น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 24. “เสียดาย ไม่ได้ไปให้กำลังใจ”

24.

เปิดประตูเข้าห้องรับแขกบนชั้นลอยของร้านหนิงหน่องแฮร์คัทมาแล้วหลังจากทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสารวัตรทะนงศักดิ์ก็ไม่อ้อมค้อม
“ผมมีธุระต้องรีบมารีบไป”

“มีอะไรก็ว่ามาเลยครับท่าน”

“น้องหน่องรู้ไหมว่าทำไม เมื่อเวทีกระท้อนหวานน้ำผึ้งถึงเข้ารอบห้าคนและได้ตำแหน่งมาในที่สุด...” เพียงแค่คู่สนทนาเปรยมาแค่นี้คชาพัฒน์ก็พอเข้าใจว่า วันนั้น อะไรเป็นอะไร แต่เขาก็แสร้งว่าไม่รู้เรื่อง...

“ไม่รู้ครับ...”

“เพราะการช่วยเหลือของกรรมการคนหนึ่ง เพื่อนผมเองแหละ เขาชอบน้ำผึ้งเหมือนที่ผมก็ชอบ...”

“ครับ” คชาพัฒน์พูดสั้น ๆ เพราะอยากจะดูว่าสารวัตรทะนงศักดิ์จะพูดอะไรต่อไป...

“ผมไม่อ้อนค้อมเลยแล้วกันนะ ผมรู้มาว่า น้ำผึ้งจะไปขึ้นเวทีธิดาน้อยหน่าที่ปากช่อง ถ้าอยากติดหนึ่งในห้า หรือได้ที่หนึ่งผมก็พอช่วยได้นะ”

“มีข้อแลกเปลี่ยนใช่ไหมครับ”

“ก็ไม่มากไม่น้อยหรอก มันก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย”

“ว่ามาครับ” ตอนนั้นคชาพัฒน์คิดแล้วว่า ถ้ามันมากไป เขาก็จะไม่พาน้ำผึ้งไปประกวดให้เสียเวลา เพราะเขาเองเรื่องที่จะขายน้ำผึ้งกินนั้นดูเหมือนจะเป็นการฆ่าตัวเองตายเช่นกัน.....

“ผมอยากกินข้าวกับน้ำผึ้งตามลำพังสักมื้อ...ในห้องอาหารในโรงแรมชั้นหนึ่งในตัวจังหวัดของเรา”

คชพัฒน์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ถ้าผมจะบอกว่า ผมจัดการให้ไม่ได้ละครับ”

“ผมหมดธุระของผมแล้ว...ผมพูดแค่นี้แหละ” ว่าแล้วสารวัตรทะนงศักดิ์ก็ลุกขึ้นยืน ผละไปที่ประตู...แต่พอจะผลักประตูเขาก็ชะงักเท้า “อย่างไรก็โทรไปหาผมได้นะครับ ผมจะฝากนามบัตรไว้กับน้องคนที่อยู่ข้างล่าง”

“ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ต้องพาน้ำผึ้งไปที่ปากช่องให้เสียเวลาหรอกครับ”

“ก็แล้วแต่น้องจะคิดแล้วกัน แต่บอกไว้หน่อยว่า ที่เสนอไปนั้น คือแค่กินข้าวกับน้ำผึ้งเฉย ๆ สัญญาด้วยเกียรติของผมเลยว่า จะไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

“น้ำผึ้งยังเด็กนะครับ เป็นลูกสาวท่านได้เลย”

“พอดีผมชอบเด็กเสียด้วย...แล้วผมก็ไม่ชอบฝืนใจใคร มันไม่ตื่นเต้น ไม่ชอบซื้อหาด้วย ผมอยากได้ชนิดที่น้องเขาจะต้องเต็มใจด้วย...”

“ขอบคุณที่มาบอกนะครับ...”...

สารวัตรทะนงศักดิ์กลับไปแล้ว คชาพัฒน์จึงเดินไปหาวรรณศุกร์ที่ร้านและพอได้ยินได้ฟังเรื่องราวจาก คชาพัฒน์ดวงตาของวรรณศุกร์ก็วาวโรจน์ขึ้นมา

“เงินเดิมพันคงจะเยอะอยู่นะได้สารวัตรหูดำมันเลยถอยไม่ได้”

“แล้วแบบนี้หน่องจะพาผึ้งไปประกวดที่ปากช่องดีไหม ถ้าไปก็คงไม่ได้” คชาพัฒน์ยอมรับว่าเสียความมั่นใจไปไม่น้อยเหมือนกัน ที่คิดว่าน้ำผึ้งได้ตำแหน่งมาด้วยความสวยและความสามารถกลับกลายเป็นว่าได้เพราะมีการชักใยอยู่เบื้องหลัง...

“ไปเถอะ ตั้งใจแล้วอย่ายกเลิกเลย ไม่ได้ก็คือไม่ได้ อย่างน้อยก็ไปหาประสบการณ์...เดี๋ยวผมจะให้ไอ้ธิตมันไปด้วย หรือจะไปชวนนายประทินไปด้วยอีกคน เขาคงยินดีไปด้วยหรอกนะ...ไปกันหลาย ๆ คนคงไม่มีปัญหาอะไร”

“เสียดายคุณศุกร์ไม่ว่าง”

“ผมก็ช่วยเท่าที่ผมช่วยได้”

“ขอบคุณครับ...”

“เรื่องนี้อย่าบอกให้น้ำผึ้งเขารู้นะ เขาจะเสียกำลังใจเอา”

“ฮะ”

“แล้วเรื่องที่จะไปสแตนอินมือให้ติ๋วนี่เอาอย่างไง”

“เดี๋ยวต้องไปเข้าไปพบ ผอ.ก่อน บอกเล่าความจำเป็น และโอกาสอันดีของน้ำผึ้งให้ท่านได้รับทราบ ท่านคงไม่ขวางหรอก แต่ถ้าขวาง ก็จะให้ผึ้งลาป่วย”

“สรุปว่าไปแน่นอน”

“แต่ก็อยากทำให้มันถูกต้องก่อน ไม่อยากให้ผึ้งเรียนจบออกมาอย่างกระท่อนกระแท่นหรือสร้างความไม่สบายใจให้กับผึ้ง”

“ผมฝากผึ้งด้วยแล้วกัน เมื่อช่วยแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุด”

“ผึ้งรู้ว่าคุณศุกร์หวังดีขนาดนี้ ผึ้งคงดีใจมาก”

“ผมเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เห็นแก่คนที่ตายไปแล้วด้วย” วรรณศุกร์บ่ายเบี่ยงหาเหตุผลไปจนได้... คุยกันอีกสักพักคชาพัฒน์ก็ขอตัวไปพบ ผอ.ที่โรงเรียน.....


“เห็นผึ้งไปถ่ายละครแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง” นวลอนงค์เอ่ยปากถามลูกสาวที่นั่งดูละครโทรทัศน์ด้วยที่ท่าสนใจ วันก่อนคชาพัฒน์มาลาโรงเรียนให้น้ำผึ้งบอกว่า ทางกองถ่ายให้เป็นแคชติ้งหรือไปเทสต์หน้ากล้องอะไรทำนองนี้...ผอ.เห็นว่าเป็นประโยชน์กับเด็กจึงอนุญาตให้ไป แต่มีข้อแม้ว่าให้ไปเพียงวันเดียว วันศุกร์จะต้องกลับมาเรียนตามปกติเพราะวันเสาร์น้ำผึ้งก็จะไปขึ้นเวทีธิดาน้อยหน่าแทนการไปทัศนศึกษากับเพื่อน ๆ

“ก็ดีใจกับผึ้งเขาค่ะแม่”

“ไม่นึกอยากไปอย่างเขาบ้างเหรอ”

“ไม่ค่ะ หนู คิดว่า หนูจะเรียนต่อทางด้านพละศึกษา ถ้าเป็นครู หนูก็จะเป็นครูสอนพละศึกษาสอนกีฬา” นงลักษณ์คุยกับแม่โดยที่ไม่ได้หันมามอง ตาของหญิงสาวยังจ้องอยู่กับโทรทัศน์

“หันมาคุยกับแม่ อย่าเสียมารยาท”

“มีอะไรคะ” ใบหน้าของคนเป็นลูกสาวงอฉึ่งเมื่อถูกตำหนิ

“อีกไม่กี่เดือนลูกก็ต้องขึ้นเวทีนางนพมาศบ้านไพร เตรียมตัวอะไรบ้างหรือเปล่า”

“ไม่ได้เตรียม...อยากให้ขึ้นก็ขึ้น ขึ้นแล้ว ได้ ไม่ได้ ก็ไม่มีผลอะไร”

“อายเขาไหม”

“แล้วใครละอยากจะส่งหนูให้ไปอาย”

“นิสัยอย่างนี้ใช้ไม่ได้เลย แม่ไม่ชอบนะ คนที่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้คิดสู้ เห็นไหมว่า ตอนนี้น้ำผึ้งเขาก้าวหน้าไปถึงไหน เขาไปเทสต์หน้ากล้องแล้ว เขาจะขึ้นเวทีอีกแล้ว เขาจะไปเวทียอดพธูไทยแล้ว เขาเตรียมตัว ดูแลตัวเอง ฝึกนั่นฝึกนี่แล้ว”

“ก็หนูไม่ได้อยากเป็นอย่างที่เขาเป็นนี่แม่ แม่เข้าใจหนูบ้างซิ” ใบหน้าของนงลักษณ์บึ้งตึงจนคนเป็นแม่ต้องถอนหายใจออกมาอย่างแรง

“ที่แม่เคี่ยวเข็นเพราะว่าแม่ปรารถนาดีกับลูกนะ ใคร ๆ ก็ชมว่าลูกสวยกว่าน้ำผึ้ง แล้วทำไมลูกจะทำไม่ได้”

“หนูก็ไปทำให้แม่แล้ว แม่ก็ได้ยินนี่ ว่าพี่อ๊อดเขาบอกว่าอย่างไร หนูไม่อยากให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของหนู หนูอยากเป็นตัวของตัวเอง แล้วอีกอย่าง คนจะเป็นนางงามต้องจิตใจดี หนูมันพวกนางยักษ์มาเกิด หนูไม่ได้รักเด็ก รักโลก รักสิ่งแวดล้อมอะไรเลย...หนูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนางงาม และถ้าคุณแม่จะไม่ให้รถหนูขับไปเรียนหนังสือ หนูคิดว่า หนูไม่เอาก็ได้ ขอตัวก่อนค่ะ มีการบ้าน” ว่าแล้วนงลักษณ์ก็ลุกจากโซฟาเดินลงส้นเข้าห้องนอนของตนไป...โดยไม่สนใจว่าคนเป็นแม่นั้นจะรู้สึกอย่างไร...


ไปถ่าย แฮนด์ สแตนอิน เล่นขิมได้เงินค่าตัวมาสองพันบาทน้ำผึ้งให้คชาพัฒน์หนึ่งพันบาท คชาพัฒน์จะไม่รับ แต่น้ำผึ้งบอกว่า

“รับไปเถอะพี่หน่อง เป็นค่าน้ำมันรถแล้วกัน ผึ้งรับไปคนเดียวมันก็ไม่แฟร์กับพี่อีกเพราะเรามีสัญญาผู้จัดการคิวกันแล้ว”

“งั้นพี่รับไว้ก็ได้”

คชาพัฒน์รับเงินยัดใส่กระเป๋าเสื้อแล้วก็นิ่งเงียบใช้สมาธิอยู่กับการจราจารอันแสนคับคั่ง ฝ่ายน้ำผึ้ง ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแวดล้อมสองข้างทางโดยหันไปมองด้านนี้ทีด้านนั้นที...และพอรถติดจนแทบไม่ขยับน้ำผึ้งก็เอนศีรษะลงกับเบาะหลับตาแล้วถอนหายใจยาว ๆ

“เป็นอะไร”

“ทำไมกรุงเทพเป็นแบบนี้ละพี่หน่อง” ด้วยมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่จึงไม่เจอปัญหาการจราจรที่มีรถเรียงคิวกันอย่างยาวเหยียดเช่นช่วงบ่ายแบบนี้

“มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ดีที่มีรถไฟฟ้ามาช่วยบ้าง ตะก่อนพี่โหนรถเมล์เป็นชะนี ถูกผู้ชายเบียดถูไถซะจนกลายเป็นแบบนี้แหละ”

“ไม่น่าเชื่อเนอะ”

“เชื่อเถอะ”

“เชื่อก็ได้...”

“แล้วนึกอยากจะมาอยู่ในกรุงเทพบ้างไหมล่ะ”

น้ำผึ้งส่ายหน้าทันที

“ขออยู่บ้านไพรดีกว่า ไปไหนมาไหนคล่องตัว”

“แต่ที่นี่มันบ่อเงินบ่อทองนะ ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาขุดทองกันทั้งนั้น”

“มันคงไม่ใช่สำหรับผึ้งหรอก” อย่างไรแล้วน้ำผึ้งก็นึกถึงคำพูดของวรรณศุกร์อยู่เสมอ หากมีความรู้เรื่องอาหาร อย่างเช่นเบเกอรี่หรืออาหารหวานคาวอยู่ตรงไหนก็มีรายได้ โดยเฉพาะที่บ้านไพรในอนาคตจะมี รีสอร์ตผุดขึ้นมามากมาย...น้ำผึ้งอยากเรียนจบเร็ว ๆ อยากมีเงินเปิดร้านขนมอย่างที่เขาเคยวางแผนไว้ให้...

“เกิดได้ตำแหน่งยอดพธูไทยขึ้นมาล่ะ ทีนี้จะทำอย่างไร”

“คงไม่ได้หรอกพี่”

“ปากเหรอนั่น”

พอถูกดุน้ำผึ้งจึงหันไปยิ้มแบบยิงฟันให้คชาพัฒน์...และถึงแม้จะเป็นการถ่ายแค่มือช่วงตีขิมแต่ทางกองถ่ายก็จับน้ำผึ้งแต่งหน้าแต่งตัวชุดเดียวกับนางเอกตัวจริง...โดยระหว่างที่แต่งหน้า ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองก็ชมน้ำผึ้งว่า ผิวหน้าแต่งง่าย แล้วก็เป็นคนแต่งหน้าขึ้น ผู้กำกับก็ชมเหมือนกันว่า น้ำผึ้งนั้นขึ้นกล้อง...คชาพัฒน์ที่คอยดูแลน้ำผึ้งอยู่ใกล้ ๆ จึงใจชื้นว่า อนาคตน้ำผึ้งมีโอกาสเป็นดาวจรัสแสงแน่ ๆ และใบหน้าของน้ำผึ้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นี้ก็ยังไม่ได้ลบสีสันออก น้ำผึ้งจึงดูผุดผาดขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่ถูกจับแต่งหน้า

“ห้ามคิดว่าตัวเองจะไม่ได้อีกเด็ดขาดเลยนะ เราต้องทำได้ และถึงมันจะไม่ได้ เราก็ต้องทำให้สุดความสามารถ โอเค้”

“รับทราบเจ้าค่ะ”...


แม้สารวัตรทะนงศักดิ์จะดูเป็นลูกผู้ชายพอตัว แต่คชาพัฒน์ก็หาได้ไว้ใจ วันเดินทางพาน้ำผึ้งไปประกวดธิดาน้อยหน่าเขาจึงต้องโทรไปหาประทิน ชักชวนให้ประทินเดินทางไปเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากเดินทางบนถนนหลวงไปเพียงสองคนกับน้ำผึ้ง ...ส่วนวิธิตนั้น คชาพัฒน์รู้สึกเกรงใจจึงไม่ได้โทรชักชวนอย่างที่วรรณศุกร์แนะนำไว้

“น่าจะชวนนัยนิตไปด้วยนะครับ”...เมื่อนั่งรถออกจากร้านแล้วประทินที่นั่งหน้าคู่กับคชาพัฒน์ก็เป็นฝ่ายชวนคุย

“วันเสาร์ลูกค้าเยอะ แล้วพรุ่งนี้วันอาทิตย์ก็ต้องตื่นแต่เช้าด้วย อย่างไรคืนนี้ เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก” คืนนี้ประกวดเสร็จแล้ว คชาพัฒน์ก็ขับรถพาน้ำผึ้งกลับบ้านไพร ดีไม่ดีอาจจะให้ประทินเปลี่ยนขับรถ เพราะช่วงที่รอเขาอาจจะนอนหลับในรถรอก็ได้

“อย่างไรพี่หน่องก็ต้องช่วยผมนะครับ”

“ถ้าพลาดจากนัยนิตไปแล้วก็ยังมีพี่หน่องอีกคน ทินไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”

น้ำผึ้งที่แต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้วอมยิ้มกับมุกตื้น ๆ ของคชาพัฒน์...
“ตื่นเต้นไหมผึ้ง” ประทินหันมาชวนคุย

“น้อยกว่าครั้งแรกค่ะพี่ทิน”

“แล้วได้ไปบนกับหลวงพ่อหินอีกหรือเปล่า”

“ครั้งนี้ขอไม่บน เอาไว้บน ตอนยอดพธูไทยทีเดียว” คชาพัฒน์เป็นฝ่ายตอบแทน แต่ถึงแม้ไม่ได้บนรำ สีนวลถวายหากว่าได้ตำแหน่ง แต่เมื่อวานตอนเย็นน้ำผึ้งก็เข้าไปกราบขอพรจากหลวงพ่อหินเพราะถือว่าท่านเป็นเทพเจ้าประจำตำบลบ้านไพร ควรที่จะบอกกล่าวให้ท่านได้รับรู้ไว้ว่ากำลังจะทำอะไร ส่วนวรรณศุกร์นั้น คชาพัฒน์ไม่ได้พาเข้าไปเช่นครั้งที่แล้วเพราะว่าเขา เข้ากรุงเทพฯ ไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์...

และป่านนี้ก็คงจะจู๋จี๋มีความสุขอยู่กับเมียของเขา...


สายเรียกเข้าไม่โชว์เบอร์ทำให้นงลักษณ์ลังเลที่จะรับสาย แต่พอเพื่อนนักเรียนหญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้ามองดูหน้าจอแสดงอาการอยากรู้ว่าเป็นสายจากใคร ทำไมนงลักษณ์ไม่ยอมรับสาย.....นงลักษณ์ก็จำต้องกดปุ่มรับสายเรียกเข้านั้น

“ลักษณ์พี่วัตรเอง” เป็นเสียงจากภานุวัฒน์ที่ใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะในศูนย์ฝึกอบรมฯ โทรมา

“มีอะไรเหรอพี่” นงลักษณ์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เขาโทรมาหา แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมเอ่ยชื่อของเขาออกไป

“สัปดาห์นี้พี่ไม่ได้กลับบ้าน พี่โทรไปหาน้ำผึ้ง เขาปิดเครื่อง ตอนนี้เขาอยู่กับลักษณ์หรือเปล่า มาทัศนศึกษากันไม่ใช่เหรอ ขอคุยกับเขาหน่อยซิ"

“เอ๋อ...ผึ้งไม่ได้มาด้วยหรอก ผึ้งเขาไปประกวดนางงาม”

“อีกแล้วเหรอ ที่ไหน ทำไมพี่เห็นรู้เรื่อง”

“ธิดาน้อยหน่าที่ปากช่อง” นงลักษณ์ไม่ตอบทุกคำถามเพราะว่า เธอเองก็ตอบไม่ได้ และก็ไม่อยากจะตอบด้วย

“เสียดาย ไม่ได้ไปให้กำลังใจ”

“ตามไปก็ยังทันนี่ สระบุรีไปปากช่องเดี๋ยวเดียวก็ถึง”

“สัปดาห์นี้พี่ต้องอยู่เวร ออกไปไหนไม่ได้หรอก”

“ก็ส่งใจไปแล้วกัน เขาคงรับรู้ได้หรอก ใจส่งถึงใจ เคยได้ยินเปล่า”

“งั้นพี่ฝากลักษณ์บอกเขาด้วยแล้วกันนะว่าพี่โทรหาเขาแล้ว แต่เขาไม่เปิดเครื่อง บอกเขาด้วยว่า พี่ส่งแรงใจไปเชียร์ และพี่ก็คิดถึงเขาตลอดเวลาเลย”

“ได้” น้ำเสียงของนงลักษณ์ห้วน ๆ เพราะรู้สึก อึดอัดที่ดันเป็นสะพานให้เขาข้ามไปหาอีกคนที่ทั้งตนนั้นก็พยายามทอดสะพานให้เขาอยู่เหมือนกัน...

ภานุวัฒน์วางสายไปแล้ว นงลักษณ์ก็เบ้หน้าใส่โทรศัพท์ในมือ พลางพึมพำอยู่ในใจว่า ฝันไปเถอะว่าจะบอก...


เมื่อรู้ว่าเวทีกระท้อนหวานที่น้ำผึ้งได้ตำแหน่งเพราะมีวาระซ่อนเร้น ครั้งนี้คชาพัฒน์จึงไม่ได้คาดหวังว่าน้ำผึ้งจะได้ตำแหน่งใด ๆ กลับไป แต่คชาพัฒน์ก็ไม่ได้บอกกับน้ำผึ้งหรอกว่า ครั้งที่แล้วสารวัตรทะนงศักดิ์กับเพื่อนนั้นอยู่เบื้องหลัง เพราะกลัวว่าน้ำผึ้งจะเสียความมั่นใจ และที่ชวนประทินมาเป็นเพื่อนคชาพัฒน์ก็อ้างว่าไปกันลำพังผู้หญิงสองคนมันอันตราย ประทินได้แต่หัวเราะขำกับมุกของคชาพัฒน์ และที่เขายอมมาด้วยนั้น
หนึ่ง เมื่อนับถือเป็นพี่แล้ว ช่วยกันได้เขาก็ช่วย สองเขาอยากไปเปิดหูเปิดตาด้วย สามอย่างน้อยเขาก็ได้มาสบตาแข็ง ๆ เขิน ๆ ของนัยนิต และวันนี้เขาก็ยังเก็บผลไม้ข้างบ้านเอามาฝากนัยนิตด้วย...

“ทำให้สุดความสามารถนะผึ้ง ได้ไม่ได้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพี่หรอก แต่พี่อยากให้ผึ้งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด...อย่าลืมนะว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเรานั้นอยู่เวทียอดพธูไทย ใจของเราต้องอยู่ตรงนั้น ส่วนตรงนี้มันเป็นบันได เป็นสะพานที่ให้เราก้าวเดินไปถึงจุดหมายนั้น...”

“ค่ะ”

เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยเข้าไปด้านหลังเวทีแล้ว น้ำผึ้งก็ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของพี่เลี้ยงเวทีประกวดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะเพื่อนนางงามร่วมเวทีหลาย ๆ คน น้ำผึ้งก็จำได้ว่า เคยเจอกันเมื่อครั้งประกวดธิดากระท้อนหวานแล้ว...

“มาเหมือนกันเหรอจ้ะ กัญชพร ไพรวัลย์ แม่ธิดากระท้อนหวาน...” นางงามคนที่ดูจะก๋ากั่นกว่าเพื่อนร้องทักเมื่อเห็นน้ำผึ้งเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีขาวตัวที่ยังว่างอยู่...

“ถามคำถามเดียวกันได้ไหม พรเพ็ญ พรสุภาว์” ด้วยใบหน้าของสาวเจ้ามีไฝเป็นจุดเด่นตรงหน้าผากกับชื่อที่คล้องจองกันทำให้น้ำผึ้งจำชื่อของเพื่อนนางงามคนนี้ได้เช่นกัน

“อู้ย...เวทีนี้เขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้แล้ว...เขาเปลี่ยนเป็น สุภาพร เพ็ญพร”

“แล้วมันแตกต่างจากเดิม ตรงไหน”

“สลับหน้าสลับหลังเผื่อจะเฮงบ้าง”

“แล้วอีกคนไม่ได้มาเหรอ” น้ำผึ้งจำได้ว่าเมื่อครั้งที่แล้ว พรเพ็ญนั้นดูสนิทสนมกับนางงามอีกคนหนึ่ง

“ไม่ได้มาหรอก พอลงจากเวที เขาก็มีเสี่ยพาเข้าฮาเร็มไปแล้ว”

“ฮาเร็มมันใช้กับพวกเจ้าชายแขกไม่ใช่เหรอ”

“เครือ ๆ กันแหละ หากินในแนวนอนเหมือนกัน แต่จะนอนตะแคงหรือนอนหงายก็ว่ากันอีกที”

“บ้า”

“แล้วตัวล่ะ ไม่มีเสี่ยมาติดต่อบ้างเหรอ พวกได้ที่หนึ่งเนี่ย ว่ากันว่าเรียกค่าตัวเท่าไหร่ก็ได้นะ”

น้ำผึ้งกลอกตาไปมา ...ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่า เบื้องหลังความงามนั้นมันมีเรื่องแบบนี้ซ่อนเร้นอยู่

“มี แต่ว่า หนูยังไร้เดียงสาค่ะ” น้ำผึ้งตอบเอาสนุกเพราะถือว่าคุยกับผู้หญิงรุ่น ๆ เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องวางฟอร์ม วางมาด ไว้ตัว แต่อย่างใด

“แหม...มีประจำเดือนก็ใช้การได้แล้วจ้า เขาเรียกว่าวัยเจริญพันธุ์”

“นี่ ๆ สองคนน่ะ คุยอะไรกันจัง...เร็ว ๆ มาทางนี้มาฟังกฎ กติกา มารยาทได้แล้ว อย่าทำเป็นพวกเก๋าเกม” แล้วเสียงของพี่เลี้ยงกองประกวดก็ทำให้น้ำผึ้งกับ พรเพ็ญ พรสุภาว์ หรือ สุภาพร เพ็ญพร ต้องรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปล้อมวงฟังคนที่จะทำให้การประกวดนางงามในค่ำคืนนี้เป็นไปอย่างราบรื่น...



หลังจากการเดินโชว์ตัวพลางให้พิธีกรแนะนำตัวหนึ่งรอบด้วยอากัปกิริยาค่อย ๆ เยื้องย่างประหนึ่งว่าไม่อยากจะจากเวทีนี้ไปไหนและอยากให้เห็นคณะกรรมการเห็นตัวเองทุกแง่มุมทุกส่วนสัดองค์ประกอบในร่างกายไปหนึ่งรอบ ก็มีการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนท้องถิ่นมาแสดงคั่นเวลา หลังจากนั้นบรรดาสาวงามก็เดินขึ้นเวทีโชว์โฉมกันอีกรอบ ก่อนจะมีการตัดสินรอบ ห้าคนสุดท้าย...

และน้ำผึ้งก็ติดหนึ่งในห้าคนเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว ...แต่ปัญหาของเวทีนี้ก็คือ นางงามตัวเก็งที่ทั้งสูงและสวยเป็นอย่างมากนั้นตกรอบ และหนึ่งในห้าที่เข้ารอบสุดท้ายมานั้น มีสองในห้าที่ มีส่วนสูงและสภาพใบหน้าไม่ควรที่จะเข้ารอบ...ทำให้กะเทยพี่เลี้ยงของนางงามตัวเก็ง ‘ประท้วง’ โวยวาย สร้างความปั่นป่วนอยู่ข้างเวที...

กะเทยสองนางนั้นก่นด่าคณะกรรมอย่างสาดเสียเทเสียประหนึ่งว่าเมาเหล้าขาว 40 ดีกรี จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาเชิญไปให้พ้นจากรัศมีเวทีการประกวด และการประกวดก็ดำเนินไป...โดยที่น้ำผึ้งรู้จาก สุภาพร เพ็ญพรที่เข้ารอบมาเหมือนตนว่า สองนางที่ถูกด่าประจาน ถูกด่ากระทบกระเทียบว่ามีหน้าเหมือนปลาบู่ชนเขื่อนนั้น หนึ่งในสองเป็นถึงลูกสาวสมาชิกสภาเทศบาล และอีกคนก็เป็นลูกสาวของสปอนเซอร์หลัก จึงไม่แปลกที่จะเข้ารอบและก็คงจะคว้าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาไว้ในครอบครองได้ในที่สุด...

และผลก็เป็นไปตามที่น้ำผึ้งกับสุภาพรได้คาดเดา...

สุภาพรตอบคำถามได้ดีเพราะทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ได้รองอันดับ 4 ได้เงินรางวัล 10,000 บาทพร้อมทั้งขันน้ำพานรอง เช่นเดียวกับน้ำผึ้งที่ได้รองอันดับ 3 ได้เงินรางวัลเท่ากัน แต่ว่าน้ำผึ้งได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพอีกตำแหน่งได้เงินรางวัลเพิ่มมาอีก 5,000 บาท

...ส่วนที่หนึ่งนั้นเป็นนางงามลูกสาวสมาชิกสภาเทศบาลตามการคาดเดา รองอันดับหนึ่งเป็นของนางงามเดินสายที่เจนเวทีเป็นอย่างยิ่ง และลูกสาวของสปอนเซอร์นั้นได้รองอันดับสอง...

น้ำผึ้งลงมาจากเวทีด้วยความรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก...รอยยิ้มพรายที่อยู่บนใบหน้านั้นทำให้คชาพัฒน์โผเข้ากอดแล้วตบหลังเบา ๆ

“ทำดีที่สุดแล้วผึ้ง คำถามที่เธอได้มันยากโคตร ๆ”

พูดถึงคำถามน้ำผึ้งก็ยังแปลกใจเหมือนกันว่า คำถามที่ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งได้มานั้นมีสัญลักษณ์บนซองให้เจ้าหล่อนได้เลือกหรือเปล่า เพราะเจ้าหล่อนได้เลือกก่อน คำถามนั้นเป็นคำถามที่ตอบได้อย่างง่ายดายมาก...เป็นคำถามพื้น ๆ เลยทีเดียว...

“หากท่านได้เป็นธิดาน้อยหน่าท่านจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอปากช่องได้อย่างไร”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2556, 00:28:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2556, 00:28:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1896





<< 23. “รู้ไหม ทำไม ฉันถึงอยากช่วยหนู”   25.ผึ้งมันกตัญญูอย่างนี้ซินะ ถึงได้มีเรื่องดี ๆ เข้ามา >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 ก.ค. 2556, 00:29:49 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


คิมหันตุ์ 11 ก.ค. 2556, 02:26:27 น.
เป็นกำลังให้น้ำผึ้งละกัน


mottanoy 11 ก.ค. 2556, 05:39:57 น.
ชักเก่ง


เดิมเดิม 11 ก.ค. 2556, 08:39:40 น.
พี่หน่องสู้ๆ


Zephyr 11 ก.ค. 2556, 16:45:08 น.
เท่านี้ก็ดีละ หุหุ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:26:14 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account