Delusion เหลี่ยมรัก เล่ห์ลวง
(เรื่องต่อจาก Asylum หรือ ในกรงเพลิง สนพ.อินเลิฟ)


วุฒิสมาชิกแคเทรียน เนลีคาห์น แห่ง ดาวเคราะห์บาโรว์ ถูกลักพาตัวระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่่าตนเองกลายเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่กลายเป็นสินค้าของ เอธาน เฌอราส หนึ่งในผู้มีอิทธิพลของกลุ่มเครส และได้ทราบว่าเขาจะขายเธอให้แก่ผู้ที่ให้ราคาดีที่สุด!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ยูรัส, แคเทรียน

ตอน: ตอนที่ 3

“ตอนนี้เรากำลังติดตามหาที่มาของการติดต่อที่เคอร์กิสให้การไว้ว่าเป็นผู้บงการตัวจริงอยู่ครับ”

คิ้วสีน้ำตาลอ่อนของคนฟังขมวดเข้าหากันทันควันอย่างไม่ชอบใจในความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์อันตรายที่ผ่านมาเกือบสองเดือนซึ่งได้ฟังจากปากผู้เสียหาย นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองใบหน้าเคร่งขรึมของคู่สนทนาด้วยแววตาครุ่นคิดติดจะกังวลนิดๆ เพราะคำบอกเล่าของอีกฝ่ายมิได้ให้ข้อมูลอะไรมากไปกว่าที่เคยได้ยินมาแล้ว

การสืบหาตัวผู้รับผิดชอบที่แท้จริงในการทำร้ายหมายเอาชีวิตของนักธุรกิจเจ้าของกิจการโทรคมนาคมระดับแนวหน้าของดาราจักรบนดาวอาริออสซึ่งเป็นนิวาสถานของอีกฝ่ายกลายเป็นข่าวดังจนไม่มีใครไม่เคยได้ยินดูจะล่าช้าผิดปกติมาก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงฐานะและอิทธิพลของเป้าหมายที่นั่งหน้าขรึมอยู่ข้างเขาคนนี้

“ขนาดเครือข่ายของนายยังหาไม่เจอเลยหรือ”

ไซเร็คส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะไขข้อข้องใจที่เพื่อนรุ่นพี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรำคาญใจในระดับที่คนมองแน่ใจว่าเจ้าตัวคงรู้สึกมานานพอสมควร

“เปล่าครับ ผมไม่อยากหักหน้าเกรเชียส ถึงอย่างไรเขาก็พยายามช่วยเต็มที่ แต่ถ้ายังจับมือใครดมไม่ได้ผมก็คงจัดการด้วยตัวเอง”

วุฒิสมาชิกหนุ่มนิ่งไปยามนึกถึงบุคคลที่ตนเองและคู่สนทนาต่างก็เคยคุ้นกันมาก่อน ผลงานในอดีตที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่า ลูเซลัส เกรเชียส รองผู้บังคับบัญชาของหน่วยข่าวกรองในกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งดาราจักรเซเฟรัสทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และในกรณีนี้ศักยภาพของหน่วยข่าวกรองหลักของสมาพันธ์ก็ไม่น่าจะย่ำแย่ไร้ฝีมือขนาดที่ไม่สามารถสืบเสาะหาข้อมูลของบุคคลต่างๆได้ในเมื่อบุคลากรทั้งหลายมักจะฝึกฝนฝีมือทางด้านนี้ด้วยการสอดส่องกิจกรรมต่างๆของผู้มีอิทธิพลไปทั่วกาแล็กซี

หากเมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ฉันมิตรสนิทสนมระหว่างไซเร็คกับเธรอนซึ่งเป็นผู้ผลิตและค้าอาวุธรายใหญ่แถมแสบจนหลายคนขยาดแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้อาจทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาพันธ์ผู้นั้นเกิดความเคลือบแคลงสงสัยจนไม่ไว้วางใจพอจะบอกรายละเอียดลึกๆที่สืบมาได้ให้เพื่อนรุ่นน้องของเขาทราบ

โดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มผู้นั้นเป็นคนบุกเข้าไปช่วยเหลือนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจโทรคมนาคมด้วยตนเอง…

สภาพการณ์อันไม่น่าไว้วางใจนี้อาจมีอะไรบางอย่างมากกว่าที่เขารู้ก็เป็นได้…

“จะทำอะไรก็รีบทำก่อนจะไม่มีโอกาสเถอะ”

คำเตือนของเขาเรียกรอยยิ้มบางเบาหากเปี่ยมล้นไปด้วยความมาดมั่นยโสให้ผุดขึ้นบนริมฝีปากคู่สนทนาทันที ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดมองตรงมาอย่างสงบนิ่งขัดกับแววท้าทายที่เต้นเร่าอยู่ภายใน ศีรษะปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลปนดำตั้งตรงเป็นสง่าบ่งบอกความภาคภูมิในสายเลือดคีเรี่ยนระดับแนวหน้าที่ไหลเวียนอยู่ในกาย

“ผมไม่คิดจะรอนานขนาดนั้นแน่”

แม้จะคุ้นเคยกับอากัปกิริยาการแสดงออกและน้ำเสียงของเพื่อนรุ่นน้องที่เจ้าตัวมักจะใช้ยามเกิดอารมณ์มุ่งมั่นอยากแข่งขันมากนานหลายปีตั้งแต่อีกฝ่ายเข้ามาศึกษาในสถาบันการศึกษาแห่งเดียวกัน ทว่ายูรัสก็อดเบื่อหน่ายกับมาดอันเยือกเย็นมั่นใจในตัวเองสูงปานยานอวกาศลอยลำอยู่เหนือชั้นบรรยากาศรอบดาวเคราะห์ของอภิมหาเศรษฐีหนุ่มมิได้

กระนั้นวุฒิสมาชิกหนุ่มก็มิได้ต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้นด้วยแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้เรื่องที่กำลังพูดคุยกันนี้ผ่านเข้าไปในรับรู้ของหญิงสาวชาวโลก…

ไม่ใช่ในยามที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อันตรายนี้…

นัยน์ตาสีเขียวมรกตแลผ่านกระจกใสข้างตัวไปยังสวนกว้างใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดที่เห็นชัดเจนขึ้นเพราะความเร็วของยานพาหนะลดลงเรื่อยๆขณะแล่นไปตามเส้นทางเข้าสู่คฤหาสน์ของตระกูลอิลราซาน แสงอาทิตย์ยามบ่ายลอดผ่านหมู่ไม้เกิดเป็นแสงเงาทอดลงพื้นตัดสลับกันไปมาตลอดทางเตือนให้ระลึกถึงบ้านหลังงามริมทะเลสาบแซนกิลลีอันเป็นที่พักพิงส่วนตัวจนแทบไม่มีใครรู้ว่าเป็นของเขา

ยิ่งคิดถึงมากขึ้นโดยเฉพาะกับคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังน้อย…

ภาพร่างงามสมส่วนถูกถลกกระโปรงขึ้นมากองบนสะโพกจนเผยให้เห็นช่วงขาเพรียวยาวขาวเนียนกับชั้นในสีขาวตัวน้อยซึ่งมีร่องรอยชุ่มชื้นแห่งความปรารถนาประดับอยู่ และเส้นผมสีทองคำขาวยุ่งเหยิงจากการถูกขยุ้มลูบไล้จนแผ่กระจายปรกไหล่กลมกลึงแล้วตกลงสู่แผ่นหลังบอบบางดูเร้าใจอย่างที่เขาคาดไม่ถึงลอยขึ้นมาในสมองทันที

ทั้งแก้มนวลเนียนและกลีบปากบางซึ่งแดงระเรื่อด้วยแรงปรารถนานั้นยั่วยวนอารมณ์คนมองโดยที่ผู้เป็นเจ้าของมิได้รู้ตัวเลยสักนิด เมื่อประกอบเข้ากับดวงตาสีฟ้าอ่อนจางละม้ายก้อนน้ำแข็งเป็นประกายวาววามด้วยความรู้สึกอันคุกรุ่นอยู่ภายในก็แทบจะทำให้เขาสนองตอบสัญญาณที่หล่อนส่งออกมาจนเสร็จเรียบร้อยภายในห้องครัว

ทว่าการกระทำเร่งร้อนมิได้เตรียมการใดๆนั้นย่อมขัดกับความตั้งใจที่เขาตระเตรียมเพาะบ่มไว้อย่างแน่นอน!

นั่นคือสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เขาหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น…

ผลไม้ยังไม่สุกงอมเต็มที่จะมีรสชาติหอมหวานติดลิ้นชวนให้ใฝ่ฝันอยากลิ้มลองอีกได้อย่างไร?

“นอกจากคุยกับผมแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะได้พบกับเธรอนด้วย” นักธุรกิจหนุ่มเปรยพร้อมอาการขมวดคิ้วเมื่อยานพาหนะจอดนิ่งบริเวณประตูทางเข้าด้านหน้าของคฤหาสน์ที่ถูกออกแบบอย่างล้ำสมัยของตนเอง ร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีเทาอ่อนก้าวลงก่อนจะหยุดยืนรอผู้มาเยือนที่เชิงบันได

“หมอนั่นอยู่ด้วยหรือ” ยูรัสเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงชายหนุ่มที่เขาไม่คิดว่าจะได้มาพบในวันนี้ ก้าวออกจากยานพาหนะก่อนเดินตามเจ้าของบ้านซึ่งสูงกว่าตนเองหนึ่งนิ้วเข้าสู่โถงด้านหน้าตกแต่งอย่างสวยงามสบายตาเท่าที่ความชื่นชอบในเทคโนโลยีของอีกฝ่ายจะอำนวย

แอนดรอยด์รับใช้ที่มีรูปลักษณ์เป็นหญิงวัยกลางคนก้าวเข้ามารับกระเป๋าและของอื่นๆที่พวกเขาถือมาก่อนจะก้มศีรษะถอยออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้านายโบกมือเป็นสัญญาณ ปฏิกิริยาตอบสนองที่เหมือนมนุษย์ของหุ่นยนต์ที่ประกอบขึ้นมาจากเทคโนโลยีขั้นสูงและเครื่องกลมาประสิทธิภาพอันมีราคาสูงลิบลิ่วยิ่งเน้นให้เห็นว่าเจ้าของบ้านชื่นชอบวิทยาการอันก้าวไกลมากเพียงไร

ดูเหมือนจะเป็นนิสัยไปแล้วที่เขาเป็นต้องมองหาของเล่นใหม่ของไซเร็คทุกครั้งที่มาเยือนบ้านหลังนี้…

“ผมมีเรื่องสำคัญที่อยากให้ทุกคนทราบ”

ก่อนที่ผู้มาเยือนจะได้สอบถามถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้เพื่อนรุ่นน้องเชิญมิตรสหายที่สนิทสนมไปจนถึงผู้นำตระกูลหนึ่งในกลุ่มเครสซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มอาชญากรชื่อดังของดาราจักรมาสนทนากันถึงบ้าน เสียงฝีเท้าซอยถี่ๆมุ่งตรงมาและเสียงร้องด้วยความยินดีของเพศหญิงก็ดังขึ้น

“กลับมาแล้วเหรอ ไซเร็ค!”

เมื่อชายหนุ่มทั้งสองหันไปมองก็เห็นร่างอวบในเสื้อยืดสีชมพูสดใสและกางเกงผ้าสีขาวยาวครึ่งแข้งวิ่งผ่านประตูด้านซ้ายออกมาจนผมยาวสลวยปลิวสะบัดตามจังหวะการเคลื่อนไหว ดวงหน้าอ่อนเยาว์สดใสเปิดยิ้มกว้างขวางอย่างมีความสุขขณะโผเข้าหาร่างสูงเพรียวที่อ้าแขนออกรับโดยอัตโนมัติ ไม่ได้สังเกตเห็นวุฒิสมาชิกหนุ่มผู้ยืนนิ่งอยู่ทางเบื้องหลังขณะมองการแสดงความรักด้วยสีหน้ายิ้มๆแม้แต่น้อย

ความกระตือรือร้นในการต้อนรับของหญิงสาวชาวโลกเรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นบนดวงหน้าคมคายมากกว่าเดิม นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองคู่รักตรงหน้าอย่างชื่นชมในวิธีการแสดงออกของมนุษย์ต่างดาวสาวต่อเรื่องนี้ แม้เขาจะไม่เห็นว่าหล่อนมีสิ่งใดโดดเด่นจนสามารถดึงดูดความสนใจของเจ้าของธุรกิจโทรคมนาคมระดับแนวหน้าของกาแล็กซีที่เหล่าสตรีผู้ถึงพร้อมไปด้วยฐานะชาติตระกูลจำนวนมากรอให้เลือกมาชิดใกล้ แต่ก็ยอมรับความจริงที่ว่านิสัยร่าเริงแจ่มใสและการเปิดเผยความรู้สึกไม่ปิดบังคือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เพศชายส่วนใหญ่ไม่อาจปฏิเสธได้

กระนั้นมันก็ไม่ตรงกับรสนิยมเขาอยู่ดี…

ปัณฑารีย์กอดหนุ่มคนรักอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะคลายอ้อมแขนออกเพื่อรั้งใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมให้ก้มลงมาประทับจุมพิต ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างพร้อมพึมพำบอกความในใจให้สมกับความคิดถึงที่มิได้เจอกันเกือบสองสัปดาห์ ครั้นพอใจแล้วจึงผละออกห่างเล็กน้อยแล้วเริ่มทำการรายงานสถานการณ์ในบ้านซึ่งแขกลงความเห็นในใจว่าค่อนไปทาง ‘บ่นปนฟ้อง’ มากกว่า

“ทำไมถึงกลับช้าล่ะ!? เธรอนมาตั้งแต่นานแล้วนะ แกล้งแพนอีกแล้วด้วย! ตาบ้านั่นมาถึงเมื่อเที่ยงก็เริ่มยั่วโมโหกันเลย มันน่าไม่ให้เข้าบ้านจริงๆ เอ๊ะ! เกือบลืม วันนี้มีบอดี้การ์ดมาด้วยแหละ ตัวใหญ่ยังกับนักอเมริกันฟุตบอลแน่ะ”

“น้อยๆหน่อยคนสวย อย่าใส่ความทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณสิ”

เสียงห้าวยานคางดังขัดจังหวะเมื่อเจ้าของบ้านอ้าปากเตรียมจะสอบถามเรื่องราวทั้งหมด พร้อมกับที่ชายหนุ่มผมดำหยักศกสะบัดปลายเจ้าของรูปลักษณ์สะท้านใจเพศตรงข้ามในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทปลดกระดุมสี่เม็ดบนปล่อยชายคลุมกางเกงผ้าเนื้อหยาบหนาเดินลอยชายตามเข้ามาจากทิศทางเดียวกัน กระทั่งมาหยุดยืนห่างจากแม่สาวช่างฟ้องเพียงก้าวเดียวจึงตบบ่าทักทายเพื่อนสนิทและคนที่ยืนอยู่ถัดไป

“เป็นไงบ้าง วันนี้ฉันลากเอธานมาด้วยนะ มันขึ้นไปหมกตัวอยู่ในห้องตั้งแต่กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว คุณล่ะ ยูรัส ประชุมกรณีพิพาทพรินซิโนครั้งล่าสุดนี่ทำให้ปวดหัวยิ่งกว่าเดิมรึเปล่า”

ริมฝีปากบางขยับยิ้มเมื่อพ่อค้าอาวุธหนุ่มเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านผู้มีนามว่า เธรอน เซส เอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาเข้าร่วมการประชุมเฉพาะกิจของสภาบนดาวอาริออสซึ่งถูกเลือกให้เป็นสถานที่ไกล่เกลี่ยคู่กรณีที่กำลังจะเปิดสงครามถล่มอาวุธใส่กันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรอยู่รอมร่อ ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินแฝงแววเกียจคร้านกับรอยยิ้มเอื่อยเฉื่อยที่มองมาบอกให้ทราบว่าคนถามน่าจะทราบผลทันทีที่เสร็จสิ้นการประชุมในไม่กี่วินาที

หรือเจ้าตัวอาจจะรู้ก่อนเริ่มประชุมด้วยซ้ำ!

“ยินดีด้วยนะ ท่าทางยอดสั่งซื้อเดือนนี้ของนายจะสูงขึ้นอีกแล้ว”

“ไม่ใช่ของผมหรอก” นักธุรกิจเจ้าของกิจการค้าอาวุธที่ชอบออกภาคสนามมากกว่านั่งโต๊ะส่ายหน้า “งานนี้ได้ไม่คุ้มเสียแน่ ถ้าสภายังเพ่งเล็งเพราะหวังอะไรบางอย่างอยู่แบบนี้น่ะ ต่อให้ไม่มีไอ้พวกที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามหลังก็เถอะ”

“รู้ดีจริงนะ” วุฒิสมาชิกหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากในขณะที่คู่สนทนายักไหล่ราวกับจะบอกว่าเรื่องที่คุยกันอยู่มิใช่ความลับที่น้อยคนจะรู้

“อย่ามายืนคุยกันอยู่ตรงนี้เลย เข้าไปข้างในกันดีกว่า” เจ้าของบ้านเริ่มต้อนแขกทั้งหมดเข้าห้องนั่งเล่นก่อนหันไปหาหญิงสาวเพียงคนเดียวในบ้าน “แพน คุณช่วยบอกให้แอนดรอยด์ขึ้นไปตามเฌอราสลงมาทีเถอะ”

“ได้เลย แล้วฉันจะไปทำงานต่อเลยนะ” มนุษย์โลกสาวตอบรับแล้วหันมาทางผู้มาเยือนที่เคยพบกันมาก่อนแล้ว ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มขอลุแก่โทษส่งให้ชายหนุ่มที่หล่อนไม่ทันสังเกตเห็นแต่ทีแรก “ขอโทษนะคะยูรัส ฉันไม่ทันเห็นคุณก็เลย…”

“ไม่เป็นไรหรอกครับแพน ผมเห็นแล้วว่าคุณกำลังยุ่ง” ดวงหน้าคมคายก้มต่ำจนเห็นประกายขบขันในดวงตาสีดำที่มองตรงไม่หลบตาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆยามรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกตำหนิหรือไม่ก็ถูกประชดแบบนิ่มๆอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำเจ้าหล่อนยังหัวเราะแก้เก้อจนพวงแก้มแดงระเรื่อให้เห็นว่ากำลังชอบอกชอบใจก่อนผละไปอีกต่างหาก

เป็นผู้หญิงที่เปิดเผยมากเกินไปจริงๆเสียด้วย…

ชายหนุ่มทั้งสามเข้าไปในห้องนั่งเล่นริมสวนที่ตกแต่งอย่างสะดวกสบายเป็นกันเองด้วยโซฟาตัวโตหุ้มผ้าไหมสีน้ำเงินอมเขียวแล้วเลือกที่นั่งกันตามสบาย ร่างสูงเพรียวเลือกหย่อนกายบนเก้าอี้เดี่ยวด้านซ้ายของโซฟาตัวยาวด้วยกิริยาสุภาพสำรวมราวกับกำลังนั่งอยู่ในที่ประชุมของสภา ในขณะที่ไซเร็คถอดเสื้อนอกออกพาดพนักตามด้วยการคลายเนคไทให้หลวมพอจะปลดกระดุมเม็ดบนได้ ส่วนเธรอนก็หันไปคว้าถาดเครื่องดื่มมาจากมือแอนดรอยด์แล้วเริ่มรินเครื่องดื่มแจกทุกคนอย่างคล่องแคล่วว่องไว

ไม่นานร่างสูงหนาของคนที่ถูกตามตัวก็เข้ามาสมทบในห้อง…

ยูรัสเหลือบมองเอธานพลางเลิกคิ้วขึ้นแทนคำถามในการปรากฏตัวของอีกฝ่ายในสถานที่แห่งนี้ หากชายที่ปัณฑารีย์ให้นิยามว่า ‘ตัวใหญ่ยังกับนักอเมริกันฟุตบอล’ กลับมองผ่านเลยไปยังเจ้าของบ้านแทน

“อิลราซาน”

“เรียกผมว่าไซเร็คเถอะ เชิญนั่งก่อนสิครับ” เจ้าของบ้านผายมือให้แขกไม่ได้รับเชิญที่เพิ่งเคยมาเยือนเป็นครั้งแรกเลือกที่นั่งได้ตามสบาย เมื่อร่างใหญ่โตบึกบึนทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวถัดจากพ่อค้าอาวุธหนุ่มเขาจึงพูดต่อ “การพบกันครั้งก่อนๆของเราเกิดขึ้นในที่สาธารณะ ทำให้ไม่สามารถพูดคุยอะไรได้มากนัก แต่ผมก็หวังว่าเราจะสามารถเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้”

“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรถึงได้ให้เธรอนลากผมมาถึงนี่”

เอธานตอบกลับเสียงเรียบไม่มีร่องรอยอารมณ์ใดๆให้คนฟังจับได้ ในขณะที่เจ้าของบ้านหันไปเลิกคิ้วใส่เพื่อนสนิทตัวการนำบุคคลอันตรายต่อภาพลักษณ์นักธุรกิจมือสะอาดของเขาเข้ามาถึงคฤหาสน์ของตระกูลอิลราซาน และได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มเรื่อยเปื่อยไม่ยี่หระต่อสิ่งใดกลับมา

ภาพเบื้องหน้าสร้างความขบขันให้วุฒิสมาชิกหนุ่มจนนึกขัน…

เพื่อนทั้งคู่ของเขามีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันละม้ายดาวฤกษ์อันสุกสว่างกับหลุมดำที่พร้อมจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งกิจการในครอบครอง แวดวงสังคม และอุปนิสัยใจคอ ล้วนแล้วแต่เป็นแม่เหล็กคนละขั้ว การทำความรู้จักกันต่อหน้าที่สาธารณะจึงต้องกระทำอย่างระมัดระวังมิให้บุคคลอื่นสังเกตเห็นความเกี่ยวข้องใดๆระหว่างกัน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลร้ายต่อทั้งชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของไซเร็คอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้น…

เอธานเองก็รู้ดีว่าหนุ่มรุ่นน้องผู้นี้พยายามหลีกเลี่ยงปฏิสัมพันธ์ใดๆที่นอกเหนือไปจากฐานะคนรู้จักกันธรรมดา…

แต่จะปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีเท่าไรนัก…

“นั่นสิไซเร็ค เรื่องสำคัญของนายคืออะไรกันแน่” ยูรัสเปรยขึ้นมาบ้างก่อนจะมองเจ้าของบ้านตรงๆเมื่อข้อเท็จจริงบางประการผุดเข้ามาในสมอง

ทุกคนในห้องนี้คือ…คีเรี่ยน

ไม่เว้นแม้แต่เขาที่เลือดครึ่งหนึ่งในกายมาจากเชื้อสายเดียวกัน!

นัยน์ตาสีเขียวมรกตกวาดมองสีหน้ายิ้มแย้มของเพื่อนรุ่นน้องไล่ไปยังใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของพ่อค้าอาวุธหนุ่มที่มีฉายแววรู้แน่แก่ใจ ไปจนถึงประกายตระหนักรู้บางอย่างที่แวบผ่านในดวงตาสีน้ำเงินสวยทันทีที่ได้สบตากัน หนุ่มลูกครึ่งคีเรี่ยนทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นร่องรอยน่าฉงนต่างๆจากทุกคนในห้อง

“ถ้าพวกนายรู้กันหมดแล้วก็อย่าทิ้งให้ฉันอยู่ในความมืดคนเดียวจะได้ไหม”

“คุณต้องเรียนรู้ไว้นะยูรัส เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญต่อพวกเราชาวคีเรี่ยนมากทีเดียว โดยเฉพาะไซเร็ค” เธรอนเปรยพลางปรายตามองเพื่อนสนิทที่นั่งอมยิ้มไม่ยอมเฉลยสาเหตุเสียที และคิ้วสีน้ำตาลของคนต้องเรียนรู้เลิกขึ้นยามหันไปมองเพื่อนรุ่นน้องด้วยความสงสัยอย่างแท้จริง

“ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

“ผมจะแต่งงาน” ไซเร็คตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลแฝงแววรื่นรมย์ขณะจิบเครื่องดื่มที่เริ่มเย็นลง

ท่าทางผ่อนคลายสบายใจของเขาส่งผลให้วุฒิสมาชิกจากดาวรีเอสเกิดข้อสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีกว่าใครคือสตรีผู้โชคดีคนนั้น รอยยิ้มสุภาพบางเบาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเมื่อถามถึงว่าที่เจ้าสาวของอีกฝ่าย

“กับใครหรือ”

เสียงหัวเราะปนสำลักดังขึ้นทันทีที่ถามจบประโยค พ่อค้าอาวุธหนุ่มหัวเราะลั่นราวกับกำลังได้ฟังเรื่องตลกที่สุดในชีวิตแล้วจึงถองใส่คนจะแต่งงานที่นั่งใกล้กัน ทว่าเพื่อนสนิทกลับหันไปทำตาดุปรามมิให้เจ้าตัวหลุดปากพูดอะไรที่อาจทำให้ว่าที่เจ้าสาวผู้ไม่ได้อยู่ในห้องปรี่เข้ามาทำร้ายได้

“ผมจะแต่งงานกับแพน”

“อ้อ…” คนฟังแปลกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปได้ “ยินดีด้วยนะ”

ยูรัสได้แต่มองหนุ่มผมดำนั่งพิงพนักเก้าอี้ยาวด้วยกิริยาปล่อยตัวตามสบายพลางหัวเราะขบขันที่ทำท่าพยักพเยิดกับไซเร็คราวกับกำลังบอกอีกฝ่ายว่า ‘บอกแล้ว’ ส่วนเจ้าของบ้านก็หรี่ตามองเพื่อนคล้ายกับกำลังคิดว่าจะจับอีกฝ่ายโยนออกจากบ้านท่าไหนดี

อากัปกิริยาของสองหนุ่มบอกชัดว่าทั้งคู่คงคุยกันถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ส่วนเอธานที่นั่งเงียบอยู่ก็เผยยิ้มราวกับจะเยาะที่เขาคาดเดาจนเข้าใจผิดไปเองโดยไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือใดๆ ในเมื่อความจริงปรากฏชัดอยู่ตรงหน้าก็คงได้แต่ขออภัยว่าที่เจ้าบ่าวที่เข้าใจเรื่องสำคัญอันแสนจะละเอียดอ่อนผิดไปแต่เพียงอย่างเดียว

“ขอโทษนะไซเร็ค ฉันแค่คิดไม่ถึงน่ะ”

ประโยคนี้เป็นคำพูดที่จริงใจที่สุดของวุฒิสมาชิกหนุ่มตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ ถึงจะเห็นการแสดงออกอันแสนชื่นมื่นระหว่างอีกฝ่ายกับมนุษย์ต่างดาราจักรสาวด้วยตาตนเอง แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มชาวคีเรียนจากตระกูลสูงที่ยึดมั่นกับประเพณีขนบธรรมเนียมของเผ่าพันธุ์อย่างไซเร็คจะตกลงใจแต่งงานกับหญิงสาวชาวโลกผู้ถูกจับตัวมาขายเป็นสินค้าซึ่งไม่ต่างอะไรกับเครื่องเล่นทางเพศชนิดอื่นๆ

ทั้งที่มีสุภาพสตรีที่เหมาะสมรอคอยให้ไซเร็คเลือกมาเป็นคู่ครองอยู่มากมาย แต่เพื่อนรุ่นน้องกลับเมินผ่านแถมยังเลือกแม่สาวผู้ปราศจากคุณสมบัติล้ำเลิศทางสังคมที่จะสามารถเชิดหน้าชูตาผู้เป็นสามีมาเป็นภรรยา

มันเป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันทำอย่างแน่นอน!

“ไม่เป็นไรครับ คนที่คาดไม่ถึงคงไม่ได้มีแต่คุณคนเดียวแน่” คนจะแต่งงานเผยยิ้มอย่างเข้าใจความคิดคนพูดด้วยความตั้งใจเดิมที่มีมาตั้งแต่ล่วงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของตนเองนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่การร่วมชีวิตกับสตรีเชื้อสายเดียวกันเพื่อดำรงความบริสุทธิ์ในสายเลือดต่อไปดังที่บิดาและสังคมคีเรี่ยนคาดหมายไว้ แต่เมื่อได้อาศัยอยู่ร่วมกับปัณฑารีย์และได้รู้จักหล่อนมากขึ้นความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ “หลังจากนี้ผมต้องกำหนดวันและเริ่มเชิญคนอื่นๆมาร่วมงานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวก่อนแต่งงานน่ะครับ”

“งานเลี้ยงแนะนำตัวเจ้าสาวงั้นเหรอ”

ความสงสัยใคร่รู้เกิดขึ้นทันทีที่ได้ยินข้อมูลใหม่ๆเกี่ยวกับเชื้อสายฝ่ายบิดาที่ตนเองยังไม่มีโอกาสได้ศึกษามากนัก เพราะนอกจากกลุ่มคนที่รายล้อมอยู่รอบกายในขณะนี้เขาก็ไม่สะดวกใจหรือสนิทสนมพอที่จะซักถามเอารายละเอียดใดๆของชาวคีเรี่ยนจากบุคคลอื่นโดยไม่ทำให้คู่สนทนารู้สึกว่ากำลังถูกรุกล้ำเรื่องส่วนตัวเกินไป มิหนำซ้ำยังไม่เวลาอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์คีเรี่ยนที่บิดาส่งมากำนัลให้ทั้งชุดด้วย

“งานแต่งงานแบบคีเรี่ยนประกอบด้วยพิธีหลักๆสามพิธี จะว่าไปแล้วมันมีพิธีจริงๆแค่พิธีเดียวด้วยซ้ำ เพราะอีกสองอย่างมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่นิยมจัดควบคู่กันมา” เอธานที่นั่งเงียบมานานเป็นผู้ให้คำอธิบายให้เพื่อนฟังแทนว่าที่เจ้าบ่าว ดวงตาสีแซฟไฟร์กวาดมองหน้าทุกคนก่อนจะมาหยุดที่ยูรัสผู้ไร้ความรู้ในเรื่องนี้มากที่สุด

“อย่างแรกเลยก็คือการถือพรหมจรรย์หนึ่งร้อยยี่สิบวันของฝ่ายชาย และการปักผ้าที่จะใช้ในงานแต่งให้เสร็จทันเวลาของฝ่ายหญิง เพื่อเป็นการพิสูจน์ความตั้งใจจริงของทั้งคู่จึงต้องเริ่มทำพร้อมกันและสิ้นสุดลงในวันเดียวกัน ถ้าไม่สำเร็จเพราะคนใดคนหนึ่งละเมิดก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานในปีนั้นเลย ปีถัดไปค่อยมาว่ากันอีกครั้ง ระหว่างขั้นตอนนี้หลายคู่ทรมานแทบตายเลยล่ะ หึหึ”

เสียงหัวเราะในลำคอของเจ้าพ่อหนุ่มส่งผลให้คนตั้งใจฟังอดคิดมิได้ว่าคงมีใครบางคนที่อีกฝ่ายรู้จักผ่านบทพิสูจน์นี้ไปได้อย่างยากลำบากทรมานตามคำบอกเล่า และชายหนุ่มก็เห็นว่าไม่น่าแปลกใจนักในเมื่อความกระตือรือร้นทางเพศของเผ่าพันธุ์คีเรี่ยนซึ่งมักจะได้รับการสนองตอบเป็นประจำถูกปิดกั้นเพราะความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจด้วยการเก็บกดอารมณ์พิศวาสมิให้ระบายออกเป็นเวลาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ถึงไม่ใช่หนุ่มคีเรี่ยนก็ทรมานไม่ต่างกันเท่าไรหรอก…

“ต่อมาก็คืองานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวที่ไซเร็คพูดถึงเมื่อครู่” คราวนี้พ่อค้าอาวุธหนุ่มรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายเมื่อเจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำที่สุดในห้องไม่พูดต่อ “จริงๆแล้วงานเลี้ยงนี้เป็นการประกาศว่าใครจะแต่งงานกับใครในหมู่ญาติมิตรทั้งหลาย จัดขึ้นเมื่อการถือพรหมจรรย์ใกล้จะสิ้นสุดหรือสิ้นสุดลงแล้วก็ได้ อาจเป็นหนึ่งหรือสองอาทิตย์ก่อนหรือหลังครบร้อยยี่สิบวัน ก็ขึ้นอยู่กับคู่บ่าวสาวว่าพร้อมประกาศการแต่งงานเมื่อไร”

“ถ้าเป็นการประกาศการแต่งงาน ทำไมถึงเรียกว่างานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวล่ะ” วุฒิสมาชิกหนุ่มตั้งข้อสังเกตด้วยความสงสัย เพราะเท่าที่ทราบชาวคีเรี่ยนให้ความสำคัญแก่เพศชายในการสืบทอดสายเลือดของตระกูลมากกว่าเพศหญิง การเรียกงานเลี้ยงด้วยชื่อที่ให้เกียรติเพศหญิงโดยเฉพาะดูจะแปลกเกินธรรมเนียมปฏิบัติไปนิดเมื่อคำนึงถึงความจริงข้อนี้

“เพราะสาวๆคีเรี่ยนไม่ได้มีแค่หน้าตาดูได้น่ะสิคร้าบ” เธรอนลากเสียงห้าวต่ำก่อนมองคนถามด้วยแววตาเป็นประกายพราวอย่างขบขัน “คุณก็คงจะเคยเห็นแล้วว่าสาวๆในเผ่าพันธุ์เรารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง และถึงคุณจะมองข้ามไม่สนใจรูปกายภายนอก อุปนิสัยโดยธรรมชาติของเจ้าหล่อนก็ไม่แพ้กันเท่าไรหรอก ในเมื่อตกลงจะแต่งงานกันเป็นมั่นเหมาะและเริ่มการถือพรหมจรรย์แล้ว เราถึงต้องจัดงานเลี้ยงแนะนำเจ้าสาวเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาวอแวกับว่าที่เจ้าสาวอีก ก็เป็นการประทับตราว่ามีเจ้าของแล้วอีกวิธีหนึ่งนั่นแหละ”

คำบอกเล่าและความเห็นส่วนตัวของหนุ่มรุ่นน้องอธิบายอย่างชัดแจ้งให้คนฟังได้ทราบถึงสาเหตุในการเรียกชื่องานเลี้ยงได้เป็นอย่างดี…

หากหนุ่มๆคีเรี่ยนซึ่งมีนิสัยเป็นผู้นำและชอบปกป้องดูแลรักษาทุกสิ่งทุกอย่างในครอบครองจะแต่งงานกับหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจถึงขั้นที่ทำให้ยอมสละสถานภาพไร้พันธะ ก็เป็นเหตุผลอันกระจ่างชัดว่าเจ้าตัวจะต้องทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครหน้าไหนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสตรีที่ตนเองถือสิทธิ์เหนือกว่าแน่นอน!

“แต่ก็ยังมีพวกที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้และจะคอยแทรกแซงเมื่อมีโอกาส ผลที่ได้ในบางครั้งก็ทำให้ว่าที่คู่แต่งงานเลิกรากันไป เพราะถ้าไม่เลิก เจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจฆ่ากันตายเพราะอีกฝ่ายนอกใจไปกับคนอื่น”

ใบหน้าคมคายของวุฒิสมาชิกหนุ่มพยักนิดๆเมื่อพ่อค้าอาวุธหนุ่มจบคำอธิบายลง พฤติกรรมทางเพศอันเร่าร้อนสุดเหวี่ยงของหนุ่มรุ่นน้องยามเริงร่าอยู่กับสาวๆที่ได้เห็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันช่วยให้วุฒิสมาชิกหนุ่มมองเห็นภาพรวมของเพศชายในเผ่าพันธุ์นี้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ไม่รู้สึกแปลกใจสักนิดหากจะมีใครสักคนตั้งใจเข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างคู่แต่งงานเพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุกสนานท้าทายที่จะได้ทดสอบฝีมือในการแข่งขันประเภทนี้

และเขาก็ไม่คิดว่าในเพศหญิงจะมีอารมณ์ความรู้สึกแตกต่างออกไป ในเมื่อพวกเขาล้วนแล้วแต่มีทัศนคติอิสรเสรีในการหาความสำราญทางเพศที่มุ่งไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น

ถึงจะเป็นลูกครึ่งอย่างตนเองก็ไม่ต่างไปจากนี้เช่นกัน!




ริมฝีปากบางสีระเรื่อเม้มเข้าหากันอย่างไม่เห็นด้วยเมื่ออ่านรายงานสรุปวาระการประชุมครั้งล่าสุดบนดาวอาริออสจบลงภายในเวลาไม่นาน ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางเช่นเดียวกับน้ำแข็งขั้วโลกกวาดไล่ไปตามตัวอักษรที่เรียงร้อยต่อกันเป็นถ้อยคำให้แน่ใจว่าไม่มีรายละเอียดใดหลงรอดสายตาไป ข้อมูลที่ซึมซาบเข้าสู่สมองมากขึ้นทุกวินาทีจากแฟ้มข้อมูลส่วนตัวของยูรัสซึ่งส่งตรงมาจากเลขานุการผู้มีหน้าที่สรุปรายงานการประชุมของสมาพันธ์ก่อความไม่สบายใจให้วุฒิสมาชิกสาวได้โดยไม่คาดฝันมาก่อน

ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติระหว่างสองขั้วอำนาจบนดาวพรินซิโนซึ่งใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาในช่วงแรกเริ่มกลายเป็นการใช้กำลังเข้าปะทะขนาดย่อมและเพิ่งจะพัฒนาไปเป็นสงครามแย่งชิงอำนาจรังแต่จะส่งผลร้ายต่อประชากรทุกคน ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะก็ไม่อาจเรียกสิ่งที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมาได้ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความรู้สึก อันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขจะมลายหายไปทันทีที่การประกาศสงครามเริ่มขึ้น

แคเทรียนจ้องมองสภาพภูมิประเทศแบบสามมิติที่ก่อตัวจากแสงสีต่างตรงหน้าก่อนจะเลือกดูเป้าหมายที่ชี้เฉพาะเจาะจงลงไปแต่ละจุดด้วยแววตาครุ่นคิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อได้เห็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีน่าสนใจหลายแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทันที

นอกจากภาระหน้าที่ในด้านศิลปวัฒนธรรมและสิทธิสตรีที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบจะกระตุ้นให้หญิงสาวชาวบาโรวิทรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านกับสิ่งที่เห็นแล้ว…

อุปนิสัยรักสงบไม่ชอบใช้กำลังในการแก้ไขปัญหายิ่งกระพือความไม่พอใจในตัวผู้ปกครองของดาวเคราะห์ดวงนี้มากยิ่งกว่าเดิม...

พวกสมองกลวง!

วุฒิสมาชิกสาวเม้มปากแน่นขณะนึกประณามผู้นำทั้งสองฝ่ายไปพร้อมกัน ไม่กี่วินาทีต่อมาความคิดตำหนิก็กระหวัดไปยังชายหนุ่มเจ้าของบ้านซึ่งได้เข้าร่วมการประชุมไกล่เกลี่ยตามหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แน่ใจว่าหากตนเองได้มีโอกาสเข้าไปนั่งอยู่ในที่ประชุมแทนเขาผู้นั้นก็จะไม่ยอมปล่อยให้มองข้ามความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมไปง่ายๆโดยไม่ใส่ใจ

กระนั้นข้อเท็จจริงที่แฝงอยู่ในเบื้องลึกก็ทำให้เธอไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม…

การประชุมถูกจัดขึ้นแม้จะรู้ผลตั้งแต่แรกแล้ว!

เปลือกตาบางใสหลุบต่ำขณะความคิดแล่นลิ่วไปตามเส้นทางที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนหากไม่เขลาเกินไปนัก ถ้าสมาพันธ์ต้องการไกล่เกลี่ยความขจัดแย้งให้บรรเทาเบาบางลงก็คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงแบบนี้ การจัดประชุมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนออกแถลงข่าวเป็นเพียงการสร้างภาพให้สาธารณชนได้ทราบว่าส่วนกลางได้พยายามจะช่วยเหลือและป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนสาเหตุหรือจุดประสงค์ที่แท้จริงในการทำเช่นนี้ก็ถูกปิดบังซ่อนเร้นไว้ให้บุคคลบางกลุ่มได้ทราบกันเช่นเคย

ทั้งหมดนี้นอกจากจะเป็นการผลาญงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์แล้วยังถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจด้วย!

“ปิดการทำงาน”

เสียงหวานสั่งเบาๆก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานที่ได้ฉวยโอกาสยามเจ้าของบ้านไม่อยู่มาใช้ในการติดตามข่าวสารและการเคลื่อนไหวสำคัญต่างๆรอบดาราจักรขณะที่ยังติดอยู่ในบ้านหลังนี้ เลื่อนเก้าอี้ทำงานหนังนุ่มตัวโตกลับเข้าที่แล้วหมุนตัวไปยังบริเวณที่เป็นห้องสมุดเพื่อทำงานต่อเมื่อตระหนักดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขเรื่องเกิดขึ้นแล้วได้

มือขาวจัดยกขึ้นมาถอดแว่นตาออกตามความเคยชินก่อนจะนึกได้ว่าในขณะนี้มีเพียงความว่างเปล่าอยู่บนดั้งจมูก หญิงสาวชะงักค้างชั่วครู่ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวบอกอารมณ์ล้าออกมา

ตั้งแต่ถูกส่งมาที่นี่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุ้นเคยก็เปลี่ยนไปตามรสนิยมเจ้าของบ้าน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตามแบบดาวบาโรว์ที่เป็นเสื้อคอปิดแขนยาวผ่าข้างจากเอวถึงข้อเท้าเนื้อนุ่มบางเบาและกางเกงขายาวเนื้อหนากว่าเล็กน้อยสีขาวที่ใส่เป็นประจำกลายเป็นชุดกระโปรงยาวเผยบ่าและไหล่หลายสีซึ่งบรรจุมาในกล่องบนม้านั่งปลายเตียงทุกเช้าที่ตื่นนอน ผมที่เคยรวบไว้จนตึงให้ดูสุภาพเรียบร้อยเป็นระเบียบจำต้องปล่อยยาวสยายจนระสะโพกเพราะไม่มีอุปกรณ์จัดการกับมัน ที่แย่ที่สุดคือรองเท้าพื้นเตี้ยใส่สบายถูกแทนที่ด้วยรองเท้าส้นสูงสีเข้ากับชุดสร้างความลำบากให้จนต้องยอมเดินเท้าเปล่าทุกครั้งที่อยู่ตามลำพังแม้จะไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต

ทุกครั้งที่เห็นเครื่องแต่งกายใหม่ๆก็รู้สึกสมเพชตนเองในใจ…

สภาพของเธอในขณะนี้มิได้ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่เจ้าของจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจเลย!

เพราะไม่อยากคำนึงถึงความอึดอัดไม่สบายใจรอบกาย เวลากว่าสองสัปดาห์ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ส่วนใหญ่จึงถูกใช้ไปกับการทำความสะอาดและจัดหนังสือขึ้นชั้นในห้องสมุดใหม่ ตลอดอาทิตย์แรกที่รู้ว่าต้องอาศัยอยู่กับผู้ชายนิสัยย่ำแย่เธอก็พยายามหาทางหลบหนีออกไปจากที่นี่อย่างไม่ลดละ แต่การออกคำสั่งให้ดาวเทียมค้นหาพิกัดทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ตั้งแห่งนี้เพื่อจะมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางอันถูกต้องได้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าด้วยระบบถูกป้องกันมิให้คนอื่นนอกจากเจ้าของบ้านเข้าใช้งานในส่วนนี้

เมื่อผนวกเข้ากับสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นลงทีละน้อยของปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ทำให้หญิงสาวผู้มีนิสัยละเอียดรอบคอบและเกลียดความผิดพลาดใดๆที่อาจเกิดขึ้นในแผนการยอมละความตั้งใจไว้ชั่วคราว จะเหลือก็แต่เพียงความพยายามในการพิสูจน์ว่าตนเองคือวุฒิสมาชิกที่หายไปตัวจริงแต่เพียงอย่างเดียว

หญิงสาวแน่ใจ...

ถ้าสามารถทำให้ยูรัสเชื่อได้ว่าเธอคือ แคเทรียน เนลีคาห์นตัวจริง...

ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปอย่างแน่นอน!

ร่างสูงโปร่งสาวเท้าตรงไปยังกล่องที่เธอใช้บรรจุสิ่งของซึ่งพบตามจุดต่างๆบนชั้นสองและยังไม่มีโอกาสได้ตรวจตราดูว่ามีอะไรเหมาะสมจะจัดขึ้นชั้นหรือสมควรเก็บเข้าห้องเก็บของบ้าง สาวสวยเริ่มทำการสำรวจสิ่งของแต่ละชิ้นแล้วแยกกองไว้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ ไม่นานสิ่งของก็พร่องไปมากจนเหลือเพียงไม่กี่ชิ้นกระจายอยู่ก้นกล่อง แล้วดวงตาสีอ่อนจางก็ปะทะเข้ากับสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดทันที

แคเทรียนหยิบสมุดเล่มเล็กบางปกแข็งหุ้มผ้าลายใบไม้สีเหลืองน้ำเงินซีดจางมีรอยเปื้อนไม่น่าดูขึ้นมาพิจารณาอย่างแปลกใจ ขนาดที่ไม่น่าจะใหญ่เกินกว่าฝ่ามือผู้ชายบอกให้รู้ว่ามันเป็นสมุดเก็บรูปภาพรุ่นเก่าอันเป็นที่นิยมสมัยตนเองยังเด็ก แม้บ้านหลังนี้จะมีของเก่าแก่บางชิ้นเก็บไว้แต่ก็จะอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์แทบทุกอย่าง และนิสัยรักสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยของยูรัสก็ไม่น่าจะอำนวยให้เก็บสมุดเล่มนี้ไว้ในบ้าน

โดยเฉพาะเมื่อสามารถเปลี่ยนสมุดที่ใช้เก็บภาพได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง…

ปลายนิ้วเรียวสวยพลิกปกหน้าเปิดขึ้นก่อนจะกดปุ่มแสดงรูปภาพที่ถูกบันทึกไว้ให้ฉายออกมาเป็นภาพสามมิติกลางอากาศด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าอะไรถูกเก็บไว้ภายใน เพราะถ้าเป็นของสำคัญอีกฝ่ายคงเก็บไว้ในจุดที่มิดชิดมากกว่านี้ไม่รอให้เธอมาพบเข้า แล้วนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจางก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อได้เห็นแสงสีต่างๆรวมตัวกันเป็นภาพเบื้องหน้า

เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนวัยไม่เกินห้าขวบในเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนและกางเกงขาสั้นสีดำหันหน้าตรงมองกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความรับผิดชอบเกินวัยกำลังจูงมือเด็กหญิงผมสีเงินวัยสองขวบที่สวมกระโปรงลายดอกไม้สีสดใสส่งยิ้มแป้นกับแววตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสามากำนัลคนมอง

ดวงตาที่มีสีเดียวกันกับเด็กหญิงในภาพกะพริบปริบอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะเพ่งมองภาพตนเองกับเจ้าของบ้านที่ยังอยู่ในวัยเด็กทั้งคู่ราวกับจะนึกให้ออกว่าเคยถ่ายภาพนี้ที่ไหน หากความทรงจำสมัยเด็กที่มีต่อเจ้าของบ้านกลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอายุมากกว่านี้ทั้งสิ้น

น่าแปลกที่อีกฝ่ายยังเก็บภาพถ่ายพวกนี้เอาไว้…

หญิงสาวชาวบาโรวิทกดปุ่มต่อไปเพื่อเลื่อนภาพแล้วก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นเด็กคู่เดิมที่โตขึ้นเล็กน้อยในอิริยาบถต่างออกไป

คราวนี้เด็กหญิงในชุดกระโปรงสีชมพูยกมืออ้วนป้อมขึ้นป้ายดวงตาอันฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำขณะที่เด็กชายก้มตัวลงใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้มยุ้ยๆให้ สีหน้าเหยเกเล็กน้อยบอกอารมณ์ลำบากใจของเด็กชายที่โตขึ้นมามีนิสัยเลวร้ายได้อย่างน่าประหลาดใจทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กที่ดูน่ารักคนนี้หายตัวไปได้อย่างไร

หากเธอไม่รู้จักผู้ชายในปัจจุบันที่เด็กชายในภาพเติบโตมาเป็นก็คงไม่เชื่อว่าคนๆหนึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้ …

แต่ภาพต่อๆมาก็เป็นการยืนยันว่าวุฒิสมาชิกสาวมิได้เข้าใจผิดหรือคิดไปเองว่าอดีตที่เคยประสบมาและยังจดจำได้ดีนั้นเป็นเพียงจินตนาการของตนเองฝ่ายเดียว เพราะทุกภาพที่ฉายขึ้นมาในอากาศกลายเป็นกุญแจไขกล่องความทรงจำแต่ละเรื่องให้หลั่ง ไหลออกมาราวกับสายน้ำที่พรั่งพรูลงสู่พื้นดินยามฤดูฝนมาเยือน

เด็กชายคนเดิมที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆมีรอยยิ้มแจ่มใสประดับริมฝีปากมากขึ้นจนเห็นได้ชัดว่าผกผันตรงข้ามกับเด็กหญิงซึ่งมักจะมีสีหน้าเรียบเฉยที่ไม่อาจเกลื่อนความไม่พอใจได้มิด ร่องรอยแห่งความผิดปกติมักจะปรากฏอยู่บนร่างที่เล็กกว่าเสมอไม่ว่าอิริยาบถของคนในภาพจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมที่ถูกมัดไว้สองข้างมีความยาวไม่เท่ากัน หรือเสื้อผ้าเปียกชื้นยับยุ่งจนดูต่างกับความสะอาดเรียบร้อยของคนยืนเคียงข้างราวฟ้ากับเหว

แน่นอนว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นผลอันเนื่องมาจากเด็กชายแต่ผู้เดียว…

คนนั่งดูภาพถ่ายได้แต่ถอนใจพลางปิดสมุดเมื่อไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องสนใจในเหตุการณ์ที่ผ่านไปนานแล้ว ทุกครั้งที่ถูกยูรัสแกล้งเธอก็พยายามเอาคืนด้วยการขอให้มารดาของเขาชดใช้ในสิ่งของที่เสียหายไปหรือไม่ก็เพิกเฉยกับการกระทำอันไร้เหตุผลนั้นมาโดยตลอด เพราะอีกฝ่ายมักจะมีหนทางเอาตัวรอดอันขาวสะอาดงดงามมาใช้อยู่เสมอ นอกจากนี้เด็กทั้งสองต่างก็เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆจนกลายมาเป็นพวกเขาทั้งคู่ในปัจจุบันนี้แล้ว

มือขาวจัดถือสมุดรวมภาพถ่ายค้างอยู่กึ่งกลางระหว่างกองของใช้กับของที่จะต้องเก็บอยู่แวบหนึ่งก่อนวางมันลงบนของใช้ชิ้นอื่นๆเมื่อตัดสินใจว่าจะนำกลับไปวางไว้ที่เดิม

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แคเทรียนรู้แน่แก่ใจว่ามันจะไม่เหมือนเดิม…

เธอจะไม่ยอมให้เขากลั่นแกล้งเอาง่ายๆเหมือนตอนเป็นเด็กแน่!




TBC.




มาต่อเรียบร้อยแล้วนะคะ ^^

ปุณหอบหนุ่มๆมาฝากเพียบเลย ทั้งหล่อ (มากๆ) ล่ำ (ตามความเหมาะสม) คล้ำ (มากน้อยขึ้นอยู่กับอาชีพแต่ละคน) เท่ (กินขาดอยู่แล้ว) ขนาดนี้ สาวๆคงพอใจเนอะ

หากใครเคยอ่าน ในกรงเพลิง มาแล้วก็คงรู้ว่า ไซเร็ค กับ แพน เป็นพระ - นาง ในเรื่องนั้น และรู้ว่าฉากแรกของตอนที่ 3 นี้ เป็นเหตุการณ์เดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายๆของเรื่องไซเร็ค แต่เรื่องนี้เป็นมุมมองของยูรัสนะคะ ช่วงเวลามันซ้อนทับกันพอดี ^^

แต่ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ก็อย่าลืมไปอุดหนุนกันบ้างนะค้า (ฮ่าๆๆ โฆษณากันหน้าด้านๆอีกแล้ว)

ก่อนจากขอบอกตรงๆว่า อยากเห็นคอมเมนต์ของคนอ่านบ้าง...

ถ้าพอมีเวลาก็เมตตากันบ้างนะคะ นะ นะ น้า...





ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2556, 00:19:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2556, 00:19:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1095





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
ปุณณารมย์ 10 ก.ค. 2556, 00:22:38 น.

ตอบคอมเมนต์ตอนที่ 2 ค่ะ

คิมหันตุ์
หาคนป้อนที่ตรงสเป็คแล้วจัดเลยค่ะ! ^^b


คิมหันตุ์ 10 ก.ค. 2556, 00:58:20 น.
จำฉากท้ายๆได้ค่ะ อิอิ และจำเรื่องการถือพรหมจรรย์ก่อนแต่งได้ด้วย อิอิ



เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account