงานพร้อมกับคู่บ่าวสาว เขาปล่อยให้คู่บ่าวสาวเดินนำไปก่อนเมื่อลิฟท์ถึงชึ้นที่จัดงาน การแต่งตัวในชุดสูทเต็มยศ และผมที่ตัดสั้นทำให้แขกที่อยู่ด้านหน้าห้องโถงงานเลี้ยงจำไม่ได้ ดูเหมือนทุกคนมัวแต่ให้ความสนใจและตะลึงกับความงามของเจ้าสาว จึงทำให้ไม่ได้สนใจมองหนุ่มฝรั่งร่างสูงที่เดินทิ้งห่างอยู่ด้านหลังสองสามก้าว
"ฉันไปรับแขกก่อน นายไปนั้งโต๊ะเดียวกับแม่ฉันที่หน้าเวทีนะ ท่านคงอยากคุยกับนายมาก" ปฐพีหันมาบอกเพื่อน "อย่าเพิ่งกลับ ฉันมีเรื่องต้องจัดการกับนายที่กอดเจ้าสาวของฉัน หลังเลิกงานเจอกัน"
"แต่ว่า..."
ปฐพีไม่รอฟังคำปฏิเสธ เขาหันไปจูงเจ้าสาว และเดินตรงไปทักทายแขกผู้ใหญ่ที่เดินเข้ามาในงานจังหวะนั้นพอดี อีริคเอามือล้วงกระเป๋า หยุดยืนพิงเสา ตัดสินใจว่าจะยืนดูภาพของบ่าวสาวตอนรับแขกอีกพัก ก่อนจะเข้างาน จากที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ทำให้เขามีโอกาสได้เห็นภาพความสนิทสนมของสินธรและรมิดาที่ยืนรับแขกอยู่หน้างานอย่างขัดหูขัดตา
เขาเห็นว่าสินธรจับมือของรมิดดา บางครั้งถึงกับประคองเธอเพื่อเดินไปคุยกับแขก ... เพิ่งรู้ว่าสินธรสนิทกับน้องสาวของวันวิสาข์ขนาดนั้น
เมื่อเทียบกับเจ้าสาวแล้ว รมิดาเป็นเพียงสาวร่างเล็ก หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้สวยสง่าเหมือนพี่สาว แต่สิ่งที่เธอมี คือแววตากลมโต สดใส ที่มักจะบอกความรู้สึกของเจ้าตัว เมื่อมันอยู่บนใบหน้าเล็กๆ ได้รูปของเธอ รวมกับริมฝีปากบางนั่น มันทำให้ใบหน้านั้นมีเอกลักษณ์ คงความน่ารักน่าเอ็นดูไว้อย่างลงตัว วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีสดหวาน ได้รับการแต่งหน้าอย่างปราณีต ร่างบางดูสมส่วน หวานละมุนไปทั้งตัว ทั้งน่ารัก ทั้งหวานไปทั้งตัวแบบนี้ ใครล่ะไม่อยากจะควง นี่เขาไม่ได้พบเธอกี่วันแล้วนะ เกือบเดือนแล้วสิ
การรักษาขั้นสุดท้าย และการพักฟื้นที่อังกฤษ ทำให้สุขภาพทุกอย่างของเขากลับเข้าที่เข้าทาง แต่สิ่งที่ยังไม่เข้าที่ก็คือเรื่องของหัวใจ...ถ้าปฐพีไม่โทรไปบอกว่าจะแต่งงาน และบอกข่าวว่าสงสัยว่ารมิดาจะท้อง เขาจะไม่เดินทางกลับเมืองไทยเด็ดขาด เจ้าตัวตั้งใจว่าจะปล่อยเรื่องราวของตนเองและรมิดาไว้แบบนั้น รอจนเธอเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา หรือมีคนใหม่ เขาจึงจะกลับเมืองไทย และเริ่มต้นทำงานใหม่อีกครั้ง
แต่คำว่า "ลูก" ทำให้อีริคเปลี่ยนใจ เขาไม่ยอมให้ลูกเกิดมาด้วยความรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการ ความรู้สึกปกป้อง มันทับเท่าทวีคูณ จนทำให้เขาตัดสินใจกลับมา
เขาเข้าใจผิดว่าตนเองจะทำใจได้ เมื่อเห็นรมิดาอีกครั้ง เพราะใจของตนเองไม่ได้ผูกพันกับผู้หญิงคนนั้นมากนัก แต่...เจ้าตัวคิดผิด แค่ได้เห็นหน้า ได้เห็นแววตาเศร้าๆ ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนที่ดูเข้มแข็ง และพร้อมจะปกป้องเธอ ทำท่าว่าจะมาดูแลเธอ เขาก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว
ภาพความทรงจำอ่อนหวานในคืนที่ทั้งสองมีความสุขร่วมกันตลอดคืนยังตรึงอยู่ในความรู้สึก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ แบบที่ไม่เคยพบมาก่อน และหลังจากนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับรสสัมผัสบนร่างเล็กอ่อนหว่านมันทำให้เตียงที่เคยอบอุ่น คุ้นเคยของเขาว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาคงอ่อนด้อยเรื่องเซ็กส์มากจริงๆ อย่างที่ฮิโรมิเคยล้อบ่อยๆ คนไม่เคยได้ลอง พอได้ลอง ก็ติดใจ แล้วก็เลิกไม่ได้....แต่สำหรับเขา เรื่องเซ็กส์ ไม่ใช่ใครก็ได้ ....เขามั่นใจแบบนั้น เพราะในฝัน มักจะกลายเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ และร่างนุ่มๆ ของคนๆ เดียวเท่านั้น
อีริคถอนหายใจ ไวเท่าความคิด เขาสาวเท้าไปหาคู่ฝาแฝดของปฐพีซึ่งเพิ่งจะรับน้ำส้มในแก้วทรงสูงจากพนักงานโรงแรม ไปส่งให้หญิงสาวข้างกาย และบังคับเธอดื่มจนหมดด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยทันที จังหวะนั้นเองที่รมิดาเงยหน้ามาเห็นเข้า และชะงักมือที่กำลังจะส่งแก้วคืนให้สินธร
"เราต้องคุยกัน"
สินธรมองชายหนุ่มร่างสูงที่เขาสังเกตว่ายืนมองรมิดากับเขามาพักหนึ่งแล้ว แววตานิ่งสนิทแบบที่ฝึกมาอย่างดี ทั้งๆ ที่ในใจกำลังหัวเราะ อีริคมาทันเห็นในสิ่งที่เขาตั้งใจให้เห็นพอดี
"อีริค คุณฝนยังต้องรับแขก ถ้ายังไง เอาไว้คุยกันทีหลังได้ไหม"
"ไม่ได้"
สินธรหันมาหารมิดาอย่างขอความเห็น
"เจ้าดินมารับแขกแล้ว ฝนคงไปพักผ่อนได้ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปพักเอง" อีริคจับต้นแขนของหญิงสาว ดึงเข้าหาตัว "ฝากทางนี้ด้วยแล้วกัน" อย่างไม่ฟังเสียง อีริคก็ลากร่างบางเดินตรงไปยังลิฟท์ ปล่อยให้สินธรมองด้วยสายตาซ่อนยิ้มไว้เบื้องหลัง
ลิฟท์ปิดแล้ว สินธรหันไปหาเจ้าบ่าว ซึ่งว่างจากการรับแขกพอดี ตาสบตา ทั้งคู่ปล่อยเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
"อะไรกันคะคู่นี้" วันวิสาข์เอ่ยถามขึ้น
"ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร" ปฐพีรีบบอกเจ้าสาว
"ฉันไม่เชื่อ คุณสองคนทำอะไรกันอีกล่ะเนี่ย แววตาเจ้าเล่ห์เชียว ไม่ใช่มีอะไรแกล้งกันบนเวทีนะ"
"ไม่หรอกครับ ไม่ได้แกล้งคุณสาแน่นอน" สินธรรีบปฏิเสธ
"เอาไว้ ผมเล่าให้ฟังคืนนี้ ตอนเราส่งตัวก็แล้วกัน..นะครับ" เจ้าบ่าวก้มลงกระซิบที่ข้างหูเจ้าสาว แล้วก็หันเหความสนใจด้วยการสั่งให้สินธรเข้าไปดูความเรียบร้อยภายในงาน และจูงเจ้าสาวไปรับแขกกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 09:59:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2556, 14:38:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 4957
<< 38 : บทสุดท้ายของเจ้าชายเย็นชา (01) | 40 : บทสุดท้ายของเจ้าชายเย็นชา (final) >> |
Hibara 6 ส.ค. 2556, 10:06:45 น.
เย้ๆ มาแล้วๆๆๆๆ
เย้ๆ มาแล้วๆๆๆๆ
น้องแสตมป์ 6 ส.ค. 2556, 10:41:16 น.
ชื่อสลับไปสลับมาเยอะมากเลยคะ
ชื่อสลับไปสลับมาเยอะมากเลยคะ
kin 6 ส.ค. 2556, 11:03:03 น.
อิริคจะหึงโหดมั้ยน้า อิๆแล้วสาวน้อยจะโกรธมั้ยที่จู่ๆอิริคก็โผล่มา ^^
อิริคจะหึงโหดมั้ยน้า อิๆแล้วสาวน้อยจะโกรธมั้ยที่จู่ๆอิริคก็โผล่มา ^^
ตุ๊งแช่ 6 ส.ค. 2556, 11:48:08 น.
อีริคหึงเป็นด้วย หุหุ
อีริคหึงเป็นด้วย หุหุ
titirat 6 ส.ค. 2556, 12:36:55 น.
ดีจังค่ะ
ดีจังค่ะ
kaelek 6 ส.ค. 2556, 12:48:20 น.
อร๊ายยย อีริคหึงอ่ะ เสร็จแน่หนูฝน
อร๊ายยย อีริคหึงอ่ะ เสร็จแน่หนูฝน
MyFriend 6 ส.ค. 2556, 13:17:08 น.
ในที่สุดพี่ตาก็มาซะที
เฝ้ารออีริคและฝนมาหนึ่งเดือนเต็มๆ
แอร๊ยยยยย จะเป็นไงต่อเนี้ยยยยอีริคควรจะโดนมากกว่านี้ คิดจะทิ้งฝนได้ไงงงง ฮึ้มมมมม หนูฝนอย่ายอมง่ายๆ 5555
ในที่สุดพี่ตาก็มาซะที
เฝ้ารออีริคและฝนมาหนึ่งเดือนเต็มๆ
แอร๊ยยยยย จะเป็นไงต่อเนี้ยยยยอีริคควรจะโดนมากกว่านี้ คิดจะทิ้งฝนได้ไงงงง ฮึ้มมมมม หนูฝนอย่ายอมง่ายๆ 5555
supayalak 6 ส.ค. 2556, 13:18:02 น.
จัดหนัก จัดเต็ม คู่นี้ท่าจะไปก่อนคู่บ่าวสาวซะละมั๊งงงงงง
จัดหนัก จัดเต็ม คู่นี้ท่าจะไปก่อนคู่บ่าวสาวซะละมั๊งงงงงง
mhengjhy 6 ส.ค. 2556, 18:23:50 น.
หนูฝน งอนซะให้เข็ด
หนูฝน งอนซะให้เข็ด
getup 6 ส.ค. 2556, 20:05:20 น.
รออ่านต่ออยู่นะคะ ขอบคุณค่ะ
รออ่านต่ออยู่นะคะ ขอบคุณค่ะ
konhin 6 ส.ค. 2556, 20:16:08 น.
เออ อิริคใจร้ายอ่ะ
เออ อิริคใจร้ายอ่ะ
Zephyr 7 ส.ค. 2556, 00:54:46 น.
โห หึงมาดนิ่ง หึงพิฆาต มามาดใหม่ดูโหดกว่าเดิมนะคะ
อิอิ แหม รอให้มีคนใหม่ รอให้ไปเรียนต่อ ชิชิ
พอเห็นแล้ว ทำใจไม่ได้ละสิ ไม่ต้องอ้างลูกเลย
หัวใจตัวเองยังเคลียร์ไม่ลงตัวเลยนะ อีริค
โห หึงมาดนิ่ง หึงพิฆาต มามาดใหม่ดูโหดกว่าเดิมนะคะ
อิอิ แหม รอให้มีคนใหม่ รอให้ไปเรียนต่อ ชิชิ
พอเห็นแล้ว ทำใจไม่ได้ละสิ ไม่ต้องอ้างลูกเลย
หัวใจตัวเองยังเคลียร์ไม่ลงตัวเลยนะ อีริค
รัชต์ 7 ส.ค. 2556, 08:30:54 น.
เขารวมแขนกอดอดีตผู้หญิงที่เคยรัก และกลายมาเป็นน้องสาวต่างสายเลือด
เธอจึงสรุปว่ามันคือความสัมพันธ์ลึกๆ ระหว่างสายเลือด
ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชาย ผู้มีสายเลือดเดียวกัน
เขารวมแขนกอดอดีตผู้หญิงที่เคยรัก และกลายมาเป็นน้องสาวต่างสายเลือด
เธอจึงสรุปว่ามันคือความสัมพันธ์ลึกๆ ระหว่างสายเลือด
ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชาย ผู้มีสายเลือดเดียวกัน
ผักหวาน 13 ส.ค. 2556, 15:12:25 น.
บทคุณชายน้ำแข็งจะหึงจนหน้ามืดก็มีโหมดกะเค้าด้วยเหมือนกันนะคะเนี่ย
บทคุณชายน้ำแข็งจะหึงจนหน้ามืดก็มีโหมดกะเค้าด้วยเหมือนกันนะคะเนี่ย
yayee62 15 ส.ค. 2556, 07:52:25 น.
555 น่ารักจังลมเพ็ชรหึงเนี่ย
555 น่ารักจังลมเพ็ชรหึงเนี่ย
lookpud 16 ส.ค. 2556, 19:40:37 น.
555 อีริคก็หึงเป็น
555 อีริคก็หึงเป็น